เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2025, 01:06:14
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 ... 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 297802 ครั้ง)
Sut
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #360 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 10:00:44 »

วันนี้ลองจ้องกันเล่น ๆ นะครับ จาก 52 ตัว
เอามาให้ดู 6 ตัว แบบบังคับ ๆ ผมหลับตาจิ้ม ตั้งรับ tmi 1.25
ไม่รู้จะได้ป่าว (แนบรูปได้แค่ 5)


* TMI.JPG (32.06 KB, 278x363 - ดู 274 ครั้ง.)

* DELTA.JPG (39.18 KB, 564x392 - ดู 272 ครั้ง.)

* MJD.JPG (33.97 KB, 294x391 - ดู 264 ครั้ง.)

* PF.JPG (31.01 KB, 285x369 - ดู 273 ครั้ง.)

* MODERN.JPG (38.91 KB, 280x443 - ดู 269 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
Sut
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #361 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 12:18:51 »

tmi นึกว่าจะย่อซักหน่อย วิ่งซะ 1.30 1.31 ตกรถ..
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #362 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:16:13 »

     ท่านสุทิน(Sut)  เป็นขาเทรดแบบใช้เทคนิคส่วนตัว  ชอบเล่นแบบ  เล็กสั้นขยันซอย

เล็ก - ชอบหุ้นตัวเล็ก
สั้น - เล่นสั้น
ขยันซอย - เข้าออกบ่อย

     ท่านวัยทอง  ถ้าว่างก็มาเอาคัมภีร์เลือกหุ้นประจำเดือนได้  มีหุ้นให้เลือกเพียบ  แต่วันนี้ผมไม่ขายของนะ  มาวันอื่นก็แล้วกัน
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,910



« ตอบ #363 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:17:46 »

     ท่านสุทิน(Sut)  เป็นขาเทรดแบบใช้เทคนิคส่วนตัว  ชอบเล่นแบบ  เล็กสั้นขยันซอย

เล็ก - ชอบหุ้นตัวเล็ก
สั้น - เล่นสั้น
ขยันซอย - เข้าออกบ่อย

     ท่านวัยทอง  ถ้าว่างก็มาเอาคัมภีร์เลือกหุ้นประจำเดือนได้  มีหุ้นให้เลือกเพียบ  แต่วันนี้ผมไม่ขายของนะ  มาวันอื่นก็แล้วกัน

อ้าว ว่าจะไปวันนี้พอดีครับ

ตอนนี้ ESSO ผมขึ้นแล้ว ดีใจจริงๆ แต่ยังไม่ขาย 555+

นวคบอกว่า ทะลุต้านแรก 12.20 รอต้านต่อไปที่ 13.00

ถ้าได้ก็ดีสิ(คิดในใจ)
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #364 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:18:54 »

 ;Dได้นี่คือได้กี่บาท ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,910



« ตอบ #365 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:19:05 »

tmi นึกว่าจะย่อซักหน่อย วิ่งซะ 1.30 1.31 ตกรถ..

ต้องเรียนให้ท่านวายุ สอนกลยุทธ์ซะแล้ว

ชื่อว่า กลยุทธ์ เด็ด ก้น กรอง

IP : บันทึกการเข้า

น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,910



« ตอบ #366 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:19:55 »

;Dได้นี่คือได้กี่บาท ยิงฟันยิ้ม

ทุน 11.40 ครับพี่ ได้ ร้อยกว่าเอง 200 หุ้น อิอิ

ทุนน้อย ค่อยๆก้าวเดิน
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #367 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:32:26 »

     แล้วถามหน่อยว่า  เชื่อนักวิเคราะห์พวกนั้นไหม  แล้วนักวิเคราะห์พวกนั้นกล้ารับประกันหรือเปล่าว่าจะขึ้นไปขนาดนั้นจริง  ประเด็นนี้ก็คือ  ถ้านักวิเคราะห์พวกนั้นรู้จริง  ก็คงไปนั่งเล่นเองจนรวยแล้ว  คงไม่ต้องมานั่งกินเงินเดือนอย่างทุกวันนี้หรอก  คำตอบของนักวิเคราะห์ที่เราได้จากห้องแชทก็คือ  การวิเคราะห์ทางเทคนิค

     แล้วเขาบอกทำนองนี้ไหมว่า  ถ้ามันไม่ผ่านตรงนั้นตรงนี้ให้ขายเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน  ถ้ามันหลุดตรงนั้นตรงนี้ก็ให้ขายหรือให้ซื้อ  ซึ่งข้อความประมาณนี้ตีความได้ว่า  ไม่ว่าคุณจะขายหรือซื้อ  ผมก็ได้ค่าคอม  เมื่อเราโดนค่าคอมทั้งซื้อและขาย  หรือพูดง่ายๆก็คือโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง  ซึ่งไม่เหมือนเล่นการพนัน  ที่คนได้เท่านั้นที่ต้องจ่ายค่าต๋ง  เพราะฉะนั้นแล้ว  เขาจึงให้เกียรติเรียกเราว่านักลงทุนไง
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,910



« ตอบ #368 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 16:46:23 »

     แล้วถามหน่อยว่า  เชื่อนักวิเคราะห์พวกนั้นไหม  แล้วนักวิเคราะห์พวกนั้นกล้ารับประกันหรือเปล่าว่าจะขึ้นไปขนาดนั้นจริง  ประเด็นนี้ก็คือ  ถ้านักวิเคราะห์พวกนั้นรู้จริง  ก็คงไปนั่งเล่นเองจนรวยแล้ว  คงไม่ต้องมานั่งกินเงินเดือนอย่างทุกวันนี้หรอก  คำตอบของนักวิเคราะห์ที่เราได้จากห้องแชทก็คือ  การวิเคราะห์ทางเทคนิค

     แล้วเขาบอกทำนองนี้ไหมว่า  ถ้ามันไม่ผ่านตรงนั้นตรงนี้ให้ขายเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน  ถ้ามันหลุดตรงนั้นตรงนี้ก็ให้ขายหรือให้ซื้อ  ซึ่งข้อความประมาณนี้ตีความได้ว่า  ไม่ว่าคุณจะขายหรือซื้อ  ผมก็ได้ค่าคอม  เมื่อเราโดนค่าคอมทั้งซื้อและขาย  หรือพูดง่ายๆก็คือโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง  ซึ่งไม่เหมือนเล่นการพนัน  ที่คนได้เท่านั้นที่ต้องจ่ายค่าต๋ง  เพราะฉะนั้นแล้ว  เขาจึงให้เกียรติเรียกเราว่านักลงทุนไง

ถูกต้องครับผม

โดนฟันเละ หุหุ
IP : บันทึกการเข้า

sy4829
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #369 เมื่อ: วันที่ 27 กรกฎาคม 2011, 17:44:54 »

สนใจเช่นกันครับกำลังศึกษาอยู่ครับแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจและโบ็กเกิ้กเชียงรายอยู่ไหนครับแล้วใครจะแนะนำวิธีการเล่นให้ครับ รบกวนขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้หน่อยนะครับ (ขอบคุณล่วงหน้าน้อ)
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #370 เมื่อ: วันที่ 28 กรกฎาคม 2011, 16:08:59 »

การเพิ่มทุน  วอร์แรนท์  หุ้นกู้  และหุ้นบุริมสิทธิ์
     เมื่อผมจะเลือกลงทุนในหุ้นสักตัว  สิ่งหนึ่งที่ผมจะพิจารณาด้วยนั่นก็คือ  บริษัทมี  4  อย่างที่ว่าตามข้างบนไหม  เพราะ  4  อย่างที่กล่าวถึงนี้  เป็นสิ่งที่ทำให้การลงทุนนั้นด้อยลง  เราลองมาแยกย่อยออกเป็นข้อๆกันดูนะครับ

การเพิ่มทุน
     การเพิ่มทุนนี้มีหลายวัตถุประสงค์  แต่เหตุผลหลักๆก็จะเป็น
-นำไปขยายธุรกิจ
-ชำระหนี้และเป็นทุนหมุนเวียน

     การนำไปขยายธุรกิจนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ดี  เนื่องจากว่า  ถ้าธุรกิจเราเติบโตมากขึ้น  ผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้น  แต่ที่มันไม่ดีในมุมมองของผมก็เนื่องจากว่า  มันอาจจะทำอะไรเกินตัวไปไหม  เพราะบริษัทอยากได้  อยากมี  อยากเป็นในสิ่งที่ใหญ่ขึ้น  ในขณะที่บริษัทเองก็ไม่มีความสามารถหาเงินเพื่อมาซื้อสิ่งนั้นด้วยผลการดำเนินงานปกติ  หากบริหารจัดการไม่เป็น  หรือยังไม่ชำนาญกับธุรกิจที่ใหญ่ขนาดนั้น  มันก็จะเป็นผลเสียสำหรับผู้ถือหุ้นทันที

     ชำระหนี้และเป็นทุนหมุนเวียน  ตรงนี้เป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนัก  เพราะแสดงให้เห็นว่า  บริษัทไม่สามารถบริหารจัดการเงินสดได้ดีพอ  จึงทำให้ต้องมาเรียกร้องเงินจากผู้ถือหุ้นเพื่อไปชำระหนี้  และส่วนที่ไม่ดีอย่างมากในการเพิ่มทุนก็คือ  มันจะทำให้ผู้ถือหุ้นเกิดความเสียหาย  อธิบายโดยคร่าวๆก็คือ

สมมติว่าตอนเริ่มแรก  บริษัทมีหุ้นอยู่   100  หุ้น  ทำกำไรได้ปีละ  100  บาท  และสามารถปันผลได้หุ้นละ  1  บาท

ต่อมาบริษัทเพิ่มทุนและเพิ่มจำนวนหุ้นเป็น  200  หุ้น  และทำกำไรในปีต่อไปได้  200  บาท  เมื่อนำมาจ่ายปันผล  ก็ยังได้หุ้นละ  1  บาทอยู่ดี

เพราะฉะนั้น  ถ้าเราลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน  10  %  ราคาหุ้นก็ควรเป็น  10  บาท  ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่า  ตอนที่บริษัทมีหุ้น  100  หุ้นหรือ  200  หุ้น  บริษัทก็ปันผลหุ้นละ  1  บาทเท่ากัน  ฉะนั้นราคาหุ้นจึงไม่ไปไหน

แต่ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด  หลังจากเพิ่มทุนแล้ว  บริษัทก็ยังทำกำไรได้  100  บาท  แต่จำนวนหุ้นนั้นเพิ่มขึ้นเป็น  200  หุ้น  ฉะนั้นเงินปันผลที่ทุกหุ้นจะได้รับคือ  หุ้นละ  50  สตางค์  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  ราคาหุ้นก็จะร่วงลงมาเพื่อให้สมดุลกับผลตอบแทนที่จะได้รับ  10  %  นั่นก็คือ  หุ้นจะเหลือราคา  5  บาท  ลักษณะการเพิ่มทุนแล้วราคาหุ้นลดลงนี้  ในทางภาษาหุ้นเรียกว่า  ไดลูชั่น

วอร์แรนท์
     สำหรับเรื่องวอร์แรนท์นี้  ผมก็ยังไม่แตกฉานนัก  รู้แต่เพียงว่า  ในอนาคต  จำนวนหุ้นของบริษัทที่มีวอร์แรนท์อยู่  จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  ซึ่งนั่นก็หมายถึง  คนที่มาแบ่งเค้กก็จะเพิ่มจำนวนขึ้น  ซึ่งถ้าบริษัททำกำไรได้เท่าเดิม  มันก็จะมีสถานการณ์เหมือนกับหุ้นเพิ่มทุน

หุ้นกู้
     ถ้าบริษัทไหนมีหุ้นกู้  ก็แสดงว่าบริษัทนั้นมีหนี้  แต่มันอาจจะเป็นหนี้ที่ดีกว่าอย่างอื่น  ซึ่งหนี้ลักษณะนี้  บริษัทสามารถบริหารจัดการได้  แต่ก็อีกนั่นแหละ  ถ้ามีการกู้เกิดขึ้น  ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่  มันก็ต้องมีการชำระหนี้  ซึ่งพวกหนี้เหล่านั้น  ก็จะต้องมาเบียดบังเงินปันผลที่เราควรจะได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้  ยกตัวอย่างเช่น  2  บริษัททำกำไรได้เท่ากัน  จำนวนหุ้นเท่ากัน  แต่บริษัทที่มีหนี้  ต้องกันเงินบางส่วนเพื่อไปชำระหนี้  เมื่อเป็นดังนี้  ผลตอบแทนของบริษัทที่ไม่มีหนี้  จึงได้รับมากกว่า

หุ้นบุริมสิทธิ์
     อันนี้เป็นความรู้ที่ผมเพิ่งได้มาใหม่  กล่าวคือถ้าบริษัทไหนมีหุ้นบุริมสิทธิ์อยู่  หุ้นบุริมสิทธิ์นั้น  จะมีสิทธิ์เหนือหุ้นสามัญ  เมื่อบริษัทได้กำไรมา  ก็จะต้องนำกำไรที่ได้  ไปจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ก่อน  เมื่อเหลือเท่าไหร่  เงินส่วนที่เหลือก็ค่อยตกมาถึงผู้ถือหุ้นสามัญ  เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  ถ้าเราเป็นคนที่ถือหุ้นสามัญอยู่  เราก็จะได้รับการจัดสรรผลกำไรหลังผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิ์  ดูๆแล้วคล้ายลูกเมียน้อยชอบกล  ใครอยากเป็นลูกเมียน้อยบ้างยกมือขึ้น
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #371 เมื่อ: วันที่ 28 กรกฎาคม 2011, 16:37:00 »

warrant หรือ วอร์แรนท์

คือ "สิทธิ์"ที่จะซื้อหุ้นของบริษัทในราคาที่กำหนด

การออก W ก็เป็นการระดมทุนอย่างหนึ่งครับ

โดยที่เมื่อ W หมดอายุแล้ว จะสามารถให้สิทธิ์ของ W เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญได้ครับ

ครับ
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,940


Experience is the best teacher.


« ตอบ #372 เมื่อ: วันที่ 29 กรกฎาคม 2011, 19:55:58 »

หลักสูตร Mini NBA สำหรับนักธุรกิจเครือข่ายที่ต้องการสร้างรายได้ 100,000 บาท
ใน 3 เดือน เรียน 12 สัปดาห์ ค่าเรียน 5,300 บาท ตลอดหลักสูตร รับรองผลขาดทุน
สนใจสมัครเรียน โทร.0864295644 อภิสแควร์ ชั้น  2

ท่านเปิดกระทู้ซึ่งมีเนื้อหาเดียวกันนี้เอาไว้หลายบอร์ด ของเว็บนี้ รวมทั้งบอร์ดนี้ด้วย ผมได้แจ้งไว้ที่กระทู้
ของท่านในบอร์ดนี้แล้วว่า ถ้าซ้ำกัน ผมจะลบทิ้งออกไป

กระทู้ รับสมัครเรียนหลักสูตร MiNi NBA ทางลัดสู่เถ้าแก่  นี้ได้ไปโพสไว้หลายบอร์ด ซึ่งเป็นการผิดกฎ
ของเว็บเราอยู่แล้ว ทีแรกผมคิดจะลบออกไป แต่เจ้าของกระทู้ได้แสดงตัวตน (จะจริงหรือเท็จยังไม่รู้)
ผมจึงอนุโลมให้คงไว้ก่อน

ส่วนเนื้อหารายละเอียดของกระทู้ ที่เจ้าของกระทู้ไม่ชี้แจงลงในกระทู้ออกสู่สาธารณนี้ คงเพราะต้องการ
ให้ผู้สนใจไปติดต่อเอง เป็นวิธีการหรือเป็นเทคนิค สร้างความสงสัยใคร่รู้ของผู้อ่าน ซึ่งได้ผลพอสมควร
ที่บอร์ดนี้

โปรดใช้วิจารณญานของแต่ละท่านนะครับ กรุณาอย่าวิวาทะกันเลย สมาชิกท่านใดอ่านแล้ว เห็นว่าเป็น
ไปไม่ได้ ก็ผ่านไปเสีย เท่านั้นเองครับ

แต่ถ้าเป็นกระทู้ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เช่นกระทู้ชักชวนให้เล่นการพนัน ผมลบทิ้ง
ทันทีนะครับ เมื่อวานก็ลบไปแล้ว 1 กระทู้ หรือโพสซ้ำๆกันในบอร์ดเดียวกันนี้ ผมก็ลบออกไป 2 กระทู้
เมื่อวาน เช่นกัน

ด้วยความเคารพต่อความคิดเห็นของสมาชิกทุกท่านนะครับ... ยิ้ม

ผมขออนุญาตลบกระทู้ที่ท่านตั้งไว้ในบอร์ดนี้ก่อนแล้วกัน และขอเรียนว่า ถ้าท่านนำเนื้อหาเดียวกันนี้มา
โพสอีก ผมจะนำกฎขั้นต่อไปของเว็บมาใช้นะครับ
IP : บันทึกการเข้า
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,910



« ตอบ #373 เมื่อ: วันที่ 30 กรกฎาคม 2011, 19:16:50 »

ท่าน cupid ทำถูกต้องแล้วครับ

บังคับใช้กฏระเบียบอย่างเคร่งครัด

เป็นกำลังใจให้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

vee48
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #374 เมื่อ: วันที่ 30 กรกฎาคม 2011, 22:41:15 »

รำคาญญญญญญ
ใจเย็นๆค่ะ ยิงฟันยิ้ม พี่เค้าก็คงต้องทำมาหากินของเค้าเนาะ เราไม่สนใจก็อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ เดี๋ยวเครียด ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #375 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 15:54:16 »

มีหลังไมค์ถามกันมาพอสมควรว่า  ตอนนี้การลงทุนของผมเป็นอย่างไรบ้าง  เอาเป็นว่า  ผมเอามาให้ดูก็แล้วกันนะครับ  แต่ที่ผมเอามาลงนี้  อย่าตีความว่าผมอวด  ผมแค่มีหลักฐานมาแสดงจริง  ไม่ได้อวดอ้างโดยไม่มีหลักฐาน  ตามตัวเลขต้นทุนที่โชว์ในใบพอร์ต  ตัวเลขมันเป็นต้นทุนใหม่  เนื่องจากว่าผมได้ขายหุ้นออกไปแล้วซื้อกลับคืนมา  ตัวเลขต้นทุนมันก็เลยเปลี่ยนเป็นต้นทุนใหม่  ตอนนั้นผมได้ประกาศว่าผมกำลังเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ใหม่(กระทู้ 309  ลองกลับไปหาดู  หน้า 16)  ถ้าผมไม่ขายเลยตั้งแต่แรก  และถือยาวมาจนถึงตอนนี้  ตัวเลขกำไรที่ทำได้มันก็มากกว่าตัวเลขที่เห็น  คงหลายหมื่นอยู่ครับ  แต่ที่โชว์ในใบพอร์ตนั้น  กำไรอยู่หมื่นกว่า  และที่ผมเอามาลงให้ดูนี้เนื่องจากว่า  จะเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังจะลงทุนได้เห็นว่า  การทำเงินมากๆในตลาดหุ้นนั้น  เป็นจริงได้ครับ


* CPALL.jpg (131.27 KB, 800x600 - ดู 246 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 15:56:48 โดย วายุ » IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #376 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 16:07:57 »

เหตุและผล
     การดำเนินชีวิตทุกวันนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่  เราควรยึดหลักของเหตุผลเป็นที่ตั้ง  เมื่อจะทำการสิ่งใดแล้ว  ควรวิเคราะห์และตรึกตรองสักนิดว่า  สิ่งที่เรารับรู้  สิ่งที่เรากำลังจะทำ  มันเหมาะสมกับเหตุอันควรหรือไม่  ในที่นี้  ผมจะยกตัวอย่างมาให้ดูกันสักเล็กน้อย

มีบางคนเข้ามาตั้งกระทู้ชักชวนให้ไปรวย
     เรื่องอย่างนี้ใครๆก็อยาก  แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจเชื่ออะไรก็แล้วแต่  เราได้คิดถึงเหตุผลของมันหรือไม่ว่า  การจะรวยนั้น  มันต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง  ผมได้เคยซักถามคนที่ตั้งกระทู้ว่า  ที่เขาเข้ามาโฆษณาว่าจะทำให้คนอื่นรวย  แล้วตัวเขาเองน่ะรวยหรือยัง  เพราะถ้าตัวเขาเองยังไม่สามารถที่จะรวยได้ด้วยวิธีนั้น  แล้วการที่เขามาป่าวประกาศบอกใครต่อใครว่า  คนอื่นจะสามารถรวยด้วยวิธีที่เขามาโฆษณา อย่างนี้คงต้องบอกว่า  ใครเชื่อก็โง่แล้ว

ผมรวยได้  คุณก็รวยได้  (ด้วยธุรกิจเครือข่าย)
     ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่คลาสสิกมาก  เนื่องจากว่า  มันดีกว่าวิธีแรกตรงที่ว่า  เขาสามารถพิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่า  ถ้าทำสำเร็จ  มันก็รวยจริง  แต่ถ้าเราลองนึกถึงเหตุผลให้ดีว่า  กว่าที่เขาจะทำสำเร็จ  เขาต้องทำมานานเท่าไหร่  และเขาต้องชักชวนคนอื่นให้มาเป็นลูกน้องกี่คนแล้ว  และกว่าที่คุณจะตามเข้าไป  มันยังจะเหลือคนที่จะให้คุณชวนอีกเท่าไหร่  ผมว่า  อย่างไรเสีย  คุณก็คงตามเขาไม่ทันแน่  หรือถ้าคุณพยายามเต็มที่  เงินส่วนที่คุณทำได้  ก็ต้องไปแบ่งให้กับคนที่มาก่อนคุณตั้งไม่รู้กี่คน  เพราะฉะนั้น  ถ้าเป็นในองค์กรนั้น  คุณไม่มีทางทำได้อย่างเขาแน่นอน  เพราะตราบใดที่คุณพยายามที่จะเป็นอย่างเขามากเท่าไหร่  ระยะห่างระหว่างรายได้ของเขาก็จะหนีคุณไปเรื่อยๆ  เพราะเขาได้ส่วนแบ่งจากส่วนที่คุณทำได้ด้วย  ซึ่งวิธีการหาเงินแบบกินหัวคิวชาวบ้านแบบนี้ผมเห็นว่า  “ไม่แฟร์”  และสิ่งที่มันด้อยกว่าหุ้นในความเห็นของผมคือ  ทำไมเราต้องควักเงินจ่ายทุกเดือนด้วยล่ะ  ถ้าเป็นหุ้น  เราอยากซื้อเราก็ซื้อ  ถ้าเราไม่มีเงินลงทุน  เราก็ไม่ต้องซื้อ  ไม่มีใครมาบังคับเราได้  นี่สิถึงจะเรียกว่าเป็นการลงทุนจริงๆ  ถ้าเราทำธุรกิจเครือข่ายแล้วลองไม่ควักเงินซื้อของดูสิ  คุณจะได้รู้ว่า  นี่มันเป็นธุรกิจหรือเราเป็นหนี้กันแน่วะ
     ทีนี้เรามาเข้าเรื่องหุ้นกันบ้าง  ถ้าใครดูข่าวตลาดหุ้นบ่อยๆจะสังเกตได้ว่า  เวลารายงานสภาวะการซื้อขายหุ้น  ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง  นักข่าวพยายามที่จะหาเหตุผลมาสนับสนุนทิศทางของหุ้นว่า  ทำไมมันจึงขึ้น  หรือทำไมมันจึงลงเช่น

วันนี้นักลงทุนขายทำกำไรเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวก
วันนี้หุ้นลงเนื่องจากคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะขึ้น
วันนี้หุ้นลงเนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น
วันนี้หุ้นขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ผลประกอบการหลายบริษัทจะออกมาดี  ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า  จริงๆแล้วคนพวกนี้รอให้  “ผล”  ออกมาก่อน  แล้วจึงพยายามหา  “เหตุ”  ไปใส่  ถ้าเรามัวแต่มองตลาดขึ้นลง  มันจะทำให้ทัศนะวิสัยในการวิเคราะห์ถูกบดบังจากสิ่งลวงตา  สิ่งที่ถูกต้องมันควรจะเรียงลำดับจาก  “เหตุ”  มาสู่  “ผล”  เนื่องจากว่า  มันเป็นสิ่งที่เป็นความจริงมากที่สุด  คงไม่มีใครปฏิเสธหรอกนะว่า  บริษัทที่ผลประกอบการออกมาดีแล้วจะไม่มีใครต้องการหุ้นเขา  ถ้าราคาหุ้นยังไม่ไปไหน  นั่นคือโอกาสของเรา  ถ้าเป็นนักเล่นหุ้นบางคน  เขาจะไม่แตะหุ้นใดๆจนกว่ามันจะพุ่งขึ้นไป  ซึ่งนั่นทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะได้รางวัลก้อนโต  กลยุทธ์อย่างนี้มองได้หลายมุม

-บางทีอาจเป็นเพราะว่า  เขาวิเคราะห์หุ้นไม่เป็น  สิ่งที่เขาทำก็คือการลอกการบ้าน  เขาไม่ยอมทำการบ้านเอง  และจะรอจนกว่ามีใครบางคนไปทำมาแล้ว  และเขาก็จะลอกการบ้านด้วยการซื้อหุ้นตาม
-หรือถ้าไม่อย่างนั้น  เขาอาจจะทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้ว  แต่เขาไม่มั่นใจในตัวเองว่า  การบ้านที่เขาไปทำมานั้นมันถูกต้องหรือไม่  จนกว่าจะได้เห็นคนอื่นเห็นด้วยกับเขา  แล้วเขาก็ค่อยลงมือตาม  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่  เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนเท่าที่ควร

     สำหรับคนที่เล่นหุ้นด้วยเทคนิค  คำกล่าวของผมอาจจะไม่เป็นที่สบอารมณ์นัก  เนื่องจากว่า  ผมไม่เคยเชื่อในเครื่องมือทางเทคนิคเลย  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือชนิดไหนก็ช่าง  เนื่องจากว่า  คนที่รวยเป็นมหาเศรษฐีอย่างวอร์เร็น  บัฟเฟต  หรือผู้บริหารกองทุนมือพระกาฬอย่าง  ปีเตอร์  ลินซ์  หรือพ่อมดการเงินอย่าง  จอร์จ  โซรอส  ไม่มีใครใช้เครื่องมือทางเทคนิคเลย  วิธีการที่ทั้ง  3  คนใช้ก็คือ  นำเอาข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์และสรุปออกมาเป็นการลงทุน  ถึงแม้ว่าการลงทุนที่ทั้ง  3  คนใช้จะแตกต่างกัน  แต่สิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์  ผมอยากทราบว่า  มีใครบนโลกนี้บ้าง  ที่ใช้เครื่องมือทางเทคนิคแล้วทำให้รวยเป็นมหาเศรษฐีได้  ผมไม่เคยพบ  สิ่งที่ผมรู้จักก็แค่  หนังสือแนะนำการใช้เครื่องมือเท่านั้น  ในความเห็นของผม  ถ้าใช้เครื่องมือทางเทคนิคแล้วรวย  ผมว่าทุกคนบนโลกนี้  คงไม่มีใครจนเป็นแน่แท้  หากมีใครรู้จักคนที่ใช้เครื่องมือทางเทคนิคแล้วรวย  ก็ช่วยบอกผมด้วยแล้วกันนะครับ  เพราะหนังสือแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่วางขายตามท้องตลาด  ก็เห็นมีแต่หนังสือของพวกท่านทั้ง  3  นี่แหละ  ที่คนอยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร  เขาทำอย่างไรจึงรวย  ถ้าเป็นที่ประเทศไทย  คนที่เป็นนักลงทุนที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น  ดร.นิเวศน์  ซึ่งตัวของท่านนิเวศน์นี้  ก็ไม่ได้ใช้เทคนิคแล้วรวย  แต่ท่านดังในด้านวิเคราะห์หุ้นแล้วถือยาว  เนื่องจากว่า  กว่าที่บริษัทใดๆก็ตาม  จะมีผลประกอบการออกมาได้ตรงตามเป้าที่วางไว้  มันก็ไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน  อย่างเช่น 7-11  มันก็คงไม่สามารถขยายสาขาได้วันละเป็นร้อยแห่งแน่นอน  เพราะฉะนั้น  เราต้องวิเคราะห์บริษัทให้ดี  เราต้องมั่นใจในตัวบริษัท  และถือหุ้นนั้นรอจนกว่าบริษัทจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา  แต่ระหว่างที่รอให้บริษัททำให้มันสำเร็จ  เราก็ต้องอดทนถือหุ้นฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆที่จะเข้ามากระทบความรู้สึกของเรา  และถ้าเราอดทนมากพอ  เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่เราจะได้รับตอบแทนก็คือรางวัลก้อนโต  นี่จึงเป็นที่มาของ  การเล่นหุ้นอย่างมีเหตุ  และเมื่อนั้น  ผลก็จะตามมา

     สิ่งที่ยืนยันคำกล่าวของผมได้ดีเกี่ยวกับการลงทุนโดยใช้เทคนิเคิลก็คือ  ทุกวันนี้มีคนที่ใช้เทคนิคในการลงทุนมากมาย  แต่ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้เท่า  3  คนนั้น  สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับกันก็คือ  เครื่องมือทางเทคนิคพวกนี้  เราไม่ควรเชื่ออย่างงมงายว่ามันจะเป็นความสำเร็จอัดกระป๋องที่จะสามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในการลงทุนได้  วิธีการลงทุนตามเทคนิคในความเห็นของผมมันก็แค่  การเก็บสถิติเก่าๆมาใช้  แล้วผมอยากถามว่า  สถิติที่เก็บมานั้น  มันสามารถบอกอะไรเกี่ยวกับอนาคตได้บ้าง  การลงทุนบนความเชื่อในเทคนิเคิลนั้น  ไม่ได้คำนึงถึงผลประกอบการ  เงินปันผล  หรือความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจเลย  คนที่ใช้เทคนิค  ผมมองว่าเขาเป็นนักพนันมากกว่านักลงทุน  เพราะเขาลงทุนโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเลย  เมื่อมาคิดถึงหลักเหตุและผลตามหัวข้อที่ผมตั้งขึ้นมาแล้วอยากถามว่า  เขาลงทุนโดยใช้เหตุผลอะไรบ้าง  คนที่ลงทุนโดยใช้เทคนิเคิลสามารถบอกเหตุผลในการลงทุนหุ้นได้ไหมว่า  ทำไมเขาจึงซื้อหุ้นนั้น  ทำไมเขาจึงขายหุ้นนั้น  ถ้าคนที่ใช้เทคนิคลงทุน  ไม่สามารถบอกเหตุผลได้ว่า  ทำไมเขาจึงซื้อและทำไมเขาจึงขาย  เขาควรปรับเปลี่ยนวิธีการลงทุนเสียใหม่จะดีกว่า  เพราะจากที่ผมได้รู้จักกับนักลงทุนโดยใช้เทคนิคหลายคน  ไม่มีใครสามารถถือหุ้นยาวจนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำสักคน  เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง  เครื่องมือก็จะบอกให้ซื้อหรือขาย  ทำให้กำไรที่ได้มานั้น  โดนเบียดบังจากค่าคอมที่เราต้องจ่ายทีละเล็กทีละน้อย  ถ้าเราซื้อขายบ่อยๆ  ค่าคอมก็จะมากินกำไรในส่วนที่เราทำได้  ซ้ำร้าย  ถ้าซื้อไปแล้วหุ้นมันลงต่อ  คุณก็จะต้องยอมขายขาดทุนออกไปก่อน( cut loss )เพราะไม่แน่ใจว่ามันจะตกลงไปอีกหรือไม่  เสียเงินสองต่อทันที  ต่อแรกคือขาดทุนราคาหุ้น  และต่อที่สองคือ  โดนซ้ำเติมจากค่าคอม  หรือถ้าหุ้นมันพุ่งขึ้นมา  คุณก็ขายออกไปตามที่เครื่องมือแนะนำ  แต่หุ้นนั้นมันกลับวิ่งต่อ  คุณนั่นแหละที่จะเสียโอกาสในกำไรเหล่านั้น  และเหตุผลที่เครื่องมือบอกให้ซื้อหรือขาย  มันใช้อะไรมาวัด  ที่ผมได้ยินได้ฟังมาจนชินหูก็คือแนวรับแนวต้าน  ถ้าเป็นนักลงทุนมือใหม่อาจจะยังไม่คุ้น  แต่ผมจะอธิบายให้รู้อย่างย่อๆก็คือ

แนวรับ  คือ  ราคาที่ต้องซื้อ  เพราะมันถูกแล้ว
แนวต้าน  คือ  ราคาที่ต้องขาย  เพราะมันแพงแล้ว

แต่ในความเป็นจริงแล้ว  สิ่งพวกนี้มันมักมีก๊อกสองเสมอ  ถ้าเขาบอกว่า  แนวต้านที่  1000  จุด  “ถ้าผ่านได้”  ต้านต่อไป  1020  จุด  แล้วสิ่งที่เขาบอกมันได้คำนึงถึงความเติบโต  หรือเงินปันผลของบริษัทหรือไม่...เปล่าเลย  ข้อมูลทุกอย่างมันก็แค่เครื่องมือบอกเท่านั้น

     เพราะฉะนั้น  ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในการจะทำอะไรก็ช่าง  สิ่งหนึ่งที่เราต้องเรียนรู้ก็คือ  เราต้องรู้จักสิ่งที่เราจะลงทุนให้ดีที่สุด  มีเหตุผล  มีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จแล้ว  และให้เราคัดลอกต้นแบบออกมาให้ได้ว่า  ที่เขาประสบความสำเร็จนั้น  เขาคิดอย่างไร  เขาทำอย่างไร  เป็นกำลังใจให้น้องๆที่กำลังจะเริ่มลงทุนทุกท่านครับ  เพราะผมก็...เจ็บมาเยอะ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #377 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 16:11:21 »

เห็นด้วยกะเสี่ยวายุครับ แต่รู้วิเคราะห์ทางเทคนิคบ้าง ก้ไม่เสียหาย
สำหรับการลงทุนด้านขายตรงหลายชั้น คนบ้านเรามันยังด้อยพัฒนาครับ คิดแต่จะเอาเปรียบดาวน์ไลน์ลูกเดียว ว่าม่ะ 55+
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #378 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 16:11:41 »

ข่าวด่วน !!!
     7-11  ผมทะลุ 50 บาทแล้วเจ้าข้าเอ้ย...ยยยย  อย่างนี้เงินก็งอกออกมาอีกสิเนี่ย
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #379 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 16:33:57 »

อ่านที่ท่านวายุกล่าวมา เป็นอะไรที่เถียงไม่ออกครับ

การใช้เทคนิคคอลนั้น อย่างที่ผมเคยกล่าวแล้วว่า เป็นการใช้ข้อมูลในอดีตมาทำนายอนาคต โดยมีข้อจำกัดหรือข้อสมมติฐานว่า "ปัจจัยพื้นฐานต้องไม่เปลี่ยนแปลง"

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ .... เนื่องจากว่า อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน

การซื้อหุ้นเป็นการซื้ออนาคต...ไม่ใช่เป็นการซื้ออดีต

ผมจึงบอกว่าการใช้เทคนิคคอล ไม่ใช่การลงทุนครับ แต่เป็นการเก็งกำไร หรือที่เรียกว่า เล่นหุ้น

ไม่ใช่ลงทุนหุ้น

--------------------------------------------------------

ในทางทฤษฎีนั้น ถ้าท่านสามารถใช้เทคนิคในการลงทุนได้ผล 100% นั้น ท่านรวยกว่าพวก VI แน่นอน

แต่ถามว่า มันจะเป็นไปได้เหรอครับ ที่ท่านจะซื้อขายหุ้น"ถูกจังหวะ" ทุกครั้ง

ดังนั้น การเล่นหุ้นโดยใช้เทคนิคคอล ไม่ได้ทำให้ใครรวยจริงครับ

--------------------------------------------------------

แล้วคงมีคำถามต่อมาว่า "ผมตั้งกระทู้เรื่อง เครื่องมือทางเทคนิค มาเพื่ออะไร"

ผมก็ขอตอบว่า มันเป็นอีก 1 แขนงความรู้เกี่ยวกับหุ้นครับ

รู้ไว้ ดีกว่าไม่รู้ จริงมั้ยครับ

อาจารย์ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนของผมท่านหนึ่ง ท่านเชี่ยวชาญอย่างมากในการใช้เครื่องมือทางเทคนิค

ท่านบอกนักเรียนของท่านเสมอว่า เทคนิคนั้นเอาไว้ใช้เพื่อ "หาจังหวะในการซื้อหุ้นดีๆ" ไม่ใช่ "หาจังหวะดีๆ ในการซื้อหุ้น"

พูดง่ายๆก็คือ ถ้าท่านเลือกแล้วว่าท่านจะลงทุนในหุ้นตัวนี้ เพราะพื้นฐานดี .... ท่านจงใช้เทคนิคคอลในการหาจังหวะว่า ควรจะเข้าซื้อที่ราคากี่บาท

ท่านอ่านกราฟเทคนิค ใช้เครื่องมือ 4-5 อย่าง พร้อมกับ "งบการเงิน และ ข่าวบริษัท" มาบอกนักศึกษาว่า....

หุ้นตัวนี้ ควรจะขึ้นไปที่ราคากี่บาท และต้องซื้อเมื่อราคาย่อลงมาเท่าไหร่
หุ้นตัวนี้ จะลงไปที่ประมาณกี่บาท เพราะสาเหตุอะไร มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบเรื่องอะไร

แทบไม่เคยผิดเลยครับ

อาจารย์บอกความ ความสำเร็จในการลงทุน เกิดจาก 1.)การเลือกหุ้นที่ดี และ2.) การเข้าซื้อในจังหวะที่ถูกต้อง

--------------------------------

ที่พูดมาเนี่ย สนับสนุนท่านวายุ

และไม่ได้ ไม่สบอารมณ์นะครับ แต่เพิ่มความเข้าใจด้านเทคนิคนะครับ

เพราะยังไงผมก็ขอบอกว่า เล่นหุ้นด้วยเทคนิคคอล เป็นการออกกำลังหัวใจ ที่ดี   5555+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 16:48:00 โดย แมงมุม » IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
หน้า: 1 ... 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 ... 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!