|
|
|
|
marcus147
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #424 เมื่อ: วันที่ 25 กันยายน 2011, 22:30:34 » |
|
ขอบคุณ คุณวายุ มากเลยครับ เคยอ่านงบหลายทีแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่า บางอันมันหมายความว่ายังไง ตอนนี้เข้าใจขึ้นเยอะเลย
|
|
|
|
|
marcus147
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #426 เมื่อ: วันที่ 26 กันยายน 2011, 01:44:54 » |
|
เก็บไปเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าตกอีกก็คงเก็บเพิ่ม 
|
|
|
|
|
|
|
|
|
marcus147
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #432 เมื่อ: วันที่ 28 กันยายน 2011, 01:43:51 » |
|
พอดีผมก็ถือ HMPRO อยู่เป็นส่วนใหญ่ของพอร์ตเลยทีเดียว เลยเอามาฝากกันครับ http://dekisugi.net/archives/12811ปล. วันนี้ช่วง CPALL ตกไป 4% มีใครเก็บทันบ้างเอ่ย ผมทันช่วง 3.75%
|
|
|
|
|
|
วายุ
มัธยม
 
ออฟไลน์
กระทู้: 650

|
 |
« ตอบ #435 เมื่อ: วันที่ 28 กันยายน 2011, 16:13:22 » |
|
สำหรับหุ้นตัวนี้ โดยมุมมองส่วนตัวของผมแล้ว ธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูง และของพวกเฟอร์นิเจอร์นี้ ซื้อทีนึงก็อยู่ได้นาน ผมก็เลยไม่ค่อยชอบครับ เนื่องจากว่ามีอัตราการซื้อซ้ำต่ำ และไม่มีจุดแข็งอะไรที่จะมาปิดกั้นคู่แข่งให้เข้ามาในตลาดได้ เพราะสินค้าพวกนี้เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ใครขายถูกกว่า ใครมีต้นทุนถูกกว่า คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ
เมื่อผมเข้าไปดูที่งบการเงินมาแล้ว ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ รวมถึงเงินปันผลด้วย ผมว่ามันได้น้อยไปนิดหนึ่ง ดูแล้วไม่ค่อยคุ้มกับการลงทุน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่ามันไม่ดีนะครับ บางทีมุมมองของผมอาจจะผิดก็ได้
ผมเอาข่าวเก่าๆของหุ้นตัวนี้มาให้อ่านครับ
โฮมโปร หุ้นในสเปค แวลู อินเวสเตอร์ หุ้นโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นหนึ่งในหุ้นที่กูรูแวลูอินเวสเตอร์ของเมืองไทย "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" เลือกติดพอร์ตจำนวน 15.70 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.81% มูลค่าปัจจุบันประมาณ 75 ล้านบาท โดยเข้าลักษณะเป็นผู้นำตลาดและมีรายได้เติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันโฮมโปรถือหุ้นอันดับหนึ่งโดย บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สัดส่วน 30.23% และ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ สัดส่วน 21.32%
"คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล" กรรมการผู้จัดการ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ประเมินภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังว่า ในปีนี้คงจะเติบโตน้อยกว่าปีที่แล้วแน่นอน ทำให้รายได้รวมของโฮมโปรคงลดลงจากปี 2551 ที่เติบโต 16%
รายได้รวมในปี 2552 เราคาดว่าน่าจะเติบโตได้ 10% (จาก 19,824 ล้านบาท) โดยส่วนของยอดขายสาขาเดิมน่าจะเติบโตได้ 3%
ที่ผ่านมาโฮมโปรมีการเติบโตในแง่รายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 17.3% ต่อปี โดยปีที่แล้วรายได้รวมเติบโต 16.29% เป็นเพราะมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยอดขายของร้านเดิมในปีที่แล้วยังมีการเติบโต 6.6% จากการเน้นออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง ส่วนรายได้จากพื้นที่ให้เช่ามีการเติบโตขึ้น 10% เราเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจฟื้น รายได้ของโฮมโปรน่าจะกลับมาเติบโตได้ในระดับปกติ
โดยแผนธุรกิจในปีนี้ จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าบ้านเก่าเป็นหลัก เนื่องจากคาดว่าปีนี้บ้านใหม่จะเกิดขึ้นน้อยลงกว่าปีที่แล้ว เพราะกำลังซื้อที่จำกัดทำให้ผู้คนที่คิดจะซื้อบ้านหลังที่สองก็จะเปลี่ยนแผนไปปรับปรุงบ้านเก่าแทน
สมัยก่อนสัดส่วนรายได้จากลูกค้าซื้อบ้านใหม่และปรับปรุงบ้านเก่าอยู่ที่ 50% เท่ากัน แต่ตอนนี้สัดส่วนลูกค้าปรับปรุงบ้านเก่าขึ้นมาอยู่ที่ 70% แล้ว
ทั้งนี้ ลูกค้าของโฮมโปรจะแบ่งเป็นสามกลุ่มคือ กลุ่ม Replacement หรือซื้อสินค้าใหม่ทดแทนรุ่นเก่าที่ตกรุ่น กลุ่ม Renovate หรือซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเดิม และกลุ่ม Improvement หรือสินค้าใช้แล้วหมดไป ซึ่งโฮมโปรเน้นจับสองกลุ่มแรกเป็นหลัก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม B+ ซึ่งยังพอมีกำลังซื้อ
ปีที่แล้วรายได้จากการทำโปรโมชั่นต่างๆ เพิ่มขึ้น 30% หรือ 674 ล้านบาท จากการจัดโฮมโปรเอ็กซ์โปปีละ 2 ครั้ง ปีนี้ตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นได้อีก
ส่วนแผนการขยายสาขาในปี 2552 เบื้องต้นได้เปิดไปแล้ว 2 สาขาที่จังหวัดนครราชสีมา และภูเก็ต และจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาขนาดกลางในต่างจังหวัดช่วงครึ่งปีหลัง ถึงสิ้นปี 2552 โฮมโปรจะมีสาขาทั้งสิ้น 37 แห่ง ทำให้พื้นที่ขายและพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น 5-10% ในปีนี้
ถ้าเศรษฐกิจไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้เราก็จะเปิดอีก 3 สาขาในปี 2553 เพิ่มจำนวนสาขารวมเป็น 40 สาขา
ในแง่ส่วนแบ่งตลาด กรรมการผู้จัดการโฮมโปร ชี้ว่า ตลาดสินค้าก่อสร้างน่าจะมีมูลค่าตลาดรวมปีละ 137,300 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นของผู้ค้ารายย่อยทั่วไป 71% อีก 17% เป็นของห้างโมเดิร์นเทรด โดย 14% เป็นของโฮมโปร
ปัจจุบันโฮมโปรมีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 40% เทียบระหว่างห้างโมเดิร์นเทรดสินค้าก่อสร้างด้วยกันในภาวะที่ตลาดชะลอการเติบโตยากมากที่คู่แข่งจะขึ้นมาใกล้เคียงได้เพราะโฮมโปรก็มีการขยายสาขาใหม่ด้วยเช่นกัน
ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไร คุณวุฒิ อธิบายกลยุทธ์การขยายมาร์จินในปีนี้ด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ โดยเน้นสินค้าที่มีดีไซน์เฉพาะตัว ปกติจะมีมาร์จินสูงกว่าสินค้าทั่วไป 10% นอกจากนี้จะมุ่งเน้นบริหารสินค้าคงคลังให้ลดลงและมีการหมุนเวียนที่สูงขึ้น
ปีนี้เราตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์อยู่ที่ 15% ของรายได้รวมจากปีที่แล้วอยู่ที่ 11.5% จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้วอยู่ที่ 23.7%
ส่วนเงินลงทุนในปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินทั้งหมด 1,600-2,700 ล้านบาท โดยจะนำมาจากผลการดำเนินงาน 1,200-1,700 ล้านบาท ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 1,000-1,700 ล้านบาท ที่เหลืออาจจะกู้ธนาคาร 200-700 ล้านบาท ส่วนหนี้สินต่อทุนปัจจุบันอยู่ที่ 0.54 เท่า ลดลงจากปีก่อนที่ 0.68 เท่า
ผู้บริหารรายนี้ กล่าวถึงนโยบายการเงินของบริษัทว่าจะรักษากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) อยู่ในระดับ 2,000 ล้านบาททุกปี และเมื่อตัดบางส่วนไปใช้ลงทุนขยายสาขาและจ่ายเงินปันผลแล้ว จะต้องเหลือเงินสดไว้เสมอ โดยต้นปีบริษัทมีกระแสเงินสดคงเหลือ 604 ล้านบาท
เราจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นขอวงเงินออกหุ้นกู้อีก 4,000 ล้านบาทเผื่อไว้ใช้ลงทุนในอนาคต ถึงจะมีเงินกู้มากขึ้นแต่ D/E Ratio ของเราก็ยังไม่เกินหนึ่งเท่า
ด้านผลตอบแทนการลงทุนหุ้น HMPRO คุณวุฒิ ให้ความเห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองหุ้น HMPRO เป็นการลงทุนระยะยาวเนื่องจากให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ปีที่แล้วกำไรต่อหุ้นยังเพิ่มแบบก้าวกระโดดจาก 0.37 บาทต่อหุ้นเป็น 0.50 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 37.1% ในแง่อัตราส่วนการเงิน ROE ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นจาก 17.4% มาเป็น 20.7% ปีนี้คาดว่าจะสามารถรักษาตัวเลขนี้ไว้ได้
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2551 โฮมโปรจ่ายเงินปันผล 0.35 บาทต่อหุ้นคิดเป็น Payout Ratio 70% จากปีที่แล้วจ่ายปันผล 40% ของกำไรสุทธิ
เรามีมติให้จ่ายปันผลมากขึ้นอยากให้ผู้ถือหุ้นแฮปปี้และเป็นการโชว์ด้วยว่าบริษัทเรายังแข็งแกร่งในระยะยาว
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 18 พฤษภาคม 2552
|
ถึงจะจน พี่ก็จน อย่างมีเกียรติ ถึงจะเครียด พี่ก็เครียด อย่างมีหวัง ถึงจะบ้า พี่ก็บ้า อย่างมีพลัง ถึงจะพัง พี่ก็พัง อย่างมีฟอร์ม
|
|
|
|
|
|
marcus147
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #439 เมื่อ: วันที่ 28 กันยายน 2011, 23:23:46 » |
|
โฮมโปร จ่ายปันผลเป็นหุ้นนะครับ เดือนหน้าจ่ายปันผลหุ้น 7:1
|
|
|
|