ปันผล ปันผล และปันผล
เมื่อกล่าวถึงเรื่องเงินปันผลแล้ว ทั้งคนที่ถือหุ้นอยู่และไม่ได้ถือหุ้น ต่างก็หูผึ่งกันเป็นแถว เพราะการปันผลนั้นหมายความว่า เราจะได้เงินนั้นมาใช้ฟรีๆโดยไม่ต้องออกแรงไปซื้อขายหุ้นให้เมื่อยตุ้ม แต่ประเด็นที่ผมจะมาให้ความรู้ในวันนี้ก็คือ ระหว่างหุ้นที่ไม่โตแต่ปันผลเป็นเปอร์เซ็นต์มากๆเมื่อเทียบกับราคาหุ้น กับหุ้นที่เติบโตไปเรื่อยๆแต่ปันผลออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยเมื่อเทียบกับราคาหุ้น คุณคิดว่า หุ้นตัวไหนให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากันในระยะยาว เอาล่ะ...เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มตัวอย่างกันเลยดีกว่า
ตัวอย่างที่ 1 สมมุติให้หุ้นตัวหนึ่งชื่อว่า “หุ้นไม่โต” หุ้นตัวนี้มีนโยบายจ่ายปันผล 100 % ของรายได้ พูดง่ายๆว่าหามาได้เท่าไหร่แจกหมด ราคาหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 10 บาท และหุ้นตัวนี้ปันผลปีละ 1 บาทต่อหุ้น นั่นเท่ากับว่า ในปีหนึ่งๆ เราจะได้รับเงินปันผลเป็นจำนวน 10 % ของเงินลงทุนถูกต้องไหม ถ้าเรามีอยู่ 1 หุ้น เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เงินที่เราได้รับจากหุ้นตัวนี้จะเป็นเงินเท่ากับ 10 บาท และเนื่องจากว่ามันเป็นธุรกิจที่ไม่โตแล้ว ดังนั้นราคาหุ้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เราจะมีเงินรวมทั้งหมด 20 บาท โดยแบ่งเป็นเงินลงทุนเริ่มแรก 10 บาท บวกกับเงินปันผลที่เราได้รับมาตลอด 10 ปีอีก 10 บาท
ตัวอย่างที่ 2 หุ้นตัวนี้ชื่อว่า “อนาคตที่สดใส” หุ้นตัวนี้มีนโยบายจ่ายปันผลเพียง 50 % ของกำไร โดยเขาให้เหตุผลว่า ต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้ลงทุนต่อ เพื่อให้บริษัทเติบโตขึ้น ราคาหุ้นตัวนี้เริ่มแรกอยู่ที่ 10 บาทเท่ากับหุ้นตัวแรก แต่เงินปันผลที่ออกมาตอนแรกนั้นได้แค่ 50 สตางค์ต่อหุ้นเท่านั้น ถ้าเราคำนวณก็จะพบว่า ผลตอบแทนที่ได้รับ เพียงแค่ 5 % ของเงินลงทุนเท่านั้นเอง ไม่คุ้มค่าเงินลงทุนเท่ากับหุ้นตัวแรกเลย แต่...ช้าก่อน เดี๋ยวเราลองมาดูกันต่อไป ถ้าสมมุติอีกว่า ให้หุ้นตัวนี้มีอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นปีละ 20 % ปีแรกที่บริษัททำกำไรได้ก็คือ 1 บาท แต่ปันผลออกมาแค่ 50 สตางค์ แต่เมื่อขึ้นปีที่สอง บริษัทสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.20 บาทต่อหุ้น เมื่อถึงเวลาปันผล บริษัทจะปันผลออกมาเป็นเงินหุ้นละ 60 สตางค์ และถ้าตลาดยังให้ราคาของหุ้นเมื่อเทียบกับเงินปันผลเท่ากับ 5 % อยู่ ราคาหุ้นในปีที่สองก็น่าจะเป็น 12 บาท และเมื่อคำนวณต่อไปอีก 10 ปีจะพบว่า
ปีที่ กำไรต่อหุ้นที่ทำได้ เงินปันผล ราคาหุ้นที่ควรจะเป็น
1 1 บาท 50 สต. 10
2 1.20 บาท 60 สต. 12
3 1.44 บาท 72 สต. 14.4
4 1.728 บาท 86 สต. 17.2
5 2 บาท 1 บาท 20
6 2.40 บาท 1.20 บาท 24
7 2.88 บาท 1.44 บาท 28.8
8 3.456 บาท 1.72 บาท 34.5
9 4.15 บาท 2.07 บาท 41.5
10 4.98 บาท 2.49 บาท 49.8
เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปีเท่ากัน หุ้นตัวที่มีการเติบโตสูง สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว เมื่อเราลองมารวมผลตอบแทนที่ได้รับก็จะพบว่า ในปีที่ 10 เราจะมีเงินเท่ากับ
62.4 บาท ซึ่งเงินที่คำนวณได้นี้มาจาก 49.8 (ราคาหุ้นในปีที่ 10) + 12.6 (เอาเงินปันผลที่ได้รับทั้ง 10 ปีมารวมกัน) เมื่อเทียบกับหุ้นตัวแรกที่ไม่โตแล้ว ในปีที่ 10 เราจะมีเงินเพียงแค่ 20 บาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้าเราลงทุนในหุ้นตัวที่สองที่มีการเติบโตสูงแล้วล่ะก็ มันจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมากทีเดียว ถึงแม้ว่าในตอนแรก ผลตอบแทนของหุ้นตัวที่สองอาจจะสู้หุ้นตัวแรกไม่ได้ แต่ระยะยาวแล้ว หุ้นที่เติบโตจะชนะในที่สุด นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการเทียบผลตอบแทนของหุ้นที่เติบโต 20 % เท่านั้น ถ้าคุณเลือกหุ้นที่เติบโตน้อยกว่านี้หรือสูงกว่านี้ อัตราผลตอบแทนมันก็จะแตกต่างออกไป แต่อย่างน้อย สิ่งที่เราต้องลงทุนก็น่าจะเป็นหุ้นที่มีการเติบโต ดังจะสังเกตได้ว่า ถึงแม้จะนับแต่เงินปันผล หุ้นที่มีการเติบโตก็ยังให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่มากกว่าอยู่ดี และสุดท้ายก็ขอยกตัวอย่างจริงมาประกอบนะครับ
อันนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับบริษัท 7-11 นะครับ 7-11 ได้รายงานผลการดำเนินงานโตเกิน 20 % มาตลอด ดูได้จากวันที่ 21 ก.พ. 55 - 3 พ.ย. 54 และ 9 ส.ค. 54
http://www.set.or.th/set/companynews.do?symbol=CPALL&language=th&country=THและอันนี้เป็นการจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง (XD)
http://www.set.or.th/set/companyrights.do?symbol=CPALL&language=th&country=THและสุดท้าย อันนี้คือการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นตามพื้นฐานกิจการที่มันโตขึ้น ดูช่องที่ 7 จากข้างล่างสุดขึ้นมาครับ (ราคาล่าสุด บาท)
http://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=CPALL&language=th&country=TH