เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 เมษายน 2024, 02:01:57
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 [13] 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 ... 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293396 ครั้ง)
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #240 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 16:57:53 »

ประเทศไทยมีครบเครื่องซะอย่างนี้ ต่างชาติจะหนีไปได้ไง....ว่ามั้ยทุกท่าน... ยิงฟันยิ้ม ขาดอยู่สองอย่าง โลจิสต์ฯ กะ 3G .... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #241 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 15:27:00 »

วันนี้เราจะมาวิเคราะห์งบการเงินแบบคร่าวๆหยาบๆกันนะครับ  โดยใช้ตัวอย่างจากบริษัท  CPALL  เจ้าเก่า

งบการเงินรายปี

http://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=CPALL&language=th&country=TH

     ถ้าดูแบบหยาบๆ  ดูที่กำไรก็พอครับ  ถ้าสังเกตจะเห็นว่า  ยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายอะไร  แต่สิ่งที่โตก็คือกำไร  คงจะเป็นเพราะว่า  เขาขายของเน้นที่คุณภาพมากขึ้น  อาหารอาจจะรสชาติอร่อย  ถึงขายแพงแต่คนก็ซื้อ  มันก็เลยทำให้กำไรโต  เพราะฉะนั้น  ดูกำไรเป็นหลักครับ  ราคาหุ้นนั้นจะวิ่งไปพร้อมกับกำไร  ถ้ากำไรมากขึ้น  ราคาหุ้นก็จะมากขึ้น  ถ้ากำไรลดลง  ราคาหุ้นก็มักจะลดลง  แต่ถ้าหากสองอย่างนี้ไม่ไปด้วยกัน  นั่นคือโอกาสของเราครับ  เช่น  ถ้ากำไรเพิ่มขึ้นระเบิดเถิดเทิง  แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหน  อย่างนี้เราควรรีบเก็บก่อนที่มันจะวิ่งขึ้นไปครับ  แต่ถ้ากำไรตก  แล้วราคาหุ้นยังไม่ลง  ถ้าเรามีหุ้นอยู่  อันนี้ต้องรีบขาย
     และเมื่อหารเป็นกำไรต่อหุ้นแล้วจะทำให้เราดูง่ายขึ้น  เริ่มจากปี 50 ที่กำไรต่อหุ้น 0.33 บาท  ราคาหุ้นตอนนั้น 10.90 บาท  พอปี 51  กำไรต่อหุ้น 0.74 บาท  ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นเป็น 12.30 บาท  และปีที่แล้วปี 53  กำไรต่อหุ้น 1.48 บาท  และราคาหุ้นขึ้นเป็น  39.25 ครับ  สำหรับตัวเลขค่าอื่นๆ  อย่าไปสนใจมันมากก็ได้ครับ  เพราะนี่คือการดูแบบหยาบๆ  ดูที่กำไรตัวเดียวก็พอ

งบดุล

http://www.set.or.th/set/companyfinance.do?type=balance&symbol=CPALL&language=th&country=TH

     ดูที่เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นก่อนเลย  เพราะเงินสองตัวนี้  สามารถนำมาใช้ได้ทุกเมื่อ  ถือว่าเป็นพื้นฐานของกิจการทีเดียว  ถ้าเงินเหลือมาก  เวลาจะลงทุนทำอะไรก็ไม่ต้องไปกู้เขาให้เสียดอก  ดูจากงบตัวนี้แล้วเห็นว่า  เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นมีรวมกันถึงสองหมื่นกว่าล้านบาท  แต่หนี้สินระยะยาวไม่มี  เพราะฉะนั้นแล้ว  บริษัทนี้เป็นบริษัทปลอดหนี้...แม๋   อะไรจะเริ่ดขนาดนั้น  ที่มีหนี้หนักๆก็เห็นจะเป็นรวมหนี้สินหมุนเวียน  มีมูลค่า  27150.03  ล้าน  ตรงนี้ตีความได้ว่า  เป็นต้นทุนค่าสินค้าที่เราต้องจ่ายให้เจ้าหนี้  เพราะเราเอาสินค้าเขามาขายเพื่อกินกำไร  แต่หนี้ในส่วนนี้จะถูกหักล้างด้วยรวมสินทรัพย์หมุนเวียน  ซึ่งมีมูลค่า  32233.72 ล้าน  อธิบายได้ว่า  ต้นทุนสินค้าสองหมื่นเจ็ดพันล้าน  แต่ถ้าเราได้ขายของออกไปได้  จะทำให้มีเงินเข้ามาสามหมื่นสองพันล้าน  เพราะฉะนั้น  เรื่องหนี้สินหมุนเวียนและสินทรัพย์หมุนเวียน  มันจะสามารถหักล้างกันได้  ไม่ต้องไปดูอะไรมาก  เพราะเราดูแบบหยาบๆ  เมื่อดูบรรทัดสุดท้าย  รวมส่วนของผู้ถือหุ้น  มีเงินอยู่สองหมื่นล้าน  บริษัทนี้.....ดี  เงินเหลือพะเรอเกวียน

งบกำไรขาดทุน

http://www.set.or.th/set/companyfinance.do?type=income&symbol=CPALL&language=th&country=TH

     ตรงนี้มาดูที่รวมรายได้  35900.86  นำมาหักจากรวมค่าใช้จ่าย  35958.06  เหลือกำไรสุทธิ  2086.56  เมื่อคิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้นคือ  0.46  สรุปว่าบริษัทนี้.....ดีอีกแล้ว  เพราะไม่ขาดทุน  เหอ  เหอ

งบกระแสเงินสด
     อันนี้ยกแบบรายปีมาให้ดูเพื่อความกระจ่าง  อาจจะยาวไปนิดนึง  พยายามดูหน่อยก็แล้วกันนะครับ  หมายเหตุ  ถ้าตรงไหนวงเล็บแสดงว่าเป็นลบ


บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย                           
งบกระแสเงินสด                                      
สำหรับแต่ละปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 และ 2552                           
                           
         งบการเงินรวม            งบการเงินเฉพาะกิจการ      
   หมายเหตุ      2553      2552      2553      2552
         (บาท)                  
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน                           
กำไรสำหรับปี         6,669,767,352        5,013,137,835       6,142,569,745       4,597,321,211
รายการปรับปรุง                           
ค่าเสื่อมราคา   13, 26      2,900,446,308       2,684,037,438       2,524,094,759       2,298,194,204
ค่าตัดจำหน่าย - สินทรัพย์ไม่มีตัวตน   26      108,606,807       90,572,792       69,335,500       58,089,130
ค่าตัดจำหน่าย - สิทธิการเช่า   26      83,939,748       84,078,902       83,939,748       84,078,902
ดอกเบี้ยรับ         (339,202,521)      (296,895,395)      (132,934,450)      (115,231,430)
เงินปันผลรับ         (37,120)      (33,736)      (463,993,348)      (433,995,488)
ต้นทุนทางการเงิน         111,706       2,473,529       -        -  
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้   27      2,487,358,316       1,773,966,792       2,221,683,057       1,536,156,864
สำรองเงินชดเชยพนักงานออกจากงาน   17      217,561,434       77,634,091       192,900,000       66,400,000
ค่าเผื่อขาดทุนจากสินค้าที่เคลื่อนไหวช้า         209,559,771       137,372,012       206,654,570       121,413,846
หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ           2,349,011       7,767,519       1,193,776       2,175,234
ค่าเผื่อ (กลับรายการค่าเผื่อ) ขาดทุนจากการด้อยค่า                           
   ของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์         1,898,843       (2,416,210)      -        -  
(กำไร) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน                           
   ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง         (33,297,014)      5,812,969       3,394,157       2,910,190
ขาดทุนจากการขายและตัดจำหน่ายที่ดิน อาคาร                           
   และอุปกรณ์         37,724,902       50,829,056       36,584,040       48,824,060
ขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตน         -        11       -        -  
กำไรจากการขายสิทธิการเช่า         (455,010)      (2,200,186)      (455,010)      (2,200,186)
(กำไร) ขาดทุนจากการขายเงินลงทุนใน                           
   บริษัทย่อย         -        (10,115,010)      -        1,419,060  
         12,346,332,533       9,616,022,409       10,884,966,544       8,265,555,597
                           
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย                           
งบกระแสเงินสด                                      
สำหรับแต่ละปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 และ 2552                           
                           
         งบการเงินรวม            งบการเงินเฉพาะกิจการ      
   หมายเหตุ      2553      2552      2553      2552
         (บาท)                  
การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงาน                           
ลูกหนี้การค้า         (37,530,939)      106,518,808       (33,166,196)      (14,182,632)
ลูกหนี้อื่น         (276,888,306)      36,821,725       (315,648,251)      23,331,927
สินค้าคงเหลือ         (826,775,433)      (593,808,872)      (756,100,882)      (651,087,308)
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น         (385,268,294)      (691,257,939)      (351,631,348)      (745,978,359)
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น         (119,319,905)      (18,470,535)      (22,742,293)      (7,691,824)
เจ้าหนี้การค้า         2,423,667,585       1,455,734,003       2,358,827,227       2,511,724,348
หนี้สินหมุนเวียนอื่น          874,985,432       312,346,330       449,844,226       (156,422,506)
สำรองเงินชดเชยพนักงานเมื่อออกจากงาน         (137,598)      -        -        -  
เงินประกันค้างจ่าย         424,276,456       273,913,729       431,235,936       293,841,439
จ่ายภาษีเงินได้         (2,083,431,798)      (1,492,428,937)      (1,844,298,728)      (1,239,487,345)
เงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน         12,339,909,733       9,005,390,721       10,801,286,235       8,279,603,337
                           
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน                           
รับดอกเบี้ย         182,653,821       150,303,666       133,822,719       118,628,376
รับเงินปันผล         37,120       33,736       463,993,348       433,995,488
ซื้อเงินลงทุนชั่วคราว         (4,849,562,712)      (445,692,264)      (598,417,012)      (1,075,283,526)
ขายเงินลงทุนชั่วคราว         1,677,203,278        -        1,396,010,076        -  
เงินสดจ่ายสำหรับการลงทุนในบริษัทย่อย/                           
   การชำระบัญชีของบริษัทย่อย   11      (27)      -        (10)      (1,208,202,000)
เงินสดรับจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย         -        75       -        33
เงินสดจ่ายสำหรับการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ                           
   ของกิจการที่เกี่ยวข้องกัน   12      -        (1,221,370,093)      -        -  
เงินสดรับจากการใช้สิทธิขายเงินลงทุนในหุ้น                           
   บุริมสิทธิแปลงสภาพของกิจการที่เกี่ยวข้องกัน   12      3,787,726,201       -        34,912,765        -  
เงินสดจ่ายสำหรับเงินลงทุนระยะยาวอื่น         (640,883,156)      (50,000,000)      (640,883,156)      (50,000,000)
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดของ                           
   บริษัทย่อยที่ขายไป         -        (37)      -        -  
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย                           
งบกระแสเงินสด                                      
สำหรับแต่ละปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 และ 2552                           
                           
         งบการเงินรวม            งบการเงินเฉพาะกิจการ      
   หมายเหตุ      2553      2552      2553      2552
         (บาท)                  
รับชำระคืนเงินให้กู้ยืมระยะยาว                           
   แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน   4      -        -        858,200,000        637,500,000
เงินสดจ่ายสำหรับเงินให้กู้ยืมระยะยาว                           
   แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน   4      -        -        (600,200,000)      (372,000,000)
ซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์   32      (4,093,294,946)      (3,674,588,868)      (3,838,042,599)      (3,369,111,086)
ขายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์         224,318,477       123,044,105       217,026,656        123,109,902
ซื้อสินทรัพย์ไม่มีตัวตน   32      (111,754,892)      (138,688,460)      (102,973,307)      (111,179,546)
ขายสินทรัพย์ไม่มีตัวตน         101,825        -        -        -  
ซื้อสิทธิการเช่า         (54,721,856)      (89,022,840)      (54,721,856)      (89,022,840)
ขายสิทธิการเช่า         5,556,928       7,415,658       5,556,928       7,415,658
เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน         (3,872,619,939)      (5,338,565,322)      (2,725,715,448)      (4,954,149,541)
                           
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน                           
จ่ายดอกเบี้ย         (164,687)      (3,097,722)      -        -  
จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท   30      (5,391,777,629)      (2,695,888,814)      (5,391,777,629)      (2,695,888,814)
จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย         (6,652)      (4,512)      -        -  
เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้น                            
   จากสถาบันการเงินลดลง         (10,212,018)      (157,783,474)      -        -  
เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน         (5,402,160,986)      (2,856,774,522)      (5,391,777,629)      (2,695,888,814)
                           
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นสุทธิ         3,065,128,808       810,050,877       2,683,793,158       629,564,982
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันต้นปี         12,682,282,755       11,896,726,054       9,495,769,282       8,866,204,300
ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของยอดคงเหลือ                           
   ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ         (31,642,460)      (24,494,176)      -        -  
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นปี   5      15,715,769,103       12,682,282,755       12,179,562,440       9,495,769,282

     โดยปกติแล้วงบกระแสเงินสดนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ  ซึ่งแต่ละอันก็จะบอกความหมายและเรื่องราวของบริษัทได้ดีมาก  แต่คนที่สนใจงบนี้มีน้อย  อาจจะเป็นเพราะว่าเขาตีความไม่เป็น  มันก็เลยทำให้เขาไม่ค่อยดูกัน  แต่งบนี้เป็นงบที่สำคัญมากงบหนึ่งเลยทีเดียว  เดี๋ยวผมจะมาไขความลับให้ได้รู้กัน

     สามส่วนหลักๆในงบการเงินนี้มี  กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน  กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน  และกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน  โดยย่อๆแล้วความหมายของแต่ละอันคือ

     กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน  อันนี้หมายถึง  การที่เราลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่เพื่อให้เงินมันมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นซื้อมาขายไป  หรือรับจ้างทำอะไรต่างๆก็แล้วแต่  มันจะส่งผลมายังงบนี้  ซึ่งถ้างบนี้เป็นบวก  ก็แสดงว่าเราทำงานเป็น  หาเงินเก่ง  การดำเนินงานมันก็เลยเป็นบวก  แต่ถ้าเป็นลบนี่แย่  เพราะว่าเราทำแล้วมันขาดทุน  ดูจากงบนี้  บริษัทมีตัวเลขเป็นบวกอยู่  หมื่นสองพันล้าน  ในปี 53

     กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน  อันนี้มันหมายถึง  เราได้เอาเงินที่มีอยู่ไปลงทุนทำอะไรก็ได้  ถ้างบเป็นบวกนี่ไม่ดีนะ  เพราะมันหมายถึงเราอาจจะขายของเก่ากิน  เช่นขายตึกหรือโรงงานออกไป  ทำให้มีเงินเข้ามาในกระเป๋า  แต่การได้เงินเข้ามาในลักษณะนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่  เนื่องจากว่าสินทรัพย์มันลดลงกลายมาเป็นเงินแทน  ยกตัวอย่างเช่น  ถ้า 7-11 ขายสาขาออกไปเรื่อยๆ  ถึงแม้จะมีเงินเสดเข้ามา  แต่สาขามันลดลง  ทำให้ในระยะยาวแล้ว  จะหาเงินได้น้อยลง  แต่ถ้างบนี้เป็นลบนี่กลับดี  เพราะว่ามันหมายถึงเราได้มีการเอาเงินออกจากกระเป๋าไปลงทุนเพิ่ม  เช่นไปซื้อตึกเพื่อเปิด 7-11 สาขาใหม่  ดูจากงบนี้  บริษัทมีการลงทุนเพิ่มไป สามพันแปดร้อยล้าน

     กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน  อันนี้ก็คล้ายๆอันที่สอง  ถ้าเป็นบวกนั่นหมายถึงมีเงินเข้ามา  แต่เงินที่เข้ามาในลักษณะนี้จะเป็นเงินที่ได้มาจากการไปกู้ยืมมา  หรืออาจจะเป็นการเพิ่มทุน  ซึ่งการเพิ่มทุนนี้ไม่ดีต่อผู้ถือหุ้นเลย  เอาไว้วันหลังจะมาลงเพิ่มเติมก็แล้วกันนะครับสำหรับหัวข้อการเพิ่มทุน  ถ้างบตัวนี้เป็นบวกต้องระวัง  เพราะมันแสดงให้เห็นถึงสัญญาณว่า  บริษัทพึ่งพาตัวเองไม่ได้  จนต้องใช้เงินที่มาจากภายนอกบริษัท  แต่ถ้างบนี้ออกมาเป็นลบนี่ดีมากๆ  เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเรามีเงิน  และเราก็เอาเงินพวกนี้ไปจ่ายหนี้ที่เรากู้มา  ทำให้ดอกเบี้ยลดลง  หรือเอาไปจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น  ซึ่งอันนี้ต้องไปดูรายละเอียดอีกทีว่าเขาระบุเป็นอย่างไร  เมื่อดูจากงบจะเห็นว่า  ใช้เงินไป  ห้าพันสี่ร้อยล้าน  แต่ที่จ่ายออกไปหนักๆคือปันผล  เป็นเงินถึง  เกือบห้าพันสี่ร้อยล้าน

    
     เมื่อสรุปเป็นภาพกว้างๆออกมาในงบกระแสเงินสดจะพบว่า  ถ้างบที่ดีจะต้องมีลักษณะเป็น  บวก  ลบ  ลบ  แต่ถ้าเป็น  ลบ  บวก  บวก  นี่สาหัส  ตัวใครตัวมันเด้อ..อออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 15:54:12 โดย วายุ » IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #242 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 15:35:30 »

ละเอียดยิบเลย สมกะเป็น super stock  ยิงฟันยิ้ม
วันนี้เริ่มบาวด์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 15:38:56 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
LoveYou2
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 926


096-0133136 บอย


« ตอบ #243 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 20:58:05 »

ร้านท่านวายุ อยู่แถวไหนนะครับ
ว่าจาไปอุดหนุนหน่อยน่ะครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #244 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 21:42:39 »

     ขายอยู่หน้าบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตครับ  ขายแต่ตอนเย็น  หยุดทุกวันเสาร์  แล้วทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมกระทู้ผม  ได้อ่านหัวข้อการอ่านงบการเงินหรือยังครับ  งบนี้สำคัญนะ  เพราะมันคล้ายกับเป็นแผนที่นำทางเพื่อแกะรอยพาเราไปหาสมบัติทีเดียว  ใครอ่านไม่เป็นล่ะก็...เชยแย่เลย  ถือว่าไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของผมนะครับ  พยายามทำความเข้าใจกับมันหน่อยแล้วกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 21:50:59 โดย วายุ » IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #245 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 21:45:24 »

ขายอยู่หน้าบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตครับ  ขายแต่ตอนเย็น  หยุดทุกวันเสาร์
แล้วตอนนี้ทำไมว่างมาตอบกระทู้ได้ มันเป็นเวลาเมคมั่นนี่ของท่านไม่ใช่รึ..?
 ขยันจัง ทั้งแมนทั้ง มันนี่... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #246 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 21:52:01 »

     วันนี้หยุดเด้อ...พอดีไปเลือกตั้งมา
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #247 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 22:42:46 »

     ขายอยู่หน้าบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตครับ  ขายแต่ตอนเย็น  หยุดทุกวันเสาร์  แล้วทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมกระทู้ผม  ได้อ่านหัวข้อการอ่านงบการเงินหรือยังครับ  งบนี้สำคัญนะ  เพราะมันคล้ายกับเป็นแผนที่นำทางเพื่อแกะรอยพาเราไปหาสมบัติทีเดียว  ใครอ่านไม่เป็นล่ะก็...เชยแย่เลย  ถือว่าไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของผมนะครับ  พยายามทำความเข้าใจกับมันหน่อยแล้วกัน
คนไม่ได้เรียนบัญชีมา ก็คงเข้าใจยากอยู่นา ท่านวายุช่วยสอนดิ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #248 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 15:59:04 »

     ผมก็ไม่ได้เรียนบัญชีมาหรอก  แค่เคยมีแฟนเรียนพาณิชย์เท่านั้น  ผมจบเทคนิคเชียงรายช่างอิเล็กฯมา  แต่ของอย่างนี้เราหัดกันได้นี่  ในกระทู้ของผมก็บอกค่อนข้างละเอียดนะ แถมมีตัวอย่างประกอบการสอนด้วย  ใครอ่านไม่เป็นก็ถามมา  เดี๋ยวจัดให้  แต่อย่าลึกมากนะ  ปวดเฮดสะแมนแตน
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #249 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:45:43 »

ว่าแต่ว่าท่านวายุไม่หวั่น โลตัส เหรอ ถ้าเขาค่อยๆคืบขยายสาขาแบบเดียวกะเซเว่น น่ากลัวน่ะ สินค้าเขาก็เข้าท่า โดยเฉพาะด้านอาหารสดและแห้ง มีมากกว่า คิดว่า  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #250 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2011, 15:52:57 »

ตอบท่านเปา
     จริงๆแล้วทุกวันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้า 7-11 เท่าไหร่หรอกนะ  เพราะของมันแพง  โดยในส่วนของ 7-11 นี้เขาเน้นขายอาหาร  แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ไปซื้อกินเท่าไหร่  เพราะผมขายของกินอยู่แล้ว  แต่ที่ซื้อหุ้นเขาก็เพราะว่า  คนอื่นอาจจะดำเนินชีวิตไม่เหมือนผม  เขาอาจใช้บริการ 7-11 มากกว่า  เมื่อผมดูจากงบการเงิน  เห็นว่ากำไรเขาทำได้ดีมาก  จริงๆผมก็ชอบโลตัสเหมือนกันนะ  เพียงแต่ว่า  หุ้นเขาไม่มีให้ซื้อ  และการที่ผมซื้อหุ้นของ 7-11 นี้  ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะถือไปจนเป็นมรดกหรอกนะ  เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่งที่บริษัทเขาหยุดโต  หรือมีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้นจนเป็นเหตุทำให้กำไรเขาไม่โตแล้ว  เมื่อนั้นก็จะถึงเวลาบ๊ายบายเสียที  ขายเสร็จก็หันไปหาตัวอื่นที่น่าสนใจต่อไป  เหมือนที่บัฟเฟตพูดว่า  "ถือมันไว้  ตราบเท่าที่มันยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่"

     ถ้าเราจำกันได้  เมื่อสักสิบกว่าปีที่ผ่านมา  ตอนนั้นมือถือกำลังเข้ามาใหม่ๆ  ตลาดยังไม่อิ่มตัว  ถ้าเราซื้อหุ้นแอดวานซ์เอาไว้แล้วถือมาจนถึงตอนนี้  กำไรเท่าไหร่แล้ว  แต่ตอนนี้ธุรกิจนี้กำลังจะอิ่มตัว  เนื่องจากว่าใครก็มีมือถือกันหมดแล้ว  เพราะฉะนั้น  ถ้าผมมีตัวนี้อยู่  ผมก็คงจะขายเพื่อเอาเงินที่ได้ไปซื้อตัวอื่นที่กำลังจะโตต่อไป
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #251 เมื่อ: วันที่ 16 มิถุนายน 2011, 14:31:22 »

ตอบท่านเปา
     จริงๆแล้วทุกวันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้า 7-11 เท่าไหร่หรอกนะ  เพราะของมันแพง  โดยในส่วนของ 7-11 นี้เขาเน้นขายอาหาร  แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ไปซื้อกินเท่าไหร่  เพราะผมขายของกินอยู่แล้ว  แต่ที่ซื้อหุ้นเขาก็เพราะว่า  คนอื่นอาจจะดำเนินชีวิตไม่เหมือนผม  เขาอาจใช้บริการ 7-11 มากกว่า  เมื่อผมดูจากงบการเงิน  เห็นว่ากำไรเขาทำได้ดีมาก  จริงๆผมก็ชอบโลตัสเหมือนกันนะ  เพียงแต่ว่า  หุ้นเขาไม่มีให้ซื้อ  และการที่ผมซื้อหุ้นของ 7-11 นี้  ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะถือไปจนเป็นมรดกหรอกนะ  เพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่งที่บริษัทเขาหยุดโต  หรือมีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้นจนเป็นเหตุทำให้กำไรเขาไม่โตแล้ว  เมื่อนั้นก็จะถึงเวลาบ๊ายบายเสียที  ขายเสร็จก็หันไปหาตัวอื่นที่น่าสนใจต่อไป  เหมือนที่บัฟเฟตพูดว่า  "ถือมันไว้  ตราบเท่าที่มันยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่"

     ถ้าเราจำกันได้  เมื่อสักสิบกว่าปีที่ผ่านมา  ตอนนั้นมือถือกำลังเข้ามาใหม่ๆ  ตลาดยังไม่อิ่มตัว  ถ้าเราซื้อหุ้นแอดวานซ์เอาไว้แล้วถือมาจนถึงตอนนี้  กำไรเท่าไหร่แล้ว  แต่ตอนนี้ธุรกิจนี้กำลังจะอิ่มตัว  เนื่องจากว่าใครก็มีมือถือกันหมดแล้ว  เพราะฉะนั้น  ถ้าผมมีตัวนี้อยู่  ผมก็คงจะขายเพื่อเอาเงินที่ได้ไปซื้อตัวอื่นที่กำลังจะโตต่อไป

มีเหตุผลดีครับ ชอบจริงๆ อิอิ
IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #252 เมื่อ: วันที่ 16 มิถุนายน 2011, 15:58:27 »

เฮฮาประสาหุ้น
     วันไหนรายย่อยซื้อ  วันนั้นหุ้นตก  วันไหนรายย่อยขาย  วันนั้นหุ้นขึ้น
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
singhato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 697



« ตอบ #253 เมื่อ: วันที่ 19 มิถุนายน 2011, 21:59:13 »

ดันครับเดี๋ยวท่านอื่นจะไม่ได้อ่านเนื้อหาดีๆ
IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #254 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2011, 12:49:11 »

เอามาฝากเจ้าของบริษัท ยิงฟันยิ้ม

CPALL คาดแนวโน้ม Q2/54 โตรับเงินสะพัดช่วงหาเสียง,มองโอกาสเข้าเวียดนาม
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/54 จะได้รับผลดีจากช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่มีเม็ดเงินสะพัดมากขึ้น จนทำให้ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ยอดขายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นเพิ่มขึ้น

ประกอบกับ บริษัทมีการบริหารต้นทุนได้ดีจนทำให้รักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้คงไว้ได้ที่ประมาณ 26% จากปี 53 น่าจะทำให้ไตรมาส 2/54 ผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน

ส่วนแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัท คือการเตรียมการเพื่อลงทุนเปิดร้านเซเว่นฯ ในประเทศจีน แต่คาดว่าจะไม่ทันในปีนี้ เนื่องจากทางฝ่ายญี่ปุนที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ยังไม่มีการพิจารณา แต่บริษัทมั่นใจว่ามีความพร้อมค่อนข้างมากในการจะรุกสาขาในจีน ทั้ง บุคคลากร และเงินทุน โดยที่ผ่านมาทางญี่ปุ่นได้ให้ใบอนุญาตร้านเซนเว่นฯ ที่ฮ่องกงและไต้หวันไปเปิดสาขาในปักกิ่งแล้ว จึงมองว่าโอกาสที่บริษัทที่จะเข้าไปเปิดสาขาในจีนเพิ่มมีค่อนข้างสูง

ขณะที่ปัจจุบันสาขาร้านเซเว่นฯ ในไทย มีจำนวนมากสุดอันดับ 3 ของโลกที่ 6,000 สาขา รองจากญี่ปุ่นที่มี 13,000 สาขา และ สหรัฐอเมริกามี 7,000 สาขา

นายก่อศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มอีกด้วยว่า นอกจากมองการลงทุนในจีนแล้ว บริษัทยังมองหาโอกาสที่จะเติบโตด้วยการขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศอินโดจีน โดยเฉพาะเวียดนาม ถือว่ามีศักยภาพเติบโตค่อนข้างดี ซึ่งหากการลงทุนในจีนยังไม่คืบหน้า ก็จะมองตลาดเวียดนามแทน

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็จะมีการลงทุนสร้างโรงงานอาหารแต่ก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก จึงทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะนำเงินไปบริหารด้านอื่น เช่น การจ่ายเงินปันผล เพราะหุ้นของบริษัทเป็นหุ้นที่ไม่หวือหวา แต่มีความสม่ำเสมอในด้านเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นการจูงใจให้มีการลงทุนระยะยาว

ผมสงสัยว่าโลตัส เป็นของกลุ่ม ซีพี ด้วยเหรอ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #255 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2011, 15:10:37 »

ตอบท่านเปา
     ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเป็นของซีพีหรือเปล่า  ผมว่าไม่น่าจะใช่  น่าจะเป็นทุนข้ามชาติมากกว่า  เคยได้ยินมาแว่วๆว่าเป็นของฝรั่ง

ทฤษฎีสองสูง
     เจ้าสัวธนินท์ซึ่งเป็นผู้นำของอาณาจักรเครือซีพีได้ออกมาบอกว่า  ทุกวันนี้เราต้องใช้ทฤษฎีสองสูงเข้ามาจัดการกับปัญหาการเงินของชาติ  กล่าวคือ  รัฐบาลไม่ควรกดราคาสินค้าในประเทศ  ควรจะปล่อยให้ราคามันเป็นไปตามกลไกตลาด  ถ้ามันแพงก็ปล่อยมันแพง  เมื่อสินค้าราคาแพง  เราก็ขึ้นค่าแรงตามราคาสินค้าไป  ซึ่งจะทำให้มันสมดุลกัน

     แต่เหรียญอีกด้านหนึ่งสำหรับความคิดเห็นส่วนตัวผมเองเห็นว่า  ข้อเสียของการทำแบบนั้นมันก็มีคือ  ถ้าข้าวของแพงขึ้น  ค่าแรงงานแพงขึ้น  สิ่งที่จะกระทบก็คือ

1.งานในตลาดแรงงานอาจจะหายไป  เพราะถ้าค่าแรงเพิ่ม  ผู้ที่เป็นนายจ้างก็จะต้องมีภาระจ่ายเพิ่มขึ้น  ทำให้การผลิตสินค้าออกมาขายได้กำไรน้อยลง  หรือบางที  อาจจะสู้กับประเทศอื่นๆที่ค่าแรงถูกกว่าไม่ได้เลย  เพราะต้นทุนค่าแรงงานจะต้องโดนบวกเข้าไปในสินค้า  แต่ถ้ามีสินค้าแบบเดียวกันผลิตจากประเทศที่ค่าแรงต่ำกว่าเช่นจีนเข้ามาตีตลาด  ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว  สินค้าที่ผลิตจากไทย  ไม่สามารถที่จะลดราคาลงได้มากกว่านั้นอีกแล้ว  อาจทำให้ขายสินค้าไม่ออก  เมื่อถึงเวลานั้น  อาจทำให้บริษัทเจ๊งได้เลยทีเดียว   ถ้าผู้ประกอบการต้องการอยู่รอด  เขาต้องย้ายฐานการผลิตไปที่ประเทศอื่นซึ่งมีค่าแรงถูกกว่าไทย  และเมื่อถึงเวลานั้น  ก็จะมีคนไทยตกงานอีกไม่รู้กี่คน  เพราะเท่าที่ดูทุกวันนี้แล้ว  ในประเทศไทยมีนิคมอุตสาหกรรมมากมายเหลือเกิน  และมีคนไทยในนิคมพวกนั้นเป็นจำนวนไม่รู้เท่าไหร่  ถ้าคนพวกนั้นตกงานขึ้นมา  แล้วจะมีใครมีเงินไว้ซื้อสินค้าต่างๆได้  ถ้าค่าแรงแพงเสียเปล่า  แต่ไม่มีงานให้ทำ  มันจะมีประโยชน์อะไร

2.ถ้าคนในประเทศไม่มีงานทำ  แต่ละคนก็จะซื้อสินค้าและบริการต่างๆน้อยลง  เป็นเหตุทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อยลง  ไม่ว่าจะเป็น  VAT  ภาษีรายได้  และภาษีอื่นๆ  เมื่อถึงตอนนั้น  คุณภาพชีวิตของคนไทยก็อาจจะต่ำลงได้  เนื่องจากว่าไม่มีเงินไปพัฒนาประเทศเช่น  สิทธิคนไทยรักษาฟรี  การสร้างสถานที่ต่างๆเช่น  ถนนหรือโรงพยาบาล  การจ้างข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ  ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ต้องการจะปลดข้าราชการออกจากระบบ  วิธีที่จะประคองให้สถานการณ์เป็นไปอย่างเดิมได้คือ  การขึ้นภาษี

3.การท่องเที่ยวอาจซบเซา  เนื่องจากของทุกอย่างในประเทศมีราคาแพง  นักท่องเที่ยวที่มีเงินไม่มากพอ  อาจตัดสินใจไม่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย  เพราะถ้าเขาเข้ามาเที่ยว  อาจจะพักอยู่ได้ไม่นาน  ซึ่งก็มีผลทำให้  สินค้าและบริการต่างๆที่พึ่งพาการท่องเที่ยว  ไม่ว่าจะเป็นพนักงานโรงแรม  สายการบินต่างๆ  คนขับแท็กซี่  ผับบาร์  คนขายของที่ระลึก  ร้านอาหาร  ฯลฯ  จะล้มหายตายจากอีกเป็นจำนวนเท่าใด

     เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  เราก็ต้องมาลองชั่งน้ำหนักดูว่า  อย่างไหนเสียหายกว่ากัน  แต่ตามสถานการณ์แล้วผมเห็นว่า  ค่าแรงคงจะต้องขึ้นแน่นอน  เนื่องจากว่าสองพรรคการเมืองใหญ่  ใช้ประเด็นนี้มาชูเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากชนชั้นแรงงานซึ่งมีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย  ผมก็ได้แต่คอยดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า  สุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร  และผมจะสามารถหาประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #256 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2011, 17:01:37 »

เกี่ยวกับเทสโก้ และโลตัส...http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89_%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%AA
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #257 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2011, 16:33:27 »

สินค้าโภคภัณฑ์
     ในความเข้าใจของผมแล้ว  สินค้าโภคภัณฑ์หมายถึง  สินค้าอะไรก็ตามที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ  และมันสามารถซื้อขายได้เช่น  ทองคำ  น้ำมัน  เนื้อหมู  ข้าว  น้ำตาล  เสื้อผ้า  ฯลฯ  เมื่อเรามามองถึงบริษัทที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ก็จะเห็นว่า  มีในตลาดหลักทรัพย์มากมาย  และการที่เราจะประสบความสำเร็จในการลงทุนกับบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้  เราต้องทำความเข้าใจกับปัจจัยหลายอย่าง  เนื่องจากว่า  สินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้นั้น  ต่างก็มีข้อดีและข้อด้อย  ซึ่งขณะที่เรากำลังจะลงทุน  ก็ต้องหูตากว้างขวางมากพอที่จะมองไปถึงต่างประเทศเพื่อมาชั่งน้ำหนักในการลงทุนของเรา

ข้อดี
     เนื่องจากว่าสินค้าโภคภัณฑ์เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป  ดังนั้นแล้ว  สินค้าที่เราผลิตได้  ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขายเฉพาะในประเทศเท่านั้น  แต่ยังสามารถส่งขายไปยังประเทศต่างๆได้ทั่วโลกเช่น  ข้าว  น้ำตาล  น้ำมัน

ข้อเสีย
     การที่สินค้าเป็นที่ยอมรับในระดับโลก  ดังนั้น  เราจึงมีคู่แข่งในตลาดโลกมากสักนิด  ในเมื่อเราสามารถส่งสินค้าไปขายยังที่อื่นได้  ดังนั้น  ประเทศอื่นก็สามารถส่งสินค้าเข้ามาขายในประเทศเราได้เช่นกัน  เพราะสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายนั้น  ก็ไม่ได้มีจุดเด่นในตัวเองจนต้องมีการผูกขาดยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งเช่น  น้ำตาล.....ไม่ว่าน้ำตาลจากที่ใดในโลกก็มีรสชาติหวานเหมือนกัน   หรือน้ำมัน.....ซึ่งไม่ว่าจะเติมน้ำมันยี่ห้อไหนรถก็วิ่งได้  ซึ่งเมื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาประมวลผลแล้วจะเห็นว่า  ถ้าเราคิดจะลงทุนในหุ้นของบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว  ก็จะต้องหูตากว้างขวางสักนิด  ดูว่าขณะนี้สินค้าพวกนั้นล้นตลาดหรือขาดตลาดอย่างไร  เพราะเรื่องเหล่านี้จะเป็นปัจจัยบวกและลบให้กับทุกๆบริษัทที่ทำธุรกิจนี้อยู่  ยกตัวอย่างเช่น  ประเทศทางตะวันออกกลางซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกประสบปัญหาการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของแต่ละประเทศ  ทำให้น้ำมันที่จะออกสู่ตลาดโลกลดน้อยลง  เมื่อของมีน้อย  แต่ความต้องการเท่าเดิม  ของพวกนั้นจึงแพงขึ้น  ซึ่งปัจจัยนี้จะเป็นบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน  แต่เมื่อไม่นานมานี้  ประเทศซาอุฯซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกออกมาประกาศว่า  จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้มากขึ้น  จึงเป็นผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลง  ซึ่งก็กระทบกับรายได้ของบริษัทน้ำมันต่างๆทั่วโลกเช่นกัน

     เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  ก็จะเห็นได้ว่า  ถ้าเราลงทุนกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว  กำไรและการขาดทุนต่างๆมักจะมาจากปัจจัยภายนอกทั้งสิ้น  ซึ่งการทำธุรกิจแบบนี้ถือว่าเสี่ยงมากพอสมควร  เนื่องจากว่า  เราไม่สามารถควบคุมราคาจำหน่ายได้เอง  ราคาทั้งหมดนั้น  ต้องอ้างอิงจากราคาตลาดโลกเท่านั้น  แต่ถ้าคุณมีเวลาติดตามข่าวสารมากเพียงพอ  ก็จะทำให้เราได้เปรียบนักลงทุนคนอื่นๆบ้างพอประมาณ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
singhato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 697



« ตอบ #258 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 19:17:43 »

NMG : บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
วันนี้ดูหุ้นแปลกๆ
ล่าสุด            12.80
เปลี่ยนแปลง    +0.80
%เปลี่ยนแปลง    +6.67
วันก่อนหน้า            12.00
เปิด                    11.90
สูงสุด            13.10
ต่ำสุด            11.60
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์   

NMG
ราคาล่าสุด           1.28
เปลี่ยนแปลง      -10.72
%เปลี่ยนแปลง   -89.33 %
ณ วันที่ 24/06/2011 เวลา 17:47
www.settrade.com

แล้วจะเชื่อที่่ไหนดีที่ผมเปิดพอร์ดก็ตัวเลขเหมือนwww.settrade.comใครรู้ช่วยตอบผมที่ ฮืม ฮืม ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #259 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2011, 15:56:02 »

ดูแล้วก็อยู่ในเครือซีพี แล้วทำไมต้องมี lotus express ออกมาแข่งเซเว่นด้วย งง หรือว่าแบ่งๆกันไป กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 มิถุนายน 2011, 11:02:05 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 [13] 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 ... 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!