เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 04:05:14
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ... 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293276 ครั้ง)
J@de
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 47



« ตอบ #100 เมื่อ: วันที่ 24 ธันวาคม 2010, 16:29:34 »

เจ้าของกระทู้

ตามกฎ กลต. ท่านผู้ไม่มีใบอนุญาติไม่สามารถแนะนำ ชักจูง เชิญชวน ผู้อื่นได้หนะครับ โปรดศึกษากฎหมายให้ชัดแจ้งเพื่อประโยชน์สุขของตัวท่านเอง

การบริหารการเงินเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นการดีที่ผู้มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จจะเล่าสู่กันฟัง แต่ด้วยความรู้แต่ละบุคคลไม่เท่ากัน กฎหมายท่านจึงได้กำหนดไว้ไม่ให้ผู้ที่แสวงหาประโยชน์หรืออาจจะแสวงหาประโยชน์โดยซ่อนเร้น กระทำการใดๆ อันจะเป็นการละเมิดได้

IP : บันทึกการเข้า
arm phan
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90



« ตอบ #101 เมื่อ: วันที่ 25 ธันวาคม 2010, 11:08:50 »

ถึงทุกท่าน
การเล่นหุ้นมีความเสียง แต่ท่านที่มีความเชี่ยวชาญสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล แต่เน้นท่าน ต้องมีเงินเย็น หุ้นแต่ละตัวมีความละเอียดอ่อน สำหรับตำราต่างๆที่เราอ่านเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ตำราของต่างประเทศบางอย่าง ใช้ไม่ได้กับเมืองไทย เพราะติดปัญหาหลายอย่างมาก ประเด็นแรก เรื่องกฏหมายไม่เข้มแข็ง ความไม่เป็นเสรีจริงของเมืองไทย ผู้มีทุนมากกำลังมาก เป็นผู้กุมอำนาจ อีกทั้งเรื่องอิทธิพลต่างๆมากมาย ผมเองอยู่มาหลายวงการ ไม่ว่าหุ้น ทองคำ ธุรกิจ ดำ หรือ ขาว พ่อค้าต่างๆ เห็นความจริงได้ว่า ปลาใหญ่มักกินปลาเล็กเสมอ แนะนำทุกท่าน ก่อนเริ่มทำอะไรให้กลับไปดูตนเองก่อนว่าท่านเป็นใคร อยู่ในตำแหน่งใหนของชีวิต สังคม ท่านมีความมุ่งมั่นมากน้อยเพียงไร ไม่ได้ให้ดูถูกตัวเองหรือคนอื่นครับ แต่อยู่กับความเป็นจริงครับ ปัจจุบันสังคมไทยเราหาเพื่อนที่ดีและจริงใจได้น้อยมาก การที่จะแบ่งกันรวยเป็นไปได้อยาก ท่านเองของคิดดูว่าท่านทำเงินได้มากมายอยู่แล้ว ท่านอยากแบ่งให้คนอื่นหรือเปล่า เราต้องยอมรับความจริงครับ แต่ถ้ามีใครสักคนทำได้เพื่อสังคมผมเองก็จะยอมรับ เริ่มจากอาชีพที่ท่านทำในปัจจุบันให้ดียิ่งๆขึ้นไป หาความรู้เพิ่มขึ้น คบมิตรที่ดีมากขึ้น เปิดใจรับมากขึ้น ท่านจะประสบความสำเร็จครับ.........
IP : บันทึกการเข้า
3654
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 138



« ตอบ #102 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2010, 21:41:16 »

ผมอยากเล่นบ้างต้องปรึกษาคัยครับอยากมีคนปรึกษาเรื่องเล่นหุ้น
..ไปเล่นกันที่ไหน
..ใช้เงินเท่าไหร่
..ดูหุ้นได้จากที่ไหน
..เริ่มเล่นยังงัย
..จะไปขายที่ไหน
คือตอนนี้ไม่มีข้อมูลเบื้องต้นของการเล่นหุ้นเลยแต่อยากเล่นมากๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 ธันวาคม 2010, 21:44:40 โดย 3654 » IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #103 เมื่อ: วันที่ 28 ธันวาคม 2010, 16:10:31 »

ตอบคุณ 3654
     ลองไปปรึกษาโบรกเกอร์ดูครับ  ที่ผมใช้บริการอยู่ที่ตรงข้าม CR MALL เขาคงให้รายละเอียดได้มากอย่างที่เราอยากรู้
ตอบคุณ อำพัน
     ผมอยากติงนิดนึงนะครับเรื่องตำรา  จริงๆแล้วตามความเห็นของผม  มันน่าจะใช้ได้  เนื่องจากว่า  ในตำรานั้นมันเป็น"หลักการ"  มิใช่ความเห็น  เช่นการที่เขาสอนเรื่องการดูหุ้น  เราก็ศึกษาจากคนที่เขาประสบความสำเร็จว่าเขาทำอย่างไร  เหมือนอย่างเช่น  ถ้าเราอยากรู้เรื่องดินฟ้าอากาศ  เราก็ควรถามนักพยากรณ์อากาศน่ะครับ  หรือถ้าเป็นเรื่องพื้นๆ  บางอย่างเราก็สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองเช่น  ถ้าไม่มีเมฆ  ฝนก็ไม่ตก  ถูกต้องไหมครับ  เพราะเราต่างก็รู้ว่า  ฝนนั้น  กลั่นตัวมาจากเมฆ  เพราะฉะนั้นแล้ว  รู้ไว้ใช่ว่าครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #104 เมื่อ: วันที่ 29 ธันวาคม 2010, 16:01:17 »

ว่าด้วยเรื่องของทองคำ
     จากเรื่องที่คุณอำพันได้กล่าวอ้างว่า  ปลาใหญ่กินปลาเล็ก  สำหรับในเรื่องของทองคำนั้น  ในความเห็นของผม  "ทอง"  เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก  ซึ่งมีผู้คนเกี่ยวข้องมากมาย  ผมว่า  ในกรณีที่คนใดหรือองค์กรใด  จะสามารถกำหนดราคาทองให้เป็นเป็นได้อย่างใจชอบนั้น  เป็นไปได้ยากมาก  เพราะต้องมีทุนมหาศาลในการปั่นราคา  เช่นถ้ามีคนไปปั่นราคาทองในตลาดโลกขึ้นมา  แล้วประเทศจีนซึ่งมีทองสำรองไว้เยอะมาก  ก็ได้เทขายออกมาเมื่อเห็นว่าได้กำไร  ตลาดก็จะรับข่าวนี้ไป  และอาจจะทำให้ราคาทองไม่ขยับขึ้นไปได้ตามอย่างใจคนปั่น  ผมว่าราคาของอะไรก็ตามแต่  น่าจะมาจากการยอมรับของคนส่วนใหญ่ที่จะเห็นตรงกันว่า  มันควรจะมีราคาเท่าไหร่  ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่คุณอำพันกล่าวจริง  การที่เรามีทองอยู่หนึ่งเส้น  ถ้าเขามากดราคาซื้อจากเรา  แต่เราก็รู้ว่า  ในตลาดเขาขายกันที่เท่าไหร่  แล้วอย่างนี้  เราจะขายไหมครับ  ทุกวันนี้  โลกไร้พรมแดน  ข้อมูลมีมากมาย  และการที่เราจะทำอะไรนั้น  เราก็ควรจะศึกษาในเรื่องนั้นๆให้เข้าใจเสียก่อน  จริงๆแล้วสมัยนี้  เรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กยังมีอยู่  แต่การที่เรามีความรู้มากพอ  มันก็จะเป็นเกราะป้องกันเราไว้ได้  เพราะถ้าสิ่งที่เราลงทุนไปแล้ว  เราได้วิเคราะห์มันอย่างถี่ถ้วนก่อนจะลงทุนไป  เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างซึ่งอาจจะไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราลงทุน  เราก็ไม่ควรจะเป็นกังวลจนเกินไปนัก  หรือในบางที  มันอาจจะเป็นโอกาสครั้งใหม่สำหรับเราก็เป็นได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
arm phan
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90



« ตอบ #105 เมื่อ: วันที่ 29 ธันวาคม 2010, 16:47:11 »

ว่าด้วยเรื่องของทองคำต่อครับ ทองคำลักษณะการเล่นมีสองแบบ ครับเล่นแบบหุ้น และทองคำแท่ง เราต้องอาศัยซื้อจากร้านทอง ถ้ามีเงินเยอะเล่นได้บ่อยครับ ถ้ามีเงินน้อยเล่นได้ประมาณ สามถึง สี่ครับ ต่อปี ครับเพราะกำไรน้อย ส่วนใหญ่ชอบเล่นแบบ ซื้อจากร้านทอง อาศัยซื้อแบบสนิทกับเจ้าของร้าน ปรกติ อาจหัก 50 บาท ต่อทองหนึ่งบาท บางร้านไม่หัก (เขาเรียกว่าค่าขนส่ง) เล่นครั้งละ ร้อยถึงสองร้อย บาท ต่อครั้ง ลงทุนประมาณ สามล้าน ได้ประประมาณ หกหมื่น แต่ต้องขึ้นจากราคาซื้อ 300 บาท กว่าจะได้ต้องรอ บางทีโชคดี แค่ สิบกว่าวัน บางที เป็นเดือนสองเดือน ถ้าจังหวะเข้าซื้อไม่ดี ดีเราอาจไม่ดีเขา ราคาทองส่วนใหญ่ อิทธิพล มาจากเมืองนอก.........ถ้ามีเงินเงินได้กำไร แน่ๆ แต่ต้องใช้เงินเยอะ เงินเย็น
IP : บันทึกการเข้า
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,889


« ตอบ #106 เมื่อ: วันที่ 30 ธันวาคม 2010, 08:38:08 »

เจ้าของกระทู้

ตามกฎ กลต. ท่านผู้ไม่มีใบอนุญาติไม่สามารถแนะนำ ชักจูง เชิญชวน ผู้อื่นได้หนะครับ โปรดศึกษากฎหมายให้ชัดแจ้งเพื่อประโยชน์สุขของตัวท่านเอง

การบริหารการเงินเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นการดีที่ผู้มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จจะเล่าสู่กันฟัง แต่ด้วยความรู้แต่ละบุคคลไม่เท่ากัน กฎหมายท่านจึงได้กำหนดไว้ไม่ให้ผู้ที่แสวงหาประโยชน์หรืออาจจะแสวงหาประโยชน์โดยซ่อนเร้น กระทำการใดๆ อันจะเป็นการละเมิดได้


.

ไม่ได้ชักชวนให้มาลงทุนด้วยนี่ครับ...


เท่าที่อ่านดูก็แค่มีจุดประสงค์คือ ถึงเวลาที่คนต้องลงทุนแล้ว

ไม่ได้บอกว่าต้องลงทุนกับเค้าเองนิ - -

.
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #107 เมื่อ: วันที่ 30 ธันวาคม 2010, 16:05:05 »

ขอบคุณคุณแมงมุมมากนะครับที่เข้าใจจุดประสงค์ของผม  เอาล่ะ...ผมจะต่อเรื่องของทองอีกนิดหน่อย  ตามที่คุณอำพันแสดงตัวอย่างการลงทุนในทองตามแบบฉบับของตัวเองมาแล้ว  ผมแนะนำได้แค่ว่า  การลงทุนบนราคานั้น  เป็นการลงทุนบน"ความเห็น"  นั่นหมายความว่า  ราคาทองนั้น  ตามความเห็นของคนส่วนใหญ่แล้ว  มันควรจะราคาเท่าไหร่  ซึ่งนั่นผมไม่ได้บอกว่าผิดนะครับ  แต่การลงทุนบนราคาแบบนั้น  มันค่อนข้างเสี่ยงไปนิด  เพราะมันไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่า  มันจะราคาขึ้นไปได้อีกจากที่เป็นอยู่  ซึ่งการที่ราคาทองเป็นอย่างทุกวันนี้  นั่นเป็นเพราะว่ามีคนนิยมมันเพียงเท่านั้น  ถ้าสมมติเทรนของโลกเปลี่ยนไป  กลายไปเป็นนิยมแร่เงินแทนล่ะครับ  เพราะแร่เงินนั้น  นับวันก็จะลดน้อยลงไป  และในอนาคตจะสูญหายไปจากโลก  ถ้าถึงเวลานั้น  คนที่เห็นความสำคัญของตรงนี้  กลับมาไล่ซื้อเงินกันอุตลุด  และเทขายทองคำกันวุ่นวาย  ถึงเวลานั้น  คุณจะอยากมีทองคำกันอยู่ไหม  เพราะทุกวันนี้  ถึงแม้ว่าทองคำจะขุดขึ้นมาจากใต้ดินได้น้อยกว่าในอดีต  ซึ่งหมายความว่าหายากขึ้น  แต่ทองคำนั้น  ก็ถูกเก็บไว้ในรูปแบบของเครื่องประดับและทุนสำรองเป็นจำนวนมาก  เพราะฉะนั้นแล้ว  ผมก็เลยไม่ค่อยแนะนำให้คนลงทุนในทองคำสักเท่าไหร่   เนื่องจากว่า  มันเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก  แต่ถ้าเป็นหุ้นนั้น  เราสามารถคาดการณ์ได้จากสิ่งที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันธรรมดาไม่ซับซ้อนครับ  เช่นเวลาเราไปตามสถานที่ต่างๆ  แล้วตามลานจอดรถมีรถยี่ห้อนี้จอดเยอะมาก  แสดงว่ารถยี่ห้อนี้ขายดี  เพราะฉะนั้นแล้ว  กำไรของบริษัทที่ผลิตรถยี่ห้อนี้  ก็ควรเพิ่มขึ้นด้วย  และเมื่อกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น  เราซึ่งร่วมเป็นเจ้าของกับบริษัทนั้น  ก็จะได้รับประโยชน์อย่างเดียวกับที่เจ้าของควรได้เช่น  เงินปันผลจากกำไร  หรือราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นตามการซื้อขายในตลาด  นี่เป็นตัวอย่างนะครับ  ยังมีอีกหลายอย่างที่เราสามารถสัมผัสได้จากชีวิตประจำวัน  โดยไม่ต้องใช้ความรู้อะไรซับซ้อนเลย  เพียงแค่ใช้การสังเกตุแค่เล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งมันอยู่ที่ว่า  เราเห็นอะไรแค่นั้นเอง  ไม่เหมือนอย่างทอง  ซึ่งตลอดเวลาที่เราได้ถือครองมัน  เราจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย  นอกจากส่วนต่างของราคาในตอนที่เราขายออกไปครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #108 เมื่อ: วันที่ 07 มกราคม 2011, 16:53:07 »

     ช่วงนี้ของแพงหน้าก็แดง  ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันรถ  น้ำมันปาล์ม  เนื้อไก่  และจิปาถะ  สำหรับคนทำงานกินเงินเดือนก็ลำบากหน่อยนะครับ  เพราะเงินเดือนไม่ค่อยขึ้น  แต่สำหรับคนที่ลงทุนผ่อนบ้านอยู่ก็ดีใจด้วย  ที่เหตุการณ์แบบนี้มันคล้ายกับว่า  เราส่งค่างวดราคาลดลง  เพราะเราส่งค่างวดเท่าเดิม(ถ้าเรามีรายได้เพิ่มขึ้น)  ส่วนราคาบ้านน่าจะสูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ  แต่น่าเห็นใจสำหรับคนที่ฝากเงินไว้ในธนาคาร  เพราะเหมือนกับว่า  เงินของเรากำลังลดมูลค่าลง  ยังไงก็เอาใจช่วยทุกคนนะครับ  และถ้าเป็นไปได้  เราควรนำเงินฝากมาลงทุนกันดีกว่า  เพื่อไม่ให้เสียเปรียบเงินเฟ้อ  ที่นับวันจะรุนแรงขึ้นตามการเก็งกำไรสินค้าต่างๆบนโลกใบนี้
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #109 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2011, 22:19:42 »

คนจนที่มีเงิน!!!
     หลายคนอาจสงสัยว่า  เป็นไปได้อย่างไร  ที่คนมีเงินมากแล้วยังจนอยู่  ลองนึกดูกันหน่อยดีไหมครับว่า  คุณเคยได้ยินประโยคพวกนี้บ้างหรือเปล่า  หรือว่าอาจจะเคยคิดเอาเองบ้างไหมว่า  ถ้าเราถูกหวยสักสิบล้าน  เราจะยังทำงานต่อไปเหมือนเดิม(อาจจะเป็นลูกจ้าง  ค้าขายส่วนตัว ฯลฯ)  เราจะยังไม่เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตไปจากที่เป็นอยู่  เราจะเก็บเงินทั้งหมดไว้ในธนาคาร  โดยที่เรามีความอุ่นใจในชีวิตมากขึ้น  เนื่องจากว่า  ในบั้นปลายชีวิต  เราจะไม่ลำบากแล้ว  แต่ผมว่า  คนที่คิดอย่างนี้  อาจจะไม่รู้วิธีทำให้ตัวเองร่ำรวยขึ้น  หรืออย่างน้อยที่สุด  ก็ทำให้เงินที่เรามีอยู่  มันงอกเงยออกมามากกว่าที่จะทิ้งให้เงินอยู่เฉยๆ  ผมก็เลยอยากเรียกท่านพวกนี้ว่า  คนจนที่มีเงิน  บางคน...ไม่รู้จักวิธีทำให้งอกเงยยังไม่พอ  กลับใช้เงินพวกนั้นสนองตัณหาที่เก็บกดของตัวเองเช่น  ซื้อรถยนต์  เอาเงินไปท่องเที่ยว  ซื้อเสื้อผ้าราคาแพง  ทั้งๆที่บางที  มันอาจไม่จำเป็นเลยสักนิด  แล้วกว่าที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  เขาจะเหลือเงินอยู่อีกเท่าไหร่
     ถ้าผมกล่าวลอยๆโดยไม่มีตัวอย่าง  บางท่านอาจติงได้ว่า  แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่า"ฉลาด"  จริงๆแล้ว  การทำให้เงินงอกเงย  มันก็มีหลายวิธี  แต่ถ้าจะเอาแบบไม่เสี่ยง  ผมอาจจะแนะนำได้บ้างเช่น  เอาไปซื้อสลากออมสิน  ถ้าคุณเกิดโชคดีขึ้นมาจริงๆ  ถูกหวยได้เงินมาสักสิบล้าน  คุณคิดว่า  โอกาสแบบนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตได้กี่ครั้ง  การรักษาเงินต้นให้อยู่กับเราก็ว่ายากแล้ว  เพราะต้องฝืนกับความรู้สึก"อยาก"ของเราเอง  แต่การที่จะทำให้มันงอกเงยยิ่งๆขึ้นไปนั้นยากกว่า
     เมื่อเรามีเงินสิบล้าน  ถ้าเราเอาไปซื้อสลากออมสินหน่วยละ 50 บาท  เราจะซื้อได้ทั้งหมด  สองแสนหน่วย  และในสองแสนหน่วยนี้  เราจะสามารถตรวจรางวัลเลขท้าย 4 ตัวได้ 40 หมายเลข  รางวัลหมายเลขละ  150  บาท  เราจะได้เงินต่องวด  6000  บาท และเราสามารถตรวจรางวัลเลขท้าย  5  ตัวได้  4  หมายเลข  รางวัลหมายเลขละ  300  บาท  เราจะได้เงินต่องวด  1200  บาท  รวมเป็นเงินทั้งสิ้นงวดละ  7200  บาท  ซึ่งการที่เราได้เงินขนาดนี้ต่อเดือน  ก็อาจจะทำให้เราไม่ต้องทำงานอีกเลยชั่วชีวิต  แต่ถ้าเรายังอยากร่ำรวยขึ้นไปอีก  เราก็สามารถดาวน์ตึกแถวหรือบ้าน  นำมาให้เขาเช่าได้  ถ้ามีคนเช่า  เราก็นำค่าเช่าไปส่งให้ธนาคาร  และเรายังสามารถสมทบเงินที่เราได้จากสลากเพิ่มเข้าไปได้อีก  ซึ่งจะทำให้หนี้สินนั้นหมดเร็วขึ้น  แต่ถ้าเราหาผู้เช่าไม่ได้  เราก็นำเงินที่ได้จากสลาก  เอาไปผ่อนธนาคารก่อน  ซึ่งก็จะทำให้เราไม่ลำบากมากนัก  หรือถ้ามีคนเช่า  แต่เราไม่อยากสมทบเงินที่ได้จากสลากเข้าไป  เราก็ออมไว้ก่อน  ซึ่งถ้าเราออมไว้เดือนละ 7200 บาท เมื่อครบอายุสลาก 3 ปี  เราจะออมเงินได้ทั้งหมด  259200 บาท  และเมื่อครบ 3 ปีตามอายุสลาก  เรานำไปขายคืน  เราจะได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 2.75  เรามีทั้งหมดสองแสนหน่วย  ก็จะได้ดอกเบี้ยเป็นเงิน 550000  เมื่อรวมกับเงินถูกเลขรางวัล  เราจะได้เงินที่งอกออกมาจากสิบล้านบาทเป็นเงิน  809200  บาท  นี่ยังไม่รวมกับสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของอื่นๆในระหว่างนั้นอีกนะครับเช่น บ้านหรือตึกแถวสำหรับเช่า  ถ้าคุณหาผู้เช่าได้ตลอด 3 ปี  ซึ่งคุณไม่ต้องใช้เงินรางวัลเลขท้ายสลากมาผ่อนส่งเลย
     น่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ 3 ปีได้เงินมาแปดแสนกว่าบาท  แล้วหลังจากที่เราได้เงินมา  คุณก็คงจะรู้ว่า  คุณจะทำยังไงอีก  และเมื่อถึงเวลานั้น  คุณไม่ต้องทำงานอีกต่อไป  แต่คุณก็จะมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ  อย่างนี้แหละครับ  ถึงจะเรียกว่า"คนรวย"จริงๆ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #110 เมื่อ: วันที่ 07 กุมภาพันธ์ 2011, 15:16:34 »

     เมื่อกล่าวถึงธุรกิจเครือข่ายแล้ว  ในความเห็นของผม  อาชีพนี้ไม่ใช่อาชีพของนักลงทุน  เนื่องจากว่า  ถ้าเป็นนักลงทุนตัวจริง  เมื่อเขาได้ลงเงินไปแล้ว  เขาก็จะปล่อยให้เงินนั้นไปทำงานแทนเขา  เช่นเข้าหุ้นในกิจการ  แต่ให้คนอื่นบริหารแทน  ส่วนตัวเขาเอง  ก็รอรับผลตอบแทนจากเงินนั้น  ตัวอย่างคือ  มีคนไปเสนอว่า  จะลงทุนขายก๋วยเตี๋ยว  และตัวเขาเองนั้น  เคยเป็นลูกจ้างอยู่ในร้านชื่อดังมาเป็น  10  ปี  ได้ทำมาทุกตำแหน่ง  ได้เห็น  ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำทุกอย่างเพื่อให้ออกมาเป็นก๋วยเตี๋ยว  ไม่ว่าจะเป็น  ที่ซื้อวัตถุดิบ  การนำมาปรุง  และการขาย   เพราะฉะนั้นแล้ว  ตอนนี้เขาพร้อมที่จะเปิดร้านเอง  แต่ขาดทุนทรัพย์  จึงมาหาเราเพื่อขอเงินทุน  เมื่อเราทราบข้อมูลดังนี้แล้ว  เราก็เห็นว่าเขามีประสบการณ์  จึงได้ตกลงกันว่า  ไม่ว่าเขาจะขายได้กำไรเท่าไหร่  เขาต้องแบ่งกำไรนั้นมาให้เราในอัตรา  50  %  ของกำไร  จากนั้นเราจึงควักเงินเพื่อลงทุนให้  เมื่อเขาได้เงินเราไปทำทุนแล้ว  กิจการก็ขายดีมีกำไร  และเขาก็นำกำไรที่ได้นั้น  มาแบ่งให้เรา  โดยที่เราไม่ต้องไปทำเองเลย  และตราบใดที่กิจการยังดีอยู่  เราก็จะได้รับเงินส่วนแบ่งผลกำไรนั้นตลอดไป  ซึ่งหากว่า  ร้านที่เขาเอาไปทำแล้วดีมาก   50  %   ของกำไรหนึ่งหมื่นก็คือห้าพัน  แต่พอกิจการดีขึ้น  ส่วนแบ่ง  50  %   ของหนึ่งแสนก็เท่ากับห้าหมื่นเลยทีเดียว  นั่นจึงเป็นที่มาว่า  ถ้าเราซื้อหุ้นของกิจการที่ดีแล้ว  เราก็จะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรนั้นตลอดไป  ตราบใดที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่  ส่วนหุ้นขึ้นหุ้นลงนั้น  มันเป็นเรื่องของการพนัน  ความโลภ  และความกลัว
     เมื่อมามองดูธุรกิจเครือข่ายแล้ว  มันมองดูเหมือนจะเป็นการทำธุรกิจมากกว่าเป็นการลงทุน  เนื่องจากว่า  ตอนแรกเราได้ควักเงินลงทุนสมัครไปก็จริง  แต่หลังจากนั้นแล้ว  เราก็ต้องควักเงินเพื่อซื้อแต้มทุกเดือน  หากเราไม่มีแต้มหรือแต้มไม่ถึงตามกำหนด  เราก็จะไม่ได้รับผลตอบแทน  ซึ่งดูไปแล้วเหมือนเป็นหนี้สิน  เพราะทำให้เงินไหลออกจากกระเป๋าเราทุกเดือน  แต่ผลตอบแทนที่ได้คืนกลับมานั้น  ช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย  ส่วนของที่เราไปซื้อมาในราคาแสนแพงนั้น  บ้างก็อวดอ้างสรรพคุณสารพัดว่าดีกว่าท้องตลาด  แล้วเราจะเชื่อได้ไหม  ยิ่งผ่านไปหลายเดือน  ของก็ยิ่งทับถมมากขึ้น  จนไม่รู้ว่าจะใช้มันได้ยังไงหมด  จะเอาไปถามขายคนอื่น  ก็ไม่มีใครอยากซื้อ  เนื่องจากว่า  ราคามันแพงกว่าที่เขาใช้อยู่อักโข  ส่วนเงินที่เราถมไปทุกเดือนนั้น  ก็กลายไปเป็นรถยนต์หรูหราให้กับคนที่ทำมาก่อนเรา  ซึ่งใช้นำมาเป็นเครื่องกระตุ้นความอยากในตัวของคนเรา  และโดยวลีเด็ดที่พูดว่า “ผมทำได้  คุณก็ทำได้”  วลีนี้คุ้นๆไหมครับ  แต่บางท่านที่ทำธุรกิจเครือข่ายอยู่  ก็อาจจะท้วงว่า  ถ้าทำสำเร็จมันก็ได้จริง  อันนี้ผมไม่เถียงนะครับ  มันก็ได้จริง....แต่ทำไมเราต้องบังคับด้วยล่ะว่า  ต้องซื้อของเท่านั้นเท่านี้  มิฉะนั้นแล้วจะไม่ได้ผลตอบแทน   ทำอย่างโลตัสไม่ได้หรือ  ไม่บังคับ  ซื้อเท่าไหร่คืนให้เท่านั้น  ถ้าไม่พอคืน  ก็ยกยอดไปรวมกันแล้วค่อยคืน  และสินค้าแต่ละอย่าง  ราคาก็ถูกและมีให้เลือกหลากหลาย  ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างสรรพคุณให้เวียนหัว  นี่สิถึงจะเรียกว่าธุรกิจเครือข่ายจริงๆ  เป็นเครือข่ายของผู้บริโภคที่ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ  ซึ่งเท่าที่เจาะแผนงานของธุรกิจเครือข่ายดูก็พบว่า  งานนี้เป็นงานชวนคนมาต่อแถวมากกว่า  ยิ่งชวนได้เยอะ  ก็ได้ส่วนแบ่งเยอะ  ซึ่งบางที  การโน้มน้าวคนให้คล้อยตามอย่างนี้  ก็อาจจะสรรหาคำต่างๆนานามาพูดได้จนลิงหลับ  เช่น  บริษัทนี้เพิ่งมีสมาชิกแค่หมื่นคนเอง  ยังเหลือคนที่จะชวนได้อีกเยอะ  แต่เราลืมคิดไปว่า  นั่นมันแค่บริษัทนี้  แล้วคนที่เขาอยู่บริษัทอื่นล่ะ  คำนวณเข้าไปหรือยัง  แล้วคนที่ทำแล้วเลิกแล้วอีกล่ะ  เพราะทำแล้วไม่สำเร็จ  หรือเป็นคนที่เขาไม่สนใจธุรกิจเครือข่ายเลย  แล้วมันยังจะเหลือคนให้ชวนอีกกี่คน  เผลอๆไปชวนมากๆเข้า  เหม็นขี้หน้ากันซะเปล่าๆ  คนที่โดนชวนก็มัวแต่คิดอยากได้เงินของคนอื่นโดยลืมนึกไปว่า  “เราอยากได้เงินของคนอื่น  คนอื่นก็อยากได้เงินของเรา”   บางบริษัทก็บอกว่า  คนมาทีหลังแซงคนมาก่อนก็ได้ถ้าขยัน  อันนี้ผมอยากเปรียบเทียบกับผลของต้นไม้   เช่นถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง  แล้วผลไม้ที่มีอยู่บนต้นก็คือประชากร  ซึ่งเราก็พอมองภาพออกใช่ไหมว่า  ต้นไม้หนึ่งต้นมันก็มีผลจำกัด  ถ้าคนที่เขาปีนขึ้นไปเก็บก่อน  เขาก็ย่อมได้มากกว่าคนที่ปีนขึ้นไปทีหลัง  แล้วคุณจะไปเก็บได้มากกว่าเขาได้ยังไง  ถ้าอยากได้มากกว่าเขา  คุณก็ต้องไปปีนที่ต้นอื่น  ซึ่งอาจหมายถึงประเทศอื่นเช่น  ลาว  พม่า  เป็นต้น  แต่แค่นั้นยังไม่พอ  ส่วนที่คุณไปเก็บได้ที่อื่น  ยังต้องนำมาแบ่งให้กับคนที่ชวนคุณ  ดูๆไปแล้วมันไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหมครับ  กับการที่เราต้องถ่อสังขารไปไกลกว่าเขา  เพียงเพื่อจะหอบเอาส่วนนั้นมาแบ่งเขาด้วยเพียงเพราะว่า “เขาเป็นคนชวนคุณ” เท่านั้นเอง  ดูๆไปแล้วเหมือนเอาเปรียบเราไหมครับ  แน่นอน...คุณคิดว่าเอาเปรียบเราแน่  แล้วถ้าเราคิดว่าเขาเอาเปรียบเรา  แล้วทำไมเราต้องไปชวนคนอื่นเพื่อเอาเปรียบคนอื่นด้วยล่ะ  เพราะแม้แต่เราเองยังไม่ชอบเลย....ถูกต้องไหม   เผลอๆไปชวนเพื่อน  อาจเสียเพื่อนเลยนะ  แต่สำหรับในที่ประชุมของพวกนี้แล้ว  ใครที่ชวนคนใกล้ตัวมาฟังการบรรยายได้  กลับได้รับการยกย่องว่า “เก่ง” และถ้าทำให้คนมาด้วยยอมสมัครสมาชิกได้ด้วยแล้วล่ะก็  จะได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวทีเดียว  และที่มันไม่เป็นการลงทุนอีกก็คือ  ถ้าเป็นการลงทุนจริงๆ  เมื่อเราได้ลงทุนไปแล้ว  เราก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน  ปล่อยให้มันหาผลตอบแทนให้เราเรื่อยๆ   แต่นี่พอคุณสมัครแล้ว  คุณยังต้องตากแดดหัวแดงไปตะล่อมทั้งคนรู้จักและคนที่ไม่รู้จักอีก  เพียงเพื่อว่าอยากเอาเปรียบเขาเท่านั้นเอง  ผมเลยอยากถามว่า  ธุรกิจเครือข่ายนี้ใครสบายที่สุด  มันก็ไม่พ้นเจ้าของบริษัทกับคนที่เป็นเบอร์แรกๆนั่นแหละ  กินกันเป็นลำดับชั้น  กินกันจนเอียน  รวยไม่เลิก  ผมรวยได้  คุณก็รวยได้(แต่เป็นชาติหน้า)   เจ้าของบริษัทก็พุงปลิ้นกระดุมแทบแตก  เพราะคนซื้อไม่ไปซื้อยี่ห้ออื่นเลย  เพราะกลัวไม่ได้เศษตังค์คืน  แถมของที่ขายก็แพงโคตร  กำไรบานเบอะ  ไม่รวยตอนนี้จะไปรวยตอนไหน  แต่คนที่ทำแล้วสำเร็จอยู่ก็อย่าลำพองนะ  เพราะว่าคนเราไม่ได้โง่(แค่หนเดียว)  เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีบริษัทใหม่เกิดขึ้นมา  และพวกบ้าก็ยังไม่เข็ด  พยายามจะเป็นเบอร์ต้นๆให้ได้  ก็จะแห่กันออกจากที่เก่า  ไปยัดทะนานกันอยู่ที่ใหม่  ใครเป็นใครไม่รู้  อุตลุดไปหมด  กว่าจะรู้อะไรเป็นอะไร  ก็ต้องรอให้เรียงเบอร์เสร็จแล้วนั่นแหละ  ถึงจะตัดสินใจว่า  จะทำต่อหรือเปล่า  จะเหลือคนให้ชวนอีกเท่าไหร่  ส่วนคนที่อยู่เป็นเบอร์ต้นที่เก่าก็ไม่อยากสละตำแหน่ง  พยายามยื้อลูกน้องไว้เต็มพิกัด  เพื่อจะไม่ให้รายได้ต้องตกต่ำลงไปจากที่เคยได้...เฮ้อ  เห็นแล้วเหนื่อย  เซ็งเป็ด
     เพราะฉะนั้นแล้ว  การจะทำอะไรก็แล้วแต่  โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ  เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่เลือกจะทำได้  เพราะผมก็ไม่ได้บอกว่าซื้อหุ้นแล้วดีทุกตัว  เหมือนคนขายก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ  ถ้ามีคนมาขอเงินทุน  คุณก็ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคน  คุณควรดูว่า  คุณรู้จักเขาแค่ไหน  การรู้จักในที่นี้มันกว้างนะครับ  รู้นิสัย  รู้ว่าเขาขยันหรือไม่  ซื่อสัตย์หรือไม่  และเขาเก่งพอที่จะไม่ทำให้เงินทุนของคุณนั้นสลายหายไปหรือเปล่า  คุณต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้งในสิ่งที่ทำ  มันก็จะสำเร็จได้ครับ  “อันความรู้  รู้กระจ่าง  แต่อย่างเดียว  แต่ให้เชี่ยว  ชาญเถิด  จะเกิดผล”  ถึงแม้ว่าคุณจะทำเป็นแต่ไข่เจียว  แต่ถ้าคุณทำไข่เจียวได้รสชาติระดับเทพและไม่มีใครทำอร่อยเท่าคุณได้  คุณก็ขายได้ไม่อดตายแล้วครับ  และอย่าลืมนะครับ  ถ้าคุณเจียวไข่ได้ระดับเทพจริงๆ  อย่าลืมมาหาผมไปเป็นหุ้นส่วนด้วยนะ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Yeti_@rt
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 197


« ตอบ #111 เมื่อ: วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2011, 20:17:07 »

เข้ามาทักทายครับ ผมชื่ออาร์ทนะครับ น้องใหม่เพิ่งหัดเล่นหุ้นครับ ชอบการเล่นแนว VI ครับ เป็นหนอนหนังสือครับอ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า หนังสือชุดโปรดก็คือ พ่อรวยสอนลูกของโรเบิร์ต ทีคิโยชากิ คิดว่าพี่ก็คงชอบหนังสือแนวนี้เหมือนกัน และก็หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจทุกรูปแบบ ที่จะช่วยให้เราหาตังได้(อันนี้สำคัญ) ส่วนเรื่องหุ้นกำลังเริ่มศึกษาครับ ไงก็ขอรบกวนแชร์ความรู้กับพี่วายุด้วยละกันครับ
ปล.ผมเป็นลูกค้าขาประจำร้านข้าวมันไก่ครับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร๊าบบบบบบ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #112 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011, 15:57:58 »

ตอบน้องอาร์ท
     เรารู้จักกันแล้ว  แต่ถ้าชอบอ่านหนังสือจริงๆล่ะก็  จะแนะนำให้หลายเล่ม  ที่เกริ่นๆออกมาว่าแนว VI  แสดงว่ารู้จักบัฟเฟตแล้ว  งั้นก็ขอข้ามไปไม่แนะนำแล้วกัน  ที่อยากแนะนำคือ  "เหนือกว่าวอลสตรีท" ของปีเตอร์  ลินช์  ไปซื้อมาอ่านเล่นๆก่อนแล้วกันนะครับ  มีขายที่ร้านซีเอ็ด  ราคาประมาณ  300

ตอบคุณเทพบุตร
     ใช้เงินไม่มากหรอกครับ  ไม่กี่หมื่นก็ลงทุนได้  เพราะโบรกเกอร์ตอนนี้แข่งกันหาลูกค้ามาก  เท่าไหร่ก็เอาครับ  ลองไปสอบถามดูที่ตรงข้าม  CR  MALL  เขาให้คำตอบได้มากกว่าถามผมครับ  ถ้าสมัครแล้ว  เราค่อยมาแชร์ความรู้กันครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #113 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011, 16:10:52 »

รูปหนังสือ


* img4346782[1].jpg (8.78 KB, 101x140 - ดู 463 ครั้ง.)

* img4346782[1].jpg (8.78 KB, 101x140 - ดู 467 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
O-L-Y-G-O-N
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 676


นานาจิตตัง


« ตอบ #114 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011, 21:28:19 »

รวย แปลว่า มีเงินเหลือ (Y-S=C)
มั่งคั่ง แปลว่า เอาเงินเหลือๆ นั้นไปลงทุนแล้วมีกำไร

ชีวิตกับการลงทุน มันเหมือนกันตรงที่ต้องวางแผนล่วงหน้า แล้วทำให้ได้ตามแผนที่ว่างไว้

ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ ไว้เจอกันที่ตลาด(หุ้น)ในวันที่ฝรั่งเลิกขาย หุหุหุ
IP : บันทึกการเข้า

จงเรียนรู้
Yeti_@rt
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 197


« ตอบ #115 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011, 17:10:50 »

 :oเล่มนี้เลย เหนือกว่าวอลล์สตีท ของปีเตอร์ ลิน เคยอ่านพอผ่านๆครั้งหนึ่ง ยังงงๆอยู่บ้าง สงสัยต้องกลับไปอ่านอีกรอบแล้วหละ
ผมว่าการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด น่าจะเกิดจากการลงทุนที่ความรู้
เสียเงินกับการหาชื้อหนังสือดีๆสักเล่มสองเล่มไว้อ่าน ยังดีกว่าไปเสียเงินให้กับการชื้อหุ้นที่เรายังไม่รู้จักมันดีพอ ชึ่งอาจจะเสียมากกว่าชื้อหนังสือเป็นไหนๆ
วันนี้วันวาเลนไทน์ ขอให้เพื่อนๆชาวเชียงรายโพกัส มีความสุขกันทุกคนนะครับ
 ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #116 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011, 12:55:58 »

ตอบคุณ O-L-Y-G-O-N
     ยังมีการลงทุนอีกแบบที่นอกเหนือจากการได้กำไรที่ผมชอบมากคือ  การลงทุนเพื่อให้ได้  "กระแสเงินสด"  เนื่องจากว่าการลงทุนมีความเสี่ยง   มันไม่ได้มีแต่กำไรด้านเดียว  แต่มันยังมีขาดทุนด้วย  เพราะฉะนั้นแล้ว  การลงทุนเพื่อให้ได้กำไรจึงมีความเสี่ยง  แต่การลงทุนเพื่อให้ได้กระแสเงินสดเช่นเงินปันผล  มันก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน  คือว่าได้มากหรือได้น้อย  แต่มันก็คือได้น่ะครับ  ถ้าเราลงทุนในกิจการที่ดี  เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป  สินค้าขายได้เรื่อยๆ  มีคู่แข่งน้อย  บริษัทไม่มีหนี้สินแล้ว  ผมว่าความเสี่ยงก็แทบเป็นศูนย์แล้ว  แต่การที่จะรู้จักบริษัทอย่างนั้นได้  เราต้องมี  "ความรู้ทางการเงิน"  ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
nisa26
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118


« ตอบ #117 เมื่อ: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2011, 09:32:30 »

สนใจมากค่ะ
แต่มีเงินทุนไม่มาก ขั้นต่ำสุดเท่าไหร่ค่ะ อยากลงทุนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนค่ะ
เบื่อเป็นมนุษย์เิงินเดือนแล้วค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
suddum
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« ตอบ #118 เมื่อ: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2011, 16:29:34 »

เรียนเพื่อนๆที่สนใจ เราเล่นมาห้าปีเเล้ว ผ่านร้อน หนาว อุ่น มาพอควร  ก ารเล่นหุ้นสำคัญที่ใจต้องนิ่ง  ต้องขยันหาความรู้ สำคัญมากเเบบที่คุณ วายุ บอกมา ขอบคุณมากนะค่ะที่ตั้งกระทู้นี้ ตอนนี้ใครที่สนใจน่าจะหาหนังสือมาลองอ่านดูนะค่ะ เเละ ข่าว กับตัวหุ้นก็มีส่วน ส่วนตัวจะดูกราฟ เป็นสำคัญ กราฟมาข่าวจะตามมา เเต่ตอนนี้อยากดูงบเป็นจังเลยค่ะ ไม่ทราบที่นี้มีท่านไหนที่ดูงบเป็นมั่งค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
nisa26
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118


« ตอบ #119 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2011, 13:21:21 »

กรุณาช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
เบื่องานประจำเต็มทีแล้วค่ะ อยากวางแผนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นบาง
อยากเล่นแบบน้อยๆก่อน และค่อยสะสมค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ... 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!