เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 มีนาคม 2024, 22:05:31
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ... 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293192 ครั้ง)
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #140 เมื่อ: วันที่ 17 เมษายน 2011, 23:02:59 »

ใช่ครับเวลาสำคัญกว่า แต่ผมตอนนี้ Forex อย่างเดียว เสียวกว่าหุ้นและโกลว์ฟิวเจอร์ set 50 ด้วย แต่สักวันจะผันมาหุ้นเหมือนกัน...อย่าลืมนักลงทุนต้องไม่โง่ และอย่าขาดทุน การเก็งกำไรไม่ได้ทำโชว์ให้แม่ยายคุณว่าคุณฉลาด...และนักลงทุนต้องไม่เป็นแก้วที่เต็มน้ำ...ด้วยขอบอก.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 เมษายน 2011, 23:09:02 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #141 เมื่อ: วันที่ 17 เมษายน 2011, 23:07:13 »

แนะนำคนที่อยากเริ่มลงทุน ดูมันนี่แชแนล กับหาหนังสือ ที่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรากร มาอ่านมีหลาย เล่มครับน่าอ่านทั้งนั้น ที่ se-ed ก็มี...
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #142 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2011, 08:35:48 »

ใช่ครับเวลาสำคัญกว่า แต่ผมตอนนี้ Forex อย่างเดียว เสียวกว่าหุ้นและโกลว์ฟิวเจอร์ set 50 ด้วย แต่สักวันจะผันมาหุ้นเหมือนกัน...อย่าลืมนักลงทุนต้องไม่โง่ และอย่าขาดทุน การเก็งกำไรไม่ได้ทำโชว์ให้แม่ยายคุณว่าคุณฉลาด...และนักลงทุนต้องไม่เป็นแก้วที่เต็มน้ำ...ด้วยขอบอก.

นักลงทุนต้องไม่เป็นแก้วที่เต็มน้ำ
หมายถึงต้องไม่ซื้อหุ้นจนหมดกระเป่า พอหุ้นมีราคาต่ำมากๆ ไม่มีเงินซื้ออีก
ที่มีอยู่ก็ขายไม่ได้ เพราะขาดทุน ผมเข้าใจอย่างนี้ ใช่ไหมครับ ?
รบกวนท่านผู้อาวุโสชี้แนะด้วย  ลังเล ลังเล
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #143 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2011, 15:53:36 »

การเรียกร้องความเท่าเทียม
     ระยะหลังนี้ผมเห็นว่า  มีกลุ่มคนบางกลุ่ม  ซึ่งผมคาดว่า  น่าจะเป็นคนที่มีฐานะด้อยในสังคม  ออกมาเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมกัน  ทั้งในเรื่องฐานะ  ความเป็นอยู่  หรือการแบ่งปันกระจายรายได้ให้เท่าเทียมกัน  แต่ในความเห็นของผมแล้ว  ผมคิดว่าการที่คนเหล่านี้ออกมาเรียกร้องในเรื่องต่างๆนั้น  เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  เนื่องจากว่า  เราแต่ละคนนั้น  มีนิสัยหรือวิถีชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกัน  การที่เราจะทำให้คนที่แตกต่างกันนั้น  มาทำให้เท่าเทียมกัน  มันเป็นเรื่องที่กดขี่คนที่เขาทำได้ดีกว่า  แต่ต้องมาถูกจำกัดเพื่อให้คนบางคนที่ทำได้ด้อยกว่ามีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดนทอดทิ้ง  กล่าวคือ  คนบางคนก็มีความสามารถหาเงินได้ดีกว่า  ส่วนคนบางคนก็มีความสามารถใช้เงินได้มากกว่า  นั่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  ที่เราจะต้องมาทำให้มันเท่าเทียมกัน

ผมว่า  สังคมในทุกวันนี้  เราจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองเป็นดีที่สุด  อย่าไปหวังว่าจะมีใครช่วยเราได้มากเลย  เราจำเป็นต้องดูแลตัวเอง  ใช้เงินอย่างฉลาดรอบคอบ  และรู้จักทำให้เงินที่เรามีมันเพิ่มจำนวนมากขึ้น  ซึ่งความรู้ทางการเงินจะช่วยเราได้ในจุดนี้
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
vee48
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #144 เมื่อ: วันที่ 19 เมษายน 2011, 17:18:46 »

สวัสดีค่ะคุณวายุ ส่วนตัวตอนนี้ก็ลงทุนในหุ้นอยู่แต่ประสบการณ์ยังน้อยค่ะ ตอนนี้ไม่ทราบว่าคุณวายุมองตลาดว่ายังไงบ้างคะ??
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #145 เมื่อ: วันที่ 20 เมษายน 2011, 00:41:41 »

     ผมแนะนำให้คุณ Velcome ลองกลับไปอ่านกระทู้ที่ 103 ดูครับ  และสำหรับคำถามว่ามองตลาดยังไง  ผมขอตอบว่า  เงินมันคงล้นระบบเกินไปน่ะครับ  มันก็เลยวิ่งหาผลตอบแทนอย่างทุกวันนี้  ลองมองดูสิครับ  ซื้อหุ้นแล้วได้ปันผลแค่ 2-3 % คุณคิดว่ามันคุ้มค่าความเสี่ยงสำหรับเงินของเราไหม  ถ้าสงสัยอะไรก็ถามมาใหม่ได้นะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
chav
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #146 เมื่อ: วันที่ 20 เมษายน 2011, 16:40:53 »

ผมก็อยากเล่นหุ้นเหมื่อนกัน

แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อหุ้นได้ที่ไหนและหาคำปรึกษาได้ที่ใคร

ยังไงพี่ช่วยเนาะนำให้ผมทีครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #147 เมื่อ: วันที่ 23 เมษายน 2011, 17:25:30 »

ตอบคุณ chav
     สำหรับการไปซื้อหุ้นนั้น  สามารถซื้อผ่านนายหน้าได้ครับ  ดูได้ที่กระทู้ 180
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #148 เมื่อ: วันที่ 23 เมษายน 2011, 17:31:52 »

บำเหน็จVSบำนาญ
     มีประเด็นหนึ่งซึ่งถกเถียงกันมากว่า  ระหว่างบำเหน็จและบำนาญ  อย่างไหนดีกว่ากัน  ถ้าเป็นสมัยก่อน  โดยส่วนตัวแล้ว  ผมว่าบำนาญดีกว่า  เพราะการที่เราเลือกบำนาญ  จะทำให้มีกระแสเงินสดไหลเข้ามาเรื่อยๆคล้ายๆกับการที่เราเก็บค่าเช่า  ซึ่งแต่ละงวดอาจเป็นเงินไม่มาก  แต่มันก็จะไหลเข้ามาตลอดเวลา  แต่ถ้าเป็นสมัยนี้แล้ว  ราคาของทุกอย่างเพิ่มสูงขึ้นมาก  หากเรายังได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนเท่าเก่าอยู่  เงินนั้นอาจไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพก็ได้  และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  เราจะแก้ปัญหาอย่างไร  ไปเรียกร้องกับรัฐบาลหรือ?  ถ้ารัฐบาลขึ้นให้  จะขึ้นเป็นเท่าไหร่?  ในเรื่องนี้เรามีสิทธิ์ในการจัดการน้อยมาก  เมื่อเทียบกับการที่เราเป็นเจ้าของบ้านเช่า  เพราะถ้าเราเป็นเจ้าของบ้านเช่า  เราสามารถจะจัดการปัญหาอะไรได้มากกว่านี้

     แล้วถ้าเราเลือกบำเหน็จล่ะ  เมื่อเราได้เงินก้อนมา  เราก็เอาไปดาวน์บ้านแล้วเก็บค่าเช่ามาผ่อนบ้านไปเรื่อยๆ  แล้วพอบ้านปลอดหนี้  เราก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป?  โดยส่วนตัวแล้ว  วิธีการนี้ก็เสี่ยงไป  ในกรณีที่เราไม่มีรายรับจากทางอื่นแล้ว  ถ้าเราหาผู้เช่าไม่ได้ล่ะ  แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมากิน

     จากความคิดเห็นของผมเอง  ผมว่า...เราน่าจะเลือกทั้งสองอย่างเลยดีไหม?  เราควรจะรู้จักเก็บหอมรอมริบตั้งแต่ยังมีแรงทำงาน  ซึ่งวิธีนี้มันเป็นการวางแผนระยะยาว  ช่วงที่เรายังทำงานอยู่  เราก็เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ  เมื่อมีเงินเป็นก้อนแล้ว  เราก็สามารถไปดาวน์บ้านได้  แต่ก็ต้องมีเงินเผื่อไปอีกสักเล็กน้อยในกรณีฉุกเฉิน  และเราก็หาผู้เช่ามาผ่อนให้เรา  ถ้าช่วงไหนยังไม่มีผู้เช่า  เราก็ยังมีรายได้จากการทำงานมาส่งไปก่อน  ถ้าสังเกตดู  เราจะเห็นว่า  เงินผ่อนบ้านจะมีอัตราการชำระเป็นรายงวดแน่นอน  ซึ่งนั่นเป็นด้านของธนาคาร  แต่ถ้าเป็นในด้านของเรา  เมื่อราคาของทุกอย่างแพงขึ้น  เราสามารถขึ้นค่าเช่าตามได้  เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆเป็น 10 หรือ 20 ปี  เงินผ่อนแต่ละงวดก็ยังเท่าเก่าอยู่  แต่ที่ไม่เท่าก็คือ  ค่าเช่าที่มันจะเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ  เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว  เราก็ดูเหมือนว่า  จะเป็นผู้ได้เปรียบในการเล่นเกมการเงินนี้แล้ว  ซึ่งเกมนี้  เรายังเป็นผู้กุมชะตาชีวิตการเงินของตัวเราเองด้วย  ไม่ต้องไปเรียกร้องให้ใครขึ้นเงินให้  เราสามารถขึ้นเองตามสมควร  และสิ่งที่ได้เปรียบอีกอย่างก็คือ  ราคาของบ้านที่จะสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ  แต่สำหรับเรื่องราคาบ้านนี้  มันอาจไม่ขึ้นเลยก็ได้  แต่ไม่เป็นไร  เพราะอย่างไรเราก็มีค่าเช่ากินเป็นเดือนโดยไม่อดตายแล้ว  และถ้าเรามีเงินบำนาญมาช่วยตอนแก่อีกยิ่งดีใหญ่  เราก็เอาเงินบำนาญไปแลกค่าเช่ามาเสียเลยจะได้เปรียบกว่า  บอกอย่างนี้งงไหมครับ  สมมติว่า  เงินผ่อนบ้านงวดละ 5000 บาท  เราได้เงินบำนาญมาเดือนละ 10000 บาท  เราแบ่งไปจ่ายค่างวด 5000 บาท  แต่เราเก็บค่าเช่าได้ 6000 บาท  เท่ากับว่า  รายรับของเรา  ได้มา 11000 บาทต่อเดือนนะครับ  ซึ่งมากกว่าที่ได้จากบำนาญอย่างเดียว หรือถ้าค่าเช่าเราเพิ่มเป็น 7000  บาทล่ะ  แล้วถ้าเรามีบ้านเช่าหลายหลังล่ะ?   น่าคิดนะ....

     และความได้เปรียบในการดาวน์บ้านอีกอย่างหนึ่งก็คือ  สมมติเราดาวน์บ้านไปเจ็ดหมื่นบาท  ซื้อบ้านราคาเจ็ดแสนบาท  เรากู้ธนาคารมาหกแสนสามหมื่นบาท  และเงินค่างวดของเราคือเดือนละ  4500  บาท  แต่ถ้าเราเอาบ้านนั้นไปให้เช่าในราคาเดือนละ 5000 บาท  เท่ากับว่าเราจะได้กำไรเดือนละ 500 บาท  ปีละ  6000 บาท  ผ่านไปสิบกว่าปี  เราได้กำไรจากค่าเช่ามาเจ็ดหมื่นบาทหลังจากหักเงินที่ส่งธนาคารแล้ว  นั่นเท่ากับว่า  ไม่มีเงินดาวน์ของเราหลงเหลืออยู่ในบ้านหลังนั้นแล้ว  เงินที่จะได้เข้ามาต่อจากนี้  นั่นคือกำไรของเราล้วนๆ  เมื่อเราได้เงินของเราคืนมาแล้ว  เราก็เอาเงินที่ได้คืนมา  ไปทำซ้ำกระบวนการต่อไป  วิธีการนี้คล้ายกับเรานั่งเล่นไพ่ไหมครับ  สมมติแรกเริ่มเรามีทุนอยู่  100 บาท  นั่งเล่นไปสักพัก  เงินเพิ่มขึ้นมาเป็น  200 บาท  และเมื่อเราเห็นว่ามีเงินเพิ่มขึ้นบนหน้าตักของเรา  เราก็แอบเก็บทุนของเรา  100  บาทเข้ากระเป๋าไป  ถ้าเราเล่นเสียหมดทั้งหน้าตักก็ไม่เป็นไร  เนื่องจากว่า  เราได้เก็บทุนเข้ากระเป๋าไปเรียบร้อยแล้ว  วิธีนี้   เมื่อนำมาใช้กับบ้านเช่า  เราจะเห็นได้ว่า  เมื่อเราได้ทุนคืนแล้ว  แม้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น  เราก็จะไม่เจ็บตัวจากเหตุการณ์นั้นครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #149 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2011, 14:42:31 »

ดอกเบี้ยขาขึ้น
     ช่วงนี้ดอกเบี้ยกำลังกลายเป็นขาขึ้น  การลงทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้สำหรับผมเห็นจะเป็นการฝากเงิน  เพราะเมื่อเทียบการลงทุนที่ผมรู้จักทั้งหลายแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นหุ้น  ทองคำ  หรือพันธบัตร  ล้วนแล้วแต่ไม่ค่อยน่าลงทุน  เนื่องจากปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละทรัพย์สิน

     หุ้น...ช่วงนี้ราคาของมันเมื่อเทียบกับเงินปันผลแล้ว  ได้ผลตอบแทนเพียงแค่ 2-3 % เท่านั้นซึ่งพอๆกับการฝากเงินเลย  อาจจะมีบางบริษัทเป็นข้อยกเว้นอยู่บ้างเช่น  ปันผลมากกว่า 2-3 %  แต่บางบริษัทที่ว่าอาจจะเกิดจาก  สภาพคล่องของหุ้นต่ำ  ธุรกิจนั้นไม่โตแล้ว  ฯลฯ   เราต่างรู้ดีว่า  นักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นคนกำหนดทิศทางและแนวโน้มในตลาดหุ้นคือนักลงทุนต่างชาติหรือเรียกง่ายๆว่าฝรั่ง  การที่สภาพคล่องของหุ้นต่ำจะทำให้เวลาฝรั่งอยากขายหุ้นออกมาจะทำได้ลำบาก  เนื่องจากว่าไม่ค่อยมีใครมารับซื้อหรือเรียกง่ายๆว่าเขาไม่เล่นกัน  และธุรกิจไม่โตหรืออิ่มตัวแล้วนั่นหมายถึงว่า  ไม่มีอนาคตอะไรให้ได้หวังว่าบริษัทจะโตได้มากกว่าที่เป็นอยู่  เพราะฉะนั้นแล้ว บริษัทที่ไม่โตจึงทำให้นักลงทุนคาดหวังเงินปันผลมากกว่าที่จะหวังจากการเติบโตของบริษัท  เพราะอย่างน้อยก็ยังอุ่นใจได้ว่า  ผลตอบแทนจะอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุน  แต่ก็มีบางคนออกมาบอกว่า  ช่วงนี้เงินไหลเข้า  ตลาดหุ้นจะดี  ผมก็เห็นนะว่าเงินมันไหลเข้า  แล้วเคยสังเกตไหมครับว่า  มันไหลเข้าจริง  แต่หุ้นก็ไม่ได้ขึ้นพรวดๆอย่างแต่ก่อน  นั่นเป็นเพราะว่า  ถ้าราคาหุ้นสูงกว่านี้  มันจะราคาแพงมากสำหรับการลงทุน  แต่การที่เงินมันไหลเข้าผมว่าเป็นเพราะเงินมันคงล้นระบบเกินไป  เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้  สหรัฐพิมพ์แบงค์อัดเข้าระบบมากมายอย่างที่ได้รับรู้กัน  หรืออีกอย่างอาจจะเป็นพวกฝรั่งเก็งกำไรค่าเงินก็ได้  และถ้าเวลาเงินมันกลับทางไหลออกแทน  ฝรั่งเขาก็มีวิธีการได้กำไรอีกวิธีหนึ่งนั่นก็คือ  การเล่นตราสารอนุพันธ์หรือที่เรียกว่า TFEX ซึ่งตราสารนี้สามารถเล่นได้ทั้งสองทางไม่ว่าจะเป็นหุ้นขึ้นหรือลง  ถ้าเราเก็งได้ว่าตลาดจะไปทางไหนเราก็เล่นไปทางนั้น  ถ้าเราเล่นถูกทาง  เราก็ได้เงิน  ถ้าสมมติว่าฝรั่งจะขนเงินออกแล้ว  เขาก็จะสาดหุ้นออกมาเป็นจำนวนมากและอย่างหนัก  และเราซึ่งเป็นรายย่อยคงไม่อาจหาญกล้าที่จะเข้าไปรับมีดที่กำลังหล่นลงมาแน่  และก็มีรายย่อยอีกเป็นจำนวนมากที่กลัวขาดทุน  ก็จะผสมโรงขายหุ้นออกมาพร้อมกับพวกฝรั่ง  และคนที่กำลังจะรับหุ้นก็จะลังเลว่า  จะรับดีไหม  เพราะถ้าสมมติรับไปแล้ว  เกิดหุ้นมันตกลงไปอีก  มิขาดทุนแย่หรือ  เมื่อเป็นดังนี้  แรงซื้อจะน้อย  แต่แรงขายจะมีเยอะมาก  เพราะใครๆต่างก็ไม่อยากขาดทุนกันทั้งนั้น  ด้วยเหตุนี้เวลาที่หุ้นตก  มันจึงตกเร็วมาก  และเมื่อหุ้นยิ่งตกมากเท่าไหร่  ฝรั่งที่ทำการเล่น TFEX ไว้ก็จะกำไรมากเท่านั้น  เพราะถึงแม้ว่าเขาอาจจะขาดทุนจากราคาหุ้นอยู่บ้าง  แต่สิ่งที่เขาได้ไปก็คือกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน  และกำไรจาก TFEX  ถ้าใครสนใจเกี่ยวกับ TFEX แล้ว  ก็สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมเองได้ครับ  ส่วนผลตอบแทนที่จะได้รับจากตลาดในตอนนี้เพียง 2-3 %  นั้น   อาจเป็นไปได้ว่า  นักลงทุนทั้งหลายกำลังคาดหวังว่า  ในอนาคต  เงินปันผลจะได้เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของบริษัทที่ไปลงทุนไว้  นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นแพงอย่างทุกวันนี้  แต่ในภาวะที่ดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น  บริษัทไหนที่กู้เงินมาทำธุรกิจก็จะประสบปัญหาจากต้นทุนการทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้น  จนอาจทำให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลลดน้อยลง  ต่างกับการฝากเงินในช่วงนี้  ที่เมื่อดอกเบี้ยขยับขึ้น  ผลตอบแทนจากการฝากเงินก็จะเพิ่มขึ้น  เพราะฉะนั้นแล้ว  สำหรับผมในช่วงนี้  การลงทุนที่ผมสนใจก็คือการฝากเงินครับ  แล้วผมยังคิดต่อไปอีกว่า  ถ้าดอกเบี้ยมันขึ้นจนแซงเงินปันผลได้  แล้วหุ้นจะมีสภาพยังไง?  ตอนนี้ผมก็ออกจากตลาดแล้วด้วย  บางทีผมอาจจะคาดการณ์ผิดก็ได้  บางทีหุ้นอาจจะวิ่งขึ้นไปอีกเท่าตัว  แต่ถึงกระนั้นผมก็คงจะไม่ตามไปซื้อแล้ว  เพราะเมื่อถึงจุดนั้นมันก็เสี่ยงมากสำหรับผม  เหมือนกับเรื่องที่ผมเคยลงให้อ่านกันในหัวข้อ High-risk  High-return น่ะครับ  อันนี้เป็นความเห็นและการลงทุนส่วนตัวของผมนะครับ  ผมคงจะรอวันที่หุ้นกำลังตกลงอย่างหนัก  และผมก็จะทำการเล่น TFEX ด้วยคน  เพราะผมได้ไปเปิดบัญชี TFEX เตรียมไว้แล้ว  หรือถ้าผมประเมินว่า  มันไม่ได้เลวร้ายมาก  ผมก็จะเข้าไปรับซื้อหุ้นในราคาถูกต่อไป  นานเท่าไหร่ผมก็จะรอครับ  อย่างที่บัฟเฟตเคยพูดว่า  เวลาซื้อหุ้นต้องมี Margin of safety ครับ  ถ้าเราสนใจในหุ้นนั้น  ก็ให้รอซื้อในราคาที่เรารับได้  เพราะถ้าหุ้นตกลงไปอีก  มันก็ไม่แพงไปสำหรับการซื้อหุ้นนั้น

     ทองคำ...ราคาช่วงนี้สูงขึ้นมากจนน่ากลัว  และไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่ามันจะไม่ตกลงมา  ถ้าสมมติมันตกจริง  มันจะยิ่งกว่าหุ้นเสียอีก  เนื่องจากว่า  มันไม่มีเงินปันผลครับ  และมันก็ไม่สามารถเอาไปให้เขาเช่าได้เหมือนกับบ้านด้วย  ถ้าเราจะใช้เงินขึ้นมา  ก็คงต้องยอมขายขาดทุนลูกเดียว  ถ้าจะเอาไปจำนำ  ก็ต้องเสียดอกอีกต่างหาก  แต่บางทีมันอาจจะราคาขึ้นไปอีกก็ได้  ไม่มีอะไรแน่นอนครับ

     พันธบัตรหรือตราสารหนี้...ต้องท้าวความกันก่อนนะครับว่าพันธบัตรหรือตราสารหนี้คืออะไร  พันธบัตรหรือตราสารหนี้ก็คือ  การที่มีใครบางคนมายืมเงินเราแล้วสัญญาว่าจะคืนให้โดยมีการตกลงกันว่าจะใช้คืนวันไหน  และจะให้ดอกเบี้ยในระหว่างที่ยังไม่ชำระหนี้เป็นจำนวนเท่าใดตายตัว  สมมติว่ามีการตกลงกันว่าจะให้ดอกเบี้ยที่อัตรา 5 %  ตลอดระยะเวลาที่เป็นหนี้อยู่  ซึ่งถ้าหากดอกเบี้ยในตลาดเกิดเป็นขาลงขึ้นมา  เท่ากับว่าคนที่ไปซื้อพันธบัตรหรือตราสารหนี้มาจะได้เปรียบคนทั่วไป  เพราะดอกเบี้ยของคนอื่นกำลังลดลง  แต่ของเรากลับได้เท่าเดิม  ซึ่งจะมีผลทำให้  ราคาของพันธบัตรหรือตราสารหนี้นั้นเพิ่มขึ้นถ้าหากมีใครอยากจะถือครองมันแทนเรา  ถ้าเราพอใจในกำไรเราก็ขายได้ครับ  แต่ถ้าเวลาดอกเบี้ยมันกลับมาเป็นขาขึ้นแทน  พันธบัตรหรือตราสารหนี้นั้นให้ผลตอบแทนเท่าเดิมตายตัว  มันก็จะดูเหมือนว่าเรากำลังเสียเปรียบคนอื่นอยู่เนื่องจากว่า  ดอกเบี้ยของเราไม่ได้เพิ่มขึ้น  และถ้าเราต้องการจะขายพันธบัตรหรือตราสารหนี้นั้นออกไป  คนรับซื้อก็จะกดราคาลงมาเพื่อไปชดเชยกับการที่ดอกเบี้ยไม่ได้ขยับขึ้นตามตลาดครับ

     เงินฝาก...ช่วงนี้แต่ละธนาคารแย่งกันอัดโปรระดมเงินฝากกันยกใหญ่  อาจเป็นไปได้ว่า  ธนาคารพยายามจะบริหารต้นทุนด้วยการพยายามซับเงินในระบบเข้าธนาคารให้แห้งมากที่สุด  เพราะประเมินแล้วว่าอนาคตดอกเบี้ยต้องขึ้นแน่นอน  ถ้าคนเอาเงินไปฝากในอนาคต  ธนาคารก็ต้องจ่ายดอกแพงกว่าในตอนนี้  เพราะฉะนั้นแล้ว  ยอมให้ดอกตอนนี้  แล้วล็อคไว้ไม่ให้คนถอนออก  อาจจะเสียดอกถูกกว่าอนาคต  หรือถ้ามองอีกแบบ  อาจมีคนมาขอกู้เยอะมากจนธนาคารไม่มีเงินให้กู้  ก็เลยต้องออกโปรเพื่อระดมเงินไปปล่อยกู้ก็เป็นได้
     
     อย่างไรก็เลือกเอาแล้วกันนะครับ  เพราะเงินลงทุนเป็นของคุณเอง  เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเงินของเราก็แล้วกัน  วิธีรวยเร็วที่สุดของบัฟเฟตคือ  "การไม่เสียเงิน"
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #150 เมื่อ: วันที่ 08 พฤษภาคม 2011, 22:06:37 »

คิดอย่างอิสระ
     ในการลงทุน  การคิดอย่างอิสระนั้นสำคัญมาก  คุณไม่ถูกและไม่ผิดเพียงเพราะว่าคนอื่นๆเห็นด้วยกับคุณ  แต่คุณจะถูกเพราะว่าข้อเท็จจริงและเหตุผลของคุณนั้นถูกต้อง  ไม่ว่าคนส่วนมากหรือคนที่มีชื่อเสียงจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคุณ  มันไม่ได้ทำให้คุณถูกหรือผิด  ความคิดที่ถูกต้องนั้นต้องมาจากข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง  นั่นจะทำให้คุณถูก  นี่คือหัวใจของการคิดอย่างอิสระ  และนั่นคือการใช้ข้อมูลและเหตุผลเพื่อหาบทสรุป  แล้วยึดอยู่กับบทสรุปนั้น  โดยไม่สนใจว่าจะมีหรือไม่มีคนเห็นด้วยกับคุณ

     การลงทุนแห่ตามคนอื่นนั้น  อยู่บนพื้นฐานของการทำโพลความคิดเห็นของผู้อื่นมากกว่าการใช้สมองของตัวเองคิด  ซึ่งนักลงทุนบางคนก็บอกว่า  กลยุทธ์การลงทุนแบบชาวสวนน่าจะดีกว่าการลงทุนแบบตามแห่(ชาวสวนคือ นักลงทุนที่ชอบลงทุนสวนกับฝูงชน)  แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนัก  ถ้าฝูงชนกำลังไปผิดทิศ

     ทั้งหมดนี้คือเรื่องของความคิด  คิดให้ขาด  และคิดให้เป็นอิสระจากฝูงชน  เดิมพันในการลงทุนนั้นสูงมาก  ดังนั้นจงคิดให้ดี  เมื่อคุณตัดสินใจจะลงทุน  อย่าตัดสินใจเพียงเพราะว่า  เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่หรือชาวสวนชอบทำ  อย่าเอาความคิดของมวลชนมาแทนที่การคิดแบบอิสระ  อย่าวิ่งตามฝูงชน  ทำการบ้านของคุณและตัดสินใจเลือกการลงทุนด้วยตัวคุณเอง  อย่าปล่อยให้ตัวคุณถูกครอบงำโดยผู้อื่น  ให้รวบรวมข้อเท็จจริงนั่งลงแล้วคิด  ไม่มีอะไรมาทดแทนกระบวนการนี้ได้

     และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังนักวิเคราะห์ชื่อดังที่ออกมาบอกใบ้ทางเทคนิค  การลงทุนทางเทคนิคนั้นโดยส่วนตัวผมเองแล้ว  ผมไม่เคยเชื่อเลย  เพราะว่าการลงทุนลักษณะนี้  ไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานหรือเงินปันผลของหุ้นต่างๆ  แต่การลงทุนทางเทคนิคนั้นมาจาก  การดูปริมาณซื้อขายย้อนหลัง  ราคาที่เป็นแนวรับแนวต้าน  ซึ่งศัพท์พวกนี้ถ้าเป็นมือใหม่ก็ยากจะเข้าใจ  ก็เลยพลอยทำให้คนส่วนใหญ่นึกว่าการลงทุนเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา  และเคยสังเกตกันบ้างไหมว่า  ทำไมนักวิเคราะห์พวกนี้จึงออกมาบอกให้ซื้อให้ขายอยู่ตลอดเวลา  ไม่ว่าตลาดช่วงนั้นจะเป็นเช่นไร  ราคาหุ้นขณะนั้นสูงหรือต่ำแค่ไหน  นั่นก็เนื่องมาจากว่า  รายได้ของพวกเขา  มาจากการทำธุรกรรมซื้อและขายของพวกเรา  ถ้าพวกเราไม่ซื้อไม่ขาย  เขาก็จะขาดรายได้  บางทีเขาชอบออกมาให้ข่าวดีบ้างร้ายบ้าง  เหมือนกับว่าหวังดีเป็นห่วงพวกเรา  แต่นั่นคือแรงกระตุ้นที่ทำให้เรารีบทำธุรกรรมนั่นเอง  เวลาผมดูนักวิเคราะห์  ผมมักจะฟังแต่ข้อมูลมากกว่าความคิดเห็นของพวกเขา  เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว  ผมก็จะมานั่งวิเคราะห์และย่อยข้อมูลพวกนั้นเอง  เพราะผมต้องการคิดอย่างอิสระครับ  และเคยสังเกตไหมว่า  นักวิเคราะห์เหมือนกับคนใบ้หวยตรงไหน...เหมือนตรงที่  ถ้านักวิเคราะห์รู้จริงก็คงรวยไปแล้วครับ  คงไม่มานั่งกินเงินเดือนอย่างทุกวันนี้หรอก  หรือพวกที่ใบ้หวยก็คงไม่ต้องมาขายซองหลอกชาวบ้านไปวันๆ  จริงไหมครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
LoveYou2
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 926


096-0133136 บอย


« ตอบ #151 เมื่อ: วันที่ 08 พฤษภาคม 2011, 23:59:58 »

ตอนนี้ คุณ วายุ ลงทุนกับหุ้นถึงขั้นไหนครับ

แบบว่า หารายได้จากหุ้นอย่างเดียวแล้วรึเปล่า

ผมกับเพื่อนสนใจข้อความคุณ วายุ เมื่อ 1 เดือนก่อน

และลองเล่น click2win มา1เดือนก็ไม่ค่อยเค้าใจ

แต่อยากศึกษาให้รู้มากกว่านี้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #152 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2011, 21:46:05 »

 
ท่านที่คิดหรือเตรียมจะลงทุนในหลักทรัพย์ (หุ้น) โปรดอ่านคำตอบของท่านวายุ เจ้าของกระทู้นี้
ตอบที่ 220 หน้า 12 ลงวันที่ 8 พ.ค.54 นี้ ให้ขี้นใจหลายๆครั้งครับ
เป็นแนวคิดวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค (ขอย้ำนะครับ ทางเทคนิค) ไม่ต่างจากคนใบ้หวยดอกครับ อย่างที่ท่านวายุได้บรรยายไว้นั่นแหละ
ถ้าแน่จริงนักวิเคราะห์ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างรับเงินเดือนของบริษัทหลักทรัพย์ดอกครับ ลงทุนใน
หลักทรัพย์ที่ตัวเองวิเคราะห์และเชียร์ให้คนอื่นลงทุน ก็พอแล้ว
คนใบ้หวยก็ทำนองดียวกัน ถ้าแม่นจริงไม่ต้องใบ้ให้คนอื่นดอกครับ เล่นเองเลย รวยไม่รู้เรื่อง
สำหรับผม การลงทุนในหลักทรัพย์โดยอาศัยเทคนิคนั้น ผมก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกับท่านวายุ
ผมลงทุนในหลักทรัพย์มา 7 ปี ขณะนี้พออยู่ได้ ไม่เคยใช้เทคนิค เพราะดูกราฟไม่เป็น
เอาไว้มีเวลาว่างๆจะขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากท่านวายุบ้าง
วันนี้ขอสนับสนุนแนวคิดของท่านวายุ ด้วยใจจริงครับ
ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #153 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2011, 15:49:44 »

ตอบคุณ boutboy000
     ที่ถามว่าหารายได้จากหุ้นอย่างเดียวแล้วรึเปล่า  อันนี้ขอตอบว่าไม่ครับ  หุ้นนั้นคือการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเงินของผม  แต่จะเรียกว่าผมเป็นนักลงทุนก็คงไม่ถูกซะทีเดียว  ผมว่าตัวผมเองนั้นเป็น"นักหมุนเงิน"มากกว่า  กล่าวคือ  ผมไม่ได้ลงทุนอะไรอย่างเดียวนานๆจนเป็นล่ำเป็นสัน  ผมพยายามหาที่ๆให้ผลตอบแทนมากๆในความเสี่ยงต่ำๆ  อย่างเช่นช่วงนี้หุ้น 1100 จุด  ผมก็ว่ามันแพงไป  ไม่คุ้มกับเงินลงทุนทั้งของผมเองและของคนที่จะมาลงทุนตามหลังผม  ผมก็เลยออกจากการลงทุนครับ  เพราะตอนนี้มันก็เสี่ยงมากแล้วสำหรับผลตอบแทนจากเงินปันผลเพียงแค่ 2-3 % ในหุ้นใหญ่ๆสภาพคล่องสูงๆ  แม้ว่าผมจะมีต้นทุนต่ำมากจากช่วงก่อนหน้านี้  แต่ลองสังเกตดีๆนะครับ  หุ้นช่วงนี้ผันผวนมาก  ไม่เหมือนช่วงก่อนนี้ที่เป็นขาขึ้น  ทำให้ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ผมสนใจลงทุนก็คือการฝากเงินครับ  เนื่องจากความเสี่ยงต่ำและดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นอยู่  หุ้นนั้นมันจะน่าสนใจก็ต่อเมื่อไม่มีคนสนใจครับ  ซึ่งนี่เป็นอาชีพของเงินของผม  ส่วนอาชีพของผมก็ขายข้าวมันไก่ครับ  ถ้าคนที่รู้เรื่องเงิน 4 ด้านก็จะรู้ว่า  อาชีพขายข้าวมันไก่นี้เป็นธุรกิจส่วนตัว  ซึ่งอยู่ด้านซ้ายของเงิน 4 ด้าน  ความหมายก็คือ  ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้เงินครับ  แต่ผมก็กำลังพยายามจะเป็นคนด้านขวาให้ได้ด้วยการศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเยอะๆครับ  แต่การที่ผมทำธุรกิจส่วนตัวนี้ก็ยังดีกว่าการเป็นลูกจ้างนิดหน่อยตรงที่  เราสามารถควบคุมความเสี่ยงหลายๆเรื่องได้เช่น  ถ้าของราคาขึ้น  ผมก็สามารถขึ้นราคาเองได้ตามต้นทุน  ทำให้ผมยังคงมีกำไรอยู่ได้  ผิดกับลูกจ้างตรงที่ไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้เอง  และถ้าผมทำได้ดีมีช่องทาง  ผมอาจจะขยายสาขาเพื่อให้ระบบทำงานให้ผมครับ  ถ้าเป็นลูกจ้าง  การที่จะได้เงินเพิ่มหมายถึง  คุณต้องไปทำงานเพิ่มนอกเหนือเวลาทำงานปกติทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อยลงครับ  และถ้าผมไม่อยากขายของแล้ว  ผมอาจจะยกกิจการให้ใครทำต่อก็ได้  ซึ่งก็ไม่เหมือนลูกจ้างอยู่ดี  เพราะถ้าลูกจ้างไม่อยากทำงานแล้ว  เขาจะยกตำแหน่งหน้าที่การงานให้ลูกเขาทำแทนได้หรือไม่  หรือบางที  ถ้าคนที่ผมรู้จักไม่มีใครเอากิจการต่อผมแล้ว  ผมก็อาจจะเซ้งไปเลย  ได้เงินก้อนมาอีกครับ  ซึ่งตรงนี้  ลูกจ้างเซ้งตำแหน่งไม่ได้เหมือนกัน

     ส่วนที่บอกว่าลองเล่นคลิกทูวินแล้วไม่เข้าใจนั้น  ผมว่าเป็นความโชคดีของคุณมาก  เพราะเล่นคลิกทูวินแล้ว  เหมือนกับเขาสอนให้เลือกม้าแข่งว่าตัวไหนจะเข้าวิน  คุณยังไม่รู้ถึงรากมันเลย  แล้วคุณจะรู้จักเลือกหุ้นได้อย่างไร  ผมว่าเขาสอนคนให้เล่นพนันเป็นมากกว่าครับ  ไม่รับผิดชอบต่อผู้ลงทุนเลย  หวังเพียงแค่ค่าคอมฯจากการซื้อขายเท่านั้น  ผมเคยดูข่าวช่องเศรษฐกิจแล้วพบว่า  ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์  หน้าบานกันเป็นแถว  ถ้าอยากรู้ลึกๆแล้วล่ะก็  เราคงต้องมาติวเข้มกันสักหน่อย  ถ้าสนใจจริงๆล่ะก็  มานั่งคุยกันได้  แล้วเราค่อยนัดกันอีกทีนะครับ  และสำหรับเรื่องเงินมากเงินน้อยไม่สำคัญ  ถ้าเรา"เป็น"เงินมันก็เพิ่มได้ครับ  ลองอ่านประวัติผมดูก็ได้
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
sencha
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #154 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2011, 02:19:19 »

ผมเพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่านครับ เห็นคุยเรื่องหุ้น อยากศึกษาไว้ครับ อยากถามว่าหุ้นที่คุณวายุเล่นอยู่นี้เค้าเรียกว่าหุ้นแบบไหนครับ หุ้นปั่น หุ้นรายวัน หรืออะไรครับ เห็นคุยกันในกระทู้ว่าเล่นหุ้นปั่นอะไรเนี่ยมันเล่นยาก เสี่ยง ต้องตามติดข่าวสาร เลยสงสัยว่าหุ้นที่กำลังเล่นกันอยู่นี้เรียกว่าอะไรครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #155 เมื่อ: วันที่ 15 พฤษภาคม 2011, 18:24:06 »

ตอบคุณ sencha
     อย่าบอกว่าผม"เล่น"เลยนะครับ  เพราะผมไม่ได้คิดจะเล่นมัน  เงินของผมมันมีไม่มากพอที่จะให้แบ่งไปเล่นได้  ผมจริงจังนะกับการลงทุนเนี่ย  เพราะถ้าเราเสีย  การสูญเสียนั้นมันเป็นของจริง  ถ้าเราลองเล่นเกมหุ้นดู  มันก็ไม่เหมือนของจริงอยู่ดี  เนื่องจากว่าความบีบคั้นและกดดันมันต่างกัน  เวลาเราเล่นเกม  แพ้ก็ตั้งกระดานใหม่  แต่ถ้าเราแพ้ในการลงทุนจริงๆ  เราจะไม่เหลืออะไรเลย  คุณทนได้ไหม  หากว่าเงินที่คุณสู้อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาเป็นเวลาหลายปี  ต้องสูญสลายกลายเป็นควันไปในพริบตา  แล้วถ้ามันเกิดขึ้น  คุณจะทำยังไงกับชีวิต  เพราะฉะนั้นในทุกย่างก้าวของการลงทุน  เราต้องมั่นใจว่า  สิ่งที่เรากำลังจะลงทุนอยู่นี้  มีความเสี่ยงต่ำที่สุด  และได้ผลตอบแทนสูงที่สุดในบรรดาการลงทุนที่เรามีความรู้เกี่ยวกับมัน  ถ้าเราไม่เข้าใจมัน  เราอย่าเพิ่งลงทุนเลยครับ  เพราะถ้าทำแบบนั้น  มันไม่ต่างกับการเล่นพนันเลย  ศึกษาหาความรู้มากๆเข้าไว้  แล้วเราจะอยู่รอดปลอดภัยในถ้ำเสือครับ
     
     และที่ถามเรื่องหุ้นปั่น หุ้นรายวัน หรืออะไรพวกเนี้ย  มันการพนันทั้งนั้นครับ  ถ้าคุณชอบการพนัน  หุ้นพวกนี้เหมาะกับคุณ  แต่ถ้าคุณต้องการลงทุนผ่านตลาดหุ้น  ง่ายๆครับ  ใช้แค่สามัญสำนึกพื้นฐานก็พอแล้วเช่น  ถ้าหุ้นตัวหนึ่งปันผลปีละ 1 บาท  ราคาหุ้นอยู่ที่ 10 บาท  นั่นเท่ากับผลตอบแทน 10 % ต่อปี  ถ้าซื้อแล้วถือไว้ 10 ปี  คุณก็ได้เงินคุณคืนหมด  แล้วหลังจากนั้น  คุณก็จะได้เงินเข้ากระเป๋าฟรีๆทุกปี  คุณว่าเสี่ยงไหม?  แต่ถ้าหุ้นไม่เคยปันผลเลย  ราคาหุ้น 1 บาท  คุณว่าน่าซื้อไหม?  ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้  ลองลงทุนกับหนังสือดีๆสักเล่มครับ  มันถูกกว่าเสียหุ้นเป็นไหนๆ  ลองอ่านเหนือกว่าวอลสตรีทดูครับ  ถ้าสมองคุณเปิดแล้ว  คุณอาจจะอยากค้นหาต่อไปเรื่อยๆอีกก็ได้  เพราะปรมาจารย์ทางนี้มีหลายสไตล์  เราก็ศึกษาหลายๆคนดูว่า  สไตล์ไหนที่เหมาะกับเราครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
sencha
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #156 เมื่อ: วันที่ 15 พฤษภาคม 2011, 21:35:41 »

ขอโทษที่ใช้คำผิดครับ ไม่ใช่การเล่นหุ้น แต่เป็นการลงทุนใช่ปะครับ พอดีติดปากว่าเล่นหุ้น และขอใช้คำว่าเล่นหุ้นนะครับ สั้นดี คงไม่ถือสานะครับ คือผมมีคำถามดังนี้ครับ เป็นคำถามที่อาจฟังดูอนุบาลมาก เพราะไม่มีความรู้จริงๆ
1. หุ้นระยะยาวหมายถึง หุ้นปันผลใช่หรือไม่
2. หุ้นระยะยาวมีช่วงเวลาเท่าไรบ้าง  3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 5 ปี 10 ปี
3. การขาดทุนของหุ้นปันผลหมายถึงอะไร หมายถึงการได้ปันผลน้อย หรือ หมายถึงการที่ต้องสูญเสียเงินที่เราลงทุนซื้อหุ้น อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด
4. (หุ้นปันผล) เปอร์เซ็นที่จะปันผลมีการกำหนดที่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่ตอนซื้อหุ้นหรือเปล่าว่ากี่เปอร์เซ็น หรือไม่ได้กำหนดแน่นอน  แล้วถ้าไม่ได้กำหนด ขึ้นอยู่กับอะไรว่าจะได้ปันผลในเปอร์เซ็นมากหรือน้อย
5. ถ้าราคาหุ้นที่เราถืออยู่สูงขึ้น เราสามารถขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรได้หรือไม่
6. หุ้นระยะสั้นหมายถึงหุ้นปั่นใช่หรือไม่

ขออภัยล่วงหน้าหากไม่เข้าใจคำถามนะครับ เพิ่งเริ่มศึกษาครับ คงยังลงทุนช่วงนี้ไม่ได้ เพราะเพิ่งเรียนจบ อาจจะต้องรอซักปี สองปี ฮ่าๆๆๆ พอดีได้บรรจุเป็นข้าราชการครู เลยอยากศึกษาวิธีการเพิ่มรายได้ให้กับเงินออมนอกเหนือจากการฝากธนาคาร ซึ่งผมสนใจเรื่องหุ้น กับ กองทุนรวมครับ อาจจะมีอย่างอื่นอีกแต่ผมไม่ทราบ ขอคำแนะนำด้วยนะครับ
ผมได้มีโอกาสอ่านประวัติของคุณ ประทับใจมากครับ   ที่จริงแล้วชีวิตผมก็ไม่ต่างอะไรกัน ผมเองเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ ป.4 เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า จนจบ ม.3 หลังจากนั้นก็ทำงานส่งตัวเองเรียนมาตลอด จนตอนนี้ผมเรียนจบ ปริญญาตรีแล้วครับ เพิ่งเรียนจบ และได้บรรจุเป็นข้าราชการครู ซึ่งหวังว่าตัวเองจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และอยากมีส่วนรับผิดชอบดูแลพี่สาวกับพี่ชายที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน   ขอบคุณที่สร้างแรงบันดาลใจผ่านชีวิตของคุณนะครับ คุณวายุ
IP : บันทึกการเข้า
บ่าวเริงปอย
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 153



« ตอบ #157 เมื่อ: วันที่ 15 พฤษภาคม 2011, 22:56:14 »

แวะเอาข้อมูลนักลงทุนสำหรับมือใหม่มาให้อ่านครับ http://www.taladhoon.com/taladhoon/lib/limain2.html

พอร์ตเป็นไงบ้างคุณวายุ ไม่ได้ทักทายกันซะนานครับ
IP : บันทึกการเข้า

อ้ายตึงมัก อ้ายตึงหุม...
เจ็บจุงเบย
ล้านคนเชื่อมั่นในตัวคุณ หรือจะสู้คุณเชื่อมั่นในตัวเองแค่คนเดียว
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 657



« ตอบ #158 เมื่อ: วันที่ 17 พฤษภาคม 2011, 10:19:57 »

ประกาศครับ!!!
     ใครอยากคุยเรื่องลงทุนกัน  เรามาคุยกันได้ครับ  ผมว่างทุกวันเสาร์  อยู่ในตัวเมืองเชียงรายนี่แหละ  บางทีการนั่งคุยกัน  มันจะได้สาระมากกว่า  เพราะการที่ผมลงข้อความให้อ่าน  มันเป็นการสื่อสารด้านเดียว  บางที  คุณๆอาจจะอยากถามบางเรื่องบางประเด็น  หรือไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาอ่านข้อความ  หรือบางที  มีเวลามาอ่าน  แต่ผมยังไม่ได้มาอัพ  ก็อาจจะเซ็งอารมณ์กันไป  ตอนนี้ก็อยากเจอคนที่มีความชอบด้านเดียวกันบ้าง  ผมก็ไม่ได้ว่าตัวเองเก่งนะครับ  มีผู้รู้มาคุยกันก็ได้  ผมจะได้ถามไถ่เรื่องที่ผมไม่รู้บ้าง  และท่านอื่นๆจะได้มีความรู้พร้อมกันไปด้วย  เรามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันดีกว่า  แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะนัดเจอกันที่ไหน  หรือจะเริ่มต้นยังไง  เอาเป็นว่า  ใครมีที่เหมาะๆที่จะนั่งคุยกัน  ก็แนะนำมาได้นะครับ  แล้วเดี๋ยวพอลงตัวแล้ว  ก็ค่อยนัดกันเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีหนึ่ง  คุณคิดว่าเป็นไงบ้างครับ  ผมนี่คุยได้ทุกเรื่องนะครับ  ยกเว้นยืมเงิน...555  แล้วเวลาเจอหน้าอย่าตกใจนะครับ  เพราะใครๆเขาก็พูดว่า  หน้าผมเหมือนฟิล์ม(ถ่ายแล้วแต่ยังไม่ได้ล้าง)  ล้อเล่นนะครับ  แค่นี้ก่อนแล้วกัน  ขอบคุณที่สนใจเรื่องการลงทุนครับ
ส่วนตัวแล้วเรื่องการลงทุนผมชอบนะครับ แต่ผมไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ก็อยากได้ที่ปรึกษาเหมือนกัน ส่วนเรื่องเล่านิทานชายสองคนนั้นอั้นนี้ดูแล้ว ถ้าเป็นงานหรือธุรกิจที่เป็นการลงทุนจริงๆผมอยากให้ท่านช่วยเป็นที่ปรึกษาหน่อยนะครับ อยากได้ที่ปรึกษา แต่ถ้าเรื่องที่จะคุยนี้เป็นธุรกิจ MLM ผมยังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

"If you want to increase your success rate,double your failure Rate."
ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นหนึ่งเท่าตัว จงเพิ่มความล้มเหลวเป็นสองเท่าตัว
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #159 เมื่อ: วันที่ 17 พฤษภาคม 2011, 13:12:26 »

ตราบใดที่คนยังไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ (ก็ต้องกินข้าวมันไก่ เย็นตาโฟ แตงโม สมโอ โห่เฮ่วกันต่อไป) หุ้นไม่มีขาลงครับ อย่าลืมว่าครอบครัวนึงจับปลามากินกับข้าวอย่างเดียวหรือเปล่า..? บ.จดทะเบียนในตลาดหลักทรับมีหลายร้อย บ. เลือกมาสัก 5 ก็น่าจะพอแล้ว ลองไปหาหนังสือ ดร.นิเวศน์ มาอ่าน เช่น ตีแตก เล่นหุ้นปีทอง ฯลฯ ที่แนะนำดู มันนี่แชนแนล ก็อยากให้ท่านๆ ได้รู้โอกาสในการจับปลา และโลกทัศน์จะได้กว้างๆ ครับ ผมคนนึงที่ไม่ค่อยได้จ้องพอร์ตตัวเอง...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 พฤษภาคม 2011, 13:23:13 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ... 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!