|
|
|
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 751
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 02 ตุลาคม 2010, 12:27:45 » |
|
"คนจน คนรวย" ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่ แต่น่าเสียดายที่ เวลาฝนไม่ตก ทุกคนในหมู่บ้านจะไม่มีน้ำใช้ ผู้ใหญ่บ้านจึงประกาศหาคนที่จะรับหน้าที่นำน้ำมาให้คนในหมู่บ้านใช้ มีชาย 2 คนประกาศตัวรับงานนี้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็เห็นว่าดี เพราะหวังว่าเมื่อมีคนแข่งขันกันทำงาน จะทำให้น้ำมีราคาเป็นธรรมและมีคุณภาพที่ดี เมื่อได้งานเป็นที่เรียบร้อย ชายคนแรก(1)และชายคนที่สอง(2)ก็เริ่มลงทุนทันที ทั้งสองคนนี้ มีเงินลงทุนเริ่มแรกที่หนึ่งล้านบาทเท่ากัน 1 นำเงินไปซื้อรถปิคอัพและถังน้ำใบใหญ่เพื่อใช้ตวงน้ำและบรรทุกไปส่งให้คนในหมู่บ้าน ทุกๆวัน 1 จะตื่นก่อนใครในหมู่บ้านเพื่อไปนำน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ในตุ่มของทุกบ้านจนเต็ม ถึงแม้จะเหนื่อย แต่ 1 ก็มีความสุขกับงานดี เพราะมีเพียงเขาและ 2 เพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับงานนี้ ส่วน 2 นำเงินไปซื้อปั๊มน้ำ และจ้างคนมาวางท่อ จากแหล่งน้ำมาจนถึงหมู่บ้านและต่อท่อไปตามบ้านต่างๆ เมื่อเดินท่อพร้อมแล้ว 2 ก็ประกาศว่า ทุกคนจะสามารถใช้น้ำได้ทุกเวลาตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องรอให้เขาไปตักมาให้ และใช้ได้ทุกวันด้วย ในขณะที่ 1 ไม่สามารถนำน้ำมาให้ชาวบ้านได้ในวันที่เขาหยุด 1 ไม่ยอมแพ้ แก้เกมด้วยการไปซื้อถังน้ำเพิ่ม เพื่อบรรทุกให้มากขึ้นในแต่ละรอบ และพยายามไม่หยุดงาน เพราะถ้าเขาหยุดงาน รายได้ของเขาจะหยุดไปด้วย ในขณะที่ 2 เห็นว่า ถ้าหมู่บ้านนี้ต้องการน้ำ หมู่บ้านอื่นก็คงต้องการน้ำเหมือนกัน 2 จึงไปติดต่อที่หมู่บ้านอื่น เพื่อนำน้ำไปให้คนในหมู่บ้านอื่นใช้ และเขาก็ได้งานเพิ่มขึ้น ทุกๆวันที่ผ่านไป ทุกครั้งที่ชาวบ้านเปิดน้ำของ 2 ใช้ เงินก็ไหลมาสู่กระเป๋าของเขาตลอดเวลา 2 ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยที่ไม่ต้องไปทำงานอีกเลย ในขณะที่ 1 มีปัญหาเรื่องเงินไปจนวันตาย
เรื่องเล่าเรื่องนี้จบลงพร้อมกับคำถามของผมที่ว่า ตอนเริ่มต้น คนทั้งคู่มีทุนเท่ากัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทำไมคนทั้งสองจึงมีความเป็นอยู่ที่ต่างกัน เรื่องทั้งหมดนั้น ผมสรุปได้ว่า เป็นเพราะวิธี"คิด"ของคนทั้งสองต่างกัน จึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ต่างกัน แม้ว่าเขาจะทำธุรกิจเดียวกัน เพราะฉะนั้น เราต้องคิดให้ได้ว่า เราจะต้องไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่เราต้องคิดให้เป็น และสร้างทรัพย์สินที่ช่วยให้เราไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต เหมือนกับเรื่องที่ได้อ่านไป แท้จริงแล้ว คนจนและคนรวยต่างกันแค่วิธีคิดเท่านั้น ถ้าคุณคิดเหมือนคนรวยคิดคุณก็จะรวย เพราะความคิด กำหนดการกระทำของคน ผมเคยเห็นคนจนที่มีเงินมากมาแล้ว ความหมายก็คือ เขามีเงินมากก็จริง แต่เขาไม่รู้วิธีทำให้เงินงอกเงย และไม่รู้จักวิธีใช้ให้เงินไปทำงานแทนเขา เขาจึงต้องทำงาน และเก็บเงินไปเรื่อยๆ โดยที่ชีวิตก็รู้จักอยู่แค่นั้น บางคนร้ายไปกว่านั้น เขามีโชคโดยการถูกหวยรางวัลใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นาน เงินเขาก็หมด และกลับมาเป็นคนจนอีกครั้ง เพราะฉะนั้นแล้ว ในสมัยนี้ ความฉลาดทางการเงินสำคัญมาก เราต้องรู้ว่า อะไรคือทรัพย์สิน และเราจะใช้ทรัพย์สินเลี้ยงตัวเราได้อย่างไร หรือใช้ให้เงิน ไปทำงานแทนเราได้อย่างไร แล้วเราจะไม่เหนื่อยมาก การมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน ผมว่า เป็นความวิเศษสุดของชีวิตแล้ว
แต่ในความเป็นจริง การวางท่อของ 2 ในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายมากมาย เผลอๆอาจมีใต้โต๊ะคอรับชั่น ยุ่งยากมาก การเปรียบเทียบแบบนี้ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุผลเพราะผลมันเห็นอยู่แล้วในทางทฤษฎี .... ในสภาพจริงนาย 2 ทำได้อยากมาก ตัวอย่างเช่น...ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้ในสภาพจริงในปัจจุบัน ทำไม ปตท ไม่วางท่อน้ำมัน อย่างที่ นาย 2 คิดล่ะ ลดค่าใช้จ่ายได้ตั้งมากไม่ต้องซื้อรถ จ้างคน ในการบรรทุกน้ำมัน แบบนาย 1 หรือว่า คน ปตท คิดแบบนาย 2 ไม่ออกสักคน แต่ ปตท ก็รวยขึ้นๆๆ ไม่แน่นาย 1 อาจรวยแบบ ปตท ก็ได้นะ การลงทุนหุ้นมีรายได้ดีก็จริง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะการจะรู้ และวิเคราะห์ ราคาหุ้นขึ้นหุ้นลงนั้นสำหรับเราคนธรรมดาไม่มีข้อมูลเบื้องลึกไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลย ก็ตามเค้า ตามคนวิเคราะห์ทางทีวี ทางหนังสือพิมพ์ จริงบ้างไม่จริงบ้าง ........แต่คนที่เก่งๆรวยด้วยหุ่นก็มีอยู่ ถ้าทำได้ เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงดีที่สุดครับ:)
|
|
|
|
Freedom
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 608
ห้องสมุดบิดคิด
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 03 ตุลาคม 2010, 02:18:22 » |
|
แต่ในความเป็นจริง การวางท่อของ 2 ในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายมากมาย เผลอๆอาจมีใต้โต๊ะคอรับชั่น ยุ่งยากมาก การเปรียบเทียบแบบนี้ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุผลเพราะผลมันเห็นอยู่แล้วในทางทฤษฎี .... ในสภาพจริงนาย 2 ทำได้ยากมาก ตัวอย่างเช่น...ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้ในสภาพจริงในปัจจุบัน ทำไม ปตท ไม่วางท่อน้ำมัน อย่างที่ นาย 2 คิดล่ะ ลดค่าใช้จ่ายได้ตั้งมากไม่ต้องซื้อรถ จ้างคน ในการบรรทุกน้ำมัน แบบนาย 1 หรือว่า คน ปตท คิดแบบนาย 2 ไม่ออกสักคน แต่ ปตท ก็รวยขึ้นๆๆ ไม่แน่นาย 1 อาจรวยแบบ ปตท ก็ได้นะ
น่าจะเป็นเพียงอุปมา อุปมัย ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านได้ "เห็น" และ "เข้าใจ" ความหมาย และ ความแตกต่างของการ "สร้างระบบ" และ "การเป็นระบบเสียเอง" ( แบบให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ) มากกว่าครับ 1 ในข้อคิดจากผู้เขียน ที่ผมได้รับ : คนรวย(2) มัก สร้างระบบ... ส่วน คนชั้นกลางหรือชนชั้นผู้ใช้แรงงาน(1) มักเป็นฟันเฟืองอยู่ในระบบ หรือทำตัวเป็นระบบเสียเอง.... เมื่อรู้เคล็ดลับข้อนี้แล้ว ใครยังอยากเป็นฟันเฟืองหรือ ทำตัวเป็นระบบเสียเองอยู่...ก็เชิญตามสะดวกเลยครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 ตุลาคม 2010, 02:22:22 โดย Freedom »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 751
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 10 ตุลาคม 2010, 00:32:08 » |
|
ตอบคุณธุลีดิน ที่ผมได้ยกตัวอย่างไปมันเป็นเพียงการเปรียบเทียบแนวคิดเท่านั้น ผมยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆนะครับ คุณจะได้เข้าใจ สมมุติว่ามีคนสองคนคือนาย(1) และ(2) อีกแล้ว กำลังเข้ามาทำธุรกิจอสังหาฯ(บ้าน) นาย 1 ซื้อบ้านมาซ่อมแซมแล้วขายไป ได้กำไรมาเข้ากระเป๋า แล้วหลังจากนั้น ถ้าเขาหาบ้านมาซ่อมขายไม่ได้ เขาจะได้เงินไหมครับ ส่วน 2 ซื้อบ้านมาซ่อมแซมนิดหน่อยให้ดูน่าอยู่ จากนั้นเขาก็หาผู้เช่า และตราบที่เขามีผู้เช่าอยู่ เงินก็จะไหลเข้ามาหาเขาเรื่อยๆโดยที่เขาไม่ต้องทำงานอีกเลย นั่นก็คือการ"สร้างท่อน้ำ"เพื่อส่งรายได้มาเข้ากระเป๋าเรานั่นเอง เมื่อเปรียบกับ 1 แล้ว เขาทำอย่างนั้นโดยคล้ายกับว่า ไปขนน้ำมาส่ง ซึ่งก็คือ ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ได้เงินไงครับ ทีนี้คุณคงจะกระจ่างกับแนวคิดนี้แล้วนะครับ ถ้าอย่างไร อยากมีความรู้เพิ่มมากขึ้น เรามานั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็ได้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนักลงทุนทุกท่าน ที่เรามาโพสข้อความตอบโต้กันนี้ ผมไม่ได้มองว่าเราทะเลาะกันนะครับ เพียงแต่มุมมองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และคนที่เข้ามาอ่านก็ได้รับประโยชน์ด้วยครับ และประกาศครับ ผมไปดูสถานที่คุยกันแล้วครับ ผมว่า CR MALL ชั้น 3 เป็นไงครับ มีที่จอดรถ มีแอร์ มีขนมและน้ำขาย มีห้องน้ำด้วย แต่ไม่รู้ว่ามีเนตให้เล่นฟรีหรือเปล่านะครับ เสียอย่างตรงที่เสียงคาราโอเกะดังไปนิดนึง วันเสาร์ผมว่างพอดี เอาว่าเริ่ม 4 โมงเย็นเป็นไงครับ คุยเสร็จเที่ยวถนนคนเดินต่อเลย ไม่เสียเที่ยวสำหรับคนเดินทางมาไกล เอาเป็นว่า เชิญผู้รู้ทุกท่านนะครับ ใครมีความรู้เยอะก็เอามาแบ่งผมบ้าง ใครมีน้อยก็มาเก็บไป แล้วยังไงจะเข้ามาอัพอีกทีครับ ขอบคุณที่สนใจ
ขอบคุณที่พยายามอธิบายครับเราไม่มาทะเลาะกันเรื่องแบบนี้แน่นอนครับผมก็แค่ขอแชร์ในฐานะคนซื้อหุ้นคนหนึ่งเท่านั้นเองและ ขออนุญาติใช้คำว่าแชร์ความคิดกันดีกว่า ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพยายามจะสื่อครับเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างเป็นธรรมดา จุดประสงค์ที่ผมเขียนแย้งนั้นเป็นเพราะเพียงแค่ต้องการจะสื่อว่า การลงทุนหุ้นมีความเสี่ยง(สูง)ไม่ได้ง่ายเหมือนแนวคิดที่คุณนำเสนอการหาเงินของนาย 2 เพราะถ้าเชื่อตามแนวคิดนี้ก็ซื้อหุ้นเก็บให้มันทำงานทำเงินให้เราอย่างเดียวเราขายได้กำไรก็มีเงินใช่ไหมครับ แต่ปัจจัยเกี่ยวกับความผันผวนของหุ้นไม่คิดเหรอครับทั้ง เศษฐกิจ การเมือง ค่าเงิน ทั้งในและต่างประเทศ ผลประกอบการบริษัทฯลฯ ถ้าจะอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบกับ นาย 2 ที่ซ่อมบ้านให้เช่า ปัจจัยความผันผวนในรายได้ของนาย2ก็คือ ต้องหาผู้เช่าให้ได้ ต้องซื้อบ้านที่อยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งทำเลดีก็คงราคาไม่ถูก ค่าบำรุงรักษาบ้าน + ความเสี่ยงที่ผู้เช่าจ่ายเงินค่าเช่าไม่ตรงเวลา ระยะในการเช่าฯลฯ ขอบคุณที่ชวนครับ แต่คงไปไม่ได้เพราะผมไม่ได้อยู่ในเชียงรายครับกลับบ้านนานๆที
|
|
|
|
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 751
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 10 ตุลาคม 2010, 00:45:51 » |
|
แต่ในความเป็นจริง การวางท่อของ 2 ในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายมากมาย เผลอๆอาจมีใต้โต๊ะคอรับชั่น ยุ่งยากมาก การเปรียบเทียบแบบนี้ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุผลเพราะผลมันเห็นอยู่แล้วในทางทฤษฎี .... ในสภาพจริงนาย 2 ทำได้ยากมาก ตัวอย่างเช่น...ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้ในสภาพจริงในปัจจุบัน ทำไม ปตท ไม่วางท่อน้ำมัน อย่างที่ นาย 2 คิดล่ะ ลดค่าใช้จ่ายได้ตั้งมากไม่ต้องซื้อรถ จ้างคน ในการบรรทุกน้ำมัน แบบนาย 1 หรือว่า คน ปตท คิดแบบนาย 2 ไม่ออกสักคน แต่ ปตท ก็รวยขึ้นๆๆ ไม่แน่นาย 1 อาจรวยแบบ ปตท ก็ได้นะ
น่าจะเป็นเพียงอุปมา อุปมัย ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านได้ "เห็น" และ "เข้าใจ" ความหมาย และ ความแตกต่างของการ "สร้างระบบ" และ "การเป็นระบบเสียเอง" ( แบบให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ) มากกว่าครับ 1 ในข้อคิดจากผู้เขียน ที่ผมได้รับ : คนรวย(2) มัก สร้างระบบ... ส่วน คนชั้นกลางหรือชนชั้นผู้ใช้แรงงาน(1) มักเป็นฟันเฟืองอยู่ในระบบ หรือทำตัวเป็นระบบเสียเอง.... เมื่อรู้เคล็ดลับข้อนี้แล้ว ใครยังอยากเป็นฟันเฟืองหรือ ทำตัวเป็นระบบเสียเองอยู่...ก็เชิญตามสะดวกเลยครับ ขอบคุณครับ เราจับประเด็นกันคนละจุดครับ การเป็นผู้สร้างระบบ ในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างนี้ เก่งอย่างเดียวก็ไม่ได้แล้ว ต้องเก่งบวกเฮง บวกโอกาส บวกกัลยานิตร หมดยุคเสื่อผืนหมอนใบอย่างเจ้าสัวซีพีแล้วครับ ใครก็ไม่อยากเป็นขี้ข้าใครแต่ก็ต้องจำใจเพราะจำเป็น... ได้ครับพี่ ดีครับท่าน ถูกต้องครับจ้าาาวนาย เฮ้อชีวิต!
|
|
|
|
|
|
|
|
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 751
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 10:23:03 » |
|
ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ร่ายมาซะยาว ขอเสนอสั้นๆว่า แค่ความรู้ทางการเงินนั่นไม่พอกับการควบคุมความเสียงในการเล่นหุ่นครับขนาด บิลเกตส์ ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Time (นานมาแล้ว)ยังบอกว่าไม่พอ แต่นั้นก็คงแล้วแต่มุมมองของนักลงทุนว่ากันไม่ได้ แต่สำหรับผม ผมก็คิดว่าไม่พอครับ และถ้าคิดว่าการเมืองมีผลน้อยในการลงทุนหุ้นนั้นคิดผิดครับ ใครที่ซื้อหุ้นตอนสมัยประกาศค่าเงินบาทลอยตัว หรือที่ชัดๆคือ ทักษิณขายสัมปทานไทคม ให้สิงคโปร์ หรือล่าสุด การทำรัฐประหารของ ค.ม.ช. จะรู้ดีครับว่าการเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ มีผลต่อการเล่นหุ้นหรือไม่ ที่บอกว่าหุ่นราคา 10 บาทแล้วจู่ขึ้นไปอยู่ 20 บาท ตรงนี้แหละครับ คำว่าจู่ๆนี่แหละ ข้อมูลที่จะทำให้มันขึ้นแบบกระทันหัน ไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอกครับ ข้อมูลเบื้องลึกของทางบริษัทใครจะเอามาบอกเพราะเค้ากลัวหุ้นตก ขาดทุน ฯลฯ นักวิเคราะห์ก็ต้องไปวิเคราะห์ผลกระทบ ตอนนี้แหละเศรษฐกิจ การเมืองระดัโลกก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นสมมุติว่า หุ่น 10 บาทที่คุณว่าเป็นของ ปตท. ที่เมืองไทยนี่แหละ แต่ว่าเกิดสถานการณ์คือก่อน อเมริกา ไปยึดอิรัก ข่าวนี้ไม่มีใครทราบ หุ่น ปตท จะเริ่มโดนกวาดซื้อจากวงในโดยเฉพาะนักลงทุนชาวต่างชาติ ผ่านนอมินี ที่เมืองไทยทำให้เหมือนเป็นการซื้อขายของนักลงภายในประเทศ ขณะนี้หุ่นจะเริ่มขึ้น น้ำมันจะเริ่มแพง แต่รัฐบาลไทยจะปิด โดยใช้เงินอุตหนุนไม่ต้องการให้มีประท้วงโวยวาย พอ เมกาฯ ประกาศบุก ค่าน้ำมันพุ่งพรวดๆ กลุ่มเอเป็กเห็นโอกาสเรื่องน้ำมันไม่ยอมผลิตเพิ่มเพื่อผลประโยชน์ รัฐบาลรับภาระไม่ไหว ปล่อยลอยตัว ตอนนี้หุ้น ปตท ดีดสูงสุด สมมุติว่า 20 บาท พอเอเป็ก ได้ประโยชน์พอแล้ว(ตอนนี้อีกใครจะรู้) แล้วประกาศผลิตน้ำมันเพิ่ม หุ้นเริ่มลง แต่ คนใน ปตท ฯลฯ ปูดข่าวการสต๊อกน้ำมันฯลฯ โอ๊ย!ขี้เกียจพิมพ์ เอาเป็นว่า ต่างคนต่างความคิด...สวัสดี
|
|
|
|
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 751
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 10:34:40 » |
|
ไม่ค่อยรู้อะไรเหมือนกัน แต่สงสัยค่ะ ถ้าหุ้นขึ้นเราก็ขายจนหมดได้กำไรมาก้อนนึง แล้วจะลงทุนต่ออีก ต้องซื้อตัวใหม่เลยรึเปล่าคะ หรือควรจะลงทุนยังไง เพราะมันเป็นขาขึ้น ตัวไหนก็แพงหมดเลย
การจะขายหุ้นทิ้งเพื่อได้กำไรแล้ว ซื้อใหม่ ก็เป็นวิธีหนึ่งครับ แต่คุณก็ต้องไปศึกษาเพื่อซื้อหุ้นตัวใหม่เพื่อลงทุนอีก แต่ถ้าหุ้นที่คุณซื้อเป็นหุ้นที่มีอนาคตไม่ควรขายทิ้งทั้งหมดครับโดยธรรมชาติหุ้นจะมีขึ้นลง ดังนั้นควรขายออกบางส่วนเพื่อเอากำไรตอนหุ้นขึ้น ทำนองซื้อถูกขายแพง แล้วดักซื้ออีกทีตอนหุ้นลงเป็นการซื้อเข้ามาเก็บเพื่อเก็งกำไรต่อ เป็นการเพิ่มหุ่นในพอร์ตไปในตัว เพื่อรอรับเงินปันผลครับ เป็นคำแนะนำคร่าวๆนะครับหากสนใจการลงทุนหุ้นจริงๆแนะนำให้ไปหาข้อมูล ที่ pantip.com ห้องสินทร ครับ
|
|
|
|