เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 18 เมษายน 2024, 18:45:23
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 ... 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293270 ครั้ง)
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2010, 16:31:53 »

เห็นว่าน่าสนใจดีครับ เป็นการจำลองการเล่นหุ้นเสมือนจริงครับ เลยเอามาฝาก

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/stockgame/welcome.php
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2010, 16:22:17 »

     ใจเย็นครับ...ผมยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครบ้าง  แล้วยังหาที่ลงไม่ได้  ใจเย็นๆครับ  ตลาดช่วงนี้น่ากลัวมาก  เดี๋ยวเราค่อยๆฝึกวิทยายุทธกันไปก่อน  เพราะตอนนี้เงินนอกมันหาผลตอบแทนดีๆไม่ได้  มันก็เลยมะรุมมะตุ้มเข้ามาเอเชีย  แต่ถ้าถามผมว่าช่วงนี้เสี่ยงไหม  ผมว่า"เสี่ยงมากๆ"  เพราะมันขึ้นมาสูงมากแล้ว  ราคาหุ้นบางตัวไปไกลมาก  อีกไม่นานพอเศรษฐกิจบ้านเขาดีขึ้น  เดี๋ยวเขาก็ดึงเงินกลับไปเองล่ะครับ  แล้วพอถึงตอนนั้น  หุ้นก็คงจะลงมาบ้าง  ทุกวันนี้  หุ้นมันขึ้นได้เพราะแรงซื้อต่างชาติน่ะครับ  และสำหรับผม  มีต้นทุนถูกอยู่แล้ว  ช่วงนี้ก็เลยรอได้ครับ  เพราะถ้าหุ้นมันหันหัวลง  ผมก็ยอมกำไรลดลงหน่อยขายออกมาก่อน  แล้วพอฝุ่นหายตลบ  ผมก็ค่อยกลับเข้ามาซื้อใหม่น่ะครับ
     ส่วนเรื่องที่ผมมาชวนเล่นหุ้นก็เนื่องจากว่า  มีหลายท่านที่อยากเป็นนักลงทุน  แต่ไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน  ผมก็เลยว่า  หุ้นนี่แหละเหมาะที่สุด  เพราะมีเงินน้อยก็ลงทุนได้  ตอนนี้ใครเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนก็ลงทุนได้  ใครเป็นเจ้าของกิจการก็ลงทุนได้  แต่ผมอยากให้คนที่เป็นลูกจ้างเริ่มลงทุนเพื่ออนาคตได้แล้ว  เพราะความมั่นคงในงานมันไม่แน่นนอนอีกแล้ว  สมมุติว่าคนที่เป็นเจ้าของบริษัทเค้าอยากลดค่าใช้จ่ายลง  เค้าก็ต้องคัดคนออกบ้างเพื่อความอยู่รอดของตัวเขาเอง  แล้วถ้าคนที่เขาเอาออกเป็นเรา  แล้วเราจะทำอย่างไรครับ  แต่ถ้าเรามีวิชาการลงทุนอยู่กับตัว  มันก็สามารถทำประโยชน์ได้บ้าง  เพราะ"รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา"  และ"รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม"  การที่เรามีความรู้  มันก็ไม่ได้แบกไว้นี่ครับ...จริงไหม  และผมถือคติที่ว่า  การที่เราจะช่วยใครสักคน  เราก็ควรที่จะสอนให้เขาตกปลากินเอง  ไม่ใช่ตกปลาให้เขากินทุกครั้งที่เขาหิว  เอาไว้หาที่ลงได้แล้วจะแจ้งให้ทราบครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
HeinekeN
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 267


"จงบริหารความโลภ ให้สมดุลย์กับความรู้"


« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 01 ตุลาคม 2010, 17:42:23 »

เขียนได้ดีครับ ผมเองก็กำลังศึกษาอยู่เหมือนกัน
ขอบคุณที่นำความรู้และประสบการณ์มาแชร์ให้แง่คิดครับผม
ได้แต่มัวศึกษา ไม่ยอมลงไปทดสอบของจริงสักที
พอดีเห็นลุงกะน้าเค้าลงทุนอยู่ แล้วเค้าได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงมากๆ
จึงบอกให้ผมมาลองศึกษาดูน่ะครับ
คงต้องติดตามบทความคุณวายุมากๆแล้วครับ ^^
IP : บันทึกการเข้า
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 751



« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 02 ตุลาคม 2010, 12:27:45 »

         "คนจน  คนรวย"
ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง  หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่  แต่น่าเสียดายที่  เวลาฝนไม่ตก  ทุกคนในหมู่บ้านจะไม่มีน้ำใช้  ผู้ใหญ่บ้านจึงประกาศหาคนที่จะรับหน้าที่นำน้ำมาให้คนในหมู่บ้านใช้  มีชาย 2 คนประกาศตัวรับงานนี้  ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็เห็นว่าดี  เพราะหวังว่าเมื่อมีคนแข่งขันกันทำงาน  จะทำให้น้ำมีราคาเป็นธรรมและมีคุณภาพที่ดี  เมื่อได้งานเป็นที่เรียบร้อย  ชายคนแรก(1)และชายคนที่สอง(2)ก็เริ่มลงทุนทันที  ทั้งสองคนนี้  มีเงินลงทุนเริ่มแรกที่หนึ่งล้านบาทเท่ากัน  1 นำเงินไปซื้อรถปิคอัพและถังน้ำใบใหญ่เพื่อใช้ตวงน้ำและบรรทุกไปส่งให้คนในหมู่บ้าน
     ทุกๆวัน 1 จะตื่นก่อนใครในหมู่บ้านเพื่อไปนำน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ในตุ่มของทุกบ้านจนเต็ม  ถึงแม้จะเหนื่อย  แต่ 1 ก็มีความสุขกับงานดี  เพราะมีเพียงเขาและ 2 เพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับงานนี้  ส่วน 2 นำเงินไปซื้อปั๊มน้ำ  และจ้างคนมาวางท่อ จากแหล่งน้ำมาจนถึงหมู่บ้านและต่อท่อไปตามบ้านต่างๆ  เมื่อเดินท่อพร้อมแล้ว 2 ก็ประกาศว่า ทุกคนจะสามารถใช้น้ำได้ทุกเวลาตลอดทั้งวัน  โดยไม่ต้องรอให้เขาไปตักมาให้  และใช้ได้ทุกวันด้วย  ในขณะที่ 1 ไม่สามารถนำน้ำมาให้ชาวบ้านได้ในวันที่เขาหยุด
     1  ไม่ยอมแพ้  แก้เกมด้วยการไปซื้อถังน้ำเพิ่ม  เพื่อบรรทุกให้มากขึ้นในแต่ละรอบ  และพยายามไม่หยุดงาน  เพราะถ้าเขาหยุดงาน  รายได้ของเขาจะหยุดไปด้วย
     ในขณะที่ 2 เห็นว่า  ถ้าหมู่บ้านนี้ต้องการน้ำ  หมู่บ้านอื่นก็คงต้องการน้ำเหมือนกัน  2 จึงไปติดต่อที่หมู่บ้านอื่น  เพื่อนำน้ำไปให้คนในหมู่บ้านอื่นใช้  และเขาก็ได้งานเพิ่มขึ้น  ทุกๆวันที่ผ่านไป  ทุกครั้งที่ชาวบ้านเปิดน้ำของ 2 ใช้  เงินก็ไหลมาสู่กระเป๋าของเขาตลอดเวลา   2 ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยที่ไม่ต้องไปทำงานอีกเลย  ในขณะที่ 1 มีปัญหาเรื่องเงินไปจนวันตาย



     เรื่องเล่าเรื่องนี้จบลงพร้อมกับคำถามของผมที่ว่า  ตอนเริ่มต้น  คนทั้งคู่มีทุนเท่ากัน  แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ทำไมคนทั้งสองจึงมีความเป็นอยู่ที่ต่างกัน  เรื่องทั้งหมดนั้น  ผมสรุปได้ว่า  เป็นเพราะวิธี"คิด"ของคนทั้งสองต่างกัน  จึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ต่างกัน   แม้ว่าเขาจะทำธุรกิจเดียวกัน  เพราะฉะนั้น  เราต้องคิดให้ได้ว่า  เราจะต้องไม่ทำงานเพื่อเงิน  แต่เราต้องคิดให้เป็น  และสร้างทรัพย์สินที่ช่วยให้เราไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต  เหมือนกับเรื่องที่ได้อ่านไป
     แท้จริงแล้ว  คนจนและคนรวยต่างกันแค่วิธีคิดเท่านั้น  ถ้าคุณคิดเหมือนคนรวยคิดคุณก็จะรวย  เพราะความคิด  กำหนดการกระทำของคน  ผมเคยเห็นคนจนที่มีเงินมากมาแล้ว  ความหมายก็คือ  เขามีเงินมากก็จริง  แต่เขาไม่รู้วิธีทำให้เงินงอกเงย  และไม่รู้จักวิธีใช้ให้เงินไปทำงานแทนเขา  เขาจึงต้องทำงาน  และเก็บเงินไปเรื่อยๆ  โดยที่ชีวิตก็รู้จักอยู่แค่นั้น  บางคนร้ายไปกว่านั้น  เขามีโชคโดยการถูกหวยรางวัลใหญ่  แต่พอเวลาผ่านไปไม่นาน  เงินเขาก็หมด  และกลับมาเป็นคนจนอีกครั้ง  เพราะฉะนั้นแล้ว  ในสมัยนี้  ความฉลาดทางการเงินสำคัญมาก  เราต้องรู้ว่า  อะไรคือทรัพย์สิน  และเราจะใช้ทรัพย์สินเลี้ยงตัวเราได้อย่างไร  หรือใช้ให้เงิน  ไปทำงานแทนเราได้อย่างไร  แล้วเราจะไม่เหนื่อยมาก  การมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน  ผมว่า  เป็นความวิเศษสุดของชีวิตแล้ว

แต่ในความเป็นจริง การวางท่อของ 2 ในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายมากมาย เผลอๆอาจมีใต้โต๊ะคอรับชั่น ยุ่งยากมาก การเปรียบเทียบแบบนี้ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุผลเพราะผลมันเห็นอยู่แล้วในทางทฤษฎี .... ในสภาพจริงนาย 2 ทำได้อยากมาก ตัวอย่างเช่น...ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้ในสภาพจริงในปัจจุบัน  ทำไม ปตท ไม่วางท่อน้ำมัน อย่างที่ นาย 2 คิดล่ะ ลดค่าใช้จ่ายได้ตั้งมากไม่ต้องซื้อรถ จ้างคน ในการบรรทุกน้ำมัน แบบนาย 1 หรือว่า คน ปตท คิดแบบนาย 2 ไม่ออกสักคน แต่ ปตท ก็รวยขึ้นๆๆ ไม่แน่นาย 1 อาจรวยแบบ ปตท ก็ได้นะ

การลงทุนหุ้นมีรายได้ดีก็จริง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะการจะรู้ และวิเคราะห์ ราคาหุ้นขึ้นหุ้นลงนั้นสำหรับเราคนธรรมดาไม่มีข้อมูลเบื้องลึกไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลย ก็ตามเค้า ตามคนวิเคราะห์ทางทีวี ทางหนังสือพิมพ์ จริงบ้างไม่จริงบ้าง ........แต่คนที่เก่งๆรวยด้วยหุ่นก็มีอยู่

ถ้าทำได้ เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงดีที่สุดครับ:)
IP : บันทึกการเข้า
Freedom
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 608


ห้องสมุดบิดคิด


« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 03 ตุลาคม 2010, 02:18:22 »

แต่ในความเป็นจริง การวางท่อของ 2 ในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายมากมาย เผลอๆอาจมีใต้โต๊ะคอรับชั่น ยุ่งยากมาก การเปรียบเทียบแบบนี้ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุผลเพราะผลมันเห็นอยู่แล้วในทางทฤษฎี .... ในสภาพจริงนาย 2 ทำได้ยากมาก ตัวอย่างเช่น...ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้ในสภาพจริงในปัจจุบัน  ทำไม ปตท ไม่วางท่อน้ำมัน อย่างที่ นาย 2 คิดล่ะ ลดค่าใช้จ่ายได้ตั้งมากไม่ต้องซื้อรถ จ้างคน ในการบรรทุกน้ำมัน แบบนาย 1 หรือว่า คน ปตท คิดแบบนาย 2 ไม่ออกสักคน แต่ ปตท ก็รวยขึ้นๆๆ ไม่แน่นาย 1 อาจรวยแบบ ปตท ก็ได้นะ

น่าจะเป็นเพียงอุปมา อุปมัย ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านได้ "เห็น" และ "เข้าใจ"
ความหมาย และ ความแตกต่างของการ
"สร้างระบบ" และ "การเป็นระบบเสียเอง" ( แบบให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ) มากกว่าครับ ยิ้ม ยิ้ม

1 ในข้อคิดจากผู้เขียน ที่ผมได้รับ :
คนรวย(2) มัก สร้างระบบ... ส่วน คนชั้นกลางหรือชนชั้นผู้ใช้แรงงาน(1) มักเป็นฟันเฟืองอยู่ในระบบ หรือทำตัวเป็นระบบเสียเอง.... เมื่อรู้เคล็ดลับข้อนี้แล้ว ใครยังอยากเป็นฟันเฟืองหรือ ทำตัวเป็นระบบเสียเองอยู่...ก็เชิญตามสะดวกเลยครับ ยิ้มเท่ห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 ตุลาคม 2010, 02:22:22 โดย Freedom » IP : บันทึกการเข้า

วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 03 ตุลาคม 2010, 16:15:16 »

ตอบคุณธุลีดิน
     ที่ผมได้ยกตัวอย่างไปมันเป็นเพียงการเปรียบเทียบแนวคิดเท่านั้น  ผมยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆนะครับ  คุณจะได้เข้าใจ   สมมุติว่ามีคนสองคนคือนาย(1)  และ(2)  อีกแล้ว  กำลังเข้ามาทำธุรกิจอสังหาฯ(บ้าน)  นาย 1 ซื้อบ้านมาซ่อมแซมแล้วขายไป  ได้กำไรมาเข้ากระเป๋า  แล้วหลังจากนั้น  ถ้าเขาหาบ้านมาซ่อมขายไม่ได้  เขาจะได้เงินไหมครับ  ส่วน 2  ซื้อบ้านมาซ่อมแซมนิดหน่อยให้ดูน่าอยู่  จากนั้นเขาก็หาผู้เช่า  และตราบที่เขามีผู้เช่าอยู่  เงินก็จะไหลเข้ามาหาเขาเรื่อยๆโดยที่เขาไม่ต้องทำงานอีกเลย  นั่นก็คือการ"สร้างท่อน้ำ"เพื่อส่งรายได้มาเข้ากระเป๋าเรานั่นเอง  เมื่อเปรียบกับ 1 แล้ว  เขาทำอย่างนั้นโดยคล้ายกับว่า  ไปขนน้ำมาส่ง  ซึ่งก็คือ  ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ได้เงินไงครับ  ทีนี้คุณคงจะกระจ่างกับแนวคิดนี้แล้วนะครับ  ถ้าอย่างไร  อยากมีความรู้เพิ่มมากขึ้น  เรามานั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็ได้นะครับ  ยินดีที่ได้รู้จักนักลงทุนทุกท่าน  ที่เรามาโพสข้อความตอบโต้กันนี้  ผมไม่ได้มองว่าเราทะเลาะกันนะครับ  เพียงแต่มุมมองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน  และคนที่เข้ามาอ่านก็ได้รับประโยชน์ด้วยครับ
     และประกาศครับ   ผมไปดูสถานที่คุยกันแล้วครับ  ผมว่า CR MALL ชั้น 3 เป็นไงครับ  มีที่จอดรถ  มีแอร์  มีขนมและน้ำขาย  มีห้องน้ำด้วย  แต่ไม่รู้ว่ามีเนตให้เล่นฟรีหรือเปล่านะครับ  เสียอย่างตรงที่เสียงคาราโอเกะดังไปนิดนึง  วันเสาร์ผมว่างพอดี  เอาว่าเริ่ม  4 โมงเย็นเป็นไงครับ  คุยเสร็จเที่ยวถนนคนเดินต่อเลย  ไม่เสียเที่ยวสำหรับคนเดินทางมาไกล  เอาเป็นว่า  เชิญผู้รู้ทุกท่านนะครับ  ใครมีความรู้เยอะก็เอามาแบ่งผมบ้าง  ใครมีน้อยก็มาเก็บไป  แล้วยังไงจะเข้ามาอัพอีกทีครับ  ขอบคุณที่สนใจ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 04 ตุลาคม 2010, 15:57:36 »

ประกาศ!!!
     วันเสาร์ที่ 9 ต.ค.เวลา 4 โมงเย็น CR MALL ชั้น 3 นะครับ  ใครจะมาช่วยบอกผมด้วย  ผมจะได้เตรียมตัวหาข้อมูลไว้  หรือถ้าใครมีที่ดีกว่านี้ก็ช่วยบอกหน่อยครับ  สำหรับคนขี้สงสัย  เชิญมาถล่มผมได้เลย  ถ้าตอบได้ก็ตอบ  ตอบไม่ได้ก็ต้องพึ่งอับดุล...เอ๊ยไม่ใช่  ถ้าตอบไม่ได้แล้วผมค่อยหาข้อมูลมาตอบให้ภายหลัง  แต่ถ้าใครไม่มีข้อสงสัย  อาจเป็นไปได้ว่า  คุณไม่รู้อะไรเลย  ก็เลยไม่รู้จะถามอะไรใช่มะ  ถ้าไม่รู้อะไรเลย  ผมก็จะอธิบายให้คุณรู้และเข้าใจเอง OK นะครับ  สำหรับนักลงทุนทุกท่าน
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 04 ตุลาคม 2010, 19:46:33 »

ผมจอง 1 ที่ครับ ผมก็คนธรรมดาที่ไม่ค่อยรู้เรื่องการเล่นหุ้นเท่าไหร่ แต่อยากเล่นเป็นครับ เพราะจะเริ่มลุยกับเค้าด้วยแล้ว ไปด้วยนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #48 เมื่อ: วันที่ 08 ตุลาคม 2010, 16:19:42 »

     เมื่อคืนผมได้เห็นข่าวเกี่ยวกับ"สงครามค่าเงิน"ที่ต่างประเทศกำลังทำกันอยู่  ผมรู้สึกว่า  มันต้องมีผลกระทบกับพวกเราแน่นอน  เพราะฉะนั้น  คนที่สามารถแปลงข้อมูลให้เป็นการปฏิบัติจริงๆได้  จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างดีในโลกทุนนิยมอย่างทุกวันนี้  ซึ่งทุกวันนี้  กระแสเงินมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก  หากเราอยากชนะ  เราต้องตื่นตัวอยู่เสมอ  คนหลายคนในทุกวันนี้  เล่นเกมการเงินเพียงเพื่อไม่ให้แพ้เท่านั้น  หากอยากชนะ  เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจกับกติกาของเกมด้วย
     สงครามค่าเงินคืออะไร....ในข่าวยังไม่ชัดนัก  แต่เท่าที่ผมวิเคราะห์ดูแล้วทำให้ทราบว่า  ในอนาคต  เราจะไม่ได้ใช้อาวุธมารบกัน  แต่เราจะใช้เศรษฐกิจมารบกัน  ใครสามารถทำกำไรได้มากกว่า  ได้เปรียบดุลการค้ามากกว่า  คนนั้นจะเป็นผู้กำชัย
     ทุนนิยมคืออะไร  ในความเห็นของผมแล้ว  ระบบทุนนิยมเป็น"การทำลายอย่างสร้างสรรค์"  เพราะของที่ดีกว่า  หรือบริการที่ดีกว่า  จะเป็นผู้ทำลายของที่ด้อยกว่าให้ออกจากตลาดไป  แล้วเราค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะครับ....ตามนัด
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #49 เมื่อ: วันที่ 09 ตุลาคม 2010, 16:29:06 »

ผมไปแล้วนะครับ  แต่ไม่รู้จะทักใคร  เพราะดูเหมือนไม่มีใครจะมาหาผมเลย  มีแต่คนนั่งอยู่มุมส่วนตัวทั้งนั้น  เอาไว้ค่อยนัดกันอีกทีแล้วกัน  เอาแบบชัวร์ๆ  ใส่เสื้ออะไร  หน้าตายังไง  อายุเท่าไหร่  OK  นะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 09 ตุลาคม 2010, 16:34:35 »

ผมไปแล้วนะครับ  แต่ไม่รู้จะทักใคร  เพราะดูเหมือนไม่มีใครจะมาหาผมเลย  มีแต่คนนั่งอยู่มุมส่วนตัวทั้งนั้น  เอาไว้ค่อยนัดกันอีกทีแล้วกัน  เอาแบบชัวร์ๆ  ใส่เสื้ออะไร  หน้าตายังไง  อายุเท่าไหร่  OK  นะครับ

คุณวายุใช่คนที่ใส่เสื้อสีแดง ๆ ละเปล่าครับ ผมไปเดินดู ไม่เห็นใครเช่นกันครับ เสียดายจริง ๆ สงสัยสมาชิกจะไม่ว่างกันนะครับ โอกาสหน้าคงต้องนัดกันดี ๆ อีกที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 ตุลาคม 2010, 16:44:56 โดย AIT » IP : บันทึกการเข้า
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 09 ตุลาคม 2010, 16:47:43 »

ผมก็ไปครับ ไม่เห็นใครซักคน เห็นพี่เสื้อแดง ผมเข้าไปทักใช่พี่วายุไหม เขาบอกว่าไม่ใช่นะครับ
IP : บันทึกการเข้า
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 751



« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 10 ตุลาคม 2010, 00:32:08 »

ตอบคุณธุลีดิน
     ที่ผมได้ยกตัวอย่างไปมันเป็นเพียงการเปรียบเทียบแนวคิดเท่านั้น  ผมยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆนะครับ  คุณจะได้เข้าใจ   สมมุติว่ามีคนสองคนคือนาย(1)  และ(2)  อีกแล้ว  กำลังเข้ามาทำธุรกิจอสังหาฯ(บ้าน)  นาย 1 ซื้อบ้านมาซ่อมแซมแล้วขายไป  ได้กำไรมาเข้ากระเป๋า  แล้วหลังจากนั้น  ถ้าเขาหาบ้านมาซ่อมขายไม่ได้  เขาจะได้เงินไหมครับ  ส่วน 2  ซื้อบ้านมาซ่อมแซมนิดหน่อยให้ดูน่าอยู่  จากนั้นเขาก็หาผู้เช่า  และตราบที่เขามีผู้เช่าอยู่  เงินก็จะไหลเข้ามาหาเขาเรื่อยๆโดยที่เขาไม่ต้องทำงานอีกเลย  นั่นก็คือการ"สร้างท่อน้ำ"เพื่อส่งรายได้มาเข้ากระเป๋าเรานั่นเอง  เมื่อเปรียบกับ 1 แล้ว  เขาทำอย่างนั้นโดยคล้ายกับว่า  ไปขนน้ำมาส่ง  ซึ่งก็คือ  ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ได้เงินไงครับ  ทีนี้คุณคงจะกระจ่างกับแนวคิดนี้แล้วนะครับ  ถ้าอย่างไร  อยากมีความรู้เพิ่มมากขึ้น  เรามานั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็ได้นะครับ  ยินดีที่ได้รู้จักนักลงทุนทุกท่าน  ที่เรามาโพสข้อความตอบโต้กันนี้  ผมไม่ได้มองว่าเราทะเลาะกันนะครับ  เพียงแต่มุมมองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน  และคนที่เข้ามาอ่านก็ได้รับประโยชน์ด้วยครับ
     และประกาศครับ   ผมไปดูสถานที่คุยกันแล้วครับ  ผมว่า CR MALL ชั้น 3 เป็นไงครับ  มีที่จอดรถ  มีแอร์  มีขนมและน้ำขาย  มีห้องน้ำด้วย  แต่ไม่รู้ว่ามีเนตให้เล่นฟรีหรือเปล่านะครับ  เสียอย่างตรงที่เสียงคาราโอเกะดังไปนิดนึง  วันเสาร์ผมว่างพอดี  เอาว่าเริ่ม  4 โมงเย็นเป็นไงครับ  คุยเสร็จเที่ยวถนนคนเดินต่อเลย  ไม่เสียเที่ยวสำหรับคนเดินทางมาไกล  เอาเป็นว่า  เชิญผู้รู้ทุกท่านนะครับ  ใครมีความรู้เยอะก็เอามาแบ่งผมบ้าง  ใครมีน้อยก็มาเก็บไป  แล้วยังไงจะเข้ามาอัพอีกทีครับ  ขอบคุณที่สนใจ
ขอบคุณที่พยายามอธิบายครับเราไม่มาทะเลาะกันเรื่องแบบนี้แน่นอนครับผมก็แค่ขอแชร์ในฐานะคนซื้อหุ้นคนหนึ่งเท่านั้นเองและ ขออนุญาติใช้คำว่าแชร์ความคิดกันดีกว่า ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพยายามจะสื่อครับเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้างเป็นธรรมดา

จุดประสงค์ที่ผมเขียนแย้งนั้นเป็นเพราะเพียงแค่ต้องการจะสื่อว่า การลงทุนหุ้นมีความเสี่ยง(สูง)ไม่ได้ง่ายเหมือนแนวคิดที่คุณนำเสนอการหาเงินของนาย 2  เพราะถ้าเชื่อตามแนวคิดนี้ก็ซื้อหุ้นเก็บให้มันทำงานทำเงินให้เราอย่างเดียวเราขายได้กำไรก็มีเงินใช่ไหมครับ แต่ปัจจัยเกี่ยวกับความผันผวนของหุ้นไม่คิดเหรอครับทั้ง เศษฐกิจ การเมือง ค่าเงิน ทั้งในและต่างประเทศ ผลประกอบการบริษัทฯลฯ ถ้าจะอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบกับ นาย 2 ที่ซ่อมบ้านให้เช่า ปัจจัยความผันผวนในรายได้ของนาย2ก็คือ ต้องหาผู้เช่าให้ได้ ต้องซื้อบ้านที่อยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งทำเลดีก็คงราคาไม่ถูก ค่าบำรุงรักษาบ้าน + ความเสี่ยงที่ผู้เช่าจ่ายเงินค่าเช่าไม่ตรงเวลา ระยะในการเช่าฯลฯ

ขอบคุณที่ชวนครับ แต่คงไปไม่ได้เพราะผมไม่ได้อยู่ในเชียงรายครับกลับบ้านนานๆที




IP : บันทึกการเข้า
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 751



« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 10 ตุลาคม 2010, 00:45:51 »

แต่ในความเป็นจริง การวางท่อของ 2 ในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายมากมาย เผลอๆอาจมีใต้โต๊ะคอรับชั่น ยุ่งยากมาก การเปรียบเทียบแบบนี้ผมว่าไม่ค่อยสมเหตุผลเพราะผลมันเห็นอยู่แล้วในทางทฤษฎี .... ในสภาพจริงนาย 2 ทำได้ยากมาก ตัวอย่างเช่น...ถ้าจะเปรียบเทียบเรื่องนี้ในสภาพจริงในปัจจุบัน  ทำไม ปตท ไม่วางท่อน้ำมัน อย่างที่ นาย 2 คิดล่ะ ลดค่าใช้จ่ายได้ตั้งมากไม่ต้องซื้อรถ จ้างคน ในการบรรทุกน้ำมัน แบบนาย 1 หรือว่า คน ปตท คิดแบบนาย 2 ไม่ออกสักคน แต่ ปตท ก็รวยขึ้นๆๆ ไม่แน่นาย 1 อาจรวยแบบ ปตท ก็ได้นะ

น่าจะเป็นเพียงอุปมา อุปมัย ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านได้ "เห็น" และ "เข้าใจ"
ความหมาย และ ความแตกต่างของการ
"สร้างระบบ" และ "การเป็นระบบเสียเอง" ( แบบให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ) มากกว่าครับ ยิ้ม ยิ้ม

1 ในข้อคิดจากผู้เขียน ที่ผมได้รับ :
คนรวย(2) มัก สร้างระบบ... ส่วน คนชั้นกลางหรือชนชั้นผู้ใช้แรงงาน(1) มักเป็นฟันเฟืองอยู่ในระบบ หรือทำตัวเป็นระบบเสียเอง.... เมื่อรู้เคล็ดลับข้อนี้แล้ว ใครยังอยากเป็นฟันเฟืองหรือ ทำตัวเป็นระบบเสียเองอยู่...ก็เชิญตามสะดวกเลยครับ ยิ้มเท่ห์


ขอบคุณครับ เราจับประเด็นกันคนละจุดครับ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้ม ยิ้มเท่ห์

การเป็นผู้สร้างระบบ ในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างนี้ เก่งอย่างเดียวก็ไม่ได้แล้ว ต้องเก่งบวกเฮง บวกโอกาส บวกกัลยานิตร หมดยุคเสื่อผืนหมอนใบอย่างเจ้าสัวซีพีแล้วครับ ใครก็ไม่อยากเป็นขี้ข้าใครแต่ก็ต้องจำใจเพราะจำเป็น... ได้ครับพี่ ดีครับท่าน ถูกต้องครับจ้าาาวนาย เฮ้อชีวิต!
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #54 เมื่อ: วันที่ 10 ตุลาคม 2010, 19:28:55 »

ใครว่างอยากนั่งคุยกัน  พรุ่งนี้คาดว่าผมจะว่างอีกวันครับ  เมลมาที่  vayuasanee@yahoo.co.th  แล้วผมจะส่งเบอร์โทรไปให้ครับ  แล้วเราค่อยนัดเจอกันอีกที  ทั้คุณเสือและคุณอิฐ(ชื่อย่อ)
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 10 ตุลาคม 2010, 20:10:21 »

ใครว่างอยากนั่งคุยกัน  พรุ่งนี้คาดว่าผมจะว่างอีกวันครับ  เมลมาที่  vayuasanee@yahoo.co.th  แล้วผมจะส่งเบอร์โทรไปให้ครับ  แล้วเราค่อยนัดเจอกันอีกที  ทั้คุณเสือและคุณอิฐ(ชื่อย่อ)

PM เบอร์โทรมาก็ได้ครับคุณวายุ เบอร์ผม 0815317814 นะครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 11 ตุลาคม 2010, 16:12:03 »

ตอบคุณธุลีดิน
     ผมจะตอบคำถามเป็นข้อๆไปเพื่อความกระจ่างนะครับ
1.หุ้นมีความเสี่ยงสูง  อันนี้จริงไหม?  ผมขอตอบว่าความเสี่ยงมันมีอยู่ทุกที่ล่ะครับ  แต่เราจะสามารถทำให้มันลดลงหรือหมดไปได้ไหม  คำตอบคือ"ได้"ด้วยความรู้ทางการเงิน  สมมุติว่า  หุ้นตัวหนึ่งเคยซื้อขายกันที่ราคา 10 บาท  มีเงินปันผลให้ปีละ 1 บาท ซึ่งเท่ากับว่าได้ผลตอบแทนปีละ 10 % แต่ถ้าจู่ๆเกิดราคาหุ้นพุ่งขึ้นโดยที่พื้นฐานบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลง  ราคาหุ้นไปอยู่ที่ 20 บาท  เมื่อดูผลตอบแทนที่ได้ปีละ 1 บาทแล้ว  ราคาหุ้น ณ ขณะนั้นให้ผลตอบแทนเหลือเพียง 5 % เท่านั้น  และถ้าเรายังไม่มีหุ้นตัวนั้นอยู่  ผมถามว่าถ้าเราจะเข้าไปซื้อ  นั่นเป็นความเสี่ยงหรือไม่  และในทางกลับกัน  ถ้าราคาหุ้นตกลงมาโดยที่พื้นฐานบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลง  เหลือหุ้นละ 5 บาท  เมื่อดูผลตอบแทนที่ได้ปีละ 1 บาทแล้ว  อัตราผลตอบแทนที่ได้เท่ากับ 20 %  และถ้าเรายังไม่มีหุ้นตัวนั้นอยู่  ถ้าเราเข้าไปซื้อ  จะเสี่ยงไหมครับ  เพราะผลตอบแทนที่ได้เท่ากับ 20 %นั้น  แค่ถือหุ้นไว้ 5 ปีก็คืนทุนหมดแล้ว  และหลังจากนั้น  เราก็จะได้เงินปันผลเข้ามาฟรีๆทุกปี  เพราะฉะนั้น  เวลาที่เราจะลงทุน  ก็ควรรอจังหวะในการเข้าซื้อ  ไม่มีใครชอบของแพงหรอกครับจริงไหม  ไม่ว่าเราจะซื้ออะไรก็ตาม  ทั้งบ้านและหุ้น  ถ้ามันยังแพงอยู่  แล้วคุณจะซื้อไหม?   ผมมองว่าหุ้น"เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ"  ไม่ได้มองว่าหุ้นเป็นการพนันครับ
2.ความผันผวน  อันนี้มันเป็นธรรมชาติของหุ้นครับ  เนื่องจากว่า  มันเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง  แต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้  เพราะหุ้นมีขึ้นมีลง  เราจึงมีโอกาสและจังหวะในการเข้าลงทุนไงครับ  แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าต้องซื้อขายหุ้นบ่อยๆ  เพราะการทำแบบนั้น  มันจะทำให้เราได้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น  เราควรจะดู"แนวโน้ม"ของธุรกิจที่คุณอยากมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ  ว่ามันจะสามารถอยู่ต่อไปได้อีกหรือไม่  หรือจะโตได้อีกไหม  และมีคู่แข่งหรือเปล่า  เพราะอย่างนี้ไงครับ  ผมถึงได้ชวนมานั่งคุยกัน  และเราอย่าให้"ความผันผวน"  มาชี้นำการตัดสินใจลงทุนของเราเลย  เพราะถ้าคุณทนไม่ได้กับการขึ้นลงของราคาหุ้น  คุณก็ไม่ควรซื้อมันมาเลยจะดีกว่า  เพราะมันก็มักจะมีคนที่เป็นนักพนันอยู่ในตลาดเสมอ  เมื่อหุ้นที่เขาซื้อไว้มันไม่ขึ้น  เขาก็จะขายทิ้งเพื่อจะไปซื้อหุ้นตัวใหม่ที่หวือหวากว่า
3.เศษฐกิจและการเมือง  จริงๆแล้วการเมืองมันมีผลน้อยมากเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น  และผมจะไม่ขอกล่าวถึง  แต่เรื่องเศษฐกิจ  ถ้าช่วงไหนที่เศษฐกิจตกต่ำ  นั่นหมายถึงว่า  เรากำลังจะได้รับโอกาสในการลงทุนครั้งใหม่  เนื่องจากเศษฐกิจตกต่ำ  มันเป็นเรื่องธรรมชาติ  มันเป็นการหดตัวของเศษฐกิจเท่านั้น  ส่วนมากเมื่อคนพูดถึงเศษฐกิจตกต่ำ  ก็มักจะรู้สึกไม่ค่อยดี  เลยทำให้พาลขายหุ้นและทรัพย์สินอื่นๆทิ้ง  ผมก็ลงทุนซื้อบ้านในช่วงนี้นั่นแหละ  เมื่อปีที่แล้วผมซื้อบ้านมาหลังหนึ่งในราคาเจ็ดแสน  ซึ่งราคาประเมินของมันเท่ากับเจ็ดแสนหก  ทำให้ผมกู้เงินจากธนาคารได้โดยที่ไม่ต้องวางดาวน์เลย  นี่เป็นประโยชน์จากการที่เรารู้จังหวะลงทุนนั่นเอง
4.ค่าเงิน  อันนี้ถ้าเราจะลงทุนหุ้น  ผมว่ามันเป็นปัจจัยหลักๆในการลงทุนเลยทีเดียว  แต่ถ้าอยากรู้ว่าทำไม  ลองไปดูในกระทู้เก่าๆของผมได้  ในหัวข้อ"วิธีเลือกหุ้นตามแบบฉบับของผม"
5.ปัจจัยความผันผวนในรายได้ของนาย2ก็คือ ต้องหาผู้เช่าให้ได้  อันนี้มันก็มีบ้างครับ  แต่ถ้าเรามีค่า"ความเผื่อ"ไว้  ซึ่งก็คือการมีหลายๆหลังหน่อย  ก็ช่วยทำให้เราปลอดภัยขึ้นครับ  เหมือนหอพัก  เวลาเขาสร้างที  เขาก็สร้างหลายๆห้อง  เพราะต้องมีค่าความเผื่อตัวนี้ไว้
6.ต้องซื้อบ้านที่อยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งทำเลดีก็คงราคาไม่ถูก  อันนี้มันก็อยู่ที่จังหวะในการลงทุนไงครับ  เพราะผมเคยทำมันมาแล้ว  รอซื้อตอนที่เศษฐกิจไม่ดี  แล้วเราจะได้ของถูก  ถ้าเขาขายแพง  ก็อย่าไปซื้อสิ  เวลาเราซื้อของ  ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า  เครื่องใช้ไฟฟ้า  หุ้น  หรือบ้าน  เราก็รอให้เขาเอามาขายลดราคาให้เราก่อนแล้วค่อยซื้อ  เหมือนของห้าง  เขาจะมีการลดล้างสต็อค  เราก็เข้าไปซื้อในช่วงนั้น
7.ค่าบำรุงรักษาบ้าน อันนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ  แต่มันก็สามารถชดเชยได้จากมูลค่าบ้านที่สูงขึ้น  และเราก็บวกมันเข้าไปในค่าเช่าสิครับ
8.ความเสี่ยงที่ผู้เช่าจ่ายเงินค่าเช่าไม่ตรงเวลาและระยะในการเช่า  เราก็ต้องทำสัญญาข้อตกลงก่อนเช่าสิครับ  หรือเรียกเงินค้ำประกัน  และคัดกรองผู้เช่าก่อน  เช่น  ไม่รับนักศึกษา  ไม่เอาคนทำงานกลางคืน เป็นต้น  แล้วคนที่เขาประกอบธุรกิจการเช่า  เขาอยู่ได้อย่างไรล่ะครับ
     และอีกหนึ่งกระทู้ การเป็นผู้สร้างระบบ ในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างนี้ เก่งอย่างเดียวก็ไม่ได้แล้ว ต้องเก่งบวกเฮง บวกโอกาส บวกกัลยานิตร.....แต่จริงๆแล้ว  ในโลกปัจจุบัน  เราไม่จำเป็นต้องสร้างระบบขึ้นมาเองก็ได้  เพราะระบบ  มีวางขายอยู่เยอะแยะไป  อย่างเช่นแฟรนไชส์ 7-11 เป็นต้น  เมื่อเราเห็นว่ายี่ห้อเขาขายได้  เราก็ซื้อระบบเขามาใช้สิครับ
     ผมตอบคำถามเสร็จแล้วนะครับ  หากมีข้อสงสัยอะไรอีกก็ถามมาได้  ขอบคุณที่สนใจเรื่องการลงทุนครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
ผู้หมวดหญิง
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 439


« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 04:05:19 »

ไม่ค่อยรู้อะไรเหมือนกัน แต่สงสัยค่ะ ถ้าหุ้นขึ้นเราก็ขายจนหมดได้กำไรมาก้อนนึง
แล้วจะลงทุนต่ออีก ต้องซื้อตัวใหม่เลยรึเปล่าคะ หรือควรจะลงทุนยังไง เพราะมันเป็นขาขึ้น ตัวไหนก็แพงหมดเลย
IP : บันทึกการเข้า
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 751



« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 10:23:03 »

ขอบคุณสำหรับคำตอบที่ร่ายมาซะยาว

ขอเสนอสั้นๆว่า แค่ความรู้ทางการเงินนั่นไม่พอกับการควบคุมความเสียงในการเล่นหุ่นครับขนาด บิลเกตส์ ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Time (นานมาแล้ว)ยังบอกว่าไม่พอ แต่นั้นก็คงแล้วแต่มุมมองของนักลงทุนว่ากันไม่ได้ แต่สำหรับผม ผมก็คิดว่าไม่พอครับ และถ้าคิดว่าการเมืองมีผลน้อยในการลงทุนหุ้นนั้นคิดผิดครับ ใครที่ซื้อหุ้นตอนสมัยประกาศค่าเงินบาทลอยตัว หรือที่ชัดๆคือ ทักษิณขายสัมปทานไทคม ให้สิงคโปร์ หรือล่าสุด การทำรัฐประหารของ ค.ม.ช. จะรู้ดีครับว่าการเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ มีผลต่อการเล่นหุ้นหรือไม่

ที่บอกว่าหุ่นราคา 10 บาทแล้วจู่ขึ้นไปอยู่ 20 บาท ตรงนี้แหละครับ คำว่าจู่ๆนี่แหละ ข้อมูลที่จะทำให้มันขึ้นแบบกระทันหัน ไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอกครับ ข้อมูลเบื้องลึกของทางบริษัทใครจะเอามาบอกเพราะเค้ากลัวหุ้นตก ขาดทุน ฯลฯ

นักวิเคราะห์ก็ต้องไปวิเคราะห์ผลกระทบ ตอนนี้แหละเศรษฐกิจ การเมืองระดัโลกก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นสมมุติว่า หุ่น 10 บาทที่คุณว่าเป็นของ ปตท. ที่เมืองไทยนี่แหละ แต่ว่าเกิดสถานการณ์คือก่อน อเมริกา ไปยึดอิรัก ข่าวนี้ไม่มีใครทราบ หุ่น ปตท จะเริ่มโดนกวาดซื้อจากวงในโดยเฉพาะนักลงทุนชาวต่างชาติ ผ่านนอมินี ที่เมืองไทยทำให้เหมือนเป็นการซื้อขายของนักลงภายในประเทศ ขณะนี้หุ่นจะเริ่มขึ้น น้ำมันจะเริ่มแพง แต่รัฐบาลไทยจะปิด โดยใช้เงินอุตหนุนไม่ต้องการให้มีประท้วงโวยวาย พอ เมกาฯ ประกาศบุก ค่าน้ำมันพุ่งพรวดๆ กลุ่มเอเป็กเห็นโอกาสเรื่องน้ำมันไม่ยอมผลิตเพิ่มเพื่อผลประโยชน์ รัฐบาลรับภาระไม่ไหว ปล่อยลอยตัว ตอนนี้หุ้น ปตท ดีดสูงสุด สมมุติว่า 20 บาท พอเอเป็ก ได้ประโยชน์พอแล้ว(ตอนนี้อีกใครจะรู้) แล้วประกาศผลิตน้ำมันเพิ่ม หุ้นเริ่มลง แต่ คนใน ปตท ฯลฯ ปูดข่าวการสต๊อกน้ำมันฯลฯ โอ๊ย!ขี้เกียจพิมพ์ เอาเป็นว่า ต่างคนต่างความคิด...สวัสดี ยิ้ม


IP : บันทึกการเข้า
QingGE
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 751



« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 10:34:40 »

ไม่ค่อยรู้อะไรเหมือนกัน แต่สงสัยค่ะ ถ้าหุ้นขึ้นเราก็ขายจนหมดได้กำไรมาก้อนนึง
แล้วจะลงทุนต่ออีก ต้องซื้อตัวใหม่เลยรึเปล่าคะ หรือควรจะลงทุนยังไง เพราะมันเป็นขาขึ้น ตัวไหนก็แพงหมดเลย

การจะขายหุ้นทิ้งเพื่อได้กำไรแล้ว ซื้อใหม่ ก็เป็นวิธีหนึ่งครับ แต่คุณก็ต้องไปศึกษาเพื่อซื้อหุ้นตัวใหม่เพื่อลงทุนอีก

แต่ถ้าหุ้นที่คุณซื้อเป็นหุ้นที่มีอนาคตไม่ควรขายทิ้งทั้งหมดครับโดยธรรมชาติหุ้นจะมีขึ้นลง ดังนั้นควรขายออกบางส่วนเพื่อเอากำไรตอนหุ้นขึ้น ทำนองซื้อถูกขายแพง แล้วดักซื้ออีกทีตอนหุ้นลงเป็นการซื้อเข้ามาเก็บเพื่อเก็งกำไรต่อ เป็นการเพิ่มหุ่นในพอร์ตไปในตัว เพื่อรอรับเงินปันผลครับ เป็นคำแนะนำคร่าวๆนะครับหากสนใจการลงทุนหุ้นจริงๆแนะนำให้ไปหาข้อมูล ที่ pantip.com ห้องสินทร ครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 ... 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!