เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 04:06:19
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 [31] 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293367 ครั้ง)
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #600 เมื่อ: วันที่ 26 มิถุนายน 2012, 16:02:05 »

ตอบคุณ  eaku
     เรื่องอันดับในธุรกิจนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปหาได้ที่ไหน  ส่วนตัวผมเองนั้นใช้การประเมินและหาข้อมูลทั่วๆไปเอาครับ  เช่น  7-11  มีคู่แข่งคือเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส  ทีนี้เราก็มาประเมินเอาเองว่า  ใครมีลูกค้า  หรือมีสาขา  หรือมีกำไร  หรือสามารถโตได้อีก  มากกว่ากันครับ  ส่วนสิริของคุณนั้น  ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเน้นบ้านแนวราบหรือแนวตั้งมากกว่า  ถ้าเป็นแนวตั้ง  ผมว่าน่าจะมีคู่แข่งก็คือ  LPN  เพราะขานี้เขาก็นิยมแนวตั้งเหมือนกัน  การติดตามข้อมูลและนำมันมาประเมินนั้น  คุณคงต้องติดตามข้อมูลเอาเองนะครับ  เพราะผมก็ติดตามข้อมูลของหุ้นผมเหมือนกัน

     และสำหรับคำถามนี้  อาจเป็นคำถามสุดท้ายในภารกิจการดันของผมแล้วนะครับ  ขอถามว่า  แผนงานในการเพิ่มกำไรในอนาคตของบริษัทของคุณคืออะไร  และปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจคืออะไร  และที่เป็นเรื่องหลักเลยก็คือ  อะไรจะทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง  ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้  คุณก็สามารถเรียกตัวเองว่า"นักลงทุน"ได้อย่างเต็มปากครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
►•••   Natz.   •••◄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,434



« ตอบ #601 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 10:12:28 »

มันไม่แสดงราคาอะไรเลยครับเป็นเพราะอะไรหรอครับ





* 26-6-2555 10-08-341.jpg (110.31 KB, 674x243 - ดู 397 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #602 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 10:17:52 »

มันไม่แสดงราคาอะไรเลยครับเป็นเพราะอะไรหรอครับ





เพราะไม่มีคนเ่ล่นไงครับ หมายความว่าหุ้นตัวนี้ ไม่มีใครซื้อ-ขาย ณ เวลานั้น
IP : บันทึกการเข้า

►•••   Natz.   •••◄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,434



« ตอบ #603 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 15:18:59 »


แบบนี้นี่เอง ขอบคุณมากๆครับ เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับผม  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #604 เมื่อ: วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 19:31:35 »

     จากการที่ผมได้ตอบโต้พูดคุยกับคุณ  eaku  ไปแล้วนั้น  ทำให้ผมสังเกตเห็นว่า  ยังมีมือใหม่อีกหลายท่าน  รวมถึงมือเก่าที่ลงทุนมานานแล้ว  ยังไม่เคยหรือไม่ค่อยมีใครนิยมใช้แนวทางที่ผมใช้อยู่มากนัก  ส่วนมากแล้วเขาจะเล่นหุ้นโดยใช้เทคนิคมากกว่า  ซึ่งนั่นผมถือว่า  เขาทำมันเป็นงานอดิเรกครับ  มันยังมิใช่การลงทุน  ถ้าคุณคิดว่าวิธีที่ผมใช้อยู่มันมีเหตุผล  มันสามารถอธิบายถึงความเป็นมาเป็นไปเกี่ยวกับหุ้นแต่ละตัวได้  เราก็น่าจะลองหันมาใช้วิธีที่ผมใช้อยู่บ้างก็ได้นะครับ  เนื่องจากคำถามที่ผมถามคุณ  eaku  ไปทั้งหมดนั้น  เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับคนที่ต้องการจะเป็น  “นักลงทุนที่ดี”  ต้องทำ  คำถามทั้งหมดนั้นมีความสำคัญมาก  เนื่องจากว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเงินลงทุนของเราโดยตรง  ถ้ามีคำถามใดคำถามหนึ่งที่เราไม่สามารถหาคำตอบได้  มีสองวิธีที่เราจะต้องทำคือ

1.เราต้องค้นหาคำตอบให้ได้  เพราะถ้าเราไม่รู้เพียงข้อหนึ่งข้อใด  บางทีข้อนั้นอาจเป็นจุดตาย  เพราะถ้าคำตอบนั้นมันเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่จะทำให้บริษัทแย่ลง  การลงทุนของคุณก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

2.คุณไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย  ถ้าคุณไม่มีหุ้น  คุณก็ไม่ควรซื้อมัน  เพราะนั่นคือ  “ความเสี่ยง”  อย่างที่วลีเด็ดในการลงทุนชอบใช้  หรือถ้าคุณมีหุ้นนั้นอยู่  คำแนะนำของผมก็คือ  ควรหาจังหวะขายมันทิ้งซะ  เพราะคุณจะได้ไม่ต้องไปผวาเวลาที่หุ้นตก  สาเหตุหนึ่งที่คนมักจะชอบคัทลอสก็คือ  เขาไม่รู้จักหุ้นที่เขาลงทุนอยู่  และเขาจะไม่รู้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไรกับหุ้นของตัวเอง

     ผมมีข้อคิดให้ทุกคนหน่อยนึงว่า  อย่าพยายามกระจายความเสี่ยงตามที่คนอื่นแนะนำมา  แทนที่เราจะซื้อหุ้นที่ดี  10  ตัว  หรือซื้อทุกหุ้นที่เรารู้จัก  จะเป็นการดีกว่ามาก  ถ้าเราจะซื้อ  “หุ้นที่ดีที่สุด”  ที่เรารู้จักเพียงไม่กี่ตัว  การที่เราจำเป็นต้องมีหุ้นมากตัวนั้น  มันต้องมีเพราะว่าเราเข้าใจมันและมันเป็นหุ้นที่ดีมาก  แต่อย่ามีหุ้นมากตัวเพียงเพราะว่าเราต้องการกระจายความเสี่ยงเท่านั้นเอง  สำหรับคำว่าซื้อหุ้นที่ดีที่สุดของผมนั้นหมายถึง  หุ้นที่จะให้ผลตอบแทนแก่เรามากกว่าตัวอื่น  ซึ่งเราเห็นอนาคตแล้วว่า  มันสามารถไปได้ไกลกว่าตัวอื่น  หรือให้ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ดีกว่าตัวอื่น  คุณลองคำนวณดูก็ได้ว่า  ถ้าคุณลงทุน  10,000  บาทในหุ้นที่โต  5 %  ต่อปี  เทียบกับหุ้นที่โต  10 %  ต่อปี  เมื่อเวลาผ่านไป  5  ปี  เงินที่คุณลงทุนในหุ้นที่โต  5 %  จะทำให้เงินคุณเพิ่มขึ้นมาเป็น  12,762  บาท  แต่ถ้าคุณลงทุนในหุ้นที่โต  10 %  เมื่อเวลาผ่านไป  5  ปี  เงินคุณจะเพิ่มขึ้นมาเป็น  16,105  บาท  ตอนนี้คุณก็จะรู้ได้ว่า  ถ้าคุณลงทุนด้วยเงินจำนวนที่เท่ากันในหุ้นที่โตต่างกัน  เมื่อเวลาผ่านไป  5  ปี  ผลตอบแทนมันก็จะแตกต่างกันถึง  26 %  เลยทีเดียว  นี่ถ้าจำนวนเงินลงทุนเป็นหลักล้าน  กำไรที่มากกว่าถึง  26 %  มันคงออกรถยนต์ได้เป็นคันเลย  ขอให้ทุกคนโชคดีในการลงทุนและเจอหุ้นที่ใช่ตัวนั้นนะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #605 เมื่อ: วันที่ 30 มิถุนายน 2012, 19:44:07 »

เฮ้ย!!!  ฝรั่งเอาจริงเว๊ย  ดูการซื้อ  CPALL  วันที่  29/06/12  ดิ

ซื้อสุทธิ  27  ล้านหุ้น!!!  แล้วดูวันที่  27/06/12  ดิ  ซื้อมาเบาะๆแค่  7  ล้านกว่าหุ้นเอง  เหอ  เหอ  สีท่าจะวิ่งหน้าตั้งแล้วหุ้นเรา  ใครมีถือไว้  ใครไม่มี...ใจไม่ถึงก็อย่า

http://www.set.or.th/set/nvdrbystock.do?filename=nvdr_stockvol_1_1
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
eaku
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #606 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 18:28:33 »

ตอบคุณวายุ

     และสำหรับคำถามนี้  อาจเป็นคำถามสุดท้ายในภารกิจการดันของผมแล้วนะครับ  ขอถามว่า  แผนงานในการเพิ่มกำไรในอนาคตของบริษัทของคุณคืออะไร  และปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจคืออะไร  และที่เป็นเรื่องหลักเลยก็คือ  อะไรจะทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง  ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้  คุณก็สามารถเรียกตัวเองว่า"นักลงทุน"ได้อย่างเต็มปากครับ

ข้อนี้ยากแฮะ.. (1)แผนงานในการเพิ่มกำไร มันอยู่ในรายงานประจำปีของบริษัทครับ หาอ่านได้ในเว็บและหน้าข่าวเศรษฐกิจครับ.. (2)ปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจ ก็เช่นกันอยู่ในหน้าของรายการการตรวจสอบกิจการครับ แต่ถ้าจะให้ละเอียดกว่าก็ต้องติดตามข่าวและวิเคราะห์คู่แข่งเองด้วย (3) อะไรจะทำให้มัน(ธุรกิจของเรา)ดีขึ้นหรือแย่ลง อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์เองเช่นกันมั้งครับ.....

การตอบคำถามส่วนสุดท้ายของพี่วายุนี้.. ต้องอาศัยความขยันและทำความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ อย่างถ่องแท้ครับ.. จะมาบอกว่าเวลาน้อยไม่ได้นะ..ถึงจะมีน้อยก็ต้องแบ่งเวลามาศึกษาครับ..

แต่ผมใช้วิธีดูและอ่านจะบทวิเคราะห์ที่รายการทีวี หรือที่เขียนในหนังสือพิมพ์พิมพ์เศรษฐกิจเอาครับ..พออ่านแล้วก็ไปดูข้อมูลตามที่เขาบอกมาครับเร็วดี... อาจมีที่ไม่ตรงบ้างก็ปรับเอาครับ..
ขอบคุณที่คุณวายุชี้แนะแนวทางครับ.. พอจะได้ความรู้เพิ่มในการคัดสรร หุ้นที่จะซื้อ..
และหลังจากปรับมุมมองตามคำถามคุณวายุแล้วทำให้รู้ว่าต้องปรับพอร์ตอีกนิดหน่อย..อาจต้องขายทิ้งสัก 2-3 ตัวแน่ะ..555

ขอบคุณมากครับ..

แต่ฝรั่งซื้อเยอะจริงๆครับ 555
IP : บันทึกการเข้า
eaku
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #607 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 18:38:21 »

เอ่อ.. วอนพี่ๆ ทั้งหลายให้ความเห็นทีครับ
ว่าความคิดนี้..

   "หุ้น blue chip = หุ้นที่อยู่ใน SET50"

เป็นความคิดที่ ถูกมั้ยครับ

IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #608 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 15:54:24 »

เอ่อ.. วอนพี่ๆ ทั้งหลายให้ความเห็นทีครับ
ว่าความคิดนี้..

   "หุ้น blue chip = หุ้นที่อยู่ใน SET50"

เป็นความคิดที่ ถูกมั้ยครับ



ไม่เห็นมีใครมาตอบ  งั้นผมตอบให้ก็แล้วกันนะครับ  แต่ก่อนที่จะตอบ  ต้องถามกลับไปก่อนว่า  บลูชิพนั้นหมายถึงอะไร  ถ้าคุณรู้ที่มาที่ไป  คุณก็จะตอบคำถามได้เอง
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
eaku
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 104


« ตอบ #609 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 16:47:26 »

เอาง่ายๆ ก็หุ้นที่พวก VI เค้าถือกันถูกป่ะครับ..

ในกระทู้ใครเคยบอกไว้นะ.. ว่าเป็น ดีเฟ้นซีฟ สต็อก(พิมพ์อังกฤษก็กลัวไม่ถูก) คือเป็นหุ้นของธุรกิจที่
สามารถจะยืนอยู่ได้แม้จะไม่ว่าจะเป็นภาวะเลวร้ายที่สุดของตลาด (เวอร์ไปมั้ยครับ)
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #610 เมื่อ: วันที่ 05 กรกฎาคม 2012, 15:42:29 »

ตอบคุณ  eaku

     คุณสามารถไปอ่านความคิดเห็นเกี่ยวกับหุ้นบลูชิพของผมได้ที่หน้า  30  #584  ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #611 เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2012, 15:55:57 »

7-11  สาขาใหม่  ระบบโอเพ่นแอร์


* 7-11[1].jpg (55.23 KB, 720x478 - ดู 946 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
►•••   Natz.   •••◄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,434



« ตอบ #612 เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2012, 18:09:36 »

7-11  สาขาใหม่  ระบบโอเพ่นแอร์

โอ้ว 555  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
►•••   Natz.   •••◄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,434



« ตอบ #613 เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2012, 18:12:12 »

มีใครเทรดผ่าน Jvix มั้งครับหาวิธีที่ใหนได้มั้งครับ เข้าไป งงเป็นไก่ตาแตกเลย  ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
►•••   Natz.   •••◄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,434



« ตอบ #614 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 11:51:22 »

ท่านใดเทรดผ่านโปรแกรมอื่นนอกเหนือจาก streaming มั้ง อยากทราบว่า streaming มันดีเลย์มากกว่าหรือน้อยกว่าโปรแกรมอื่นแค่ใหนครับ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 11:55:16 โดย ►•••   Natz.   •••◄ » IP : บันทึกการเข้า
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #615 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 13:39:36 »

ท่านใดเทรดผ่านโปรแกรมอื่นนอกเหนือจาก streaming มั้ง อยากทราบว่า streaming มันดีเลย์มากกว่าหรือน้อยกว่าโปรแกรมอื่นแค่ใหนครับ  


ลองสอบถามกับทาง ท่าน เตมูจินครับ เขาเทรดกับอีกโบรกหนึ่ง บอกว่ามีโปแกรมของโบรกเองเลย

แต่ส่วนตัวของผมก็ใช้ติมมิ่งเหมือนกัน แต่ความดีเลย์ ไม่มีผลกับการลงทุนของผมครับ
IP : บันทึกการเข้า

►•••   Natz.   •••◄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,434



« ตอบ #616 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 16:51:04 »


ขอบคุณมากครับ วันนี้ลองดูดูบ้างแล้ว เริ่มดูเป็นละครับ  streaming ดีเลย์ประมาณ 2-3 วิ

วันนี้เข้าสู่สนามจริงกะจะเป็นเม่าน้อยสักหน่อยดันไม่ match ซะนี้ สงสัยมีอะไรบางอย่างบังคับให้ซื้อพรุ่งนี้ ศุกร์ 13 อาถรรพ์   ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
~I☺Gën~
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 98


« ตอบ #617 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 17:44:44 »


ขอบคุณมากครับ วันนี้ลองดูดูบ้างแล้ว เริ่มดูเป็นละครับ  streaming ดีเลย์ประมาณ 2-3 วิ

วันนี้เข้าสู่สนามจริงกะจะเป็นเม่าน้อยสักหน่อยดันไม่ match ซะนี้ สงสัยมีอะไรบางอย่างบังคับให้ซื้อพรุ่งนี้ ศุกร์ 13 อาถรรพ์   ยิ้มกว้างๆ


ที่ไม่จับคู่ให้เรา ก็คงเป็นเพราะยังไม่ถึงตาเรามั้งครับ คิวเราน่าจะท้ายๆของ bid

ถ้ายังไม่ได้ของก็ดีแล้วครับ ดูเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ก่อนก็ดีครับ

ดูเพื่อจะดูว่า มีใครกำลังทำอะไรโง่ๆในตลาดหุ้นไหมนะครับ

และจากนั้นก็จะเห็นจังหวะที่เราจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นดีๆ ที่เขาทิ้งกันแบบโง่ๆครับ

จะซื้อแบบตั้งรับหรือ งาบ เลย ถ้าของดีราคาถูก งบคาดว่าน่าจะออกมาดี

รับรอง ไม่เกิน 18 มิ.ย. 55 (วันสุดท้ายของการส่งงบ) มีเฮแน่ครับ

แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยงครับ ศึกษาราคา กับพื้นฐานดีๆเน้อครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #618 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2012, 22:25:30 »

คุณเป็นใคร
     บทความนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิธีการจัดการเงินของคน  ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่จริง  บางทีคุณอาจจะอ่านแล้วบอกว่ามันไม่ใช่  แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณจริงจังอะไรมากมายนัก  เพราะเรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมองของเราเองต่างหากว่า  เรายอมรับหรือเห็นด้วยกับมันไหมแค่นั้นเอง

     คำถามมีอยู่ว่า  ถ้าเราอยากได้มือถือสักเครื่อง  แต่ตอนนี้เรายังไม่มีเงินเลย  เราจะทำอย่างไร?

ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนจน  คุณก็คงจะค่อยๆเก็บเงินไปเรื่อยๆ  พอเก็บได้ครบเมื่อไหร่ก็ค่อยไปซื้อ  ถ้าถามผมว่าวิธีนี้ดีไหม  ผมว่ามันก็ดีนะ  เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นหนี้ใคร  แถมยังเป็นการฝึกความอดทนและความแน่วแน่ไปในตัวด้วยว่า  เมื่อถึงวันที่เราเก็บเงินได้จนครบแล้ว  เราอาจจะลองถามตัวเองดูก่อนว่า  เรายังต้องการมันอยู่ไหม  หากเรายังต้องการมันอยู่  สิ่งนั้นมันก็คือความต้องการที่แท้จริงของเรา  เรามิใช่อยากจะได้มันเพราะความใจเร็วด่วนได้  หรือหลงมัวเมาไปกับโฆษณา  แต่ถ้าเมื่อเราเก็บเงินได้ครบตามจำนวนแล้ว  เรากลับพบว่าเราไม่ได้ต้องการมันแล้ว  ไม่ว่าจะเกิดจากการที่มันมีรุ่นใหม่ที่ดีกว่าออกมา  หรือเรามาคิดได้ทีหลังว่า  เราก็ไม่ได้อยากจะได้มันจริงสักเท่าไหร่  เราก็จะไม่เสียหายอะไร

ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนชั้นกลาง  คุณคงไม่ต้องการรอจนถึงวันนั้นหรอก  เพราะคุณต้องการมันเดี๋ยวนี้!!!  แต่จะทำอย่างไรล่ะ  ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่มีเงินเลย  ไม่มีปัญหา...เรื่องแค่นี้มันจิ๊บจ๊อย  รูดปรื๊ด...รูดปรื๊ด  “ยอมเป็นหนี้สักหน่อยก็แล้วกัน  คนมันรอไม่ไหวแล้ว  ต่อมอยากได้มันสั่นระริก  มือถือแค่นี้  ผ่อนไม่นานเดี๋ยวก็หมด  เงินเดือนก็มีประจำ  จะกลัวอะไร”  นี่เป็นทัศนคติที่น่ากลัวมาก  ไม่มีการข่มความอยากได้อยากมีเอาเสียเลย  ก็ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่มีเงินเลย  แล้วคุณคิดว่าในอนาคตคุณจะมีเงินไหม  การที่คุณไม่มีเงินในวันนี้  นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า  คุณเป็นคนที่ไม่สามารถสะกดกลั้นความอยากเอาไว้ได้  และการที่คุณยอมเป็นหนี้ในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เงินของคุณมันงอกเงยออกมานั้น  มันก็เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าจริงๆ  ผมว่า...คนที่มีทัศนคติแบบนี้  จะเป็นคนที่ผู้ผลิตสินค้าให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ  และถ้าผมถามต่อไปว่า  เกิดมีมือถือรุ่นที่ดีกว่าออกมา  คุณจะทำอย่างไรอีก?  แล้วถ้าคุณยังเป็นคนแบบนี้อยู่  ชาตินี้ทั้งชาติ  คุณก็คงจะมีแต่ชีวิตหนี้เท่านั้น

ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนรวย  ความอยากได้อยากมี  มันก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ  แต่ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า  วิธีการเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการนั้น  มันสามารถแยกคนออกมาเป็นแต่ละประเภทได้  แล้วคนรวยเขาทำยังไง?  คำตอบในที่นี้คงไม่ใช่เดินดุ่มๆไปซื้อเพราะมีตังค์อยู่แล้วแน่  นั่นมันของตายอยู่แล้ว  ถ้าใครมีเงินสดก็คงไปซื้อมาได้เลย  แต่เรื่องที่เราเอามาพูดกันในวันนี้  จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ยังไม่มีตังค์  ถ้ายังไม่มีตังค์ต้องทำยังไง?  ก็ต้องทำงานเก็บเงินก่อนถูกไหม  แต่หลังจากที่เก็บเงินได้ครบตามจำนวนแล้ว  เขาก็ยังจะไม่เอาเงินไปซื้ออยู่ดี  เขาจะต้องเอาเงินที่เก็บมาได้นั้น  ไปลงทุนทำให้มันออกดอกออกผลเสียก่อน  เมื่อดอกผลที่ได้จากการลงทุนนั้นมีมากพอที่จะซื้อมือถือโดยไม่เดือดร้อนเงินต้นแล้ว  เมื่อนั้นแหละ  เขาถึงจะเอาดอกผลที่ได้รับมา  ไปซื้อมือถือที่เขาอยากได้  ถ้าเราคิดอย่างนี้  ทำอย่างนี้ได้  เมื่อนั้นเราถึงจะเรียกตัวเองว่าคนรวยได้ครับ  คนรวยไม่ได้วัดกันที่มีเงินมากเท่าไหร่  เพราะมีได้มันก็หมดได้  แต่วิธีการเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมาต่างหาก  ที่จะแยกเราได้ว่าเรามีแนวคิดเป็นแบบไหน  ถ้าเราไม่ต้องเสียเงินของตัวเองไป  นั่นต่างหากที่จะทำให้เรารวย  สิ่งที่สำคัญคือ  เราจะรักษาเงินที่มีอยู่  ให้อยู่กับเราไปนานๆหรือเพิ่มพูนขึ้นไปได้อย่างไรต่างหาก
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
MRJACOP
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200


« ตอบ #619 เมื่อ: วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 01:26:04 »

คุณเป็นใคร
     บทความนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิธีการจัดการเงินของคน  ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่จริง  บางทีคุณอาจจะอ่านแล้วบอกว่ามันไม่ใช่  แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณจริงจังอะไรมากมายนัก  เพราะเรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมองของเราเองต่างหากว่า  เรายอมรับหรือเห็นด้วยกับมันไหมแค่นั้นเอง

     คำถามมีอยู่ว่า  ถ้าเราอยากได้มือถือสักเครื่อง  แต่ตอนนี้เรายังไม่มีเงินเลย  เราจะทำอย่างไร?

ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนจน  คุณก็คงจะค่อยๆเก็บเงินไปเรื่อยๆ  พอเก็บได้ครบเมื่อไหร่ก็ค่อยไปซื้อ  ถ้าถามผมว่าวิธีนี้ดีไหม  ผมว่ามันก็ดีนะ  เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นหนี้ใคร  แถมยังเป็นการฝึกความอดทนและความแน่วแน่ไปในตัวด้วยว่า  เมื่อถึงวันที่เราเก็บเงินได้จนครบแล้ว  เราอาจจะลองถามตัวเองดูก่อนว่า  เรายังต้องการมันอยู่ไหม  หากเรายังต้องการมันอยู่  สิ่งนั้นมันก็คือความต้องการที่แท้จริงของเรา  เรามิใช่อยากจะได้มันเพราะความใจเร็วด่วนได้  หรือหลงมัวเมาไปกับโฆษณา  แต่ถ้าเมื่อเราเก็บเงินได้ครบตามจำนวนแล้ว  เรากลับพบว่าเราไม่ได้ต้องการมันแล้ว  ไม่ว่าจะเกิดจากการที่มันมีรุ่นใหม่ที่ดีกว่าออกมา  หรือเรามาคิดได้ทีหลังว่า  เราก็ไม่ได้อยากจะได้มันจริงสักเท่าไหร่  เราก็จะไม่เสียหายอะไร

ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนชั้นกลาง  คุณคงไม่ต้องการรอจนถึงวันนั้นหรอก  เพราะคุณต้องการมันเดี๋ยวนี้!!!  แต่จะทำอย่างไรล่ะ  ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่มีเงินเลย  ไม่มีปัญหา...เรื่องแค่นี้มันจิ๊บจ๊อย  รูดปรื๊ด...รูดปรื๊ด  “ยอมเป็นหนี้สักหน่อยก็แล้วกัน  คนมันรอไม่ไหวแล้ว  ต่อมอยากได้มันสั่นระริก  มือถือแค่นี้  ผ่อนไม่นานเดี๋ยวก็หมด  เงินเดือนก็มีประจำ  จะกลัวอะไร”  นี่เป็นทัศนคติที่น่ากลัวมาก  ไม่มีการข่มความอยากได้อยากมีเอาเสียเลย  ก็ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่มีเงินเลย  แล้วคุณคิดว่าในอนาคตคุณจะมีเงินไหม  การที่คุณไม่มีเงินในวันนี้  นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า  คุณเป็นคนที่ไม่สามารถสะกดกลั้นความอยากเอาไว้ได้  และการที่คุณยอมเป็นหนี้ในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เงินของคุณมันงอกเงยออกมานั้น  มันก็เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าจริงๆ  ผมว่า...คนที่มีทัศนคติแบบนี้  จะเป็นคนที่ผู้ผลิตสินค้าให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ  และถ้าผมถามต่อไปว่า  เกิดมีมือถือรุ่นที่ดีกว่าออกมา  คุณจะทำอย่างไรอีก?  แล้วถ้าคุณยังเป็นคนแบบนี้อยู่  ชาตินี้ทั้งชาติ  คุณก็คงจะมีแต่ชีวิตหนี้เท่านั้น

ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนรวย  ความอยากได้อยากมี  มันก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ  แต่ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า  วิธีการเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการนั้น  มันสามารถแยกคนออกมาเป็นแต่ละประเภทได้  แล้วคนรวยเขาทำยังไง?  คำตอบในที่นี้คงไม่ใช่เดินดุ่มๆไปซื้อเพราะมีตังค์อยู่แล้วแน่  นั่นมันของตายอยู่แล้ว  ถ้าใครมีเงินสดก็คงไปซื้อมาได้เลย  แต่เรื่องที่เราเอามาพูดกันในวันนี้  จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ยังไม่มีตังค์  ถ้ายังไม่มีตังค์ต้องทำยังไง?  ก็ต้องทำงานเก็บเงินก่อนถูกไหม  แต่หลังจากที่เก็บเงินได้ครบตามจำนวนแล้ว  เขาก็ยังจะไม่เอาเงินไปซื้ออยู่ดี  เขาจะต้องเอาเงินที่เก็บมาได้นั้น  ไปลงทุนทำให้มันออกดอกออกผลเสียก่อน  เมื่อดอกผลที่ได้จากการลงทุนนั้นมีมากพอที่จะซื้อมือถือโดยไม่เดือดร้อนเงินต้นแล้ว  เมื่อนั้นแหละ  เขาถึงจะเอาดอกผลที่ได้รับมา  ไปซื้อมือถือที่เขาอยากได้  ถ้าเราคิดอย่างนี้  ทำอย่างนี้ได้  เมื่อนั้นเราถึงจะเรียกตัวเองว่าคนรวยได้ครับ  คนรวยไม่ได้วัดกันที่มีเงินมากเท่าไหร่  เพราะมีได้มันก็หมดได้  แต่วิธีการเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมาต่างหาก  ที่จะแยกเราได้ว่าเรามีแนวคิดเป็นแบบไหน  ถ้าเราไม่ต้องเสียเงินของตัวเองไป  นั่นต่างหากที่จะทำให้เรารวย  สิ่งที่สำคัญคือ  เราจะรักษาเงินที่มีอยู่  ให้อยู่กับเราไปนานๆหรือเพิ่มพูนขึ้นไปได้อย่างไรต่างหาก

อ่านแล้วได้แง่คิดดีมากๆเลย
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 [31] 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!