แกะพิมพ์เขียว "งบฯ 2 ล้านล้าน" "เพื่อไทย" ปูพรมโครงสร้างพื้นฐาน
updated: 31 ม.ค. 2556 เวลา 13:52:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับบัญชีโครงการภายใต้เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาทของ "กระทรวงคมนาคม" ที่ยังจัดสรรไม่ลงตัว ต้องเลื่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นัดที่ผ่านมา และยังไม่รู้ว่า การประชุม ครม.วันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้จะมาตามนัดตามที่ "รัฐบาลเพื่อไทย" วาดแผนไว้หรือไม่
ทางเจ้ากระทรวง "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ยังไม่กล้าฟันธงและไม่อยากจะพูดถึง เพราะยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งมัดตัวเอง
"ผมไม่อยากจะพูดแล้วจะเข้า ครม.เมื่อไร กระทรวงกำลังทำรายละเอียดโครงการอยู่ ยังไม่นิ่ง เป็นงานถนนต้องดูให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของประเทศ" บิ๊กหูกวางพยายามชี้แจง
เบื้องหลังงบฯ 2 ล้านล้านไม่ลงตัว
แหล่งข่าววงในของกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สาเหตุที่ยังไม่ลงตัวสำหรับ "เค้ก 2 ล้านล้านบาท" ของกระทรวง เบื้องหลังการถ่ายทำน่าจะมาจากมีบิ๊กเพื่อไทยที่เป็นคนใน "ครอบครัว
ชินวัตร" กำลังแย่งปาดหน้าเค้กกันเองโดยมีคนของตัวเองช่วยสแกนบัญชีโครงการ ทั้งเบอร์หนึ่ง "รมว.ชัชชาติ" นักการเมืองสายตรงจาก "นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" และอีก 2 รมช. ทั้ง "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" และ "พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต" ซึ่งว่ากันว่านายใหญ่ดูไบส่งมาดูแลงาน
เท่านั้นยังไม่พอ ดูเหมือนยังมีมือที่ 3 จากคนในครอบครัวชินวัตร พยายามเข้ามาล้วงลูกจัดสรรงบประมาณถนนของกรมทางหลวง (ทล.) ที่มี "พล.อ.พฤณท์" กำกับดูแล และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ซึ่งรัฐมนตรีจากที่ราบสูง "ประเสริฐ" นั่งคุมอยู่ทำให้จนถึงวินาทีนี้ยังเกลี่ย "วงเงินและพื้นที่" ไม่ลงตัว โดยเฉพาะโครงการบูรณะถนนที่แพ็กพ่วงเข้ามา
ขณะที่ "รมว.ชัชชาติ" เองก็มุ่งมั่นจะดึงเงินมาลง "ระบบราง" ที่นั่งกุมบังเหียนอยู่ให้มากที่สุด ทั้ง "รถไฟฟ้า-ไฮสปีดเทรน-ทางคู่-รถไฟสายใหม่" เบ็ดเสร็จกวาดเม็ดเงินลงทุนกว่า 78% หรือประมาณ 1.56 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกันกับที่ "นายกฯยิ่งลักษณ์" และรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ซึ่งพยายามออกมาระบุว่า "ระบบราง" น่าจะเกิดประโยชน์และพลิกโฉมประเทศไทยได้
ทุ่มระบบรางกว่า 1.56 ล้านล้าน
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้งบฯลงทุน 2 ล้านล้านบาทเริ่มนิ่งแล้ว เพียงแต่รอจัดสรรงบฯในส่วนของบูรณะและเพิ่มประสิทธิภาพถนนที่ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะเป็นพื้นที่ไหน และดูว่าโครงการไหนที่จะตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและประเทศได้อย่างแท้จริง
"เบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ ทุ่ม 2 ล้านล้านบาทนี้ให้ระบบรางทั้งหมดเลย หรือจะลงทุนระบบราง 70-80% ที่เหลือกระจายให้งานถนนและทางน้ำ กระทรวงยังไม่สรุป"
สำหรับโครงการที่จัดอยู่ในบัญชี 1 คืองานที่พร้อมจะลงทุนทันที มุ่งเป้าไปที่ "สาขาการขนส่งทางราง" เป็นโครงการของ 2 หน่วยงานหลักอย่าง "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย และ "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย"
ร.ฟ.ท.อู้ฟู่ทะลุ 1.1 ล้านล้าน
โดย "ร.ฟ.ท." ได้รับจัดสรรเงินลงทุนมากสุด 58.74% หรือประมาณ 1,174,718 ล้านบาท ประกอบด้วย "แผนงานระยะเร่งด่วน" วงเงินรวม 138,253 ล้านบาท อาทิ โครงการอาณัติสัญญาณไฟสี 11,358 ล้านบาท ทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ 16,215 ล้านบาท ฯลฯ
"แผนลงทุนทางสายใหม่" มี 3 สาย วงเงินรวม 23,927 ล้านบาท มีสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 77,275 ล้านบาท สายบ้านไผ่-นครพนม 42,106 ล้านบาท และสายบ้านภาชี-อ.นครหลวง 4,546 ล้านบาท
นอกจากนี้ มี "ทางคู่ระยะที่ 2" อีก 3 สาย วงเงินรวม 62,895 ล้านบาท มีสายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 9,555 ล้านบาท สายชุมพร-สุราษฎร์ธานี 17,640 ล้านบาท และสายสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ 35,700 ล้านบาท
ขณะที่โครงการฮอตในปีนี้ "รถไฟความเร็วสูง" เฟสแรก 4 สาย อัพเดตล่าสุดวงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 753,105 ล้านบาท ต้นทางออกจากรุงเทพฯมุ่งหน้าเชียงใหม่ นครราชสีมา หัวหิน พัทยา-ระยอง
สำหรับ "โครงการต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง" มี 6 สายทาง มีวงเงินรวม 95,538 ล้านบาท อาทิ สายสีแดงเข้ม (รังสิต-ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต) 5,412 ล้านบาท ต่อสายแอร์พอร์ตลิงก์ (ดอนเมือง-พญาไท) 28,574 ล้านบาท สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศิริราช) 9,312 ล้านบาท ฯลฯ
รฟม.ได้ 3.8 แสนล้านสานต่อรถไฟฟ้าเก่า-ใหม่
ด้าน "รฟม." มีโครงการสานต่อรถไฟฟ้าสายเก่าให้จบโครงการ และเริ่มต้นเปิดประมูลสายใหม่ 8 สายทางด้วยกัน วงเงินรวม 386,222 ล้านบาท อาทิ สายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) 58,590 ล้านบาท สายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี) 115,054 ล้านบาท ฯลฯ และเพิ่มสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) เข้ามาในบัญชีเพื่อเร่งสร้างให้เร็วขึ้น 57,306 ล้านบาท
ท"งหลวงผุดโครงข่ายเชื่อมเออ"ซ"กว่า 200 โครงการ
กลับมาดู "สาขาขนส่งทางถนน" ได้รับจัดสรรวงเงินรวม 270,653 ล้านบาท แยกเป็น "กรมทางหลวง" 195,030 ล้านบาท อาทิ งานสะพานข้ามทางรถไฟ 83 แห่ง และงานรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง 23,280 ล้านบาท ค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์ 3 สาย มีสายบางปะอิน-นครราชสีมา บางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี และสายพัทยา-มาบตาพุด
โครงการทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เพิ่มจาก 10 โครงการเป็น 13 โครงการ วงเงิน 14,920 ล้านบาท เร่งรัดขยายถนน 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) และเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง 66 โครงการ 91,580 ล้านบาท ก่อสร้างบูรณะทางหลวงสายหลักรองรับเออีซี 166 โครงการ 36,600 ล้านบาท และต่อขยายทางคู่ขนานบรมราชชนนี (พุทธมณฑลสาย 2-เพชรเกษม) 14,800 ล้านบาท โดยตัดงบฯขยายโทลล์เวย์ (ช่วงรังสิต-บางปะอิน) วงเงิน 23,000 ล้านบาทออกไป
ทช.ขอ 5 หมื่นล้านเสริมโครงข่ายการค้า-ท่องเที่ยว
"ทช.-กรมทางหลวงชนบท" ตัดเหลือ 2 รายการ วงเงินรวม 56,831 ล้านบาท ในจำนวนนี้กว่า 52,639 ล้านบาทเป็นงบฯพัฒนาโครงข่ายถนนเชื่อมต่อด้านการค้า การลงทุน และการขนส่ง เช่น สร้างถนนคู่ขนานบางนา-ตราดจากกิ่งแก้ว-วัดศรีวารีน้อย ฯลฯ ส่วนโครงข่ายเชื่อมต่อด้านการท่องเที่ยวจากเดิมกว่า 1 หมื่นล้านบาท เหลือ 4,192 ล้านบาท เป็นการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทยด้านตะวันตก (รอยัลโคสต์)
เจียด 1.4 หมื่นล้านผุดศูนย์ถ่ายสินค้า 15 จังหวัด
โครงการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเออีซียังได้จัดสรร 14,093 ล้านบาท ให้กับ "ขบ.-กรมการขนส่งทางบก" เพื่อก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบสินค้าที่เชียงของ 1,490 ล้านบาท สถานีขนส่งสินค้า 15 แห่งที่เมืองชายแดน 7 แห่ง คือ เชียงราย ตาก หนองคาย มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา นราธิวาส
และตามหัวมืองหลัก 8 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี วงเงินรวม 11,586 ล้านบาท รวมถึงโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงรายอีก 745 ล้านบาท
เร่งเวนคืนตัดด่วนใหม่ 3 สาย
ขณะที่โครงข่ายทางด่วนของ "กทพ.-การทางพิเศษแห่งประเทศไทย" ได้งบฯวงเงิน 3,735 ล้านบาท สำหรับเวนคืนทางด่วนสายใหม่ 3 สาย เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ ประกอบด้วย สายดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก สายศรีรัช-ดาวคะนอง และสายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต
ด้าน "ขสมก.-องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ" จากเดิมจดเงินเพื่อซื้อรถเมล์ NGV ใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท แต่สุดท้ายได้แค่ 963 ล้านบาท สำหรับสร้างอู่จอดรถโดยสารเท่านั้น
เจ้าท่าไม่น้อยหน้ากว่า 3 หมื่นล้าน
ส่วน "จท.-กรมเจ้าท่า" หน่วยงานอยู่ในความดูแลสังกัดของ "รมต.ประเสริฐ" นอนนิ่งในบัญชี "สาขาขนส่งทางน้ำ" มาตั้งแต่เริ่มแรก ได้รับจัดสรรรวม 30,277 ล้านบาท มี 5 โครงการ อาทิ เขื่อนป้องกันตลิ่งพังและขุดลอกร่องน้ำในแม่น้ำป่าสัก 11,837 ล้านบาท ท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล วงเงิน 11,786 ล้านบาท ฯลฯ
ปิดท้ายที่ "สาขาขนส่งทางอากาศ" ส่วนใหญ่หน่วยงานมีรายได้และเงินลงทุนของตัวเอง ทำให้บัญชีนี้มีแค่ 1 โครงการเป็นของ "บพ.-กรมการบินพลเรือน" ก่อสร้างสนามบินที่ อ.แม่สอด 862 ล้านบาท
ส่วน "สุวรรณภูมิ เฟส 2" วงเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท ตัดทิ้งจากบัญชี และให้ "ทอท.-บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)" หาเงินมาลงทุนเอง
ทั้งหมดเป็นรายการเบื้องต้นที่ "คมนาคม" พยายามจัดสรรให้ลงตัว และคาดว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอีกแล้ว แต่สุดท้ายจะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้อีกมากน้อยแค่ไหนคงต้องดูกันต่อไป
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1359615004&grpid=no&catid=07&subcatid=07