ข้าวในมุมมองที่แตกต่าง พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี) “ข้าวคือมิ่งขวัญ คือจิตวิญญาณของคนไทย”
“ไม่ว่าจะเป็น จิตวิญญาณของความเป็นไทย มิติทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา หรือครอบครัว ทั้งหมดนั้น อยู่ในข้าวทุกเมล็ดที่เรากิน”
เมื่อกล่าวถึงข้าวไทยกับในหลวงของเรานั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยทรงมีแปลงข้าวทดลองส่วนพระองค์ ที่สวนจิตลดา เพราะข้าวคือสัญลักษณ์ของความเป็นไทย ด้วยเหตุนี้พระมหากษัตริย์จึงต้องคงประเพณีแรกนาขวัญเริ่มฤดูปลูกข้าวจนถึงปัจจุบัน เพื่อส่งสัญญาณดีก่อนเริ่มฤดูปลูกข้าว หรือแม้แต่พระพุทธองค์ ก็ยังกล่าวว่าตัวท่านเป็นตระกูลชาวนา และยังตั้งชื่อปัญจวคีทั้งหลาย ด้วยคำว่า “โอทนะ” ที่แปลว่า “ข้าว”
ทางภาคเหนือก็ยังมี พิธีสู่ขวัญควายซึ่งได้อุทิศแรงกายให้คนได้มีข้าวกิน ส่วนพระแม่โพสพก็แสดงให้เห็นว่า
คนไทยให้ความสำคัญกับข้าวมาตั้งแต่โบราณ โดยถือเอาข้าวเป็นอาหารที่เทพประทานให้คนไทย ข้าวจึงถือเป็น
มิ่งขวัญของคนไทย คือจิตวิญญาณ มีทั้งมิติทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา และครอบครัว
เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว เรายังมีประเพณี “ทานข้าวใหม่” คือการบริจาคข้าวใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาจากหมู่บ้าน ถวายเป็นภัตตาหารแด่พระสงฆ์ โดยให้ผู้ที่เคารพได้ทานข้าวใหม่ก่อน เพราะคนไทยถือว่าข้าวคือวิถี ชาวนาคือกระดูกสันหลัง ขาดข้าวเมื่อไร เมืองไทยก็ตาย
แต่ทุกวันนี้ ความเคารพที่มีต่อข้าวกลับลดลง เพราะการพึ่งพาเทคโนโลยีในการเก็บเกี่ยว ทำให้มิติระหว่างคนกับข้าวหายไป ช่องว่างที่เกิดขึ้นใหม่กลายเป็นมิติเชิงธุรกิจเสียหมด
เมื่อสำนึกในความกตัญญูค่อยๆ ลดลงเท่าไร พืชและสัตว์ตามธรรมชาติ เช่น กบ เขียด หนู ที่อาศัยตามท้องไร่ท้องนา ก็ค่อยๆ หายไปเท่านั้น คุณภาพข้าวที่เปลี่ยนไป เกิดจากความไม่ลึกซึ้ง ไม่ใช้แรง ละเลยต่อประเพณีดั้งเดิม ความเคารพต่อข้าวจึงน้อยลง
ทำอย่างไรรักษาขวัญข้าวของไทยให้อยู่ไปตราบนานเท่านาน? นี่คือสิ่งที่ขอให้ลูกหลานเก็บไปคิด
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริหาร สพภ.
ผู้ริเริ่มจัดทำสารานุกรม “ภูมิปัญญาข้าวไทย”
“ข้าวเป็นจิตวิญญาณของคนไทย เป็นทั้งมรดกทางวัฒนธรรมและทางวิทยาศาสตร์”
องค์ความรู้ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นความรู้ที่ได้จากการวิจัยและทดลองในห้อง Lab คือ “วิทยาศาสตร์” กับความรู้ที่ได้จาก คน หรือกลุ่มคนทดลองปฏิบัติ ลองผิดลองถูก เฝ้าสังเกตธรรมชาติ ดูว่า
สิ่งใดสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับกิจกรรมของตนได้ คือ “ภูมิปัญญา” ซึ่งมีที่มาแตกต่างกันแต่สามารถเกื้อกูลกันได้ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ มุ่งเน้นการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ การค้า
สำหรับเรื่องข้าวนั้น “ข้าวเป็นจิตวิญญาณของคนไทย” ข้าวเป็นทั้งมรดกทางวัฒนธรรมและทาง
วิทยาศาสตร์ ในด้านวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้าไปมาก มีการผลิตพันธุ์ข้าวใหม่ๆ โดยมีกระบวนการจัดการเรื่องของการผสมพันธุ์ให้เกิดข้าวพันธุ์ใหม่ ในขณะเดียวกันโลกมีการใช้เทคโนโลยีในทาง Genetic หรือการตัดต่อพันธุกรรม (ซึ่งในประเทศไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับ) เพื่อให้ข้าวสามารถเจริญเติบโตได้มากยิ่งขึ้น ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวมาก็เกิดขึ้นจากต้นกำเนิดคือความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะข้าวแต่ละประเภทที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ มีคุณสมบัติ คุณลักษณะที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ของกลิ่น ความอดทนต่อความแล้ง คุณค่าทางโภชนาการ หรือความแตกต่างของสี วิทยาศาสตร์ต้องนำสิ่งต่างๆ ที่ต้องการมาผสมกันเพื่อให้เกิดข้าวพันธุ์ใหม่ขึ้น เช่น นำความแข็งแกร่งของพันธุ์หนึ่งบวกกับกลิ่นหอมของอีกพันธุ์หนึ่ง นำความต้านทานความแล้งของพันธุ์หนึ่งบวกกับความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และบวกกับความไวแสงของอีกพันธุ์หนึ่งให้ได้พันธุ์ข้าวที่ดี ที่สุด
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธรประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ / ผู้ปฏิบัติงานในโครงการพระราชดำริ
ที่ปรึกษาโครงการจัดทำสารานุกรม “ภูมิปัญญาข้าวไทย”
“เราอยากสอนให้ทุกคนรู้ว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง พระแม่ธรณีรับฝากข้าว 1 เม็ดใน 120 วัน ให้เรากลับคืนมาเป็นหมื่นเม็ด”
ข้าว คือ อาหารของมนุษย์ที่ต้องแบ่งกันกิน ข้าวไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อเป็นสินค้า เพราะทุกคนต้องกินอาหารทุกวัน และอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาอาหารทั้งโลก ก็คือข้าว ถ้าไม่มีข้าวก็ไม่มีขนมปัง และเราคงจะปลูกมันกินอย่างเดียวไม่ได้ ข้าวคือต้นอารยธรรมของมนุษย์ คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้นักล่า นักเก็บของป่า เป็นนักผลิต นักเพาะปลูก
แต่เดิมมนุษย์ก็ไม่ต่างกับสัตว์ เร่ร่อนเพื่อใช้ชีวิตและหาอาหารตามโชคชะตา แต่มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานเพราะเราได้รู้จักกับข้าว เรากินข้าว และหาวิธีเพาะปลูกมัน ข้าวเมื่อสมัยก่อนเม็ดโตเต็มรวง เราติดใจในรสชาติจึงปลูกและรอเก็บเกี่ยวข้าวเป็นอาหาร โดยที่ไม่ต้องล่า ไม่ต้องหาเก็บในป่า ทำให้เรียนรู้การสร้างที่อยู่อาศัย สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน สร้างวิวัฒนาการต่างๆ มากมาย จนหลุดพ้นจากอารยธรรมต่ำเยี่ยงสัตว์ ที่ไม่ใส่เสื้อผ้า
แต่วันนี้มนุษย์เอาข้าวไปแปลงเป็นกระดาษ ไปแปลงเป็นค่าอื่น สุดท้ายก็กลับไปเหมือนเดิม ใช้เกมการค้าไปแทนเกมการล่า ใครชนะ ใครได้ข้าวมากที่สุดก็ได้ข้าวไปกิน ซึ่งอาจจะเป็นการเปรียบเทียบที่แรงไป แต่นี่เป็นสัจจะ เป็นความจริง ทำให้มนุษย์คิดถึงตัวเองมากขึ้น แต่ชาวนาคิดถึงคนอื่น คิดว่าจะมีข้าวให้คนกิน มีข้าวให้พระฉันได้หรือไม่ วิธีคิดแบบสัมมาทิฐิเช่นนี้ ทำให้คนสมัยก่อนมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับข้าวมากมาย จนเป็นวัฒนธรรม ประเพณี
ข้าวเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยเก่งเป็นหนึ่งในโลก ตั้งแต่การหาที่ที่เหมาะแก่การทำนา คัดสรรพันธุ์ที่อร่อย หอม และเป็นประโยชน์ รวมไว้ในข้าวทุกเม็ด
แต่เราทำลายตัวเอง ยังไม่สายเกินไปที่คนไทย จะลุกขึ้นมาสนใจข้าว ความสามารถของคนไทยในการผลิตข้าวไม่เหลืออะไรเลย เมื่อก่อนเราปลูกข้าวบนที่นาของไทย ใช้คนไทยปลูก พันธุ์ข้าวไทย ใช้ควายไทย คันไถแบบไทย ระหัดวิดน้ำของไทย เคียวไทย นวดข้าวบนลานไทย ใช้เครื่องนวดไทย เก็บในยุ้งฉางไทย เครื่องสีไทย ตำด้วยครกไทย ใส่กระบุง กระด้ง หุงด้วยเตาไทย ถ่านไทย แกลบไทย หม้อไทย ใส่ในจานไทย ตักเข้าปากด้วยช้อนไทย(มือ) แต่เดี๋ยวนี้ข้าวที่เรากินกันแทบไม่ใช่ข้าวไทยแล้ว แต่เป็นข้าวของต่างชาติ ปลูกในที่นาที่แบงก์ยึดไป ใช้คนไทยปลูกหรือเปล่า พันธุ์ข้าวก็เป็นพันธุ์ลูกผสมชาติไหนต่อชาติไหนมั่วไปหมด ไถด้วยควายเหล็กที่กินน้ำมัน ใช้เครื่องจักรสูบน้ำเข้านา เก็บเกี่ยวด้วยรถแทรกเตอร์ นวดก็ใช้เครื่องนวดต่างประเทศ โรงสีของต่างประเทศ หม้อหุงข้าวต่างประเทศ จานช้อนต่างประเทศ ถึงปากเราก็ไม่ใช่ข้าวไทยแล้ว
ถามว่าแล้วเราจะกลับไปทำแบบก่อนได้หรือไม่ คำตอบคือเรากำลังทำอยู่ แต่ก็มีหลายขั้นตอนที่อนุโลมให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทบ้าง อาจจะต้องนวดด้วยเครื่อง สีด้วยเครื่อง แต่ต้องทำให้เป็นของไทยมากที่สุด ให้ความเป็นไทยเพิ่มขึ้นทีละนิดทีละนิด เราอยากสอนให้ทุกคนรู้ว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง
พระแม่ธรณีรับฝากข้าว 1 เม็ดใน 120 วัน ให้เรากลับคืนมาเป็นหมื่นเม็ด แล้วแต่ความขยัน ความรู้ของแต่ละคน ทำมากได้มากเป็นเรื่องปกติ
ที่ดินที่นาบ้านเราสู้ได้ ความรู้ความชำนาญก็สู้ได้ ถ้าทุกฝ่ายช่วยกันไม่มีใครตามเราทัน เราคงตามเยอรมัน ญี่ปุ่นทำรถยนต์ไม่ได้ แต่เค้าก็ตามเราเรื่องข้าวไม่ได้เหมือนกัน เราไม่กินรถยนต์เราไม่ตาย เราต้องเอาดีทางนี้ที่เราเก่ง
ต่อไปในอนาคตเราอาจต้องเจอกับภัยพิบัติมากมาย จึงต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายเผชิญกับวิกฤตนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เลยเถิดไปแล้ว ภัยธรรมชาติ
โรคระบาดในข้าว แมลงรบกวน หญ้าที่ฆ่าลำบาก ทำให้ข้าวยากหมากแพง จนเกิดความขัดแย้งเป็นสงครามได้ แต่ถ้าคนเปลี่ยนความคิดได้ว่า ข้าวคืออาหารที่แบ่งกันกิน
ผมเชื่อว่ามนุษย์จะมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญและผ่านวิกฤตนั้นไปได้ ผมเชื่ออย่างนั้นและจะทำต่อไป
นายธนู วงษ์เกษมผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศ กรมการข้าว
“สังเกตได้ว่า ปัจจุบันชาวนาจะทำการหว่านข้าว ค่อนข้างแน่นมาก และการหว่านข้าวแน่นมากทำให้เป็นแหล่งสะสมของพวกแมลง”
วิธีการทำนาของชาวนาในสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นนาดำ นาหว่านข้าวแห้งในทางภาคอีสาน ต่อมาได้มีการพัฒนากระบวนการผลิต จากวิธีการทำนาจากนาหว่านดั้งเดิมมาสู่ “การทำนาหว่านน้ำตม” ทำให้สามารถผลิตข้าวได้ผลผลิตมากขึ้นจากเดิม ประหยัดแรงงาน ประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้ระยะเวลาที่สั้นลง ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมค่อนข้างมาก แต่ทั้งนี้ก็มีทั้งผลดีและผลเสีย โดยผลเสียที่ตามมา คือ จะสังเกตได้ว่า ปัจจุบันชาวนาจะทำการหว่านข้าวค่อนข้างแน่นมากเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง และการหว่านข้าวแน่นมากนี้เองทำให้เป็นแหล่งสะสมของพวกแมลง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล รวมถึงข้าวดีด ข้าวเด้ง ก็มีส่วนมาจากการทำนาหว่านน้ำตม เช่นกัน
ในเรื่องของพันธุ์ข้าว ในสมัยก่อนยังมีพันธุ์ข้าวไม่หลากหลายนัก กรมการข้าวจึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ โดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของพี่น้องชาวนา จนในปัจจุบันมีการการปรับปรุงพันธุ์ข้าวได้ดีขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดสูงขึ้นด้วย ชาวนาจึงพยายามที่จะปลูกให้ได้หลายครั้งในแต่ละปี แต่ผลที่ตามมาจากการปลูกหลายครั้ง ก็คือ อายุของข้าวจะสั้นลง เมื่ออายุข้าวสั้นลง คุณภาพของข้าวก็จะลดต่ำลงไปด้วย ซึ่งในปัจจุบันกรมการข้าว และรัฐบาลไม่ทำการสนับสนุนพันธุ์ข้าวที่มีอายุสั้น โดยจะเห็นได้จากโครงการประกันรายได้ที่ไม่ให้ข้าวอายุสั้นเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้กรมการข้าวจะเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนทั้งทางด้านการปรับปรุงพันธุ์ และกระบวนการผลิตที่ดี เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของชาวนาไทยต่อไป
ดร.สมทรง โชติชื่น นักวิชาการเกษตร ชำนาญการพิเศษ
ศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี
“ข้าวพื้นเมืองจะมีคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละพันธุ์แตกต่างกัน เกิดจากการคัดเลือกโดยวิวัฒนาการธรรมชาติ และการคัดเลือกของชาวนาตั้งแต่อดีต เพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความนิยมของคนในแต่ละชุมชนท้องถิ่น”
ข้าวเป็นวิถีชีวิตไทย ข้าวมีความสำคัญไม่เพียงเฉพาะในเรื่องของการเป็นอาหารหรือพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่านั้น แต่ข้าวอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยมานาน ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ มีข้าวเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของพิธีกรรมหรือการสร้างความรู้สึก สร้างความผูกพันในชุมชน มีหนังสือเกี่ยวกับ
“ข้าวกับคนไทย” หรือ “พระมหากษัตริย์กับข้าว” อยู่มากมาย ความสำคัญในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าในเรื่องของการเป็นอาหาร
เรื่องของพันธุ์ข้าวไทย
ข้าวในหน้าที่รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการและเก็บเมล็ดเชื้อพันธุ์ข้าวแห่งชาติ มีหน้าที่หลักในเรื่องของการอนุรักษ์ การเป็นสถานที่เก็บรวบรวมตัวอย่างพันธุ์ข้าวจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย โดยได้รวบรวมข้าวจากทั่วประเทศ รวมทั้งพันธุ์ข้าวที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดที่เป็นเชื้อพันธุกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทย ซึ่งพันธุ์ข้าวเหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพื่อสร้างข้าวพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพ และผลผลิตที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
ประเทศไทยอยู่ในเขตศูนย์กลางการแพร่กระจายของพันธุ์ข้าว มีความแตกต่างกันทั้งสภาพภูมิประเทศและ
ภูมิอากาศ มีพื้นที่เหมาะสำหรับปลูกข้าวไร่ ข้าวนาสวน ข้าวน้ำลึก จึงมีความหลากหลายของพันธุ์ข้าวพื้นเมืองอยู่มาก ข้าวพื้นเมืองจะมีคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละพันธุ์แตกต่างกัน เกิดจากการคัดเลือกโดยวิวัฒนาการธรรมชาติ และการคัดเลือกของชาวนาตั้งแต่อดีต เพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวที่
เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความนิยมของคนในแต่ละชุมชนท้องถิ่น
ปัจจุบันเริ่มมีผู้ให้ความสนใจเรื่องการบริโภคข้าวมากขึ้น ทั้งนี้อาจมีสาเหตุมาจากกระแสทางด้านการให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการ ข้าวบางพันธุ์มีวิตามินสูง บางพันธุ์มีธาตุเหล็กและทองแดงสูง บางพันธุ์มีแอนติออกซิแดนท์บางชนิดสูง ซึ่งจะเป็นช่องทางที่จะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์ หรือสร้างจุดขายของแต่ละพันธุ์ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจการค้าต่อไป