เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2025, 17:43:06
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 [23] 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 ... 96 พิมพ์
ผู้เขียน {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}  (อ่าน 417808 ครั้ง)
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #440 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 22:09:43 »

เมื่อข้าวอายุได้เดือนกว่าๆ  จะเริ่มเข้าสู่ระยะแตกกอแล้ว จะต้องมีการควบคุมระดับน้ำให้ไม่มากจนเกินไปข้าวจึงจะแตกกอได้ดี และการควบคุมน้ำให้ไม่มากยังช่วยให้รากยาวด้วย เย็นวันนี้จึงทำท่อไว้วัดระดับน้ำในนาครับ ใช้ท่อ PVC เก่าที่มีอยู่แล้วมาตัดและทำขีดวัดระดับ ระดับละ 5 ซ.ม. เหมือนกับการทำนาเปรียกสลับแห้งแกล้งข้าวครับ


* IMG_0008.JPG (45.98 KB, 700x525 - ดู 3081 ครั้ง.)

* IMG_0013.JPG (45.61 KB, 700x525 - ดู 2810 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #441 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 10:32:09 »

ช่วงนี้ต้องพึ่ง Google แปลภาษาบ่อย แล้วมาค้นใน Google อีกทีก็ทำให้เห็นการพัฒนาเรื่องข้าวในต่างประเทศมากขึ้น  ดูข้าวในจีนค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีการวิจัยให้ข้าวมีคุณภาพใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิในไทยแล้ว แต่ให้ผลผลิตที่สูงกว่ามาก  เมล็ดข้าวของจีนที่นิยมปลูกจะมีลักษณะเมล็ดยาวมีขนาดเมล็ดใหญ่ และจำนวนเมล็ดต่อรวงค่อนข้างสูงจึงไม่แปลกใจที่ข้าวของจีนจะทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงได้ถึง 2 ตันกว่าได้ ซึ่งนอกจากพันธุ์ข้าวแล้ว ชาวจีนสมัยใหม่จะนิยมทำนาดำโดยมีการจัดเรียงลำต้นของต้นข้าวให้ระยะสม่ำเสมอเพื่อให้ได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่เพื่อให้ต้นข้าวสามารถผลิตอาหารและสะสมแป้งได้ซึ่งจะส่งผลต่อเมล็ดต่อไป  คล้าย ๆ กับชาวญี่ปุ่น นาดำพึ่งการใช้สารเคมีน้อยกว่านาหว่านน้ำตมแต่นาดำอาจมีต้นทุนในการปลูกสูงกว่า   ชาวนาไทยในภาคกลางและภาคเหนือจึงนิยมในการทำนาแบบหว่านน้ำตมเพราะสะดวกรวดเร็วกว่าแต่ก็ต้องพึ่งการใช้สารเคมีค่อนข้างมาก  อย่างเจ้าสัวซีพี ยังมีการทำนายอนาคตข้าวว่าอย่างการปลูกข้าวแบบใหม่ในจีน ซึ่งมีการเข้าไปวิจัยที่แปลงนาทดลองที่นครเซี่ยงไฮ้ ของจีน เป็นการทำนาแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารพิษหรือสารเคมี โดยใช้หลักการจัดการที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะเรื่องน้ำ ผลผลิตต่อไร่สูงอีกด้วย


* 2009_11_27_9_48_13_4853.jpg (109.22 KB, 800x568 - ดู 2098 ครั้ง.)

* 3963563_103759284190_2.jpg (119.6 KB, 800x600 - ดู 2117 ครั้ง.)

* 3963563_103759327189_2.jpg (122.28 KB, 800x600 - ดู 5131 ครั้ง.)

* 3963563_233029570168_2.jpg (88.13 KB, 800x600 - ดู 2071 ครั้ง.)

* 3963563_233756357122_2.jpg (119.17 KB, 800x600 - ดู 2475 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #442 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 11:22:29 »

การเพาะกล้าในจีน ดูคล้าย ๆ กับที่เห็นที่ญี่ปุ่นแต่ญี่ปุ่นจะเป็นโรงเพาะเลย แต่จีนจะเห็นแบบนี้ครับ คงมีหลายปัจจัยที่ต้องควบคุม ทั้งเรื่องอุณหภูมิ ความชื้น แสงแดด ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตและคงช่วยลดเรื่องแมลงที่จะแอบไปวางไข่ได้ด้วยเพราะมีความหนาแน่นค่อนข้างสูง


* 2012042717021246.jpg (75.31 KB, 800x450 - ดู 2161 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #443 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 12:46:48 »

วิวัฒน์ ศัลยกำธร



นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร เกิดวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2497 เป็นผู้มีบทบาทโดนเด่นในการส่งเสริมกสิกรรมธรรมชาติ และผู้ขับเคลื่อนทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นจริง โดยมีส่วนร่วมในหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก

นายวิวัฒน์ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจาก โรงเรียนวัดสนามจันทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา, มัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพฯ, ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ปริญญาโท พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

นายวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการ คือ ผู้อำนวยการกองประเมินผลงาน สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักนายกรัฐมนตรี ลาออกมาเพื่อขับเคลื่อนทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นจริง

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา กรรมการที่ปรึกษาสหกรณ์เกษตรอินทรีย์สุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์, กรรมการมูลนิธิสวัสดี, กรรมการชมรมเกษตรชีวภาพแห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษา ชมรมกสิกรรมธรรมชาติทุ่งวัวแล่น จังหวัดชุมพร, ที่ปรึกษาโครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษวังน้ำเขียวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครราชสีมา, รองประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนนวมินทราชูทิศเตรียมอุดมน้อมเกล้า และอาจารย์พิเศษ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (วิชาเศรษฐกิจพอเพียง)







IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #444 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 13:15:34 »

นาอินทรีย์พลิกชีวิต

ถึงรายการจะหลายปีแล้วแต่ผมก็ว่าได้ความรู้ดีนะครับ















IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #445 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 21:27:01 »

สำหรับแปลงนาที่พบมีปัญหาเรื่องแมลงศัตรูพืชอาจใช้วิธีนี้ก็ได้ครับควบคู่กับการใช้สมุนไพรขับไล่แมลงหรือน้ำส้มควันไม้ก็น่าจะเป็นผลดี

กับดักแมลงต้นทุนต่ำ

ในกระบวนการผลิตทางการเกษตร เกษตรกรมักประสบปัญหาการระบาดของแมลงศัตรูพืช
ที่สร้างความเสียหายแก่ผลผลิตที่ได้ให้มีคุณภาพ จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการป้องกันกำจัดโดยเฉพาะการใช้สารเคมี นอกจากทำให้เพิ่มต้นทุนการผลิตแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อตัวเกษตรกร ต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม การใช้กับดักแมลงต้นทุนต่ำ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถควบคุมการระบาดของแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะหนอนชนิดต่างๆ ได้ผลดี โดยไม่ต้องใช้สารเคมี

อุปกรณ์

    1.กากน้ำตาล 1 ส่วน
    2.น้ำสะอาด 3 ส่วน
    3.ขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว

วิธีการ

     1.กากน้ำตาล มาผสมกับน้ำสะอาด ตามอัตราส่วน
      2.บรรจุลงในขวดพลาสติก ซึ่งเจาะรูเป็นช่องหน้าต่างไว้ประมาณ 100
      3.นำไปแขวนในแปลงผักหรือสวนผลไม้ สูงจากพื้นดินประมาณ 80-100 ซม. ระยะห่างกัน
        ประมาณ 5-10 เมตร

ผล

          ผีเสื้อกลางคืนตัวเต็มวัย ที่ต้องการจะวางไข่ทุกชนิด จะได้กลิ่นหอมของกากน้ำตาลบินลงมากินน้ำหวานจากกับดักดังกล่าวและจมน้ำตาย เป็นจำนวนมาก จึงเป็นการตัดวงจรการระบาดของแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะพวกหนอนต่างๆ อย่างได้ผล

ข้อจำกัด 

ต้องคอยเปลี่ยนกากน้ำตาลผสมน้ำทุกๆ 10 วันซึ่งสามารถนำไปใช้ทำน้ำหมักชีวภาพต่อได้

ประโยชน์

          กับดักแมลงต้นทุนต่ำ สามารถทำใช้เองได้ง่ายและได้ผลดีมีต้นทุนที่ต่ำ จึงลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี สามารถลดปริมาณแมลงศัตรูพืชโดยเฉพาะหนอนชนิดต่างๆ อย่างได้ผลเป็นอย่างมาก จึงเป็นวิธีการควบคุมแมลงศัตรูพืชที่ประหยัดและปลอดสาร หากทำอย่างต่อเนื่องสามารถลดการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ จึงมีความปลอดภัยสูง


* agricul_p6.jpg (29.15 KB, 300x225 - ดู 2220 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,576


canon eos


« ตอบ #446 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 22:17:17 »

การเพาะกล้าในจีน ดูคล้าย ๆ กับที่เห็นที่ญี่ปุ่นแต่ญี่ปุ่นจะเป็นโรงเพาะเลย แต่จีนจะเห็นแบบนี้ครับ คงมีหลายปัจจัยที่ต้องควบคุม ทั้งเรื่องอุณหภูมิ ความชื้น แสงแดด ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตและคงช่วยลดเรื่องแมลงที่จะแอบไปวางไข่ได้ด้วยเพราะมีความหนาแน่นค่อนข้างสูง

 ยิ้มกว้างๆ....เป็นดีไค่เอาหอยบ้านเฮาไปปล่อยสักกระสอบน้อ........ประเทศเปิ้นจะได้ฮู้จั๊กนกปากห่างพ่อง....
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #447 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 11:23:24 »

ผมว่าหอยเชอรี่มีมากก็เพราะความขี้เกียจของคนเรานี่แหล่ะครับ ถ้าช่วยกันคงไม่มากขนาดนี้ เนื่องจากการใช้ทั้งสารเคมีและกากชา มีผลต่อสัตว์ประเภทอื่นด้วย ทั้ง กุ้ง ปลา ปลาไหล ปู งู ซึ่งอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ อย่างปลาบางชนิดเป็นศัตรูของหอยเชอรี่ได้แก่ ปลาหมอไทย  ปลาหมอช้างเหยียบ  ซึ่งพบอาศัยตามแม่น้ำ ลำคลองทั่วทุกภาค กินไข่ปลาทุกชนิด ลูกกุ้ง ลูกปลา และแมลงน้ำ รวมทั้งซากพืชและสัตว์เป็นอาหาร ปลาทั้ง 2 ชนิดที่มีขนาดยาว 11 เซนติเมตร สามารถกินหอยเชอรี่ขนาด 6-13 มิลลิเมตร ได้ 20 ตัวต่อวัน นอกจากนี้ยังมีปลาไน ปลานิลกินอาหารได้ทุกชนิด เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์น้ำเล็กๆ  ปลาทั้ง 2 ชนิดนี้มีผู้ทดสอบแล้วว่าสามารถกินลูกหอยเชอรี่เป็นอาหาร  แต่ปลาไนกินได้ดีกว่าและเร็วกว่า ลูกปลาไนจะกินลูกหอย 338 ตัว ใน 24 ชั่วโมง  การใช้สารเคมีทั้งยาคุมหญ้า ยากำจัดแมลง กากชา มีผลต่อปลาด้วยทำให้ปริมาณการวางไข่ลดลงปลาในธรรมชาติก็ลดน้อยลงด้วย หอยเชอรี่มีข้อได้เปรียบตรงวางไข่บนบกไม่ได้อยู่ในน้ำเหมือนปลา โอกาสรอดจึงมีสูงกว่าบวกกับจำนวนไข่ที่มีค่อนข้างมากจึงทำให้หอยเชอรี่ระบาดได้รวดเร็วในทุกวันนี้แม้แต่จะใช้ยากำจัดแล้วก็ตาม

ผมเคยไปเยี่ยมสวนและนาของอาจารย์คนหนึ่ง แกล้อมรั้วที่สวนของแกและทำนาสิบกว่าไร่ในที่ดินของแกมีการเลี้ยงเป็ดหลายสิบตัว พบว่าที่นาของแกมีหอยเชอรี่น้อยมาก หอยโดนเป็ดกินเกือบหมด ตัวที่โตแกก็เก็บเองและมาทุบให้เป็นอาหารเป็ดอีกต่อหนึ่ง และแกทำนาอินทรีย์ด้วย ผมก็อยากทำแบบนี้เหมือนกันคือทำระบบปิด  สำหรับในประเทศจีนพื้นที่บางแห่งมีการเลี้ยงปลาในนาข้าวก็พบว่ามีหอยเชอรี่น้อยเช่นกัน กากชา 1 กส. ราคา 150 บาท พื้นที่นา 10 ไร่ต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 5 กส.เป็นเงินประมาณ 750 บาท ซึ่งอย่างลูกปลาไนแถวบ้านที่มีอายุ 1 เดือนขนาด 3-5 ซม ตัวละ 20 สตางค์ เงินจำนวน 750 บาทสามารถซื้อพันธุ์ปลาได้ถึง 3750 ตัว สามารถนำมาเลี้ยงในนาได้แต่ต้องมีการจัดการนาใหม่  ซึ่งใครทำได้ก็คงดีเพราะจะได้มีรายได้เสริมอีกทาง พูดถึงกากชา ราคาไม่ค่อยแน่นอน ผมทำนาครั้งแรก กส.นึงมี  10 กก  ราคา 90 บาท ปีก่อนราคาสูงขึ้นไป  170 บาท มาปีนี้ 150 บาท ตอนนี้ความคิดมีหลาย ๆ อย่างในหัวแต่ค่อย ๆ ทำไปครับเพราะทุนยังมีไม่มากครับ

เอกสารการเลี้ยงปลาในนาข้าว  http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/fish/planakow.pdf

http://agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-others/OU019.pdf

http://www.nkc.kku.ac.th/rdc/Research_Navamin54.Pdf


* Apple-snail-predated-by-Asian-openbill.jpg (143.8 KB, 635x520 - ดู 2045 ครั้ง.)

* DSC05809.jpg (45.14 KB, 401x300 - ดู 2532 ครั้ง.)

* 264681353_8d29d12296_z.jpg (170.99 KB, 640x484 - ดู 2009 ครั้ง.)

* 124503559566626.jpg (55.34 KB, 799x535 - ดู 2181 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #448 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 13:20:10 »

อ่านแล้วชอบครับ  http://agrimedia.agritech.doae.go.th/book/book-others/OU019.pdf  บางพื้นที่น่าจะทำได้  ผมก็อยากทำเหมือนกันแต่ต้องล้อมรั้วที่นาให้เสร็จเสียก่อน


* 1.jpg (118.05 KB, 482x557 - ดู 2016 ครั้ง.)

* 2.jpg (95.24 KB, 667x311 - ดู 1991 ครั้ง.)

* 3.jpg (90.2 KB, 675x303 - ดู 2010 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #449 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 15:39:57 »

วันสองวันนี้ว่าจะลองหาเหล็กมาทำเครื่องมือแบบนี้ดูครับ เห็นชาวเวียดนามใช้กันน่าจะดี เพราะไม่ต้องก้มสำหรับการถอนกล้านาหว่านที่แน่นและไปซ่อมบริเวณที่ข้าวห่างครับ


* 12.jpg (77.91 KB, 639x342 - ดู 1991 ครั้ง.)

* 13.jpg (123.71 KB, 639x345 - ดู 2025 ครั้ง.)

* 14.jpg (43.44 KB, 638x355 - ดู 2176 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,576


canon eos


« ตอบ #450 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 19:34:23 »

วันสองวันนี้ว่าจะลองหาเหล็กมาทำเครื่องมือแบบนี้ดูครับ เห็นชาวเวียดนามใช้กันน่าจะดี เพราะไม่ต้องก้มสำหรับการถอนกล้านาหว่านที่แน่นและไปซ่อมบริเวณที่ข้าวห่างครับ

 ยิ้มกว้างๆ....พอจะมีรูปเหล็กที่ว่านี้ชัดๆไหมครับ....จะลองทำดูบ้างครับ...
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #451 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 20:39:30 »

เลิกงานวันนี้แวะไปร้านเชื่อมเหล็กใกล้บ้านก่อนเลยไปขอซื้อเศษเหล็กเค้า เจ้าของร้านใจดีให้มาฟรี ๆ เลยเอาเหล็กกลับมาบ้านเริ่มทำต้นตัวต้นแบบก่อนเลย  ที่บ้านผมมีเครื่องมือค่อนข้างพร้อมเพราะชอบทำเองเลยซื้อเครื่องมือมาไว้ที่บ้านเผื่อทำนั่นทำนี่ได้ครับ

เริ่มที่เจาะรูตรงด้ามไว้ตอกตะปูยึดกับด้ามไม้ไผ่เลย จากนั้นก็ตัดเพื่อทำด้ามสวมและตัดเหล็กที่เป็นขอครับและทำการเชื่อมก็เสร็จเรียบร้อย  ตัวต้นแบบว่าจะลองทำใช้ก่อนติดปัญหาอะไรค่อยทำตัวที่สองเพื่อแก้ปัญหาอีกครั้ง


* IMG_0020.JPG (48.01 KB, 700x525 - ดู 2023 ครั้ง.)

* IMG_0023.JPG (36.46 KB, 700x525 - ดู 1949 ครั้ง.)

* IMG_0025.JPG (46.11 KB, 700x525 - ดู 1961 ครั้ง.)

* IMG_0026.JPG (56.81 KB, 700x525 - ดู 1940 ครั้ง.)

* IMG_0039.JPG (63.52 KB, 700x525 - ดู 1950 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #452 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 20:41:38 »

เชื่อมเสร็จแล้วพรุ่งนี้ค่อยเก็บงานอีกหน่อย เจียรตรงรอยต่าง ๆและลบคมบริเวณรอยตัดและหาด้ามไม้ไผ่มาเสียบครับ วันเสาร์ อาทิตย์นี้คงได้ใช้งาน เท่าที่สังเกตุดู  ตรงขอเหล็กน่าจะยาวและเหล็กเส้นเล็กกว่านี้อีกหน่อย  แต่ไม่ลองไม่รู้ขอทดลองแบบแรกนี้ก่อนละกันครับ


* IMG_0041.JPG (52.72 KB, 700x525 - ดู 1934 ครั้ง.)

* IMG_0042.JPG (49.06 KB, 480x640 - ดู 1954 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #453 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 20:51:11 »

ท่อวัดระดับน้ำในแปลงนาที่ทำไว้วันก่อนครับ


* IMG_0033.JPG (62.11 KB, 640x480 - ดู 1936 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #454 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 20:53:59 »

ตอนนี้ข้าวในนาโตมากแล้วครับพอพ้นระยะที่หอยเชอรี่กินได้แล้ว วันเสาร์อาทิตย์นี้ก็จะซ่อมแปลงนาข้าวที่เสียหายจากฝนตกและหอยเชอรี่กินบางส่วนครับ การซ่อมจะต้องทำก่อนช่วงข้าวแตกกอครับเพราะมีผลต่อการแตกกอของข้าวด้วย


* IMG_0034.JPG (35.95 KB, 700x525 - ดู 1920 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #455 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 21:00:18 »

ข้าวที่แปลงนาโยนก็สามารถนำมาซ่อมในแปลงข้าวได้เหมือนกันครับ  การซ่อมข้าวในแปลงไม่ควรนำอายุต่างกันมาก ๆ มาซ่อมเพราะข้าวนาปรังเป็นข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงจะมีอายุในการเก็บเกี่ยวที่ค่อนข้างแน่นอนจะทำให้การเก็บเกี่ยวไม่เท่ากันหากรอข้าวให้พร้อมเก็บเกี่ยวเท่ากันหมดต้นที่แก่รวงข้าวจะร่วงง่ายกว่าทำให้เก็บเกี่ยวได้น้อย ไม่เหมือนข้าวไวต่อช่วงแสงที่จะออกดอกเมื่อเข้าฤดูหนาวคือช่วงกลางวันสั้นกว่าตอนกลางคืนและมีอายุต้นข้าวที่นานกว่า


* IMG_0018.JPG (59.92 KB, 480x640 - ดู 1945 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #456 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 22:37:46 »

             ประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่เริ่มมีการวิจัยและพัฒนาข้าวลูกผสมเมื่อปี พ.ศ. 2507  หลังจากที่ ศ.หยวน หลงปิง ค้นพบข้าวกอหนึ่งในดงข้าวป่าที่เกาะไห่หนาน (ไหหลำ) ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่เกสรตัวผู้ไม่พัฒนา โดยตั้งชื่อว่า “แหย่ป้าย” หมายถึงข้าวป่าที่เกสรตัวผู้เสื่อมด้อย จากนั้น ข้าวลูกผสมชุดแรกจึงได้เกิดขึ้นในแผ่นดินจีน และทยอยออกมาอีกหลายสายพันธุ์ตามความเหมาะสมในแต่ละท้องที่ของประเทศจีน โดยแต่ละสายพันธุ์ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 30-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลงานนี้ทำให้ ศ.หยวน ลองปิง ได้รับการยกย่องในวงการเกษตรของจีนและของโลก
              ทั้งนี้  ประเทศจีนเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมเพื่อการค้า โดยเริ่มมีการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 และมีพื้นที่ปลูกข้าวลูกผสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี พ.ศ.2538 ประเทศจีนมีพื้นที่ปลูกข้าวลูกผสมถึง 58 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 112.5 ล้านไร่ นอกจากนี้ยังได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาข้าวลูกผสมแห่งชาติในปี พ.ศ.2538
             ในส่วนของประเทศไทยเริ่มงานวิจัยและพัฒนาการผลิตข้าวลูกผสมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยสถาบันวิจัยข้าว กรมวิชาการเกษตร ได้นำข้าวลูกผศมจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาปลูกทดสอบ ในปี พ.ศ. 2523 จัดตั้งโครงการวิจัยการผลิตข้าวลูกผสม และในปี พ.ศ. 2524 ได้ร่วมมือกับ IRRI ดำเนินการวิจัยการผลิตข้าวลูกผสมในระบบ 3 สายพันธุ์ ผลการดำเนินงานในช่วงแรก พบว่า สายพันธุ์ข้าวลูกผสมที่นำมาจากต่างประเทศไม่เหมาะสมสำหรับการปลูก หรือใช้ในประเทศไทย จึงได้มีความพยายามสร้างสายพันุธุ์ข้าวลูกผสมที่เหมาะสมสำหรับการผลิตข้าวลูกผสมในประเทศไทย โดยดำเนินงานที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี และสถานีทดลองข้าวเครือข่าย ผลการดำเนินงานตั่งแต่ พ.ศ. 2524 – 2538 สามารถสร้างสายพันธุ์เรณูเป็นหมัน (A) ในสายพันธุ์ข้าวไทยได้หลายสายพันธุ์ โดยใช้พันธุกรรมข้าวจาก IRRI ที่มีไซโตรพลาสซึมเป็นหมันชนิด WA และค้นพบสายพันธุ์แก้ความเป็นหมัน (R) ได้จำนวนหนึ่ง และจากการประเมินผลผลิต พบว่า ข้าวลูกผสม (F1) หลายคู่ผสมให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ข้าวมาตรฐานของไทย (สุชาติ และคณะ,2545)
             ข้าวลูกผสม หรือ Hybrid Rice หมายถึง ข้าวลูกผสมชั่วที่ 1 ที่ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อแม่ที่มีพื้นฐานทางพันธุกรรมต่างกัน ซึ่งในทางทฤษฎีเมื่อนำพ่อแม่ที่มีความแตกต่างกันมาผสมพันธุ์กัน ลูกผสมชั่วที่ 1 จะมีความแข็งแรงหรือมีความดีเด่นในลักษณะบางอย่าง เช่น ผลผลิตเหนือกว่าพ่อแม่ ซึ่งอาจเป็นความดีเด่นเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของพ่อแม่ หรืออาจเหนือกว่าพ่อหรือแม่   
     ทั้งนี้ เพราะเทคโนโลยีการผลิตพันธุ์ข้าวลูกผสมได้นำเอาหลักการความแข็งแรงของลูกผสมที่ดีเด่นกว่าพันธุ์พ่อและพันธุ์แม่ในการให้ผลผลิตที่สูงกว่ามาใช้  จึงเป็นสาเหตุให้ข้าวลูกผสมมีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรถึง 7 ประการ  ดังนี้
          1.ข้าวลูกผสมให้ผลผลิตข้าวสูงกว่าสายพันธุ์ทั่วไปประมาณ 20-30% ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน
          2.ข้าวลูกผสมไม่มีปัญหาเรื่องพันธุ์ปน  อีกทั้งยังมีระบบรากที่แข็งแรงและแผ่กระจายมากกว่า
          3.ข้าวลูกผสมมีจำนวนเมล็ดต่อรวงเฉลี่ยมากถึง 250 เมล็ด/รวงขึ้นไป กรณีปลูกในฤดูกาลและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
          4.ในการผลิตข้าวเชิงการค้าข้าวลูกผสมให้ผลตอบแทนที่มากกว่าข้าวสายพันธุ์แท้
          5.เป็นการเพิ่มผลผลิตข้าวโดยไม่ต้องขยายพื้นที่ปลูก
          6.ลดการใช้สารเคมีเพราะข้าวลูกผสมมีความต้านทานโรคและแมลงศัตรูข้าว
          7.ประหยัดการใช้น้ำและเพิ่มรอบการปลูก   เนื่องจากข้าวลูกผสมมีอายุการเก็บเกี่ยวที่สั้นกว่าข้าวพันธุ์ทั่วไป 

           แต่ข้าวลูกผสมก็มีข้อเสียคือชาวนาไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ทำพันธุ์ต่อได้ และมีโอกาสให้ข้าวสายพันธุ์พื้นบ้านสูญหายไปด้วย มีโอกาสผูกขาดทางการค้าได้ในอนาคต



* 0023ae9bcf230fee701b01.jpg (43.82 KB, 500x324 - ดู 1927 ครั้ง.)

* xinsrc_32205042220554061868966.jpg (248.56 KB, 500x332 - ดู 1956 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
~ lทวดาไร้ปีก ~
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 609



« ตอบ #457 เมื่อ: วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013, 00:16:57 »

ท่อวัดระดับน้ำในแปลงนาที่ทำไว้วันก่อนครับ
ที่ใส่ท่อวัดน้ำพี่อู๋คิดจะแกล้งข้าวด้วยรึเปล่าครับ แล้ววิธีเปียกสลับแห้งแกล้งข้าวจะสามารถใช้กับนาหว่านแบบเราได้รึเปล่าครับ หรือเหมาะสมเฉพาะนาดำเท่านั้น
ปล.แหนแดงโตรึยังครับพี่
IP : บันทึกการเข้า


Thanks: ฝากรูป [url=http
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #458 เมื่อ: วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013, 08:53:40 »

ท่อวัดระดับน้ำในแปลงนาที่ทำไว้วันก่อนครับ
ที่ใส่ท่อวัดน้ำพี่อู๋คิดจะแกล้งข้าวด้วยรึเปล่าครับ แล้ววิธีเปียกสลับแห้งแกล้งข้าวจะสามารถใช้กับนาหว่านแบบเราได้รึเปล่าครับ หรือเหมาะสมเฉพาะนาดำเท่านั้น
ปล.แหนแดงโตรึยังครับพี่


ปกติก็ทำอยู่ครับคือลดระดับน้ำในช่วงข้าวแตกกอ เพื่อช่วยให้รากกระจายและเพื่อการแตกกอมากขึ้น นาหว่าน นาโยน นาดำ สามารถลดระดับน้ำให้แห้งได้ แต่ต้องดูด้วยว่าวัชพืชจะไม่ขึ้นต้องมีใบข้าวหนาแน่นพอสมควร เพื่อบังแสงแดดวัชพืชจะได้เจริญเติบโตได้ไม่ดี  สำหรับแหนแดงยังไม่โตเลยครับช้าหน่อยเพราะเอาสปอร์มาเพาะ และยังไม่ได้ทำใส่กระชังหน้าบ้านเลยครับว่าจะทำเสาร์อาทิตย์นี้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #459 เมื่อ: วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013, 11:28:41 »

แวะมาอ่านคับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 [23] 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 ... 96 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!