เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 13:59:49
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 [39] 40 41 พิมพ์
ผู้เขียน ใครมีเงินเย็น อยากลงทุนหุ้น มาทางนี้  (อ่าน 293199 ครั้ง)
T0yly6969
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,208


Bigman Retrotoy


« ตอบ #760 เมื่อ: วันที่ 18 ธันวาคม 2013, 20:25:17 »

เป็นกระทู้ที่ดีจริงๆเพราะสนใจมานานและ แล้วก็ลืมไปแต่พอมาเจอกระทู้นี้ก็เริ่มจะมาศึกษาจิงๆจังๆซักทีแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจดีซักเท่าไหร่ จึงต้องขอรบกวน คำชี้แนะจากท่านผู้รู้ในกระทู้นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ(ล่วงหน้า)  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

เกมส์&ของเล่นสะสมและเพจฝากด้วยครับ
https://www.facebook.com/groups/158909987854502/
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #761 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2014, 00:03:53 »

ชายในอุดมคติ
     ผมเคยอ่านเจอวารสารเล่มหนึ่งเขาบอกไว้ว่า  เวลาที่ผู้ชายมองผู้หญิง  เขามักจะมองจากข้างนอกเข้าไปข้างใน  ส่วนฝ่ายหญิง  มักจะมองจากข้างในออกมาข้างนอก  คำอธิบายในส่วนนี้ก็คือ  สิ่งที่ทำให้ฝ่ายชายสนใจในตัวฝ่ายหญิงจนอยากจะเข้าไปสนิทสนมด้วยนั้น  เขามักจะมองที่หน้าตา  หุ่น  บุคลิก  ทรงผม  หรือกลิ่นกายก่อนเป็นอันดับแรก  และเมื่อได้ทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  เขาก็จะค่อยๆเรียนรู้ถึงนิสัยใจคอของฝ่ายหญิงเป็นลำดับถัดไป  ส่วนฝ่ายหญิงนั้น  จะทำตัวเหมือนเครื่อง  X-Ray  คือมองที่ภายในก่อนเช่น  นิสัยใจคอ  ความรับผิดชอบ  ความเป็นผู้นำ  ความเป็นคนมีเหตุผล  ความขยัน  ความประหยัดหรืออะไรทำนองนี้  เพราะฝ่ายหญิงมีความต้องการคนที่จะมาเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือต้องการคนที่มีความเป็นผู้นำ  สามารถดูแลตัวเธอและคนในครอบครัวได้  แต่วารสารเล่มที่ผมได้กล่าวถึงนี้  มันก็นานมาแล้ว  ผมคิดว่าเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป  รสนิยมในการเลือกคู่คงจะเปลี่ยนตาม  ในส่วนของตัวผมเองซึ่งเป็นผู้ชาย  ก็ยังคงชอบมองหญิงที่มีหน้าตาและร่างกายสวยงามอยู่  ผมว่า...ส่วนที่ทำให้ผู้ชายยังไม่ได้สนใจในนิสัยใจคอก่อนสิ่งอื่นใดน่าจะมาจาก  สัญชาตญาณหรือสันดานดิบที่ธรรมชาติมอบมาให้มนุษย์ผู้ชาย  ผมขยายความได้ว่า  ถ้าสัตว์โลกทั้งหลายไม่มีการผสมพันธุ์กัน  การขยายพันธุ์เพื่อให้เผ่าพันธุ์ยังดำรงคงอยู่ก็คงจะสูญพันธุ์หมดไปจากโลก  เพราะฉะนั้น  สิ่งมีชีวิตเพศผู้ทั้งหลายก็จะต้องจ้องที่จะผสมพันธุ์เพื่อให้เผ่าพันธุ์ยังดำรงคงอยู่สืบเนื่องไป  เพราะถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่า  ผู้ชายจะมีลักษณะคล้ายกันทั้งโลกคือชอบดูผู้หญิงสวย  สิ่งที่ยืนยันในคำพูดของผมได้เป็นอย่างดีก็คือ  มีการประกวดสาวงามกันทั้งโลก  และแต่ละแห่งก็จะจัดกันไปตามแต่ลักษณะงาน  มิสนั่นมิสนี่ไปเรื่อย  และถ้าสิ่งนี้มันไม่ได้อยู่ในความต้องการของมนุษย์ผู้ชาย  การประกวดสาวงามแบบนี้ก็คงจะไม่มีทางดำเนินกิจกรรมมาได้อย่างต่อเนื่องยาวนานแบบนี้  สำหรับฝ่ายหญิง  ผมไม่แน่ใจว่ารสนิยมในการเลือกคู่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง (เพราะผมไม่ใช่ผู้หญิง)  แต่เท่าที่สังเกตเห็นในปัจจุบัน  ผมเห็นว่าฝ่ายหญิงมีการมองฝ่ายชายที่รูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้น  ดังจะเห็นได้จากการมีศูนย์ศัลยกรรมความงามต่างๆผุดขึ้นมาเยอะมาก  ซึ่งบางที่ก็จะเฉพาะเจาะจงด้วยซ้ำว่าเปิดบริการเพื่อท่านชาย  และยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆในท้องตลาดที่ระบุมาเลยว่า  For Men  ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นว่า  ฝ่ายหญิงมองฝ่ายชายที่ภายนอกมากขึ้น  และมีพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่งของฝ่ายหญิงเอง  ที่มีการแสดงออกถึงการชอบฝ่ายชายที่ภายนอกมากขึ้นนั่นก็คือ  การที่สาวๆตามไปกรี๊ดศิลปินฝ่ายชายแบบบ้าคลั่ง  ยิ่งเป็นของนอกด้วยแล้ว  ความบ้าคลั่งยิ่งมีดีกรีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งตรงนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ค่อยๆเกิดขึ้นในส่วนอื่นของโลก  และมันก็ลุกลามเข้ามาในประเทศไทย  ผมไม่ได้บอกว่ามันผิดนะ  ผมแค่บอกว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเท่านั้นเอง  และฝ่ายหญิงที่มองฝ่ายชายอีกประเภทหนึ่งก็คือ  มองที่ฐานะก่อนสิ่งอื่นใด  หลายคนที่ผมรู้จักบอกว่า  “หมดสมัยกัดก้อนเกลือกินแล้ว”  ขอให้รวยก่อนเป็นพอ  สิ่งที่ทำให้ผมเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงตรงนี้เกิดขึ้นก็คือ  คนรวยๆสามารถเลือกนางงามหรือดาราเอามาเป็นคู่ได้อย่างสบายๆ  และอย่างที่เราเห็นกัน   ดาราหญิงหลายๆคนมีคู่เป็นเจ้าสัว  เจ้าของกิจการ  นักการเมือง  หรือคนที่อยู่ในสังคมไฮโซ  และสิ่งที่ยืนยันในความมีอิทธิพลของเงินเหนืออย่างอื่นอีกก็คือ  ทุกวันนี้มีหญิงสาวที่เป็นเด็กเลี้ยงเด็กเก็บของอาเสี่ยอาป๋าเยอะมาก  ซึ่งโดยส่วนตัวของผมเองคิดว่า  ถ้าเลือกได้เธอคงไม่อยากทำ  เธอคงอยากมีแฟนหล่อๆหรือเป็นคนรุ่นเดียวกันมากกว่า  และสิ่งที่ร้ายยิ่งกว่าการเป็นเด็กเสี่ยก็คือ  เธอขายบริการทางเพศให้กับชายมากหน้าหลายตา  ซึ่งผมคิดว่าเธอเองก็คงไม่อยากทำเช่นกัน  แต่ตรงนี้ผมไม่รู้ว่า  สิ่งที่ทำให้เธอเข้าไปอยู่ในวงจรนี้  มันเกิดจากการมีเงิน “ไม่พอใช้” หรือเธอ “ใช้ไม่พอ” กันแน่

     และสำหรับหญิงสาวประเภทสุดท้ายที่ผมจะกล่าวถึงก็คือ  หญิงสาวที่ยังคงมองฝ่ายชายที่ภายในก่อนเป็นอันดับแรก  หรือถ้าเป็นนักลงทุนก็น่าจะจัดอยู่ในสาย  VI  และเท่าที่ผมได้เคยพูดคุยกับฝ่ายหญิงที่ต้องการเลือกฝ่ายชายลักษณะนี้ก็คือ  เธอต้องการคนที่

-มีความจริงใจ  ไม่หลอกลวงเธอ  ไม่โกหก  
-มั่นคง  ใช้ชีวิตอย่างมีสติ  ละเอียดรอบคอบ
-ขยัน  ทำงานดี  หาเงินเก่ง
-มีเหตุผล  ใช้เงินอย่างประหยัดและคุ้มค่า
-มีความเป็นผู้นำ  ฉลาด  ตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้ดี

     ถ้าชายที่มีลักษณะดังว่านี้  แม้ในปัจจุบันอาจจะยังไม่เห็นหน้าเห็นหลังหรือไม่ได้มีความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก  แต่ถ้าเธอมองออกว่าอนาคตต้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน  มากน้อยก็แล้วแต่ความสามารถของชายคนที่เธอเลือก  เธอก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้ว  เพราะเธอไม่ต้องไปลงทุนทำศัลยกรรมให้เจ็บตัวและหมดเปลืองเงินทองเพื่อให้สวยเตะตา  เธอไม่ต้องลงทุนไปหาซื้อเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับร่างกายราคาแพงๆเพื่อให้ดูว่าตัวเองมีรสนิยม  เธอไม่ต้องเหนื่อยตระเวนไปตามคลับหรือสถานที่ต่างๆที่ไฮโซทั้งหลายชอบไป  เธอไม่ต้องไปเข้าบาร์เพื่อสอดส่ายสายตาหาเสี่ย  ถ้าเธอต้องการจับคนรวยแล้วต้องเหนื่อยขนาดนี้  ผมว่าลองมองหา  “ชายกลาง”  สักคนดีไหมครับ (ถ้าใครไม่รู้ว่าชายกลางคืออะไร  ให้เข้ายูทูปเพื่อเปิดดูเพลงที่ชื่อชายกลางของแสตมป์ครับ)

     สรุปในส่วนสุดท้ายก็คือ  เมื่อสังคมที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่นี้กำลังเปลี่ยนไปดูกันที่ภายนอกมากขึ้น  นิสัยต่างๆเหล่านี้อาจจะติดตัวของเรามาโดยที่เราไม่รู้ตัว  เมื่อเราเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น  สิ่งที่ทำให้เราสนใจหุ้นตัวใดตัวหนึ่งก่อนก็คือราคาหุ้น  ซึ่งผมว่านั่นเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง  เพราะราคาหุ้นที่มันขึ้นลง  มันก็คล้ายกับการมองคนสวยหรือคนที่เขาบอกว่าสวย  บางทีเราอาจจะไม่รู้หรอกว่าหุ้นไหนสวยจริงหรือศัลยกรรมมา  แต่ถ้าเรามองที่ภายในก่อนว่าหุ้นนี้ดีจริง  ความสวยงามข้างนอกนั้นก็คือของแถมที่ดี  ซึ่งถ้าเป็นการเลือกสาวในแบบของผม  ผมอยากได้ทั้งนิสัยที่ดีและหน้าตาที่ดี  แต่ถ้าหน้าตาสวยแต่นิสัยไม่ดีหรือใช้เงินเปลือง  ผมก็ไม่เอา  แต่ถ้านิสัยดีแต่ถึงแม้จะไม่สวย  ผมก็อยู่ด้วยได้  เพราะไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อน  แต่ถ้าเราได้คนที่ทั้งไม่สวยและนิสัยไม่ดีนี่  เราก็จะซวยไม่น้อย (เหมือนซื้อหุ้นแล้วติดดอยแถมยังไม่มีปันผลนั่นแหละ)  ซึ่งอันนี้มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มกราคม 2014, 16:32:33 โดย วายุ » IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
Midas
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 259



« ตอบ #762 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2014, 23:45:15 »

ติดตามครับ   ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ขอบคุณครับ  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #763 เมื่อ: วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014, 15:55:11 »

ทำไมเพิ่งซื้อ
     ผมได้อ่านกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆเกี่ยวกับเรื่องหุ้นแล้วพบว่า  มีบางคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องหุ้นน้อย  พยายามที่จะถามคนที่รู้มากกว่าว่า  ซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้ดีไหมในตอนนี้  ทีนี้ก็จะมีผู้รู้(หรือเปล่า)บางคนเข้ามาตอบว่า  “ทำไมเพิ่งมาซื้อเอาตอนนี้”  ว่าแล้วเขาก็อ้างถึงราคาของหุ้นในช่วงที่เกิดวิกฤตซับไพร์ม  ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมมองว่า  ถ้าหุ้นตัวใดไม่มีการเติบโตของกำไรหรือมีการขยายงาน  ถ้าราคาหุ้นมันขึ้นมาโดยภาวะของตลาด  คำตอบนี้ถือว่าถูกต้อง  แต่ถ้ามันเป็นหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  ตัวของผู้ตอบเองจะดูด้อยไปในทันที  เพราะเหมือนกับว่าเขาตอบแบบไม่รู้จริง  ตอบเหมือนจำขี้ปากคนอื่นมาพูด  หรือตัวเขาเองไม่ได้เป็นนักลงทุนที่ทำการบ้านมาอย่างดีพอ  สิ่งที่เขาได้บอกผู้อื่นไป  ก็บอกแต่เพียงว่า  ทำไมเพิ่งมาซื้อเอาตอนนี้  ถ้าจะให้ตีความหมายก็คือ  ตอนถูกๆทำไมไม่ซื้อ  มาซื้ออะไรตอนมันแพงแล้ว  แต่ตามความเห็นของผมแล้ว  การที่บางคนเริ่มมาสนใจหุ้นบางตัวในตอนที่ราคามันขึ้นมาพอสมควรแล้ว  อาจเป็นไปได้ว่า  เขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหุ้นตัวนั้นมาก่อน  แต่มันเริ่มเข้ามาอยู่ในความสนใจของเขาก็ตอนที่มันเริ่มโตมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว  เพราะผมก็เคยเป็น  และถ้ามาถามผมว่า  วิธีที่ถูกต้องในการลงทุนคือแบบใด  ผมตอบได้แต่เพียงว่า  เราก็ชั่งน้ำหนักเอาเองสิว่า  ราคากับคุณภาพ  “ณ  ขณะนี้”  มันเหมาะสมกันหรือไม่  และเพื่อให้เห็นภาพ  ผมคงจะมีเรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆให้อ่านเพื่อประกอบคำอธิบายก็แล้วกันนะครับ

     น้องหล้าเป็นลูกสาวของเพื่อนบ้านอ้ายเป็งที่ประกอบอาชีพทำนาและมีฐานะยากจน  น้องหล้าเป็นคนขยันและมีหน้าตาสวยถูกใจอ้ายเป็งมาก  อ้ายเป็งเคยหยั่งเชิงถามพ่อแม่ของน้องหล้าว่า  ถ้าจะมาขอน้องหล้าจะคิดค่าน้ำนมเท่าไหร่  พ่อแม่ก็ตอบว่าเงินห้าหมื่นทองห้าบาท  อ้ายเป็งกลับไปนอนคิดคำนวณแล้วตัดสินใจว่า  เงินห้าหมื่นทองห้าบาทมันมากไปสำหรับครอบครัวที่มีฐานะยากจน  และทั้งๆที่อ้ายเป็งก็มีเงินที่จะไปขอ  แต่เขาคิดว่าควรรออีกหน่อยดีกว่า  เผื่อว่าทางบ้านของน้องหล้าอาจจะอยากได้เงินมากจนยอมลดราคาให้  เมื่อเวลาผ่านไป  น้องหล้าก็ดูสวยขึ้น  และพร้อมกันนั้น  น้องหล้าก็เรียนสูงขึ้นเรื่อยๆจนจบ ป.ตรี  เมื่ออ้ายเป็งมาถามทางบ้านของน้องหล้าอีกครั้งว่าเท่าไหร่  คำตอบที่ได้ทำให้อ้ายเป็งสะอึก  เงินหนึ่งแสนทองสิบบาท  อ้ายเป็งคำรามอยู่ในใจว่า  อะไรฟะ  เมื่อก่อนถูกกว่านี้ยังไม่เอาเลย  ไหงตอนนี้มาขึ้นราคากันซะงั้น  ว่าแล้วอ้ายเป็งก็บอกกับพ่อแม่ของน้องหล้าไปว่า  ถ้าคิดที่เงินห้าหมื่นทองห้าบาท  ก็จะมาขอทันที  พูดแล้วอ้ายเป็งก็กลับไป  ต่อมาไม่นาน  น้องหล้าก็ไปสอบติดเป็นข้าราชการ  ได้ทำงานสบายมีรายได้ดีและมีสวัสดิการให้พ่อแม่  เมื่ออ้ายเป็งกลับมาถามทางบ้านของน้องหล้าอีกครั้งว่าเท่าไหร่  คำตอบที่ได้กลับพบว่า  เงินสองแสนทองยี่สิบบาท  เมื่ออ้ายเป็งได้ยินดังนั้นก็ร้องว่า  ถ้าไม่ได้ราคาเดิมก็ไม่เอาแล้ว  ว่าแล้วอ้ายเป็งก็กลับบ้านไป  เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน  ก็มีหนุ่มใหญ่ระดับหัวหน้างานมาชอบน้องหล้า  และเมื่อพ่อแม่ของน้องหล้าเรียกเงินสองแสนทองยี่สิบบาท  หนุ่มใหญ่ท่านนั้นก็ไม่ขัดข้อง  เพราะในขณะนี้น้องหล้าไม่ใช่เด็กกะโปโลแล้ว  แต่น้องหล้าเป็นข้าราชการมีหน้ามีตาในสังคม  การสู่ขอและจัดงานจึงต้องทำให้สมฐานะ  และน้องหล้าก็ได้แต่งงานกับหนุ่มใหญ่ท่านนั้น  เรื่องนี้นำความช้ำใจมาให้แก่อ้ายเป็งเป็นยิ่งนัก

     ประเด็นสำหรับเรื่องนี้คืออะไร ?  ประเด็นก็คือ  ถ้าเราเห็นว่าตัวของน้องดี(หุ้น)  เราไม่ต้องสนใจก็ได้ว่าทางบ้านเขาจะมีฐานะ(ตลาดหุ้น)เป็นอย่างไร  เพราะสิ่งที่เราสนใจเป็นตัวของน้อง  ไม่ใช่ฐานะทางบ้าน  และเมื่อมาดูที่ราคาที่ทางบ้านของน้องเขาเรียก  ทางบ้านเขาก็เรียกราคาให้มันเหมาะสมกับพัฒนาการของตัวน้อง  ถ้าเราเห็นว่าตัวน้องเขาจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอีก  การไปสู่ขอ(ซื้อหุ้น)ตอนที่เห็นว่าน้องยังมีอนาคตชัดเจนก็เป็นสิ่งที่ดี  เพราะเราซื้ออนาคตที่ดีในตอนที่มันยังมีราคาถูกอยู่(ถูกวันนี้  แต่จะแพงในวันหน้า)  แต่ถ้าราคาในขณะนั้นมันไม่สมเหตุสมผล  การรอคอยหรือการต่อราคาก็เป็นสิ่งที่ควรทำ  เราไม่ควรจะทำเป็นว่า  เมื่อก่อนราคาถูกกว่านี้ยังไม่ซื้อเลย  จะให้มาซื้ออะไรกันตอนนี้  ซึ่งถ้าหุ้นนั้นมันจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในอนาคต  เราไม่ต้องต่อราคามากก็ได้  เดี๋ยวจะกินแห้วเสียเปล่า

     สิ่งที่ทำให้คิดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นก็คือ  การซื้อหุ้นมันเป็นการซื้ออนาคต  ราคาหุ้นของบริษัทเล็กที่กำลังเติบโตเมื่อมันค่อยๆมีราคาเพิ่มขึ้น  ถ้าคุณเป็นคนที่ยึดติดกับราคาในอดีต  คุณจะไม่มีทางซื้อมัน  เพราะคุณจะบอกกับตัวเองว่า  เมื่อก่อนถูกกว่านี้ยังไม่ซื้อเลย  ตอนนี้มันขึ้นมาแล้ว  ถ้าซื้อก็ช้าไป  ถ้าคุณซื้อมัน  มันจะดูเหมือนกับว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่โง่เขลา  และถ้าคุณเป็นคนที่ยึดติดกับอดีตจริงๆ  เมื่อหุ้นตัวหนึ่งราคามันตกลงมาจากที่มันเคยเป็น  คุณจะบอกว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและรีบกระโดดเข้าใส่  แล้วปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นตกลงมาคืออะไร  มันกำลังถดถอยหรือเสื่อมโทรมลงหรือไม่  คุณได้คำตอบพวกนี้แล้วหรือยัง  ถ้าคุณดูแต่ราคาในอดีต  อีกไม่นานคุณก็จะกลายเป็นอดีตสำหรับตลาดหุ้น  และเป็นตำนานที่เล่าขานสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง  ซึ่งมันเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ  เมื่อคุณได้กระทำในสิ่งที่คิดว่าฉลาดแต่โง่เขลาลงไป  ซึ่งถ้าคุณเป็นอ้ายเป็ง  และคุณอยากได้น้องหล้าที่ราคาห้าหมื่นจริง  ผมอยากถามคุณสักนิดว่า  ถ้าน้องหล้าเลิกกับผัวตอนอายุห้าสิบ  และมีลูกติดมาอีกสามคน  คุณคิดว่าเงินห้าหมื่นที่คุณตั้งใจที่จะจ่ายนั้น  มันคุ้มกันไหมสำหรับน้องหล้าขาลง ?
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
T0yly6969
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,208


Bigman Retrotoy


« ตอบ #764 เมื่อ: วันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2014, 13:38:38 »

จะรอ อ่านเนื้อหาดีๆมีความรู้ต่อไป ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

เกมส์&ของเล่นสะสมและเพจฝากด้วยครับ
https://www.facebook.com/groups/158909987854502/
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #765 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2014, 14:33:51 »

วันนี้ฝรั่ง ?
     มีตัวเลขอยู่ตัวหนึ่งที่นักลงทุนในหุ้นให้ความสนใจค่อนข้างมากนั่นก็คือ  ยอดการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ  ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศต่างเชื่อว่า  นักลงทุนต่างชาติสามารถกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นได้  ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมามันเป็นอย่างนั้น  แล้วในอนาคตเราบอกได้ไหมว่านักลงทุนต่างชาติยังจะเป็นขาใหญ่ในตลาดหุ้นอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า  อันนี้ผมไม่รู้  เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต

     จากการสังเกตของตัวผมเองทุกวันนี้ผมมองว่า  ในตลาดหุ้นคนที่มีเงินเยอะกว่า  จะได้เปรียบในแง่ของการเล่น  เพราะถ้าจะว่ากันตามจริง  คนที่มีเงินเยอะสามารถตั้งตัวเป็นเจ้ามือปั่นหุ้นบางตัวได้  แต่ตัวเลขที่เราติดตามกันทุกวันนี้  เป็นตัวเลขของการซื้อขายรวมทั้งตลาด  ซึ่งถ้าใครจะปั่นตลาด  คงต้องใช้เงินมหาศาล  ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนผมมองว่า  ฝรั่งมีเงินมากจากการพิมพ์ขึ้นมาใช้เองเยอะจริง  แต่ในปัจจุบัน  ประเทศใหญ่ๆหลายประเทศต่างก็พิมพ์เงินเลียนแบบกันขึ้นมาด้วย  ซึ่งถ้าจะมองภาพในปัจจุบัน  ฝรั่งอาจจะไม่ได้มีเงินเยอะเพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว  ผมเลยมองว่า  ทุกวันนี้มันมีการคานอำนาจของเงินเพื่อให้เกิดความสมดุลกันมากขึ้นระหว่างอเมริกา  ยุโรป  จีน  ญี่ปุ่น  และอีกหลายๆประเทศที่กำลังพิมพ์เงินเพิ่มซึ่งผมไม่รู้  และเราทุกคนที่ติดตามตัวเลขยอดการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติทุกวันนี้  เรารู้ไหมว่าใครกำลังทำอะไรอยู่

     แล้วตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเชื่อได้จริงหรือไม่ ?  เชื่อได้สิ  เพราะมันคือตัวเลขการซื้อขายจริงๆ  แต่ปัญหาคือว่า  ต่างชาติที่เขาพูดถึง  มันไม่ได้หมายถึงฝรั่งเพียงกลุ่มเดียว  เพราะมันเหมารวมคนทั้งโลกที่ไม่ใช่คนไทย  และบางทีคนไทยอาจจะเปิดบัญชีนอกเข้ามาเล่นก็ได้  ซึ่งตรงนี้เราอาจจะเรียกว่าฝรั่งหัวดำ  แต่โดยรวมแล้วเรามักจะเรียกคนที่ไม่ใช่กองทุนไทยหรือเม่าไทยว่าฝรั่งกันหมด  ซึ่งสถานการณ์ทุกวันนี้ทั้งฝรั่งทั้งจีนก็ซื้อขายกินเงินกันเหมือนกับเม่าไทยนี่แหละ  ดูจากยอดซื้อขายรายวันก็ได้  มันมีทั้งซื้อและขายให้เห็นทุกวัน

     ถ้ายอดนักลงทุนต่างชาติเป็นขาย  แสดงว่าเขาเหลือหุ้นน้อยลง ?  ถ้าจะคิดแบบตื้นๆก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะ  เพราะเขาเอาหุ้นมาขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน  แต่ผมเป็นคนคิดมาก  ผมก็เลยมองว่า  แล้วถ้าเขาอยากได้เงินโดยไม่ต้องการสูญเสียจำนวนหุ้นล่ะทำได้ไหม ?  ได้แน่นอน  ได้จากใคร ?  ก็ได้จากเม่าไทยขี้ตกใจนี่แหละ  แล้วเขาทำอย่างไร ?  ถ้าพูดถึงวิธีการต่างๆ  ผมอาจจะไม่รู้ทั้งหมด  แต่ถ้าเป็นผม  ผมสามารถขายหุ้นออกมาหนักๆเพื่อให้เม่าไทยแห่ขายตาม  หลังจากนั้นผมก็ไปเก็บคืนในราคาที่ต่ำลงในจำนวนเท่าเดิมกับที่ได้ขายออกไป  ซึ่งตรงนี้จะทำให้ผมได้ส่วนต่างของราคาหุ้น  เนื่องจากขายแพงแล้วไปซื้อถูก  และเมื่อสิ้นวัน  พอยอดนักลงทุนต่างชาติแสดงออกมาว่าเป็นซื้อเท่าไหร่ขายเท่าไหร่  สุทธิแล้วเป็นลบ  ซึ่งตรงนี้เขาแสดงเป็นจำนวนเงิน  แต่ไม่ได้แสดงเป็นจำนวนหุ้น  เมื่อเม่าไทยเห็นแบบนี้ก็แตกตื่นว่าฝรั่งขายอีกแล้ว  พอวันถัดมาฝรั่งขายหุ้นหนักอีก  เม่าไทยก็พร้อมที่จะเชื่อว่าเมื่อฝรั่งขายหุ้นจะลง  เมื่อเม่าเชื่อแบบนี้ก็จะพากันขายหนีตายอีก  ฝรั่งก็ขายในราคาสูงและก็เก็บในราคาถูกลงไปเรื่อยๆโดยที่จำนวนหุ้นในมือก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด  ซึ่งวิธีการนี้เม่าไทยจะรู้จักกันในนามว่า  SAP  (ชอร์ต อเกน พอร์ต)  ซึ่งการทำ  SAP  ของเม่านี้จะทำตอนที่เม่ามองว่าหุ้นมันมีแนวโน้มว่าจะลง(แต่ไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าลงเพราะอะไร)  แต่ถ้าเป็นการทำ  SAP  ของนักลงทุนต่างชาติเขาคงไม่ได้มองว่ามันจะลงเพราะคนอื่น  แต่มันจะต้องลงเพราะตัวเขาเอง  แล้วถ้ามีใครบังอาจมาซื้อสวนขึ้น  เขาก็คงขายไม่เลี้ยงเหมือนกัน  เพราะหุ้นก็ยังมีอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก  ถ้าคนที่เข้ามาซื้อสวนเงินไม่หนาพอที่จะคุมเกมได้จริง  หรือกะแค่เข้ามาปั่นเอาเงินแล้วก็ออก  อาจจะโดนเจ้ามือทุบเอาจนคนซื้อสวนยอมคายออกมาแล้วเขาค่อยไปเก็บคืน

     เมื่อมาสรุปเป็นภาพรวมแล้วถามว่า  ยอดซื้อขายประจำวันของนักลงทุนต่างชาตินี้น่าเชื่อถือแค่ไหน  ถ้าเป็นเรื่องตัวเลข  มันคือของจริง  แต่ถ้าเป็นจำนวนหุ้นคงเหลือ  มันอาจเหลือเท่าเดิมหรือเพิ่มมากขึ้น  แล้วมันเพิ่มมากขึ้นได้อย่างไร ?  ถ้านักลงทุนต่างชาติขายหุ้นที่ราคาสิบบาท(แต่จริงๆแล้วคงขายที่ราคานี้ไม่ได้ในคราวเดียว)  แล้วเอาเงินจำนวนนั้นมาซื้อคืนไปที่ราคาเก้าบาท  เขาจะมีหุ้นเพิ่มขึ้นมาประมาณสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ  เมื่อนักลงทุนต่างชาติทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  กว่าที่เม่าไทยจะรู้ตัวอีกที  หุ้นก็ไปอยู่ในมือของนักลงทุนต่างชาติเกือบหมดแล้ว  และถ้าผมมีหุ้นในพอร์ตมากขนาดนั้น  วันนึงผมเกิดอยากรวยขึ้นมา  ผมก็ดันราคาหุ้นตัวที่ผมถืออยู่ให้ขึ้นไปมากๆ  เมื่อเอาจำนวนหุ้นมาคูณด้วยราคาตลาด  ผมก็รวยขึ้นอีกบานเบอะ  และเป็นธรรมดาเมื่อหุ้นพุ่งขึ้น  ข่าวดีมันจะมาจากไหนก็ไม่รู้เต็มตลาด  และมันยังมาพร้อมกับบทวิเคราะห์ว่าให้ซื้อโดยมีเป้าหมายว่ายังไปได้อีกไกล  เมื่อเม่าไทยเห็นดังนั้นก็จะพากันโบยบินเข้าสู่กองไฟอีกครั้งตามอย่างที่วงจรชีวิตเม่าควรจะเป็น
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #766 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2014, 14:03:31 »

ปัจจัย 6
     วันนี้วันพระ (วันวิสาขบูชา) เป็นวันหยุดพิเศษ  ทำให้ผมพอจะมีเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง  หลังจากที่ผมไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมาเป็นเวลานาน  ซึ่งการที่ผมมีเวลาว่างนี้  ก็เลยทำให้ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับวันพระ  และสิ่งที่ทำให้ผมนึกถึงจนมาเป็นประเด็นในการลงบทความนี้ก็มาจากเรื่องของปัจจัย 4  ที่เรารู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีนี่เอง

     ผมคิดว่าทุกท่านคงรู้จักปัจจัย  4  มาตั้งแต่เด็กแล้ว  เพราะเรื่องนี้ได้มีหลักสูตรการเรียนการสอนกันมาตั้งแต่ตอนที่พวกเราเรียนอยู่  ปัจจัย  4  ที่ว่านี้ก็คือ  สิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตหรือการดำรงชีพของมนุษย์  ซึ่งประกอบด้วย  อาหาร  เครื่องนุ่งห่ม  ที่อยู่อาศัย  และยารักษาโรค  เรื่องนี้ทำให้ผมคิดย้อนกลับไปไกลจนถึงตั้งแต่สมัยที่ต้นตระกูลของพวกเรายังเป็นลิงกันอยู่  ตอนนั้นบรรพบุรุษของเราจะรู้ไหมนะว่าชีวิตของทุกคนต้องการปัจจัย  4  ผมคิดว่าไม่นะ  เพราะบรรพบุรุษของเราคงยังไม่ฉลาดพอที่จะมีความคิดแบบนั้น  และอีกอย่างก็คือ  ตอนนั้นคงจะไม่มีใครสร้างบ้านขายหรือมีคนผลิตยาออกมาขายด้วย  และจากยุคสมัยที่เป็นอยู่ในขณะนั้น  การหาอาหารใส่ปากน่าจะเป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุดแล้ว  สำหรับเรื่องปัจจัย  4  มันเป็นบทบัญญัติที่เกิดขึ้นมาหลังยุคมนุษย์ลิง  ซึ่งปัจจัย  4  ที่ว่านี้ก็ได้ผ่านการยอมรับจากสังคมว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ชีวิตของทุกคนต้องการทั้ง  4  สิ่งนี้  แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านมาจนถึงทุกวันนี้  ผมคิดว่ามันควรจะต้องมีการปรับปรุงบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องความจำเป็นของชีวิตมนุษย์บ้าง  และเท่าที่ผมประเมินเองแล้ว  สิ่งที่ผมมองว่ามีความจำเป็นและสำคัญต่อชีวิตของคนในยุคปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นมาอีกสองสิ่งนั่นก็คือ

     พาหนะ  ทุกวันนี้มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยใช้พาหนะเช่นจักรยาน  มอเตอร์ไซค์ รถยนต์  เรือ  รถไฟ  เครื่องบินบ้าง  ผมคิดว่าคงไม่มี  ถ้าถามว่าพาหนะพวกนี้จำเป็นไหมต่อการใช้ชีวิตของทุกคนในวันนี้  ผมกล้าตอบแทนทุกคนเลยว่าจำเป็น  เพราะแค่เราจะไปเซเว่นที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด  เรายังขี้เกียจเดิน !  ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเห็นทุกบ้านมีพาหนะไว้ใช้อย่างน้อยหนึ่งชนิด (ยกเว้นบ้านที่ไม่มีเงินซื้อ)

     การสื่อสาร  ในที่นี้ผมจะเหมารวมทุกอย่างที่นับว่าเป็นการสื่อสารทั้งหมดคือ  โทรทัศน์  แฟกซ์  วิทยุ  จดหมาย  โทรศัพท์  อินเตอร์เนต  ฯลฯ  ถ้าถามว่าทำไมมันถึงจำเป็นด้วยล่ะ  ถ้าไม่มีก็ไม่ตายไม่ใช่เหรอ  งั้นผมจะถามกลับไปว่า  คุณไม่ต้องอยู่บ้านก็ได้นิ  ไปนอนข้างถนนก็ได้มั้ง  จริงอยู่ที่ไม่มีมันก็ไม่ตาย   แต่ผมถามหน่อยว่าทุกวันนี้จะมีสักกี่คนที่ไม่ต้องใช้สินค้าหรือบริการเหล่านี้  อย่างน้อยแม่บ้านยังต้องดูละครหรือโทรไปเมาท์มอยกับเพื่อนฝูง  จริงๆแล้วผมว่าการสื่อสารนี่สำคัญมากมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว อย่างเวลาทำสงครามกัน  ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้พ่ายแพ้ได้  และในทุกวันนี้  เวลามีอะไรที่เกี่ยวกับความเป็นความตาย  เราสามารถหลบหลีกได้ทัน  ทำให้ลดความสูญเสียลงไปได้มาก  หรือแม้กระทั่งเราจะทำเรื่องบางอย่างที่ไม่สำคัญสำหรับทุกคนอย่างเช่นเทรดหุ้น  (ว่าจะไม่พูดถึงหุ้นแล้วเชียวนะ)  เรายังต้องใช้อินเตอร์เนตเลย

     สำหรับวันนี้ก็คงจะเบาๆสไตล์วันหยุดนะครับ  เอาไว้ผมมีอารมณ์และเวลาว่างมากพอก็จะลงบทความให้อ่านกันเล่นๆอีก  เข้าใจตรงกันนะ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
vi mut
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 505



« ตอบ #767 เมื่อ: วันที่ 14 พฤษภาคม 2014, 15:10:00 »

สวัดดีค่ะเพื่อนทุกคน ดีใจมากเลยที่เจอกระทู้นี้อ่านตั้งแต่หน้า 1- 5แล้วค่ะ เดียวจะอ่านให้ครบทุกหน้า ชื่นชมคุณวายุมากนะค่ะคุณเก่งมากคุณทำได้  เราทำงานบริษัทค่ะเงินเดือนก็โอเค หนี้สินไม่มี มีเงินเย็นอยู่ก้อนหนึ่ง อยากเล่นหุ้นแต่ไม่กล้า ไม่รู้จะปรึกษาใครไม่มีพื้นฐานแต่ก็ดูข้อมูลในเน็ตบ้าง พอดีเวลาว่างเยอะผึ่งเลิกกับแฟนมาค่ะจิตใจฟุ้งซ่านก็เลยยากหาอะไรทำจะได้ไม่ต้องคิดมาก แต่เราได้อ่านตรงนี้คิดแล้วละค่ะว่ากลับไปเราจะไปซื้อหนังสือพ่อสอนลูกรวย และ หนังสือเกี่ยวกับการเล่นหหุ้น แล้วจะเริ่มเล่นเลยจะลองผิดลองถูกดูเพราะคิดมานานแล้วไม่เคยทำได้ชะที ไม่ต้องห่วงนะค่ะเงินเย็นก้อนนี้เราจะเล่นแค่ 1ในสาม ก็น่าจะมาณ 50000 ถ้าเงินส่วนหนี้หายไปก็คงไม่เดือดร้อน รบกวนแนะนำด้วยนะค่ะ จะรอฟังคำแนะนำนะค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #768 เมื่อ: วันที่ 16 พฤษภาคม 2014, 15:36:37 »

ตอบคุณมัท
     เรื่องขอคำแนะนำจากผมนั้น  ด้วยความยินดีครับ  แต่ไม่ทราบว่าจะปรึกษาผมเรื่องอะไรล่ะ  เรื่องลงทุนหรือเรื่องชีวิตคู่  เพราะคุณบอกมาว่าโสด  อ่านแล้วคลุมเครือน่ะครับ (อ่ะล้อเล่น)  อยากรู้อะไรก็ถามมาเลยครับ  แต่ถ้าเป็นเรื่องชีวิตคู่  ผมว่ามันไม่มีอะไรดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ  บางคนดีมากซะจนเราอยู่ด้วยไม่ได้ก็มี (อยู่ด้วยแล้วละอาย  เพราะเธอดีเกินไป)  แค่หาคนที่คลิ๊กกับเราก็พอ  คุณยังไม่แก่  อายุแค่  33  เอง  ยังไม่ต้องรีบหรอก  อิอิ  วันนี้รู้สึกจะออกทะเลไปเยอะเลย  งั้นขอจบด้วยกลอนก็แล้วกันครับ  จะได้คลายเครียดสำหรับทุกคน

     ไม่เคยคิด     ร้องไห้     เมื่อพ่ายแพ้
ไม่เคยแคร์         ชีวิต        ที่ผิดหวัง
ไม่เคยขอ          คืนดี        คนที่ชัง
ไม่เคยหวัง       หมายปอง   คนหลายใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 16 พฤษภาคม 2014, 15:39:42 โดย วายุ » IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
vi mut
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 505



« ตอบ #769 เมื่อ: วันที่ 17 พฤษภาคม 2014, 14:42:46 »

ตอบคุณมัท
     เรื่องขอคำแนะนำจากผมนั้น  ด้วยความยินดีครับ  แต่ไม่ทราบว่าจะปรึกษาผมเรื่องอะไรล่ะ  เรื่องลงทุนหรือเรื่องชีวิตคู่  เพราะคุณบอกมาว่าโสด  อ่านแล้วคลุมเครือน่ะครับ (อ่ะล้อเล่น)  อยากรู้อะไรก็ถามมาเลยครับ  แต่ถ้าเป็นเรื่องชีวิตคู่  ผมว่ามันไม่มีอะไรดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ  บางคนดีมากซะจนเราอยู่ด้วยไม่ได้ก็มี (อยู่ด้วยแล้วละอาย  เพราะเธอดีเกินไป)  แค่หาคนที่คลิ๊กกับเราก็พอ  คุณยังไม่แก่  อายุแค่  33  เอง  ยังไม่ต้องรีบหรอก  อิอิ  วันนี้รู้สึกจะออกทะเลไปเยอะเลย  งั้นขอจบด้วยกลอนก็แล้วกันครับ  จะได้คลายเครียดสำหรับทุกคน

     ไม่เคยคิด     ร้องไห้     เมื่อพ่ายแพ้
ไม่เคยแคร์         ชีวิต        ที่ผิดหวัง
ไม่เคยขอ          คืนดี        คนที่ชัง
ไม่เคยหวัง       หมายปอง   คนหลายใจ

สวัสดีค่ะคุณวายุ ชอบกลอนคุณวายุมากเลยค่ะ คุณวายุมีความรู้ทุกด้านเลยนะค่ะ คุณวายุรู้จักชื่อมัทด้วย แถมยังรู้ประวัติเราอีกดีใจจังค่ะ นี้แหละนะนักลงทุนมีข้อมูลก่อนเสมอ คุณวายุค่ะมัทแอบชื่นชมคุณวายุมากๆๆๆอ่านบทความที่เขียนทุกตอนจนตาบวมยังไม่จบค่ะน่าจะต้องอ่านอีกหลายอาทิตย์เลย แถมไปซื้อหนังสือเล่นหุ้นมาอ่านแล้วไม่เข้าใจค่ะปวดหัวมากหรือว่าเราจะไม่เหมาะกับการลงทุนแต่ยังไม่ท้อค่ะต้องอ่านต่อไป ถ้าคุณวายุไม่รังเกลียดขอเป็นเพื่อนได้ไหมค่ะ (หรือว่าคุณวายุเป็นพี่ก็ไม่รู้นะ) คงจะดีใจมาากถ้าเรามีเพื่อนที่เก่งขนาดนี้ เรื่องที่ยากถามคุณวายุคือเรื่องการลงทุนค่ะแต่ยังไม่ถามตอนนี้ขออ่านศึกษาเรียนรู้สักพักค่ะ ส่วนเรื่องความรักก็ไม่เคยสมหวังเพราะพอความรักเข้าตาไม่เคยคิดว่าจะได้กำไลหรือขาดทุนขอแค่ได้รักก็พอ เลยขาดทุนมาตลอดค่ะแต่ก็ไม่ได้เสียใจตรงนั้นนะค่ะเพราะนี้คือบทเรียน
ทิ้งท้ายใว้ค่ะ คุณวายุเก่งจริงๆๆๆนะค่ะไม่ได้ยกยอแต่พูดจากใจจริงไม่ได้คิดว่าคุณวายุเล่นหุ้นแล้วมีเงินนะค่ะ แต่คิดว่าจากคนธรรมดาคนหนึ่งไม่มีไรเลยแต่ทำไมทำได้ขนาดนี้ สักวันเราจะทำได้แบบนี้ไหมเน้อ.... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #770 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2014, 03:32:52 »

     อ่ะนะ...อย่าเพิ่งชมผมมากเลยครับ  รอไว้ให้ผมรวยก่อน  แล้วค่อยมาชมก็แล้วกัน  สำหรับเรื่องหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน  ผมแนะนำ "เหนือกว่าวอลสตรีท" ครับ  ผู้เขียนเป็นผู้บริหารกองทุนรวมอยู่ในอเมริกา  เขาจะให้มุมมองต่างๆในแบบฉบับของผู้บริหารกองทุนว่า  หุ้นมีกี่ประเภท  และราคาที่เหมาะสมของหุ้นแต่ละประเภทควรเป็นเท่าไหร่  หนังสือเล่มหนาพอประมาณ  และคุณคงต้องอ่านหลายรอบหน่อย  เพื่อที่จะให้มีความเข้าใจในหนังสือและเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนจริงๆว่า  กติกาในตลาดหุ้นเขาเล่นกันอย่างไร  และผมกล้าการันตีเลยว่า  ถ้าคุณ "เข้าใจ" หนังสือเล่มนี้ "จริงๆ" เพียงแค่เล่มเดียว  คุณสามารถเข้าใจภาพรวมของตลาดหุ้นได้ทั้งหมด  และที่สำคัญ  หนังสือเล่มนี้อ่านสนุก  เพราะผู้เขียนได้สอดแทรกมุกตลกอยู่เป็นระยะ  มันเลยทำให้อ่านแล้วไม่เครียดไม่น่าเบื่อ

     สำหรับเรื่องขอเป็นเพื่อน  ยินดีครับ  แต่คุณมัทไม่ได้อยู่เชียงราย  ถ้าได้นั่งคุยแบบถาม-ตอบกัน  คงจะเข้าใจได้มากขึ้น  หรือจะเป็นเพื่อนออนไลน์  ผมคงไม่ค่อยมีเวลาถาม-ตอบแบบรวดเร็วทันใจสักเท่าไหร่  เนื่องจากว่าทุกวันนี้  ผมเป็นคนกลางคืนอยู่  เวลากินเวลานอนมันก็เลยไม่เหมือนคนอื่นเขา

     สถานที่ๆผมทำงานอยู่  มันเป็นผับตื๊ดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย  ถ้าถามผมว่ารายได้ดีไหม  ผมตอบได้เลยว่าสู้งานอย่างอื่นไม่ได้  แต่ผมทำเพราะผมชอบอยู่ในสถานบันเทิงแบบนี้  มันไม่เครียดดี  ซึ่งถ้าเป็นเรื่องเงิน  ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมสามารถทำเงินในตลาดหุ้นได้  มันก็เลยทำให้ผมไม่ได้มองเรื่องรายได้จากการทำงานเป็นหลัก  ผมไม่ได้อิจฉาที่บางคนมีรายได้มากกว่าผมแต่ต้องแลกมาด้วยความเครียด  สิ่งที่ผมมองจากการทำงานก็คือ  ผมทำงานแล้วมีความสุข  การมีความสุขจากการทำงานวัดได้จากอะไร  คุณเคยรู้สึกขี้เกียจไปทำงานไหมครับ  คุณจะนึกเสมอว่า  เมื่อไหร่จะถึงวันหยุด  นั่นเป็นเพราะว่าคุณไม่มีความสุข  คุณก็เลยไม่อยากไปทำงาน  แต่สำหรับผมแล้ว  ผมอยากมาทำงานทุกวัน  แต่เขาบังคับให้หยุด  เพราะเขาไม่อยากจ่ายโอทีให้ผม !  ทุกวันนี้ผมมองผู้คนแล้วมีความคิดว่า  ทำไมคนส่วนมาก  ต้องทนทำในสิ่งที่ไม่มีความสุขเพียงเพื่อเงินเท่านั้นเองหรือ  คนส่วนใหญ่ใช้เวลาชีวิตให้หมดไปกับสิ่งที่ไม่อยากทำ  และเหลือเวลาชีวิตของตัวเองเพียงน้อยนิดเท่านั้นเพื่อไปทำในสิ่งที่อยากทำในตอนบั้นปลายของชีวิต  ถ้าพรุ่งนี้ทุกคนต้องตาย  ผมคงเป็นคนหนึ่งที่ตายแบบไม่คาใจ  แต่หลายคนคงจะเสียดายชีวิตมากว่า  เราจะอดทนทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำไปจนตายเพื่ออะไรกัน

     ชีวิตคนเรามันสั้นนัก  จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้  บางคนใช้ชีวิตหมดไปกับการนั่งเฝ้าดูตลาดหุ้นจนไม่ได้ไปไหน  ถ้าชีวิตการลงทุนต้องเป็นแบบนี้  ผมยอมไม่ลงทุนยังจะดีเสียกว่า  เพราะผมชอบใช้ชีวิตแบบสุขนิยม  ขนาดผู้เขียนหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีทยังบอกเลยว่า  ตลาดหุ้นน่าจะปิดเร็วกว่านี้  เขาจะได้มีเวลาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือไปชมงานศิลปะ  เพราะสองอย่างนี้ยังมีประโยชน์มากกว่าการมานั่งมองราคาหุ้น  จะเคร่งเครียดกับชีวิตไปทำไมกัน  คุณว่าจริงไหมครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
vi mut
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 505



« ตอบ #771 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2014, 09:16:54 »

คุณวายุพูดถูกทุกเรื่องเลยค่ะ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ โอเคค่ะจะซื้อหนังสือเล่มนั้นมาอ่าน คุณวายุดีจังนะค่ะที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบคงจะมีความสุขมาก ส่วนมัทไม่ชอบงานที่ทำแต่ก็ยากมาทำงานทุกวันค่ะเพราะถ้าคนเราไม่ทำงานชีวิตคงไม่มีค่าอะไร ยังไม่รู้เกิดมาทุกวันเพื่ออะไรทำงานอยู่ไปวันๆๆ ได้เงินมาก็ซื้อของที่ยากได้นุษย์เงินเดือนค่ะ  เป้าหมายในชีวิตใหญ่ๆๆก็ไม่มี มีแต่เป้าหมายเล็กๆๆ ชีวิตเลยไม่เจ็บตัวมาก ดีใจนะค่ะที่เจอเพื่อนในนี้ไม่เหงา มีเพื่อนให้คุยทุกเรื่อง ยังไงจะติดตามผลงานคุณวายุทุกเรื่องนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่รับเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนแค่ในนี้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ 

--กลอนนี้คิดเองเปล่าค่ะชอบมากเลย--
ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม

IP : บันทึกการเข้า
arnutza253
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 978



« ตอบ #772 เมื่อ: วันที่ 01 มิถุนายน 2014, 17:57:24 »

ผมมีความคิดอยากจะเล่นหุ้นแต่ผมไม่รู้จะไปทางไหนอะไรยังไง ช่วยแนะนำทีครับ ควรไปทางไหน เริ่มต้นครับ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #773 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 03:01:03 »

     งั้นก็เริ่มต้นตรงเปิดบัญชีให้ได้ก่อนก็แล้วกันนะครับ  เพราะทุกวันนี้  การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น  ไม่ได้ง่ายเหมือนช่วงก่อนแล้ว  ลองเข้าไปสอบถามรายละเอียดต่างๆจากโบรกเกอร์ได้ครับ  ถ้าเปิดได้แล้ว  ค่อยมาคุยกันอีกทีหนึ่ง
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #774 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 03:09:59 »

คุณวายุพูดถูกทุกเรื่องเลยค่ะ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ โอเคค่ะจะซื้อหนังสือเล่มนั้นมาอ่าน คุณวายุดีจังนะค่ะที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบคงจะมีความสุขมาก ส่วนมัทไม่ชอบงานที่ทำแต่ก็ยากมาทำงานทุกวันค่ะเพราะถ้าคนเราไม่ทำงานชีวิตคงไม่มีค่าอะไร ยังไม่รู้เกิดมาทุกวันเพื่ออะไรทำงานอยู่ไปวันๆๆ ได้เงินมาก็ซื้อของที่ยากได้นุษย์เงินเดือนค่ะ  เป้าหมายในชีวิตใหญ่ๆๆก็ไม่มี มีแต่เป้าหมายเล็กๆๆ ชีวิตเลยไม่เจ็บตัวมาก ดีใจนะค่ะที่เจอเพื่อนในนี้ไม่เหงา มีเพื่อนให้คุยทุกเรื่อง ยังไงจะติดตามผลงานคุณวายุทุกเรื่องนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่รับเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนแค่ในนี้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ 

--กลอนนี้คิดเองเปล่าค่ะชอบมากเลย--
ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม



     แต่งเองครับ  ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาตอบ  เพราะผมว่าจะรอมาตอบพร้อมกับตอนที่เอาบทความมาลง  พอดีเข้ามาตอบน้องมือใหม่  ผมก็เลยตอบพร้อมกันเสียเลย  ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามได้นะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
arnutza253
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 978



« ตอบ #775 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 16:30:06 »

ขอบคุณครับ ท่านวายุ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #776 เมื่อ: วันที่ 05 กรกฎาคม 2014, 17:09:32 »

เดย์เทรด
     โดยปกติแล้วผมไม่ค่อยได้ลงบทความเกี่ยวกับการเล่นหุ้นซื้อขายในวัน  เพราะคนที่เล่นซื้อขายในวันโดยมากมักจะพนันมากกว่าลงทุน  ซึ่งโดยส่วนตัวผมแล้ว  ผมส่งเสริมให้คนลงทุนมากกว่า  แต่วันนี้ผมขอมาแนะนำอีกหนึ่งวิธีที่ผมคิดว่ามีความเสี่ยงน้อยหรือแทบไม่มีเลยสำหรับคนที่อยากเล่นซื้อขายในวันนะครับ

     หุ้นแต่ละตัวเมื่อตอนเปิดตลาด  จะมีข้อมูลเกี่ยวกับราคาหุ้นให้ดูอยู่เช่น  ราคาปิดเมื่อวาน  ราคาย้อนหลัง  ค่า PE  ซึ่งตัวเลขพวกนี้  ถ้าจะใช้วิธีของผม  เราไม่ต้องไปดูมันเลย  เพราะเรากำลังจะพนันอยู่  ตัวเลขที่เราควรให้ความสนใจก็คือ  ราคาซิลลิ่งและราคาฟลอร์  คำอธิบายสำหรับตัวเลขสองตัวนี้ก็คือ  ราคาที่ทางตลาดกำกับมาว่า  ให้ขึ้นได้สูงสุดเท่าไหร่  และให้ลงได้ต่ำสุดเท่าไหร่ในวันนี้  และผมถามพวกคุณว่า  ถ้าเปิดตลาดมาปุ๊บ  มีหุ้นตัวหนึ่งลิ่ง  อีกตัวหนึ่งฟลอร์  คุณจะสนใจตัวไหนมากกว่ากัน ?  โดยส่วนมากแล้ว  คนที่เล่นเดย์เทรดส่วนใหญ่  มักจะมองหุ้นที่ลิ่งมากกว่า  เพราะเขามองว่า  หุ้นตัวนี้กำลังโดนปั่น  โอกาสที่หุ้นจะวิ่งไปได้อีกยังมี  แต่ถ้าเป็นผม  ผมมองหุ้นที่ฟลอร์มากกว่า  ถ้าคุณจะถามหาเหตุผลว่าทำไมน่ะหรือ  อธิบายง่ายจะตาย

     เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า  เราตั้งธงไว้ว่าเราจะเล่นเดย์เทรด  ซึ่งเราต้องการให้มันจบในวันแบบไร้ความเสี่ยง  ถ้าเป็นหุ้นที่มันลิ่ง  ราคาในวันนี้มันไม่สามารถขึ้นได้อีกแล้ว  เนื่องจากว่ามันชนเพดาน  ถ้าเราจะลุ้น  เราต้องถือข้ามวัน  แล้วคุณคิดว่าคุณจะนอนหลับอย่างเป็นสุขได้หรือไม่  และเผลอๆ  รู้เรื่องในวันเลย  เพราะราคามันเป็นไปได้แค่ทรงกับทรุด  แล้วคุณคิดว่า  คนที่เขามีกำไร  เขาจะไม่แห่กันขายจนราคามันตกบ้างหรือ  เผลอๆเป็นคนปั่นนั่นแหละที่ขายออกมา  แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ฟลอร์  ราคามันติดพื้นแล้ว  มันไม่สามารถลงไปได้ต่ำกว่านี้อีกแล้วในวันนี้  สิ่งที่มันจะเป็นไปได้ก็คือทรงกับขึ้น  ถ้าเราโชคดีซื้อที่ฟลอร์  เราอาจจะลุ้นให้ราคามันกระเด้งขึ้นมาบ้าง  แต่ถ้าตอนสิ้นวันราคามันไม่ไปไหน  คุณก็ขายที่ราคาฟลอร์ยังได้เลย  ไม่ขาดทุน  แค่โดนค่าคอมนิดหน่อยเท่านั้นเอง  อย่างไรเสีย  การลงทุนมีความเสี่ยงนะครับ  อย่าเชื่อผมมาก  เพราะผมมโน
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
supachaisook
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 443



« ตอบ #777 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2014, 16:35:22 »

เพิ่งเข้ามาครั้งแรก ขอศึกษาด้วยคนครับ ข้อมูลเป็นประโยชน์มาก ผมคนหนึ่งเคยมีเงินทุนหลักแสน แต่ประมาทไปหน่อย ไม่ได้เอาไปลงทุนอะไรมากเลย สุดท้ายหมด ต้องมาเริ่มกันใหม่ ถือว่าความล้มเหลวคือบทเรียน อันมีค่าที่ยิ่งใหญ่ ต่อไปจะลงทุนอะไร ต้องคิดให้ดีก่อน  ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆ ที่เป็นประโยชน์....
IP : บันทึกการเข้า

เบอร์โทร 099-9033587 Line id : 0910078504
jarsarill
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 81


« ตอบ #778 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2014, 11:15:23 »

น่าสนใจค่ะ อยากจะลองลงทุน กับหุ้นดู แต่ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว พยายามที่จะศึกษาเกี่ยวกับหุ้นอยู่ แต่ยังจับต้นชนปลายไปถูก ยังไม่เจอแสงสว่าง ถ้าจะให้ถามก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นถามยังไง เพราะไม่รู้อะไรสักอย่าง พยายามอ่านกระทู้ของคุณวายุ แต่มันเยอะมาก 38หน้า...ตาลายเลยค่ะ ^__^ ขอคำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นที่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงได้หรือเปล่าค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
วายุ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 650



« ตอบ #779 เมื่อ: วันที่ 02 กันยายน 2014, 23:51:39 »

     งั้นก็เริ่มต้นตรงเปิดบัญชีให้ได้ก่อนก็แล้วกันนะครับ  เพราะทุกวันนี้  การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น  ไม่ได้ง่ายเหมือนช่วงก่อนแล้ว  ลองเข้าไปสอบถามรายละเอียดต่างๆจากโบรกเกอร์ได้ครับ  ถ้าเปิดได้แล้ว  ค่อยมาคุยกันอีกทีหนึ่ง

ขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาตอบนะครับคุณ  jarsarill  หวังว่าคำตอบของผมคงไม่ทำให้คุณเคืองนะ  ช่วงนี้จะว่าไม่มีเวลาก็ไม่ใช่  แต่ผมมัวแต่ไปทำอย่างอื่นมากกว่าที่จะได้เข้ามาดูเว็บบอร์ด  พอดียังไม่มีเรื่องอะไรจะมาลงด้วยครับ  ถ้าเปิดบัญชีได้แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีนะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ถึงจะจน       พี่ก็จน      อย่างมีเกียรติ
ถึงจะเครียด  พี่ก็เครียด   อย่างมีหวัง
ถึงจะบ้า       พี่ก็บ้า       อย่างมีพลัง
ถึงจะพัง       พี่ก็พัง       อย่างมีฟอร์ม
หน้า: 1 ... 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 [39] 40 41 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!