เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 05:58:03
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 [28] 29 30 31 32 33 34 35 36 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 440045 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #540 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 17:12:43 »

ทน.เชียงรายจับมือ ททท.บูมนครดอกไม้งาม ดึง 4 ชาติร่วม

เชียงราย - เทศบาลนครเชียงรายจับมือ ททท.บูม “นครแห่งดอกไม้งาม” รับนักท่องเที่ยวหน้าหนาว เปิดโปรแกรมดึงคนเที่ยวยาว เริ่มตั้งแต่งานวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง 4 ชาติ-ลอยกระทง 4 ชาติ-ไม้ดอกอาเซียน 2013 ก่อนปิดท้ายด้วยเคานต์ดาวน์ 3 แห่ง
       
       นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรี อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาล และนางอัจฉริกา มณีสิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงาน จ.เชียงราย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวประจำปี 2556 นครเชียงราย “นครแห่งดอกไม้งาม” ณ ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ในเขตเทศบาลนครเชียงราย
       
       ก่อนการจัดการแถลงข่าวได้จัดให้มีการแสดงประกอบเพลง “เชียงรายดินแดนพ่อ ขุนฯ” และเชียงรายดอกไม้งาม มีนายวิชัย ปุญญะยันต์ นักร้องนำวงพิงค์แพนเตอร์เป็นผู้ขับกล่อมเสียงเพลง ท่ามกลางระบบแสงสีเสียงและดอกไม้นานาชนิด เช่น ดอกลิลลี กุหลาบพันปี ฯลฯ ที่นำไปปลูกตกแต่งบริเวณลานอนุสาวรีย์ฯ
       
       นายวันชัยกล่าวว่า ปัจจุบัน จ.เชียงราย โดยเทศบาลนครเชียงราย พร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และอากาศที่หนาวเย็น โดยได้จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวไว้หลายกิจกรรมนับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. 55-ก.พ. 2556 ประกอบด้วยหลากหลายงาน เช่น งานลอยกระทง 4 ชาติ งานคริสต์มาส งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ งานวาเลนไทน์ และปิดท้ายด้วยงานแห่พระแวดเวียงเจียงฮาย ฯลฯ
       
       โดยเฉพาะงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ชาติ ในวันที่ 27-29 พ.ย. 55 นี้ ณ บริเวณสวนตุง และโคมเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนธนาลัย ไม่ห่างจากอนุสาวรีย์มากนัก ซึ่งในการเตรียมการนั้นทางเทศบาลนครเชียงรายได้มีการเชิญประเทศลุ่มน้ำโขง เช่น จีน พม่า สปป.ลาว ให้จัดส่งนักแสดงเข้าร่วมงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ชาติร่วมกับนักแสดงไทย ซึ่งนอกจากจะได้สร้างความสัมพันธ์ของคนทั้ง 4 ชาติให้เกิดความใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว ก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ การศึกษา และเจรจาการค้าต่อกันด้วย
       
       ด้านนางอัจฉริกากล่าวว่า ปีนี้การท่องเที่ยวของเชียงรายนับว่าคึกคักมาก โดยพบว่ามีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกันตั้งแต่ต้นฤดูท่องเที่ยว โดยนอกจากงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ชาติแล้ว ที่ อ.เชียงแสนยังมีการจัดงานลอยกระทง 4 ชาติในวันที่ 22 ธ.ค.นี้-6 ม.ค. 2556 และยังมีมหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2013 ณ สวนไม้งามริมกก และปิดท้ายด้วยงานปีใหม่ที่จังหวัดเชียงรายจัดงานเคานต์ดาวน์ไว้ 3 แห่ง ที่หอนาฬิกา อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชื่อดังชาวเชียงราย ฯลฯ ดังนั้นปีนี้จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนต่ำกว่า 3 ล้านคน


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000143714
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #541 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 18:22:15 »


วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8032 ข่าวสดรายวัน


แนะรัฐ-เอกชนโฟกัสพม่า-ปลดล็อกกฎเหล็ก ค้าชายแดนเหนือ-ตะวันตกบูม



นายวัชรัศมิ์ ลีละวัฒน์ รองผู้อำนวยการวิชาการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนา (ไอทีดี) เปิดเผยว่า จากผลงานวิจัยเรื่องการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ และด้านตะวันตกของไทย พบว่าด้านเหนือ จังหวัดเชียงรายและจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญต่อการค้าชายแดนมากที่สุด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่ถือเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นศูนย์กลางการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนบริเวณรอยต่อ 3 ประเทศคือ จีน พม่า และสปป.ลาว มีด่านศุลกากรถึง 3 ด่าน คือ ด่านแม่สาย ด่านเชียงแสน และด่านเชียงของ มีมูลค่าการค้าประมาณ 12,000 ล้านบาท เป็นการค้าเกินดุล และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง



สำหรับการค้าผ่านแดนระหว่างไทยกับจีนจะใช้เส้นทาง R3A และแม่น้ำโขงเป็นหลัก มีมูลค่าการค้าประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ มีเขตแดนติดต่อกับแขวงไชยะบุรี สปป.ลาว มีจุดผ่อนปรน ช่องภูดู่เป็นด่านถาวร มีมูลค่าการเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน



อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ผลการวิจัยยังพบปัญหาการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ คือ ได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากสภาพแวดล้อมระดับมหภาค ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นโยบายทางการค้า กฎระเบียบที่เข้มงวด การเก็บอัตราภาษีขาเข้าที่ค่อนข้างสูง ส่วนของไทยมีปัญหาในเรื่องการเมืองการปกครอง ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย



สำหรับแนวโน้มและโอกาสการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ พบว่าพม่า จะมีความสำคัญที่สุด และเป็นประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนใหม่ที่ถือว่าเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากร ธรรมชาติทั้งทางบก และทางทะเลที่อุดมสมบรูณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาทางการเมืองเป็นไปในทิศทางบวก หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจึงต้องเตรียมตัว และให้ความสำคัญ



ส่วนการค้าระหว่างประเทศทางตะวันตกของไทยขอบเขตพื้นที่ที่ทำการศึกษาคือ จังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจังหวัดตากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการค้าชายแดน มีการพัฒนาเส้นทางการขนส่งระหว่างไทยกับพม่า มีโครงการพัฒนาเส้นทางที่สำคัญคือ โครงการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก โดยมีด่านศุลกากรแม่สอด เป็นจุดผ่านแดนถาวรเป็นด่านที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุด ทำให้ไทยเกินดุลการค้าพม่าได้กว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี มีด่านศุลกากรสังขละบุรี เป็นด่านการค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ไทยจึงขาดดุลการค้าพม่าอยู่ในด่านนี้



ด้านแนวโน้ม และโอกาสการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านตะวันตก ระยะต่อไปจากปี 2555 มีแนวโน้มที่สดใสและเจริญเติบโต ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากนโยบายการเปิดประเทศเข้าสู่ประตูการค้าการลงทุนระหว่างต่างประเทศของรัฐบาลพม่า การสนับสนุนการค้าของรัฐบาลไทยและความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ แม้ว่าการดำเนินการค้าจะพบปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง



ประเด็นสำคัญคือ ความมั่นคงกับการค้าระหว่างประเทศ จึงควรมีการศึกษามิติด้านความมั่นคงในเชิงลึกร่วมกับมิติด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อภาครัฐในการทบทวนมาตรการความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดน ไทย-พม่า



ทั้งนี้ ไอทีดี จะนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยชิ้นนี้ เป็นแนวทางในการเสริมสร้างกลยุทธ์การพัฒนาการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือและด้านตะวันตก สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมถึงการนำองค์ความรู้เหล่านี้มาพัฒนาเป็น องค์ประกอบของหลักสูตรฝึกอบรมของไอทีดี ต่อไป

หน้า 9
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #542 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 09:55:07 »

ผลวิจัยชี้ ไทยได้เปรียบการค้าชายแดนทางบก ด้านเหนือ และตะวันตก

(26พ.ย.2555) - สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือ ITD เผยผลงานวิจัย “ การค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือและด้านตะวันตก ” ชี้ชัดไทยได้เปรียบการค้าด้านนี้ ภาครัฐ และเอกชนควรเตรียมพร้อมเต็มที่ ใช้โอกาสนี้ ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ ต้อนรับ AEC

ดร.วัชรัศมิ์ ลีละวัฒน์ รองผู้อำนวยการวิชาการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนา หรือ ITD เปิดเผยว่า จากผลงานวิจัยเรื่อง “ การค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ และด้านตะวันตกของไทย ” พบว่าด้านเหนือ จังหวัดเชียงรายและจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญต่อการค้าชายแดนมากที่สุด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่ถือเป็นพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นศูนย์กลางการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนบริเวณรอยต่อ 3 ประเทศคือ จีน เมียนมาร์ และสปป.ลาว มีด่านศุลกากรถึง 3 ด่าน คือ ด่านแม่สาย ด่านเชียงแสน และด่านเชียงของ มีมูลค่าการค้าประมาณ 12,000 ล้านบาท เป็นการค้าเกินดุล และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการค้าผ่านแดนระหว่างไทยกับจีน จะใช้เส้นทาง R3A และแม่น้ำโขงเป็นหลัก มีมูลค่าการค้าประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ มีเขตแดนติดต่อกับแขวงไชยะบุรี สปป.ลาว มีจุดผ่อนปรน ช่องภูดู่ เป็นด่านถาวร มีมูลค่าการเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ผลการวิจัยยังพบปัญหาการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ คือ ได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากสภาพแวดล้อมระดับมหภาค ได้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นโยบายทางการค้า กฎระเบียบที่เข็มงวด การเก็บอัตราภาษีขาเข้าที่ค่อนข้างสูง ส่วนของไทยมีปัญหาในเรื่องของการเมือง การปกครอง ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย

สำหรับแนวโน้มและโอกาสการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ พบว่า เมียนมาร์จะมีความสำคัญที่สุด และเป็นประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนใหม่ ที่ถือว่าเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางบก และทางทะเลที่อุดมสมบรูณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาทางการเมืองเป็นไปในทิศทางบวก หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จึงต้องเตรียมตัว และให้ความสำคัญ

ส่วนการค้าระหว่างประเทศทางตะวันตกของไทย ขอบเขตพื้นที่ที่ทำการศึกษาคือ จังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจังหวัดตากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางด้านการค้าชายแดน มีการพัฒนาเส้นทางการขนส่งระหว่างไทยกับเมียนมาร์ มีโครงการพัฒนาเส้นทางที่สำคัญ คือ โครงการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก โดยมีด่านศุลกากรแม่สอด เป็นจุดผ่านแดนถาวร เป็นด่านที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุด ทำให้ไทยเกินดุลการค้าเมียนมาร์ได้กว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี มีด่านศุลกากรสังขละบุรี เป็นด่านการค้าที่สำคัญโดยเฉพาะการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งไทยจึงขาดดุลการค้ากับเมียนมาร์อยู่ในด่านนี้

ด้านแนวโน้ม และโอกาสการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านตะวันตก ระยะต่อไปจากปี 2555 มีแนวโน้มที่สดใส และเจริญเติบโต ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากนโยบายการเปิดประเทศเข้าสู่ประตูการค้า การลงทุนระหว่างต่างประเทศของรัฐบาลเมียนมาร์ การสนับสนุนการค้าของรัฐบาลไทย และความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ แม้ว่าการดำเนินการค้าจะพบปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง ประเด็นสำคัญคือ ความมั่นคงกับการค้าระหว่างประเทศ จึงควรมีการศึกษามิติด้านความมั่นคงในเชิงลึกร่วมกับมิติด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อภาครัฐ ในการทบทวนมาตรการความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์

ทั้งนี้ ITD จะนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยชิ้นนี้ เป็นแนวทางในการเสริมสร้างกลยุทธ์การพัฒนาการค้าระหว่างประเทศทางบกด้านเหนือ และด้านตะวันตก สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมถึงการนำองค์ความรู้เหล่านี้ มาพัฒนาเป็นองค์ประกอบของหลักสูตรฝึกอบรมของ ITD ต่อไป

http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413369227
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Army_Vanza
ทหารแว้นซ์เจ้าเก่า
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 594


085-8667807 Truemove


« ตอบ #543 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 21:02:23 »

ว.2 ว.8 เปลี่ยน ..ซู่ๆๆ.....ซ่า.....เลิก ว.
IP : บันทึกการเข้า

--------------------------------------------
085-8667807 TrueMove.
“TumFishing”
"ไม่หล่อ แต่ก็มองไม่เบื่อ"
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,574


I Luke MusiC


« ตอบ #544 เมื่อ: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 19:32:54 »

รับทราบครับ
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #545 เมื่อ: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 10:49:58 »

เปิดม่านงานวัฒนธรรมฯ ลุ่มน้ำโขง “พม่า-จีน-ลาว” ส่งตัวแทนร่วม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   28 พฤศจิกายน 2555


เชียงราย - “พม่า-ลาว-จีน” ส่งตัวแทนร่วมเปิดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขงที่เชียงราย หนุนความร่วมมือกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านลุ่มน้ำโขงตอนบน 4 ประเทศ
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า คืนที่ผ่านมา (27 พ.ย.) เทศบาลนครเชียงรายได้จัดพิธีเปิดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 17 ขึ้น ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนธนาลัย อ.เมือง โดยมีนายวุฒิพันธ์ วิชัยวัฒน์ ประธานกรรมการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เดินทางมาเป็นประธานฯ
       
       ท่ามกลางผู้ทรงคุณวุฒิจากประเทศเพื่อนบ้านลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนที่เข้าร่วมครบครัน คือ นายหลิว หงเจียน รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน, นายอูคินวิน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงตุง, นายต่อง ทิน ทวย ผู้ว่าราชการ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า, นายสิงทอง วิไลสุข รองเจ้าเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว รวมถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปร่วมในพิธีเปิดงานอย่างคับคั่ง
       
       นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย แจ้งถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ด้านการค้า การลงทุน การคมนาคม การท่องเที่ยว การศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน 4 ประเทศ หรือเรียกว่า “โครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ” โดยกำหนดยุทธศาสตร์ภาคเหนือตอนบนร่วมกันโดยมี จ.เชียงรายเป็นประตูสู่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและประเทศจีนตอนใต้
       
       ดังนั้น การจัดงานในครั้งเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและช่วยส่งเสริมพัฒนาความร่วมมือกันในทุกๆ ด้าน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของประชาชนทั้ง 4 ประเทศ ให้คนในท้องถิ่นเห็นคุณค่าและร่วมรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงามของประเทศลุ่มน้ำโขงให้มีการสืบสานอย่างยั่งยืนด้วย
       
       ด้าน นายวุฒิพันธ์ วิชัยวัฒน์ ประธานกรรมการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ประธานในพิธีกล่าวว่า ยินดีและชื่นชมกับเทศบาลนครเชียงราย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือเขต 2 และชาวเชียงราย ที่ร่วมแรงร่วมใจจัดงานในครั้งนี้ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะสร้างความร่วมมือในทุกๆ ด้านกับประเทศเพื่อนบ้าน และร่วมกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของล้านนา และขอให้งานดีๆ เช่นนี้จัดต่อเนื่องทุกๆ ปี ขอให้งานลุล่วงสำเร็จด้วยดี
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในพิธีเปิดทางเทศบาลนครเชียงรายได้มอบโล่ และของที่ระลึกแก่ตัวแทนทั้ง 4 ประเทศ ก่อนที่นายวุฒิพันธ์จะลั่นฆ้องชัยอันเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มงาน
       
       สำหรับงานดังกล่าวจะจัดตั้งแต่คืนวันที่ 27-29 พ.ย. 55 นี้ โดยแต่ละคืนจะมีการแสดงวัฒนธรรมจากทั้ง 4 ชาติ การแสดงดนตรี การจำหน่ายสินค้า 4 ชาติ การประกวดหนูน้อยนพมาศและนางนพมาศประจำปี 2555 การประกวดนางสาวถิ่นไทยงาม ฯลฯ

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000145026
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #546 เมื่อ: วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 10:34:04 »

สองฝั่งโขงติดสะพานเชียงของ-ลาวเริ่มคึก ทุนไทยครองพื้นที่เปิดดิวตี้ฟรี-โรงแรม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   29 พฤศจิกายน 2555


เชียงราย - กลุ่มทุนไทยเฮรับสะพานข้ามโขง 4 ใกล้เปิด เร่งพัฒนาพื้นที่หัวสะพาน 2 ฝั่ง ปั้น “นาคราชนคร” รองรับ เปิดทั้งดิวตี้ฟรี รีสอร์ต โรงแรม ฯลฯ พร้อมดึง SMEs ในกลุ่มเออีซีเข้าเปิดพื้นที่ขายสินค้า รอเส้นทางยุทธศาสตร์สายสำคัญเปิดใช้เต็มรูปแบบ
       
       หลังมีกระแสว่ารัฐบาลจะทำพิธีเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ในวันที่ 12 ธ.ค. 2555 หรือวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 หรือ 12/12/12 โดยจะมีระดับรองนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และ สปป.ลาว ไปร่วมทำพิธีเชื่อมแผ่นดินในวันดังกล่าว ขณะที่การก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 90% แล้วนั้น ในส่วนของภาคเอกชนที่ลงทุนต่างมีการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับสะพานอย่างคึกคัก
       
       อย่างไรก็ตาม ในส่วนของที่ดินฝั่งประเทศไทยพบว่าที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ดินปฏิรูปหรือ ส.ป.ก.4-01 จึงมีเพียงพื้นที่สำหรับโครงการก่อสร้างสะพาน ถนน อาคารด่านพรมแดน ฯลฯ เป็นส่วนใหญ่
       
       ขณะที่ในฝั่งบ้านดอนไข่นก เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีความคึกคักอย่างเต็มที่ด้วยโครงการนาคราชนคร ที่ดำเนินการโดยบริษัท เอเอซี กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นเอกชนไทย ที่กำลังพัฒนาพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ซึ่งได้รับสัมปทานมาจากรัฐบาล สปป.ลาว อย่างคึกคัก จากเดิมมีการพัฒนาพื้นที่ทางการเกษตรและอาคารไม่กี่แห่ง ปรากฏว่าในปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ทางการเกษตร สระน้ำ อาคารรีสอร์ต โรงแรม อาคารสถานที่ต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งเปิดให้เช่าพื้นที่ขายสินค้าเอสเอ็มอีและศูนย์การค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรีแล้ว โดยคนที่อยู่ในฝั่งไทยสามารถมองเห็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความสวยงามแปลกตาได้อย่างชัดเจน
       
       นอกจากนี้ ยังสร้างอาคารสำนักงานและหอประชุมขนาดใหญ่ในฝั่งบ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงแสน ในฝั่งไทยบนเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ไว้คู่กันอีกด้วย
       
       ดร.สิชา สิงห์สมบุญ ประธานบริษัท เอเอซี กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาพื้นที่ขึ้นเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีของประเทศไทย รวมทั้งเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนไทย และทุนในกลุ่มเออีซีได้มีเวทีในการจัดแสดง จำหน่าย พัฒนาสินค้าและบริการ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับโครงการก่อสร้างสะพานฯ พอดี และถนน R3a จากสะพานก็จะตัดผ่านพื้นที่ของโครงการด้วย ซึ่งทางกระทรวงโยธาธิการ และขนส่ง สปป.ลาวได้จัดให้มีประตูจำนวน 8 ช่องเชื่อมเข้าไปสู่โครงการได้ ทำให้ผู้ที่ใช้ถนน R3a เชื่อมไทย-สปป.ลาว-จีน จะต้องผ่านพื้นที่และสามารถแวะเข้าไปใช้บริการตามโครงการพัฒนาได้
       
       ดร.สิชาบอกว่า เดิมโครงการมีการพัฒนาเป็นพื้นที่ทางการเกษตรกว้างขวาง และให้ผลผลิตมากแล้ว เช่น ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งรีสอร์ตห้องพัก แต่ปัจจุบันได้มีการก่อสร้างโรงแรมห้าดาวขนาด 50 ห้อง เมื่อรวมกับรีสอร์ตที่ร่มรื่นและสะดวกสบาย ก็จะมีห้องพักรวมกันประมาณ 70 ห้อง โดยมีชื่อว่า โรงแรมนาคราชปริ้นเซส จะสามารถเปิดให้บริการได้ทันวันที่ 12/12/12 นี้แน่นอน
       
       ส่วนโรงแรมนาคราชแกรนด์ ขนาด 80 ห้อง ซึ่งจะแล้วเสร็จทันกลางปี 2556 ช่วงเวลาที่จะเปิดใช้สะพานฯ เต็มรูปแบบ เพราะเชื่อว่าหลังพิธีเชื่อมแผ่นดินคงยังไม่มีการใช้สะพาน เพราะการก่อสร้างในภาพรวมยังไม่แล้วเสร็จ และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และอื่นๆ ยังไม่ได้เข้าไปประจำการ แต่จะเปิดใช้การราวกลางปี 2556 พอดี
       
       นอกจากนี้ โครงการยังมีการก่อสร้างตลาดการค้าเอสเอ็มดี ศูนย์การค้าปลอดภาษีหรือดิวตี้ฟรี โดยเปิดให้เอกชนเข้าไปจับจองพื้นที่จำหน่ายสินค้า โดยมีนโยบายกระจายสินค้าในทุกระดับหรือทุกเกรด ตั้งแต่สินค้าเกรดสูง กลาง และทั่วไป มีสถานเอนเตอร์เทนเมนต์ ฯลฯ เพื่อให้ผู้คนทุกระดับทุกชาติในเออีซีสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ทั้งการลงทุน การพักผ่อน การจับจ่ายสินค้า การเดินทาง ฯลฯ รวมทั้งมีโซนสำหรับรองรับกิจกรรมขนถ่ายสินค้าชายแดนโดยเฉพาะรถบรรทุกไทย-สปป.ลาว-จีน ที่จะแล่นผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ ก็จะจัดเป็นโซนเฉพาะด้วย
       
       “ตอนนี้กำลังพิจารณาผู้ที่ยื่นความจำนงเข้าไปร่วมลงทุนกับโครงการอยู่ ซึ่งผู้ที่มีความสนใจก็ยังสามารถเข้าไปร่วมลงทุนได้”
       
       สำหรับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 รัฐบาลไทย จีน และ สปป.ลาว ร่วมกันก่อสร้างด้วยงบประมาณ1,486.5 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2553 ถึงกลางปี 2556 เอกชนจีนสร้างตัวสะพานยาว 480 เมตร มีเสาตอม่อ 4 ตอม่อ กว้าง 14.70 เมตร มีสองช่องจราจร ช่องละ 3.50 เมตร และไหล่ทางข้างละ 2 เมตร และทางเท้าข้างละ 1.25 เมตร ส่วนเอกชนไทยก่อสร้างถนนในฝั่งไทย 5 กิโลเมตร และฝั่ง สปป.ลาว 6 กิโลเมตร รวมทั้งอาคารด่านพรมแดนทั้งสองฝั่ง

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000145507
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
maxsion555
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #547 เมื่อ: วันที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 16:53:12 »

ขอให้พัฒนาจริงๆนะจ๊ะ

www.seosystem168.com/

รับทำ SEO | โปรโมทเว็บไซต์ | ทำ SEO  | SEO




www.monster-thailand.com

บิ๊กไบค์ | บิ๊กไบค์ มือสอง | bigbike

IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #548 เมื่อ: วันที่ 03 ธันวาคม 2012, 22:04:00 »

แอสเสท พลัส ทาบ "เทสโก้ โลตัส" อังกฤษ จ่อประเดิมกองอสังหาฯรูปแบบใหม่ "รีทส์" นำสาขาลอนดอนที่ยังกำไรขายผ่านกองทุน ตั้งเป้าระดมหมื่นล้านบาทไปขยายสาขาทั่วโลก  คาดผลตอบแทนเฉพาะจากจากค่าเช่าก็ 6% ต่อปี

เศรษฐีไทยผงาดไล่ซื้ออาคารสำนักงานกลางกรุงลอนดอน ตั้งแต่ 2 พันล้านยันหมื่นล้าน

    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กำหนดเกณฑ์การจัดตั้งในรูปกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts : REITs) หรือ รีทส์ เมื่อวันที่  21 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.49/2555 เรื่อง การออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556  เป็นต้น ซึ่งเพิ่มช่องทางการลงทุนมากขึ้น โดยผ่อนคลายการขายสินทรัพย์ของต่างชาติผ่านกองทุนเพื่อการระดมทุนได้กว้างขวางขึ้น นั้น
    ดร.ก้องเกียรติ  โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมรับเกณฑ์ใหม่ของก.ล.ต.ในเรื่องนี้แล้ว โดยมอบ บลจ.แอสเซท พลัสฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกศึกษาความเป็นไปได้ โดยที่ผ่านมาได้เข้าพบผู้บริหารของเทสโก้ โลตัส อังกฤษ เพื่อนำเสนอแผนการระดมทุนผ่านกองรีทส์ในประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเทสโก้ โลตัสอังกฤษ เวลานี้ประสบปัญหาไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนได้ เพราะสาขาในสหรัฐอเมริกา ที่มีอยู่ประมาณ 60 สาขา มีผลประกอบการขาดทุนเกือบครึ่ง การนำสาขาเทสโก้ โลตัสในลอนดอน ที่ยังทำกำไรได้ดีอยู่ มาเสนอขายในรูปกองรีทส์ เพื่อระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไปในประเทศไทย เป็นทางออกหนึ่ง

    สำหรับขนาดกองทุนเบื้องต้นจะต้องไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) หรือรีเทิร์น เฉพาะจากค่าเช่า ในอัตราประมาณ 6% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้กำไรจากการขายกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินด้วย นอกจากนี้ยังสนใจหาซื้ออาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ มูลค่าประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท เพื่อมาจัดตั้งกองทุนรีทส์ มาเสนอนักลงทุนไทยด้วย
    ทั้งนี้ หากผลศึกษาความเป็นไปได้เสร็จเร็ว  การเสนอขายสาขาเทสโก้อาจเป็นการประเดิมรายแรกของการระดมทุนผ่านกองรีทส์ ซึ่งเป็นกองทุนรูปแบบใหม่
    ดร.ก้องเกียรติกล่าวอีกว่า  ข้อดีการนำเสนอในรูปกองรีทส์ ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการกู้ด้วย โดยที่ผ่านมามีลูกค้าเศรษฐีรายใหญ่ ได้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพาณิชย์ ในลอนดอนแล้ว ราคาแห่งละ 2-3 พันล้านบาท จนถึง 1 หมื่นล้านบาท  บางรายกู้ 40% และใช้เงินลงทุนเองประมาณ 60% โดยเป็นการกู้ในรูปสกุลเงินปอนด์ ซึ่งดอกเบี้ยถูกกว่าในประเทศไทย ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มนักลงทุนทั่วไป ที่จะกระจายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นด้วย
    ด้านนางสาวลดาวรรณ  เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวเสริมว่า หลังจากที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ขยับเพดานเงินลงทุนในต่างประเทศโดยไม่จำกัดแล้วนั้น บริษัทเห็นโอกาสสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ที่มีเงินพร้อมลงทุนในรูปกองทุนส่วนบุคคล จึงเตรียมแผนออกกองทุนส่วนบุคคล เพื่อลงทุนในสาขาของเทสโก้โลตัสก่อน คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 2556 ขนาดกองทุนนั้นก็เช่นกันคงไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ขึ้นไป เพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ประมาณ 5-6% ต่อปี ไม่รวมกำไรจากการขายกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ ซึ่งมีโอกาสทั้งการซื้อขาดและสิทธิการเช่า ซึ่งมีอายุยาวถึงกว่า 100  ปี

    อย่างไรก็ตามกองทุนส่วนบุคคลนั้น ถือว่าแตกต่างจากกองทุนรวม เนื่องจากจะสามารถเลือกสินทรัพย์ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในดัชนีอ้างอิงอีทีเอฟ ยิ่งทำให้การเข้าถึงรายละเอียดของสินทรัพย์การลงทุนที่กว้าง และอาจจะไม่ตรงกับความต้องการ หรือความเสี่ยงที่ลูกค้ารับก็เป็นได้ และที่สำคัญภายใต้กลยุทธ์ ของบลจ.แอสเซส พลัสฯ ต้องการเจาะฐานลูกค้ารายใหญ่ที่เป็น ไฮเน็ตเวิร์ธ   จึงต้องแสวงหาสินทรัพย์ใหม่ ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้าที่ไม่เหมือนกองทุนรวมด้วย

    ด้าน น.พ.เฉลิม  หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกเชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ภายใต้แบรนด์ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เผยเบื้องต้นบริษัทสนใจระดมทุน โดยการนำโรงพยาบาลมาจัดตั้งในรูปแบบกองรีทส์ เมื่อก.ล.ต.ประกาศเกณฑ์ออกมาแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างศึกษา เพื่อเปรียบเทียบต้นทุนจากการระดมทุนรูปแบบอื่น ๆ เนื่องจากบริษัทยังมีแผนสร้างโรงพยาบาลเพิ่ม ตามแผนการลงทุนในปี 2556 ที่จะสรุปต้นเดือนธันวาคมนี้ แต่เบื้องต้นคาดจะลงทุนประมาณ 4.5-4.6 พันล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนขยายสาขาที่รามคำแหง พัทยา และที่เชียงราย เป็นต้น
    นายทอมมี่  เตชะอุบล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน บลจ.เอ็มเอฟซีฯ กล่าวว่า ตามที่ยุโรปและสหรัฐฯมีปัญหาเศรษฐกิจ เป็นโอกาสการลงทุนของบริษัทที่จะนำสินทรัพย์ต่างประเทศมาจัดตั้งกองทุนในรูปกองรีทส์ โดยอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปที่น่าสนใจ มีทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และคลังสินค้าในอังกฤษ ยุโรป และอเมริกา ที่สนใจเนื่องจากราคาปรับลงต่ำแล้ว และส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ยังมีรายได้จากค่าเช่าอยู่ แต่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และหากเข้าไปดูถึงลูกค้าที่เช่า ก็ยังมีอยู่เกือบ 100% แต่ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์ด้านราคา ที่ปรับลดลง 30-40% จากเดิม อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อประเมินมูลค่าสินทรัพย์ (Due Diligence) ประมาณ 2-3 แห่ง
    เบื้องต้นคาดจะมีเงินปันผลตอบแทนจากรายได้ค่าเช่าที่ยังมีอยู่ หากแปลงเป็นรูปเงินบาทแล้วไม่น้อยกว่า 6-7% ต่อปี โดยที่ยังไม่รวมโอกาสทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่แนวโน้มค่าเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าในระยะยาว และที่สำคัญที่สุดคือ กำไรจากส่วนต่างราคาสินทรัพย์หากมีการขาย แต่จะเหมาะกับลูกค้าที่สนใจลงทุนยาวไม่น้อยกว่า 5 ปี
    เช่นเดียวกันนางชวินดา  หาญรัตนกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.กรุงไทยฯ กล่าวว่า กองรีทส์เปิดโอกาสให้มีสินทรัพย์ที่น่าสนใจ นำมาจัดตั้งเพื่อระดมทุน ได้กว้างกว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ อาทิ โรงพยาบาล สนามกอล์ฟ อาคารจอดรถ โรงเรียน แม้กระทั่งสินทรัพย์ที่มีรายได้ไม่แน่นอน อาทิ ร้านค้าที่มีแฟรนไชส์ เช่น ร้านซักรีดมีหลายสาขา โรงงานยาและวิจัยยา สนามกอล์ฟ เป็นต้น
    แต่สิ่งน่าสนใจสำหรับกองรีทส์คือ สามารถลงทุนในต่างประเทศได้ ทำให้กองทุนน่าสนใจเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ ที่แตกต่างจากในประเทศ เป็นการกระจายความเสี่ยง และรวมถึงการถือค่าเงินในสกุลต่างประเทศด้วย ซึ่งยิ่งควรเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,796 วันที่  2- 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #549 เมื่อ: วันที่ 07 ธันวาคม 2012, 00:03:25 »

ไทย-ลาว-จีนเตรียมร่วมพิธีเทคอนกรีตสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555




วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ในสัปดาห์หน้า มีกำหนดการด้านการต่างประเทศ ที่สำคัญ ได้แก่ รมว.ต่างประเทศของไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมด้วยผู้แทนของสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นประธานร่วมในพิธีเทคอนกรีตในโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ที่จ.เชียงราย ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เวลา 12.12 น. อีกทั้งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมาธิการความร่วมมือ(เจซี) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 ที่จ.ภูเก็ต ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้โดยนายสุรพงษ์ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่นายอะนิฟาห์ อามาน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย และคณะ ในค่ำวันที่ 14 ธ.ค. ก่อนจะร่วมการประชุมเจซีฯในวันที่ 15 ธ.ค.
 
http://www.dailynews.co.th/politics/171030
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #550 เมื่อ: วันที่ 07 ธันวาคม 2012, 08:59:19 »



http://www.thairath.co.th/content/eco/311393
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #551 เมื่อ: วันที่ 08 ธันวาคม 2012, 22:26:03 »

‘เชียงราย’เนรมิต นครแห่งดอกไม้ ต้อนรับฤดูหนาว
วันเสาร์ ที่ 08 ธันวาคม พ.ศ. 2555, 06.00 น.
tags : เชียงราย, เนรมิต, นครแห่งดอกไม้, ต้อนรับฤดูหนาว,
 

นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยนางรัตนา จงสุทธนามณี นายกสมาคมกีฬา จ.เชียงราย และที่ปรึกษาเทศบาลนคร (ทน.) เชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานนครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งามและงานดนตรีในสวน ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนธ.ค.2555 ถึงเดือนก.พ. 2556 โดยได้มีการนำคณะนักเรียนของเทศบาล 6 นครเชียงราย กว่า 50 ชีวิต มาโชว์การแสดงวัฒนธรรมของล้านนากว่า 5 ชุด และขับกล่อมบทเพลงประกอบงานโดยศิลปินชื่อดังวงพิ้งค์แพนเตอร์อย่างอลังการ

นายวันชัยกล่าวว่า เชียงรายเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวและวิถีวัฒนธรรมตลอดชีวิตชนเผ่ามากมาย มีบรรยากาศที่หนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในเดือนพ.ย.-ก.พ. ของทุกปี ทำให้เหมาะแก่การเพาะปลูกดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิด ทางเทศบาลฯจึงกำหนดให้มีการเปิดฤดูกาล “นครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม” ในวันที่ 14 ธ.ค. 2555 ที่จะถึงนี้ และจะทำพิธีเปิดงานดนตรีในสวนในวันที่ 15 ธ.ค. 2555

นายวันชัย กล่าวด้วยว่า ฤดูกาลท่องเที่ยวทางเทศบาลได้มีการนำดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธ์ อาทิ ดอกทิวลิปดอกลิลลี่ ดอกพูทูเนีย บลูฮาวาย ฯลฯ มาประดับเมือง โดยเฉพาะบริเวณสวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย ถนนธนาลัย ใจกลางตัวเมืองเชียงราย มีการจัดสวนหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก มีการแสดงแสงสีเสียงจากคณะนักเรียน กลุ่มชาติพันธ์ ศิลปินต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย

 
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #552 เมื่อ: วันที่ 10 ธันวาคม 2012, 18:44:38 »

สะพานข้ามโขง วันที่ 10 ธ.ค.55

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #553 เมื่อ: วันที่ 10 ธันวาคม 2012, 22:39:40 »

BCH เร่งสร้าง รพ.เพิ่มเสริมทัพ รองรับลูกค้าหลังเปิดประตู AEC



 บางกอก เชน ฮอสปิทอล เร่งสร้างโรงพยาบาลในเชียงรายเพิ่มอีกหลายแห่ง เชื่อหลังสะพานข้ามโขงแห่งที่  4   แล้วเสร็จ  ปริมาณนักท่องเที่ยวผ่านเส้นทางนี้หนาแน่นขึ้น  หนุนบริการคึกขานรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน พร้อมทุ่ม 1 พันล้านสร้างโรงพยาบาลย่านรามคำแหง  คาดเปิดให้บริการได้ปี 58   เผยโรงพยาบาลแห่งใหม่หนุนกำไรให้บริษัท มั่นใจปีนี้รายได้โต 10% หรือ 4,400 ล้านบาท  จากปี 54  ที่ทำรายได้ไว้ 3.9 พันล้านบาท 
       
           นายแพทย์เฉลิม    หาญพาณิชย์   ประธานกรรมการ   บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ  BCH   เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายงาน ด้วยการจะลุยสร้างโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง  คือ โรงพยาบาลศูนย์แพทย์เฉพาะในอำเภอเมืองเชียงราย  บนพื้นที่  26 ไร่  ขนาด 250-300  เตียง ใช้ทุนประมาณ  120 ล้านบาท  และที่แม่สายเป็นโรงพยาบาลขนาด  30 เตียง  งบลงทุนไม่น่าจะเกิน 5-6  ล้านบาท หรือเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกิน  10 ล้านบาท    คาดเริ่มดำเนินการได้ในปี  56  
       
           นอกจากนี้ ยังมีที่ดินที่อำเภอเชียงของอีก  5 ไร่กว่า  จะสร้างเป็น  poly  doctor  clinic  และที่เชียงแสนก็เช่นเดียวกันใช้งบแห่งละไม่สูงมากนัก   โดยการสร้างโรงพยาบาลในเชียงรายเพราะหวังให้ผู้ป่วยรอบนอกได้รับการรักษาที่ดี และเชียงรายเป็นเหมือนหน้าด่านที่รองรับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจากประเทศใกล้เคียง  ที่สำคัญ หากเกินกำลังจะรักษาก็ส่งมาให้แก่โรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ครบครันในตัวเมืองได้ เป็นการให้บริการทางการแพทย์ลักษณะเชนการให้บริการของบริษัท 
       
          “การที่เราไปเน้นเชียงราย  ส่วนหนึ่งเพราะเรามีที่ดินซื้อไว้หลายแห่ง และเราต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยว และต้อนรับประชาคมอาเซียน หรือ AEC  ที่จะมีขึ้น  เราก็ต้องมีบริการด้านการแพทย์ที่ดีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว หรือนักลงทุนที่จะเข้ามาในอนาคต  และการให้บริการของเราครบวงจรและมีแพทย์ดูแลในทุกโรค แม้ในส่วนที่เป็นคลินิกแต่เราก็จะมีแพทย์ดูแลครบ ถือเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วยในจังหวัดนั้นครับ”   
       
           เนื่องจากขณะนี้สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่  4  จะแล้วเสร็จ รวมทั้งถนนสาย  R3A  ที่สร้างแล้วเสร็จ  ทำให้การเดินทางเชื่อมโยงระหว่างไทย  จีน และลาว   สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น  ส่งผลให้การค้าชายแดน หรือแม้แต่การเดินทางท่องเที่ยวก็จะมีมากขึ้นด้วย   และนั่นก็หมายถึงหากมีการเจ็บป่วย หรือต้องการรักษาแบบเร่งด่วนผู้ป่วยสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้สุดได้อย่างไม่ลำบาก หรืออีกนัยหนึ่งคือ BCH  หวังจะมีศูนย์กลางทางการแพทย์ในเขตภาคเหนือให้ครอบคลุม
       
        นอกจากนี้ BCH  ยังมีที่ดินรองรับการก่อสร้างโรงพยาบาลอีกแห่งบนถนนรามคำแหง คาดเป็นโรงพยาบาลขนาด  250-300 เตียง และใช้เงินทุนประมาณ  1  พันล้านบาท   ขณะนี้อยู่ระหว่างทำเรื่องเอกสารขอ EIA  หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม  หากทุกอย่างผ่านความเห็นชอบบริษัทก็จะก่อสร้าง และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ต้นปี  58 
       
        “จากนั้นเราก็จะไปสร้างที่พัทยาอีกแห่งครับเพราะเรามีที่ดินเตรียมไว้แล้ว และอาจต้องหาซื้อที่ดินข้างๆ เพิ่มอีกเพื่อขยายพื้นที่โรงพยาบาล  เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และหลังการเปิดครับ  แต่โครงการนี้คงเป็นรอบต่อไป  ตอนนี้เราต้องให้ที่รามคำแหงสร้างแล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการก่อน จากนั้นค่อยว่ากันตามสเต็ป แต่ที่แน่ๆ ที่เชียงรายต้องดำเนินการได้ก่อนรามคำแหงครับ   แต่ขนาดของโรงพยาบาลในเขตเมืองต้องลงทุนพอสมควร ยังประเมินที่พัทยาไม่ได้ครับ”   
       
            นายแพทย์เฉลิมกล่าวถึงการซื้อโรงพยาลบาล  เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์  (WMC) มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท  เป็นโรงพยาบาลขนาด 324 เตียง  ที่ถนนแจ้งวัฒนะ  หวังจะใช้การขยายการบริการเข้าสู่กลุ่มลูกค้าตลาดระดับบน  อันจะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และจะเปิดให้บริการปลายปี 55 หรือต้นปี  56  เป็นอย่างช้า  คาดเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุนใน 6 ปีครึ่้ง   
       
           “เราจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของเราประมาณ  1,800  ล้านบาท และกู้ในส่วนที่เหลือ    เราไม่อยากกู้มากเพราะทุนเราเพียงพอ  และถึงจะกู้สัดส่วนของอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO ) ของเราก็ต่ำมาก ประมาณ  0.4  เท่า  ส่วนการลงทุนโรงพยาบาลขนาดเตียงไม่มาก เราก็ใช้ทุนของเราดีกว่าครับ” 
       
            สำหรับการที่ BCH  เข้าซื้อลงทุนในโรงพยาบาลเขตเมืองใหญ่ๆ นั้น เป็นกลยุทธ์ที่ต้องการจับกลุ่มลูกค้าในแต่ละระดับ กล่าวคือ เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์  และเกษมราษฎร์ เน้นลูกค้าระดับบน  ส่วนศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและโพลีคลินิกต่างๆ นั้นจะเน้นลูกค้าระดับกลาง และทั่วไปที่ต้องการเข้าใช้บริการได้เพื่อเป็นการบริการคนไข้ได้อย่างทั่วถึง และเป็นการกระจายความเสี่ยงในด้านการรับรู้รายได้ให้แก่บริษัทด้วย
       
           นอกจากนี้   บริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้เพื่อให้โตต่อเนื่องตามเป้าหมาย และอีกหนึ่งทางคือ หลังจากที่บริษัทยกเลิกการหนุนโครงการ  30 บาทรักษาทุกโรคไปเมื่อปี 53  พบว่ารายได้บางส่วนหายไป แต่เมื่อปี  54   BCH  ก็ได้กลับมาให้บริการนี้   ส่งผลให้ตัวเลขรายได้จากส่วนนี้เข้ามาหนุนอีกทาง ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้ต่อเนื่องตามแผน   ซึ่งจากผลงานปี 54  บริษัททำรายได้รวมไว้ที่ 3,991.44  ล้านบาท
       
           โดยปีนี้  BCH ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10%  หรือ 4,400 ล้านบาท    ซึ่งจากผลงานสองไตรมาสแรกที่ประกาศออกมานั้น ก็เป็นที่พอใจของผู้บริหาร   พร้อมยืนยันว่า ผลงานไตรมาส 3 ที่กำลังจะประกาศออกมานี้ก็ยังโตได้ต่อเนื่อง 
       
           สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส  3 ปีนี้พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ  238.74 ล้านบาท   ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 194.86 ล้านบาท  43.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  22.51%   โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย และภาษี เป็นเงิน 357.8 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสที่ 3/2554 มีกำไรจากส่วนนี้  327.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น30.1 ล้านบาท หรือ 9.2% 
       
           โดยงวดนี้บริษัทมีรายได้รวม  1,158.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 เป็นเงิน 47.3 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากผู้ป่วยเงินสดเพิ่มขึ้น 43.8 ล้านบาท หรือ 5.7  % รายได้จากกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น28.9 ล้านบาท หรือ  10.2% รายได้จากกองทุนประกันสุขภาพถ้วนหน้าลดลง 20.9 ล้านบาท หรือ  60.3%  และรายได้อื่นลดลง 4.5 ล้านบาท หรือ  22.2% ขณะมีค่าใช้จ่ายรวมงวดนี้   803.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 เป็นเงิน 14.6 ล้านบาท คิดเป็น  1.8%
       
       นายแพทย์เฉลิม   กล่าวถึงผลงานปี 56 ว่าจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20%  เนื่องจากโรงพยาบาลสาขาเดิมทั้ง 6 แห่ง มีการเติบโต ซึ่งทำให้รายได้เติบโต 10% และรับรู้รายได้จากเปิดให้บริการโรงพยาบาลเวิล์ดเมดิคอลเซ็นเตอร์  ในเดือนมกราคม ซึ่งปีแรกจะสร้างรายได้ 600-700 ล้านบาท  ส่วนกำไรสุทธิปีหน้าคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าปี 2555 แม้บริษัทจะมีการบันทึกค่าเสื่อมจากลงทุนโรงพยาบาลเวิล์ดเมดิคอลเซ็นเตอร์เข้ามาก็ตาม 
       
 http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000149988
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #554 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2012, 00:33:34 »

12/12/12เชื่อมสะพานข้ามโขง 4 ต่อยอดขนส่งไทย-ลาว-จีน
วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2012 เวลา 19:08


วันนี้(12 ธ.ค.) นายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรวงการต่างประเทศ ดร.ทองพูน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชนลาว(สปป.ลาว)

ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเทคอนกรีตเชื่อมสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 ณ บ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสมมาตร พลเสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธิการและขนส่ง สปป.ลาว นายหลี เป่ย รองผู้ว่าการมณฑลยูนาน ประเทศจีน เข้าร่วม โดยเทคอนกรีตชุดสุดท้ายบริเวณกลางสะพานในเวลาประมาณ 12.12 น. ซึ่งตรงกับวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012

 นายสุรพงศ์ กล่าวว่า สะพานแห่งนี้เชื่อมกลุ่มอาเซียนเข้าด้วยกัน และรัฐบาลก็มีนโยบายการเชื่อมโยงโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง หลังจากที่ผ่านมาก็มีสะพานไทย-สปป.ลาว แล้วหลายแห่ง โดยแห่งนี้ถือเป็นแห่งที่ 4 ซึ่งถือเอาฤกษ์ 12/12/12 ในการเทคอนกรีตเชื่อมแผ่นดิน จากนั้นคาดว่าภายในเดือนเมษายน 2556 จะสร้างเสร็จ ได้ ซึ่งจะทำให้มูลค่าการค้าที่สูงอยู่แล้วมีมากขึ้นไปอีก โดยตนจะรวบรวมตัวเลขการค้าสิ้นปีนี้ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับปีหน้าหลังสะพานก่อสร้างเสร็จ ซึ่งการประชุมระดับรัฐบาลกับสปป.ลาว ราวเดือนมีนาคมปีหน้า จะได้หารือกันในรายละเอียดเรื่องนี้
         
 "ผลจากการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ทำให้ที่ดินใกล้เคียงพุ่งสูงขึ้น บางแห่งซื้อ-ขายกันไร่ละกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนเมืองชายแดนเชียงของในอนาคต คาดว่าจะคึกคักใกล้เคียงกับชายแดนไทย-พม่า ด้านอ.แม่สาย ซึ่งคนในพื้นที่มีความพร้อม เพราะคุ้นเคยกับด่านแม่สายอยู่แล้ว"
         
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า สะพานแห่งนี้เชื่อมถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ซึ่งที่เชียงราย ยังมีถนนอาร์สามบีไทย-พม่า-จีนตอนใต้ ผ่านทางอ.แม่สาย ทั้งสองเส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯ-คุนหมิง มณฑลยูนาน ระยะทางประมาณ 1,800 กิโลเมตร คาดว่าเมื่อเชื่อมสะพานแล้วจะเปิดใช้งานได้ทันเดือนเมษายนปีหน้าแน่นอน จากนั้นจะเปิดให้เดินรถบรรทุกสินค้า ขณะเดียวกันทางกระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมที่ดินเอาไว้ใกล้สะพานประมาณ 200 ไร่ และใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาทสร้างศูนย์กระจายสินค้า เพราะตามปกติจะมีรถบรรทุกสินค้าไทย-จีนเป็นจำนวนมาก ถ้ารถบรรทุกของจีนสามารถเปลี่ยนถ่ายสินค้าในฝั่งไทยได้ จะลดปัญหาสภาพรถและการจราจรที่ต่างกันได้
         

http://www.thanonline.com
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #555 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2012, 01:42:17 »

คมนาคมจ่อถกแก้ปมสินค้าผ่านลาว-พม่าไปจีน เหตุเจอภาษี 2 ต่อ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   13 ธันวาคม 2555 00:50 น.   

   


       “ชัชชาติ” เตรียมหารือ รมต.ลาว และพม่าแก้ปัญหาขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่าน 2 ประเทศไปจีน เหตุถูกคิดภาษี 2 ครั้ง ชี้ทำให้ยุ่งยากและต้นทุนเพิ่ม พร้อมสั่งศึกษาสร้างมอเตอร์เวย์เชียงราย-เชียงใหม่ เร่งรถไฟเด่นชัย-เชียงราย รองรับสินค้าและนักท่องเที่ยวเพิ่มหลังเปิดสะพานมิตรภาพ 4 และท่าเรือเชียงแสน 2
       
       เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 กรมทางหลวงของไทยและลาวได้ทำพิธีเทคอนกรีตจุดเชื่อมสะพานมิตรภาพ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) พร้อมกันนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ทำพิธีเปิดท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนอย่างเป็นทางการเพื่อรองรับการค้าสามเหลี่ยมเศรษฐกิจแและเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ของ AEC เพราะสามารถเชื่อมพม่า ลาว จีน โดยจากคุนหมิง-กทม.ระยะทาง 1,800 กิโลเมตรจึงเป็นเส้นทางที่จีนให้ความสำคัญมาก แต่จะต้องเจรจาเรื่องการขนส่งสินค้าข้ามแดนจากไทยผ่านลาวไปจีนที่ยังต้องเสียภาษีขาเข้าและขาออกที่ลาวรวม 2 ครั้ง ทำให้เกิดความยุ่งยากและมีต้นทุนเพิ่ม
       
       “วันที่ 14 ธ.ค.นี้จะเดินทางไปพม่า จะหารือกับรัฐมนตรีพม่าในเรื่องใช้ด่านแม่สายเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องนำรถเทรลเลอร์วิ่งข้ามไปไม่ได้ รวมถึงเรื่องการขนส่งสินค้าข้ามไปพม่าผ่านไปยังประเทศที่ 3 และจะคุยกับ รมต.คมนาคมลาวที่จะเดินทางมาไทยวันที่ 20 ธ.ค.นี้ในเรื่องเดียวกันด้วย เพราะลาวมองว่าสินค้าที่ผ่านไปจีนเป็นการนำเข้าของลาวก่อน” นายชัชชาติกล่าว
       
       ทั้งนี้ สะพานมิตรภาพ 4 จะเปิดใช้อย่างไม่เป็นทางการได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 56 ซึ่งการขนส่งสินค้าสะดวกและมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้เรือข้ามฟากโดยมีรถเทรลเลอร์ประมาณ 50-80 คันต่อวัน โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะเร่งดำเนินการก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายพื้นที่ 200 ไร่ วงเงิน 1,200 ล้านบาทเพื่อรองรับด้วย นอกจากนี้ หอการค้าและเอกชนในพื้นที่ได้เสนอให้ทำถนนเลี่ยงเมืองเพื่อแก้ปัญหาจราจรในเขตเมือง รวมถึงเร่งขยายถนนเป็น 4 ช่องจรจรเชื่อมเชียงของ-เชียงราย, เชียงราย-พะเยา
       
       อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการขนส่งทั้งทางบก, น้ำ และอากาศ ซึ่งจะต้องมีการลงทุนขยายความสามารถของท่าอากาศยานเชียงรายซึ่งปัจจุบันมี 20 เที่ยวบิน/วัน เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก 1 ล้านคนต่อปีเป็น 1.7 ล้านคนต่อปี เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟสายเด่นชัย-เชียงรายให้แล้วเสร็จในปี 60, ศึกษาความเหมาะสมเพื่อก่อสร้างทางด่วนหนือมอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงราย-เชียงใหม่ ระยะทาง 150 กิโลเมตร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รับผิดชอบ เป็นต้น
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #556 เมื่อ: วันที่ 13 ธันวาคม 2012, 17:07:36 »

ทล.เร่ง4เลนกว่า10เส้นทาง

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2012 เวลา 18:01 น.    กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ    อสังหา REAL
กรมทางหลวงเร่งถนนกว่า 10 เส้นทางขนาด 4 เลนเชื่อมโยงภาคเหนือรับเปิดท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน - สะพานข้ามโขงแห่งที่ 4 หวังเชื่อมสู่คุนหมิงของจีนผ่านสปป.ลาว  จ่อประกวดราคาปี 2556

ช่วงเชียงแสน-เชียงราย เตรียมเสนอตั้งงบปี 2557 กว่า 1,800 ล้านบาท สร้างถนนเชื่อมโยงสปป.ลาวผ่านเส้นทางเชียงราย- ขุนตาล-เชียงของ
ชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ    นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าได้เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างถนนที่จะเชื่อมโยงและรองรับการเปิดให้บริการท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน และสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4  ให้เป็นขนาด 4 เลนในหลายเส้นทาง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงในพื้นที่ภาคเหนือและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ตลอดจนเมืองคุนหมิงของสาธารณรัฐประชาชนจีนตอนใต้ที่ปัจจุบันมีเส้นทาง R3A - R3B ผ่านไปยังเมืองสำคัญๆ ตอนใต้ของจีนเปิดให้บริการแล้ว พร้อมกันนี้ทล.ยังเดินหน้าการพัฒนาถนนเมนหลักในแต่ละเส้นทางโดยจะหาจุดพักรถเพิ่มขึ้นซึ่งปี 2558 จะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่นำร่อง 4 ศูนย์คือ 1.ขุนตาล จ.ลำปาง 2.ชัยนาท 3.ลำตะคอง จ.นครราชสีมา และ 4.เขาโพธิ์ จ.ชุมพร
    โดยเส้นทางหลักๆ ประกอบด้วย 1.เส้นทางพหลโยธิน-เชียงราย-แม่สายที่ปัจจุบันปรับเป็น 4 เลนหมดแล้ว 2.เส้นทางแม่สาย-เชียงแสน-เชียงของ ปัจจุบันขนาด 4 เลนถึงเฉพาะช่วงเชียงแสน ส่วนช่วงเชียงแสน-เชียงของอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และบางช่วงจะประกวดราคาปีหน้า  3.เส้นทางเชียงราย-ขุนตาล-เชียงของ เพื่อรับสปป.ลาว ซึ่งบางช่วงดำเนินการไปแล้ว จากระยะทางทั้งสิ้น 72 กิโลเมตร ปัจจุบันก่อสร้างไปแล้ว 20 กิโลเมตร ดังนั้นส่วนที่เหลืออีกประมาณ 52 กิโลเมตร จะตั้งงบประมาณปี 2557 จำนวน 1,800 ล้านบาทดำเนินการต่อไป
    สำหรับถนนเส้นทางต่างๆในพื้นที่ภาคเหนือที่กรมทางหลวงดำเนินการไปแล้วและเส้นทางที่อยู่ระหว่างการเร่งผลักดันประกอบด้วย 1. เส้นทาง 1290 อ.แม่สาย-อ.เชียงแสน ส่วนที่ 1 ระยะทาง 30.46 กม. มูลค่าโครงการ 598 ล้านบาท ผลงาน 100% 2. เส้นทาง 1290 อ.แม่สาย-อ.เชียงแสน ส่วนที่ 2 ระยะทาง 8.90 กม. มูลค่า 300 ล้านบาท ผลงาน 100%  3. เส้นทาง 1016 อ.แม่จัน-อ.เชียงแสน(รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน) ส่วนที่ 2 ระยะทาง 16.40 กม. ค่างาน 630 ล้านบาท ผลงาน 100% 4.เส้นทาง 1020 เชียงราย-เชียงของ ตอน 2 ระยะทาง 18.9 กม.มูลค่า 663 ล้านบาท ผลงาน 100%
5. เส้นทาง 1016 อ.แม่จัน-อ.เชียงแสน(รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน) ส่วนที่ 2 ระยะทาง 16.40 กม.มูลค่า 540 ล้านบาท ผลงาน 71.36%  6.เส้นทาง 1129 เชียงแสน-เชียงของ ตอน 1 ระยะทาง 10 กม. มูลค่า 300 ล้านบาท อยู่ระหว่าง    การหาตัวผู้รับจ้าง 7.สะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ มูลค่า 1,432 ล้านบาท ผลงาน 61.60% โดยได้อนุมัติให้ขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน คาดว่าแล้วเสร็จเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน 2556
    โครงการที่เตรียมของบประมาณดำเนินการปี 2557 ประกอบด้วย 1.เส้นทาง 1152 และ 1020 เชียงราย-เชียงของ ตอน 3 ระยะทาง 25 กม.มูลค่า 1,300 ล้านบาท 2.เส้นทาง 1129 อ.เชียงแสน-อ.เชียงของ ตอน 2 ระยะทาง 43 กม. มูลค่า 1,200 ล้านบาท .3เส้นทาง 1152 เชียงราย-ขุนตาล ตอน 1 ระยะทาง 24 กม.มูลค่า 1,000 ล้านบาท  4.เส้นทาง 1152 เชียงราย-ขุนตาล ตอน 2 ระยะทาง 24.3 กม. มูลค่า 800 ล้านบาท 5.ทางเลี่ยงเมืองเชียงราย ระยะทาง 28 กม.มูลค่า 1,200 ล้านบาท  6.ทางเลี่ยงเมืองเชียงของ ระยะทาง 6 กม. มูลค่า 350 ล้านบาท
    7.เส้นทาง 1155 แยก ทล.1021-บรรจบ ทล.1020 ระยะทาง 75.26 กม.มูลค่า 380 ล้านบาท 8.เส้นทาง 1020 อ.เทิง-บ้านต้าตลาด ระยะทาง 25 กม. มูลค่า 850 ล้านบาท 9.เส้นทาง 1093 กม.12+000-กม.29+000 ระยะทาง 49.29 กม.มูลค่า 250 ล้านบาท 10.เส้นทาง 1098 ทล.1016-บรรจบทล.1174 ระยะทาง 55.01 กม.มูลค่า 280 ล้านบาท
    โครงการที่อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ ประกอบด้วย 1.ทางเลี่ยงเมืองเชียงราย ระยะทาง 28 กม. มูลค่า 900 ล้านบาท เสนองบปี 2555 สำรวจออกแบบเดือนมิถุนายน 2554 - มิถุนายน 2555 2.เส้นทาง 1021 ตอนเทิง - ดอกคำใต้ ตอน 1 เดือนมิถุนายน 2554-มิถุนายน 2555 และ 3.เส้นทาง 1021 ตอนเทิง-ดอกคำใต้ ตอน 2 เดือนมิถุนายน 2554-มิถุนายน 2555

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,800 วันที่  13-15  ธันวาคม พ.ศ. 2555
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
pscr1
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 52


« ตอบ #557 เมื่อ: วันที่ 14 ธันวาคม 2012, 19:59:14 »

เวนคืนที่ดิน อ.เชียงแสน อ.ดอยหลวง สร้างถนน ขยายถนน ติดตามลิงค์
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/A/119/34.PDF
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #558 เมื่อ: วันที่ 16 ธันวาคม 2012, 08:49:13 »

วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8053 ข่าวสดรายวัน


สะพานมิตรภาพแห่งที่4 ถือฤกษ์ดี 12-12-12

คอลัมน์ ข่าวสดอาเซียน
จันท์เกษม รุณภัย รายงาน



การเตรียมการก่อนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มีความสำคัญยิ่ง คือการเชื่อมช่องทางการติดต่อระหว่างผู้คนเข้าด้วยกัน

ล่าสุดมีความคืบหน้าสำคัญคือโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ แห่งที่ 4 ระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไปจรดกับผืนดินอีกฟากโขงของห้วยทราย เมืองเอกแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิป ไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ใกล้สำเร็จเป็นรูปธรรม มีความคืบหน้าการก่อสร้างไปกว่าร้อยละ 70 คาดว่าจะเปิดใช้ได้ภายในเดือนมิ.ย.2556



เป็นที่มาของพิธี "เทคอนกรีต" โดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เดินทางไปเป็นประธานร่วมกับนายทองลุน สีสุลิด รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศสปป.ลาว พร้อมด้วยรมว.คมนาคม บรรดาเอกอัครราชทูต ผู้แทนจากจีนและอินโดนีเซีย รวมทั้งประชาชนคนไทยและลาวเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง



ไฮไลต์ของพิธีนี้ ถือเอาตัวเลขเก๋ไก๋ 12/12/12 เป็นฤกษ์ชัย คือ วันที่ 12 เดือน 12 ปีค.ศ.2012 พร้อมคณะครูอาจารย์ นักเรียนและวงโยธวาทิตจากโรงเรียนอนุบาลเชียงของ ร่วมจัดการแสดงและกล่าวต้อนรับ 4 ภาษา (ไทย อังกฤษ ลาว และจีน) แก่ผู้มาเยือนเป็นสีสันประทับใจ ก่อนนับถอยหลังและกดเครื่องเทคอนกรีตลงไปในเวลา 12.12 น. ปล่อยลูกโป่งสวรรค์และโคมลอย ปลิวขึ้นท้องฟ้าใสล่องลอยไปกับสายลมหนาวเป็นสิริมงคลส่งท้ายปี2555



สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 นี้ มีความยาว 1.2 กิโลเมตร กว้าง 14.7 เมตร เป็นแบบ 2 ช่องการจราจร (ไป-กลับ) แยกมาจากทางหลวงหมายเลข 1020 ในอ.เชียงของ ทอดตัวยาวข้ามลำน้ำโขงระหว่างไทย-ลาว ไปเชื่อมต่อตามแนวถนนหมายเลข "อาร์ 3" ในสปป.ลาว ยาวไปถึงคุนหมิง เมืองเอกมณฑลยูนนานของจีน เป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ภายใต้ กรอบความร่วมมือภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ จีเอ็มเอส ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือ 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว และจีน ใช้งบราว 47.35 ล้านดอลลาร์ (1,600 ล้านบาท)



ฝ่ายไทยและจีนตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกันฝ่ายละร้อยละ 50 โดยไทยเป็นผู้ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียด ส่วนผู้รับจ้างก่อสร้าง คือกิจการร่วมค้า "ซีอาร์ 5 -เคที" ระหว่างบริษัทกรุงธน เอนจิเนียร์ส จำกัด และกลุ่มบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 5 จำกัด มีที่ปรึกษาควบคุมงานจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ เอเชียน เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนต์ส จำกัด ของไทย บริษัทเซี่ยน ฝางโจว คอนซัลติ้ง จำกัด ของจีน และบริษัทลาวทรานสปอร์ต เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแตนต์ของลาว เริ่มก่อสร้างเมื่อ 11 มิ.ย.2553 และมีกำหนดเสร็จสิ้นในเดือนธ.ค.ปีนี้ แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องงบประมาณทำให้การก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด



ความเป็นมาของสะพานมิตรภาพแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การประชุมจีเอ็มเอส ระดับรัฐมนตรี ที่เมืองต้าลี่ ประเทศจีน ในปี2546 สมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายกร ทัพพะรังสี เป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นขอให้จีนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายใน โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เนื่องจากจีนจะได้ประโยชน์มากจากโครงการดังกล่าว



ต่อมาเมื่อ 21 มิ.ย. 2550 มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู ระหว่างรัฐมนตรีของไทย ลาว และจีน ที่สำนักงานใหญ่ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 กระทั่งพิธีเทคอนกรีตในครั้งนี้ที่ฝ่ายลาวเป็น ผู้เสนอให้จัดขึ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สะพานมิตรภาพแห่งใหม่ระหว่างไทยและลาว



นายสุรพงษ์กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเน้นเรื่องการเชื่อมโยงประชาคมอาเซียน โดยได้ใช้งบประมาณกว่า 2 ล้านล้านบาทในการก่อสร้างและเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมต่างๆ เพราะในอนาคตประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางที่จะมีนักลงทุนจากทวีป อื่นๆ เดินทางมายังไทยและจะนำสินค้าไปขายยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้



การเดินทางมาครั้งนี้ พบว่าการก่อสร้างมีความสมบูรณ์ขึ้นมาก หลังจากที่ตนได้เดินทางมาเมื่อราว 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้พบปัญหาของโครงการว่าขาดงบประมาณการลงทุน จึงนำเรื่องไปหารือในระดับรัฐบาลและระหว่างประเทศ นำมาสู่การอนุมัติวงเงินเพิ่มเติม รู้สึกดีใจแทนชาวเชียงราย เพราะพื้นที่แถวนี้ราคาที่ดินจะขึ้นแน่นอน จึงขอให้พี่น้องประชาชนเตรียมตัวเพราะคนจะมาเที่ยว การค้าขายจะเจริญรุ่งเรือง



สำหรับพิธีการเปิดด่าน รมว.ต่างประเทศกล่าวว่าจะมีขึ้นในปีหน้า โดยต้องดำเนินการต่อ เพราะมีในส่วนของฝ่ายตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทำมาแล้วถึง 3 แห่ง โดยทางรัฐบาลสปป.ลาวจะกราบทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จฯ มาทรงเป็นประธานพิธีเปิดใช้อย่างเป็นทางการ และจะให้เปิดการใช้งานได้ก่อนเมื่อเสร็จสิ้น เพื่อไม่ให้ติดขัดเรื่องการค้าขาย



ด้านนายทองลุน กล่าวว่า สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 จะส่งเสริมความสัมพันธ์ ความร่วมมือ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ของทั้งสองประเทศดีขึ้นและสะดวกขึ้น เพราะเส้นทางอาร์ 3 ถือเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญในการเชื่อมโยงประเทศสมาชิกอาเซียน จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนและจีน และทำให้การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น



สะพานมิตรภาพนี้ นอกจากจะเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานของ 3 ประเทศเข้าด้วยกันแล้ว ยังช่วยเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตประชาชน และเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลว่าด้วยการเชื่อมโยงในภูมิภาค การปฏิสัมพันธ์ภาคประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมของไทยและลาว เข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 และส่งเสริมศักยภาพของอาเซียนในเวทีโลกต่อไป

หน้า 10
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #559 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2012, 15:48:40 »

เปิดแล้ว “มหกรรมไม้ดอกอาเซียน” คนนับหมื่นแห่ดูเรือบุปผชาติล่องน้ำกก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   23 ธันวาคม 2555 09:39 น.   

   


เชียงราย - คนนับหมื่นแห่ดูขบวนเรือบุปผชาติ 30 ลำล่องในลำน้ำกก ร่วมพิธีเปิดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียน” เผยปีนี้ระดมสารพัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวยาวถึง 6 ม.ค.ปีหน้า
       
       วันนี้ (23 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าเมื่อเย็นวันที่ 22 ธันวาคม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานในพิธีเปิด “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2012” ณ สวนไม้งามริมกก เชิงสะพานเฉลิมพระเกียรติ ต.ริมกก อ.เมือง ซึ่งองค์การบริหารบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย โดยนางสลักจฤษฎดิ์ ติยะไพรัช นายก อบจ.จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2555 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2556 ซึ่งนายพงศ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เป็นประธานปล่อยขบวนบุปผชาติทางน้ำ ล่องลำน้ำก จากเชิงสะพานขัวพญาเม็งราย มุ่งหน้าไปยังบริเวณจัดงาน โดยมีเรือประดับด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ทั้งจากส่วนราชการและองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เรือขบวนชาติในอาเซียน 10 ชาติเข้าร่วม สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวและประชาชนนับหมื่นคนที่รอชมขบวนเรือซึ่งแล่นอยู่เต็มลำน้ำกก
       
       ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวทั่วบริเวณ ประติมากรรมดอกไม้เป็นสัญลักษณ์อาเซียน คือ กอข้าว การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีล้านนา สินค้าชาวบ้าน ตลาดน้ำอาเซียน 10 ประเทศ หมู่บ้านหิมะ การแสดงสัตว์ เช่น นกเพนกวิน นกฟลามิงโก ม้าลาย เป็นต้น
       
       โดยในปีนี้ อบจ.เชียงรายเน้นเรื่องความหลากหลายมากกว่าการจัดแสดงเพียงไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวเพียงอย่างเดียว โดยจัดไม้ดอกไม้ประดับจำลองสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ ด้วย เช่น เมอไลอ้อน สัญลักษณ์ประเทศสิงคโปร์ ปราสาทโบราณ กัมพูชา เป็นต้น
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 ... 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 [28] 29 30 31 32 33 34 35 36 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!