เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 เมษายน 2024, 07:48:48
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 [26] 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 440190 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #500 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2012, 18:39:47 »

ที่ดินขอนแก่นไร่ละ 80 ล้าน! ‘อุดรฯ-แม่สอด’ไร่ละ40ล้าน/ปั่นราคา‘อีสาน-เหนือ’รับเออีซี

   
    

ขอนแก่น/อุดรฯ/ตาก/เชียงราย - ราคาที่ดินขอนแก่น-อุดรธานีแพงเว่อร์ ถนนศรีจันทร์เก็งกำไรไร่ละ 80 ล้านบาท ขณะ ที่ใจกลางเมืองอุดรธานีไร่ละ 40 ล้าน “ศุภาลัย” เผย ณ วันนี้ โซนรอบมหาวิทยาลัย ขอนแก่นบูมสุดๆ รองรับเศรษฐกิจ AEC ด้านภาคเหนือ บูมไม่แพ้กัน แม่สอดนำโด่ง สนนราคาที่ดินไร่ละ 10-40 ล้านบาท เชียงรายพุ่ง 2-3 ล้านบาทต่อไร่

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงราคาที่ดินในจังหวัดขอนแก่น ว่าโซนที่บูมที่สุดคือรอบมหาวิทยาลัยขอนแก่น ราคาที่ดินถือว่าสูงสุดในปัจจุบันซื้อขายกันตารางวาละ 40,000-45,000 บาท หรือไร่ละ 16-18 ล้านบาท

" ณ วันนี้ แหล่งอยู่อาศัยเกิดใหม่แค่ 2-3 ปีราคาขยับเร็วมาก จากตารางวาละ 10,000-20,000 บาท ตอนนี้ซื้อขายกันตารางวาละกว่า 40,000 บาท หรือไร่ละเฉียด 20 ล้าน " นายไตรเตชะ กล่าว

แต่ที่มีราคาแพงสุด ๆ อยู่ที่ “ถนนศรีจันทร์” โดยแหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยิสยามธูรกิจิ ว่า ราคาซื้อขายที่ดินในเส้นถนนศรีจันทร์ ณ วันนี้ไร่ละ 80 ล้านบาท แต่ก็ไม่มีที่ดินให้ซิ้อแล้ว เพราะตกอยู่ในมือของนักเก็งกำไร ซึ่งเป็นสาเหตุให้ราคาพุ่งขึ้นไปเว่อร์สูงเกินความเป็นจริง เพราะหากซื้อ-ขายกันตามราคาปกติเมื่อ 3 ปีก่อนหน้าก็จะอยู่ที่ไร่ละประมาณ 20 ล้านบาทเท่านั้น เท่ากับว่าปรับขึ้นมา 4 เท่าตัว

ขณะที่นางพรทิพย์ ธนศรีวนิชชัย ประธานบริษัท พร็อตเพอร์ตี้ จำกัด และ ในฐานะประธานชมรมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยถึง การขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดอุดร,ขอนแก่น และโคราช เป็นการขยายตัวตามแนวเส้นทางเศรฐกิจคนนาคมขนส่ง ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายพัฒนาโครงการพื้นฐานรับการเปิดประชาคมเศรฐกิจอาเซียน AEC ในปี 2558 จากเดิมที่มีเพียงผู้ประกอบการท้องถิ่นแข่งขันพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร และอาคารพานิชย์เท่านั้น แต่ในช่วง 2 ปีมานี้ผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลาง(กทม.)เข้ามาผุดโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม ซึ่ง ณ วันนี้มีไม่ต่ำกว่า 6ราย อาทิ แลนด์ แอน เฮ้าส์,พฤกษา,ศุภาลัย เป็นต้น

ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ ขยับสูงขึ้น จากบ้านเดี่ยวราคา 1 ล้านต้น ๆ ขยับขึ้นเป็น 2 ล้านบาท ราคา 2 ล้านบาท ขึ้นเป็น 2.5 -3 ล้านบาท และมีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี

ส่งผลต่อเนื่องถึงราคาที่ดินที่สูงขึ้น จากเดิมราคาอยู่ที่ ไร่ละ 3-4 ล้านบาท แต่ ณ วันนี้ขึ้นไปถึงไร่ละ 8-10 ล้านบาท และส่วนใหญ่ อยู่ในมือของเศรษฐีที่ดินท้องถิ่น เมื่อขายต่อจึงมีราคาสูง

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ดินแนวราบใน จ.อุดรธานี มีความยากมากขึ้น เพราะราคาที่ดินปรับตัวสูงมาก โดยที่ดินใจกลางเมืองบางแปลงตั้งราคาขายสูงถึง 1 แสนบาทต่อตารางวา หรือ 40 ล้านบาทต่อไร่ส่วนบริเวณถนนวงแหวนรอยต่อใจกลางเมือง ราคาก็ขยับขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อตารางวาหรือ 3-4 ล้านบาทต่อไร่แล้ว ประธานชมรมอสังริมทรัพย์ จังหวัดอุดรธานี กล่าว

ด้านนายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า อำเภอแม่สอดกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากทุกฝ่ายมองถึงศักยภาพของแม่สอดที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญแห่งหนึ่งของ AEC บนระเบียงเศรษฐกิจอีสต์เวตส์อีโคโนมิกคอร์ริดอร์ (EWEC) ประกอบกับรัฐบาลมีแนวคิดผลักดันจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดขึ้น

นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า ขณะนี้ที่ดินในพื้นที่มีราคาพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยราคาไร่ละ 3-7 ล้านบาท บางจุดสูงถึงไร่ละ 10-15 ล้านบาท ตามเส้นทางถนนสายหลักและสายรอง หากเป็นในเขตเมืองสูงอาจสูงถึงงานละ 10 ล้านบาทหรือไร่ละ 40 ล้านบาท และมีแนวโน้มราคาจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องหลังรัฐบาลมีนโยบายที่จะจัดตั้งเป็นพื้นที่เขตการปกครองท้องถิ่นพิเศษและเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเพื่อรองรับ AEC นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้การค้า-การลงทุนชายแดนแม่สอดคึกคัก และนำไปสู่การพัฒนาความเจริญในทุกๆ ด้าน

ขณะที่ตัวแทนชมรมกลุ่มรักษ์เชียงแสน กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสน จ.เชียงราย ร้องให้สื่อมวลชนเข้าตรวจสอบกรณีมีกลุ่มผู้นำท้องถิ่น รวมตัวกับนักการเมืองส่วนท้องถิ่น เร่งจัดสรรพื้นที่งอกหลายจุด ริมฝั่งแม่น้ำโขงชายแดนไทย-ลาว บริเวณพื้นที่ ต.เวียง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการ อ.เชียงแสน ไปทางสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อรวบรวมนำไปเสนอขายกลุ่มนายทุน ส่งผลราคาซื้อขายที่ดินสูงถึงไร่ละ 2-3 ล้านบาท

http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413364431
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #501 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2012, 20:50:42 »

เชียงรายอัดกิจกรรมฉลองครบ750ปี ท่องเที่ยวต่างชาติ-ยอดเข้าพักพุ่ง

วันจันทร์ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555, 06.00 น.

,

นางอัจฉริกา มณีสิน ผู้อำนวยการ สำนักงานเชียราย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 (เมษายน-มิถุนายน) ปี 2555 นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงราย มีจำนวนใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ที่ผ่านมา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าพักในจังหวัดเชียงรายไตรมาส 2 ปี 2555 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2554 เฉลี่ยประมาณ 28% โดยในเดือนมิถุนายน 2555 เพียงเดือนเดียวสูงกว่าเดือนมิถุนายน 2554 ถึงประมาณ 68% โดยส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวชาวยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และอังกฤษ คาดว่าแนวโน้มที่ดีดังกล่าวจะมียาวไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดพักผ่อนของชาวยุโรป

ทั้งนี้ในช่วงวันหยุดยาวของเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โรงแรมและที่พักต่างๆในจังหวัดเชียงรายมีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น อีกทั้งที่พักบางแห่งในตัวเมืองของจังหวัดเชียงราย ก็มีอัตราการเข้าพักเต็ม เช่น โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท ,โรงแรมริมกก รีสอร์ท และทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท เป็นต้น

ส่วนที่พักอื่นๆรอบเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ก็มีอัตราการเข้าพักเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน เฉลี่ยประมาณ 45% ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปี 2554 อัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ประมาณ 36-39% ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ก็มีสัดส่วนใกล้เคียงกับปี 2554 แต่ถึงพิจารณาลงลึกในละเอียดแล้ว จะพบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาก โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 68% เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าพักในจังหวัดเชียงรายเฉลี่ยเพียงประมาณ 28% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเข้าพักที่ค่อนข้างน้อย

นางอัจฉริกา กล่าวว่า สำหรับจังหวัดเชียงรายถือว่าปี 2555 นี้เป็นปีที่พิเศษ โดยจะเป็นปีที่จังหวัดเชียงรายได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองเมืองครบรอบ 750 ปี ดังนั้นจะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการจัดการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ ใช้เส้นทางรอบจังหวัดเชียงราย ,งานอนุรักษ์ฟื้นฟู สืบสานวัฒนธรรม 13 ชนเผ่า, งาน 750 ปี เชียงรายรำลึก ของ ททท. และงานสืบสานตำนานลุ่มน้ำโขง 750 ปี เมืองเชียงราย เป็นต้น                           

                แหล่งข่าว กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยวชายแดนที่ติดกับพม่าและลาว ทั้งทางบก ตลาดชายแดน ทางแม่น้ำโขง และเชื่อมกับจีนตอนใต้ได้ รวมทั้งเป็นเมืองวัฒนธรรมล้านนา กลุ่มชาติพันธุ์ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งสอดคล้องกับจังหัดอื่นๆ เช่น จังหวัดกระบี่ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นทะเลและเกาะที่สวยงาม ดังนั้นหากสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์โดยเฉพาะการท่องเที่ยวกันได้ก็จะเป็นผลดีเป็นอย่างมาก และจะผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวยังจัหงวัดเชียงรายมากขึ้น และเมื่อเร็วๆนี้ทั้ง 2 จังหวัดก็มีการจับมือกันส่งเสริมโอกาสทางการท่องเที่ยว เชื่อมโยงกิจกรรมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยวทางทะเล ร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก

http://www.naewna.com/business/18919
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #502 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2012, 22:45:54 »

ชียงรายโหมกระแสอาเซียน ผู้ว่าฯ สั่งสร้างหมู่บ้าน-ตำบล-อำเภอเออีซี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   22 สิงหาคม 2555




เชียงราย - เมืองพ่อขุนฯ เปิดลานหน้าศาลากลางจังหวัดฯ โหมกระแส AEC ปลุกคนเชียงรายเตรียมพร้อมรับประชาคมอาเซียน และอาเซียน+จีน ที่มีผู้บริโภคมากกว่า 2 พันล้านคน ผู้ว่าฯ สั่งทุกหน่วยเดินเครื่องสร้างอำเภอ-ตำบล-หมู่บ้านเออีซีใน 3 ปี

วันนี้ (22 ส.ค.) ที่ลานหน้าศาลากลาง จ.เชียงราย นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดงานเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ภายใต้ชื่องาน “เชียงรายก้าวสู่ประชาคมอาเซียน 2015” โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ การแต่งกายประจำชาติของชาติต่างๆ การแสดงบนเวทีที่บ่งบอกถึงความเป็นอาเซียนและเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทย ก่อนที่นายธานินทร์จะนำหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ และเอกชนเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ

นายธานินทร์กล่าวว่า อาเซียนมี 3 ขาที่เกิดจากความร่วมมือกันของ 10 ประเทศ คือ ขาแห่งสังคม และความมั่นคง ขาแห่งประชาคมเศรษฐกิจหรือเออีซี และขาแห่งวัฒนธรรมประเพณี ดังนั้น ในโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2015 หรืออีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า ชาวเชียงรายจะต้องมีความพร้อม

เพราะเชียงรายมีความแตกต่างจากจังหวัดอื่นตรงที่เราคือยุทธศาสตร์ที่เป็นประตูของประเทศไทยสู่เออีซี และยังเป็นประตูจากอาเซียนสู่ประเทศจีนอีกด้วย โดยอาเซียนมีประชากรรวมกันทั้งหมดประมาณ 600 ล้านคน และหากอาเซียนบวกหนึ่ง คือ จีน ก็จะมีประชากรรวมกันกว่า 2,000 ล้านคน โดยมีเชียงรายเป็นจุดเชื่อมสำคัญ

นายธานินทร์กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมโดยใช้เวลาอีก 3 ปี ก็จะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านเออีซีโดยถ้วนหน้ากัน โดยได้จัดให้ทุกหน่วยงาน กรม กอง ฯลฯ ในพื้นที่ได้จัดประชุมเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในส่วนของหน่วยงานตัวเองว่าจะเข้าสู่เออีซีอย่างไร และทั้งหมดจะร่วมกันกำหนดเป็นยุทธศาสตร์จังหวัดในการร่วมกันเข้าสู่เออีซีต่อไป

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9550000103190
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #503 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2012, 14:18:08 »

ทุ่มงบ 21 ลบ.สร้างสถานีเดินรถ บขส.เชียงราย เปิดให้บริการแล้ววันนี้!!


เชียงราย เปิดสถานีเดินรถ บขส. รองรับการเติบโตของการคมนาคมทางบก เชื่อมเส้นทางสาย R3A เชียงราย-ลาว-จีน ใช้งบประมาณก่อสร้าง 21 ล้านบาท
     วันที่ 26 ส.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก, นายสุรชัย ลิ้นทอง รอง ผวจ.เชียงราย, นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กก.ผจญ. บริษัทขนส่ง จำกัด (999) และคณะผู้บริหาร บขส. ร่วมกันทำพิธีเปิดสถานีเดินรถ บขส.เชียงราย ณ ลานสถานีขนส่งเดินรถเชียงราย ถนนพหลโยธินสายเก่า ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย

     นายสมชัย กล่าวว่า สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งนี้จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ และเป็นการรองรับการเจริญเติบโตของการคมนาคมทางบก เชื่อมต่อการเดินทางไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และเมื่อการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไปยังเมืองห้วยทราย ของประเทศลาว ที่จะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค.2556
     สถานีเดินรถบริษัทขนส่ง จำกัด เชียงราย จะสามารถรองรับการเปิดเดินรถระหว่างประเทศไทย ถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศจีน ตามเส้นทางสาย R3A ได้ จึงถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ของบริษัทขนส่ง จำกัด ในการที่จะพัฒนาบริการคมนาคมขนส่งทางบกด้วยรถโดยสารสาธารณะให้มีความทันสมัยและเจริญก้าวหน้า


     ขณะที่ นายวุฒิชาติ กล่าวว่า สถานีเดินรถ บริษัทขนส่ง จำกัด เชียงราย เกิดขึ้นจากคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบให้ก่อสร้างสถานีเดินรถ บขส.เชียงราย ขึ้นบนเนื้อที่ของบริษัทฯ เพื่อใช้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารที่จะพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางขนส่งผู้โดยสารในประเทศ (HUB) และระหว่างประเทศ รองรับการเปิดเดินรถโดยสารระหว่างประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เส้นทางเชียงราย บ่อแก้ว ที่จะเปิดเดินรถขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้เปิดเดินรถระหว่างประเทศ เส้นทางเชียงใหม่ เชียงราย หลวงพระบาง ไปแล้ว 1 เส้นทาง

     ทั้งนี้ รถโดยสารของบริษัทฯ ที่เข้าใช้พื้นที่ในสถานีรถ บขส.เชียงราย คือ เส้นทางกรุงเทพ เชียงราย ให้บริการวันละ 4 เที่ยววิ่งต่อวัน คือ รถมาตรฐาน 4 (ก) 1 เที่ยว เวลา 19.00 น. รถมาตรฐาน 4 (ข) 2 เที่ยววิ่ง เวลา 07.00 น. เวลา 18.00 น. และรถมาตรฐาน 4 (ค) 1 เที่ยววิ่ง เวลา 16.30 น. โดยรูปแบบอาคารเป็น 3 ชั้น มีพื้นที่ภายในอาคารสำหรับห้องจำหน่ายตั๋ว ที่พักผู้โดยสาร ศูนย์อาหาร ร้านค้าสะดวกซื้อ สุขาสำหรับผู้โดยสาร พื้นที่อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ อาทิ ทางลาดคนพิการ ห้องสุขาคนพิการ ที่รับฝากพัสดุภัณฑ์ และที่พักพนักงาน โดยงบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 21 ล้านบาท

http://www.siamrath.co.th/web/?
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #504 เมื่อ: วันที่ 28 สิงหาคม 2012, 21:09:42 »

รัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรับเออีซี1.1ล้านล้าน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหารือเพื่อวางแผนการจัดเส้นทางคมนาคมรองรับประชาคมอาเซียนหรือเออีซี ว่า กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างจัดทำแผนเส้นทางคมนาคมเชื่อมประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน โดยเน้นเส้นทางเชื่อมระหว่างประตูการค้าชายแดนหลัก 8 แห่ง ไปยังประตูการค้าหลักของประเทศ คือ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เบื้องต้นคาดว่าจะต้องดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน รถไฟ รวม 75 โครงการ วงเงินประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการปี 2556-2563 คาดแผนจะสรุปแล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้

สำหรับประตูการค้าชายแดน 8 แห่ง ได้แก่ 1.ด่านอรัญประเทศ ติดชายแดนกัมพูชา 2.ด่านมุกดาหาร ติดชายแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) 3.ด่านแม่สอด ติดชายแดนเมียนมาร์ 4.ด่านสะเดา ติดชายแดนมาเลเซีย 5.ด่านปาดังเบซาร์ ติดชายแดนมาเลเซีย 6.ด่านหนองคาย ติดชายแดนสปป.ลาว 7.ด่านแม่สาย ติดชายแดนเมียนมาร์ และ8.ด่านเชียงของ ติดชายแดนสปป.ลาว

"การจัดเส้นทางคมนาคม เช่น เส้นทางด่านอรัญประเทศเชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าของตลาดอาเซียน โดยมีจุดเด่นที่การคมนาคมสะดวก โดยสามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเดินทางเชื่อมต่อไปยังประเทศที่ 2 และ 3 ได้ ขณะที่ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์จากการเป็นฐานการผลิตและกิจกรรมการค้าต่างๆ" นายจารุพงศ์ กล่าว

ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างจัดทำแผนยุทธศาสตร์พัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ พ.ศ.2555-2559 ด้วย ซึ่งพบว่ามีหลายโครงการที่อยู่ในขอบเขตของแผนการพัฒนาเพื่อรองรับประชาคมอาเซียนและพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ดังนั้นจะมีการสรุปแผนงานอีกครั้งว่าโครงการใดจะบรรจุอยู่ในแผนใด โดยโครงการเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการอาจพิจารณาให้ใช้เงินกู้ ส่วนโครงการใดที่อยู่ในแผนราชการปกติ ก็จะใช้งบประมาณแผ่นดิน โดยยืนยันไม่มีปัญหาซ้ำซ้อน

"โครงการรถไฟทางคู่ ถือได้ว่าเป็นโปรเจ็คยาสามัญประจำบ้าน เพราะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการรองรับประชาคมอาเซียน และลดต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่เข้าข่ายโปรเจ็คยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งโครงการเหล่านี้จะต้องเร่งดำเนินการ และจะต้องพิจารณาว่าจะใช้งบประมาณจากส่วนใด" นายจารุพงศ์ กล่าว

ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า เส้นทางที่กำหนดให้ใช้สำหรับขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดนในประเทศไทยรวม 6 เส้นทาง ระยะทาง 4,477 กม. ได้แก่ 1.เส้นทางหมายเลข 1 แม่สอด (ชายแดนเมียนมาร์)-ตาก-กรุงเทพฯ (แยกบางปะอิน)-หินกอง-นครนายก-อรัญประเทศ-คลองลึก (ชายแดนกัมพูชา) ระยะทาง 702 กม. 2.เส้นทางหมายเลข 2 แม่สาย (ชายแดนเมียนมาร์)-เชียงราย-ลำปาง-ตาก-กรุงเทพฯ (แยกบางปะอิน)-นครปฐม-ปากท่อ-ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-พัทลุง-หาดใหญ่-อ.สะเดา (ชายแดนมาเลเซีย) ระยะทาง 1,923 กม.

3.เส้นทางหมายเลข 3 เชียงราย-เชียงของ (ชายแดนสปป.ลาว) ระยะทาง 115 กม. เส้นทางหมายเลข 4.เส้นทางหมายเลข 12 แยกหินกอง-สระบุรี-นครราชสีมา-ขอนแก่น-หนองคาย (ชายแดนสปป.ลาว) 5.เส้นทางหลายเลข 16 ตาก-พิษณุโลก-ขอนแก่น-กาฬสินธุ์-อ.สมเด็จ-มุกดาหาร (ชายแดนสปป,ลาว) และ6.เส้นทางหมายเลข 19 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี-แหลมฉบัง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก (ทับช้าง)-บางปะอิน ระยะทาง 491 กม.

http://www.bangkokbiznews.com9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #505 เมื่อ: วันที่ 29 สิงหาคม 2012, 08:04:45 »

ทุ่ม1.1ล้านล.เชื่อมระบบคมนาคม



นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตการเกษตร อุตสาหกรรมและท่องเที่ยว คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการระหว่างปี 2556-2563 จำนวน 1.1 ล้านล้านบาท ใน 75 โครงการ



ทั้งนี้จากการศึกษาเบื้องต้นของกระทรวงมองว่าต้องเร่งพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งของไทยกับอาเซียน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพขนส่งเชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่ง ณ ประตูการค้าหลัก 3 ส่วนเข้าด้วยกันคือ 1.สนามบินสุวรรณภูมิ 2.ท่าเรือแหลมฉบัง และ 3.ด่านพรมแดนสำคัญ 8 แห่งคือ ด่านเชียงของ และแม่สาย จ.เชียงราย ด่านสะเดา และปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ด่านหนองคาย ด่านมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว และด่านแม่สอด จ.ตาก โดยเร่งขยายทางหลวงสายหลักโครงข่ายถนนเป็น 4 เลน ก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง พัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงทะเลฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ส่วนระยะยาวต้องเร่งก่อสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง คาดว่าแผนจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนก.ย.นี้

หน้า 8

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
yonok
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


เจ้านายตัวเอง 0813663304


« ตอบ #506 เมื่อ: วันที่ 29 สิงหาคม 2012, 09:03:02 »

-ขอบคุณครับข้อมูลดีๆที่คนเชียงรายต้องรู้
-แล้วประเด็นคนเชียงรายส่วนมากยังเข้าไม่ถึง จะทำจะไดีครับ ?
-แล้วคนเชียงรายจะรับมือกับ ความเจริญ ผู้คนที่มากหลาย โดยเฉพาะภาคการเกษตร จะโดนรุกฆาตจะทำจะไดครับ ?
-แต่ละโครงการยิ่งใหญทั้งนั้น มีโครงการด้านสังคมที่เตรียมรับมิอกับประชาคมอาเซียนจะไดผ่องครับ ?
 

IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #507 เมื่อ: วันที่ 30 สิงหาคม 2012, 08:17:29 »

-ขอบคุณครับข้อมูลดีๆที่คนเชียงรายต้องรู้
-แล้วประเด็นคนเชียงรายส่วนมากยังเข้าไม่ถึง จะทำจะไดีครับ ?
-แล้วคนเชียงรายจะรับมือกับ ความเจริญ ผู้คนที่มากหลาย โดยเฉพาะภาคการเกษตร จะโดนรุกฆาตจะทำจะไดครับ ?
-แต่ละโครงการยิ่งใหญทั้งนั้น มีโครงการด้านสังคมที่เตรียมรับมิอกับประชาคมอาเซียนจะไดผ่องครับ ?
 



มันเป็นโจทย์ใหญ่ที่ ภาครัฐในพื้นที่ และสถานศึกษา ในจังหวัด ต้องช่วยๆกัน...
ถ้าไม่ทำเชิงรุก เพียงสัมนนา แล้วจบไป...

นำงบประมาณมาจัดประชุม วางแผน ขาดประชาชนมีการรับรู้ และมีส่วนร่วมภาคประชาชน...

ต้องมีเวทีสัญจร ลงพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ บ่อยๆ

ถ้าโครงการทำอะำไร บ้างครั้งชาวบ้าน ยังไม่ทราบทั่วถึง ขนาดมีการทำประชาพิจารณ์


IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #508 เมื่อ: วันที่ 30 สิงหาคม 2012, 21:03:06 »

คมนาคมสรุปแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.9 ล้านล้าน
วันพฤหัสบดี ที่ 30 ส.ค. 2555     
กรุงเทพฯ 30 ส.ค.- นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมจัดทำแผนลงทุนของกระทรวงคมนาคมว่า ได้สรุปโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคม เพื่อรองรับการพัฒนาอนาคตของประเทศในระยะยาว ภายในปี 63 รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบคมนาคมรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 58 โดยจะใช้เงินลงทุนจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท สำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยพบว่ามีทั้งหมด 55 โครงการ วงเงินประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท โดยภายใน 2 สัปดาห์ แต่ละหน่วยงานจะส่งรายละเอียดโครงการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวบรวมรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนโครงการบ้าง แต่โครงการหลักๆ จะเหมือนเดิม

สำหรับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นการลงทุนสาขาต่างๆ เช่น สาขาการขนส่งทางถนน วงเงิน 479,000 ล้านบาท เช่น ทางหลวงวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ รอบที่ 3 ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด ช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วงบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ช่วงนครปฐม-สมุทรสงคราม-ชะอำ และช่วงบางปะอิน-นครสวรรค์

สาขาการขนส่งทางราง วงเงิน 1.28 ล้านล้านบาท เช่น รถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระบบรถไฟสายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ช่วงอรัญประเทศ-ปอยเปต รถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน สาขาการขนส่งทางน้ำ วงเงิน 128,000 ล้านบาท เช่น เขื่อนยกระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาและน่าน ท่าเรือน้ำลึกปากบารา ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และสาขาการขนส่งทางอากาศ วงเงิน 83,900 ล้านบาท เช่น การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 การก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบบริการทางเดินอากาศ

ส่วนเป้าหมายในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คือ ในปี 63 ต้นทุนการขนส่งสินค้าเฉลี่ยตันละ 1.8669 บาทต่อ กม. หากไม่ลงทุนคาดว่าต้นทุนการขนส่งสินค้าเฉลี่ยเป็นตันละ 1.9949 บาทต่อ กม. ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยโดยรวมเพิ่มขึ้น 6% ทำให้ลดค่าใช้จ่ายสูญเสียจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลประมาณ 80,000 ล้านบาท ประหยัดมูลค่าของเวลาในการเดินทางได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท และลดต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมได้ 3,600 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังทำให้สัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางราง เพิ่มขึ้นเป็น 5% จากปี 54 อยู่ที่ 2.5% สัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางลำน้ำ เพิ่มขึ้นเป็น 10.5% จากปี 2554 อยู่ที่ 8.5% สัดส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าทางชายฝั่ง เพิ่มขึ้นเป็น 7.5% จากปี 54 อยู่ที่ 6% ปริมาณผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มเป็น 64 ล้านคน จากปี 2554 อยู่ที่ 47.4 ล้านคน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าในภาพรวม เป็น 900 ล้านตันต่อปี จากเดิม 700 ล้านตันต่อปี.-สำนักข่าวไทย
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #509 เมื่อ: วันที่ 31 สิงหาคม 2012, 19:22:48 »

กต.เปิดแล้ว สำนักงานเชียงรายรับเมืองหน้าด่านเออีซี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   31 สิงหาคม 2555


เชียงราย - กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเปิดสำนักงานการต่างประเทศที่เชียงรายแล้ว กำหนดเริ่มตัดริบบิ้นให้บริการจันทร์หน้า (3 ก.ย.) รับเมืองหน้าด่านประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเปิดสำนักงานการต่างประเทศเชียงราย เพื่อให้บริการออกหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง ในวันจันทร์ที่ 3 ก.ย. 55 นี้ โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นในเวลา 10.45 น. ณ หอประชุมอาคารคชสาร ศูนย์บูรณาการการเรียนรู้และนันทนาการ สนามกีฬากลาง อ.เมือง จ.เชียงราย
       
       นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เปิดเผยว่าเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศจำนวนมาก และมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่สมาคมอาเซียนในปี 2558 ดังนั้น อบจ.ชียงราย ร่วมกับกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้เปิดสำนักงานการต่างประเทศเชียงราย ณ อาคารนันทนาการดังกล่าว
       
       โดยในวันที่ 3 ก.ย. 55 ทางนายนาวิน บุญเสรฐ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ,นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย, นายประสิทธิพร เวชประสิทธิ์ รองอธิการบดีกรมการกงสุล และตน จะร่วมกันเปิดสำนักงานฯ อย่างเป็นทางการ จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้บริการได้ทันที
       
       อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ยังถือเป็นการใช้อาคารชั่วคราว จากนั้นทางสำนักงานฯ จะย้ายไปประจำเป็นการถาวรเมื่อมีการเปิดใช้สำนักงาน อบจ.เชียงราย บริเวณแยกป่าแดง ต.ริมกก อ.เมือง ต่อไป
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ใน จ.เชียงราย ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น หอการค้า สมาคมท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรม ฯลฯ ต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาล จัดตั้งสถานกงสุลหรือสำนักงานของสถานกงสุล ที่เชียงราย เพื่อเชื่อมกับ สปป.ลาว พม่า และโดยเฉพาะจีนตอนใต้ เนื่องจากมีภูมิศาสตร์เชื่อมกับประเทศลุ่มน้ำโขง และสะพานเชื่อมถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ กำลังแล้วเสร็จในปี 2556 นี้ด้วย


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000107179
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #510 เมื่อ: วันที่ 02 กันยายน 2012, 13:07:15 »

กนอ.ลงนามร่วมภาครัฐเอกชนของจีนศึกษาการตั้งนิคมอุตฯเชียงของ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   2 กันยายน 2555 10:06 น.   


กนอ.ลงนามร่วมภาครัฐและเอกชนจีนศึกษาการตั้งนิคมอุตสาหกรรมเชียงของ จ.เชียงรายรองรับธุรกิจบริการโลจิสติกส์ พร้อมรับการเข้าสู่ AEC ปี 2558
       
       นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะผู้บริหาร กนอ.ได้เดินไปโรดโชว์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่างไทย-จีน ณ ศูนย์ธุรกิจไทย-จีน ประจำนครหนานหนิง เขตการปกครองตนเองจ้วงกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกันนี้ กนอ.ยังได้ร่วมลงนามบันทึกการแสดงเจตนาร่วมกัน ในความร่วมมือการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อรองรับการให้บริการด้านการค้าและการลงทุน โดยร่วมมือกับ สำนักงานความร่วมมือเตียนฉือ(คุณหมิง)- แพนเอเชีย แห่งรัฐบาลประชาชนนครคุณหมิง บริษัท ยูนนานเถิงจวิ้นอินเวสต์เมนท์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เจี๋ยเฟิง อินเวสต์เม้นท์ จำกัด ด้านโลจิสติกส์ในแถบชายแดน
       
          ทั้งนี้กนอ.กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งนิคมฯเชียงของ ในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในรูปแบบการดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ จัดสรรเป็นพื้นที่ประกอบการประมาณ 200 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวนับเป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในการรองรับธุรกิจบริการด้านโลจิสติกส์ ด้วยการเชื่อมโยงด้านคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศ ทั้งเส้นทางคมนาคมสาย R3A เชื่อมโยงไทย ลาว และจีนตอนใต้ แม่น้ำโขง และสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง มีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปยาง ยา อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2556
       
       สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้ กนอ.นี้ยังได้นำเสนอบทบาทการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ตลอดจนการส่งเสริมและพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ปี 2558 โดยได้รับความสนใจจากภาครัฐ และภาคเอกชน ของจีน จำนวนมาก


IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #511 เมื่อ: วันที่ 05 กันยายน 2012, 20:08:54 »

กลุ่มภาคเหนือตอนบนลุ้นเปิด“กิ่วผาวอก”ชายแดนไทย-พม่ารับเออีซี

   + อันดับข่าวอ่านมากที่สุดนี้
    ที่ดิน บ้านพุน้ำร้อน คึกรับทวายปั่นราคาพุ่งจากหมื่นทะลุ...
   แฉ‘แปลงทุนเป็นบุญ’ยอดฮิต ฮั้วมูลนิธิเล่นกลตัวเลข/ดาราเล...
   เร่งปั้นอีเลิร์นนิ่งดันไทยก้าวสู่ฮับมหา’ลัยไซเบอร์...
   ส่งออก‘ไว้ลาย’‘ลงทุน-ท่องเที่ยว’ช่วยหนุนเศรษฐกิจ...
   เปิดหัวใจเปลี่ยนสี ธาริต เพ็งดิษฐ์...
   ทีดีอาร์ไอเสนอมาตรการ“3 : เลิก เร่ง รุก โล๊ะ” คุมต่างด้...
   ให้ผู้ว่าฯชี้ขาดจ่าย‘ภัยพิบัต’ จัดเกณฑ์ใหม่ลดขั้นตอนรัฐ...
    

 
(4ก.ย.2555) – ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ นำคณะกรรมาธิการ ฯ ศึกษาดูงานการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) กลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่

นายสุรพล เกียรติไชยากร ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะอนุกรรมาธิการความสัมพันธ์เศรษฐกิจ การศึกษา มิตรภาพไทย-จีน-อาเซียน นำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และคณะอนุกรรมาธิการความสัมพันธ์เศรษฐกิจ การศึกษา มิตรภาพไทย-จีน-อาเซียน เดินทางมาศึกษาดูงานการเตรียมความพร้อมของจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยมี นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ/ภาคเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ และผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมของจังหวัดกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 ให้คณะกรรมาธิการ ฯ รับทราบ พร้อมทั้งเสนอขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการผลักดันให้การก้าวเข้าสู่ AEC ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้แทนหัวหน้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้รายงานข้อมูลพื้นฐานและศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ ในการเตรียมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน มีพื้นที่รวม 49,828 ตารางกิโลเมตร มีประชากรทั้งสิ้น 3,051,678 คน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัด (GPP) จำนวน 371,093 ล้านบาท โดยเชียงใหม่มีมูลค่าสูงสุด จำนวน 178,663 ล้านบาท รองลงมาคือจังหวัดลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ ส่วนรายได้เฉลี่ยประชากรอยู่ที่ 89,802 บาทต่อคนต่อปี โดยจังหวัดลำพูนมีรายได้เฉลี่ยประชากรสูงสุด จำนวน 160,500 บาทต่อคนต่อปี เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตั้งอยู่ รองลงมาก็คือ เชียงใหม่ ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ โดยรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้กลุ่มจังหวัดเป็นศูนย์กลางการพัฒนา การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการศึกษาเชื่อมโยงกับประเทศ GMS กลุ่มประเทศ BIMSTEC มีศักยภาพและความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน องค์ความรู้ และบุคลากรในการพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางด้านต่าง ๆ เช่น ศูนย์กลางการบิน (Aviation hub) ศูนย์กลางการประชุมและจัดนิทรรศการนานาชาติ (MICE) ศูนย์กลางธุรกิจบริการสุขภาพ (Medical hub) และศูนย์กลางการศึกษา (Education hub)

การท่องเที่ยวมีความโดดเด่นและหลากหลายสอดคล้องกับกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เชิงอนุรักษ์ และเชิงสุขภาพ เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของประเทศ มีทุนทางสังคมและวัฒนธรรมล้านนาที่มีเอกลักษณ์ เอื้อต่อการพัฒนาในมิติต่าง ๆ และกระแสการบริโภคสินค้าเกษตรปลอดภัย ไร้สารพิษ ตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง ทั้งนี้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาในทุกมิติเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการพัฒนากลุ่มจังหวัดร่วมกัน คือ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนสู่สากล โดดเด่นวัฒนธรรมล้านนา สังคมน่าอยู่ทุกถิ่นที่”

หลังจากรับฟังบรรยายสรุปการเตรียมความพร้อมของกลุ่มจังหวัดจากผู้แทนทั้ง 4 จังหวัดแล้ว ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ ฯ กล่าวว่า จะนำข้อเสนอของจังหวัดเรื่องการเปิด “กิ่วผาวอก” อำเภอเชียงดาว ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรเพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับพม่า เสนอรัฐบาลต่อไป ส่วนด้านแรงงานสายอาชีพที่ขาดแคลนในขณะนี้จะเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการเข้ามามีบทบาทในการเปิดการเรียนการสอนในสาขาที่ขาดแคลนแรงงานเพิ่มมากขึ้นโดยเสริมการสอนภาษาจำเป็นด้วย เช่น ภาษาอังกฤษ และภาษาในประเทศกลุ่มประชาคมอาเซียน ด้านการคมนาคมจะผลักดันให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบินทางอากาศ ส่วนการคมนาคมทางบกผ่านเส้นทาง R3A และ R3B จะอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ในส่วนของพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และ มาเลเซีย ซึ่งมีจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อแนวชายแดนถึง 32 จังหวัด 384 อบต. นั้น อปท.จะเป็นตัวเชื่อมสำคัญในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนทั้งด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ โดยเห็นว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญยิ่งในการผลักดันให้ไทยเข้าสู่ AEC อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรเร่งส่งเสริมความพร้อมด้านการท่องเที่ยว ภาคการเกษตร การศึกษา ให้มีความพร้อมมากที่สุด จะเสนอให้มีการมอบหมายหน่วยงานระดับกระทรวงเป็นเจ้าภาพหลักในการเชื่อมประสานด้านการพัฒนาเข้าสู่ AEC ของทุกหน่วยงาน

ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยสามารถก้าวเข้าสู่ AEC และบรรลุวิสัยทัศน์ของอาเซียนร่วมกับอีก 9 ประเทศคือ หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งอัตลักษณ์ หนึ่ง ประชาคม โดยประโยชน์ที่ได้หากประชาคมอาเซียนที่มีประชากรกว่า 600 ล้านคน สามารถรวมกับจีน ซึ่งมีประชากรกว่า 1,300 ล้านคนได้ ประชาคมอาเซียนก็จะเกิดความแข็งแกร่งสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้ ส่วนผลเสียในประชาคมอาเซียนก็อาจมีบ้างซึ่งจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #512 เมื่อ: วันที่ 06 กันยายน 2012, 21:31:54 »

ทัวร์ไทย-จีนผุด 4 แพกเกจเที่ยวคุนหมิง-เชียงราย ปูทางดึงคนจีนเข้าไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   6 กันยายน 2555 18:21 น.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   6 กันยายน 2555 18:21 น.


เชียงราย -กลุ่มทุนท่องเที่ยวไทย-จีนจับมือทำแพกเกจทัวร์หยุนหนัน-เชียงราย เบื้องต้นได้ 4 โปรแกรมทดลองทำตลาดในจีนช่วงแรก 3 เดือนปูทางดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางต่อจากคุนหมิง-สิบสองปันนาเข้าไทย ก่อนร่วมทำโปรแกรมท่องเที่ยวไทย-จีนต่อ

วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ห้องประชุมดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ทเชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวไทย-จีน ระหว่าง จ.เชียงรายกับมณฑลหยุนหนัน โดยมีนายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการด้านการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการประชุม

ครั้งนี้ ททท.สำนักงานคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน ได้นำคณะนักธุรกิจท่องเที่ยวจากคุนหมิงจำนวน 12 รายเข้าร่วมประชุมหารือกับธุรกิจในสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย ประมาณ 30 ราย โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตำรวจท่องเที่ยว ฯลฯ เข้าร่วมด้วย เพื่อผลักดันให้มีการจัดทำเส้นทางนำเที่ยวหรือแพกเกจทัวร์ร่วมกัน

หลังจากที่ได้มีการนำคณะนักธุรกิจจีนตระเวนสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ได้มีการสรุปแพกเกจทัวร์หยุนหนัน-เชียงรายจำนวน 4 แพกเกจ คือรูปแบบ 4 วัน 3 คืน ระหว่างเชียงรุ่ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา-เชียงราย, เชียงรุ่ง-เชียงราย-เชียงใหม่, เชียงรุ่ง-เชียงราย-พัทยา และรูปแบบ 5 วัน 4 คืน จากคุนหมิง-เชียงราย-เชียงใหม่ สนนราคาขึ้นอยู่กับห้องพักแต่มีราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 6,390-15,900 บาท

พร้อมกันนั้น ในที่ประชุมมีการเปิดให้ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายได้ร่วมถกประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจทัวร์ไทย-จีนที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายจีนมักระบุถึงปัญหาเรื่องการเสียค่าใช้จ่ายมากจากค่าผ่านแดน ซึ่งบางครั้งพวกเขาไม่ทราบว่าเป็นค่าใช้จ่ายอะไร ครั้งละ 50-100 บาท หรือบางครั้งสูงถึง 1,000 บาท ซึ่ง ตม.ชี้แจงว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายนอกระเบียบอย่างแน่นอน แต่ขอให้นักธุรกิจจีนได้ดูพาสปอร์ตนักท่องเที่ยวว่าหมดอายุหรือไม่ พาสปอร์ตมีอายุเกิน 6 เดือนหรือไม่ เป็นต้น กรณีวีซ่า ต้องมีรูปถ่าย 2 ใบ สำเนาพาสปอร์ต ฯลฯ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน นักธุรกิจจีนเสนอให้เชียงรายมีการพัฒนามัคคุเทศก์หรือไกด์นำเที่ยวที่ใช้ภาษาจีนกลางให้ดี เพราะที่ผ่านมาพบว่ายังต้องการการพัฒนาอีกมาก

Mr. Li Wei Hua ผู้จัดการบริษัทหยุนหนัน เทียนดา อินเตอร์เนชันแนล ทราเวล จำกัด กล่าวว่า สถานที่ท่องเที่ยวเชียงรายน่าสนใจมาก แต่ตนขอเสนอให้ปรับแพกเกจทัวร์ให้เหมาะสม เพราะที่จัดไว้นั้นกำหนดสถานที่ที่ห่างกันมากเกินไปจึงต้องใช้เวลาเดินทางบางแห่งนับชั่วโมง จึงควรรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กันไว้ในแพกเกจเดียวกัน กรณีการนำทัวร์ไปซื้อสินค้าก็ควรจะแจ้งถึงที่มาที่ไปของสินค้า หรือมีเป้าหมายชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมานำไปทุกร้านทำให้นักท่องเที่ยวสับสน เหนื่อยกับการเดินทาง

Ms. Huang Zirong ผู้จัดการสายการบินไชน่าอีสเทิร์น กล่าวว่า ปัจจุบันไชน่าอีสเทิร์นมีสาขากว่า 38 แห่งในประเทศจีน และให้บริการทำการบินระหว่างเชียงราย-คุนหมิง สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ด้วยเครื่องบินขนาด 45 ที่นั่ง แต่สัญญาการทำการบินจะหมดลงในเดือน พ.ย. 55 นี้แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีสาขาในจีนหลายแห่งและยังคงทำการบินไปยังเชียงใหม่อยู่จึงจะสนับสนุนการท่องเที่ยวร่วมกับ จ.เชียงรายต่อไป

ด้านนายอภิชา ตระสินธุ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่นักธุรกิจเชียงราย-หยุนหนันได้ร่วมกันจัดทำแพกเกจทัวร์ และนำออกมาขายร่วมกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะอดีตที่ผ่านมายอมรับว่าเอกชนแต่ละรายจะประกอบธุรกิจแบบต่างคนต่างทำ จนทำให้ธุรกิจรายใหญ่ๆ ได้เปรียบ

ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวที่ จ.เชียงราย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง-เล็กหรือเอสเอ็มอี ดังนั้นครั้งนี้จึงมีการรวมตัวกันเพื่อผลักดันความร่วมมือดังกล่าว โดยทั้ง 30 รายเป็นทั้งโรงแรมระดับต่างๆ รถเช่า บ้านพัก ร้านอาหาร ฯลฯ ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมทัวร์ในแพกเกจให้เรียบร้อย และให้ราคาพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งยังสามารถต่อรองกันได้เป็นกรณีๆ ไป

นอกจากนี้ได้เสนอให้ทางจีนจัดทำแพกเกจไทยไปจีนหรือเชียงราย-คุนหมิงในรูปแบบเดียวกัน โดยให้ราคาพิเศษเหมือนกันด้วยเพื่อรองรับกรณีคณะจากประเทศไทยจะเดินทางไปเยือนในเร็วๆ นี้ต่อไป

ด้านนายสรรเสริญ เงารังษี รองผู้ว่าการด้านการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ ททท.ได้จัดประชุมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี เมื่อเดือน ก.ค. 55 ที่ผ่านมา และครั้งนี้เป็นการขยายผลเป็นเออีซีบวกจีน เพื่อหาวิธีการให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเยือนประเทศไทย ในลักษณะการเชิญนักธุรกิจท่องเที่ยวจากคุนหมิงมาเยือนเชียงรายระหว่างวันที่ 1-6 ก.ย. 55 นี้ เพื่อดูสถานที่ท่องเที่ยวจริงและจัดทำแพกเกจทัวร์ร่วมกัน

ผลของกิจกรรมทั้งหมดทำให้ทราบถึงอุปสรรค เช่น ภาษาจีน ซึ่งได้มอบให้สมาคมท่องเที่ยวเชียงรายร่วมกับสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ฯลฯ พัฒนาบุคลากรให้ดี การจัดทำแพกเกจทัวร์ให้ตรงความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน ฯลฯ

นายสรรเสริญกล่าวอีกว่า ที่ประชุมสรุปว่านักธุรกิจจีนจะนำผลที่ได้ไปประชาสัมพันธ์โฆษณาในจีนตอนใต้ภายในเดือน ก.ย. 55 นี้ โดย ททท.สำนักงานคุนหมิงจะสนับสนุนการโฆษณา จากนั้นจะนำแพกเกจออกมาขายสู่ตลาดเป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 55 เป็นต้นไปถือเป็นช่วงโปรโมชัน โดยร่วมกับสายการบินไชน่าอีสเทิร์นด้วย เพื่อพยุงให้มีการต่อสัญญาทำการบินคุนหมิง-เชียงรายออกไปอีก

จากนั้นอีกราว 2 เดือน คณะจาก ททท.และเชียงรายก็คงจะเดินทางไปคุนหมิงเพื่อหารือเรื่องแพกเกจทัวร์ที่ทางจีนจะทำเพื่อรองรับกรณีมีนักท่องเที่ยวจากเชียงราย-หยุนหนันต่อไป

นายสรรเสริญย้ำว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์มาก หากสำเร็จจะเพิ่มภาคการท่องเที่ยวของเชียงรายและภาคเหนือของไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือนเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาปีละกว่า 1 ล้านคน คุนหมิง 6 ล้านคน และทั้งมณฑลหยุนหนันมีปีละกว่า 30 ล้านคน หากสามารถดึงลงมาได้จำนวนหนึ่งก็จะเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวได้มาก

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในปัจจุบันเส้นทางระหว่างมณฑลหยุนหนัน-เชียงราย สะดวกมากขึ้น มีทั้งสายการบินและถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ระยะทางประมาณ 254 กิโลเมตร และ R3b ไทย-พม่า-จีนตอนใต้ ระยะทางใกล้เคียงกัน

ขณะที่สายการบินไชน่าอีสเทิร์นทำการบินระหว่างเชียงราย-คุนหมิง โดยมีเอกชนเหมาลำผู้โดยสารให้เที่ยวละ 20 ที่นั่งจากทั้งหมด 25 ที่นั่ง เพื่อรับคนไปเที่ยวที่โครงการคิงส์โรมันฯ สามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ของไทย

ส่วนทางเรือแม่น้ำโขงมีการให้บริการกันประปรายเพราะได้รับผลกระทบจากคดีปล้นและยิงเรือจีน 13 ศพเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ก็ดีขึ้นตามลำดับ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #513 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2012, 21:43:08 »

เชียงรายจัดแสดงสินค้าภาคเหนือ-จีเอ็มเอส เตรียมรับ AEC

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   7 กันยายน 2555

เชียงราย - กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนจัดแสดงสินค้าจังหวัดภาคเหนือตอนบนเขต 2 ระบุมีผู้ร่วมแสดงสินค้ากว่า 500 บูท คาดหวังงานนี้จะมีผู้ประกอบการลุ่มน้ำโขงเข้าร่วมเพียบ
       
       นายเฉลิมพล พงษ์ฉบับนภา พาณิชย์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า เนื่องจากในปี 2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การกำหนดแผนโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน จึงได้มีโครงการจัดแสดงสินค้าจังหวัดภาคเหนือตอนบน เขต 2 ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ได้แก่ ไทย จีน ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม ขึ้น ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จาก 17 จังหวัดภาคเหนือได้ให้ความร่วมมือกัน รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อให้งานมีความยิ่งใหญ่ โดยกำหนดจัด “งานแสดงสินค้าภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 2555” ระหว่างวันที่ 18-23 ก.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. ณ ลานสนามบินทหารอากาศ ฝูงบิน 416 (สนามบินเก่า) อ.เมือง จ.เชียงราย
       
       ภายในงานจะมีการจัดแสดงสินค้ากว่า 500 บูท จาก 17 จังหวัดภาคเหนือ และ 6 ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเข้าร่วมงาน ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 300 บูท กลุ่มของสำนักงานพาณิชย์ 17 จังหวัดภาคเหนือ 200 บูท และเพิ่มเติมกลุ่มของประเทศจากอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอีก 60 บูท และยังมีกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การแสดงและจำหน่ายสินค้า SME สินค้าเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาชาวบ้าน สินค้าเกษตรปลอดสรพิษ สินค้าสิ่งบงชี้ทางภูมิศาสตร์ เช่น สับปะรด ชา กาแฟ และสินค้าจากประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง แยกเป็นโซนแต่ละประเทศ นอกจากนั้นยังมีบูทของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศจังหวัดละ 1 บูทเข้ามาร่วมด้วย
       
       นายเฉลิมพลกล่าวอีกว่า นอกจากการแสดงและการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวแล้วยังมีกิจกรรมการประชุมสัมมนาทางวิชาการในวันที่ 18 ก.ย.เรื่องกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้านลอจิสติกส์ ทิศทางการเชื่อมโยงประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยจะมีการพบปะกันของผู้ประกอบการจากไทยและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และ 17 จังหวัดภาคเหนือ และวันที่ 19 ก.ย.จะเป็นพิธีเปิดงานในช่วงเย็นโดยมีกิจกรรมภาคบันเทิงที่มีเหล่าศิลปินจากค่ายดังมาร่วมแสดง เช่น เวสป้า, วิด ไฮเปอร์, บลูเบอร์รี่, เหินฟ้า หน้าเลื่อม, ณัฐ กิติสาร และเอเซียร์ พร้อมกันนี้ยังมีการกำหนดพิธีการลงนามเพื่อจัดทำสินค้าต้นแบบภายในสิ้นเดือน ก.ย.เพื่อเป็นสินค้านำร่องไปสู่ตลาดอาเซียน และมีการจดทะเบียนสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาให้ด้วย
       
       สำหรับลักษณะของพื้นที่การจัดงานแสดงสินค้านั้น จัดทำเป็นพาวิลเลียนติดเครื่องปรับอากาศครอบคลุมทุกพื้นที่ในการจัดงาน แต่ละคูหามีขนาด 3 X 2 เมตร ทางเดินกว้างประมาณ 2 เมตรเศษ เปิดให้เข้างานตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น.ของทั้ง 6 วันจัดงาน และถือว่าเป็นการจัดงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ซึ่งในอนาคตจะมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องทุกปี เชื่อว่าผลจากการจัดงานครั้งนี้จะทำให้เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจและยกระดับ การพัฒนาของสินค้าโอทอปและเอสเอ็มอี และเป็นการเตรียมความพร้อมของสินค้าในภูมิภาคนี้เพื่อก้าวสู่เออีซีต่อไป
       
       ด้าน นายชวลิต สุธรรมวงศ์ ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า งานแสดงสินค้าภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 2555 เป็นการเริ่มต้นการค้าในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งในงานนี้จะมีความหลากหลายในเชิงสินค้าทางวัฒนธรรม นำไปสู่การติดต่อทางการค้าเสรี หลังจากการจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้ ไทยจะได้มีโอกาสศึกษาสินค้าและการค้าของประเทศต่างๆ ในอนุภูมิภาคนี้ว่ามีทิศทางอย่างไรเพื่อการปรับตัวในอนาคต รวมไปถึงเรื่องหัตถกรรม ศิลปวัฒนธรรม ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและพัฒนาสินค้าของไทยให้สามารถก้าวสู่ประชาคมอาเซียนได้ในอนาคตต่อไป


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000110340
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
คนเมือง ณ กว่างกรุง
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 553


กำหนดชีวิตตัวเอง หรือรอให้คนอื่นมากำหนดชีวิตเรา..


« ตอบ #514 เมื่อ: วันที่ 08 กันยายน 2012, 18:09:07 »

อีกหน่อย เจียงฮาย จะเป็นเขตเศรษกิจ ที่มาการซื้อขาย
อีกหลายเท่าตัว... ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"กว่างเจียงของ"
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #515 เมื่อ: วันที่ 18 กันยายน 2012, 19:22:02 »

มฟล.เปิดห้องระดมคนถกแผนรับเออีซี-เล็งทำเมกะโปรเจกต์ยื่น “ปู” ปลายปี

เชียงราย - มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดห้องระดมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกแผนพัฒนาเมืองพ่อขุน ฯรับ เออีซี ในปี 58 ย้อนประสบการณ์ในอดีต ก่อนผุดเมกะโปรเจกต์ รอเสนอ “ปู” เดือนพฤศจิกาฯ 55
       
       รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้จัดให้มีการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางในการนำ จ.เชียงราย เข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่ห้องประชุมเชียงแสน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมีนายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการบางหน่วย ภาคเอกชน นักวิชาการ สื่อมวลชนเข้าร่วม โดยมีการให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับอาเซียนก่อนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปี 2558
       
       ดร.ดร.วันชัยแจ้งต่อที่ประชุมว่า เนื่องจากเชียงรายเป็นประตูสู่อาเซียน และเชื่อมกับมณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน ได้จึงควรมีโครงการใหญ่เพื่อรองรับความเจริญโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดจะเดินทางไปเยือน จ.เชียงราย ราวเดือน พ.ย. 55 ด้วย
       
       รศ.ดร.วันชัยกล่าวว่า เพียงแต่น่าเสียดายที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเสียโอกาสในการเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนช้าไป เพราะมีปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่ปัจจุบันจะต้องเดินหน้าทำต่อไปให้ได้
       
       สำหรับกรณี จ.เชียงราย ถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์ชายแดนที่สำคัญทั้งถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีน ส่วนอาร์สามบี ในพม่าผ่าน อ.แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก-พม่า-จีน ก็พบว่ามีอนาคต เพราะรัฐบาลพม่า ตกลงกับกองกำลังไทใหญ่ได้กว่า 80% แล้ว ส่วนด้านแม่สอด จ.ตาก กับเมืองเมียวดีของพม่าก็ตกลงกันได้เต็มร้อยแล้ว โดยเปิดให้ทหารกะเหรี่ยงเป็นกองกำลังดูแลชายแดนแทนทหารพม่า เป็นต้น
       
       สำหรับโครงการที่จะนำเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระหว่างเดินทางมาที่เชียงรายนั้น ควรเป็นมุมมองใหม่ โดยอาศัยประสบการณ์ในอดีต ซึ่งหลายโครงการไม่น่าจะเป็นไปได้ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ ฯลฯ ซึ่งพูดคุยกันมานานนับสิบๆ ปี รวมทั้งต้องศึกษาจากพื้นที่อื่นๆ เช่น ในอดีตมีการคาดการณ์กันว่าที่เชิงสะพาน จ.หนองคาย เชื่อมกับนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว จะเจริญรุ่งเรือง เพราะช่วงนั้นจะมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว จึงมีการเข้าไปกว๊านซื้อที่ดินกันมาก แต่ท้ายที่สุดความเจริญกลับไปอยู่ที่ จ.อุดรธานี เพราะเส้นทางคมนาคมเข้ามาสะดวก และเหมาะสม ทำให้ต้องนำเรื่อง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งมีการก่อสร้างสะพานเชื่อมไทย-สปป.ลาว เช่นเดียวกันด้วยมาพิจารณาใหม่
       
       นอกจากนี้ ที่ผ่านมาการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวใน จ.เชียงรายแทบไม่มีเลย โดยสังเกตได้จากช่วงหลายปีที่ผ่านมีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นใหม่ๆ น้อยมาก จะมีก็เพียงวัดร่องขุ่น บ้านดำ ที่เกิดจากศิลปินชาวเชียงราย แตกต่างจากในเขตสิบสองปันนา จีนตอนใต้ ที่มีการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่มากมายกว่า 70% ฯลฯ
       
       รศ.ดร.วันชัยยังนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจหลายเรื่องเพื่อสรุปประเด็นว่า จ.เชียงรายอยากจะเป็นอะไรในอาเซียน โดยยกตัวอย่าง เช่น ศูนย์กลางการขนส่งสินค้า ศูนย์กลางยาและสุขภาพ เมืองแห่งการศึกษา เป้าหมายการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก เป็นต้น
       
       จากนั้นได้เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายแสดงความเห็น ซึ่งนายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย อ.เมือง ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ที่สะดวก เช่น รถไฟสู่เชียงราย โดยมีสถานีแห่งหนึ่งอยู่ที่ อ.เวียงชัย ใกล้กับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมือง สามารถเชื่อมไปชายแดน
       
       ขณะเดียวกัน เสนอว่าอาจจะต้องให้รัฐจัดหาที่ดินราว 5,000-10,000 ไร่ แล้วโอนเป็นของรัฐ เพื่อเข้าไปพัฒนาเป็นเมืองใหม่ที่มีผังเมืองและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พัฒนาการศึกษาของลูกหลานเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของพื้นที่ในอนาคต เป็นต้น
       
       นายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า เชียงรายควรเปิดด่านชายแดนที่เดิมเปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 06.30-18.00 น.ให้ขยายออกไปอีกจนถึงกลางคืน เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้า ลดต้นทุน ดึงดูดการลงทุน ฯลฯ ส่วนการเคลื่อนย้ายแรงงานไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีการเปิดเสรีอาชีพในเออีซีแค่ 7 สาขาอาชีพอยู่ เช่น วิศวกร แพทย์ นักบัญชี ฯลฯ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนมีขั้นตอนที่ทำให้การโยกย้ายไปทำงานในต่างประเทศทำได้ไม่ง่ายเกินไป

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000114741
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #516 เมื่อ: วันที่ 18 กันยายน 2012, 19:28:48 »

นักวิชาการจีนสอนบทเรียนบูมเชียงราย รับ “ประตูจีน-อาเซียน” ก่อนเป็นแค่ทางผ่าน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   18 กันยายน 2555 18:39 น.

เชียงราย - กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ระดมกูรูขึ้นเวทีกระตุ้นการเตรียมพร้อมรับประตูเชื่อมอาเซียน-จีน พบมูลค่าการค้าเพิ่มทุกด่านฯ เฉพาะเชียงราย ยอดการค้าขยายตัว 6 เท่าในรอบ 10 ปี เชื่อหลังสะพานข้ามโขง 4-ทางรถไฟเชื่อมถึงมิติการพัฒนาใหม่เกิดแน่ ขณะที่นักวิชาการจีนเตือนบทเรียนความร่วมมือตั้งนิคมฯ เชียงราย ล้มเหลว 9 ปีก่อน อาจหลอนซ้ำทำ “เชียงราย” เป็นได้แค่ระเบียงเศรษฐกิจคุนหมิง-กรุงเทพฯ
       
       วันนี้ (18 ก.ย.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น หอการค้าจังหวัดเชียงราย สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและความร่วมมือการค้าอาเซียน-จีน ฯลฯ ได้จัดการสัมมนาเชิงธุรกิจและการเจรจาจับคู่ธุรกิจ 2555 (Chiangrai Northern Business Forum and Business Matching 2012) ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย
       
       โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งไทย จีน และ สปป.ลาว เข้าร่วมอย่างคึกคัก เช่น นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.กระทรวงการคลัง, นายกร ทัพพะรังสี อดีตนายกรัฐมนตรีและเป็นนายกสมาคมมิตรไทย-จีน, ดร.หลู่ จินซิน ผู้อำนวยการลอจิสติกส์กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ของประเทศจีน ฯลฯ
       
       นายเฉลิมพล พงศ์ฉบับนภา พาณิชย์ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นแม่งาน กล่าวว่า มูลค่าการค้าชายแดน และการค้าผ่านแดนช่องทางภาคเหนือตอนบน 2 มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งการค้าชายแดนไทย-พม่า ไทย-สปป.ลาว ไทย-จีน (ตอนใต้) ในเขตภาคเหนือตอนบน (เชียงราย พะเยา อุตรดิตถ์ และน่าน) ในปี 2554 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 31,655.20 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้า 46.30% เป็นการค้าชายแดนระหว่างไทย-พม่า 12,467.54 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้า 22.36% การค้าชายแดนระหว่างไทย-สปป.ลาว 12,536.27 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้า 115.44% และการค้าผ่านแดนระหว่างไทย-จีนตอนใต้ 6,651.29 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้า 18.17%
       
       ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า การเพิ่มมูลค่าสินค้า การต่อยอดการค้า โดยอาศัยประโยชน์จากภูมิศาสตร์ที่มีเชียงรายเป็น Gate Way เป็นประตูหน้าด่านที่สำคัญ
       
       นายกรกล่าวว่า เชียงรายถือเป็นฐานของประเทศที่จะทำให้เราก้าวขึ้นเป็นเป็นจุดศูนย์กลางของจีเอ็มเอส จึงอยากให้ชาวเชียงรายร่วมมือกันเตรียมความพร้อม ในการรับมือปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาขึ้นหลังจากที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชียงของ และทางรถไฟที่จะมาถึงเชียงราย ในอนาคตสร้างเสร็จ เพราะเมื่อนั้นจะเกิดมิติใหม่ของการพัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค
       
      เมื่อมีการคมนาคมที่สมบูรณ์ทั้งทางบก ทางเรือ และรถไฟ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบก็จะทำให้ชาวเชียงรายได้รับประโยชน์โดยเฉพาะเกิดเงินหมุนเวียนในพื้นที่อย่างมหาศาล แต่ก็ขอให้ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวเหนือไว้ด้วย
       
       ด้าน นายหลู่กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 55 ที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู จำนวน 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นบันทึกความเข้าใจกันลืมว่าด้วยความร่วมมือในโครงการ Kunming Tengjun International Land port และฉบับที่ 2 เป็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการศูนย์ลอจิสติกส์เชียงของ แห่งประเทศไทย ซึ่งฝ่ายที่ลงนามได้แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับเครือบริษัทการลงทุนเกิงจุ้น หยุนหนัน และบริษัทการลงทุนเจี๋ยเฟิงหยุนหนัน และยังมีนายหลี่ เผย เท่อ กรรมการถาวรประจำคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ มณฑลหยุนหนัน เข้าร่วมพิธีลงนาม ในพิธีที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการปฏิรูป และการพัฒนาแห่งมณฑลหยุนหนาน จีนตอนใต้
       
       นายหลู่กล่าวว่า หลายฝ่ายคาดหวังว่าโครงการจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วและเกิดผล ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจะพัฒนาให้ทั้งคุนหมิงและเชียงรายเป็นเมืองท่าที่เชื่อมกันหรือ International Land port เป็นท่าระดับโลก เพราะเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ ในภูมิภาค เชื่อมเศรษฐกิจคุนหมิง-กรุงเทพฯ จึงถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ลุ่มแม่น้ำโขง และเป็นประตูสู่อาเชียน-จีน อย่างแท้จริง โดยถือเป็น 1 ใน 5 โครงการโลจิสติกส์ใหญ่ที่เป็นจุดเชื่อมบนเส้นทางรถไฟสายเอเชีย และตั้งอยู่บนเส้นทางถนนหลักระหว่างประเทศด้วย ขณะนี้โครงการในส่วนของประเทศจีนได้สร้างเสร็จระยะที่หนึ่งแล้ว โดยมีพื้นที่ 1,528 ไร่ มูลค่าการลงทุน 9,060 ล้านหยวน คาดว่าทั้งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2015
       
       นอกจากนี้ ตนยังได้เข้าร่วมโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของนิคมอุตสาหกรรมนิวไฮเทคโนโลยี คุนหมิง ในการจะขยายมาสร้างนิคมเศรษฐกิจภาคเหนือของไทยเมื่อหลายปีก่อน แต่ประสบความล้มเหลว แต่ในปี 2007 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชียงรายอีก โดยจ้างบริษัทที่ปรึกษาปัญญา จำกัด ศูนย์วิจัยลอจิสติกส์จีเอ็มเอส ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาเศรษฐกิจสังคม ที่ได้รับผิดชอบงานวิจัยในส่วนที่เป็นลอจิสติกส์ ดังนั้นจึงยังมีความหวังที่จะเกิดขึ้นได้อยู่
       
       นายหลู่กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค .2009 ประธานาธิบดี หู จิ่น เทา ได้เสนอยุทธศาสตร์พัฒนามณฑล เป็นด่านหน้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ปีเดียวกันรัฐบาลหยุนหนัน ได้ตั้งคณะทำงานศึกษายุทธศาสตร์ด่านหน้า โดยมีนายฉิน กวาง หรง ผู้ว่าราชการมณฑล เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งตนเป็นหนึ่งในกรรมการนั้นด้วย และในปี 2011 สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำประกาศให้หยุนหนันเป็นด่านหน้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้
       
      นายหลู่ยังได้นำเสนอผลงานศึกษาวิจัยของจีนว่า สำหรับ จ.เชียงราย มีประชากร 1.2 ล้าน ชนกลุ่มน้อยคิดเป็นร้อยละ 12.5 เป็นแหล่งผลิตข้าว ใบชา ผลไม้ และไม้ เป็นเมืองประตูสู่การค้าชายแดน มีเส้นทางเชื่อมโยงไปยังเมืองต่างๆ สะดวก ดังนั้นตนคิดว่า เชียงราย สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และมีความเข้มแข็ง อนุรักษ์ความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว พัฒนาบริการ แปรรูปสินค้าและการเกษตรเพื่อการส่งออก การค้าชายแดน ฯลฯ รวมทั้งควรพัฒนากิจการประชุม การแสดงสินค้า การศึกษา การกุศล ฯลฯ โดยมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่สนับสนุนได้
       
       มีตัวอย่างกรณีเมื่อวันที่ 8-14 ส.ค. 2012 นายวิจิต หยาง นายกสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าอาเซียน-จีน ได้จัดแสดงสินค้า 6 ประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีพื้นที่แสดงสินค้า 18,000 ตารางเมตร มีบูท 900 กว่าบูท สินค้ามาจากโครงการหลวง สินค้าหัตถกรรม เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งพบว่าเป็นนิยมของชาวจีนจนต้องแย่งกันซื้อ ภายในงานยังมีการแสดงศิลปมวยไทยได้ดึงดูดคนหนุ่มสาวชาวจีนมาก ทำให้ตลาดบริโภคสินค้าไทยเกิดความคึกคักมากขึ้นด้วย
       
       “ภาพแบบนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นที่เชียงราย ดังนั้น จ.เชียงรายสามารถสอบถามไปยังนายวิจิต เพื่อนำมาพัฒนาพื้นที่ตามที่ผมเสนอได้ นอกจากนี้ตนเสนอให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรางการคลัง ของไทยสนับสนุน จัดงานสัมมนา จัดงานแสดงสินค้า และเชิญผู้นำระดับสูงของธนาคาพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ผู้นำรับดับสูงของประเทศ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงมาร่วมหารือ เพื่อวางแผนในการพัฒนา สร้างเวทีให้คนช่วยกันคิด ช่วยกันทำ และมีการประกาศเกียรติคุณ ยกย่องบุคคลที่มีคุณงามความดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเชียงราย เป็นต้น” นายหลู่กล่าว
       
       เขายังระบุในตอนท้ายว่า ปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนอนุมัติให้มี 19 นิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศ แต่เหตุการณ์เมื่อ 9 ปีก่อนที่ จ.เชียงราย ทำให้บริษัทหยุนหนัน ยังไม่ลืมบทเรียน จึงเป็นสิ่งที่เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้โครงการล้มเหลวอีก ไม่เช่นนั้นตนทำนายได้เลยว่า จ.เชียงราย จะเป็นได้แค่ระเบียงเศรษฐกิจคุนหมิง-กรุงเทพฯ โดยไม่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนเลย
       
       ด้าน นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต กรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า) กล่าวว่า จ.เชียงราย มีความได้เปรียบด้านที่ตั้ง เพราะเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญตามแนวเขตเศรษฐกิจ เหนือ-ใต้ มีด่านถาวร 4 ด่าน ใน 3 อำเภอ และจุดผ่อนปรน 10 แห่ง การค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็น 6 เท่า ในรอบ 10 ปี เหมาะสำหรับเป็นเมืองหน้าด่านประตูเศรษฐกิจของประเทศไทยกับหลากหลายกลุ่ม

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000115074
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #517 เมื่อ: วันที่ 27 กันยายน 2012, 11:22:42 »

'ชัชชาติ' ยัน 5 ปีระบบรางไทยถึงคุณหมิง รับติดขัดฝ่ายบริหาร-บุคลากร ด้านกมธ.คมนาคม แนะ ร.ฟ.ท.ตั้งบริษัทลูกพัฒนาที่ดิน แก้ปัญหาขาดทุน ค้านแปลงเป็นรัฐวิสาหกิจ หวั่นก่อหนี้ก้อนโต

วันที่ 26 กันยายน คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนา เรื่อง "ระบบราง : ปูทางสู่ AEC" ณ ห้องสารนิเทศ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 1 และนิทรรศการการแสดงผลงานของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม จำนวน 9 หน่วยงาน ที่บริเวณห้องโถงชั้น 1 อาคารรัฐสภา โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการคมนาคมระบบราง ในคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีระบบรางแบบทั่วไปประมาณ 4,300 กิโลเมตร รถยนต์ขนส่งมีร้อยละ 84 ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน 80 กิโลเมตร และเพิ่มให้เป็น 470 กิโลเมตร ภายใน 5 ปี ขณะที่รถไฟที่ใช้ขนส่งสินค้ามีร้อยละ 2.5 ซึ่งหากระบบการขนส่งที่เป็นเช่นนี้ต่อไปเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) คงไม่สามารถเชื่อมต่อหรือแข็งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงเป็นที่มาของโครงการรถไฟความเร็วสูง

" 3 ปีต่อจากนี้ ระบบรางจะเพิ่มมากขึ้น เช่น ในกรุงเทพฯ จะมีระบบรางรวมประมาณ 270 กิโลเมตร รวมทั้งจะมีการปรับปรุงหัวรถจักรใหม่ให้มีระบบที่ดีขึ้น เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  อย่างไรก็ตามยังไม่ตัดข้อห่วงกังวลเรื่องความคุ้มทุนและความปลอดภัยของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง"

รมช.คมนาคม กล่าวอีกว่ ในอนาคตไทยจะต้องเชื่อมระบบรางรถไฟไปถึงคุณหมิง ประเทศจีนได้ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสแก่ประเทศไทยในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว แต่ต้องยอมรับว่า ปัญหาระบบรางต่างๆ ของประเทศไทยอยู่ที่การบริหารจัดการ โดยเฉพาะบุคลากร รวมทั้งการกำหนดทิศทางการพัฒนาที่ถูกต้อง ทั้งนี้ การพัฒนาระบบรางไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลหรือรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนต้องช่วยกันทำให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยที่หากมีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารการพัฒนาระบบรางก็ยังต้องคงอยู่"

จี้ 'ยกเครื่อง' รถไฟ-แอร์พอร์ตลิงค์

ขณะที่ดร.สามารถ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่อาเซียนจะต้องพัฒนาระบบรางให้เกิดการเชื่อมโยงเป็นโครงข่าย และเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดก๊าซเรือนกระจก โดยขณะนี้ประเทศสมาชิกในอาเซียนต่างเชื่อมโยงกันด้วยรถไฟที่ใช้รางกว้าง 1.000 เมตร เริ่มจากสิงคโปร์ ผ่านมาเลเซีย ไทย กัมพูชา เวียดนามไปจนถึงคุณหมิงของจีน ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่อาเซียนจะต้องเปลี่ยนรางเป็น 1.435 เมตร เพราะต้องสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล ที่สามารถนำไปสร้างรถไฟสายใหม่ให้เชื่อมโยงถึงกันได้ดีกว่าเดิม เช่น เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมดานัง-สะหวันนะเขต-มุกดาหาร-กาฬสินทร์-ขอนแก่น-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก-แม่สอด-มะละแหม่ง และเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจเหนือใต้ เชื่อมเชียงของ-หลวงน้ำทา-เชียงรุ่งและคุณหมิง

เมื่อถามถึงระบบรถไฟไทย ดร.สามารถ กล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องช่วยกันยกเครื่องรถไฟไทย โดยการเร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ เช่น สายเด่นชัย-เชียงราย สายอุบลราชธานี-ช่องเม็ก สายภาชี-สุพรรณบุรี และสายชุมพร-ระนอง ทั้งนี้ การที่รถไฟความเร็วสูงจะเกิดขึ้นได้ต้องกู้เงินมาสร้างเท่านั้น จะหวังให้เอกชนมาร่วมลงทุนคงลำบาก เพราะโครงการนี้จะขาดทุน ดังนั้น หากสามารถแบกรับภาระการขาดทุนได้ก็เร่งสร้างรถไฟความเร็วสูงได้

"แนวทางในการแก้ปัญหาการขาดทุนรัฐบาลควรเร่งจัดตั้งบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาที่ดินของการรถไฟฯ ที่มีอยู่ถึง 234,976 ไร่ ที่จะทำให้เกิดรายได้มาบรรเทาหนี้สินของการรถไฟฯ ที่มีอยู่ถึง 110,000 ล้านบาทได้ แต่ผู้บริหารต้องเปลี่ยนความคิดเก่าๆ ที่ว่ารัฐบาลจะเลี้ยงดูเราเป็นเราจะต้องเลี้ยงดูตนเอง"

ดร.สามารถ กล่าวถึงปัญหาการขาดทุนของแอร์พอร์ตลิงค์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟฯ ด้วยว่า ควรจะเปลี่ยนคณะกรรมการบริษัททั้งหมด และตั้งใหม่โดยมีผู้แทนจากบริษัท การบินไทย (จำกัด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนเอกชน ผู้แทนกระทรวงการคลังและผู้แทนจากการรถไฟฯ ซึ่งเป็นการแต่งตั้งในเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่การแต่งตั้งแบบต่างตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกัน

"ไม่เห็นด้วยที่จะเปลี่ยนสถานะของบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะจะไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้ แต่กลับจะสร้างหนี้สินเพิ่มเติมขึ้นอีกมาก ท้ายที่สุด จะได้รัฐวิสาหกิจที่มีหนี้สินก้อนโตเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่งเท่านั้น"

http://www.isranews.org/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/57-2012-08-12-13-59-01/16638--aec-.html#.UGNJsNgUAFk.facebook
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
crlove
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 389



« ตอบ #518 เมื่อ: วันที่ 28 กันยายน 2012, 02:39:07 »

หอประชุมนานาชาติ มหาวิทยาัลัยราชภัฏเชียงราย



นั่นหลังคามันทำไมไม่ตรงอ่ะ ดูเบี้ยว ๆ ๆ จาใดฮุ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #519 เมื่อ: วันที่ 05 ตุลาคม 2012, 10:55:17 »

รพ.เครือเกษมราษฎร์เตรียมขยายสาขาเต็ม พท.ชายแดนไทย-พม่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   4 ตุลาคม 2555
นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารในเครือเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์
       เชียงราย - โรงพยาบาลเครือเกษมราษฎร์เตรียมขยายสาขาเต็มพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ระบุเพื่อเป็นการรองรับ AEC หวั่นการเป็นประชาคมฯ ธุรกิจโรงพยาบาลจะแข่งขันสูง แม้ไม่มีปัญหาสมองไหลแต่แง่การเทกโอเวอร์จากทุนข้ามชาติน่าจับตามอง
       
       วันนี้ (4 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ เชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารในเครือเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระพรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีการจัดตั้งโรงพยาบาล โดยมีผู้บริหารและบุคลากรเข้าร่วมครบครัน
       
       ทั้งนี้ พิธีดังกล่าวมีขึ้นขณะที่ทางบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเอกชนเจ้าของกิจการโรงพยาบาลกำลังมีโครงการขยายกิจการโรงพยาบาลทั้งในพื้นที่ อ.เมือง และอำเภอชายแดนที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ เพื่อรองรับอนาคตอย่างขนานใหญ่
       
       นายแพทย์เฉลิมเปิดเผยว่า ในปัจจุบันเครือเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ให้ความสำคัญต่อกิจการโรง พยาบาลในพื้นที่ จ.เชียงรายอย่างมาก จึงอยู่ในช่วงขยายพื้นที่และกิจการ โดยกรณีโรงพยาบาลใน อ.เมือง เดิมมีเนื้อที่ 7 ไร่ ก็ขยายเป็นประมาณ 26 ไร่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อจะก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลหลังใหม่เพิ่มอีกประมาณ 100 เตียง โดยมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมสรรพเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจบในที่เดียวโดยไม่จำเป็นต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ หรือกรุงเทพฯ อีก
       
       โดยโรงพยาบาลหลังใหม่ดังกล่าวจะใช้งบประมาณราว 800 ล้านบาท และมีค่าเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์อีกประมาณ 100 ล้านบาท ใช้เนื้อที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร ปัจจุบันกำลังดำเนินการโดยต้องผ่านการประเมินผลกระทบ การศึกษาพื้นที่ ฯลฯ และใช้เวลาก่อสร้างอีกราว 1 ปีครึ่ง คาดว่าอย่างเร็วสุดสามารถเปิดได้ราวต้นปี 2558
       
       นายแพทย์เฉลิมกล่าวว่า นอกจากในเขต อ.เมืองแล้ว บริษัทจะขยายกิจการที่อำเภอชายแดนด้วย โดยที่ อ.แม่สาย ชายแดนไทย-พม่านั้นปัจจุบันมีคลินิกของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์อยู่แล้ว แต่สภาพคับแคบอยู่หน้าด่านพรมแดน ขณะที่มีลูกค้าไปใช้บริการวันละกว่า 300 คน จึงได้ขยายไปยังแห่งใหม่บริเวณใกล้เคียงกันเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ เพื่อปรับปรุงด้วยงบประมาณ 120 ล้านบาท เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก 30 เตียง โดยมีแพทย์เฉพาะทางไปประจำและสามารถส่งผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ เชียงราย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ใน อ.เมืองได้ด้วย
       
       เช่นเดียวกับ อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ซึ่งมีถนน R3a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ และสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ-แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งจะมีการสร้างเป็นโรงพยาบาล 30 เตียงขึ้นมาใหม่ด้วยงบประมาณ 120 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดได้ทันกลางปี 2556 ต่อไป ส่วนที่ อ.เชียงแสน ทางบริษัทได้จัดซื้อที่ดินบริเวณเทศบาล ต.เวียงเชียงแสน เอาไว้ประมาณ 11 ไร่เตรียมรองรับอนาคตแล้วด้วย
       
       นายแพทย์เฉลิมกล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเป็นโรงพยาบาลที่มีหุ้นมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท เราจึงมีศักยภาพในการขยายบริการ และสาเหตุที่ให้ความสำคัญที่ จ.เชียงรายมากเพราะประชาคมอาเซียนประกอบด้วย 3 ขา คือ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งกรณีของ จ.เชียงรายถือว่าครบถ้วน ยิ่งจะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ยิ่งต้องมีบริการรองรับภูมิภาคนี้ด้วย
       
       โดยก่อนหน้านี้ตนได้เคยศึกษาดูงานในพื้นที่ตั้งแต่ประเทศจีนและในประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลของไทยถือว่าสูงมาก และมีมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงควรมีบริการรองรับตรงนี้ด้วย
       
       “ผมมีโอกาสเข้าไปเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วยว่าในปัจจุบันไทยเรามีระเบียบให้คนในประเทศเพื่อนบ้านทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว หรือบอร์เดอร์พาสระยะเวลา 7 วัน รัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งระเบียบดังกล่าวอาจจะไม่ทันต่อยุคสมัยและรองรับเออีซีได้โดยเฉพาะการ เจ็บป่วย ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการดูแลรักษา เวลาย่อมไม่เพียงพอรองรับ อาการป่วยบางชนิดที่ต้องใช้เวลามากกว่า 7 วันหรือต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลใหญ่ได้” นายแพทย์เฉลิม กล่าว และว่า
       
       ปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างมากโดยเฉพาะใน สปป.ลาว ที่เขตเศรษฐกิจมากมายโดยเฉพาะตรงกันข้ามสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ที่ยังโตไม่หยุด เช่นเดียวกับในพม่าที่สถานการณ์ดีขึ้น ดังนั้นคนเหล่านี้ย่อมแสวงหาการรักษาพยาบาลที่ดีกว่าจึงเป็นโอกาสที่ดีของไทยที่จะให้บริการอย่างยิ่ง
       
       ประธานกรรมการบริหารในเครือเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากความกังวลเรื่องการเปิดเออีซีแล้วจะมีปัญหาเรื่องการเข้ามาหรือออกไปหรือปัญหาสมองไหลของบุคลากรทางการแพทย์นั้น ตนเห็นว่าไม่น่าห่วง เพราะอาชีพดังกล่าวแม้จะมีอัตราขาดแคลนในประเทศไทยสูง แต่ระเบียบกฎเกณฑ์ในการทำงานก็สูงตามไปด้วย เช่น ต้องสอบผ่านภาษาของประเทศนั้นๆ เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าจับตามองกลับเป็นเรื่องกลุ่มทุนข้ามชาติมากกว่า
       
       โดยปัจจุบันพบว่ามีกลุ่มทุน เช่น กลุ่มคาซาน่า ฯลฯ เริ่มตระเวนซื้อกิจการโรงพยาบาลและอื่นๆ ในประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย ฯลฯ คาดว่าเพื่อเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์ข้ามประเทศดังกล่าว แต่จะใช้การเข้าไปซื้อหรือเทกโอเวอร์กิจการโรงพยาบาลโดยตรง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีกิจการโรงพยาบาลในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 14 ราย จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000121806
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 ... 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 [26] 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!