เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 03:51:25
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 [27] 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 439978 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #520 เมื่อ: วันที่ 05 ตุลาคม 2012, 23:00:47 »

ทุ่มงบ 100 ล้านปั้นสนามบิน ชร. จีนบินเชื่อมคุนหมิงต่อเนื่อง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   5 ตุลาคม 2555

เชียงราย - ทุ่มนับร้อยล้านเร่งพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เดินหน้าเชื่อมเส้นทางบินเชียงราย-จีน ล่าสุดไชน่าแอร์ไลน์ขยายสัญญาเปิดบิน ชร.-คุนหมิงยาวถึงมีนาคม 56

วันนี้ (5 ต.ค.) นายดำรง คล่องอักขระ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้แถลงข่าวผลการดำเนินการของท่าอากาศยานในปี 2555 เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปีของท่าอากาศยาน และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อว่า “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2553 ว่า ปัจจุบันมีสายการบินภายในประเทศรวม 5 สายการบิน และทำการบินระหว่างประเทศจำนวน 1 สายการบิน คือ จากเชียงราย-คุนหมิง มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน ทำให้ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงให้บริการบินเฉลี่ยวันละ 18 เที่ยวบิน

โดยในปี 2555 จนถึงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาท่าอากาศยานมีสถิติจำนวนเที่ยวบินเข้าออกรวม 5,255 เที่ยว มีผู้โดยสารไปใช้บริการจำนวน 698,916 คน สินค้าเข้าออกรวม 3,584,669 ตัน

สำหรับปี 2556 ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้รับงบประมาณในการดำเนินการหลายโครงการ ได้แก่ ปรับปรุงระบบไฟฟ้าสนามบิน 35,576,200 บาท ก่อสร้างขยายจุดเลี้ยวหัวท้ายทางขึ้นลง หรือรันเวย์สนามบินบริเวณหัวทางวิ่ง 21 จำนวน 21,000,000 บาท จ้างสำรวจ ออกแบบ และปรับปรุงห้องน้ำให้บริการแก่ผู้โดยสารและผู้ไปใช้บริการ 20,000,000 บาท ก่อสร้างขยายระเบียงย้ายพร้อมติดตั้งสะพานเทียบเครื่องบิน บริเวณหลุมจอดอากาศยานหมายเลข 4 จำนวน 16,000,000 บาท ซ่อมหลังคาอาคารผู้โดยสาร 9,900,000 บาท ปรับปรุงห้องน้ำภายในห้องผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศและระหว่างประเทศรวมทั้งห้องโถงผู้โดยสาร 4,355,000 บาท ซื้อพร้อมติดตั้งทดแทนและปรับปรุงอุปกรณ์กล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือซีซีทีบี 3,717,000 บาท บันไดเลื่อน 2 ตัวรวม 2,000,000 บาท และก่อสร้างถังตกตะกอนขนาด 20 ลูกบาศก์เมตร 800,000 บาท

นอกจากนี้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดแผนพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย แผนระยะสั้นระหว่างปีงบประมาณ 2557-2558 ประกอบด้วยก่อสร้างจุดเลี้ยวบริเวณกึ่งกลางทางวิ่ง 21 งบประมาณ 15,000,000 บาท จ้างศึกษาและจัดทำแผนแม่บทท่าอากาศยาน 15,000,000 บาท และปี 2558 ประกอบด้วยสร้างจุดเลี้ยวบริเวณกึ่งกลางทางวิ่ง 03 งบประมาณ 15,000,000 บาท ก่อสร้างจุดเลี้ยวหัวทางวิ่ง 03 งบประมาณ 21,000,000 บาท

นายดำรงกล่าวว่า สำหรับการให้บริการการบินของ จ.เชียงรายถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น และล่าสุดสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ ซึ่งสัญญาทำการบินเชียงราย-คุนหมิงได้สิ้นสุดในเดือน ต.ค. 55 นี้ ก็ได้ขยายทำการบินออกไปอีกจาก ต.ค. 2555-มี.ค. 2556 แล้ว และจากการเดินทางไปประชาสัมพันธ์หรือโรดโชว์ที่ประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้ ก็พบว่าในอนาคตอาจจะมีแนวโน้มที่สายการบินอื่นๆ จะมาเปิดให้บริการมากขึ้นอีก

ส่วนกรณีที่มีกระแสว่าโครงการคิงส์โรมันฯ ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีการก่อสร้างสนามบินนั้น คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เพราะเป็นเพียงสนามบินขนาดเล็ก และการจะเปิดสายการบินนั้นยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนและอื่นๆ อีกมากมาย

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9550000122282
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #521 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 16:58:52 »

คมนาคมตามจี้สะพานข้ามโขงเชื่อม2แผ่นดิน


ข่าวภูมิภาค 16 October 2555 - 00:00

  พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลลาว และรัฐบาลจีน ด้วยงบประมาณ 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมทางบกของทั้ง 3 ประเทศเข้าด้วยกันตามแนวเส้นทางถนนอาร์ 3A โดยรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเป็นผู้ออกค่าดำเนินการฝ่ายละ 22 ล้านดอลลาร์ พบว่าการก่อสร้างคืบหน้า 60%
    จากนั้นได้ไปติดตามความก้าวหน้าในการให้บริการของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนแห่งที่ 2 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่สร้างขึ้นเพื่อลดความแออัดของท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 เป็นการอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งจีน พม่า และลาว ผ่านทางลำน้ำโขงด้วยต้นทุนที่ต่ำ โดยได้รับอนุมัติงบประมาณ 1,500 ล้านบาทในปี 2552 เปิดให้ทดลองใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
    พล.ต.อ.ชัจจ์กล่าวว่า กระทรวงมีกำหนดการจะประกอบพิธีอย่างเป็นทางการในโครงการทั้ง 2 แห่งนี้ ในวันที่ 12 ธ.ค. โดยจะเชิญนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานประกอบพิธีเชื่อมสะพาน 2 แผ่นดิน และเปิดการใช้ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนแห่งที่ 2 ด้วย เพื่อเป็นการแสดงถึงความพร้อมของเครือข่ายคมนาคมของประเทศไทยที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2015 นี้ด้วย.

http://www.thaipost.net/x-cite/161012/63778
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #522 เมื่อ: วันที่ 24 ตุลาคม 2012, 19:09:20 »

ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว

วันพุธ ที่ 24 ต.ค. 2555




ทอท. 24 ต.ค. - ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมและเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย จะมีเที่ยวบินและผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.เป็นจำนวนมาก จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับการประสานจากสายการบิน คาดว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 802 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปกติที่มี 715 เที่ยวบินต่อวัน โดยเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ จำนวน 626 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศ 176 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 142,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีจำนวนประมาณ 119,000 คน โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 110,000 คน ผู้โดยสารภายในประเทศ 32,000 คน ซึ่งผู้โดยสารต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางมาในช่วงนี้มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐอินเดีย

ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ กล่าวว่า สำหรับท่าอากาศยานที่มีปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นรองลงมา ได้แก่ ท่าอากาศยานภูเก็ต มีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 178 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 31,000 คน จากปกติมีเที่ยวบินเฉลี่ย 163 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสาร 25,030 คนต่อวัน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีเที่ยวบินเฉลี่ย 124 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารเฉลี่ย 15,000 คนต่อวัน จากปกติมีเที่ยวบินเฉลี่ย 97 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสาร 11,840 คนต่อวัน ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีเที่ยวบินเฉลี่ย 47 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารเฉลี่ย 7,000 คนต่อวัน จากปกติมีเที่ยวบินเฉลี่ย 40 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสาร 5,500 คนต่อวัน ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีเที่ยวบินเฉลี่ย 22 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารเฉลี่ย 2,500 คนต่อวัน จากปกติมีเที่ยวบินเฉลี่ย 18 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสาร 2,200 คนต่อวัน

สำหรับท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งได้เพิ่มการให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีสายการบินแอร์เอเชียย้ายฐานมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้ปริมาณการจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น มีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 277 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร 24,797 คนต่อวัน และเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว จึงทำให้ ทดม.มีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 322 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 40,000 คน.- สำนักข่าวไทย
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #523 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2012, 17:49:57 »

ที่ดิน “เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ-แม่จัน” ราคายังพุ่งสูง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   25 ตุลาคม 2555

เชียงราย - ราคาที่ดิน “เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ-แม่จัน” ยังพุ่งสูง ขณะที่ราคาประเมินเพิ่มแค่ 10-20% เหมือนกันทั้งจังหวัด คาดหลังเปิด AEC คนแห่ซื้อขายกันมากขึ้น แต่พื้นที่ยุทธศาสตร์ตามแนวชายแดนยังเป็นที่ ส.ป.ก.อยู่
       
       วันนี้ (25 ต.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานที่ดิน จ.เชียงราย สาขา อ.เชียงแสน ซึ่งกรมที่ดินได้จัดสรรงบประมาณกว่า 16 ล้านบาทสร้างขึ้นใหม่บนพื้นที่บ้านเวียงเหนือ ม.2 ต.เวียง อ.เชียงแสน เพื่อรองรับการขยายตัวในการให้บริการประชาชน โดยมีนายวิษณุ ธันวรักษ์กิจ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เชียงราย นำคณะหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วม
       
       โดยสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เป็นที่สาธารณประโยชน์ตั้งอยู่ติดถนนเลี่ยงเมืองหรือบายพาสใกล้กำแพงเมืองเชียงแสน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 336 วันแล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2556
       
       นายวิษณุกล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานที่ อ.เชียงแสนต้องเช่าอาคารในการดำเนินการมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขณะที่จำนวนประชากรที่ไปใช้บริการมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นทางกรมที่ดินจึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการก่อสร้างสำนักงานใหม่ สำหรับในอนาคตเมื่อมีการเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 คงจะมีความพยายามเข้ามาถือครองที่ดินในพื้นที่กันเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จำนวนที่ดินมีจำกัดอยู่แล้ว
       
       โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงโดยเป็นเมืองท่าเรือในแม่น้ำโขงและเชื่อมโยงไปถึงชายแดนด้าน อ.แม่สาย และสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมถนน R3a ที่ อ.เชียงของ
       
       อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันราคาประเมินไม่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมมากนัก โดยเพิ่มขึ้นจากราคาประเมินเดิมประมาณ 10-20% เท่านั้น ซึ่งเหมือนกันทั้งจังหวัด
       
       นายวิษณุกล่าวอีกว่า แต่สำหรับราคาซื้อขายที่ดินที่ยังสูงและเพิ่มสูงขึ้นคือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ส่วนที่เหลือยังคงใกล้เคียงกับราคาเดิม
       
       ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีที่ดินปฏิรูปเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) อยู่อีกหลายพื้นที่ที่เคยมีการประกาศคลุมทั้งอำเภอ ซึ่งหากมีการยกเลิกในบางจุดที่ประชาชนถือครองอยู่แต่เดิมแล้วก็จะทำให้มีที่ดินที่ทางกรมที่ดินสามารถเข้าไปออกโฉนดให้ได้ต่อไป ซึ่งขณะนี้มีเพียง อ.เวียงชัยที่มีการประกาศยกเลิก แต่หลายอำเภอยังประสบปัญหานี้อยู่ แต่กรมที่ดินก็ได้ตั้งหน่วยปฏิรูปที่ดินขึ้นเพื่อให้แยกแยะที่ดินต่างๆ ทั่วประเทศให้เป็นที่ชัดเจน เช่น กรมที่ดิน ส.ป.ก.ป่าไม้ ธนารักษ์ ฯลฯ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหรือให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนที่ถือครองอยู่ต่อไป
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับราคาประเมินที่ดินที่ อ.เชียงแสน พบว่าที่ดินบริเวณถนนแม่สาย-เชียงแสน บริเวณสามเหลี่ยมทองคำมีราคาสูงถึงไร่ละกว่า 11 ล้านบาท บางจุดราคาไร่ละ 10 ล้านบาท ส่วนที่ดินติดถนนสายเชียงแสน-แม่จันมีราคาไร่ละประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนที่อื่นๆ ลดหลั่นกันลงไป โดยมีราคาตั้งแต่ 50,000 บาทจนถึงล้านบาทต่อไร่


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000130498
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #524 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2012, 18:25:40 »

กาแฟดอยช้าง'ช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยสร้างรายได้แตะปีละ 3 พันล.
วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม 2012


สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ชูกาแฟดอยช้างเจ๋ง ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวส่งผลเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกร และผู้ประกอบการแปรรูป ได้ถึงปีละเกือบ 3 พันล้านบาท เผย ปี 2555ดอยช้างสามารถผลิตกาแฟดิบได้ 3,500 ตัน ด้านภาครัฐ และเอกชน พร้อมจับมือหนุนขยายพื้นที่ปลูก คาด 3 - 5 ปีข้างหน้า จะสามารถทำรายได้เข้าดอยช้างได้ถึงปีละ 1 หมื่นล้านบาท


นายสุรศักดิ์  พันธ์นพ รองเลขาธิการและรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การผลิตกาแฟพันธุ์อราบิกาในภาคเหนือของไทย ซึ่งพบว่า มีแหล่งปลูกที่สำคัญอยู่ที่ดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดยนิยมปลูกในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลที่ 1,300 - 1,700 เมตร ภูมิอากาศมีลักษณะหนาวเย็นเหมาะกับกาแฟพันธุ์อราบิกา ส่วนสายพันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ สายพันธุ์แคทรูรา (Caturra)  และ ทิปิกา (Typica )

สำหรับดอยช้างมีเนื้อที่ปลูกกาแฟประมาณ 30,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 70 ของเนื้อที่ปลูกกาแฟทั้งหมดของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเกษตรกรจะเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟสด (ผลเชอร์รี่) ขายให้แก่โรงงานแปรรูปในดอยช้าง ที่ราคากิโลกรัมละ 20 - 30 บาท โดยโรงงานจะนำผลเชอร์รี่มาสีและหมักระยะหนึ่งจึงได้เป็นเมล็ดกาแฟดิบ หรือที่เรียกว่าสารกาแฟ ซึ่งราคาเมล็ดกาแฟดิบ จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 180 - 200 บาท  และจากการสำรวจในปี 2555 ดอยช้างสามารถผลิตกาแฟดิบได้ทั้งหมด 3,500 ตัน ให้ผลผลิตต่อไร่ 350 กิโลกรัม โดยช่วงเก็บเกี่ยวจะอยู่ระหว่างเดือน ตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์ ของทุกปี ซึ่งผลผลิตกาแฟในดอยช้างทั้งหมดจะขายให้กับโรงงานแปรรูปในแหล่งผลิต และส่วนใหญ่นำไปแปรรูปเป็นกาแฟคั่วบด

รองเลขาธิการกล่าวต่อไปว่า กาแฟดอยช้าง นับว่าได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยทำชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งในเรื่องคุณภาพ กลิ่นและรสชาติที่ดีเยี่ยม มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นที่ต้องการของตลาดมาก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีประเทศที่นำเข้ากาแฟจากดอยช้าง เช่น แคนาดา สิงคโปร์ ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และ เกาหลีใต้  ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกร และ ผู้ประกอบการแปรรูป ได้ถึงปีละ 2,000 - 3,000 ล้านบาท ทำให้กาแฟของดอยช้างผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้นมากกว่าแหล่งผลิตอื่น โดยเมล็ดกาแฟคั่วนั้น สามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละ 1,600 บาท ทั้งนี้ จากความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ รวมทั้งการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ปัจจุบันทั้งภาครัฐ และเอกชนได้มีส่วนร่วมในการเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกกาแฟอราบิกาเพิ่มขึ้น และคาดว่าใน 3 - 5 ปี ข้างหน้า กาแฟจะให้ผลผลิตได้เต็มที่ และสามารถทำรายได้เข้าดอยช้างปีละ 10,000 ล้านบาท

 http://www.thanonline.com
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #525 เมื่อ: วันที่ 31 ตุลาคม 2012, 18:51:18 »

R3A ความหวังของเชียงราย
วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2555 เวลา 00:00 น.

ถนน R3A เชื่อมลาว จีน เหลือรอสะพานข้ามแม่น้ำโขง แต่ทุนต่างถิ่นแห่เข้าเชียงรายคึกคัก เรียกร้องรัฐเร่งเพิ่มถนนรับทางหลวงข้ามประเทศ

นายเกรียงไกร วีระฤทธิพันธ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ทางหลวงสายใหม่ อาร์ 3 เอ (R3A) เชื่อม 3 ประเทศ คือ ไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มต้นจากเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ผ่านแขวงหลวงน้ำทา ถึงเมืองจิ่งหง หรือเชียงรุ้ง หรือสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนาน ของจีน ก่อสร้างเสร็จ ใช้เดินทางไปตลอด เหลือเพียงสะพานข้ามแม่น้ำโขง จาก อ.เชียงของ ไปสู่ประเทศลาว ซึ่งจะใช้เวลาอีก 1 ปีจึงเสร็จ แต่ในระหว่างนี้ การขนส่งสินค้าข้ามประเทศไม่ได้รอให้การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ยังใช้โป๊ะแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำโขงไปมาอยู่ อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้ทำให้การเดินทางสู่จีนเร็วขึ้น ใช้เวลาเพียง 6 ชม. จากที่เคยใช้เวลาถึง 2 วัน

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในด้านการลงทุนประกอบการ เพื่อรองรับกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะมาถึงในปี 2558 เริ่มมีทุนจากต่างถิ่นเข้าไปในจังหวัดมากขึ้น เกิดการเปลี่ยน แปลงอย่างมากในรอบสิบปีที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าที่รู้จัก กันดี เช่น ห้างบิ๊กซี ห้างโลตัส ขนาดกลาง ห้างเซ็นทรัล เปิดกิจการแล้ว ธุรกิจโรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ล้านนา โรงพยาบาลแมคคอมิก กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็มีหลายราย เช่น โนเบิลเฮาส์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีผู้ผลิตไก่สดเพื่อการส่งออกตั้งโรงงานแล้ว

“สิ่งที่ผู้ประกอบการพยายามเรียกร้องกับหน่วยงานรัฐ คือการเร่งพัฒนาระบบการคมนาคมและขนส่งให้ดีขึ้น โดยขณะนี้ ทางหลวงระหว่างประเทศเสร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่ เหลือเพียงสะพานข้ามแม่น้ำโขง หากเสร็จจะมีรถยนต์ผ่านมากขึ้น แต่เส้นทางเชื่อมระหว่างตัวเมืองเชียงรายไปสู่อำเภอแม่สาย ระยะทาง 60 กม.ยังเป็นถนนหลักสายเดิม ผิวถนนมีจำกัดทำให้การจราจรติดขัด ขณะที่ถนนระหว่างอำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ ขยายเป็น 4 ช่องจราจรแล้ว แต่ไม่มีระบบถนนวงแหวน ถนนทุกสายต้องผ่านใจกลางเมือง จึงมีปัญหาอย่างมาก นอกจากนี้ควรเร่งรัดให้เกิดทางรถไฟจากสถานีเด่นชัย จ.แพร่ ให้ถึงเชียงรายได้แล้ว” นายเกรียงไกรกล่าว.

http://www.dailynews.co.th/businesss/163767
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #526 เมื่อ: วันที่ 03 พฤศจิกายน 2012, 22:58:54 »

ทช.หั่นงบปี 56 ทำถนนไร้ฝุ่น 4.5 พันล.

   
    

 
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า งบประมาณ 2556 กรมฯได้รับจัดสรรงบ ประมาณรวม 3.39 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุน จำนวน 3.25 หมื่นล้านบาท งบบุคลากร จำนวน 1.11 พันล้าน บาท งบดำเนินงาน จำนวน 242 ล้านบาท และงบรายจ่ายอื่น จำนวน 42 ล้านบาท โดยในส่วนของงบลงทุน 3.25 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย งบลงทุนโครงการใหม่ จำนวน 2.76 หมื่นล้านบาท และงบผูกพัน จำนวน 4.89 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการใหม่ๆ ที่ สำคัญ ได้แก่ โครงการถนนยกระดับสาย คลองเกาะผี จังหวัดภูเก็ต งบประมาณ 170 ล้านบาท โครงการถนนสาย ง ผัง เมืองรวมชัยภูมิ 120 ล้านบาท โครงการถนนสาย จ และ ฉ ผังเมืองรวมเมืองแม่ สอด จังหวัดตาก งบประมาณ 235 ล้านบาท โครงการถนนสาย ค เลี่ยงเมืองด้านใต้ จังหวัดสุโขทัย งบประมาณ 376 ล้านบาท

โครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตามแผนถนนสาย ก ผังเมืองรวมพระนครศรีอยุธยา ตอน 2 งบประมาณ 360 ล้านบาท โครงการสายเชื่อม จ3-วงแหวนตะวันตก (ตอนที่1) จังหวัดเชียงราย งบประมาณ 700 ล้านบาท โครงการถนนบ้านใต้- ท้องนายปาน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี งบ ประมาณ 85 ล้านบาท โครงการสนับสนุน โครงการพระราชดำริ จำนวน 10 สายทางงบประมาณ 389 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนโครงการหลวง จำนวน 4 สายทาง งบประมาณ 230 ล้านบาท

นอกจากนี้ ปีงบ ประมาณ 2556 กรมฯได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 4.5 พันล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการยกระดับถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางรวมระยะทาง 750 กม. และยังเหลือถนนที่ต้องปรับปรุงอีกกว่า 5,000 กม. ที่ต้องดำเนิน การตามแผน โดยจะทยอยของบประมาณเพื่อมาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ตามแผนจะของบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนปีละ 1,200 กม. ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี

ส่วนกรณีที่กรอบแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งปีงบประมาณ พ.ศ.2556-2563 ของกระทรวงคมนาคม มูลค่า 1.99 ล้านล้านบาท ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านระบบราง สัดส่วนประมาณ 64% ระบบถนนอยู่ที่สัดส่วน 24% จะส่งผลกระทบต่องานของทช.หรือไม่นั้น นายชาติชาย กล่าวว่าจะไม่กระทบต่อการพัฒนาและบำรุงรักษาถนนทางหลวงชนบท เนื่องจากกรมของบประมาณเพื่อใช้บำรุงรักษาถนน ซึ่งในปี 2556 ได้จัดสรรเพื่อบำรุงรักษาทาง ประมาณ 1.49 หมื่นล้านบาท

http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413368785
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #527 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2012, 08:08:09 »

ที่ดิน “เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ-แม่จัน” ราคายังพุ่งสูง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   25 ตุลาคม 2555

เชียงราย - ราคาที่ดิน “เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ-แม่จัน” ยังพุ่งสูง ขณะที่ราคาประเมินเพิ่มแค่ 10-20% เหมือนกันทั้งจังหวัด คาดหลังเปิด AEC คนแห่ซื้อขายกันมากขึ้น แต่พื้นที่ยุทธศาสตร์ตามแนวชายแดนยังเป็นที่ ส.ป.ก.อยู่
       
       วันนี้ (25 ต.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานที่ดิน จ.เชียงราย สาขา อ.เชียงแสน ซึ่งกรมที่ดินได้จัดสรรงบประมาณกว่า 16 ล้านบาทสร้างขึ้นใหม่บนพื้นที่บ้านเวียงเหนือ ม.2 ต.เวียง อ.เชียงแสน เพื่อรองรับการขยายตัวในการให้บริการประชาชน โดยมีนายวิษณุ ธันวรักษ์กิจ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เชียงราย นำคณะหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วม
       
       โดยสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เป็นที่สาธารณประโยชน์ตั้งอยู่ติดถนนเลี่ยงเมืองหรือบายพาสใกล้กำแพงเมืองเชียงแสน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 336 วันแล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2556
       
       นายวิษณุกล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานที่ อ.เชียงแสนต้องเช่าอาคารในการดำเนินการมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขณะที่จำนวนประชากรที่ไปใช้บริการมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นทางกรมที่ดินจึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการก่อสร้างสำนักงานใหม่ สำหรับในอนาคตเมื่อมีการเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 คงจะมีความพยายามเข้ามาถือครองที่ดินในพื้นที่กันเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จำนวนที่ดินมีจำกัดอยู่แล้ว
       
       โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมโยงโดยเป็นเมืองท่าเรือในแม่น้ำโขงและเชื่อมโยงไปถึงชายแดนด้าน อ.แม่สาย และสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมถนน R3a ที่ อ.เชียงของ
       
       อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันราคาประเมินไม่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมมากนัก โดยเพิ่มขึ้นจากราคาประเมินเดิมประมาณ 10-20% เท่านั้น ซึ่งเหมือนกันทั้งจังหวัด
       
       นายวิษณุกล่าวอีกว่า แต่สำหรับราคาซื้อขายที่ดินที่ยังสูงและเพิ่มสูงขึ้นคือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ส่วนที่เหลือยังคงใกล้เคียงกับราคาเดิม
       
       ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีที่ดินปฏิรูปเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) อยู่อีกหลายพื้นที่ที่เคยมีการประกาศคลุมทั้งอำเภอ ซึ่งหากมีการยกเลิกในบางจุดที่ประชาชนถือครองอยู่แต่เดิมแล้วก็จะทำให้มีที่ดินที่ทางกรมที่ดินสามารถเข้าไปออกโฉนดให้ได้ต่อไป ซึ่งขณะนี้มีเพียง อ.เวียงชัยที่มีการประกาศยกเลิก แต่หลายอำเภอยังประสบปัญหานี้อยู่ แต่กรมที่ดินก็ได้ตั้งหน่วยปฏิรูปที่ดินขึ้นเพื่อให้แยกแยะที่ดินต่างๆ ทั่วประเทศให้เป็นที่ชัดเจน เช่น กรมที่ดิน ส.ป.ก.ป่าไม้ ธนารักษ์ ฯลฯ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหรือให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนที่ถือครองอยู่ต่อไป
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับราคาประเมินที่ดินที่ อ.เชียงแสน พบว่าที่ดินบริเวณถนนแม่สาย-เชียงแสน บริเวณสามเหลี่ยมทองคำมีราคาสูงถึงไร่ละกว่า 11 ล้านบาท บางจุดราคาไร่ละ 10 ล้านบาท ส่วนที่ดินติดถนนสายเชียงแสน-แม่จันมีราคาไร่ละประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนที่อื่นๆ ลดหลั่นกันลงไป โดยมีราคาตั้งแต่ 50,000 บาทจนถึงล้านบาทต่อไร่


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000130498
ที่บ้านสบกกพื้นที่ติดริมแม่น้ำโขง ราคาเดี่ยวนี้ 2ล้านกว่าต่อไร่ละ
IP : บันทึกการเข้า

ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #528 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2012, 08:10:57 »

ถนน 4 เลน มาละ เชียงแสน-เชียงของ ตอนนี้มาถึงบ้านกก แล้วครับ


* DSC_0021.jpg (151.94 KB, 1000x669 - ดู 486 ครั้ง.)

* DSC_0023.jpg (152.07 KB, 1000x669 - ดู 422 ครั้ง.)

* DSC_0024.jpg (227.45 KB, 1000x669 - ดู 432 ครั้ง.)

* DSC_0032.jpg (182.9 KB, 1000x669 - ดู 436 ครั้ง.)

* DSC_0035.jpg (200.48 KB, 1000x669 - ดู 409 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #529 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 12:23:01 »

กาแฟดอยช้างทุ่ม300ล.

05 พฤศจิกายน 2555 เวลา 11:25 น.
 


กาแฟดอยช้างขยายกำลังผลิต รับตลาดใน-นอก เล็งบุกอาเซียน พร้อมแตกไลน์เครื่องสำอาง ปีนี้หวัง 1,000 ล้าน

นายวิชา พรหมยงค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล ผู้บริหารธุรกิจกาแฟแบรนด์ดอยช้างครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ในปี 2556 กาแฟดอยช้างจะขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งขยายกำลังการผลิตและการตลาดเพื่อรองรับการขยายพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร

สำหรับแผนขยายธุรกิจในประเทศไทย ปีหน้าจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 165 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตกาแฟในโรงงานเดิมที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็น 6,000 ตันต่อปี ภายใน 2-3 ปีจากนี้ จากเดิมมีกำลังผลิตประมาณ 1,200-1,500 ตันต่อปี เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและส่งออก

ปัจจุบันมีร้านดอยช้างที่เป็นของบริษัทเองมากกว่า 20 สาขา และพันธมิตรอีก 300 กว่าสาขา

ขณะเดียวกัน ยังมองการขยายไลน์ธุรกิจใหม่ต่อยอดแบรนด์ดอยช้างด้วย โดยเน้นกลุ่มสินค้าทางการเกษตร โดยขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ด้วย ภายใต้แบรนด์ “นูด้า” (NUDA) เช่น สบู่ที่ผลิตจากน้ำผึ้ง

พร้อมกันนั้น ได้ขยายไลน์สู่ค้าปลีกด้วยการเปิดร้านดอยช้างมาร์ต และร้านดอยช้างโชห่วย ที่บริเวณเดียวกับไร่กาแฟบนดอยช้าง และเตรียมเปิดร้านอาหารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

ขณะที่ตลาดต่างประเทศนั้น จะลงทุนประมาณ 90-100 ล้านบาท ในลักษณะการร่วมทุนเพื่อก่อสร้างโรงคั่วกาแฟที่เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย เป็นฐานผลิตใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อส่งออกให้กับคู่ค้าต่างประเทศเป็นหลัก จากเดิมที่มีฐานผลิตโรงคั่วใหญ่ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา กับเวนิส ประเทศ อิตาลี

สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี เป็นโอกาสสำคัญของการสร้างแบรนด์ดอยช้างในอาเซียนด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนญี่ปุ่นกับเกาหลี เพื่อร่วมขยายแฟรนไชส์ในอาเซียน โดยวางเป้าหมายเปิด 10 สาขาในช่วงแรก

http://www.posttoday.com
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #530 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2012, 23:27:50 »

กทพ.เสนอคมนาคมไฟเขียว 4ทางด่วน


วันอังคารที่ 06 พฤศจิกายน 2012 เวลา 09:52 น.


การทางพิเศษฯเร่งสรุป 4 โครงการสร้างทางด่วนเชื่อมโยงประเทศเพิ่อนบ้านทั้ง4 ด้าน ก่อนส่งมอบผู้ว่าการ "อัยยณัฐ" เสนอบอร์ดและผู้บริหารกระทรวงคมนาคมผลักดัน  "เส้นทางสะเดาเชื่อมมาเลย์ /เชียงของ- สปป.ลาว /หนองคาย-เวียงจันทน์

และแม่สอดเมียวดี "เข้าวิน คาดลงทุนไม่ถึงแสนล้านบาทแต่ผลประโยชน์คุ้มค่า  เล็งใช้ขนส่งสินค้าและนักท่องเที่ยวรับเออีซี ด้านหอการค้าหนองคายหนุนเต็มที่ ชี้ครม.ยิ่งลักษณ์เห็นชอบในเบื้องต้นแล้ว
          แหล่งข่าวระดับสูงการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ขณะนี้ได้เร่งสรุปการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นโครงการก่อสร้างทางด่วนเชื่อมโยงระหว่างประเทศโดยคณะทำงานได้คัดเลือก 4 โครงการ เพื่อนำเสนอนายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ กทพ.พิจารณาเพื่อนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)กทพ. และผู้บริหารกระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันต่อไป
          โดยทั้ง 4 โครงการดังกล่าวประกอบด้วย 1.โครงการช่วงอำเภอสะเดา-ประเทศมาเลเซีย 2.โครงการช่วงเชียงของ(เชียงราย)-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) (เมืองห้วยทราย)3.โครงการช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ 4.โครงการช่วงแม่สอด –เมียวดี ที่ปัจจุบันมีประชาชนใช้เส้นทางปริมาณมากอีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงต้องการสร้างทางเลือกในการเดินทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบายเพิ่มขึ้น
         " เป็นระยะทางสั้นๆ 5-10 กิโลเมตร คาดว่าทั้ง 4 โครงการจะใช้งบประมาณไม่เกิน 1 แสนล้านบาท แต่สิ่งที่ได้รับทั้งค่าธรรมเนียมการใช้เส้นทาง ปริมาณการนำเข้า-ส่งออกสินค้าสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้อย่างมาก ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าชายแดนช่วงด่านสะเดา-มาเลเซียปัจจุบันเพิ่มสูงถึง 2 แสนล้านบาทจากช่วงก่อนนี้มีเพียง 5 หมื่นล้านบาท จึงต้องเร่งก่อสร้างทางด่วนรองรับไว้ตั้งแต่วันนี้เพราะถนนที่กรมทางหลวงมีแผนก่อสร้างจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างเนื่องจากติดปัญหาด้านงบประมาณ"
          แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าสำหรับช่วงสะเดา-มาเลเซียจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงโดยระยะสั้นๆประมาณ 6 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้งบลงทุน 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างไปตามแนวถนนเส้นทางรถไฟหาดใหญ่ได้จะประหยัดงบประมาณได้อีกมาก หรือก่อสร้างยกระดับให้พื้นที่ใต้ทางด่วนใช้เป็นแนวฟลัดเวย์ก็ได้ โดยอาจใช้พื้นที่ให้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางของทัวร์บริการนักท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือเป็นแนวถนนของกรมทางหลวงวางแผนไว้ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งคงต้องหารือกับกรมทางหลวงต่อไป
          ส่วนโครงการช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ ถือว่าเป็นพื้นที่ใหม่เชื่อมเวียงจันทน์ที่จะก่อสร้างห่างจากแนวสะพานข้ามแม่น้ำโขงปัจจุบันไปทางด้านขวาประมาณ 10 กิโลเมตรให้เป็นทางเลือกการเดินทางสู่เวียงจันทน์ ระยะทาง 10-15 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท นอกเหนือจากทางรถไฟไฮสปีดเทรนที่มีแผนก่อสร้าง หรือโครงการรถไฟช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ที่ขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างแล้วแต่ปริมาณรถยนต์ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ด้านโครงการบริเวณจุดเชียงของกทพ.ต้องการเข้าไปรับบริหารจัดการเพราะจุดดังกล่าวเป็นจุดเชื่อมต่อตามกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนที่มีหลายหน่วยงานเข้าไปทำหน้าที่ช่วงด่านดังกล่าวที่มีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4  ขณะที่โครงการช่วงแม่สอด+เมียวดีนั้น ก็ได้กำหนดแนวก่อสร้างไปทางด้านขวาของแนวสะพานไทย-พม่าเดิม ระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร เพื่อให้เชื่อมโยงกับแนวถนนในเส้นทางหลักในประเทศไทยที่กรมทางหลวงก่อสร้างรองรับไว้แล้วระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตรให้เดินทางเข้าสู่จังหวัดตากได้สะดวกยิ่งขึ้น
                 "โครงการที่หนองคาย-เวียงจันทน์นั้นนายประเสริฐ วิทยาภัทร ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดหนองคาย ได้เห็นชอบโครงการดังกล่าวเนื่องจากจะเป็นการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดหนองคายที่ได้เคยเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรเมื่อครั้งที่ประชุม ณ จังหวัดอุดรธานี เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 โดยได้ขอเสนองบประมาณในการก่อสร้างสะพานคู่ขนานกับสะพานเดิมจำนวน 1,200 ล้านบาท ซึ่งในการศึกษาของกทพ.ครั้งนี้หอการค้าจังหวัดหนองคายได้เสนอให้ กทพ.เร่งรัดดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป" แหล่งข่าวกล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,790 วันที่  8-10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
HARLEY DAVIDSON
BIKER
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,537


HARLEY DAVIDSON & MERCEDES BENZ


« ตอบ #531 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 23:59:34 »

ถนน 4 เลน มาละ เชียงแสน-เชียงของ ตอนนี้มาถึงบ้านกก แล้วครับ

รถวิ่งสบายล่ะทีนี้
IP : บันทึกการเข้า

ขาดแคลนเงินตรา  แต่งชุดนักศึกษามาหาพี่
สุขใดไหนจะเท่า เมื่อล้วงกระเป๋าแล้วเจอตังค์
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #532 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2012, 19:31:11 »

ท่องเที่ยวเชียงรายคึกคัก นักท่องเที่ยวจีนทะลัก


นายอภิชา ตระสิทธุ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงราย เปิดเผยว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวของจ.เชียงรายในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาและไตรมาสที่ 4 ปี 2555 นี้ คึกคักกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดจองและอัตราการเข้าพักในโรงแรมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 70 - 80% เมื่อเปรียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554

นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ที่เดินทางมา ใช้เส้นทางคมนาคมผ่านเส้นทางอาร์ 3 เอ เชื่อมระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย -ลาว - จีน ผ่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ห้วยทราย -หลวงน้ำทา - บ่อเต็น สปป.ลาว และบ่อหาน - เชียงรุ้ง- คุนหมิง ของจีน โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาส่วนใหญ่ชื่นชอบการเที่ยวชมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ดอยตุง ภูชี้ฟ้า ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบว่าตลาดการประชุม-สัมมนาของจ.เชียงรายมีอัตราการเติบโตสูงมาก ทั้งกลุ่มประชุม-สัมมนาของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่จัดขึ้นในโรงแรมต่างๆ จนยอดจากจัดประชุม-สัมมนาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 20%

ส่วนนายดำรง คล่องอักขระ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย กล่าวว่า สถิติผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ในปีงบประมาณ 2555 (ต.ค. 2554 - ก.ย.2555) มีจำนวนทั้งสิ้น 926,546 คน เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2554 ที่มีจำนวนผู้โดยสาร 806,239 คน ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้โดยสารในเดือน ต.ค. 2555 มีจำนวน 88,106 คน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ต.ค. 2554 ที่มีจำนวนผู้โดยสาร 60,820 คน

http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=658772
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #533 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 18:25:06 »

รัฐบาลเร่งแผนรถไฟฟ้าความเร็วสูง 4 เส้นทางหลักเชื่อมโยงจีน-อาเซียน


กรุงเทพฯ 17 พ.ย.- นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ถึงการเดินทางร่วมคณะนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมระบบรถไฟความเร็วสูงที่อังกฤษว่า เป็นการศึกษาดูงานการบริหารระบบรถไฟความเร็วสูงแบบบูรณาการร่วมกับระบบขนส่งมวลชนเชื่อมโยงเส้นทางในประเทศและเมืองสำคัญในภูมิภาคยุโรป โดยในส่วนของไทยในอนาคตไม่เกิน 5-6 ปี ประเทศไทยจะมีระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงลักษณะนี้ในกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกัน โดยอาจจะเชื่อมต่อจากสถานีบางซื่อไปถึงเมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย โดยขอให้ประชาชนทุกฝ่ายร่วมมือกันมองไปถึงอนาคตของประเทศ ที่จะมีการพัฒนาระบบรถไฟฟ้า และระบบรางเชื่อมต่อกับต่างประเทศ

“ขอให้ประชาชนร่วมมือเดินหน้าไปด้วยกัน อย่าอยู่กับสิ่งเก่า ๆ ล้าหลัง หรือพูดถึงการเมืองนอกรูปแบบ เพราะมันหมดยุคแล้ว เราต้องพูดถึงอนาคต ต้องก้าวไปด้วยกัน และต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องการเมือง ส่วนการเมืองนั้น หากเห็นว่ารัฐบาลคอร์รัปชั่น ก็ขอให้บอกว่าจุดไหน เรามีหน่วยงานที่เป็นกลางทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้ง ป.ป.ช. สตง. ก็ต้องไปพูดกันตรงนั้น อย่ามาพูดลอยๆ แล้วทำให้ประชาชนเข้าใจผิด” นายชัชชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาค โดยใช้รถไฟความเร็วสูง เมืองที่มีศักยภาพพอที่จะมีการเชื่อมต่อ ได้แก่ กรุงเทพฯ สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โฮจิมินห์ ซิตี้ พนมเปญ ย่างกุ้ง และเวียงจันทน์ ซึ่งการเชื่อมเมืองเหล่านี้เข้าด้วยกันนั้น สามารถแยกเส้นทางการเดินรถออกได้เป็น 4 เส้นทางหลัก

ประกอบด้วย 1. เส้นทางสายเหนือ ความยาว 1,100 กิโลเมตร เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ ตาก จากนั้นจึงแยกออกเป็น 2 เส้นทาง โดยเส้นทางแรกจะไปสิ้นสุดที่ย่างกุ้ง ส่วนอีกเส้นทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสามารถที่จะเชื่อมต่อไปยังจังหวัดเชียงราย และเมืองคุนหมิงในประเทศจีนได้ในอนาคต 2. เส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือความยาว 600 กิโลเมตรเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ไปสิ้นสุด ณ เวียงจันทน์ ซึ่งสามารถที่จะเชื่อมต่อไปยังฮานอยในประเทศเวียดนามได้ในอนาคต

3. เส้นทางสายตะวันออก ความยาว 800 กิโลเมตร เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปยังพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และไปสิ้นสุดที่โฮจิมินห์ ซิตี้ ประเทศเวียดนาม 4. เส้นทางสายใต้มีความยาวประมาณ 1,900 กิโลเมตรเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ แล้วตรงไปยังสุราษฎร์ธานี จากนั้นจะแยกออกเป็น 2 เส้นทาง โดยเส้นทางแรกจะแยกออกไปยังจังหวัดภูเก็ต ส่วนอีก เส้นทางจะผ่านหาดใหญ่ ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ และไปสิ้นสุดที่ประเทศสิงคโปร์.

 -สำนักข่าวไทย
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #534 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2012, 22:38:36 »

ท่าเรือน้ำโขงมูลค่า 1.5 พันล้านแทบร้าง-เอกชนเมิน ยอมจ่ายค่าปรับแลกเทียบท่าเอกชนแทน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   19 พฤศจิกายน 2555

เชียงราย - ท่าเรือเชียงแสน 2 มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านป่วน เอกชนเมินล่องเรือสินค้าเข้าเทียบท่าหลังเจอปัญหาน้ำโขงแห้ง-ต้นทุนเพิ่ม-ถนนเชื่อมต่อไม่รองรับ แถมไร้สิ่งอำนวยความสะดวกลูกเรือ ฯลฯ จนยอมจ่ายค่าปรับลำละ 3 พันแลกเข้าเทียบท่าเอกชนกันเป็นแถว ล่าสุด กมธ.จีเอ็มเอสยกคณะเข้าตรวจสอบ
       
       วันนี้ (19 พ.ย.) นายสมคิด บาลไธสง ประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการชายแดน (อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง : GMS) สภาผู้แทนราษฎร ได้นำคณะเดินทางไปตรวจสอบการดำเนินการของท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 บนเนื้อที่ประมาณ 387 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา ติดชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่กระทรวงคมนาคมใช้งบประมาณ 1,546.4 ล้านบาท ก่อสร้างและเปิดใช้งานได้ทันตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกิจการท่าเรือเข้าร่วม
       
       ดร.กิตติรัตน์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ในฐานะเลขานุการคณะฯ ได้แจ้งสาเหตุการตรวจสอบว่าเกิดจากการได้รับแจ้งว่าท่าเรือประสบปัญหาเรือสินค้าไม่ยอมเข้าใช้บริการ และยังจะมีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเชียงแสนแห่งที่ 2 ขึ้นที่สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เพิ่มอีกแห่งหนึ่งด้วย รวมทั้งต้องการทราบการดำเนินการของชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงของด้วย
       
       นายวีระ จินนิกร ผู้จัดการท่าเรือเชียงแสน กล่าวว่า ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 สร้างขึ้นเพื่อรองรับสินค้าชายแดนที่เพิ่มมากขึ้นได้ถึง 6 ล้านตันต่อปี รองรับเรือสินค้าขนาด 500 ตันได้ครั้งละ 10 ลำ ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว และมีหน่วยงานเข้าไปประจำทั้ง 9 หน่วย และจะเพิ่มเป็น 10 หน่วยคือสรรพสามิต เพื่อรองรับสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงในเร็วๆ นี้
       
       สภาพปัจจุบันยังมีเรือสินค้าไปใช้บริการ โดยเฉพาะไก่แช่แข็งที่ส่งออกวันละกว่า 20-30 ตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับกรณีที่ระบุว่าเรือสินค้าไม่ไปใช้บริการที่ท่าเรือทั้งหมดนั้นพบว่าเกิดจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงในปัจจุบันลึกประมาณ 2.50 เมตร เรือสินค้าจีนกินน้ำลึกตั้งแต่ 1.80 เมตร และในฤดูแล้งนี้คาดว่าระดับน้ำก็คงจะลดลงอีกตามปกติทุกปี โดยคาดว่าสภาพน้ำโขงลึกพอแล่นเรือได้ต่อไปอีกราว 2 เดือนก่อนจะแห้งกว่านี้
       
       ดังนั้น จึงทำให้เรือไปใช้บริการเทียบท่าเรือห้าเชียง ซึ่งเป็นของเอกชนที่บ้านสบรวก สามเหลี่ยมทองคำแทน รวมทั้งมีอุปสรรคถนน 4 ช่องจราจร ระยะทาง 14.550 กิโลเมตรที่จะเชื่อมท่าเรือ-อ.เมืองเชียงราย มูลค่า 809.580 ล้านบาท ยังไม่แล้วเสร็จ ที่มีกำหนดก่อสร้างตั้งแต่ 22 ก.ย. 2554-9 มี.ค. 2557 ด้วย แต่ถ้าเสร็จจะย่นระยะทางได้กว่า 30 กิโลเมตร ทำให้ปัจจุบันท่าเรือต้องกำหนดมาตรการจูงใจด้วยการพยายามหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้เรือสินค้ามากขึ้น และลดราคา 50% เป็นเวลา 3 เดือนด้วย
       
       ด้านนางเกศสุดา สังขกร รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายการค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า สาเหตุที่ผู้ประกอบการค้าไม่ไปใช้บริการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 มากและหันไปใช้ท่าเรือเอกชนที่สามเหลี่ยมทองคำเพราะต้นทุนสูงกว่า โดยต้องเดินทางไกลจากท่าเรือแห่งที่ 1 ในปัจจุบันถึง 6 กิโลเมตร เสียค่าใช้จ่ายเที่ยวละนับหมื่นบาท
       
       ทั้งนี้ เมื่อตอนเปิดใช้ท่าเรือเชียงแสน 2 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 55 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการถูกบีบให้ไปใช้บริการ แต่ปรากฏว่าสะพานข้ามลำน้ำคำที่เชื่อมไปยังท่าเรือพังเสียหาย ต้องหันไปใช้เส้นทางอ้อมก็ผ่านถนนในหมู่บ้านทำให้ถนนพังเสียหาย เมื่อจะกลับไปใช้ท่าเรือแห่งเดิมก็ถูกปิดการใช้งานเสียแล้ว จึงจำเป็นต้องไปใช้บริการจอดนอกท่าเรือ โดยเสียค่าปรับเรือลำละ 3,000 บาท ซึ่งก็เดือดร้อนหนักเพราะถ้าเป็นเรือสินค้าจีนขนาดใหญ่ก็คงคุ้มค่า แต่ถ้าเป็นเรือ สปป.ลาวที่ใช้ขนไก่แช่แข็งกันเป็นจำนวนมากคงไม่คุ้มค่า เพราะระวางบรรทุกมีน้อย นอกจากนี้ ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 ไม่มีสถานที่รองรับลูกเรือ เช่น สินค้า อาหาร ที่พักผ่อน ฯลฯ
       
       นางเกศสุดากล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญอีกประการคือ ร่องน้ำในแม่น้ำโขงบางจุดตื้นเขิน และไม่ชัดเจนเป็นไปตามทรายที่ถูกน้ำพัดพา ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 55 ที่ผ่านมามีเรือสินค้าเกยตื้นร่องน้ำที่ป่าแลว ชายแดนพม่า-สปป.ลาว ถึง 5 ลำ ขณะที่เส้นทางจากท่าเรือ 1 ถึงท่าเรือ 2 ก็มีความตื้นเขินในบางจุดเช่นกัน จึงเสนอให้มีการร่วมมือกับจีนที่ดูแลเขื่อนด้านบนให้เปิด-ปิดน้ำให้เหมาะสม และขุดลอกให้เดินเรือได้สะดวก รวมทั้งปรับปรุงถนนเชื่อมท่าเรือให้รองรับรถบรรทุกได้ 50 ตันมากกว่าสภาพในปัจจุบันที่รองรับได้เพียง 15 ตัน
       
       ขณะที่นายพัชระ สินสวัสดิ์ รองเลขานุการคณะฯ ซึ่งเป็นอดีตนายด่านศุลกากรเชียงแสน กล่าวว่า ท่าเรือแห่งที่ 2 เกิดจากมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรขยายจากท่าเรือแห่งที่ 1 ซึ่งแออัดอยู่กลางตัวเมืองเชียงแสน ดังนั้นจึงไปสร้างแห่งที่ 2 แต่ปรากฏว่าช่วงที่ผลักดันให้เรือสินค้าไปใช้บริการและปิดท่าเรือแห่งที่ 1 เพื่อพัฒนาเป็นท่าเรือท่องเที่ยวกลับมีเอกชนเปิดท่าเรือเพิ่มมากขึ้นถึง 6-7 แห่ง ซึ่งตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีปัญหาแห่งที่ 2 ก็หันมาใช้ท่าเรือแห่งที่ 1 แทนชั่วคราวก่อนได้ เมื่อระดับน้ำดีในฤดูน้ำหลากก็ค่อยให้ไปใช้ท่าเรือแห่งที่ 2 เป็นหลักตามเดิม
       
       ขณะเดียวกัน ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ไปเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่สามเหลี่ยมทองคำ แต่ควรจะเปิดท่าเรือแห่งที่ 1 แทน เพราะมีอาคารสำนักงานและท่าเรือโป๊ะถึง 2 โป๊ะ สามารถรองรับทั้งสินค้าและคนได้
       
       ส่วนสาเหตุที่ระบุว่ามีด่านถาวรของ สปป.ลาวไปตั้งอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำนั้น ตนเห็นว่าเราไม่ควรจะไปตามเขามากเกินไป เราควรเอาความเหมาะสมของประเทศไทยหากว่าฝั่ง สปป.ลาวเห็นความจำเป็นก็สามารถย้ายมาสร้างบริเวณตรงกันข้ามท่าเรือแห่งที่ 1 เพื่อรองรับการเข้าออกแดนได้ต่อไป
       
       “ปัญหาปัจจุบันเกิดจากการศึกษาไม่ครบถ้วนและไม่มองประสิทธิภาพการใช้งาน ทำให้เกิดการเปิดให้เรือสินค้าไปจอดนอกท่า ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย ถึงได้มีการปรับครั้งละ 3,000 บาท แต่ถ้าเปิดให้ใช้ท่าเรือแห่งที่ 1 ไปก่อนปัญหาก็จบ และยังดำเนินการตามความจำเป็นของมติคณะรัฐมนตรีในอดีตด้วย ส่วนระยะยาวก็คงเป็นหน้าที่ของกรมเจ้าท่าที่จะต้องประสานกับคณะทำงานลุ่มน้ำโขง หรือ JCCCN (The Joint Committee on Coordination of Commercial Navigation on the Lancang-Mekong River) เพื่อขุดลอกร่องน้ำโขงเพื่อให้ความลึกของน้ำอยู่ที่ 2-3 เมตรตลอดปี” นายพัชระกล่าว
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากนั้นที่ปรึกษาของคณะฯ ได้สอบถามสาเหตุและความจำเป็นในการก่อสร้างท่าเรือแห่งที่ 2 จากกรมเจ้าท่า ทำให้เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าอธิบายว่า เกิดจากการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาซึ่งเคยศึกษาพื้นที่ก่อสร้างที่เหมาะสม 5 จุด และได้เลือกที่บ้านสบกกดังกล่าวเพราะไม่มีปัญหาการถือครองที่ดินและมีความกว้างขวางเหมาะสมที่สุด
       
       จากนั้น ดร.กิตติรัตน์สรุปการประชุมว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการก่อสร้างและมอบพื้นที่ให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทยดูแลอย่างจำกัด ส่งผลให้ภาคเอกชนเดือดร้อน หน่วยงานต่างๆ ก็ต่างฝ่ายต่างทำไม่ได้บูรณาการกัน ดังนั้นจะกลับไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดต่อไป
       
       ด้านนายสมคิดกล่าวว่า คณะฯ จะนำข้อมูลที่ได้รับทั้งหมดไปสรุปผล และเสนอปัญหา-แนวทางแก้ไขต่อรัฐบาล หรือถ้าจำเป็นจะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม การจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างคงต้องใช้เวลา คงไม่สามารถไปคาดการณ์ได้ว่าจะแก้ไขได้เสร็จสิ้นเมื่อไหร่อย่างไร

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000141322
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #535 เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2012, 22:47:17 »

เจาะทำเลทองใหม่จัดสรรภูธร




แม้ปัจจุบันบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่จากส่วนกลางตลอดจนค้าปลีกขนาดใหญ่จะตบเท้าขยับไปปักธงตามหัวเมืองใหญ่กันมากพอสมควร แต่แนวโน้มปี 2556 เป็นต้นไป ประเมินว่าจะยิ่งร้อนแรงมากขึ้น โดยนายชาติชาย

พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ฟันธงว่า สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2556 จะขยายฐานออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายผลักดันโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์  เช่นรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง โครงการทางพิเศษเชื่อมระหว่างเมือง ทางพิเศษเชื่อมเมืองชายแดนโครงการทางพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์)สายต่างๆ  ส่งผลให้เกิดทำเลใหม่ เมื่อเทียบกับกทม.ที่มีอัตราเติบโตคงที่  อย่างไรก็ดีจากการสำรวจพบว่าการขยายตัวบ้านแนวราบในต่างจังหวัดสูงกว่ากทม.ประมาณสองเท่าตัว ขณะที่แนวสูงโตกว่ากทม.หนึ่งเท่าตัว นอกจากนี้ ยังคงมีเรื่องของธุรกิจเกี่ยวเนื่องเช่นค้าปลีก พาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ 
    ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยต่างจังหวัด นอกจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐแล้ว ยังต้องพิจารณาด้านรายได้ต่อหัวของประชากร ที่ผู้ประกอบการต้องเลือกเข้าไปลงทุนเพื่อความได้เปรียบโดยเฉพาะเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยว  เช่น  ระยอง รายได้ต่อหัวสูงสุดของประเทศ 1.2 ล้านบาทต่อคนต่อปี  รองลงมาชลบุรี  5.4 แสนบาทต่อคนต่อปี  สมุทรปราการ กว่า 5 แสนบาทต่อคนต่อปี  สมุทรสาคร 5.2 แสนบาทต่อคนต่อปี  พระนครศรีอยุธยา 4.6 แสนบาทต่อคนต่อปี  ภูเก็ต 3.2 แสนบาทต่อคนต่อปี ประจวบคีรีขันธ์ 1.3 แสนบาทต่อคนต่อปี สงขลา 1.3 แสนบาท ต่อคนต่อปี เชียงใหม่รายได้  92,000 บาทต่อคนต่อปี  นครราชสีมา 6.6 หมื่นบาทต่อคนต่อปี  นอกจากนี้ยังมี สระบุรี เขาใหญ่  ที่ขณะนี้เป็นทำเลทองฮอตฮิตของอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ

    ปัจจัยต่อมา คือ เมืองการค้าชายแดน ที่ติดกับไทย พบว่ามีธุรกรรมปีละ 7.5 แสนล้านบาท ส่งออก 4.6 แสนล้านบาทต่อปี ที่เป็นทำเลทองด้านพัฒนาที่ดินเช่น หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี  ตราด ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา   ขณะที่จังหวัดที่มีผลพวงเกี่ยวกับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน หรือเออีซี  อย่างไรก็ดี ทุกภาคจะมีโครงการของรัฐ เช่น  ภาคเหนือ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4  (ไทย-ลาว) ที่เชียงของเชียงราย ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่เชียงของ  รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่   ภาคอีสาน  รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย รถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-ขอนแก่น โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่อุบลราชธานี และนครราชสีมา  โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช  โครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรีเชื่อมทวาย  ฯลฯ


    สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ปี 2555 ช่วง 11 เดือน  เมื่อเทียบกับปี 2554 อัตราการเติบโตใกล้เคียงกันแต่หากตัวเลขการปล่อยสินเชื่อ ปี 2555 ดูจะสูงกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า อสังหาฯ ในปีนี้จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยของน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ส่งผลให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)  ปล่อยซอฟต์โลน หรือวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 3 แสนล้านบาทให้กับผู้ประสบภัยในช่วงเดือนเมษายน 2555 แยกเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย 50% เอสเอ็มอี 50% โดยกระจายให้กับธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ ในอัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 5 ปีโดยกสิกรไทยได้รับจัดสรร 1.4 หมื่นล้านบาท แยกเป็นสินเชื่อบ้านใหม่ 8,000 ล้านบาท และอีกส่วนจะเป็นการรีไฟแนนช์ นอกจากนี้ยังมีวงเงินพิเศษ หรือเอ็กซ์ตรา 5 หมื่นล้านบาทซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการขอสินเชื่อมากขึ้น   

    เมื่อย้อนดูตัวเลข 6 เดือนแรกของปี 2555พบว่ามียอดปล่อยสินเชื่อรวมสูงถึง 2.2 แสนล้านบาทในจำนวนนี้เป็นซอฟต์โลนสูงถึง 1แสนกว่าล้านบาทหากเทียบกับปี 2554 ทั้งปีมีเพียง 1.5 แสนล้านบาทส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปี 2555 มีอัตราเติบโตทั้งระบบสูงถึง 5.4% หากครึ่งปีหลังโตเท่ากับปีที่ผ่านมาประเมินว่าปีนี้จะมีอัตราเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัย 9.5% ส่วนปี 2554 เติบโต 7%  แต่ย้ำว่าภาพรวมทั้งประเทศจะโตใกล้เคียงกับปี2554 ขณะที่การเติบโตของอสังหาฯจะเกาะติดกับจีดีพี ซึ่งปี 2555 จีดีพีโต 5% ปี2556 โตเพียง 4.6%   ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ฟันธงว่า ภาคส่งออก ปี2556 น่าจะดีกว่าปี2555 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องจักรตัวใหญ่ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ

    นายชาติชายวิเคราะห์ถึงปัจจัยบวก จะเป็นเรื่องของดอกเบี้ยแนวโน้มปี 2556 จะทรงและลง  นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าแรง 300บาท  มาตรการบ้านหลังแรกส่วนเงินเฟ้อที่แบงก์ชาติกังวลไม่น่าตกใจที่สำคัญผลกระทบน้ำท่วมฟื้นตัวเร็วและผู้บริโภคยังติดถิ่นที่อยู่ ส่วนผู้ที่วางเงินดาวน์แล้วส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางทำให้การทิ้งดาวน์และมองหาทำเลใหม่จึงน้อยมาก
"ทิศทาง แนวโน้มปี 56  จะเท่ากับหรือดีกว่าปี2555 เหตุผลสำคัญคือ ผู้บริโภคไม่เปลี่ยนทำเลเนื่องจากนิสัยคนไทยติดถิ่น ดอกเบี้ยจะทรง-ลง หากชั่งน้ำหนักแล้ว 60% ดอกเบี้ยจะลง  ส่วน 40% จะก้ำกึ่ง"

    ส่วนแอลทีวีมาตรการป้องปรามฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์กรณีการบังคับให้ผู้บริโภควางเงินดาวน์ 5% หรือแบงก์ปล่อยกู้แนวราบไม่เกิน 95% ที่เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2556ประเมินว่าไม่กระทบกับกำลังซื้อเนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรได้เรียกเก็บเงินดาวน์ 5-10% จากลูกค้าอยู่แล้ว  ส่วนปัจจัยลบ จะเป็นเรื่องของต้นทุนค่าก่อสร้าง แรงงานที่จะกระทบเป็นลูกโซ่ ฉุดให้ราคาบ้านสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯกับยุโรป ไม่กระทบเหมือนอุตสาหกรรมอื่นเพราะมักเกี่ยวกับปัจจัยภายในประเทศมากกว่าหากการเมืองดี น้ำไม่ท่วมก็ไร้ปัญหา 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,793 วันที่  18-21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #536 เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 18:37:42 »

ทางหลวงชนบทสร้างถนน 4 เลนเชื่อมท่าเรือเชียงแสน 2

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   20 พฤศจิกายน 2555 17:21


กรมทางหลวงชนบทเร่งก่อสร้างถนน 4 เลนเชื่อมเข้าท่าเรือเชียงแสน 2 จ.เชียงราย เผยคืบหน้าแล้ว 15% คาดเสร็จตามแผนปี 2557 เสริมโครงข่ายคมนาคม เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนลอจิสติกส์ตามยุทธศาสตร์คมนาคม
       
       นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการก่อสร้างถนนสายเชื่อมทางหลวงหมายเลข 1129-ทางหลวงหมายเลข 1098 อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร วงเงิน 809.580 ล้านบาท มีความคืบหน้าแล้วกว่า 15% โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงสร้างทางชั้นดินถม คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2557 ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยพัฒนาระบบลอจิสติกส์ ระบบการบริหารจัดการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจเพื่อเชื่อมโยงจากแหล่งการผลิตไปสู่ตลาดการค้า และท่าเทียบเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 รวมทั้งลดต้นทุนในทุกขั้นตอนของการกระจายสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า อีกทั้งเป็นการขยายโครงข่ายคมนาคมให้สมบูรณ์สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น
       
       ทั้งนี้ โครงการจะก่อสร้างเป็นถนนผิวจราจรแอสฟัลติกคอนกรีต ขนาด 4 ช่องจราจร กว้างช่องทางละ 3.50 เมตร ความยาวรวม 14.550 กิโลเมตร และก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สะพานข้ามแม่น้ำกก 1 แห่ง และสะพานข้ามลำรางสาธารณะ 2 แห่ง โดยมีจุดเริ่มต้นโดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 1129 กม.ที่ 44+450 (จุดเริ่มต้นโครงการ กม.0+000) บริเวณบ้านสันทรายกองงาม ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย แนวถนนไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1098 กม.ที่ 14+580 (จุดสิ้นสุดโครงการ กม.14+550) บริเวณบ้านท่าข้าวเปลือก ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9550000141815
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #537 เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 19:02:29 »

พิธีเชื่อมสองแผ่นดิน Connecting Ceremony 12/12/12

ภาพท่านท่านคะซึโอะ ชิบาตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่  คุณ พัฒนา สิทธิสมบัติประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจหอการค้า. 10 จังหวัดภาคเหนือ  และคณะเยี่ยมชม  ดูความคืบหน้า สะพานข้ามโขงแห่งที่ 4

ขอบคุณภาพ โดยความอนุเคราะห์ อนุญาตจาก FB 
























IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
topkraisit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



« ตอบ #538 เมื่อ: วันที่ 21 พฤศจิกายน 2012, 16:26:37 »

Waw ชอบๆ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

S_ลักษณ์
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 972



« ตอบ #539 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2012, 14:10:46 »

ตามอ่านกระทู้ค่ะ คนเชียงรายต้องอ่านนะคะ ส่วนเราคนเชียงของต้องอ่านเย๊อะ ๆ เรยย
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 [27] 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!