เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 กรกฎาคม 2025, 09:30:20
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ----[ จำหน่ายมูลไส้เดือน 100%, น้ำหมักมูลไส้เดือน และชุดทดลองเลี้ยงไส้เดือน ]----
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ... 19 พิมพ์
ผู้เขียน ----[ จำหน่ายมูลไส้เดือน 100%, น้ำหมักมูลไส้เดือน และชุดทดลองเลี้ยงไส้เดือน ]----  (อ่าน 38390 ครั้ง)
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #80 เมื่อ: วันที่ 17 เมษายน 2014, 21:43:48 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 58

บัวตอง สรรพคุณและประโยชน์ของต้นบัวตอง 4 ข้อ

สรรพคุณของบัวตอง
1. ใบสดนำมาย่างไฟ ใช้วางบนศีรษะ แล้วใช้ผ้าพันแผลไว้ ช่วยแก้อาการปวดศีรษะได้ (ใบ)[1],[2]
2. ดอก นำมาใส่แผลและแผลช้ำ (ดอก)[1]
3. ยอดอ่อนนำมาเผา แล้วขยี้ใช้ทาผื่นคันที่ขึ้นตามตัว (ยอดอ่อน)[3]
4. ใบนำมาต้มกับน้ำรวมกับต้นสาบหมาน (เข้าใจว่าคือต้นสาบหมา) ใช้อาบแก้อาการคัน (ใบ)[3]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบัวตอง
• สารสกัดใบบัวตองด้วยแอลกอฮอล์และคลอโรฟอร์มเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายชนิดในหลอดท
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #81 เมื่อ: วันที่ 20 เมษายน 2014, 14:17:59 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 59

ไข่เค็มรสต้มยำ

สูตรเด็ดจากบ้านสารภี
อยากรับประทานไข่เค็มสมุนไพรที่รสชาติอร่อยลงตัว มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะรสชาติไม่เค็มจัด แม้แต่ผู้ป่วยยังสามารถรับประทานได้อย่างไม่ต้องกังวล ต้องมาลองทำไข่เค็มรสต้มยำสูตรเด็ดจากบ้านสารภี ที่คุณสุชล สุขเกษม หัวหน้ากลุ่มศูนย์ฝึกวิชาชีพชุมชนตำบลจอมปลวก บ้านสารภี เป็นผู้คิดค้นขึ้นกันแล้วล่ะค่ะ

1.เตรียมไข่เป็ดดิบประมาณ 20 ฟองมาล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้งก่อนเรียงใส่ในภาชนะดอง เช่น ถังพลาสติกหรือโหลแก้วที่มีฝาปิด

2.เริ่มทำน้ำดองโดยเทน้ำสะอาด 4 ถ้วยลงในหม้อ ตามด้วยเกลือเม็ด 1 ถ้วย ซอยปรุงรส 1 ขวดใหญ่ และข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว กระเทียม ที่ซอยพอแหลกประมาณ 1 จาน แล้วต้มรวมกัน หลังจากเดือดให้รอสัก 5 นาที จึงยกลง พักไว้ให้เย็น
*ข้อควรระวังคือ อย่าต้มน้ำนานกว่าเวลาที่กำหนดเพราะจะทำให้น้ำสมุนไพรหนืด และซึมเข้าไปในเปลือกไข่ได้ยากขึ้น

3.เมื่อน้ำต้มเครื่องปรุงเย็นแล้วให้เทลงจนท่วมไข่ ถ้าไข่ลอยให้นำใบเตยกดทับไว้ ดองนาน 12 วัน เมื่อครบกำหนดให้นำไข่มาล้าง ก่อนลงต้มพอน้ำเริ่มเดือด รอ 5 นาที ยกลง ก็จะได้ไข่เค็มรสต้มยำ ซึ่งถ้าใครใจร้อนอยากชิมเร็วๆ รอสัก 8 วัน ก็นำไข่เค็มมาทอดเป็นไข่ดาว รับประทานได้แล้วค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถเก็บแช่ตู้เย็นได้ถึง 3 เดือน แต่ถ้าไม่เก็บแช่เย็นก็จะอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือนค่ะ

ที่มา เกษตรกรก้าวหน้า
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #82 เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2014, 22:44:05 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 60

กินแก่นตะวัน มีคุณหรือมีโทษ

กินแก่นตะวัน มีคุณหรือมีโทษ
เอ่ยชื่อ “แก่นตะวัน” สำหรับคนอ้วน คนที่ต้องการลดน้ำหนักน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีการพูดปากต่อปากเกี่ยวกับสรรพคุณในเรื่องนี้ และอีกสารพัด ที่ใครได้ฟังเป็นต้องหูผึ่งไปค้นข้อมูลและซื้อหามารับประทาน ส่วนจะเป็นไปตามคำกล่าวอ้างหรือไม่ ไปฟังคำตอบกัน

เริ่มจาก รศ.ดร.สาโรจน์ ศิริศันศนีย กุล ศูนย์เทคโนโลยีการหมัก ภาควิชาเทคโน โลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในคณะผู้วิจัยในเรื่องนี้ อธิบายว่า แก่นตะวันก็เหมือนพืชหัวทั่วไปที่มีแป้งและน้ำตาล แต่แป้งและน้ำตาลไม่เหมือนกับพืชหัวชนิดอื่น เพราะไปเหมือนแป้งและน้ำตาลของบัวหิมะและชิโครี่ ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ด้วยเอนไซม์ในร่างกาย จึงไม่จัดเป็นแหล่งพลังงานและไม่เพิ่มปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือด อย่างไรก็ตาม จุลินทรีย์ในลำไส้สามารถใหญ่ย่อยได้จึงมีประโยชน์ในการจัดระบบนิเวศในร่างกายให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ด้วยก็เลยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

คนที่เป็นเบาหวานกินได้เพราะไม่ทำให้น้ำตาลเพิ่ม จึงมีการอ้างสรรพคุณว่า รักษาโรคเบาหวานได้ แต่ผู้ป่วยจะต้องลดการรับประทานแป้งและน้ำตาลด้วย ส่วนตัวไม่ใช่แพทย์แต่ในฐานะเป็นผู้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปใช้ทำอาหาร เช่น เบเกอรี่ เครื่องดื่ม สามารถใช้ได้หมด อาหารเสริมลดความอ้วนก็ใส่ เพราะแก่นตะวันมี “อินูลิน” เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีประโยชน์

เมื่อก่อนมีการนำเข้ามาในรูป “อินูลิน” นำมาใส่อาหารแปรรูป แต่ปัจจุบันบ้านเราปลูกได้ จึงนิยมรับประทานสดและบอกกันปากต่อปาก

ตอนนี้บ้านเรายังมีปัญหาเรื่องการแปรรูปในระดับอุตสาหกรรม เพราะราคาวัตถุดิบต่อกิโลกรัมยังสูงอยู่ หากราคาเท่ามันสำปะหลังต่อไปการแปรรูปก็ทำได้ ส่วนเปลือกของแก่นตะวันมีโปรตีน วิตามินบ้างเล็กน้อย ก็นำไปเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับผลข้างเคียงจากการรับประทานหัวแก่นตะวัน ต้องบอกว่าไม่มี ยกเว้นคนธาตุอ่อนอาจทำให้ระบายท้อง แต่สำหรับคนธาตุแข็งอาจทำให้ท้องผูกได้

แก่นตะวันไม่มีโทษเพราะเป็นอาหารเหมือนกับพืชหัวชนิดอื่น ไม่ว่าจะ มัน เทศ มันสำปะหลัง เผือก แต่ให้ระวังเรื่องการปนเปื้อนจุลินทรีย์และสารตกค้าง เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก ดังนั้นก่อนรับประทานต้องปอกเปลือก ล้างให้สะอาดก่อน กรณีนำไปแปรรูปต้องทำให้สุกเพราะอาจมีจุลินทรีย์ปนเปื้อน

ทุกคนสามารถรับประทานได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องการรักษาสุขภาพ ต้องการลดความอ้วน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องการลดน้ำตาล ลดแป้ง กรณีผู้ป่วยโรคเบาหวาน ปกติต้องลดแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว พอมารับประทานแก่นตะวัน เมื่อลดแป้งและน้ำตาลก็ทำให้สุขภาพดีขึ้น คนที่รับประทานติดต่อกันอาจรู้สึกว่าระดับน้ำตาลลดลง ระบบขับถ่ายดีขึ้น

ดังนั้นคนที่จะรับประทานสามารถรับประทานเหมือนผลไม้ทั่วไป ไม่มากจนเกินไป และไม่ควรรับประทานซ้ำนาน ๆ ก็เหมือนกับการอาหารทั่วไปที่ต้องเน้นความหลากหลาย ไม่ได้รับประทานเพื่อรักษาโรค แต่เพื่อรักษาสุขภาพ อย่างคนที่เป็นโรคเบาหวาน ไม่ต้องรับประทานแก่นตะวันก็ได้ เพียงแต่หลีกเลี่ยงแป้งและน้ำตาลก็สามารถควบคุมโรคได้

กล่าวโดยสรุป “แก่นตะวัน” เป็นพืชอาหารชนิดหนึ่งที่เป็นแหล่งของคาร์โบไฮ เดรต ประกอบด้วยอินูลินและไฟเบอร์ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ใช่รับประทานเพื่อรักษา ดังนั้นจะรับประทานหรือไม่รับประทานก็ได้ ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง

ด้าน นายนิเวศน์ บวรกุลวัฒน์ แพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แก่นตะวันถูกนำมาใช้สักระยะแล้ว ส่วนใหญใช้ลดคอเลสเตอรอล ความดัน เบาหวาน บางคนกินสด ๆ บางคนเอาไปลอยในน้ำเชื่อม ซึ่งการรับประทานลักษณะนี้อาจทำให้น้ำตาลขึ้นได้ ดังนั้นควรรับประทานสด ๆ ดีกว่า

การรับประทานในปริมาณมากจะทำให้อิ่ม และรับประทานอาหารชนิดอื่นได้น้อยลง ดังนั้นไขมัน คอเลสเตอรอล ที่ลดลงนั้น เพราะรับประทานอาหารชนิดอื่นได้น้อยลงนั่นเอง ขณะเดียวกันคนที่ป่วยก็ต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้อยู่แล้ว

ปัจจุบันแก่นตะวันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีการพูดถึงสรรพคุณอย่างที่กล่าวมา ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ว่าแก่นตะวันสามารถรักษาโรคต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ทำให้ผู้ป่วยไม่รับประทานยาแผนปัจจุบัน จึงขอเรียนว่า ไม่ได้รักษาจนโรคหายขาด ดังนั้นถ้าใครเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องใช้อย่างระมัดระวัง มีการตรวจร่างกายเป็นประจำ

ข้อเสียของแก่นตะวันคงไม่มี แต่ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมาต้องระมัดระวัง อย่าไปคิดว่ารับประทานแล้วโรคจะหาย เพราะโดยข้อเท็จจริงสมุนไพรเดี่ยว ๆ ที่ใช้ในการรักษาโรคประสิทธิผลจะน้อยกว่าตำรับ แนะนำให้รับประทานเป็นอาหาร ไม่ใช่ยา เป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าโรคจะหาย ลืมกินยาผลเสียก็ตามมา.

ที่มา : www.thaihealth.or.th
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #83 เมื่อ: วันที่ 23 เมษายน 2014, 20:53:30 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 61

ทานข้าวให้เป็นยา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้กลับบ้านเลยเอาภูมิปัญญาเล็กๆมาฝาก ที่บ้านจะไม่บริโภคข้าวขาวเป็นหลักแต่จะบริโภคข้าวกล้องโดยเฉพาะสังข์หยด ข้าวดังจากจังหวัดพัทลุง ผสมกับธัญพืชที่มีประโยชน์ในทางยาที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ลูกเดือย เพราะช่วยเรื่องสุขภาพของพ่อแม่แล้วมันดีอย่างไรบ้างก็พอจะสรุปคร่าวๆได้คือ ข้าวสังข์หยดผสมกับกับลูกเดือยช่วย ต้านอนุมูลอิสระ ลดความดัน เบาหวาน สร้างมวลกระดูก แก้ เก๊า ไขข้อเสื่อม

สรรพคุณข้าวสังข์หยด
มีกากใยอาหารสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ จึงมีประโยชน์ในการชะลอความแก่ นอกจากนี้มีโปรตีน ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัสสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ ซึ่งมีประโยชน์ในการบำรุงโลหิต บำรุงร่างกายให้แข็งแรง
และป้องกันโรคความจำเสื่อม และยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ พวก oryzanol และมี Gamma Amino Butyric Acid (GABA) ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง

สรรพคุณลูกเดือย
ในลูกเดือยยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง มีข้อมูลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่าสาร coxenolide มีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญของเนื้องอก ลูกเดือยให้ฟอสฟอรัสสูงมากช่วยบำรุงกระดูก รองลงมามีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงธาตุ เป็นอาหารสำหรับคนไข้พักฟื้น ช่วยเจริญอาหาร

วิธีการทำ
นำลูกเดือยแช่นน้ำไว้6ชั่วโมงนำลูกเดือยที่แช่แล้วมาหุงพร้อมกับข้าวสังข์หยดอัตตราส่วน 1/4 คือลูกเดือย 1ส่วนข้าว4ส่วน เป็นอันเสร็จ

ถ้าจะให้ได้สรรพคุณทางยาสูงขึ้นไปอีกก็ใช้ข้าวสังข์หยดที่แช่น้ำทิ้งไว้1คืนให้รากงอกที่เขาเรียกว่าข้าวฮางงอกเพื่อปลูกชีวิตทำให้สารเคมีในข้าวตื่นถ้าเป็นมือใหม่ที่เคยกินแต่ข้าวขาวก็ให้หุงผสมข้าวสังข์หยดและลูกเดือยที่ละนิดก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณเพียงเท่านี้เราก็ได้ข้าวที่เป็นยาอายุวัฒนะเป็นเครื่องมือช่วยให้พ่อแม่เราอยู่ไปอีกนาน
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #84 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2014, 18:08:53 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 62

อันตราย! หน่อไม้ต้มบรรจุถุงพบปนเปื้อนเชื้ออีกแล้ว ชี้พิษรุนแรงถึงขั้นตาย

พบ หน่อไม้ต้มบรรจุถุงปนเปื้อนเชื้อโบทูลินัมอีกแล้ว สธ. ระบุมีผู้ป่วย 4 ราย เผยพิษรุนแรงทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต อ่อนแรง หยุดหายใจได้ แนะก่อนกินต้องต้มซ้ำให้เดือดนาน 15 นาที เตือนน้ำแช่มีฟอง กลิ่นเหม็น อย่าชิมเด็ดขาด ให้ฝังดินทำลาย

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สำนักระบาดวิทยา พบผู้ป่วยมีอาการอาหารเป็นพิษรุนแรง หลังกินหน่อไม้ลวกต้มบรรจุถุงปนเปื้อนสารพิษโบทูลินัม จำนวน 4 ราย จากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วย 4 รายนี้ ได้รับประทานหน่อไม้ลวกต้มบรรจุถุง ซึ่งญาติที่อยู่บ้านหนองแวง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ทำส่งมาให้ โดยพบหน่อไม้มีรสชาติเปลี่ยน สากลิ้น น้ำแช่หน่อไม้ในถุงเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นรุนแรง และพบว่ายังได้ส่งหน่อไม้ชุดเดียวกันนี้ให้ญาติที่ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ หนองบัวลำภู สระแก้ว และชลบุรีด้วย จึงสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชัยภูมิ ให้คำแนะนำและทำลายหน่อไม้ชุดที่มีการปนเปื้อนทั้งหมด และเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการกินหน่อไม้ต้มบรรจุปี๊บ หรือถุงให้ปลอดภัย

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า เชื้อ คลอสทรีเดียมโบทูลินูม (Clostridium botulinum) พบทั่วไปในธรรมชาติ ทั้งในดิน ห้วย หนอง คลองบึง ทะเล เป็นต้น มักพบในสัตว์ที่หากินในสถานที่เหล่านี้ และในพืชผักที่ปลูกในดิน เชื้อจะสร้างสปอร์ซึ่งทนความแห้งแล้งได้ดี และปะปนมากับอาหารแห้ง เช่น เครื่องเทศ แป้ง เป็นต้น เชื้อโรคนี้จะปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่าโบทูลินัมที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค 4 ชนิด คือ 1. ชนิดเอ มีพิษรุนแรง อัตราการตายสูงถึงร้อยละ 60 - 70 2. ชนิดบี ซึ่งทนความร้อนสูง และมีชีวิตอยู่ในอาหารได้นานกว่าชนิดอื่นๆ อัตราการตายร้อยละ 25 3. ชนิดอี พบการระบาดในอาหารทะเล และ 4. ชนิดเอฟ พบในอาหารทะเล พบการระบาดได้ประปราย มีอัตราการตายต่ำ ทั้งนี้ สปอร์ของเชื้อและสารพิษที่กล่าวมา สามารถทำลายได้ง่ายโดยการต้มให้เดือดด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศานาน 15 นาที

นพ.โสภณ กล่าวว่า หลังกินอาหารที่ปนเปื้อนโบทูลินัม ประมาณ 12-36 ชั่วโมง จะมีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ เหนื่อย อ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน หนังตาตก ปากแห้งกลืนหรือพูดลำบาก อาจมีอาการท้องเสีย ท้องผูก หรือท้องบวมโตได้ ต่อมากล้ามเนื้อจะเกิดอัมพาต เริ่มจากใบหน้าลงไปที่ไหล่ แขนส่วนบนและล่าง ต้นขาและน่อง ตามลำดับ ซึ่งหากกล้ามเนื้อกระบังลมเป็นอัมพาตจะทำให้การหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ ยกเว้นมีการติดเชื้อแทรกซ้อน แต่สติการรับรู้มักปกติ

“ผู้ป่วยที่ได้รับพิษต้องรีบมาพบ แพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ยาต้านพิษ หรือแอนตีท็อกซิน (Antitoxin) และดูแลระบบการหายใจอย่างใกล้ชิด ป้องกันปัญหาการหายใจล้มเหลว ซึ่งจะทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ โรคพิษโบทูลิซึมมีรายงานครั้งแรกในไทยปี 2541 ที่น่าน จากการกินหน่อไม้อัดปี๊บที่ไม่ได้ต้ม และระบาดใหญ่ที่สุดที่น่าน เมื่อปี 2549 ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขครั้งสำคัญ ต้องระดมแพทย์เชี่ยวชาญ เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงการสั่งแอนติท็อกซินจากต่างประเทศเข้ามาแก้พิษโดยเร่งด่วน” อธิบดี คร. กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า ประชาชนที่นิยมกินหน่อไม้ต้มอัดปี๊บ หรือบรรจุในถุงพลาสติก โดยเฉพาะเมนูที่ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริกต่างๆ หรือใช้ตำ ก่อนนำมากินขอให้ต้มซ้ำให้เดือดนาน 15 นาที เพื่อทำลายเชื้อโรคทุกชนิดที่ปนเปื้อนอยู่ให้หมดไป หากพบว่าปี๊บที่บรรจุหน่อไม้บวม ไม่ควรซื้อมา กรณีที่พบว่ามีกลิ่น หรือสีผิดปกติ ไม่ควรนำมากินหรือลองชิมเด็ดขาด ขอให้นำไปทำลายทิ้ง โดยการฝังดิน หากสงสัยอาหารที่กินมีการปนเปื้อน และมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนแรง วิงเวียน ตาพร่ามัว หนังตาตก ปากแห้งกลืนพูดลำบาก ขอให้บอกญาติและรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจรักษา ป้องกันการเสียชีวิต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #85 เมื่อ: วันที่ 27 เมษายน 2014, 12:38:42 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 63

พบมะนาวยักษ์ผลเท่าส้มโอ หนุนปลูกสู้ฤดูแล้ง

ตรัง - ศูนย์ พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงตรัง สนใจเพาะขยายพันธุ์ “มะนาวพม่า” ซึ่งมีผลโต และให้รสเปรี้ยวเหมือนมะนาวทั่วไป หวังนำมาใช้ทดแทนในช่วงที่เกิดภาวะขาดแคลนโดยเฉพาะหน้าแล้ง

วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพิสูจน์มะนาวยักษ์ จำนวน 2 ต้น ซึ่งปลูกเอาไว้ภายในศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) จังหวัดตรัง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง โดย นายเสนอ รัตนสำเนียง ผู้อำนวยการศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงจังหวัดตรัง ได้นำไปชมต้นมะนาวพันธุ์พื้นบ้าน หรือที่ชาวภาคใต้เรียกกันทั่วไปว่า มะนาวพม่า โดยมีลักษณะ และขนาดของต้นเหมือนกับมะนาวพันธุ์อื่นทั่วไป แต่แตกต่างตรงที่ขนาดของผลเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่มาก หรือหากมองผิวเผินทั่วไปจะนึกว่าเป็นส้มโอด้วยซ้ำ

นายเสนอ กล่าวว่า ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงจังหวัดตรัง ได้นำมะนาวพม่าทั้ง 2 ต้น มาปลูกเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งปีก่อนๆ ผลออกมาก็มีขนาดเท่ากับผลมะนาวทั่วไป แต่ในปีนี้กลับมีผลขนาดที่ใหญ่โตขึ้นมาก หรือหนักประมาณลูกละครึ่งกิโลกรัมเลยทีเดียว แถมยังสามารถนำน้ำมาคั้นเพื่อรับประทานสดๆ หรือใช้ปรุงอาหารได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแกงส้ม ยำ น้ำพริก หรือน้ำจิ้ม ที่สำคัญก็คือ มะนาวพม่า 1 ลูก จะให้ปริมาณน้ำที่มากเท่ากับมะนาวทั่วไปถึง 10-15 ลูกเลยทีเดียว แถมยังมีรสชาติเปรี้ยวจัดอย่างที่ต้องการอีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้ ในพื้นที่ภาคใต้เคยมีมะนาวที่ขนาดใหญ่ที่สุดคือ มะนาวควาย แต่เมื่อมาพบมะนาวพม่า กลับพบว่ามีขนาดใหญ่กว่า และมีรสชาติเปรี้ยวใกล้เคียงมะนาวทั่วไปมากกว่า ดังนั้น ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงจังหวัดตรัง จึงมีแนวคิดที่จะเพาะขยายพันธุ์มะนาวชนิดนี้ และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกันมากขึ้น เพื่อใช้ทดแทนมะนาวทั่วไปในช่วงที่ขาดแคลน ซึ่งหากเป็นต้นพันธุ์จากการชำกิ่ง จะใช้เวลาปลูกเพียงแค่ 2 ปี ก็ให้ผลผลิตแล้ว แต่หากปลูกเพื่อการค้าแนะนำให้ใช้ต้นพันธุ์จากการเพราะเมล็ด เพราะจะมีอายุยืนยาวมากกว่า
http://www.youtube.com/watch?v=EXa0P5k0CUk

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #86 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2014, 18:23:35 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 64

“จริง” หรือ “มั่ว” อาหารพวกนี้ห้ามกินคู่กัน

กล้วยกับเผือก
ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้ท้องอืด
ฟันธง : อันนี้มีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะกล้วยกับเผือกมีสิ่งที่เหมือนกันคือแป้งปริมาณมหาศาล เมื่อแป้งถูกหมักอยู่ในท้องก็จะเกิดแก๊สจึงทำให้แน่นท้องได้

เหล้าขาวกับลูกพลับ
ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นพิษ
ฟันธง : เรื่องความเป็นพิษนั้นไม่ต้องกังวลเลย ลูกพลับมีเบต้าแคโรทีนสูงมากจึงช่วยบำรุงตับได้ แต่ว่าเหล้าขาวนั้นไม่ดีต่อตับอย่างแรงแม้ไม่มีปัญหาเวลากินคู่กัน แต่ดื่มเหล้ามากๆ อันตรายแน่นอน

ส้มกับมะนาว
ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้กระเพาะทะลุ
ฟันธง : อย่างมากก็แค่แสบหรือระคายท้องเพราะรสชาติเปรี้ยวจัดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคนที่ชอบดื่มน้ำส้มผสมมะนาวคงกระเพาะรั่วไปหลายคนแล้ว

กล้วย มะละกอ แตงโม
ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคเบาหวาน
ฟันธง : แม้พวกนี้จะเป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) เป็นอันดับต้นๆ ที่คนเป็นเบาหวานต้องระวัง เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ แต่ไม่ถึงขั้นทำให้คุณเป็นเบาหวานอย่างแน่นอน

น้ำผึ้งกับน้ำร้อน
น้ำผึ้งที่ชงด้วยน้ำร้อนจะเสียวิตามินไป
ฟันธง : วิตามินบีและวิตามินซีที่มีอยู่ในน้ำผึ้งค่อนข้างใจเสาะต่อความร้อนก็จริง แต่วิตามินพวกนี้มีน้อยมากอยู่แล้ว หากสูญเสียไปก็ไม่ได้มีผลอะไรมากเท่าไหร่

หัวไชเท้ากับผลไม้ทุกชนิด
ห้ามรับประทานร่วมกัน จะทำให้เกิดคอพอก
ฟันธง : คอพอกไม่ได้เป็นง่ายๆ และการกินหัวไชเท้ากับผลไม้ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ที่ต้องระวังสำหรับคนที่เป็นคอพอกอยู่แล้วคือ “กะหล่ำปลีดิบ” ต่างหาก

ผักปวยเล้งกับเต้าหู้
ห้ามรับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง
ฟันธง : โรคนิ่วในไขสันหลังไม่มีในสารบบด้วยซ้ำ ปวยเล้งเองก็เป็นผักที่ดีมาก มี “โฟลิก” สูง ส่วนเต้าหู้ถ้าเป็นห่วงเรื่องนิ่วก็ขอให้เลี่ยงเต้าหู้แข็ง เพราะแคลเซียมจะได้ไม่มากเกินไป

ที่มา : http://www.chaoprayanews.com/
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #87 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2014, 22:27:13 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 65

สิบผลไม้ที่กินแล้วอ้วน

การกินผลไม้ ส่วนใหญ่จะดีต่อสุขภาพครับ แต่กินหลาย กะเป็นโทษคือกัน ผลไม้บางอย่าง มีน้ำตาลหลายเกินไป ผลไม้ที่กินหลายแล้วอ้วนสุดๆมีต่อไปนี่ครับ 1.กล้วยไข่ 2.กล้วยน้ำว้า 3.ขนุน 4.กล้วยหอม 5.มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 6.ลำใยกะโหลกเขียว 7.ลองกอง 8.เงาะ 9.ลางสาด 10.ละมุด แต่ทั้งหมดนี่ก็ต้องแพ้ทุเรียนนะครับ ส่วนผลไม้ที่กินหลายกะบ่อ้วน คือ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ แตงโม ครับผม
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #88 เมื่อ: วันที่ 05 พฤษภาคม 2014, 08:46:39 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 66

ไส้เดือนเคลื่อนที่ยังไงเอ่ย???

ไส้เดือนมีกล้ามเนื้อ 2 เซทนะครับ เซทแรกเป็นกล้ามเนื้อบางๆรอบวงข้อปล้องในตัวไส้เดือนแต่ละปล้องทอดยาวไปตลอดตามแนวลำตัวแต่ละปล้องๆ เราเรียกว่า “กล้ามเนื้อวงกลม” (circular muscle) ส่วนเซทที่สองนั้นเป็นกล้ามเนื้อที่ชั้นค่อนข้างหนาพาดตามแนวยาวไส้เดือนตั้งแต่หัวจรดท้าย เรียก “กล้ามเนื้อตามยาว” (longitudinal muscles)

เมื่อกล้ามเนื้อวงกลมเกิดการหดตัว จะทำให้ตัวไส้เดือนยาวขึ้นและดูลีบลง ขณะเดียวกันเมื่อกล้ามเนื้อตามยาวหดตัว จะทำให้ตัวไส้เดือนหดสั้นลงและดูอ้วนขึ้น

ในแต่ละข้อปล้องของไส้เดือนจะมีกล้ามเนื้อทั้ง 2 เซทนี้ นอกจากนี้ยังมีอวัยวะที่ช่วยในการเคลื่อนที่ ในแต่ละปล้องที่เราเรียกว่า “เดือย” (setae) ด้วย ไส้เดือนเวลาเคลื่อนที่นั้นจะทำการยืดกล้ามเนื้อตามยาว ตามด้วยการหดกล้ามเนื้อวงกลม ต่อกันไปเป็นทอดๆ เมื่อเกิดขึ้นต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของไส้เดือนนั่นเอง เราเรียกการเคลื่อนที่แบบนี้ว่า "locomotion" ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #89 เมื่อ: วันที่ 07 พฤษภาคม 2014, 17:38:16 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 67

มั้ย? ยังไง? อะไร? กับน้องดีดี้ ไส้เดือนจากฟาร์มงามดี

ไส้เดือนมีตามั้ย?

ไม่มี มีแต่อากง…- -! ไส้เดือนไม่มีตาครับ แต่มีกลุ่มเซลล์ในร่างกายที่ทำหน้าที่รับสัมผัสในการแยกแยะความหนาแน่นของแสงในแต่ละช่วง ตลอดจนแรงสั่นสะเทือนภายในพื้นดิน

ไส้เดือนหายใจยังไง?

ผิวหนังของไส้เดือนจะมีเมือกบางๆ (mucus) ปกคลุมอยู่ แน่นอนละ เมือกพวกนี้แหละจะป้องกันไส้เดือนตัวแห้ง นอกจากนี้อากาศชื้นๆ เมือกตัวนี้ทำงานได้ดีทีเดียวเชียว ซึ่งเจ้าเยื่อเมือกพวกนี้จะทำหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊สอ๊อกซิเจนให้ซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือดในตัวไส้เดือนครับ

ไส้เดือนดมกลิ่นได้มั้ย?

ไส้เดือนจะมีอวัยวะรับสัมผัสทางเคมี (chemoreceptors) ซึ่งจะทำการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางเคมีทุกชนิด เช่น อาหาร เป็นต้น อวัยวะส่วนนี้จะอยู่ทางข้างหน้าของตัวไส้เดือนครับ

ไส้เดือนกินอะไร?

ไส้เดือนกินผัก กินรากพืช กินดิน กินกากกาแฟ กินขุยมะพร้าว กินเนื่อสัตว์เป็นชิ้นๆๆ!!!!! **ผิดหมดนะครับที่พูดมา กดออดดังๆ ทีนึง ออดดดดด!! ไม่ผ่าน 3 ผ่านคะ เสียใจด้วย --#
ไส้เดือนกินอินทรีย์วัตถุที่อยู่ในดิน รวมถึงโปรโตซัว และแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อพืช รวมถึงซากพืชซากสัตว์ที่กำลังย่อยสลายโดยการดูดๆๆๆ เข้าไปครับผม
ไส้เดือนสามารถกินอาหารได้ถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักของตัวมันทีเดียวครับพี่น้อง
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #90 เมื่อ: วันที่ 09 พฤษภาคม 2014, 20:59:46 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 68

กินกล้วยวันละ 2 ผล เกิดประโยชน์มหาศาล

ถ้าต้องการให้ระดับพลังงานที่หย่อนยานลงให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วไม่มีอาหาร ว่างใดดีไปกว่ากล้วย อุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอ กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที

จึง ไม่น่าแปลกใจที่กล้วยเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของนักกีฬาชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้นยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรค จึงควรรับประทานทุกวัน

1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง
2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ของอเมริกายินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถโฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้น เลือดฝอยแตก
3. กำลังสมอง นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการรับประทานกล้วยในมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วย สามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูก โดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย
5. โรคความซึมเศร้า จากการสำรวจเร็ว ๆ นี้ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคน จะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า try potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น serotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวผ่อนคลายปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง
6. อาการเมาค้าง วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา
7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าปัญาเกี่ยวกับอาการเสียดท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้
8. ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า
9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
10. ระบบระสาท ในกล้วยมีวิตามินบี สูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ โรคน้ำหนักเกินและโรคที่เกิดในที่ทำงาน จากการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียค้นพบว่า ความกดดันในที่ทำงานเป็นเหตุนำไปสู่การกินอย่างจุบจิบ เช่นอาหารพวกช็อคโกแล็ต และอาหารประเภททอดกรอบต่าง ๆ ในนจำนวนคนไข้ 5,000 คน ในโรงพยาบายต่าง ๆ นักวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนมากเกินไป และส่วนใหญ่ทำงานภายใต้ความกดดันสูงมาก จากรายงานสรุปว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกและนำไปสู่การกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง เราจึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น กินกล้วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่อยยา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วย สารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้
11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
12. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมาจะมีอุณหภูมิเย็น
13. ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ try potophan ทำให้อารมณ์ดี
14. การสูบบุหรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นคืนตัวได้เร็ว อันเป็นผลจากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง
15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตรา metabolic ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดลง แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิดความสมดุล
16. เส้นเลือดฝอยแตก จากการวิจัยที่ลงในวารสาร “The New England Journal of Medicine” การกินกล้วยเป็นประจำสามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%
17. โรคหูด การรักษาหูดด้วยวิธีทางเลือกแบบธรรมชาติ โดยการใช้เปลือกของกล้วยวางปิดลงไปบนหูด แล้วใช้แผ่นปิดแผลหรือเทปติดไว้ให้ด้านสีเหลืองของเปลือกกล้วยออกด้านนอก ก็จะสามารถรักษาโรคหูดให้หายได้
เห็นหรือไม่ว่า กล้วยรักษาโรคต่าง ๆ อย่างธรรมชาติได้มากมาย ท่านควรลองพิสูจน์ด้วยตัวเองบ้าง ว่าจะได้ผลตามที่กล่าวหรือไม่ และเมื่อเปรียบเทียบแอปเปิ้ลแล้ว กล้วยมีโปรตีนมากกว่าแอปเปิ้ล 4 เท่า มี คาร์โบรไฮเดรตมากกว่า 2 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่า 3 เท่า มีวิตามินเอ และธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า และมีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุอื่น มากกว่าอีก 2 เท่า และกล้วยยังอุดมด้วยโปรแตสเซียม กล้วยจึงเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุด
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เคยกินแอปเปิ้ลวันละผลทุกวันไม่ต้องไปหาหมอ หันมาคุ้นเคยกับคำว่า “กินกล้วยวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอ” นอกจากนี้มีคนที่เคยเป็นตะคริวที่เท้า ข้อเท้า และน่อง แนะนำให้กิน กล้วยทุกวัน ตั้งแต่นั้นมาไม่เป็นตะคริวอีกเลย และหายไป

จากวารสารสารอโศก
http://www.chaoprayanews.com/
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #91 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2014, 22:49:01 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 69

คาดเกษตรกรกว่า 4 ล้านคนมีสารพิษตกค้างในร่างกาย

คาดเกษตรกรมีสารพิษตกค้างในร่างกาย ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน เสี่ยงเกิดพิษเรื้อรัง ทั้งมะเร็ง โรคผิวหนัง โรคระบบประสาท สธ.จ่อเร่งแก้ไขให้ความรู้ ตั้งคลินิกดูแลสุขภาพใน รพ.สต. ทุกจังกวัดในปีนี้

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า จากรายงานผลการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ในรอบ 10 ปี ระหว่างปี 2546-2555 มีผู้ป่วยได้รับพิษจากสารเคมีป้องกัน-กำจัดศัตรูพืช 17,340 ราย เฉลี่ยปีละ 1,734 ราย พบมากในกลุ่มเกษตรกร และยังพบในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งอาจเกิดจากการเก็บในที่ไม่ปลอดภัย หรือทิ้งภาชนะบรรจุไม่ถูกวิธี หรือนำภาชนะบรรจุสารกำจัดศัตรูพืชมาล้างแล้วใช้ใส่อาหารหรือน้ำดื่ม เป็นต้น โดยพบผู้ป่วยมากในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นฤดูกาลเพาะปลูก และใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชกันมาก

“ประเด็นที่น่าห่วงคือ ผลการตรวจเลือดเกษตรกรในปี 2556 ในพื้นที่ 48 จังหวัด จำนวน 3 แสนกว่าคน พบว่ามีสารป้องกัน-กำจัดศัตรูพืชตกค้างในเกณฑ์ไม่ปลอดภัยร้อยละ 30 จึงคาดการณ์ว่าในเกษตรกรทั่วประเทศที่มี 15 ล้านกว่าคน จะมีกว่า 4 ล้านคน ที่มีสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ในร่างกายโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพรับจ้างพ่นยาฆ่าแมลงหรือยากำจัดวัชพืช เป็นกลุ่มที่น่าห่วงที่สุด” ปลัด สธ.กล่าว

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุข มี 2 มาตรการหลัก คือ 1. การคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค โดยตรวจเฝ้าระวังสารเคมีป้องกัน-กำจัดศัตรูพืชตกค้างในพืชผักผลไม้ที่ จำหน่ายในตลาดทุกประเภท ผลการตรวจในปี 2556 พบสารพิษตกค้างประมาณร้อยละ 3 ผักที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างมากที่สุดได้แก่ ผักคะน้า พริกสด ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งกะหล่ำปลี แตงกวา เป็นต้น และ 2. การจัดตั้งคลินิกบริการเกษตรกร ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อดูแลส่งเสริมสุขภาพเกษตรกรให้ปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง เริ่มทดลองรูปแบบในปี 2554 ที่ 3 จังหวัดได้แก่ สุพรรณบุรี บุรีรัมย์และอุทัยธานี ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 18 แห่ง พบว่าได้ผลดี ช่วยให้เกษตรกรมีการป้องกันตัวขณะใช้สารเคมีอย่างถูกต้อง และบางแห่งได้เปลี่ยนวิธีมาใช้เกษตรอินทรีย์แทน ในปี 2557 ตั้งเป้าตั้งคลินิกดังกล่าวใน 76 จังหวัด รวม 1,237 แห่ง

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ในคลินิกดังกล่าวจะมีการตรวจเลือดหาสารเคมีที่ใช้บ่อย ได้แก่ กลุ่มออกาโนฟอสเฟต และคาร์บาเมต ประชาชนสามารถทราบผลความผิดปกติในเลือดของตนเองได้ทันที รายใดที่พบความผิดปกติจะขึ้นทะเบียน และแนะนำให้เว้นการฉีดพ่นสารเคมีอย่างน้อย 7 วัน แล้วเจาะเลือดตรวจซ้ำ ถ้ายังผลตรวจเลือดผิดปกติร่วมกับมีอาการเจ็บป่วยก็จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล นอกจากนี้ มีการรักษาโดยให้ดื่มชาสมุนไพรรางจืด ซึ่งมีมีฤทธิ์ขับสารเคมีที่มีพิษออกจากร่างกาย และหาได้ง่ายในชนบทอยู่แล้ว ให้ดื่มแทนน้ำ และติดตามซ้ำ ควบคู่กับการให้ความรู้เปลี่ยนพฤติกรรม

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ธนาคารโลกและองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุไทยใช้สารเคมีป้องกัน-กำจัดศัตรูพืชสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ฝรั่งเศส โปรตุเกส ถึงเท่าตัว ซึ่งอันตรายจากสารเคมีป้องกัน-กำจัดแมลงศัตรูพืช เกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลัน อาการป่วยตั้งแต่เล็กน้อยจนรุนแรงถึงชีวิต ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับ รวมทั้งการสะสมเรื้อรัง โดยสารพิษจะเข้าสู่ร่างกายทางการสัมผัส การสูดดม หรือปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม ซึ่งสารเคมีป้องกัน-กำจัดศัตรูพืชกลุ่มออการ์โนฟอสเฟต และกลุ่มคาร์บาเมต มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทของแมลง ผลที่มีต่อมนุษย์คือ มีพิษเฉียบพลัน ทำให้เกิดการกระตุ้นปลายประสาทอย่างรุนแรง และเสียชีวิตได้ง่าย อาการอื่นๆ ที่พบได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน น้ำตาไหล เหงื่อออก หลอดลมเกร็ง หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก มีเสมหะมาก เป็นต้น ส่วนสารกำจัดวัชพืช (Herbicides) ซึ่งปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ไตวาย ปอดบวม ผื่นคัน ผิวหนังไหม้ ส่วนพิษเรื้อรังอาจมีพังผืดที่ปอด เคยมีรายงานเกิดโรคพาร์กินสัน ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น มือสั่นตลอดเวลาได้ด้วย นอกจากนี้ จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่าสารกำจัดศัตรูพืช หลายชนิดมีผลให้เกิดมะเร็ง ได้แก่มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กด้วย

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ในการรณรงค์ให้เกษตรใช้ยาฆ่าแมลงอย่างปลอดภัย ในปีนี้จะเน้นให้เกษตรกร
ยึดหลักปฏิบัติ คือ อ่าน ใส่ ถอด ทิ้ง ได้แก่ อ่าน คือก่อนใช้ให้อ่านฉลากให้เข้าใจ ใส่ คือสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตัวให้มิดชิดขณะฉีดพ่น ถอด คือหลังจากเสร็จงานแล้วให้ถอดเสื้อผ้าแยกซัก อาบน้ำชำระร่างกาย ให้สะอาด และทิ้ง คือ
ทิ้งภาชนะบรรจุสารเคมีให้ถูกวิธี พร้อมทั้งสนับสนุนให้ประชาชนบริโภคผัก ผลไม้ ที่ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และอบรม อสม. ให้ช่วยสอดส่องและแนะนำการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย จากการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของคลินิกบริการสุขภาพเกษตรกร พบเกษตรกรมีความเสี่ยงสัมผัสสารเคมีขณะการฉีดพ่น โดยมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวยังไม่มากเท่าที่ควร เช่น แว่นตาสำหรับฉีดพ่นสารเคมีโดยเฉพาะ หน้ากากอนามัย เป็นต้น เกษตรกรบางคนยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น สูบบุหรี่หลังฉีดพ่นสารเคมี หรือบางรายดื่มเหล้า เพราะเชื่อว่าจะช่วยขับพิษสารเคมีออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และเสี่ยงได้รับพิษสารเคมีมากขึ้น โดยเฉพาะเหล้า เมื่อดื่มเข้าไปแล้วฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ จะช่วยกระจายพิษไปทั่วร่างกายได้เร็วขึ้น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #92 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2014, 21:40:17 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 70

พบวิตามินซี ฆ่าวัณโรคดื้อยา

นักวิทยาศาสตร์ค่อยยิ้มออกได้ เมื่อได้พบว่าวิตามินซีมีอิทธิฤทธิ์สังหารเชื้อวัณโรคดื้อยา ในห้องปฏิบัติการทดลองได้

นัก วิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเยชิวา ของสหรัฐฯกล่าวเปิดเผยว่า การค้นพบอย่างไม่คาดฝันนี้ จะทำให้ได้หนทางใหม่ที่จะรับมือกับเชื้อโรคพวกดื้อยา ซึ่งแทบจะหมดทางรักษานี้ได้ ทุกวันนี้มีคนไข้วัณโรคที่ดื้อยารักษาอยู่ทั่วโลกมากถึง 650,000 คน

นัก วิจัยชี้ว่า ที่จำเป็นจะต้องให้รู้อย่างรีบด่วน ก็คือ จะสามารถใช้วิตามินซีรักษาวัณโรคในมนุษย์ได้ผลหรือไม่ เพราะเท่าที่ได้พบในห้องทดลอง วิตามินซีทำตัวเป็นเหมือนกับ “ตัวทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิม” ที่ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารอนุมูลอิสระ และสารนี้ได้ฆ่าเชื้อวัณโรคลง “เราเพิ่งได้พบแต่ภายในหลอดทดลอง และยังไม่รู้ว่ามันจะสามารถฆ่าเชื้อโรคสายพันธุ์นี้ได้หรือไม่”

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

http://www.chaoprayanews.com/
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #93 เมื่อ: วันที่ 15 พฤษภาคม 2014, 21:08:59 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 71

พืชผักสวนครัวพื้นบ้าน 10 ชนิด... ที่น่าปลูกประจำบ้าน

1. ผักกาดขาว : ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลตสูง ช่วยบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์

2. ต้นหอม : มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยบรรเทาอาการหวัด และมีสารฟลาโลนอยด์ช่วยต้านมะเร็ง

3. หอมหัวใหญ่ : ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

4. คะน้า : มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง

5. ตำลึง : มีวิตามินเอสูง ซึ่งดีต่อดวงตา พร้อมเส้นใยจับไนเตรต ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร

6. มะระ : มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อนๆ ถ้านำมาคั้นน้ำดื่มจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

7. บัวบก : มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ

8. ชะอม : ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับอนุมูลอิสระ

9. ถั่วพู : มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว

10. ผักชี : ช่วยขับลม บำรุงธาตุ ย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #94 เมื่อ: วันที่ 17 พฤษภาคม 2014, 21:06:46 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 72

ฝรั่ง 1 กิโลกรัม = ไข่ไก่ 3 ฟอง

ถ้าหากพูดถึงฝรั่งล่ะก็เรารู้กันดีมาแล้วว่าประโยชน์ของมันนั้นมีมากมาย ซึ่งถ้าหากคุณจะลดความอ้วนนั้น ฝรั่งก็ถือเป็นทางเลือกในการนำไปรับประทานเป็นผลไม้ลดน้ำหนักของ คุณหรือเหมาะที่จะรับประทานเล่นๆระหว่างวันได้อย่างไร้กังวล ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำฝรั่งนั้นก็ยังมีประโยชน์และนี่ก็คือข้อแตกต่างอย่าง หนึ่งของฝรั่งกับแอปเปิ้ลนั่นเอง

คุณ รู้หรือเปล่าว่าฝรั่ง 1 ลูกให้พลังงานเท่าไหร่?.. ฝรั่ง 1 ผลนั้นให้พลังงานเพียง 25 แคลอรี ถ้าคิดเป็นกิโลกรัมนั้นก็จะเท่ากับ 240 แคลอรีเทียบเท่ากับไข่ไก่เพียง 3 ฟองเท่านั้น ซึ่งนี่นับว่าน้อยมากถ้าหากเทียบกับอาหารอื่นๆ จริงๆแล้วอย่าว่าแต่อาหารเลยผลไม้ด้วยเองยังถือว่าน้อยกว่ากันมากเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากนี้ฝรั่งยังมีวิตามินเอและบี กรดนิโคตินิก ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม เหล็ก โฟเลต เพคติน เทนนิน และให้ปริมาณกากใยสูง โดยสารอาหารเหล่านี้จะสามารถบรรเทาอาการท้องร่วงและห้ามเลือดได้, ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นปากและรักษาแผลเรื้อรังเช่น น้ำกัดเท้า, ผื่นคัน, หวัด, ท้องผูก และอื่นๆได้ด้วย ซึ่งวิตามินซีที่พบในฝรั่งนั้นมีมากกว่าวิตามินซีในส้มถึง 5 เท่า ด้วยคุณประโยชน์มากมายเหล่านี้คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในระหว่างลดน้ำหนัก คุณก็สามารถรับประทานเพื่อสุขภาพได้ดีทีเดียว

หาก จะรับประทานฝรั่งให้ได้ผลนั้นเราต้องไม่ปลอกเปลือกออกไป(ปกติก็ไม่น่าจะปลอก กันอยู่แล้ว) เพราะสารอาหารที่ได้กล่าวมานั้นจะพบมากในส่วนของเปลือก วันหนึ่งๆนั้นไม่ควรรับประทานเกิน 3 กิโลกรัมและห้ามเด็ดขาดถ้าคุณ คิดว่าจะรับประทานกับพริกเกลือหรือเครื่องจิ้มอื่นๆ เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังทำให้เราอ้วนขึ้นอีกด้วย ซึ่งถ้าระหว่างวันคุณเกิดหิวขึ้นมา คุณก็สามารถใช้ฝรั่งเป็นตัวดับความหิวของคุณได้ จะได้ไม่ต้องทรมานในการลดน้ำหนักมากจนเกินไป หรือคุณอาจจะเปลี่ยนไปรับประทานน้ำฝรั่งบ้างก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ที่ดีที่สุดก็คือผลสดๆอยู่ดีนั่นแหละ

ส่วน การเลือกฝรั่งให้ถูกใจคุณนั้น ถ้าหากคุณชอบรับประทานแบบกรอบๆคุณก็ต้องที่มันเขียวๆ ยิ่งเขียวยิ่งกรอบ แต่ไม่ควรเลือกเป็นเขียวเข้มเพราะจะแข็งเกินไปและไม่อร่อยแน่นอน มีเนื้อ แน่นๆ และมีผิวขรุขระนิดหน่อย หากชอบนิ่มๆก็ต้องเลือกที่มันนิ่มๆเพราะมันจะแก่และยิ่งแก่ก็จะยิ่งหวาน มีสีเขียวอ่อนๆ หรือขาวๆใสๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รสชาติของฝรั่งตามที่คุณต้องการแล้ว

อย่าง ที่รู้กันว่านอกจากฝรั่งจะมีแคลอรีที่ต่ำจนน่ากอดและยังมีคุณประโยชน์ที่สูง มาก แต่ราคานั้นก็ไม่ได้แพงไปตามประโยชน์ที่คุณจะได้รับเลย หากคุณกำลังมองหาอาหารลดน้ำหนักที่เป็นผลไม้ล่ะก็ ฝรั่งย่อมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณแน่นอน เพราะฉะนั้นเมื่อมีของดีอยู่ใกล้ตัวก็ควรคว้ามาไว้ในมืออย่างไม่ต้องลังเล ขอให้โชคดี

ที่มา : http://www.foodslender.com/
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #95 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2014, 18:18:31 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 73

ลดน้ำหนักหวานอมเปรี้ยวด้วยองุ่น

ใครจะไปรู้ล่ะว่าองุ่นหวานๆนั้นก็สามารถใช้เป็นผลไม้ลดน้ำหนักได้ เหมือนกัน ถ้าหากคุณรับประทานอย่างพอดีนั่นคือไม่มากไม่น้อยจนเกินไป คุณจะจะสามารถรับประทานผลไม้แสนอร่อยอย่างองุ่นได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะอ้วน เลยทีเดียว

องุ่นเป็นผลไม้ที่ มีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยวแล้วแต่พันธุ์ของมัน ซึ่งมันน่าจะเป็นผลไม้โปรดของใครหลายๆคน แต่ความหวานขององุ่นนั้นมาจากน้ำตาลธรรมชาตินั่นคือร่างการสามารถนำไปใช้ได้ เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้อย่างที่หลายๆคนรู้กันก็คือองุ่นนั้นเป็นผลไม้ล้างพิษชั้น เยี่ยมที่สามารถล้างพิษในตับ ไต และระบบย่อยอาหารอย่างเห็นผลได้ชัดเพราะองุ่นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆด้วย ถ้าหากถามถึงแร่ธาตุภายในองุ่นล่ะก็ก็มีมากมายหลายชนิดเลยทีเดียวไม่ว่าจะ เป็น แคลเซียมคลอไรด์ ทองแดง โฟลีน เหล็ก แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ซิลิคอนและซัลเฟอร์ ทำให้สามารถล้างและสร้างเม็ดเลือด และทำหน้าที่ฟอกเลือดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

การ รับประทานองุ่นนั้นจำเป็นต้องมีขีดจำกัดอยู่สักเล็กน้อยและต้องมีอาหารลด น้ำหนักอื่นเข้าช่วยด้วยนั่นคือในหนึ่งวันนั้นต้องรับประทานข้าวกล้องประมาณ 150 กรัม องุ่นสดครึ่งกิโลกรัม และดื่มน้้ำเปล่าให้ได้ 3 ลิตรต่อวัน ก็จะสามารถใช้องุ่นเป็นอาหารลดน้ำหนักได้และยังสามารถล้างพิษได้ดีอีกด้วย ส่วนคนที่คิดว่าดื่มเป็นน้ำองุ่นแทนได้หรือเปล่า คำตอบก็คือไม่มีปัญหา แต่น้ำ องุ่นที่ดื่มนั้นต้องเป็นน้ำองุ่น 100% โดยคุณอาจจะทำเองก็ได้ ซึ่งการดื่มนั้นอาจจะดื่มหลังอาหารมื้อใหญ่ที่มีการรับประทานอาหารมากเกิน ความจำเป็น น้ำองุ่นจะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญให้ดีขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามองุ่นนั้นยังถือว่าเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ แอปเปิ้ล หรือ ฝรั่ง ที่เป็นผลไม้ลดน้ำหนักยอดนิยม แต่ถ้าหากรับประทานอย่างเป็นระเบียบคุณก็สามารถผอมได้ด้วยองุ่นเช่นกัน หรือไม่ถ้าหากอาหารลดน้ำหนักของคุณมีสลัดอยู่สักมื้อ คุณก็สามารถใส่องุ่นลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้มากขึ้นกว่าเดิมได้ เพราะเดิมทีสลัดนั้นก็ไม่ค่อยจะมีรสหวานเท่าไหร่ ซึ่งน้ำสลัดกับองุ่นก็ถือว่าเข้ากันดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ถึง ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรจะเขียนเพิ่มแล้ว เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยู่ในช่วงลดน้ำหนักและอยากหาผลไม้หวานๆมารับประทานล่ะ ก็ ขอให้องุ่นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคุณก็แล้วกัน ขอให้โชคดี.

ที่มา : http://www.foodslender.com/
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #96 เมื่อ: วันที่ 21 พฤษภาคม 2014, 18:36:36 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 74

เลี้ยงไส้เดือนแล้วได้ประโยชน์อะไร?

ด้านสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ยหมัก ลดการฝังกลบขยะ
ด้านการเกษตร ผลิตปุ๋ยหมักจากไส้เดือนและน้ำสกัดชีวภาพใช้ในการเกษตร
ด้านอาหารสัตว์ ใช้เป็นอาหารโปรตีนสูงทั้งในรูปไส้เดือนเป็นและผง
ด้านการแพทย์ รักษาโรคข้ออักเสบ แผลอักเสบ โรคผิวหนัง และสลายลิ่มเลือดในหลอดเลือด
ด้านอาหาร .. ไส้เดือนสามารถนำมาทำเป็นอาหารจานพิเศษ สำหรับคนที่ใจถึงจริงๆ ลองค้นหาเมนูไส้เดือนกับกูเกิ้ล โดยพิมพ์คำว่า worm recipes ได้เล้ย
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #97 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2014, 17:23:08 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 75

สุดยอดมันฝรั่ง

มันฝรั่งนั้นมีทั้งสีขาว ครีม เหลือง ส้ม และมีม่วง แต่นักวิจัยสหรัฐแนะมันฝรั่งสีส้มมีวิตามินเอที่สุด

Betty J. Burri นักวิจัยจากWestern Human Nutrition กระทรวงเกษตรสหรัฐกล่าวว่า ในบางประเทศ นั้นการขาดแคลนวิตามินเอเป็นเรื่องปกติ

อัตราการขาดแคลนวิตามินเอในประเทศกำลังพัฒนานั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 600,000 รายต่อปี โดยส่สวนใหญ่เป็นเด็กและหญิงตั้งครรภ์

“มัน ฝรั่งที่ขายในสหรัฐนั้นส่วนใหญ่จะมีสีส้ม แต่ในบางพื้นที่ของแอฟริกานั้นกักเก็บมันฝรั่งสีส้มไว้ส่ง ออกและจำหน่ายมันฝรั่งสีขาวแก่ประชาชน” Burri กล่าว

นัก วิจัยแสดงความคิดเห็นว่า ระบบการศึกษาควรส่งเสริมการรับประทานมันฝรั่งสีส้ม เพื่อเพิ่มปริมาณ วิตามินเอของร่างกาย อีกทั้งโรงงานอุสาหกรรมต่าง ๆ ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมันฝรั่งสีส้มให้ หลากหลายมากขึ้น อาทิ แป้งจากมันฝรั่งสีส้ม ซึ่งสามารถนำมาทำขนมปังและขนมปังกรอบได้

ที่มา : http://www.chaoprayanews.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 พฤษภาคม 2014, 17:15:33 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #98 เมื่อ: วันที่ 26 พฤษภาคม 2014, 17:20:55 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 76

“มหาหงส์”หัวเป็นยา

แม้ต้น “มหาหงส์” ชื่อพื้นเมืองอื่น หางหงส์ เหินแก้ว มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัย แต่บ้านเราก็นิยมปลูกกันมาก ตามสวนหลังบ้าน แนวคันดิน มีสรรพคุณทางยา หัวใต้ดินแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือใช้น้ำคั้นทาแผลบวม เป็นไม้ล้มลุก ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ต้นอยู่ใต้ดิน ชูใบขึ้นเหนือพื้นดินเป็นกอ สูงราว 2 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปขอบขนาน กว้าง 4-9 ซม. ยาว 35-60 ซม. โคนสอบแคบ ปลายเรียวแหลม ดอก ออกเป็นช่อโตที่ยอด สีขาวนวลมีเหลืองแซม ดอกทยอยบาน กลิ่นหอมช่วงเย็น ใบประดับหนา ยาว 2-3 ซม. ภายในมีดอก 3-4 ดอก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมกันเป็นหลอด เมื่อบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางราว 10 ซม. ผล ทรงกระบอก สีแดงอมส้ม เมล็ดสีน้ำตาลแดง ขยายพันธุ์ แยกหัวปลูก ชอบความชื้น แสงแดดรำไรจนถึงแสงแดดจัด ต้องระวังรากเน่า

ขอขอบคุณ komchadluek.net
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #99 เมื่อ: วันที่ 29 พฤษภาคม 2014, 20:49:08 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 77

ฆ่าเชื้อโรค ด้วยเปลือกเลมอน (Lemon) มะนาวสีเหลือง

เลมอน (Lemon) เป็นมะนาวลูกใหญ่เปลือกหนาสีเหลือง ที่มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อบีบน้ำมะนาวออกหมดแล้ว ยังนำเปลือกมาใช้ทำส่วนผสม ไว้ฉีดทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคจำพวกแบคทีเรีย บริเวณโซฟา ผ้าม่าน พื้นพรมได้ด้วย
วิธีการ คือ
1. ฝานเปลือกเลมอน 1 ผล แล้วนำไปตากแห้ง 1 วัน
2. นำขวดแก้วสะอาดมา 1 ใบ ใส่น้ำส้มสายชู (ที่ทำจากข้าว) 500 มิลลิลิตร (ครึ่งลิตร) และเปลือกมะนาวจากข้อ1. ลงไปในขวดแก้ว
3. ปิดฝาขวด เขย่าให้เข้ากัน แล้วนำไปตากแดด 10-14 วัน
4. เท ใส่ในกระบอกฉีดน้ำแบบหัวสเปรย์ เพื่อใช้ฉีดบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดสูตรนี้นอกจากช่วยป้องกันแบคทีเรีย แล้ว ส่วนผสมยังดีต่อสุขภาพภาพเลมอน จาก และมีกลิ่นหอมสดชื่นจากเปลือกเลมอนอีกด้วย

ที่มา: นิตยสาร Daco
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ... 19 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!