<<<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #3 >>>>

[OASIS]

ส่วนทางแม่สรวยเอ็นดูโร่  ใส่ 6 ล้อไป ยังบ่าพอต้องใส่ปิคอัพเพิ่มอีกหลายกัน

[OASIS]

รวมตัวในบริเวณนี้กั๋นทุกทีม  พบปะ ทักทายต๋ามประสาคนคอเดียวกั๋น เป็นมิตรภาพที่ดีครับ
ไปงานไหนก่อเจอกั๋นอยู่เสมอ

[OASIS]

ตรวจเช็คก่อนแข่ง ทั้งคนและรถ  ยังดูดีกั๋นอยู่

[OASIS]

 

[OASIS]

HJC เปิดตัวหมวกกันน็อคสุดเท่ 2 ลายใหม่ล่าสุด เอาใจแฟนๆ MARVEL

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางค่ายหมวกกันน็อคชื่อดังอย่าง HJC นั้นได้ทำการเปิดตัวหมวกกันน็อคลายของเหล่าฮีโร่จากทางค่าย Marvel ด้วยลายกัปตันอเมริกา, ไอออนแมน และ เดอะ พันนิชเชอร์ ก็ได้สร้างความฮือฮาแก่เหล่าไบค์เกอร์กันมาแล้ว ในตอนนี้ก็ได้ฤกษ์ดีเปิดตัวหมวกกันน็อคใหม่อีกสองลาย ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มาแค่ทางฝั่งฮีโร่อย่าง Spider Man เพียงอย่างเดียว แต่พ่วงมากับ Venom คู่ปรับตัวฉกาจจากซีรี่ยส์เดียวกันมาด้วย

ซึ่งทั้งสองตัวละครนี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าดังมากๆ นั่นเอง และถูกดีไซน์มาเป็นหมวกกันน็อคของ HJC อย่างที่เราเห็นกันนี้ด้วยฝีมือของทีม RPHA 11 Pro ที่ให้ความรู้ของลวดลายกราฟฟิกบนหมวกที่ทรงพลัง แต่วัสดุที่นำมาใช้นั้นมีน้ำหนักเบามากๆ แต่ก็แข็งแกร่งมากๆ ในขณะเดียวกันด้วย รวมไปถึงการออกแบบที่คำนึงถึงเรื่องของ aerodynamic เป็นพิเศษ ซึ่งมั่นใจได้ว่าตัวหมวกนั้นจะไม่ต้านลมอย่างแน่นอน

“พวกเรามีความตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เปิดตัวหมวกกันน็อคใหม่ 2 ลายนี้จากความร่วมมือกับทางค่าย Marvel ไม่เพียงแต่ออกแบบมาสนองความต้องการทางแฟนๆ ของทางค่าย Marvel เองเท่านั้น แต่รวมไปถึงไบค์เกอร์ทุกคนที่ต้องการหมวกกันน็อคคุณภาพดีด้วย และในอนาคตเราคงจะมีโอกาสได้ออกแบบลวดลายใหม่ๆ จากทางค่าย Marvel อีก” George Hong ประธานของ HJC อเมริกาได้กล่าวไว้เกี่ยวกับหมวกกันน็อคใหม่เอี่ยม 2 ใบนี้

แล้วเพื่อนๆ ล่ะ จะเลือกอะไรระหว่าง Spider Man หรือว่า Venom? ตรงนี้จะบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราอย่างชัดเจน ด้วยสนนราคาที่ขายปลีกอยู่ที่ $599 หรือประมาณ 20,000 บาท และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้นั่นเอง

http://www.greatbiker.com/hjc

[OASIS]

ณ จุดปลอยตัว SS1  ระยะทางประมาณ 60 กม. มี SS เดียว ยาวๆ

[OASIS]

Riding Magazine #250 : CRF250M RidingMag Project

รถโชว์รูมที่ทุกคนซื้อได้ กับของแต่งที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก มาดูผลลัพธ์ของโมตาร์ดมีสไตล์ CRF250M RidingMag Project คิดง่าย ทำได้ทุกคน ถ้าหนทางมันใช่ งานตั้งใจจากนิตยสารไรดิ้งอีกชิ้นครับ

http://www.ridingmag.com/2016/08/18/riding-magazine-250-crf250m-ridingmag-project/

[OASIS]

Harley เดินเกมรุก สร้างฐานแฟนคลับกลุ่มใหม่ สร้างรถบิ๊กไบค์ Marvel Super Heroes

ช่วงก่อนๆ หากใครได้ติดตามทาง GreatBiker.com ก็น่าจะเคยเห็นทางเราลงข่าวเกี่ยวกับหมวกกันน็อค Marvel Super Heroes จากทาง HJC กันไปแล้ว และล่าสุดก็มีอีกค่ายหนึ่งในวงการรถมอเตอร์ไซค์ ที่โดดเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้ นั่นก็คือค่า Harley-Davidson ที่เหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งเป็นการจับเอารถมอเตอร์ไซค์หลายๆ รุ่นจากทางค่ายมากตกแต่งลวดลายกราฟฟิกและชิ้นส่วนบางอย่าง เพื่อให้เข้ากันกับคอนเซ็ปท์ของซุปเปอร์ฮีโร่แต่ละตัว โดยงานนี้ทางค่ายได้แง้มๆ ออกมาว่าจะมีออกมามากมายถึง 27 รูปแบบกันเลยทีเดียว

โดยในปัจจุบันนี้ที่อยู่ทั้งหมด 17 ลายที่ทำการ custom เรียบร้อยแล้วดังนี้

Captain America, Street Glide Special (Touring) – Harley-Davidson Australia & New Zealand head office (NSW)

Spiderman, Iron 883 (Sportster) – Phil’s Garage (NSW) and Canberra H-D (ACT)

Iron Man – Muscle (V-Rod) – McIver & Veitch (NZ) & Adelaide Bike Works (SA)

Thor, Breakout (Softail) – Harley-Heaven Western Sydney (NSW)

Hulk, Fat Boy Lo (Softail) – Geelong H-D (VIC)

Hulk, Breakout (Softail) – Sun City H-D (QLD)

Spider-Gwen, Street 500 (Street) – Gasoline Alley Harley-Davidson (QLD) & Fraser Motorcycles Newcastle (NSW)

Black Widow, Iron 883 (Sportster) – Harley-Heaven Melbourne (VIC) & Sy’s H-D (NSW)

Wasp. Roadster – Fraser Motorcycles Perth (WA)

Groot, Street Glide Special (Touring) – Fraser Motorcycles Wollongong (NSW) & Central Coast H-D (NSW)

Ultron, Night Rod Special (V-Rod) – Horsham H-D (VIC) & Harley Central (VIC)

Drax the Destroyer, Fat Bob (Dyna) – North Coast V-Twins (NSW) & Richardson’s Harley-Davidson (TAS)

Black Panther, Breakout (Softail) – Fraser Motorcycles Concord (NSW) & Western Ranges (NSW)

Ant-Man, Street Bob (Dyna) – Harley City (VIC) & Gold Coast Harley (QLD)

The Punisher, Forty-Eight (Sportster) – SunShine Coast (QLD) & Rolling Thunder MC (NZ)

Ghost Rider, Road Glide Special (Touring) – Morgan & Wacker Brisbane (QLD)

Thanos, Street Glide Special (Touring) – Harley-Heaven Adelaide (SA)

และรถทั้งหมดรวมกับแบบที่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา จะถูกนำไปแสดงตัวเป็นครั้งแรกกันในระหว่างวันที่ 10-11 ที่ซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย กับงาน Comic Con

http://www.greatbiker.com/harley

[OASIS]

KXF 250 2017

[OASIS]

ควายทองเปิดตัวรถสามล้อไฟฟ้าเจาะตลาดผู้มีรายได้ต่ำไว้ทำกินราคาเริ่มเฉียด 5 หมื่นบาท


ควายทองได้เปดตัวบริษัทใหม่ในนาม ควายทอง นิว เอเนอร์จี พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์สามล้อไฟฟ้าที่มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายเจาะตลาดผู้มีรายได้ต่ำและกลุ่มเกษตรกร

จาง ควายทอง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัด เผยว่า บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี เกิดขึ้นจากการร่วมทุนกับ บริษัท ฉงชิ้ง รุ่ยหยาง นิว เอเนอร์จี ออโตโมบิล จำกัดเพื่อผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

 

บริษัท ควายทอง นิว เอเนอร์จี จำกัดมีสัดส่วนการถือหุ้นของ บริษัท ควายทอง อยู่ที่ 49% ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัทนั้นจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออน ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ตัวรถนั้นบรรทุกน้ำหนักได้สูงถึง 1 ตัน ทำความเร็วสูงสุดได้ 65 กม./ชม. พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 3 ปี วางเป้ายอดขายปีแรก 1 หมื่นคัน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันโดยแบ่งตามขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า

สามล้อบรรทุกไฟฟ้ารุ่น เคเอ็ม130 ราคา 49,999 บาท

น้ำหนักบรรทุก 300 กก. ระยะใช้งาน 60-80 กม. ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า 800 กิโลวัตต์

สามล้อบรรทุกไฟฟ้ารุ่น เคเอ็ม150 ราคา 59,999 บาท

น้ำหนักบรรทุก 500 กก. ระยะใช้งาน 60-80 กม. ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า 1,000 กิโลวัตต์

สามล้อบรรทุกไฟฟ้ารุ่น เคเอ็ม180 ราคา 69,999 บาท

น้ำหนักบรรทุก 800 กก. ระยะใช้งาน 60-80 กม. ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า 1,500 กิโลวัตต์

รถจักรยานยนต์ 3 ล้อไฟฟ้ายังดัดแปลงเพื่อการใช้งานได้หลากหลาย โดยจะวางจำหน่ายตามดีลเลอร์เจ้าต่างๆ ควายทองช็อป ร้านวัสดุก่อสร้าง และผ่านโครงการประชารัฐเพื่อให้เกษตรกรและคนรายได้น้อยเข้าถึงได้ง่าย

http://www.autospinn.com/2016/08/kwai-thong-new-3-wheels-electricmotorcycle/

[OASIS]

ภาพเส้นทางแข่งมีน้อย เข้าถึงยาก

[OASIS]

รายนี้จบเกมส์ระหว่างทาง

[OASIS]

ขี่จนจบถือว่าเยี่ยมแล้วครับ

[OASIS]

หลายๆ และ หลายๆ คนยอม  มีจุดฮื้อยอมแพ้ครับ

[OASIS]

สภาพคนและรถหลังจบเกมส์

[OASIS]

หลังจบเกมส์ มีแต่มิตรภาพ รับรางวัลแห่งการต่อสู่และกำลังใจ

รุ่นเด่นๆ เช่น โอเพ่น ไลท์เวทและเอ็นดูโร่แท้  เชียงรายเอ็นดูโร่คว้ามาได้ในสนามนี้

[OASIS]

"งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา"

จบทริป

[OASIS]

2 สูบ หรือว่า 4 สูบ แล้วเราจะเลือกคันไหนอย่างไร ?

ถ้าจะบอกว่าตอนนี้ เวลานี้ สำหรับบิ๊กไบค์ในบ้านเราเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงาน  ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือว่าชาย  ณ เวลานี้บิ๊กไบค์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งยานพาหนะ ที่หลายๆ คนให้การยอมรับและถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ค่อนข้างสูง และตอบสนองอารมณ์และความต้องการต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ซึ่งหลายๆ คนเองก็บอกว่าบิ๊กไบค์ในปัจจุบันนี้หาซื้อและครอบครองได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกขับขี่ในรุปแบบของสปอร์ต แนคเกต  หรือแม้แต่แนวทัวร์ริ่งก็ตามแต่ ซึ่งก็มีหลายๆ ค่ายเริ่มที่จะออกมาตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจำนวนซีซีที่ต้องบอกว่า ออกมาในราคาที่บางรุ่นก็ไม่ได้สูงและไกลจนเกินเอื้อมถึง  แต่หลายๆ คนเอง ก็เกิดความสงสัยว่า  ความแตกต่างระหว่างบิ๊กไบค์ 2 สูบ กับบิ๊กไบค์ 4 สูบมันต่างกันอย่างไร และควรที่จะเลือกซื้อแบบไหนมาใช้งานจึงจะตอบสนองความต้องการได้อย่างถูกต้องและตรงใจนั่นเอง

เรามาเริ่มต้นกันที่ระบบของบล็อคเครื่องยนต์แบบ 2 สูบกันก่อน ซึ่งแน่นอนว่า ณ เวลานี้บิ๊กไบค์ส่วนใหญ่ในบ้านเราก็จะเป็นระบบเครื่องยนต์แบบ 2 สูบให้เห็นกันมาก ซึ่งข้อดีของบล็อกเครื่องยนต์แบบ 2 สูบนี้จะได้เปรียบในเรื่องของอัตรเร่งในช่วงต้นๆ คือเรียกง่ายๆ ว่า ช่วงออกตัวนั้นจะทำได้ดีและเร็วกว่าแต่ในระยะปลายสูบนั้นก็จะถือว่ายังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าหากจะเปรียบเทียบกับบล็อกเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนั่นเอง

สำหรับในเรื่องของอัตราเร่งและการตอบสนองนั้น มีแรงทอร์คหรือแรงบิดที่มากกว่า การขับขี่และการเล่นรอบทำได้อย่างไม่ยากเย็น  ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในทางลาดชัน ขึ้นเขาลงห้วยหรือเส้นทางที่ขุรขระก็ตามแต่  เรียกว่าหากเป็นการขับขี่เพื่อต้องการออกทริปในเส้นทางไกลๆ จะเห็นว่า รถบิ๊กไบค์แบบทั่วร์ริ่งส่วนมากก็จะเป็นบล็อกเครื่องยนต์แบบ 2 สูบนั่นเอง

ส่วนบล็อกเครื่องยนต์แบบ 4 สูบนั้น สิ่งแรกที่หลายๆ คนนึกถึงก็จะเป็นในเรื่องของเสียงเครื่องยนต์ที่มันมีสุ้มเสียงที่เพราะน่าฟัง  และด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้ไบค์เกอร์หลายๆ คนเลือกที่จะครอบครองมันเพราะหลงใหลในเสียงอันไพเราะของมันนั่นเอง  ส่วนใหญ่แล้ว บิ๊กไบค์แบบสี่สูบหลักๆ แล้วมักจะเป็นรถบิ๊กไบค์ที่ออกไปทางแนวสปอร์ตไบค์ใช้ในการขับขี่เส้นทางที่คล้ายๆ จะเป็นเหมือนรถแข่ง  เพราะเนื่องจากในระยะยาว การขับขี่ยิ่งช่วงปลาย  ยิ่งสนุกเพราะความแรงปลายของมันถ้าเล่นรอบเป็นหรือรู้จักการควบคุมการเปิดคันเร่งให้เป็นแล้วละก็ บอกเลยว่ามันเป็นบล็อกเครื่องยนต์ที่น่าขับขี่และมีเสน่ห์มากๆ

แต่ถ้าหากจะนำบิ๊กไบค์ 4 สูบขับขี่ไปออกทริป ขึ้นเขาแล้วละก็ บอกเลยว่าอาจจะทำความเร็วได้ไม่ค่อยดีเท่าไร หรือเอาเข้าใจง่ายๆ ว่ามันจะทำให้คุณขับขี่ได้ไม่เหมือนดังใจสั่งเท่าไร   เรียกง่ายๆ ว่า ถ้าขับขี่ออกทริปไปกับบิ๊กไบค์สองสูบแล้วละก็ จะรู้สึกถึงความต่อเนื่องว่า สี่สูบมันสู้แทบไม่ได้เลยทีเดียว ต้องใช้ทักษะในการขับขี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

แต่ถึงกระนั่นก็ตาม  บล็อกเครื่องยนต์ของบิ๊กไบค์ทั้งสองแบบ มันก็ไม่ได้ดีและแย่จนต้องฟันธงว่า อันนี้ดี อันนี้ไม่ดี ไม่ควรเลือก แต่มันขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของไบค์เกอร์แต่ละคนว่าจะชื่นชอบแนวไหนมากกว่ากัน หากใครที่ชื่นชอบบิดแล้วพุ่งๆ แรงๆ ไม่ต้องรอรอบ หรือเล่นรอบ บอกเลยว่า 2 สูบแน่นอน เป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ แต่ถ้าคุณต้องการขับขี่แนวรถแข่ง  เป็นนักแข่งแล้วละก็  บอกเลยว่า 4 สูบมันจะตอบโจทย์ความต้องการและเล่นรอบได้ดีกว่า 2 สูบนั่นเอง


http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

Honda CRF1000L Africa Twin vs. Yamaha Super Tenere ใครจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบิ๊กไบค์สายเดินทาง

หากจะพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันแล้ว คงจะหนีไม่พ้นรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์แบบ Adventure ซึ่งตอนนี้ กำลังไต่ระดับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากชาวไบค์เกอร์ทั้งน้อยใหญ่ ต่างชื่นชอบการขับขี่แบบออกทริป รวมไปถึงการขับขี่ในเส้นทางที่ทุระกันดาร เพื่อค้นหาจุดหมายใหม่ๆ และประสบการณ์ใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครได้สัมผัส รวมไปถึงการเข้าไปสัมผัสกับบรรกาศอันเป็นธรรมชาติของสองข้างทาง ที่รถ Big Bike ธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถพาไปได้

          สำหรับการ Battle กันในคราวนี้ ทาง BoxzaRacing จะพาทุกท่านไปพบกับรถมอเตอร์ไซค์ Big Bike ในสไตล์แบบ Adventure ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสไตล์การขับขี่ที่กำลังไต่ระดับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ โดยการประชนกันในครั้งนี้ เริ่มด้วย Honda CRF1000L Africa Twin พี่ใหญ่ในตระกูล CRF ที่จะมาประชันกับ Yamaha Super Tenere รุ่นใหญ่แห่งสายลุยค่ายส้อมเสียง งานนี้ใครจะเป็นที่สุดของสายลุย ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย

 เรามาเริ่มกันที่ค่ายปีกนกกันก่อนเลยดีกว่า กับเจ้า Honda CRF1000L Africa Twin ซึ่งถือเป็นรุ่นใหญ่สุดในตระกูล CRF และแน่นอนว่า การขึ้นต้นด้วยรหัส CRF นั้น ต้องมาพร้อมกับดีไซน์อันแข็งแกร่ง ผสานกับเครื่องยนต์อันทรงพลัง และสมรรถนะช่วงล่างที่สมบุกสมบันอย่างแน่นอน

 สำหรับรูปโฉมภายนอกของเจ้า Honda CRF1000L Africa Twin มาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกในสไตล์แบบ Adventure ที่ออกแบบให้พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ เริ่มจากไฟหน้าที่บ่งบอกถึงความเป็น Africa Twin กับไฟหน้าคู่แบบโปรเจคเตอร์ ที่ถูกล้อมด้วยกรอบกันกระแทกอีกหนึ่งชั้น เหนือขึ้นไปเป็นชิลดฺ์หน้าขนาดใหญ่ ส่วนไฟเลี้ยวหน้าแบบ LED ถูกฝังไว้ที่การ์ดแฮนด์ที่ติดตั้งมาให้พร้อมจากโรงงาน ควบคุมการบังคับผ่านแฮนด์บาร์ขนาดพอเหมาะ ที่ให้ความถนัดทั้งการนั่งขี่ และยืนขี่ ถัดมาเป็นถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้ถึง 18.8 ลิตร หมดกังวลสำหรับการเดินทางไกล เบาะนั่งถูกปรับให้ลาดลงมา เพื่อความสะดวกสบายในการควบคุมรถที่ง่ายขึ้น ส่วนด้านหลังมาพร้อมคานจับท้ายที่สามารถติดตั้งกล่องอเนกประสงค์ หรือกระเป๋าเดินทางได้อย่างสะดวก ปิดท้ายด้วยบังโคลนท้าย พร้อมไฟท้าย และไฟเลี้ยวแบบ LED

 ส่วนหน้าปัดเรือนไมล์ของเจ้า Honda CRF1000L Africa Twin มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล ที่บอกรายละเอียดอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรอบเครื่องยนต์, มาตรวัดความเร็ว, ทริปวัดระยะทาง, อุณหภูมิความร้อนของเครื่องยนต์, ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ และเวลา อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ On-Road และ Off-Road

สำหรับระบบช่วงล่างของเจ้า Honda CRF1000L Africa Twin มาพร้อมกับโช้คอัพหน้าแบบ Upside Down ของ Showa และด้านหลังแบบ Mono Shock ของ Showa จับยึดกับระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ Pro-Link ที่สามารถปรับระดับได้ สวนระบบเบรกด้านหน้ามาพร้อมกับจานดิสก์เบรกคู่แบบ Floating disc ขนาด 310 มม. คาลิเปอร์ Nissin แบบ 4 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ส่วนด้านหลังมาพร้อมจานดิสก์เบรกขนาด 256 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ ซึ่งติดตั้งอยู่ในวงล้อซี่ลวดด้านหน้าขนาด 21 นิ้ว กว้าง 2.15 นิ้ว รัดด้วยยาง 90/90-R21 และล้อซี่ลวดหลังขนาด 18 นิ้ว กว้าง 4 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 150/70-R18

ส่วนขุมพลังของเจ้า Honda CRF1000L Africa Twin มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Parallel Twin 2 สูบแถวเรียง 8 วาล์ว DOHC ความจุ 998 ซีซี. ให้พละกำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที และแรงบิด 98 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที ระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีด PGM-FI เอกสิทธิ์เฉพาะของ Honda ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ อีกทั้ง Honda CRF1000L Africa Twin ยังมาพร้อมกับระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และการส่งแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหลัง

 สำหรับราคาของ Honda CRF1000L Africa Twin ถูกตั้งไว้ที่ 550,000 บาท สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 580,000 บาท สำหรับรุ่นเกียร์ DCT ซึ่งถือเป็นราคาที่เร้าใจไม่ใช่น้อย สำหรับไบค์เกอร์สายลุยทั้งหลายที่ต้องการความท้าทายในชีวิต และรถ Adventure ที่อยากจะมีไว้ใช้ลุยสักคัน

มาต่อกันที่ค่ายส้อมเสียงกันบ้าง ที่ในศึกครั้งนี้ขอส่ง Yamaha Super Tenere รถมอเตอร์ไซค์ Adventure รุ่นใหญ่สุดของค่าย ที่ล่าสุดพึ่งเปิดตัวโมเดลรุ่นพิเศษเฉลิมฉลองการครบรอบ 60 ปี ของ Yamaha กับ Super Tenere สีเหลือง-ดำ

สำหรับรูปโฉมภายนอกของเจ้า Yamaha Super Tenere มาพร้อมกับดีไซน์อันแข็งแกร่งดุดัน ตามแบบฉบับของรถในสไตล์ Adventure เริ่มจากด้านหน้าที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ 2 โคม แยกซ้าย-ขวา ชิลด์หน้าสูงที่สามารถติดตั้งซ้อนกันได้หลายชั้น ก้านไฟเลี้ยว LED ควบคุมได้สะดวกสบายทุกท่าทางการขับขี่ด้วยแฮนด์บาร์กว้าง ที่มาพร้อมการ์ดกันกระแทกปลายแฮนด์ในตัว ถังน้ำมันขนาดใหญ่ สามารถบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 23 ลิตร เบาะนั่งแบบแยก 2 ระดับ พร้อมคานจับด้านหลังที่สามารถติดตั้งกล่องอเนกประสงค์ หรือกระเป๋าสัมภาระในการเดินทาง ปิดท้ายด้วยบังโคลนท้าย และไฟท้ายแบบ LED

ส่วนหน้าปัดเรือนไมล์ของเจ้า Yamaha Super Tenere มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล Wide Screen ที่บอกรายละเอียดอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, ทริปบอกระยะทาง และเวลา นอกเหนือจากนั้น Yamaha Super Tenere ยังมาพร้อมกับระบบ YCC-T ปรับ 3 ระดับ TCS หรือ Traction Control System พร้อมทั้งสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 2 โหมด

สำหรับระบบช่วงล่างของ Yamaha Super Tenere มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Upside Down ขนาด 43 มม. ระยะยุบ 190 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Monoshock จับยึดกับสวิงอาร์ม ที่สามารถปรับค่า Preload และ Rebound ได้ในตัว ส่วนระบบเบรกด้านหน้ามาพร้อมกับ Hydraulic Hydraulic Dual Disc ขนาด 310 มม. คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ส่วนด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 282 มม.

สำหรับขุมพลังของเจ้า Yamaha Super Tenere มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Shaft Drive 2 สูบ DOHC 8 วาล์ว ขนาด 1,199 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 98 x 79.5 มม. กำลังอัด 11.0:1 ระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีด YCC-T จุดระเบิดด้วยคอมพิวเตอร์ T.C.I. ให้พละกำลังสูงสุดที่ 110 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด

สำหรับราคาค่าตัวของ Yamaha Super Tenere เริ่มต้นที่ 840,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้รับ ร่วมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ Super Tenere มอบให้ ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับราคาดังกล่าว

Comment

          สำหรับใครที่สนใจ และหมายปองรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ในสไตล์ Aventure ใน 2 รุ่น ที่ทาง BoxzaRacing นำมา Battle กันในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Honad CRF1000L Africa Twin และ Yamaha Super Tenere ซึ่งแต่ละรุ่นต่างก็มีข้อดี และข้อได้เปรียบกันไปในคนละด้าน ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสไตล์การขับขี่ของแต่ละท่าน

          หากใครที่ชื่นชอบรถ Adventure ที่มีความคุ้มค่า ราคาสบายกระเป๋า ผสานกับการขับขี่ที่คล่องตัวกว่า ดูเหมือนว่า Honad CRF1000L Africa Twin จะตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี ส่วนใครที่ชื่นชอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ผสานกับเทคโนโลยี และอ็อฟชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก คงต้องยกให้เป็น Yamaha Super Tenere ในการตอบสนองครั้งนี้

สำหรับการ Battle กันในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าโดยรวมของ Honad CRF1000L Africa Twin จะมีความน่าสนใจกว่าอยู่พอประมาณ ด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า ผสานกับรูปทรงการดีไซน์ที่ออกแบบให้ใช้งานได้คล่องตัวกว่า ทำให้ Honad CRF1000L Africa Twin เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าในคลาสนี้ แต่สำหรับ Yamaha Super Tenere ต้องยอมรับว่ามีสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่า รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าประมาณ 290,000 บาท แต่ถ้าหากคุณชอบความเพอร์เฟค โดยไม่สนใจเรื่องราคา Yamaha Super Tenere ก็ถือเป็นหนึ่งรุ่นที่ตอบรับทุกความต้องการสำหรับสาย Adventure
http://bigbike.boxzaracing.com/news/14613

[tai xr]

ซื้อไปลุย ผมว่า CRF1000 ท้องเครื่องสูงกว่า น่าจะไปได้ทุกทีกว่านะครับ อะไหล่ ไม่ต้องพูดถึง เจ้านี้ไม่เป็นลองใครครับเรื่องสำรองอะไหล่ เทใจไป Honda ครับ