<<<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #3 >>>>

[OASIS]

 

[OASIS]

หลุด BMW G310GS แอดเวนเจอร์ไซส์เล็กติดโช้คหัวกลับงามไม่แพ้รุ่นใหญ่

บีเอ็มดับเบิลยูเคยออกมายืนยันก่อนหน้านี้ว่าจะมีการเปิดตัว แอดเวนเจอร์ไซส์เล็กบนพื้นฐานของเน็กเก็ตรุ่นใหม่อย่าง จี310อาร์ วันนี้เสื่อต่างแดนได้เผยภาพหลุดของเจ้า จี310จีเอสออกมาแล้ว

บีเอ็มดับเบิลยูนำพื้นฐานของ บีเอ็มดับเบิลยู จี310อาร์ มาให้บอดี้ของจีเอสได้ลงประทับใน บีเอ็มดับเบิลยู จี310อาร์คันนี้

บีเอ็มดับเบิลยูน่าจะเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ระดับแถวหน้ารายแรๆ ของโลกที่มีการเปิดตัวแอดเวนเจอร์ไซส์เล็กในตลาดในขณะที่ค่ายญี่ปุ่นเคยมีข่าวหลุดออกมาก่อนหน้าแต่ว่าก็ยังไม่มีวี่แววให้เห็น ตัวรถยังคงไฟหน้าแบบ จี310อาร์ แต่ว่ามีหลายชิ้นส่วนที่ย่อยมาจากรุ่นใหญ่อย่าง อาร์1200จีเอส

ปากนกด้านหน้า แฟริ่งชิ้นข้าง ถังน้ำมันขนาดใหญ่ เบาะนั่งตอนเดียวเล่นระดับ แร็คท้ายขนาดใหญ่ ดูยังไงก็เหมือนถอดมาจากรุ่นใหญ่เป๊ะๆ แถมยังเลือกใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ ล้อแม็คห้าก้าน ในรถรุ่นนี้

บีเอ็มดับเบิลยู จี310จีเอส อาจมีการเปิดตัวในงานอินเตอมอทในอีกไม่กี่วันไม่กี่ชั่วโมง ในขระเดียวกันเน็กเก็ตอย่าง บีเอ็มดับเบิลยูทีเ่ปิดตัวเมื่อปีก่อนก็จะได้ฤกษ์ขายช่วงปลายปีนี้พอดี

http://www.autospinn.com/2016/10/spy-shot-bmw-g310gs/

[OASIS]

Suzuki กำลังพัฒนาระบบช่วงล่างแบบปรับค่าความแข็งอ่อนได้ด้วยตัวเอง ใน V-Strom 1000

มีรายงานล่าสุดมาว่าขณะนี้ ทาง Suzuki กำลังพัฒนา ช่วงล่างแบบใหม่ โดยมีจุดเด่นตรงที่ มันสามารถปรับความแข็งอ่อนของสปริงได้ด้วยตัวเอง โดยใช้น้ำหนักเป็นเกณฑ์ในการปรับ ซึ่งโมเดลแรกที่จะได้รับเทคโนโลยีนี้ไปคือรถมอเตอร์ไซค์แนว Adventure ตัวท็อปของค่ายอย่าง V-Strom 1000

จากรูปประกอบที่เราได้รับมา จะพบว่ามีจุดเซนเซอร์ติดตั้งบริเวณซับเฟรม (จุดที่ 46 และ 48) ที่คอยตรวจวัดน้ำหนักบนรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น คนขับ คนซ้อน และประเป๋าข้าง ไปจนถึงกระเป๋าหลัง ซึ่งค่าที่ได้นั้นจะถูกนำไปประมวลผลเพื่อหาค่าความแข็งอ่อนที่เหมาะสม และเมื่อได้ค่าดังกล่าวแล้ว ระบบจะแสดงผลการตั้งค่าไปที่หน้าจอทันที ในขณะที่ตัวโช๊คหลังจะถูกปรับค่าความแข็งอ่อนใหม่ตอนสภาวะหยุดนิ่งเท่านั้น

และถ้าหากว่าระบบนี้ถูกนำไปทำงานร่วมกันกับระบบ Semi-Active แบบเดียวกับของ Ohlins ที่สามารถปรับความเร็วในการยืดยุบของโช๊คอัพได้แล้วล่ะก็ Suzuki V-Strom รุ่นใหม่จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่มีฟังก์ชั่นครบคันที่สุดในเรื่องของช่วงล่างในตลาดตอนนี้

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ระบุไว้ในสิทธิบัตร เทคโนโลยีดังกล่าวจะยังไม่เปิดตัวในปี 2017 นี้แน่นอน จึงมีความเป็นไปได้ว่ามันจะมาในช่วงปี 2018 แทน ซึ่งเราก็ได้แต่สงสัยว่าทำไม Suzuki ไม่นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับรถมอเตอร์ไซค์จำพวกสปอร์ตไบค์หรือแน็กเก็ตก่อน ทั้งๆที่ปกติหลายค่ายมักจะยัดเทคโนโลยีใหม่ๆลงในรถประเภทหลังซะมากกว่าเพื่อดึงดูดลูกค้าในคลาสนี้

http://www.motorival.com/suzuki-v-strom1000-patent/

[OASIS]

ALL New Kawasaki Z650 รถสปอร์ตเนกเกตใหม่ถอดด้ามเปิดตัวแล้ว

ถือว่าเป็นเซอร์ไพร์สประจำงานกันเลยทีเดียว เมื่อทางยักษ์เขียว Kawasaki เปิดตัว ALL New Z650 รถในแนวสปอร์ตเนกเกตตระกูลดัง ที่คราวนี้มาในระดับมิดเดิลคลาส ซึงห่างหายไปนานมากจากตระกูลนี้ ในงาน Intermot เมืองโคโลญน์ ประเทศเยอรมัน ที่ถูกคาดการกันว่ามันจะมาทำตลาดแทน ER-6N นั่นเอง

โดยคอนเซ็ปท์หลักของ Kawasaki Z650 คันนี้ก็คือเน้นรถที่มีน้ำหนักเบา มีความคล่องตัวสูง เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก กับเครื่องยนต์ขนาด 649cc 2 สูบเรียง DOHC ที่เป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่เอี่ยมเลย (ไม่ใช่เป็นการนำเอาเครื่องเดิมในตระกูล ER 650 มาใช้) ให้พละกำลังที่ดีเยี่ยมในย่านความเร็วต้นถึงกลาง มาพร้อมกับโครงสร้างรถแบบใหม่ ไลท์เวท แชสซี สลิม ตัวแฮนด์จับนั้นเซ็ทองศามาให้กระชับ สามารถกะวงเลี้ยวได้ง่าย การคอนโทรลคันเร่งจะเชื่องมือแบบสั่งได้ ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่มากที่สุด ผสมผสานระหว่างความรู้สึกสปอร์ตและการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงเหมาะสมกับไบค์เกอร์ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมือเก๋า

ในด้านการออกแบบนั้นยังคงเอกลักษณ์ของทางตระกูล Z เอาไว้ โดยเส้นสายนั้นมีความเฉียบคม แต่เฟรมนั้นเป็นแบบ tubelar สีเขียวที่ถอดแบบมาจากตัวใหญ่อย่าง H2 โดยผลงานการออกแบบ All New Z650 คันนี้เป็นของทีม Sugomi ที่เป็นผู้ออกแบบ Z1000 คันล่าสุดนั่นเอง ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในอดีตรถ Kawasaki Z650 ก็เคยออกมาทำตลาดกันแล้วในปี ค.ศ. 1976 ที่เป็นรถเน้นแรงบิดอันหนักหน่วงเป็นหลัก ในสมัยนั้นก็ถือว่าโดดเด่นมากๆ ทีเดียว

ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นเป็นแบบอนาล็อกผสมกับดิจิตอล บนจอ LCD ขนาดใหญ่ ซึ่งคราวนี้มีการบอกตำแหน่งเกียร์ด้วย และไฟท้ายถูกออกแบบเป็นรูปทรง Z แบบ LED ที่โดดเด่นมากๆ เวลามองจากด้านหลัง เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของตระกูล Z อย่างชัดเจน และตัวรถนั้นมีออพชั่นอย่าง สลิปเปอร์ คลัทช์ ติดมาให้จากโรงงานเลย และระบบเบรก ABS (มีให้เลือกทั้งรุ่นที่มีและไม่มี) และในเร็วๆ นี้ทางเราจะนำสเปคโดยละเอียด และรูปเพิ่มเติมจากหลายๆ มุมมาฝากเพื่อนๆ ชาว GreatBiker กันอย่างแน่นอน รวมไปถึงอัพเดทเรื่องราคาเมื่องมีการแจ้งมาอย่างเป็นทางการจาก Kawasaki ด้วย

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

Denver AMA Endurocross Main Event

[OASIS]

1973 Maico 440GP

[OASIS]

Yamaha เปิดตัว All New MT-09 2017 รถสปอร์ตเนกเกตคันเก่ง

และแล้วรถในแนวสปอร์ตเนกเกตที่เหล่าไบค์เกอร์บ้านเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอย่าง Yamaha MT-09 ก็ได้ทำการเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่สำหรับปี 2017 ออกมาในงาน Intermot ประเทศเยอรมันกันสดๆ ร้อนๆ แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงกันตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียวกับโฉมใหม่นี้ เราลองไปดูรายละเอียดด้วยกันเลยดีกว่า ว่ามันจะน่าสนใจขนาดไหน

เริ่มกันที่ส่วนแรกเลยก็คือไฟด้านหน้าจะเป็นแบบ LED 2 ดวงแยกฝั่งซ้ายขวาชัดเจน ซึ่งแต่ละดวงนั้นก็จะมีหลอด LED 2 หลอดเล็กบรรจุอยู่ นับรวมทั้งหมดเป็น 4 หลอด (2 ฝั่ง) และใต้ LED ทั้งสองฝั่งยังมีไฟรันนิ่งไลท์อยู่ด้านใต้ด้วย ตรงนี้ถือว่าเป็นดีไซน์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่ในส่วนตำแหน่งของไฟเลี้ยวนั้นมีการโยกย้ายไปอยู่ด้านข้างหม้อน้ำแทน และสำหรับในส่วนของไฟท้ายนั้นก็เป็นแบบ LED 3 มิติเป็นรูปทรงตัว “M” 9jvในส่วนของโครงสร้างรถนั้น มีความกระชับมากขึ้นกว่าเดิม ด้านท้ายสั้นลงกว่าเดิม 30mm และเบาะนั่งนั้นมีการออกแบบใหม่ด้วย โดยเบาะนั้นมีความหนามากกว่าเดิม 5mm และมีการปรับรูปทรงให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับการที่ผู้ขี่เองนั้นจะทำการเบรก, เข้าโค้ง หรือว่าเร่ง ก็ทำได้ถนัดมากยิ่งขึ้น

สำหรับในส่วนของสวิงอาร์มนั้นมีการเปลี่ยนแบบใหม่กันเลย มาเป็นแบบเมาท์-สวิงอาร์ม และในส่วนของเพลตติดป้ายทะเบียนก็ใช้แบบอลูมิเนียมขาเดี่ยวที่มีน้ำหนักเบา ตรงนี้ค่อนข้างเท่เลยทีเดียว และหากสังเกตกันดีๆ ในส่วนของการ์ดหม้อน้ำนั้นจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วย กับเครื่องยนต์ขนาด 847cc 12 วาล์ว 3 สูบ cross-plane อันเป็นเอกลักษ์ของรุ่นนี้ ที่ให้แรงบิดที่ดีที่สุดในทุกย่านความเร็ว (เป็นการรวมเอาข้อดีของเครื่องยนต์แบบ 2 สูบและ 4 สูบเข้าไว้ด้วยกัน) และที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือตัวรถ MT-09 2017 นั้นจะมีระบบออพชั่นต่างๆ อย่างเช่น Quick Shift System (QSS) ระบบในการช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ เช่นเดียวกันกับที่ใช้ใน R1 และยังมีระบบ Assist & Slipper (A&S) clutch ที่ช่วยในการป้องการล้อหมุนฟรี ที่จะช่วยให้การขับขี่นั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงพวกระบบช่วงล่างที่มีการอัพเกรดกันใหม่ด้วย

ก็ถือว่าน่าสนใจมากๆ ทีเดียวสำหรับนถเนกเกตคันล่าสุดจากทาง Yamaha คันนี้เพราะเชื่อว่ามันจะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยอย่างแน่นอนในช่วงปีหน้า หรืออาจจะมีการเปิดตัวกันในงาน Motor Expo ปลายปีนี้เลยก็เป็นได้ โดยสีที่มีออกมาให้เลือกตอนนี้ก็คือ Night Fluo (สีเทาดำ), Race Blue (สีน้ำเงิน) และ Tech Black (สีดำ)

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

Kawasaki จัดเต็มให้กับ NINJA 1000 2017 เหลาหน้าใหม่หล่อสุดๆ

เมื่อทาง Kawasaki ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ออกมา ซึ่งเป็นรถในแนวสปอร์ตทัวริ่งสำหรับปี 2017 นั่นก็คือ Kawasaki Ninja 1000 หรือ Z100SX ซึ่งเป็นรถในแนวสปอร์ตทัวริ่งในระดับ 1000 ซีซี ที่ถือว่าเป็นรถที่ได้รับความนิยมเลยทีเดียว โดยในโมเดล 2017 นี้ได้มีการอัพเกรดและเหลาหน้าใหม่เพื่อให้ดูหล่อขึ้นมากกว่าเดิมทีเดียว ซึ่งมีการขยายด้านข้างให้กว้างและโปร่งมากขึ้น ไฟหน้าเป็นแบบ LED ที่บอกว่าให้ความสว่างที่มากกว่าเดิมถึง 1.4 เท่า

 เรือนไมล์แบบ LCD ที่แสดงผลต่างๆอย่างครบถ้วน สำหรับเครื่องยนต์ในขนาด 1043 ซีซี ที่แรงและทรงพลังแต่ก็รองรับ Euro4 ทางคาวาซากิได้ได้ระบบ IMU มาเสริมประสิทธิภาพให้กับ NINJA 1000 ทำให้ระบบ Traction control และ Cornering ABS ตอบสนองได้ลงตัวมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะขี่แบบสปอร์ต หรือการขับขี่แบบทัวริ่ง

 Kawasaki Ninja 1000 2017 ได้ทำออกมา 3 สี คือ สีเขียว (Candy Lime Green), สีดำ (Metallic Spark Black) และ สีส้ม (Candy Burnt Orange) เรียกได้ว่ารถสปอร์ตทัวริ่งพิกัด 1000 ซีซี ต้องมี Kawasaki Ninja 1000 เป็นหนึ่งในรถที่มีคนอยากได้เป็นเจ้าของอีกรุ่นหนึ่งแน่นอน

http://www.mocyc.com/

[OASIS]

เมื่อฮอนด้าปล่อยตัวแรง NEW 2017 CBR1000RR มันช่างหล่อได้ใจจริงๆ

เมื่อทางฮอนด้าได้ส่งตัวแรงจากเทคโนโลยีสนามแข่ง MotoGP ลงมาบนเจ้า CBR1000RR โมเดล 2017 ก็เป็นแน่แท้ว่ามันจะเป็นรถที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมากแน่นอน โดยที่ CBR1000RR นั้นจะมีออกมา 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ CBR1000RR SP และรุ่น CBR1000RR SP2 Limited ซึ่งจะมีจำนวน 500 คัน

  โดยที่ด้านเครื่องยนต์ของทั้ง 2 รุ่นจะเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 998 ซีซี โดยมีแรงม้ามาให้ใช้ที่ 189 แรงม้าที่ 12,500 รอบต่อนาที ซึ่งจะว่าไปแล้วถือว่าให้แรงม้ามาเยอะเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่านำเอาเทคโนโลยี MotoGP มาใช้จะให้ขี่ชิวๆได้อย่างไร ในด้านเรือนไมล์ของ CBR1000RR SP จะใช้จอสีแบบ TFT โดยที่สามารถปรับได้ 3 โหมด นั่นก็คือ Street Mode (แบบใช้งานถนนทั่วไป) ,Circuit Mode (แบบสนาม) และ Mechanic Mode (แบบปรับตั้งได้เอง)

 ในด้านตัวรถถือว่าเป็นรถที่มีน้ำหนักไม่สูงมากคือมีน้ำหนักที่ 197 กิโลกรัม ซึ่งทางฮอนด้าเองได้มีการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาในทุกๆชิ้นส่วนของการผลิตโดยเฉพาะเฟรมที่ลดน้ำหนักไปได้ถึง 14 กิโลกรัม ส่วนสวิงอาร์มหลังเองก็เป็นแบบ Pro-Link ที่ทำมาจากไทเทเนียม

ในด้านระบบที่น่าสนใจที่มีใน CBR1000RR ก็คือ ระบบกันล้อหลังยกเวลาเบรกหน้าหนักๆ เรียกได้ว่าเป็นระบบที่น่าสนใจเลยทีเดียวโดยมีชื่อว่า Cornering ABS ในด้านระบบกันสะเทือนฮอนด้าเลือกใช้โช้คจากทางค่าย Ohlins ส่วนระบบเบรกก็เลือกใช้ Brembo

ส่วนออฟชั่นอื่นๆก็เรียกว่าจัดเต็มโดยมีดังนี้
- HSTC (Honda Selectable Torque System)
- Wheelie Control HSTC
- Traction Control
- Gyro Based ABS
- Engine Brake (EB)
- Torque Adjust 9 Level
- Quick Shifter Assist Up & Down Shift

  ในส่วนของ CBR1000RR 2017 SP2 นั้นก็ได้ทำการปรับแต่งเพิ่มจากตัวปกติ โดยมีลูกสูบที่ใหญ่ขึ้น 1 มม. และท่อไอเสียเป็นแบบไทเทเนี่ยมโดยที่คอท่อใหญ่ขึ้น 1.5 มม. อีกทั้งยังสามารถใช้ชุด Race Kit HRC ได้อีกด้วย โดยจะมีแรงม้าที่ 195 แรงม้า โหมดของเครื่องยนต์มี 5 โหมด พ่วงมาด้วยระบบล็อครอบเครื่องในช่วงการออกตัวแบบรถแข่ง พร้อมด้วยระบบล็อคความเร็วบนพิทเลนสนามแข่งอีกด้วย มีการใช้ล้อแม็กของ Marchesini M7 แบบฟอร์จ ซึ่งมีน้ำหนักเบาและดีกว่ารุ่นปกติมากทีเดียว

http://www.mocyc.com/

[OASIS]

เป็นมิตรกันดีกว่า! Honda จับมือ Yamaha ร่วมกันพัฒนารถสกูตเตอร์ รับมือตลาดหดตัว

ด้วยสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้คู่แข่งตลอดการอย่างฮอนด้าและยามาฮ่า โคจรมาจับมือกันเพื่อแบ่งปันการพัฒนารถสกูตเตอร์ร่วมกันในอนาคต

ทั้งสองบริษัทประกาศความร่วมมือกันพัฒนารถสองล้อขนาดเล็ก โดยมีความเป็นไปได้ที่จะครอบคลุมรถที่ใช้เครื่องยนต์ 50 ซีซี และอาจจะรวมถึงรถพลังงานไฟฟ้าสำหรับตลาดญี่ปุ่นด้วย ถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันขอบเขตความร่วมมือแต่แถลงการณ์ระบุว่า “ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นการหารือทางธุรกิจกันแล้ว”

รายงานข่าวระบุว่า ความร่วมมือจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน ซึ่งจะเริ่มต้นที่การผลิตรถสกูตเตอร์ฮอนด้า แท็คต์ และยามาฮ่า จิออร์โน ออกจำหน่ายภายในปี 2018 ก่อนที่จะต่อยอดเป็นรถอีกหลายรุ่นออกทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้น ความร่วมมือจะเริ่มโครงการพัฒนารถสกูตเตอร์พลังงานไฟฟ้าร่วมกัน โดยจะมุ่งเน้นที่ระยะทางขับเคลื่อน ระยะเวลาการชาร์จไฟ สมรรถนะ และต้นทุน นอกจากนี้ ยังอาจจับมือกับบริษัทผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายอื่นด้วย

คัทซูอากิ วาตานาเบะ กรรมการผู้จัดการ ยามาฮ่า มอเตอร์เปิดเผยว่า “เรามีความเชื่อมั่นในความร่วมมือกันครั้งนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นที่การเป็นหุ้นส่วนด้านการผลิต ก่อนที่จะขยายกรอบการทำงานเพื่อกำหนดทิศทางรถมอเตอร์ไซค์ของญี่ปุ่นในอนาคต”

ทั้งฮอนด้า และยามาฮ่าตระหนักตรงกันว่า ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กในประเทศญี่ปุ่นกำลังถดถอย จึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นที่จะรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจแบบเดิมไว้ ดังนั้น ความร่วมมือกันจึงมีความจำเป็นต่อการรับมือความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในญี่ปุ่นถดถอยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 1995 มียอดขายรถมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์ถึง 1.2 ล้านคัน แต่ลดลงเหลือเพียง 3.73 แสนคันเท่านั้นในปี 2015 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยถึงความร่วมมือของทั้งสองบริษัทนอกประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด

http://www.autospinn.com/2016/10/honda-yamaha-partnership-in-japan/

[OASIS]

2017 KTM 1290 Super Adventure R และ S เสริมแกร่งไลน์อัพตัวโหดสายส้ม

เคทีเอ็มแตกรุ่นย่อย เคทีเอ็ม 1290 ซูเปอร์ แอดเวนเจอร์ จากในอดีตที่มีเพียงรุ่นเดียวออกเป็น 3 รุ่นย่อย ลองรับความต้องการที่หลากหลายคนลูกค้า

1290 ซูเปอร์ แอดเวนเจอร์ “เอส” นั้นจะเป็นรุ่นที่สร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับกับการขับขี่บนทางดำมากกว่า ในขณะที่รุ่น “อาร์” จะซ่ากว่าบนทางฝุ่น ในขณะที่รุ่นมาตรฐานที่เคยจำหน่ายห่อนหน้านี้จะถูกเปลี่ยนไปใช้รหัส “ที” แทน

1290 เคทีเอ็ม ซูเปอร์แอดเวนเจอร์ อาร์ และ เอส ใช้เครื่องยนต์ 1301 ซีซี แอลซี8 สองสูบวี ช่องไอดีถูกพัฒนาใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้เครื่องยนต์ส่งกำลังได้นุ่มนวลยิ่งขึ้นโดยมีพละกำลังอยู่ที่ 160 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 140 นิวตันเมตร

สำหรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ยังครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ควบคุมความเสถียรของตัวรถที่วัดระดับการพับเลี้ยวของตัวรถเพื่อทำงานร่วมกับเอบีเอสและแทร็คชั่นคอนโทรลทั้งสองรุ่นมีโหมดการขับขี่ สปอร์ต สตรีท ฝน และในรุ่น อาร์ จะมี ออฟโร้ด แพ็คฯ เพิ่มเข้ามา

ออฟโร้ด แพ็คเกจที่ว่านั้นมีเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างเพิ่มโฆมด ออฟโร้ด การปิดเอบีเอสที่ล้อหลังและปรับด้านหน้าให้เหมาะกับการขี่ออฟโร้ดและยังปล่อยให้ล้อหลังมีการสไลด์ได้

ในรุ่น อาร์ ยังได้วงล้อหน้าขนาด 21 นิ้วและล้อหลัง 18 นิ้ว โดยเป็นล้อซี่ลวดในขณะที่รุ่น เอส จะเป็น ล้อแม็ก แต่ทั้งสองรุ่นจขจะมีระบบวัดแรงดันลมยางที่จะแสดงผลบนจอแสดงผลแบบสีขนาด 6.5 นิ้ว ไฟหน้าของรถที่เปลี่ยนใหม่เป็นแบบแอลอีดีแบบส่องรับทางโค้ง

รถทีครูซคอนโทรติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน พอร์ตยูเอสบีกันน้ำ ระบบสตาร์ทโดยไม่ต้องเสียบกุญแจ เบาะนั่งแบบโฟม 3 มิติสำหรับการเดินทางไกล ระบบเบรกเป็นของเบรมโบ้โดยใช้คาลิเปอร์แบบ 4 ลูกสูบบนจานเบรกขนาด 320 มม.ในขณะที่จานหลังเป็นขนาด 267 มม.

ระบบกันสะเทือนของรุ่น อาร์ นั้นเป็นโช้คหัวกลับของไวท์พาวเวอร์ที่ปรับค่าได้อย่างละเอียดมีระยะยุบที่ 220 มม. ด้านรุ่น เอส จะเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติจากไวท์พาวเวอร์ปรับค่าได้ 4 โหมด

http://www.autospinn.com/2016/10/2017-ktm-super-adventure-r-and-s/

[OASIS]

Yamaha เปิดตัว FORCE 155 กับรถออโตเมติคสุดเฟี้ยว

ล่าสุด Yamaha ไต้หวันได้เปิดตัวรถออโตเมติครุ่นล่าสุดออกมาให้ได้เห็นกัน โดยมีชื่อรุ่นว่า FORCE 155 ที่ได้ออกแบบมาในแบบโฉบเฉี่ยว เน้นความคล่องตัวและมีความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 155 ซีซี เหมือนกับ N-Max โดยการออกแบบของตัวรถมีเรือนไมล์แบบดิจิตอลที่สวยงามและลงตัว

ด้านล้อเป็นล้อแม็คขนาด 13 นิ้ว โดยรัดด้วยยางหน้าขนาด 120/70 และยางหลังขนาด 130/70 ตัวรถ FORCE 155 มีกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ ใส่ของได้จุใจจริงๆ ด้านระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลัง ด้านระบบกันสะเทือนหลังโดดเด่นด้วยระบบโช้คเดี่ยว โดยมีน้ำหนักรถรวมที่ 132 กิโลกรัม

ในประเทศไต้หวันจะวางขายอย่างเป็นทางการวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ส่วนจะนำเข้ามาขายในประเทศไทยหรือไม่นั้นก็คงติดตามกันต่อไป เพราะมีหลายๆคนที่เล็งตัว X-Max อยู่เช่นกัน ต้องรอว่าทาง ไทยยามาฮ่ามอเตอร์จะมีแผนนำเอา FORCE 155 เข้ามาทำตลาดในบ้านเราหรือไม่ ต้องรอติดตามข่าวกันต่อไปครับ

http://www.mocyc.com/

[OASIS]

ทริปวันนี้สุดแสนจะเหนื่อยอ่อน

[OASIS]

 

[OASIS]

Street Tracker Yamaha SR500

[OASIS]

ทริป ดอยบ่อ ผาขวาง ม่วงคำ จะนู  9 ตุลาคม 2559
เส้นทางแบบเอาข้างหน้าเป็นไป ฤดูฝนบ่าดีไปไหนไกล วนเวียนแถวๆนี้ก่อมันได้ครับ
ผู้ร่วมทริป 11 ราย ขนาดกำลังดี เดินทางได้เร็ว  ทริปนี้มีมิสเตอร์คริส มาร่วมแจมตวย
แกอยู่เจียงฮายนี้แหละ ปกติแกกับเพื่อนจะขี่เองสองสามกันขี่ไปเก็บภาพไป วันนี้ไค่ปะกับเชียงรายเอ็นดูโร่อี้ว่ะ

[OASIS]

เลยดอยบ่อไปก่อได้ลุ้นละครับ ผิวทางมันอิ่มน้ำเต็มที่

[OASIS]

สองพี่น้องขี่เวปขึ้นมาเล่นโทรศัพท์ ชิวๆ
สัญญาณท่าจะดี เพราะอยู่จุดสูงสุดของดอยลูกนี้  สูงครับสูง

หมู่เฮาขี่ไปลุ้นไป

[OASIS]

มี 1 ราย ขึ้นมายังบ่าถึง  ขึ้นมาได้กึ่งทาง  ติด
ลงไปใหม่อีกรอบ ได้ระยะทางสั้นกว่าครั้งแรกเสียอีก ต้องเดินลงไปจ่วยครับ

[OASIS]

เส้นทางว่ากั๋นไปเป็นช๊อตๆ ไปสั้นไปยาวได้หมด