<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #2 >>

[OASIS]

Energica Eva เน็คเก็ตไบค์ไฟฟ้าดีไซน์เท่

พบกับ Energica Eva เน็คเก็ตไบค์ไฟฟ้าดีไซน์เท่ทันสมัย เอาใจคนชอบความสปอร์ตได้อย่างลงตัว
โดยมอเตอร์ไซค์คันนี้ออกแบบมาได้สวยงามมากๆ เป็นรถที่เน้นให้เข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง
เพราะว่าใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นพิเศษ ทำให้หลายๆคนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ที่เป็นหนึ่งในแรงบรรดาใจของเจ้าของค่ายรถบิ๊กไบค์หลายๆค่าย ที่ได้จะสร้างความแรงในมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้แรงเท่ารถยนต์

เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าบิ๊กไบค์คันนี้ เป็นบิ๊กไบค์ที่ไร้มลพิษ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องมลพิษอีกต่อไป
และเมื่อไม่น่ามานาน อีเนอร์จิก้า แบรนด์รถสุดเท่แบรนด์ใหม่ ที่จดทะเบียนสัญชาติอิตาลีเป็นที่เรียบร้อยแบรนด์นี้ก็ได้ส่งเจ้าอีว่า
มาประเดิมความเท่ ในสไตล์บิ๊กไบค์ไฟฟ้า นามวา อีเนอร์จิก้า อีว่า

และนี่ก็ไม่ได้เป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกที่ ค่ายรถอิตาลี ที่เน้นการผิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่างอีเนอร์จิก้าผลิต
แต่ว่ารุ่นก่อนหน้านี้ Energica ก็ได้ส่ง รุ่น Energica Eco มาสู่ตลาดอีกด้วย ซึ่งเป็นสปอร์ตไบค์หน้าตาเท่ คนละสไตล์กับ Energica Eva เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม พื้นฐานการออกแบบก็ยังเน้นมาจาก อีเนอรืจิก้า อีโก้อยู่ ในเรื่องของการออกแบบภายนอก

ต้องบอกว่าโดนใจชาวเน็คเก็ตแน่นอน เพราะว่าใช้ไฟหน้าดีไซน์แปลก แบบดูออล พร้อมการตกแต่งด้วยโช๊คอัพหน้าขนาดใหญ่
แบบหัวกลับสีทองอร่ามตา ตัดกับตัวถังที่มีความโฉบเฉี่ยวโค้งมนได้รูปเป็นอย่างดี และยังเพิ่มความเท่สไตล์สปอร์ตด้วยเฟรมสีขาวแบบไขว้
เพิ่มความเร้าใจแบบอิตาเลียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อกันที่ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้จัดวางมาเป็นอย่างดี พร้อมพลาสติกเปิดสไตล์สปอร์ต
แต่ไม่ได้ปิดทั้งหมด ขึ้นมาที่ข้างบน เราจะเห็นมาตราวัดความเร็วแบบไฟฟ้าที่ออกแบบมาให้มีความเหนือชั้นอย่างยอดเยี่ยม
และใช้ระบบดิจิตอลในการทำงานและอ่านข้อมูล ทำให้คุณได้อ่านข้อมูลง่ายดาย และทันสมัยอีกด้วย

ต่อกันที่ในส่วนของเบาะนั่ง บอกได้เลยว่าเป็นเบาะนั่งแบบพิเศษที่นัง่สบายไม่เหมือนใคร เบาะนั่งสวยมากๆ
สวยกว่าเน็คเก็ตคันไหนๆที่เคยมี Energica Eva จึงเป็นมอเตอร์ไซค์ที่น่าสนใจอีกคันหนึ่งไม่ใช่แค่ในเรื่องของเบาะ
แต่ในส่วนอื่นๆนั้นมันสามารถตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ นอกจากนี้ อีเนอร์จิก้า อีว่า ยังเน้นการคอนโทรลและนั่งสบาย
ด้วยการวัดตำแหน่งในการนั่งขับขี่แบบมาตรฐาน ทำให้สามารถรองรับการนั่งได้หลากหลายสรีระ
และเรียกว่าเป็นสตรีทไบค์ชั้นดีที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองได้อย่างน่าประทับใจ

สำหรับขุมพลังบอกได้คำเดียวว่า เป็นระบบไฟฟ้า ตัวเดียวกับสปอร์ตไบค์ รุ่นอีโก้ โดยสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ถึง 134 แรงม้า
และยังมีแรงบิดที่ 195 นิวตั้นเมตรอีกด้วย ในส่วนของแบตเตอรี่ ต้องบอกว่า โดดเด่นสุดๆ เพราะว่าใช้แบตเตอรี่แบบ 11.7 กิโลวัตต์
แต่ในส่วนของสมรรถนะการใช้งานยังไม่มีการอัพเดทอย่างแน่นอน และราคาของ Energica Eva นั้นจะมีการวางขายที่ 1.14 ล้านบาท
หรือประมาณ 35,000 เหรียญสหรัฐ นั่นเองครับ

http://th-bigbike.com/energica-eva

[OASIS]

Hasqvarna 401 Concept มอเตอร์ไซค์แนวคัสต้อม ในสไตล์ดิบๆ

ต้นแบบความเท่ที่คุณจะต้องประทับใจ Hasqvarna 401 Concept สุดยอดบิ๊กไบค์ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์มาให้เป็นรุ่นพิเศษ
และรุ่นใหม่ในวงการบิ๊กไบค์อย่างน่าตื่นเต้นมากๆ ด้วยความที่มันเป็นต้นแบบ เลยได้มีการดีไซน์ที่แปลกใหม่ แต่ก็เน้นว่าเป็นมอเตอร์ไซค์แนวคัสต้อม
เพื่อความเท่ในสไตล์ดิบๆ จึงสนองความสตรีทได้อย่างเหนือชั้น พร้อมเตรียมโชว์โมเดลความเท่นี้ในปี 2016
เรียกว่าเป็นโมเดลที่ผลิตจริงๆใครที่สนใจก็เตรียมรอชมผลงานกันดีกว่า

และนี่คือมอเตอร์ไซค์ที่จะสร้างตำนานใหม่ให้คนรักบิ๊กไบค์อย่างแท้จริง โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ได้มีการส่งต่อความเท่มาจากประเทศสวีเดน
ที่จะเติมเต็มทุกความต้องการให้คุณได้อย่างเพอร์เฟคท์ แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ทางแบรนด์มอเตอร์ไซค์ชื่อดังสัญชาติออสเตรีย
อย่างเคทีเอ็มก็ได้เข้ามาทำการดูแลเจ้า Hasqvarna 401 Concept เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น ใครที่กำลังรอดูตัวจริงของ ฮาสควาน่า 401 คอนเซ็ปต์  ให้รอกันอีกซักระยะหนึ่ง เพราะว่าในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาสัดส่วนต่างๆและความแรง
สมรรถนะการใช้งานและประสิทธิภาพ เพื่อการวางจำหน่ายในตลาดบิ๊กไบค์โลกนั่นเอง แต่สำหรับชื่อคอนเซ็ปต์ในอนาคตที่เราจะได้สัมผัสกันก็คือ
ฮาสควาน่า 401 คอนเซ็ปท์นี่แหละครับ รอกันหน่อยไม่นานเกินรอแน่นอน

สำหรับคอนเซ็ปต์มอเตอร์ไซค์สุดล้ำรุ่น Hasqvarna 401 Concept ก็เคยได้ไปเปิดตัวที่งาน ไออีเอ็มซีเอ ปี 2015 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยทำการเปิดตัวในเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้หลายๆคนเกิดความคึกคักสนอกสนใจบิ๊กไบค์ตัวนี้ข้ามปีมาถึง 2016
เจ้ามอเตอร์ไซค์ดีไซน์เท่คันนี้ได้รับการดีไซน์มาจากคิสก้า ที่เป็นบริษัทออกแบบขนาดใหญ่ในประเทศออสเตรีย
ผสมผสานความ CLASSIC กับความดิบของมอเตอร์ไซค์เข้าด้วยกันจนออกมาเป็น ฮาสควาน่า ซิลเวอร์พิเลียนปี 1995
จากนั้นก็ทำให้มันเป็นต้นแบบเน็คเก็ตไบค์ดีไซน์ล้ำ ได้อย่างเหนือระดับสุดๆ

ในเรื่องของการออกแบบภายนอกบอกได้คำเดียวเลยว่าเฟี้ยวเหลือเกิน โดยจะเพิ่มพลังการส่องด้วยไฟหน้าแบบแอลอีดี
แบบใหม่ดีไซน์แปลกตา ผสมผสานกับความคลาสสิคจากล้อแบบซี่ลวด ขนาดใหญ่ 17นิ้วที่จะพาคุณชิลอย่างเต็มอิ่ม
เพิ่มพลังความแรงในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ขนาดกลาง 400 ซีซี ที่เป็นขุมพลังที่มาพร้อมม้า 43 ตัวให้คุณได้ควบกันแบบอิสระ
ด้านน้ำหนักของมอเตอร์ไซค์นั้น ออกแบบมาให้มีความเบาสุดๆ ที่ 134 กิโลกรัมเท่านั้น

และเจ้า HASQVARNA 401 CONCEPT นี้ก็มีรุ่นย่อยให้เราได้สัมผัสกันถึงสองตัว เรียกว่าเป็นซีรีส์ใหม่เอาใจคนรักพี่เสียดายน้องมากๆ
สำหรับ 2 รุ่นที่ได้ทำออกมาก็คือ รุ่น วิทพิเล็น และ รุ่นสวาร์พิเล็น (VITPILEN & SVARPILEN) หรือในชื่อไทยก็เรียกกันว่า ธนูขาว กับ ธนุดำ
พี่สองสองสีที่จะมาคุณฟรีสไตล์ทุกเส้นทาง เรียกว่าทั้งสองรุ่นนั้น ออกแบบมาให้คนที่หลงไหลเน็คเก็ตไบค์และบิ๊กไบค์แนวออฟโร้ดอย่างเต็มที่เลยทีเดียว
นอกจากนี้ CEO ของค่ายรถออสเตรีย สเตฟาน พีเรอร์ กล่าวว่า ในการออกแบบ Hasqvarna 401 Concept นั้น
ได้มีการใช้ KTM DUKE 390 มาเป็นต้นแบบในการผลิตอีกด้วย

http://th-bigbike.com/hasqvarna-401-concept/

[OASIS]

พวกตี่ไปประเทศเพื่อนบ้านส่งภาพมาน้อย  วันๆ ท่าจะมัวแต่ขี่รถวันค่ำ
(อยากไปตวยหา อิอิ)

[OASIS]

กระทู้นี้แปลกดี  หลายๆ คำแทงใจ

http://pantip.com/topic/33459578

[OASIS]

วินเทจที่ไฮเทคนโลยี Bell & Ross B-Rocket สปอร์ตล้ำอนาคต

ผลิตจริงอะไรจริง สำหรับความเป็นวินเทจที่ไฮเทคนโลยีคันนี้ Bell & Ross B-Rocket
มอเตอร์ไซค์วินเทจที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการโปรโมท นาฬิกา โดยเฉพาะ ทำเอาเหล่าบรรดาสาวกบิ๊กไบค์ถึงกับน้ำลายสอกันเลยทีเดียว
สุดยอดสปอร์ตวินเทจที่ออกแบบมาจากนาฬิกาชั้นนำ ผู้ริเริ่มการผลิตนาฬิกาที่ดูทันสมัยล้ำอนาคตได้มีการเนรมิตรความเหนือชั้น
เบลล์ แอนด์ โรสส์ บี ร็อคเก็ต ที่มาพร้มอความแร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ทีแรงแบบนี้
จึงเหมาะสมกับเป็นรุ่นใหม่ และนาฬิการุ่นใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับคนยุคใหม่โดยเฉพาะ

สำหรับแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่าง Bell & Ross B-Rocket เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่ได้มีการออกแบบในเรื่องของการดีไซน์อย่างดูมีมิติ
ไม่เหมือนแบรนด์อื่นๆ เบลล์ แอนด์ โรสส์ ต้องบอกว่าเป็นนาฬิกาที่ดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ
ยิ่งในเรื่องของรายละเอียดการประกอบด้วยแล้วล่ะก็ คุณจะได้เห็นถึงความปราณีต แม้วาจะเป็นจุดเล็กๆที่
ไม่มีใครใส่ใจแต่ว่า เบลล์ แอนด์ โรสส์ ใส่ใจทุกรายละเอียดของนาฬิกา

หลังจากที่ได้มีการออกแบบนาฬิกามาอย่างยาวนาน ก็เริ่มมีการพัฒนามาอกแบบมอเตอร์ไบค์ดูบ้าง
เรียกว่าเป็นวิวัฒนาการใหม่ในการการดีไซน์เลยก็ว่าได้ เพราะว่าออกแบบได้สวยทั้งรถและนาฬิกา
ดูหรูหราและมีสไตล์ทั้งสองอย่าง จนเหล่าบรรดาคนรัก BIGBIKE ต้องทึ่งไปกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
เมื่อได้มีการปรากฏโฉมของวินเทจสปอร์ตล้ำอนาคตในการเปิดตัวนาฬิกาหรู


สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ได้ออกมานั้น ก็มีการใช้ชื่อแบรนด์นาฬิกาและเติมความเท่เข้าไปให้เป็นเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์
จนออกมาเป็น Bell & Ross B-Rocket  ที่แน่นอนว่า ได้ไอเดียและแนวร่วมจาก ชอว์ ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน สุดยอดสถานที่แต่งมอเตอร์ไซค์ระดับโลก
ที่ได้นำเอาฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน รุ่นซอฟเทล แบล็คไลน์ มาทำการดัดแปลงจนหมคราบ กลายเป็น บีร็อคเก็ตคันนี้

แต่การใช้โครงสร้างต่างของ Bell & Ross B-Rocket นั้นก็ยังคงเน้นความเป็นครุยเซอร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ
และยังผสมผสานการใช้แฟริ่งเข้ามาเสริมความแปลกตา โดยการใช้ ไลท์เวท สตีล น้ำหนักเบา
เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งกว่า 30 ชิ้น เพิ่มความฟินให้กับเหล่าบรรดาวินเทจช็อปเปอร์ได้อย่างตระการตา

สำหรับการออกแบบนั้น จะเห็นได้ว่า ครอบไฟหน้าเท่อลังการสุดๆ ถังน้ำมันดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ฝาครอบล้อดูอลังการจนโดดเด่นสุดๆ ช่องรับลมก็มีขนาดใหญ่ และวางขาได้อย่างอิสระ เบาะนั่งออกแบบมาอย่างสุดแปลก
ยาวไปจนถึงตัวถัง แบนี้ใครที่มีลูกเล็กก็เอานั่งบนตัวถังได้แล้วโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อนถังน้ำมัน หรือจะขับขี่เดียวๆ
แล้วหมอบขับขี่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บหน้าออกเพราะว่ามีเบาะรองบนตัวถัง และแฮนด์บาร์ก็อยู่ต่ำจนคุณต้องหมอบขี่นั่นเอง

สำหรับเครื่องยนต์ของ เบลล์ แอนด์ โรสส์ บี ร็อคเก็ต มาพร้อมระบบขุมพลังแบบวีทวิน ขนาด 1,600 ซีซี
ที่สร้างความแรงแบบทะลุมิติได้ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนน่าประทับใจคนรักครุยเซอร์ ช็อปเปอร์ วินเทจ สปอร์ตได้อย่างลงตัว
แต่ยังไม่มีการวางจำหน่ายนะครับ แค่สร้างมาโปรโมทนาฬิกาเฉยๆ ใครสนใจต้องอดใจรอไปก่อน

http://th-bigbike.com/bell-ross-b-rocket/

[kangaroo_41]

มันจะลวดหลับเหียก้าคับ

[OASIS]

มันจะลวดหลับเหียก้าคับ

[kangaroo_41]

สายทัวร์ริ่ง ดักแซบครับ

[OASIS]

เฮกันได้เลย ยามาฮ่า เอ็นแม๊กซ์ เตรียมลงตลาดไทย หลังเปิดตัวในอินโดที่ราคา 27 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย

อีกหนึ่งรุ่นที่ชาวรถเล็กสายบิดอย่างเดียวเฝ้ารอคอยว่าจะมาทำตลาดในประเทศไทย
แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้ามาสักที วันนี้เรามีข่าวอัพเดตของ ยามาฮ่า เอ็นแม๊กซ์ รถออโตเมติคขนาดเล็ก
ของทางยามาฮ่าที่หลายคนรอคอยมาฝากกัน

คู่แข่งตรงรุ่นที่แสนน่ากลัวของ ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ อย่าง ยามาฮ่า เอ็นแม๊กซ์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 150ซีซี บลูคอร์
มีขนาดตัวรถที่เล็กกระทัดรัดและดูคล่องตัวสำหรับคนที่ชอบอะไรพอดีคำ ช่วงหน้าถูกย่อยลงมาจากรถออโตเมติครุ่นใหญ่
อย่าง ทีแม๊กซ์ อย่างตำแหน่งไฟเลี้ยวด้านหน้าลอกแบบกันมาเกือบเป๊ะ พร้อมช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ใต้เบาะ

ด้านราคาค่าตัวตอนนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางค่าย แต่ยืนยันว่าเราจะได้เห็น
เอ็นแม๊กซ์ เข้าทำตลาดในบ้านเราแน่นอน โดยช่วงแรกอาจเป็นรุ่นที่นำเข้าจากโรงงงานในประเทศอินโดนีเซีย
ก่อนที่จะนำเข้ามาประกอบในไทย

ที่ประเทศอินโดนีเซียตั้งราคา เอ็นแม๊กซ์ไว้ที่  23 ล้าน และรุ่นเอบีเอสที่ 27 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย
ตีเป็นเงินไทยราวๆ 5.7หมื่น – 6.7หมื่นบาท ถ้ามาราคาประมาณนี้ถือว่าน่ากลัวอยู่เหมือนกัน
แต่คงต้องมารอดูราคาอย่างเป็นทางการในบ้านเราอีกที

http://www.autospinn.com/2015/04/bims2015-2015-yamaha-nmax-rumor/

[OASIS]

สนามพร้อมแล้วคร๊าบ

[OASIS]

รู้หรือไม่? ว่ารถยนต์ที่ใช้ใน Furious 7 ถ่ายทำเสร็จแล้วไปไหน!

เป็นที่ทราบกันดีว่า Fast & Furious 7 เป็นหนังแอ็คชั่นที่มีจุดขายเป็นฉากแข่งรถซิ่งไล่ล่า
มีรถหลากรุ่นหลายแบรนด์เข้าฉากมากมาย ซึ่งก็เป็นอย่างที่เราเห็นในหนังว่ารถยนต์เหล่านี้รับใช้เรื่องราวอย่างเต็มศักยภาพ
เพื่อให้เหล่าครอบครัวทีมซิ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าหลังจากการถ่ายทำจบลงปลายทางของรถยนต์เหล่านี้อยู่ที่ใด?

รถทั้งหมดใช้ในฉากขายของหนังเช่น ฉากดิ่งพสุธาในโคโลราโด ฉากอาบู ดาบี หรือแม้แต่ฉากในนิวยอร์ก
ซึ่งรถยนต์ที่ใช้ในการถ่ายทำเหล่านี้ ทางทีมงานของ Fast & Furious 7 ต้องหาวิธีจัดการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครนำรถยนต์เหล่านี้กลับมาใช้อีก เพราะอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุไม่คาดฝัน

ริชาร์ด แจนเซ่น เจ้าของสุสานรถได้รับสายจากทีมงานในภาพยนตร์ Fast & Furious 7 ที่ถามว่า
เขาจะรับซื้อรถที่ใช้ในการถ่ายทำในหนังและเอาไปทำลายให้ได้ไหม? แน่นอนว่า ริชาร์ด ไม่ปฏิเสธ
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบมาก่อน “มันเป็นเรื่องผิดปกติมากๆ กับการเห็นรถเบนซ์รุ่นล่าสุดถูกทำลายไม่มีชิ้นดี”
โดยใน Fast & Furious 7 มีรถยนต์ที่ถูกทำลายทิ้งไปทั้งหมด 230 คัน ซึ่งเขาต้องทำลายรถยนต์ที่ใช้ในการถ่ายทำถึง 25 คันต่อวัน

รายนามรถยนต์ที่ใช้ใน Fast & Furious 7 ที่ถูกทำลายก็อย่างเช่น 1970 Doge Charger R/T, 1967 Chevrolet Camaro,
Aston Martin DB9, 2010 Ferrari 458 Italia, Dodge Viper SRT-10, Hyundai Elantra, Jeep Wrangler Unlimited,
2008 Audi R8, 1969 Ford Torino Talladega ‘GPT Special, 2015 Lykan HyperSport เป็นต้น
แหม่! ใครเป็นคนรักรถคงร้องไห้หนักมากแน่ๆ T^T

รถที่ใช้ในการถ่ายทำ Fast & Furious 7 เดนนิส แม็คคาร์ธีย์ ผู้ประสานงานฝ่ายรถของหนัง Fast & Furious 7 ได้ให้ข้อมูลว่า
รถแต่ละคันจะถูกดัดแปลงสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการดริฟท์ การเร่งความเร็วจากฟุตบาธไปสู่การวิ่งตามถนนลูกรังที่ขรุขระ
หรือแม้กระทั่งการเหินเวหาก่อนจะกางร่มชูชีพลงมาสู่พื้นดิน เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นไปได้ ทีมผู้สร้างเลือกที่จะถ่ายทำฉากนั้นจริงๆ
เขาและทีมงานยังมีการออกแบบรถยนต์ที่ใช้ให้มีความบึกบึนขึ้น เพื่อตอบสนองต่อเรื่องราวและเพื่อให้เหล่าสตันท์ที่ขับ
ได้รับความปลอดภัยมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการสร้างรถและโครงรถสำรองเอาไว้เพื่อรองรับการถ่ายทำของหลายๆ ยูนิทอีกด้วย
(นั่นคือเหตุผลที่มีรถยนต์ถูกทำลายมากถึง 230 คัน)

ทุกครั้งที่กองถ่ายทำ Fast & Furious 7 ยกพลไปถ่ายทำยังสถานที่ใด จะให้ทีมงานติดต่อกับสุสานรถในท้องที่นั้นๆ
ไว้เพื่อให้เขาเข้ามารับซื้อรถและนำทำลายในทุกวันที่มีการถ่ายทำ เดนนิส กล่าวว่า “เรามีบัญชีของรถยนต์ทุกคันที่ถูกทำลายในหนังเรื่องนี้”
เขาและทีมงานได้จัดทำบัญชีรถยนต์ที่ใช้ในการถ่ายทำหนังไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ทราบถึงปลายทางของรถยนต์แต่ละคัน
ว่าถูกทำลายแน่นอน เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์ที่เสียหายในการถ่ายทำจะถูกทำลายจะไม่มีใครนำไปซ่อม
เพื่อใช้งานต่อหรือปล่อยขายในตลาดมือสอง

ในอดีตปลายทางของรถยนต์ที่ใช้ในภาพยนตร์ หากมาจากภาพยนตร์เรื่องดังและสภาพยังพอซ่อมแซมได้
ค่ายหนังก็จะเก็บรักษาไว้เพื่อไว้ในพิพิธภัณฑ์หรือใช้จัดแสดงในนิทรรศการเกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นๆ
หรือไม่ก็มันก็จะตกไปอยู่ในมือของนักสะสมหรือแฟนหนังผู้มั่งคั่ง ที่พร้อมทุ่มทุนมหาศาลเพื่อแลกกับ
รถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากการถ่ายทำ (บางคันแทบจะไม่เหลือสภาพของรถแล้ว)

แต่ดูเหมือนว่ามีบางส่วนที่นำรถยนต์เหล่านี้มาใช้ในการขับขี่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางได้
จึงทำให้แต่ละสตูดิโอของฮอลลีวู้ดต้องเปลี่ยนวิธีการจัดการเสียใหม่ ซึ่งมองแล้วก็เป็นวิธีการจัดการที่ดีและลบปัญหาต่างๆ ที่อาจตามมาได้ในอนาคต

แต่ทั้งนี้หากเป็นคนที่รักรถยนต์แล้วละก็ คงร้องไห้หนักมากจริงๆ ที่ต้องเห็นรถยนต์ราคาหลายสิบล้านบาท
แถมบางรุ่นเป็นแบบลิมิเตดอีกด้วย ต้องแปรสภาพเป็นเศษเหล็กไร้ราคา.

http://www.gmlive.com/furious-7-what-happened-to-the-wrecked-cars/

[sackie03]

Crf450x ลงรุ่นไหนไดพ่องครับ

[OASIS]

Crf450x ลงรุ่นไหนไดพ่องครับ

เป็นเสี่ยแล้วน่อแซค  เงียบหายไปเมิน

สงสัยสอบถามผู้จัดการแข่งขันเลยครับ

[OASIS]

ว่างๆ ไปดูเขาซ้อม พุกนี้เริ่มการแข่งขันแล้วครับ

[OASIS]

เดินขึ้นไปดูไลน์เอ็นดูโร่

[OASIS]

หนุ่มๆ กำลังวังชายังดี ซ้อมได้ตลอด

[OASIS]

บ่อน้ำขังบ่าลึก กระโจนเข้าใส่เลย

[OASIS]

ลมยางปรับฮื้อพอดีล่ะ

[OASIS]

 

[OASIS]

ท่าสายไซเคิลครอส