<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #2 >>

[aoyeve]

2 เข้าทางวัดป่าหัวดอย ขับรถผ่านสามแยกไฟแดงบ้านหัวดอย แล้วเลี้ยวยูเทริน สังเกตุด้านซ้ายมือจะมีลูกศรขับตามลูกศร ระยะทาง 3 กิโลเมตร แล้วจะมีป้ายบอก ทางไปสนาม

[aoyeve]

เลี้ยวขวา

[OASIS]

 

[OASIS]

เช้าเชียงราย-เย็นหลวงพระบาง     เช้าหลวงพระบาง-เย็นเชียงราย    เป็นเรื่องปกติครับ

[OASIS]

 มีเล่นของ

[OASIS]

Enduro ดูการขี่แบบ Moto อย่างตั้งใจ

[OASIS]

รถออกแบบต่างภาระกิจ

[OASIS]

รถมีไฟหน้าไปได้บ่าดีเท่ารถMoto

[OASIS]

Ducati 1199 Panigale Nuda Veloce by Moto Corse

[OASIS]

 

[OASIS]

Blue Freedom เครื่องชาร์จแบตเตอรี่พลังน้ำขนาดเล็กที่สุดในโลก

บลู ฟรีดอม (Blue Freedom) ที่ชาร์จแบตเตอรี่พลังน้ำขนาดพกพา น้ำหนักเบา
คืนพลังให้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกชนิด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          ทุกวันนี้แม้จะมีพาวเวอร์แบงค์ให้เลือกใช้มากมาย ทว่ามันก็ยังไม่ครอบคลุมการใช้งานได้มากพอ
ส่วนใหญ่ชาร์จได้แค่กับมือถือและแท็บเล็ตเท่านั้น แถมบางครั้งใช้หมดแล้วก็ต้องมาให้ที่ชาร์จไฟให้ตัวอุปกรณ์อีก
ซึ่งถ้าปลั๊กไฟมันหาง่ายขนาดนั้นเราคงไม่จำเป็นต้องพกพาวเวอร์แบงค์หรอกถูกไหมครับ

          แต่สำหรับเจ้าบลู ฟรีดอม ที่ชาร์จแบตเตอรี่ตัวนี้ มันสามารถชาร์จแบตเตอรี่กับอุปกรณ์ได้หลากชนิด
แถมยังช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าอีกต่างหาก นั่นเพราะตัวอุปกรณ์จะทำการกักเก็บพลังงานก่อนแปลงเป็นไฟฟ้า โดยอาศัยพลังน้ำน่ะสิ !

 ตัวอุปกรณ์จะทำงานด้วยกังหันขนาดเล็กในตัว มีน้ำหนัก 400 กรัม มาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 5 วัตต์
ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ความจุ 5,000 mAh โดยเมื่อต้องการใช้งาน เพียงถอดกังหันสีน้ำเงินลงไปแช่ในแหล่งน้ำ
แล้วกังหันจะปั่นไฟเพื่อนำพลังงานมาเก็บไว้ในตัวอุปกรณ์แล้วครับ

ไม่เพียงแค่ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับสมาร์ทโฟนเท่านั้น บลู ฟรีดอม ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก กล้องดิจิตอล เครื่องเล่น MP3
และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยแบตเตอรี่อีกนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่ามีเจ้าบลู ฟรีดอม กับแหล่งน้ำก็เอาอยู่

          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางผู้ผลิตกำลังระดมทุนเพื่อนำมาใช้ในการผลิตผ่านทางเว็บไซต์ kickstarter ซึ่งดูแนวโน้มแล้ว
คาดว่าในอนาคตเจ้าบลู ฟรีดอม น่าจะออกวางจำหน่ายให้คนได้ใช้กันแน่นอนครับ

http://men.kapook.com/view115578.html

[OASIS]

พาส่องตัวแสบ ยามาฮ่า เอ็มที-07 เน็กเก็ตไบค์สองสูบที่มาแรงแซงทุกกระแส

อีกหนึ่งไฮไลท์ของค่ายส้อมเสียงที่นำมาให้เราท่านได้สัมผัสกันในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์
ก็คงหนีไม่พ้น ยามาฮ่า เอ็มที-07 ที่ตอนนี้กระแสกำลังมาดีเหลือเกิน

โมเดลที่เป็นตัวขั้นสำหรับคนที่เอื้อมไม่ถึง เอฟแซด-09 หรือกลัวว่า เอฟแซด-09 จะดุจนเกินไปอย่าง เอ็มที-07
ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของเน็กเก็ตไบค์ระดับกลางที่กำลังมาแรง ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเท่ดุดันไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง เอฟแซด-09

ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม เอฟแซด-09 ในไทยถึงไม่ใช้รหัส เอ็มที(MT-Master of Toque) ในขณะที่รุ่นน้องดันใช้รหัส เอ็มที-07
เพราะทั้งสองรุ่นนี้ก็จัดอยู่ในตระกูลเดียวกัน เป็นสองตัวขอทางค่ายที่เน้นความดุดัน เร้าใจ ความมัน ความบ้าพลัง
เป็นเอกลักษณ์ที่เน็กเก็ตไบค์รุ่นอื่นให้ไม่ได้

หลังจากที่มีการประกาศราคาออกมาจากทางค่ายสำหรับ 100 คันแรกด้วยราคาสุดพิเศษเพียง 299,000 บาท
คาดว่าตอนนี้ยอดจองน่าจะกระฉูดน่าดู เพราะหลังจากหมด 100 คันแรก ราคาจะถูกปรับขึ้นไปสูงกว่า 3 แสนบาท

สำหรับคนที่เบื่อสองสูบรุ่นเก่าของค่ายเขียว หรือสี่สูบเรียงจากค่ายปีกนกที่เริ่มเกลื่อนถนน เอ็มที-07 ก็เป็นอีกโมเดลหนึ่งที่น่าสนใจ
ถ้ามีเวลาลองไปแวะชมตัวเป็นกันได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์2015

http://www.autospinn.com/2015/03/bims2015-gallery-2015-yamaha-mt07/

[OASIS]

ตอกย้ำความสำเร็จสตาเลี่ยนเดินหน้าเปิดตัว ซีที400 คลาสสิคไบค์สูบเดี่ยว 400 ซีซี คันแรกของค่าย

หลังจากที่มีข่าวเล่าข่าวลือถึงรถโมเดลแบรนด์จากค่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ไทยหัวใจเมืองจีน
อย่าง สตาเลี่ยน เซนทอร์ ที่จะขยับขึ้นสู่โมเดลขนาด 250ซีซี แต่จนแล้วจนรอดก็มีเพียง ไอรอน-วัน 250 ซีซีเท่านั้นที่ออกมา
แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้พบกับเวอร์ชั่นอัพเกรดของเซนทอร์

นอกจากจะเปิดตัว ไอรอน-วัน รถในสไตล์อเมริกันช้อปเปอร์ไปแล้ว สตาเลี่ยนยังได้จัดงานเปิดตัวเซนทอร์รุ่นใหม่
ด้วยการเชิญบรรดาชาวเซนทร์จากทั่วทุกสารทิศมาร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวสุดอลังการครั้งนี้

แม้ว่าโมเดลใหม่นี้ยังไม่พร้อมขายแต่ก็ถือว่าเรียกกระแสฮือในกลุ่มลูกค้าใจรักความคลาสสิคแต่ว่าทุนต่ำได้เหมือนเช่นเคย
โดย ซีบี เอ้ย!! ซีที400 หรือ เซนทอร์400 ตามข้อมูลแจ้งว่าตัวรถมาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียว 398 ซีซี 4 วาล์ว
ท่อไอเสียออกคู่ ระบายความร้อนด้วยอากาศ

เชื่อว่า ซีที400 ตั้งใจออกมาชน ยามาฮ่า เอสอาร์400 ที่มีราคาช็อคโลกถึงเกือบ 3 แสนบาท
แต่ได้มาตรฐานการประกอบจากโรงงานญี่ปุ่น ส่วน ซีที400 นั้นเป็นแบรนด์ไทยทำให้ราคาน่าจะถูกกว่าเกือบแสน
แต่ยังบอกแน่ชัดไม่ได้จนกว่าจะมีการประกาศราคาพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นไตรมาสที่3 ปีนี้

ถ้าใครติดตามข่าวสารแบรนด์นี้มาจะเห็นว่า สตาเลี่ยน ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการจำหน่าย เซ็นทอร์
ด้วยราคาที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มรวมถึงอุปกรณ์การตกแต่งที่มีให้บริการและการดูแลลูกค้าที่ค่อนข้างดี
มารอดูกันอีกทีว่า ซีที400 จะเป็นอีกหนึ่งโมเดลสร้างชื่อของแบรนด์ไทยแบรนด์นี้ได้หรือไม่

[OASIS]

เด็กสร้างเสี่ย 1    (จะสร้างตั้งใด ?)

[OASIS]

พ่อครัวแสดงฝีมือ (อีกล่ะ)

[OASIS]

กลับจากทำงานก่มาแวะหา ใจมันตึงเซาะหากั๋นดีแต้....

[OASIS]

ความคืบหน้าของ Honda SFA 150

หลังจากที่ชมภาพรถที่เป็นตัวคอนเซ็ปท์กันมานาน ในที่สุดวันนี้เราก็จะได้ทราบรายละเอียด
และความคืบหน้าทางด้านสเปคกันแล้ว กับเจ้ารถสตรีทไบค์สายพันธ์ใหม่ที่สุดจะโมเดิร์นจากทาง Honda อย่าง SFA 150 นั่นเอง
เชื่อว่าเป็นรถอีกหนึ่งคันที่คอมอเตอร์ไซค์บ้านเราเฝ้ารอรวมไปถึงหลายๆ
สื่อในต่างประเทศก็ให้ความสนใจกับเจ้ารถคันนี้กันอย่างล้นหลาม

จะต้องย้อนความกันนิดนึงก่อน สำหรับเจ้ารถ Honda SFA 150 นั้นถูกเปิดตัวในรูปแบบของคอนเซ็ปท์ไบค์
ในงานมอเตอร์โชว์ในประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปี 2014 ที่ผ่านมา และเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
มันก็ได้เปิดตัวในประเทศแม่อย่างญี่ปุ่นภายในงาน Osaka Motorshow กันพร้อมกับรถโมเดลใหม่ๆ ของทางค่ายอีกสองรุ่น
อย่าง CRF 250 Rally และ Bulldog โดยรถ SFA 150 ที่เราจะพูดถึงในวันนี้กันนั้นเป็นรถแนวสตรีทไบค์ ขนาด 150cc
ที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ว่าโครงรถมันค่อนข้างที่จะใหญ่โตเหมือนรถ cc สูงๆ เลย
และที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือการออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากพวกตระกูล CB เดิมๆ
ในค่ายเดียวกันเองด้วย และพวกออพชั่นต่างๆ ที่ติดรถกันมานั้น เรียกได้ว่ามันพรีเมี่ยมจริงๆ

มาเริ่มกันที่ส่วนของเครื่องยนต์และขุมกำลังกันก่อน เจ้า SFA 150 นั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 149.5cc  
จำนวน 1 สูบ 4 จังหวะ โดยให้แรงม้ามาที่ 16.9 ตัว @ 10,500 รอบ มีทอร์คอยู่ที่ 13 Nm @ 7,500 รอบ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบอยู่ที่ 63.5 mm และช่วงชักอยู่ที่ 47.2 mm
ส่งกำลังกันด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ใช้คลัทช์เปียก และขับเคลื่อนด้วยโซ่ มองแล้วก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับรถในคลาส 150 แบบนี้
โดยแรงบิดต้นน่าจะค่อนข้างจัดจ้านกันพอตัวเลยทีเดียว

ส่วนของระบบช่วงล่างนั้น ใช้โช๊คอัพหน้าแบบ Telescopic Forks หัวกลับ โช๊คหลังแบบ Mono Shock
ทำงานควบคู่กับสวิงอาร์มเดี่ยว (โปร์อาร์ม) ส่วนของเบรกนั้นใช้ดิสก์หน้า-หลังเดี่ยว ยางรถเป็นแบบ Tubeless
ล้อแมกแบบ Alloy ไฟน้าคู่แบบแยกสองดวงบนล่างเพื่อสลับกันระหว่างไฟสูงและไฟต่ำ
ขยับมาดูกันในส่วนของแผงหน้าปัดจะใช้แบบ Digital ทั้งหมดเลย ซึ่งจะบอกรายละเอียดของ ตัววัดความเร็ว, วัดรอบ,
วัดทริป, odo, บอกอุณหภูมิของตัวรถ, เตือนระยะเข้าตรวจเช็ครถ, เกจ์น้ำมัน รวมไปถึงเกจ์ของแบตเตอร์รี่
สำหรับการแจ้งเตือนจำนวนการใช้งานที่ยังเหลืออยู่ด้วย ในส่วนของระบบไฟนั้นก็จะมีระบบสตาร์ทมือ,
พาสไลท์ (ไฟผ่าหมาก) อีกทั้งเรายังสามารถปรับความสูงของเบาะนั่งได้อีกด้วย
เรียกได้ว่าออพชั่นนั้นเกินหน้าเกินตารถคลาส 150cc ตัวอื่นกันอย่างกินขาดเลย

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

 

[tung 7737]

ความคืบหน้าของ Honda SFA 150

หลังจากที่ชมภาพรถที่เป็นตัวคอนเซ็ปท์กันมานาน ในที่สุดวันนี้เราก็จะได้ทราบรายละเอียด
และความคืบหน้าทางด้านสเปคกันแล้ว กับเจ้ารถสตรีทไบค์สายพันธ์ใหม่ที่สุดจะโมเดิร์นจากทาง Honda อย่าง SFA 150 นั่นเอง
เชื่อว่าเป็นรถอีกหนึ่งคันที่คอมอเตอร์ไซค์บ้านเราเฝ้ารอรวมไปถึงหลายๆ
สื่อในต่างประเทศก็ให้ความสนใจกับเจ้ารถคันนี้กันอย่างล้นหลาม

จะต้องย้อนความกันนิดนึงก่อน สำหรับเจ้ารถ Honda SFA 150 นั้นถูกเปิดตัวในรูปแบบของคอนเซ็ปท์ไบค์
ในงานมอเตอร์โชว์ในประเทศอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปี 2014 ที่ผ่านมา และเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
มันก็ได้เปิดตัวในประเทศแม่อย่างญี่ปุ่นภายในงาน Osaka Motorshow กันพร้อมกับรถโมเดลใหม่ๆ ของทางค่ายอีกสองรุ่น
อย่าง CRF 250 Rally และ Bulldog โดยรถ SFA 150 ที่เราจะพูดถึงในวันนี้กันนั้นเป็นรถแนวสตรีทไบค์ ขนาด 150cc
ที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก แต่ว่าโครงรถมันค่อนข้างที่จะใหญ่โตเหมือนรถ cc สูงๆ เลย
และที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือการออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากพวกตระกูล CB เดิมๆ
ในค่ายเดียวกันเองด้วย และพวกออพชั่นต่างๆ ที่ติดรถกันมานั้น เรียกได้ว่ามันพรีเมี่ยมจริงๆ

มาเริ่มกันที่ส่วนของเครื่องยนต์และขุมกำลังกันก่อน เจ้า SFA 150 นั้นใช้เครื่องยนต์ขนาด 149.5cc  
จำนวน 1 สูบ 4 จังหวะ โดยให้แรงม้ามาที่ 16.9 ตัว @ 10,500 รอบ มีทอร์คอยู่ที่ 13 Nm @ 7,500 รอบ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบอยู่ที่ 63.5 mm และช่วงชักอยู่ที่ 47.2 mm
ส่งกำลังกันด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ใช้คลัทช์เปียก และขับเคลื่อนด้วยโซ่ มองแล้วก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับรถในคลาส 150 แบบนี้
โดยแรงบิดต้นน่าจะค่อนข้างจัดจ้านกันพอตัวเลยทีเดียว

ส่วนของระบบช่วงล่างนั้น ใช้โช๊คอัพหน้าแบบ Telescopic Forks หัวกลับ โช๊คหลังแบบ Mono Shock
ทำงานควบคู่กับสวิงอาร์มเดี่ยว (โปร์อาร์ม) ส่วนของเบรกนั้นใช้ดิสก์หน้า-หลังเดี่ยว ยางรถเป็นแบบ Tubeless
ล้อแมกแบบ Alloy ไฟน้าคู่แบบแยกสองดวงบนล่างเพื่อสลับกันระหว่างไฟสูงและไฟต่ำ
ขยับมาดูกันในส่วนของแผงหน้าปัดจะใช้แบบ Digital ทั้งหมดเลย ซึ่งจะบอกรายละเอียดของ ตัววัดความเร็ว, วัดรอบ,
วัดทริป, odo, บอกอุณหภูมิของตัวรถ, เตือนระยะเข้าตรวจเช็ครถ, เกจ์น้ำมัน รวมไปถึงเกจ์ของแบตเตอร์รี่
สำหรับการแจ้งเตือนจำนวนการใช้งานที่ยังเหลืออยู่ด้วย ในส่วนของระบบไฟนั้นก็จะมีระบบสตาร์ทมือ,
พาสไลท์ (ไฟผ่าหมาก) อีกทั้งเรายังสามารถปรับความสูงของเบาะนั่งได้อีกด้วย
เรียกได้ว่าออพชั่นนั้นเกินหน้าเกินตารถคลาส 150cc ตัวอื่นกันอย่างกินขาดเลย

http://www.greatbiker.com/

สวย แปลกดี ขี่คงจะเบาดีแต้

[OASIS]

ความคืบหน้าของ Honda SFA 150

สวย แปลกดี ขี่คงจะเบาดีแต้

ผมว่าใจ้ขับในเมืองน่าจะคล่องตัวดี