<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #2 >>

[aoyeve]

แถมอีกรูปก่อนเข้านอน ครัฟ

[tung 7737]

ราคาสด 4 แสน ถ้วน..(จัดไฟแนนซ์ได้ ดาวน์ประมาณ 80,000 ผ่อนเดือนละ 8 พันกว่าๆ )
คุยง่ายลดได้ลดครับ
เลขไมล์ 16000
สีแดง แล็ปสี tri colour

ติดต่อ 0813799925
line id : thedaedevil

เหมาะขนาด

[tung 7737]

กว่าจะออกมาถึงป้อมตำรวจตี่ขาหมูภูเก็ตได้ เล่นเอาล้าไปพอสมควร
จากสามแยกส่วนใหญ่เป็นขาลงดอยสูง  ทางบางช่วงอยู่ระหว่างซ่อมแซม ฝุ่นนิกระจาย
บางช่วงกำลังปูผิว กลางคืนก่ยังทำกั๋น  
ขี่กลางคืนและบนดอยสูงความระวังต้องเพิ่มขึ้นครับ เดินทางช้าลงมากเลย

แวะรับประทานอาหารตี่แม่ขะจาน จากนั้นลากยาวถึงบ้าน 4 ทุ่มกว่า  
เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพทุกคนครับ

จบทริป

ตั้ง เอาเก๋งไป สลำเข้าไป โหดขนาด

[OASIS]

กว่าจะออกมาถึงป้อมตำรวจตี่ขาหมูภูเก็ตได้ เล่นเอาล้าไปพอสมควร
จากสามแยกส่วนใหญ่เป็นขาลงดอยสูง  ทางบางช่วงอยู่ระหว่างซ่อมแซม ฝุ่นนิกระจาย
บางช่วงกำลังปูผิว กลางคืนก่ยังทำกั๋น  
ขี่กลางคืนและบนดอยสูงความระวังต้องเพิ่มขึ้นครับ เดินทางช้าลงมากเลย

แวะรับประทานอาหารตี่แม่ขะจาน จากนั้นลากยาวถึงบ้าน 4 ทุ่มกว่า  
เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพทุกคนครับ

จบทริป

ตั้ง เอาเก๋งไป สลำเข้าไป โหดขนาด

ครับตั้ง เส้นนี้ตกมืดขี่ยากครับ อันตราย

[OASIS]

Yamaha Root กับโปรเจ็ค AH A MAY

กับรูปทรงที่แปลกประหลาด ล้ำๆของ Yamaha Root √ ที่ออกมาให้ยลโฉมกัน ซึ่งอยู่ในโปรเจ็ค AH A MAY ซึ่งเป็นการดีไซน์รถบนพื้นฐานของ MT-07 ที่แปลกตาที่สุดก็คือแดชบอร์ดที่ลาดยาวตั้งแต่หน้ารถไปถึงท้าย ก็ยังแอบคิดอยู่ว่าจะมองเรือนไมล์ยังไง สงสัยจะไม่มีละมั๊ง งานนี้คงเน้นงานดีไซน์มากกว่าการนำไปใช้งานจริง ดูๆไปก็สวยเก๋ไปอีกแบบนะครับ

http://www.mocyc.com/news/859/

[OASIS]

แอบถ่าย Suzuki Gixxer SLK 155 รถสปอร์ตแบบฟูลแฟร์ริ่งตัวใหม่ล่าสุด

แน่นอนว่าเราได้ข่าวเกี่ยวกับเจ้า รถสปอร์ตแบบฟูลแฟร์ริ่งจากทางค่าย Suzuki ในคลาส 150cc กันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
วันนี้ข่าวลือนั้นมีภาพที่ชัดเจนมากขึ้นแล้ว เมื่อมีช่างภาพรายหนึ่งไปแอบถ่ายภาพการนำรถ Gixxer 155
แบบฟูลแฟร์ริ่งมาวิ่งทดสอบกันในท้องถนนแห่งหนึ่ง เรามาดูรายละเอียดไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ

สำหรับภาพที่ถูกแอบถ่ายมาได้นั้นคาดว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบเกินกว่า 90% แล้ว เพราะจะเห็นได้ว่ามันขึ้นโครงและแฟร์ริ่งมาอย่างเต็มรูปแบบ
คล้ายกับรถที่พร้อมจะวางจำหน่ายจริงแล้ว โดยภาพลักษณ์มันก็ถอดแบบมาจากพวกตระกูล Gixxer รุ่นพี่ทั้งหลายทั้งแหล่
ที่ใช้แฮนด์แบบจับโช๊คทำให้ท่านั่งก้มต่ำลงตามรถแนวสปอร์ตทั่วไป และชิลด์หน้าที่ขนาดกว้างพอสมควรน่าจะตัดลมได้ดีทีเดียว

มิติของรถดูค่อนข้างจะบึกดีทีเดียว สังเกตได้ว่าท่อรถเป็นแบบสองรูระบาย ระบบเบรกใช้แบบดิสก์หน้าเดี่ยว
แต่ด้านหลังน่าจะเป็นดรัมเบรก ล้อนั้นเป็นแม๊กส์สีดำโดยคาดสติ๊กเกอร์ติดขอบสีเขียวสะท้อนแสงมาให้
เบาะนั่งน่าจะเป็นแบบตอนเดียวแต่ยกระดับด้านหลังขึ้นมา

มาดูในส่วนของขุมกำลังกันบ้าง โดยสเปกเหล่านี้ได้รับการเปิดเผยจากทาง Suzuki มาแล้ว โดยจะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 154.9 cc 1 สูบ
ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 5 สปีด ให้แรงม้ามาที่ 14.8 ตัวที่ 8,000 รอบ ให้ทอร์คมาที่ 14 Nm ที่ 6,000 รอบ
โช๊คหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิก ส่วนโช๊คหลังเป็นแบบเดี่ยว

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

 

[OASIS]

2015 CAN-AM SPYDER F3 SPORT CRUISING มิติใหม่แห่งการขับขี่

เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 3 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ
ขนาดความจุ 1,330 ซีซี.
กระบอกสูบ x ระยะชัก 84 x 80 มม.
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง แบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์
ชุดเกียร์ แบบ 6 สปีด (แต่สามารถปรับตั้งได้ว่าจะใช้งานธรรมดา หรือกึ่งอัตโนมัติ)
คลัทช์ เป็นแบบเปียกสั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค
สตาร์ทเครื่องด้วย  ระบบไฟฟ้า
แรงม้า 115 แรงม้าที่ 7,250 รอบ/นาที
แรงบิต สูงสุดอยู่ที่ 130 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที
ขับเคลื่อนด้วย สายพาน
เบาะนั่งสูงจากพื้น 675 มม.
ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 115 มม.
ระยะห่างฐานล้อ 1,709 มม.
น้ำหนักรถ 386 กก.
ถังเชื้อเพลิงความจุ 27 ลิตร
ตัวรถ กว้าง x ยาว x สูง  1,497 x 2,642 x 1,099 มม.
ระบบกันสะเทือนหน้า ช็อคเป็นแบบอิสระ Double A-arm ให้ระยะการทำงาน 128.9 มม.
ระบบกันสะเทือนหลัง ช็อคเดี่ยวหน้าตาใกล้เคียงกับของรถมอเตอร์ไซค์ เป็นผลงานของสำนัก SACHS ระยะการยุบตัว 132.4 มม.
ล้อหน้า วงล้ออัลลอย ยางหน้าขนาด 110/70-11 นิ้ว
ล้อหลัง วงล้ออัลลอย ยางหลังขนาด 120/70-11 นิ้ว
ขนาดยางหน้า 165/55 R 15 นิ้ว
ขนาดยางหลัง 225/50 R 15 นิ้ว (เป็นการคำนวนมาแล้วว่ารถขนาดนี้ต้องใช้ยางขนาดนี้)

ระบบเบรค

- ด้านหน้า 2 ฝั่ง ล้อหน้าด้านขวา และด้านซ้าย ใช้จานเบรคขนาด 270 มม. คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ เรเดี้ยลเมาล์ BREMBO
สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิคจากก้านเบรคบนแฮนด์บังคับฝั่งขวา
- ด้านหลัง ใช้จานเบรคเดี่ยว ซุกตัวอยู่ในวงล้อ มาด้วยขนาดจานเบรค 270 มม. เทียบเท่ากันกับด้านหน้า
แต่คาลิเปอร์ลดขนาดมาเป็น 1 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค โดยมีแป้นกระทืบเบรคหลังที่พักเท้าด้านขวา
ชุดห้ามล้อของรุ่นนี้มีระบบ Parking Brake เอาไว้ใช้เวลาจอดรถร่วมอยู่ด้วย ไม่ต้องกังวลว่ารถจะไหลไปชนกับใคร

น่าคิดอยู่เหมือนกันว่า ทำไมถึงได้มีรถ 3 ล้อ (2 ล้อหน้า) เกิดขึ้นมาได้ Piaggio และ YAMAHA ก็เริ่มผลิตรถ 3 ล้อ
ออกมาจำหน่ายทำไมมันขี่ง่าย! อย่างแรกเลยก็คือ การวางท่านั่งทั้ง 2 ค่ายที่เพิ่งกล่าวถึงไป แม้จะถือกันคนละสัญชาติ
แต่แนวคิดใกล้เคียงกัน คือ ความสูงของเบาะนั่งจากพื้นดิน เมื่อเรานั่งอยู่เหนือเครื่องยนต์อำนาจการควบคุมรถให้เลี้ยวซ้ายหรือขวาก็ทำได้ง่าย ๆ
แค่การทิ้ง/ถ่ายน้ำหนักไปในด้านที่เราต้องการจะเข้าโค้ง ล้อหลังจะเอียงเข้าหาทางโค้งเครื่องยนต์จะเร่งสปีดเพื่อเพิ่มแรงหนีศูนย์

ลักษณะของรถ 3 ล้อ ในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้า ส่วนมากจะแยกเป็นอิสระทั้งหมดออกจากกัน ขวาก็อยู่ส่วนขวา
และซ้ายก็อยู่ในส่วนของซ้ายจะมีคานกลางทำหน้าที่ยึดระบบกันสะเทือนของทั้งสองฝั่งเอาไว้ให้ติดกับตัวรถหรือโครงสร้าง
ซึ่งตรงจุดดุมล้อจะพิเศษตรงที่สามารถเอนหนีศูนย์ได้อีกเช่นกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าโค้ง แต่ถ้าเป็นรถคานแข็ง
ยกตัวอย่าง “ซาเล้ง” มันจะไม่สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ๆ ได้เพราะรถจะพลิกคว่ำไปในที่สุดเนื่องจาก
จุดหมุนในการเลี้ยวไม่สามารถหนีศูนย์ได้ เพราะฉะนั้นการขี่รถ 3 ล้อ จึงไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เข้าใจ

แต่ถ้าเป็น 3 ล้ออย่าง CAN-AM แบบของยางและวิธีการเลี้ยวจะต่างออกไป ดูกันง่าย ๆ คือ แนวระนาบของยางที่สัมผัสกับพื้นถนน
หากเป็นของ CAN-AM จะมีลักษณะคล้ายกับยางของรถยนต์ เพราะฉะนั้น “ลืมภาพ” การทิ้งตัวโหนรถเข้าโค้งไปได้เลย
แม้ว่าระบบกันสะเทือนจะใกล้เคียงกับรถ 3 ล้อทั่ว ๆ ไป แต่มันไม่สามารถหนีศูนย์ในการเลี้ยวได้มากและดีเท่ารถ 3 ล้อของค่ายอื่น ๆ
จึงทำให้เวลาเลี้ยวจะใช้การหักแฮนด์บังคับ ลดความเร็วลงนิด ๆ แล้วเมื่อรถเข้ามาถึงกลางโค้งก็ค่อย ๆ เร่งความเร็วต่อไป
ท้ายรถออกจะ Drift นิด ๆ ถ้าเป็นนักขี่ที่ชำนาญเรื่องการ Drift หรือการเข้าโค้งแบบท้ายกวาด ก็มักจะนิยมหักแฮนด์หนีทางโค้งนิด ๆ
และกระแทกคันเร่งให้ท้ายรถทำหน้าที่กวาดไถลต่อไป แต่จะมีสักกี่คนที่ทำแบบนั้นได้จริง ๆ

การขับขี่ CAN-AM อารมณ์จะคล้าย ๆ รถยนต์แบบหลังคาเปิด เสียงเครื่องยนต์คำราม และการกำหนดความสูงของเบาะที่ต่ำลงมา
ทำให้เรารู้สึกถึงความเร็วมากยิ่งขึ้น ในทางตรง ๆ การแซงรถคันหน้า หรือใช้ความเร็วทำได้ง่าย ๆ จะมาหนักหนาสาหัสก็ตรงเวลาเจอโค้ง
หากเป็นนักขี่มอเตอร์ไซค์แล้วเปลี่ยนใจไปขี่ 3 ล้อก็ขอให้ลืมความคิดเรื่องการแบนโค้งไปได้เลยเริ่มด้วยการลดระดับเกียร์ลง
เบาความเร็วของคันเร่งลงหักแฮนด์ ปล่อยให้รถไหลเข้าไปตามทางโค้ง พอใกล้จะถึงจุดที่คนขี่มอเตอร์ไซค์เรียกว่า “จุดพับรถ”
ก็ให้เดินคันเร่งเบาไปก่อน แต่ถ้าคุ้นมือรู้อาการแล้ว กระแทกไปเลยไม่ต้องยั้ง ยางด้านท้ายรถจะเบียดกับถนนจนเกิดการสไลด์หักแฮนด์หนีโค้งนิด ๆ
แล้วใช้สายตามองให้สุดทางโค้งรับรองเลยว่าจะเป็นการ Drift ที่สวยงามสุด ๆ

http://www.9carthai.com/can-am-spyder-f3-sport-cruising/

[OASIS]

KTM 125 sx สายวิบาก 2T

เครื่องยนต์ 2 จังหวะ สูบเดียว

ระบบระบายความร้อน ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ขนาดความจุ 124.8 ซีซี.
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ใช้ชุดวาล์วทำหน้าที่กระพือไอดีเข้าห้องเผาไหม้ โดยใช้คาร์บูเรเตอร์แบบ Flat Slide
ดูดอากาศผสมกับไอดีแล้วส่งต่อไปยังรีดวาล์วก่อนจะ เปิด/ปิด ด้วยความเร็วชนิด “เสี้ยววินาที” เข้าห้องเผาไหม้
เกียร์ แบบธรรมดา 6 สปีด
คลัทช์ เป็นแบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง
สตาร์ทเครื่องด้วย  คันสตาร์ทเท้า
ขับเคลื่อนด้วย โซ่
แรงบิด 132 นิวตัน-เมตร ที่ 3,250 รอบ/นาที

ชิ้นงานบอดี้พาร์ท มีอยู่ 12 ชิ้น เริ่มด้วยการ์ดแกนช็อคอับหน้า ป้ายเบอร์ด้านหน้า ปีกหม้อน้ำขวาซ้าย
ถังน้ำมันเชื้อเพลิง เบาะนั่ง แป้นเบอร์ด้านข้าง บังโคลนหน้าและหลัง รวมถึงชุดดันโซ่หน้าสเตอร์หลังอีกด้วย
โครงของรถอย่างเฟรมถูกเคลือบทับด้วยสีส้มสด ๆ

เฟรม เป็นแบบเดียวกับเฟรมจักรยานที่ใช้แข่งกันคือ ต้องเบา ทน และรับมือกับแรงเค้นโหด ๆ ได้มากกว่า
ขนาดความยาวฐานล้อ เท่ากับ 1,480 มม. (+/- 10 มม.)

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 395 มม.
ความสูงของเบาะนั่ง 992 มม.
ถังเชื้อเพลิงจุได้  7.5 ลิตร
ล้อหน้า/หลัง เป็นแบบซี่ลวดที่รับมือในการขับขี่ได้ดีกว่าล้ออัลลอย

ระบบกันสะเทือน

- ด้านหน้า เทเลสโคปิคหัวกลับของ WP ปรับตั้งได้เต็มพิกัดทั้งความกระด้างและสปีดช้าเร็วในการคืนตัว
- ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยวร่วมสำนัก WP มาพร้อมกับกระปุกซับแท้งค์ และกระเดื่องปรับตั้งช็อคอับหลัง มันสามารถปรับตั้งได้แบบฟูลซิสเต็ม ระยะการทำงานของช็อคอับหน้าและหลัง จะเท่ากับ 300 และ 317 มม.

ระบบเบรค

- ด้านหน้า จานเบรคหน้าเป็นแบบตายตัว ขนาด 260 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ จาก BREMBO สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค
- ด้านหลัง ก็เป็นแบบตายตัว ขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ BREMBO

น้ำหนักรถ 90.4 กิโลกรัม

รถสองจังหวะกับนักเลงมอเตอร์ไซค์รุ่นละอ่อนดูจะไปคนละเส้นทาง เพราะโลกนี้ต้องการเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมให้มากกว่าแต่ก่อน
จึงมีมติให้ลดละเลิกผลิตรถสองจังหวะออกมาเพราะรถสองจังหวะก่อมลพิษทางอากาศไม่น้อย ไม่เชื่อลองถามคนที่อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปที่น่าจะจำได้ว่า
“หมอกจาง หรือ ควันไฟ ที่สี่แยกไฟแดงเป็นแบบไหน” มาดูรถสองจังหวะที่ไม่ใช่รถตลาดหรือคู่ใจขาแว๊น
แต่มันคือ “ตัวแข่งทางฝุ่นสัญชาติออสเตเรีย” จากค่าย KTM

นี้คือรถสูตรทางฝุ่นรุ่นล่าสุดของ KTM ในแบบฉบับตัวลุยสายฝุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สองจังหวะ
ดูพื้นฐานแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรต่างออกไปจากรถสูตรทางฝุ่นแบบ 4 จังหวะ แต่จุดที่ดูง่ายที่สุดและฟันธงได้ดีที่สุดก็คือ “ท่อไอเสีย”
ลักษณะท่อบวม ๆ แบบนี้มันคือรถสองจังหวะ 100% รถจากค่าย KTM นี้คือ 125 SX แม้ขนาดจะดูเล็ก
แต่พิษสงไม่ได้กระจ้อยร่อยตามขนาดความจุเลย

http://www.9carthai.com/ktm-125-sx/

[OASIS]

SUZUKI DR 200 S ลุยทุกที่ สู้ไม่ถอย

เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน ระบายความร้อนด้วยอาากาศ
ขนาดความจุ 199 ซีซี.
ขนาดกระบอกสูบ x ระยะชัก 66 x 58.2 มม.
กำลังอัดเครื่องยนต์ 9.4 : 1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง คาร์บูเรเตอร์
ชุดเกียร์ แบบธรรมดา 5 สปีด
คลัทช์ ชนิดเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง
สตาร์ทเครื่องด้วย  ระบบไฟฟ้า
ขับเคลื่อนด้วย โซ่
เฟรม เหล็ก
วงล้อ ซี่ลวด เลือกใช้ยางหน้า ขนาด 70/100-21 นิ้ว ยางหลัง 100/90-18 นิ้ว ดูจากขนาดยางแล้วเรียกได้ว่าพร้อมลุย ทุกสภาพเส้นทาง

ระบบกันสะเทือน

-ด้านหน้า เป็นช็อคอับเทเลสโคปิค ผิวแกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม มียางหุ้มแกนช็อคอับทำหน้าที่ป้องกันฝุ่นผงและเม็ดทราย
-ด้านหลัง เป็นแบบเดี่ยว ซุกตัวอยู่ใต้เบาะจับยึดกับเฟรมและสวิงอาร์มโดยมีกระเดื่องทำหน้าที่ยึดติดและยังปรับตั้งได้

ระบบเบรค

- ด้านหน้า จานเบรคหน้าเป็นจานเดี่ยวชนิดตายตัว คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค
- ด้านหลัง เป็นดรัมเบรค สั่งงานด้วยเหล็กเส้นรับและส่งกำลัง

มิติตัวรถ ขนาดความกว้าง/ยาว/สูง เท่ากับ 805/2,155/1,140 มม. ระยะฐานล้อ 1,405 มม. ความสูงของเบาะนั่ง 845 มม.
ความจุของถังน้ำมันเชื้อเพลิง 12.5 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ 126 กิโลกรัม

บอดี้พาร์ทของ DR 200 S มีอยู่ราว 12 ชิ้น ไม่มีการ์ดแข็งสำหรับแกนช็อคอับคู่หน้า แต่จะใช้ยางยืด ๆ มาหุ้มแกนช็อคอับแทน
หน้ากากมาพร้อมกับไฟหน้า แอบดึงอารมณ์รถสูตรมาใช้นิด ๆ ไม่เล่นสีหรือลายกร๊าฟฟิค แต่จะใช้สีเพียงสีเดียวแล้วประดับด้วยตัวอักษร S (SUZUKI) ลงไป
กระจกมองข้างเล่นทรงสี่เหลี่ยมดูอารมณ์ย้อนยุคดี แถมเท่อีกด้วย ไม่มีการ์ดแฮนด์เพราะตัวรถไม่ได้เน้นการขี่เข้าลุยในป่ารกทึบ
มีปีกคลุมถังน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนหน้าเป็นการ์ดป้องกันถังน้ำมันเชื้อเพลิงไปในตัว

เบาะนั่งใบเดียว เน้นมุมท่านั่งเยอะมาก ๆ สามารถขยับเข้า/ออกจากแฮนด์ได้สบายและง่ายอีกด้วย ช่วยในการคุมรถ
ฝาครอบข้างเบาะขวาและซ้าย แม้จะไม่มีหน้าที่อะไร แต่ถ้าขาดไปรถหมดสวยแน่ ๆ บังโคลนหน้าและหลังไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของรถทางฝุ่นชัด ๆ
นอกจากนั้นยังมีการ์ดโซ่และยังยึดลงมาป้องกันสเตอร์หลังอีกด้วยจุดสุดท้ายก็คือ แป้นเหล็กกันกระแทกเป็นชิ้นส่วนที่มักจะโดนลืมมากที่สุด
แต่ถ้ารถไม่มีเจ้าสิ่งนี้เวลาลุยปีนผาเชิงหิน รับรองเฟรมบี้แน่ ๆ

http://www.9carthai.com/suzuki-dr200s/

[boy เจียงฮาย]

sell

[OASIS]

 

[zombie01]

อยากไปดู แต่ยังนึกไม่ออกครับว่าสนามอยู่ที่ไหน 

[OASIS]

อยากไปดู แต่ยังนึกไม่ออกครับว่าสนามอยู่ที่ไหน 

หน้าโรงเรียนจะเป็นโค้งขวาแล้วตามด้วยโค้งซ้าย
โค้งซ้ายไม่โค้งตามทาง ให้ตรงเข้าซอยไป   (ผมก่ยังไม่เคยเข้าไปดูเลย  แฮ่ๆ)
คิดว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะเข้าไปครับ คิดว่าหาไม่ยาก  ถามชาวบ้านแถวนั้นทราบแน่นอนครับ อ.

เห็นรูปแล้วมีต้นไม้อยู่กลางสนามต้นเดียว จะมีที่หลบแดดไหมเนี๊ย.......

[OASIS]

ไว้มาเก็บภาพสนามของเชียงรายเอ็นดูโร่ด้วยนะครับ อ.เปิ้ล
กำลังปรับปรุง SS_Show  ยังไม่ได้กำหนดวันแข่งครับ

[OASIS]

 

[denptt]

รถผมปีเก่ารงตวย crf 250 l ได้ก่อครับ

[boy เจียงฮาย]

รถผมปีเก่ารงตวย crf 250 l ได้ก่อครับ

เมาะๆๆๆเลย

[Jeda]

มาถึงเจีงฮายแล้วเน้อจ้าว ราคา4,090 บาท

[OASIS]

รถผมปีเก่ารงตวย crf 250 l ได้ก่อครับ

รุ่นที่ 9  ครับ