<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #2 >>

[OASIS]

 

[OASIS]

หลักการเลือกซื้อแว่นตา สำหรับรถมอเตอร์ไซค์วิบาก

เนื่องจากบนเส้นทางของการขับขี่ และสนามแข่งขันของรถมอเตอร์ไซค์วิบากนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆมากมาย
เช่น ฝุ่น ดิน น้ำ หิน โคลน ทราย และกิ่งไม้ต่างๆ จำเป็นที่ต้องมีแว่นตาเพื่อปกป้องดวงตาขณะขับขี่
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของนักขับเอง อีกทั้งยังช่วยในเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่
เช่นเมื่อขี่เจอฝุ่นผงเข้าตา ถ้ามัวแต่เสียเวลามาขยี้ตา เราคงจะหมดความสุขไปเลยใช่ไหมครับ

      เอาล่ะ เมื่อเรารู้ประโยชน์ของแว่นตากันแล้ว เราต้องรู้จักชนิดของแว่นตาสำหรับรถวิบากกันด้วย
แว่นตาสำหรับรถมอเตอร์ไซค์วิบากนั้น จะมีการจำแนกประเภทได้ 2 ประเภทใหญ่ด้วยกัน คือ
      1.แว่นตารถมอเตอร์ไซค์วิบาก แบบนี้จะใช้สำหรับสวมใส่กับศีรษะโดยตรงไปเลย ลักษณะการใช้งานจะคล้ายการสวมใส่แว่นบังแดดบังลมโดยทั่วไป
แต่จะต่างตรงที่แว่นของรถวิบาก จะเป็นแบบสายคาดหัวเพื่อความกระชับและแน่นหนา และกระจกแว่นจะครอบปิดขอบตาโดยรอบเพื่อป้องกันลมเข้าตา
ซึ่งข้อเสียของแว่นชนิดนี้คือ จะมีมุมมองที่แคบมาก เหมือนถูกบังคับให้มองไปข้างหน้า
อาจจะเพราะออกแบบมาสำหรับแข่งขันมากกว่าขับบนถนนนั่นเอง

      2.แว่นคาดหมวกกันน็อค สำหรับรถมอเตอร์ไซค์วิบาก แบบนี้จะใช้สำหรับคาดรอบตัวของหมวกกันน็อคที่เราสวมใส่อีกทีหนึ่ง
เหมาะสำหรับประเภทการขับขี่รถที่เป็นลักษณะการแข่งขันอย่างเป็นทางการ หรือการขับขี่ที่ต้องสวมชุดอุปกรณ์ป้องกันแบบเต็มตัวหรือรัดกุมสูงสุด

 หลักในการเลือกซื้อแว่นตาสำหรับรถมอเตอร์ไซค์วิบาก
  ในการเลือกซื้อแว่นตา และแว่นคาดหมวกกันน็อคนั้น เราควรที่จะต้องคำนึงถึงหลักใหญ่ๆด้วยกันดังนี้
      1.ประเภทการใช้งาน เป็นอันอันดับแรกที่เราจะต้องคำนึงถึง ว่าเราจะใช้รถในลักษณะการขับขี่ประเภทใดเป็นหลัก
เนื่องจากว่าแว่นตา และแว่นคาดหมวกจะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานไม่เหมือนกัน ทั้งนี้แม้เราจะนำแว่นทั้ง 2 ชนิดมาใช้งานแทนกันได้ก็ตาม
แต่ความคล่องตัวในการใช้งาน หรือแม้แต่ประสิทธิภาพการใช้งานก็จะได้ไม่เต็มที่มากนัก

      2.ชนิดของเลนส์ เนื่องจากการขับรถวิบากจะต้องเจอกับสิ่งกีดขวาง หรืออุปสรรคต่างๆมากมาย ตัวเลนส์ของแว่นตา
จะต้องมีคุณสมบัติที่ดี มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตก ไม่บิ่น ไม่หักง่าย  เพราะหากเจอกับ เศษกรวด หิน พุ่งชนเลนส์จนแตก
ทำให้ตาของเราอาจบอดได้ เพราะฉนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับต้นๆก็คือเลนส์นั่นเองครับ

      3.วัสดุที่ใช้ผลิตแว่นตา จะต้องมีความแข็งแรง และยืดหยุ่นเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นกีฬาการขับขี่ที่ต้องลุยเป็นพิเศษ
หากแว่นตาไม่มีความคงทน อาจจะชำรุดเสียหายง่าย สามารถถอดออกมาทำความสะอาด หรือซ่อมบำรุงได้ง่าย โดยไม่มีการชำรุด

      4.ราคา ข้อนี้ก็สำคัญเช่นกัน เพราะหากราคาแพงไปอาจจะใช้ไม่คุ้มทุน เพราะว่าแว่นสำหรับรถวิบากจะมีอายุการใช้งานที่ไม่นาน
อันเนื่องจากเลนส์เป็นพลาสติกพิเศษที่แข็งแรงสูงแต่เป็นรอยได้ง่าย จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย
ส่วนถ้าเราเลือกซื้อแว่นตาที่ราคาถูกเกินไป ทำให้ได้แว่นตาที่คุณภาพไม่ดีมากนัก
ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเมื่อหินดีดใส่ อาจทำให้แว่นตาแตก ส่งผลให้ตัวเราบาดเจ็บได้เช่นกัน

        สุดท้ายในการขับขี่เพื่อแข่งขัน ที่ด้านหน้าของแว่นตาจะมีพลาสติกใส เรียกว่า เทียร์ออฟ แปะที่เลนส์แว่น (จำนวนชั้น แล้วแต่ตัวนักแข่งกำหนด)
และตัวแผ่นเทียร์ออฟจะมีส่วนที่ยื่นออกมาด้านข้างเพื่อที่เมื่อใดที่โคลนเข้ามาติดหน้าเลนส์แว่นตา มองอะไรไม่เห็น
ก็จะทำการดึง เทียร์ออฟ ทิ้งไปทีล่ะชั้นๆๆๆ เปื้อนก็ดึงทิ้ง จนเหลือแต่ แว่นเปล่า ถ้ายังเปื้อนอีก ทีนี้ต้องถอดแว่นทิ้งเลย
และด้วยความที่เลนส์แว่น มีความเหนียวไม่แตก แต่ก็แลกมาด้วย ความที่สามารถเป็นรอยได้ง่าย ถึงง่ายที่สุด บางครั้งล้างครั้งเดียวก็ยังเป็นรอยเพราะงั้น
คนที่มีแว่น ควรจะมีเลนส์อะไหล่สำรองไว้เป็นดีที่สุด

http://www.motocross.in.th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%
B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD
%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%
B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2/

[OASIS]

 

[OASIS]

BMW กำลังพัฒนาไฟออร์แกนนิค OLED

BMW กำลังพัฒนาหลอดไฟแบบใหม่ซึ่งเป็นออร์แกนนิค หรือ organic light emitting diode (OLED) ซึ่งเป็นระบบไฟส่องสว่างสำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์

สิ่งที่แตกต่างจากหลอดไฟ LED ทั่วไปก็คือ OLED จะใช้ชั้นแผ่นบางของสารกึ่งตัวนำที่ทำจากสารโพลิเมอร์เพื่อให้เปล่งแสงออกมา
ระบบไฟ OLED นั้นจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าและปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยกว่าหลอดไฟ LED ธรรมดา
โดยหลอดไฟ LED ธรรมดานั้นจะปลดปล่อยแสงออกมาเพียงจุดเดียว ดังนั้นมันจะดูไม่ค่อยสว่างหากมุมมองนั้นเอียงๆ

หลอดไฟ LED ธรรมดาใช้ระบบตัวสะท้อนแสงเพื่อจะลดผลจากที่กล่าวข้างต้นและให้ไฟส่องสว่างที่ดูสม่ำเสมอขึ้น
ในขณะที่ OLED สามารถเปล่งแสงได้บนพื้นที่ๆกว้างกว่าโดยไม่สูญเสียความสว่างจึงไม่ต้องอาศัยตัวสะท้อนแสงที่หนาเตอะใดๆ

ชั้นสารกึ่งตัวนำใน OLED นั้นบางอย่างไม่น่าเชื่อ โดยชั้นที่เปล่งแสงสามารถวัดออกมาได้ว่าบางกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 150 เท่า
โดยชั้นสารกึ่งตัวนำนั้นจะถูกปิดคลุมด้วยชั้นนำไฟฟ้าระหว่างแผ่นแก้วหรือฟิลม์พลาสติคบางๆ โดยทุกชั้นของชิ้นส่วนต่างๆรวมแล้วจะมีความหนาทั้งหมดระหว่าง 0.8 ถึง 1.5 มม

ในตอนนี้นั้นเทคโนโลยี OLED นั้นยังไม่ก้าวหน้าพอที่จะใช้เป็นระบบส่องสว่างกับมอเตอร์ไซค์ได้ทั้งหมด ความเข้มข้นของการส่องสว่างนั้นเหมาะสำหรับการทำไฟหลังเท่านั้น
ส่วนไฟเบรก และไฟเลี้ยวต้องมีการพัฒนาต่อไปเพื่อจะสามารถนำมาใช้งานได้อย่างจริงจัง

ไฟหลังต้นแบบที่ทำจาก OLED นั้นได้ถูกออกแบบมาสำหรับมอเตอร์ไซค์ BMW K1600GTL ใช้หลอดไฟ OLED สำหรับไฟท้าย ไฟเบรก และไฟเลี้ยวด้านหลัง
ด้วยการใช้งานร่วมกับหลอดไฟ LED ธรรมดา การจัดวางร่วมกันระหว่างหลอดไฟสองแบบนี้นั้นอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์หลอดไฟ OLED ได้อย่างเต็มที่
แต่ก็ช่วยให้เกิดมิติของการแสดงผลไฟได้

http://mocyclover.com/bmw-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%
92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%
B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4.html

[OASIS]

Hard Enduro Race: Day 5 - Red Bull Romaniacs 2014

   

[phatthanawat]

 

[OASIS]

KTM 1050 Adventure เผยโฉมแล้ว

KTM ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์โฉมใหม่ของ 1050 Adventure ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นเครื่องยนต์แบบ V-twin ซึ่งให้แรงม้าที่ 95 แรงม้า

ถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เปิดตัวตามหลังมาติดๆ กับรุ่นอื่นๆ อย่าง 1190 1190 R และ 1290 ในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ Adventure ด้วยกัน

แม้จะดูเหมือนว่ามอเตอร์ไซค์ในกลุ่มนี้จะออกมาเยอะหลายคันก็ตาม แต่เหตุผลในการเปิดตัวรุ่นล่าสุดนี้
เนื่องจากเหตุผลเรื่องสเป็คของเครื่องยนต์ที่ให้แรงม้า 95 แรงม้า เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดเรื่องใบอนุญาตขับขี่ในยุโรปนั่นเอง

กฏเกณฑ์เรื่องใบอนุญาตนั้นกำหนดทำให้รุ่น 1190 ที่ 148 แรงม้า และ 1290 ที่ 160 แรงม้านั้นถือว่าไม่เข้าข่าย

มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ 1050 KTM Adventure คันนี้จะมาพร้อมอุปกรณ์เสริมที่จะจำกัดคุณสมบัติของเครื่องยนต์
ทำให้ KTM คันนี้ถือว่าเป็นคันแรงที่เหมาะสำหรับนักบิดหน้าใหม่อีกด้วย

1050 Adventure คันนี้หนัก 212 กิโลกรัมและมาพร้อมเบรก ABS พร้อมระบบ ride-by-wire
และระบบ traction control ระบบกันสะเทือนนั้นเป็นของ WP และระบบเบรกจาก Brembo

ที่มา visordown.com จาก Eicma motorcycle show ที่ Milan

[OASIS]

เทคนิคการเลือกซื้อถุงมือรถวิบาก

ขึ้นชื่อว่าขี่รถวิบากกันแล้ว จะมานั่งบนเบาะแล้วบิดคันเร่งด้วยมือเปล่า ก็คงจะไม่เหมาะสมนักใช่ไหมครับ
อีกทั้งยังไม่ปลอดภัยต่อตัวเราอีกด้วย เราจะเป็นจะต้องสวมชุดหรืออุปกรณ์ป้องกันอันตรายต่างๆให้พร้อม
วันนี้เราจะมาพูดถึงหนึ่งในชุดหรืออุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากการขับขี่รถวิบากกัน นั่นคือ "ถุงมือ" ถุงมือนั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับใช้เพื่อขับขี่รถวิบาก
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถบิดคันเร่งรถได้อย่างคล่องตัว ไม่เกิดอาการลื่นอันเนื่องจากเหงื่อหรือเปียกน้ำ โคลน
หรือสิ่งสกปรกอื่นๆที่มาจากสภาพแวดล้อมของสนามแข่งขันนั้นๆ อีกทั้งยังช่วยลดอาการบาดเจ็บของเราหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อีกด้วย

      ในปัจจุบันถุงมือที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดนั้น มีมากมายหลายแบบและหลายประเภทให้เราเลือก
ทำให้ทั้งนักขับมือเก่าและมือใหม่ทั้งหลายเลือกซื้อหรือเลือกใช้งานถุงมือกันไม่ถูกกันเลยทีเดียว
 หลักการเลือกซื้อถุงมือรถวิบาก
     - เลือกจากสไตล์การขับขี่  เนื่องจากถุงมือมอเตอร์ไซค์วิบากนั้นมีอยู่หลายแบบ ทั้งข้อสั้น ข้อยาว แบบมีนิ้วไม่มีนิ้ว
เล็กสั้นเล็กยาว ก็ตามแต่ขนาด Size มือของแต่ละคน จึงต้องเลือกใช้งานให้เหมาะสม
        :ถุงมือแบบข้อสั้น (Fingerless) เหมาะสำหรับการขับขี่รถในเมืองหรือการขับขี่ระยะสั้น ใช้ความเร็วต่ำ
เพราะจะสะดวกและคล่องมือมากกว่าแบบยาว ราคาถูกกว่า บำรุงรักษาง่าย อีกทั้งยังไม่ร้อนเมื่อใช้ขับขี่อีกด้วย
        :ถุงมือแบบข้อยาว (Gauntlet) หรือถุงมือที่หุ้มไปถึงข้อมือ ถุงมือแบบนี้เหมาะสำหรับการขับขี่แบบวิบากลุยๆ
หรือใช้สำหรับแข่งขัน ซึ่งถุงมือแบบนี้จะช่วยในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ได้ดี แต่มีข้อเสียคือ จะร้อนมากเวลาสวมใส่
ราคาแพงกว่าแบบข้อสั้น และการดูแลรักษาก็ยากตามไปด้วย

     - เลือกจากราคาของถุงมือ ในข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายกันมากนะครับ เราก็ทำการเลือกสรรค์กันตามแต่งบประมาณของแต่ละท่านกันได้เลย

     - เลือกจากวัสดุที่ใช้ผลิต เราจะต้องพิจารณาดูว่าถุงมือที่ต้องการซื้อนั้นใช้วัตถุดิบอะไรในการผลิต ใน
ปัจจุบันมีถุงมือที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ยาง ผ้า พลาสติกผสม พลาสติกอ่อน
พลาสติกแข็ง หนังเทียม หรือหนังสัตว์แท้ต่างๆเช่น หนังวัว หนังจิงโจ้ หนังกวาง หนังกระทิง  และหนังสัตว์อื่นๆอีกมากมาย
โดยวัสดุแต่ละประเภทนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นฟิลลิ่ง ความสะดวกสะบาย ความคล่องตัวในการสวมใส่
ความคงทน ความสวยงาม รวมถึงมีผลต่อด้านราคาของถุงมืออีกด้วย

     - เลือกจากคุณสมบัติต่างๆของถุงมือ เช่น ความสามารถในการกันน้ำ กันลม กันหนาว กันยืด กันหด กันรอยขีดข่วน และความทนทาน ความสามารถในการป้องกันมือของเราจากอุบัติเหตุต่างๆ หรือแม้แต่ความหนาบาง นุ่มแข็งของถุงมือก็จะแตกต่างกันไป

     - เลือกจากภาพลักษณ์ความสวยงาม หลายๆคนชอบมองจุดนี้เป็นสิ่งแรกเหนือเงื่อนไขอื่นใด
และบางคนเลือกที่จะตัดความสำคัญอย่างอื่นของถุงมือออกไปเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ขอแนะนำว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องมากนัก เพราะถุงมือโดยแท้แล้วคุณประโยชน์สูงสุดของมันก็คือ
การป้องกันอันตรายหรือลดอุบัติเหตุต่างๆ ดังนั้นเราควรที่จะต้องเลือกความสวยงามควบคู่ไปกับคุณสมบัติอย่างอื่นของถุงมือด้วย

ให้วัดรอบฝ่ามือส่วนที่กว้างที่สุด (ไม่วัดรวมนิ้วโป้ง) ดูตามรูป แล้วมาอ่านค่ากัน

Size S เบอร์ 8 ขนาด 6.5-7.5 นิ้ว
Size M เบอร์ 9 ขนาด 7.5-8.5 นิ้ว
Size L เบอร์ 10 ขนาด 8.5-9.5 นิ้ว
Size XL เบอร์ 11 ขนาด 9.5-10.5 นิ้ว
Size XXL เบอร์ 12 ขนาด 10.5-11.5 นิ้ว

    ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะเลือกซื้อถุงมือเพื่อใช้ขับขี่รถวิบากนั้น ก็ควรที่จะต้องได้ลองสวมใส่ดูด้วยตัวเองเป็นสำคัญ
เพราะบางยี่ห้อขนาดความกว้างยาวของข้อนิ้วก็อาจจะไม่เท่ากันมากนัก และเมื่อเราได้หาข้อมูลและทำการเลือกซื้อมาได้แล้ว
ก็ควรที่จะต้องสวมใส่ในขณะขับขี่รถด้วยทุกครั้ง ลองนึกภาพเล่นๆ ถ้าเกิดรถล้ม"สิ่งแรก"ที่ลงไปสัมผัสพื้นถนนหรือสนามแข่งขัน
ก็คงจะหนีไม่พ้นร่างกายของเรา รวมทั้งมือของเรานั่นเอง เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะมองข้ามความสำคัญของเจ้าถุงมือคู่เล็กๆคู่นี้เป็นอันขาด
แต่หากอยากได้ถุงมือที่มีคุณสมบัติดีเหมาะกับการขับขี่ในเมืองไทยเราแล้วละก็ คงต้องคำนึงถึงเรื่องการซึมซับน้ำและการระบายอากาศเป็นสำคัญ
ไม่อย่างนั้นตอนถอดถุงมือคงต้องหาผ้าปิดปากปิดจมูกกันบ้าง บางทีกลิ่นก็ไม่ต่างกันเลยกับรองเท้าเลยนะครับ
http://www.motocross.in.th/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B
8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%
E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8
%AD%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A1/

[OASIS]

Hard Enduro Race: Day 4 - Red Bull Romaniacs 2014

[OASIS]

Hard Enduro Race: Day 3 - Red Bull Romaniacs 2014

[OASIS]

 

[phatthanawat]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

เชียงรายเอ็นดูโร่ส่งไป 1

[OASIS]

พรุ่งนี้ CRF Dirt Camp ไผสนใจไปสมัครและชมได้นะครับตี่สนามแม่ลาว

[OASIS]

บ่าต้องถอด

Motorcycle Warm Cold Winter Gloves Sensing Touch Screen Mobile Phone

[OASIS]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

ชายสูงที่สุด vs เตี้ยที่สุดในโลก มาพบกัน ฉลอง 10 ปีกินเนสส์

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 สำนักข่าวเอเอฟพี มีรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เผยภาพช่วงเวลาที่บุคคลซึ่งสูงที่สุดและเตี้ยที่สุดในโลกมาพบกัน บริเวณฝั่งตรงข้ามอาคารรัฐสภาในลอนดอน
เพื่อร่วมฉลองวันครบรอบ 10 ปี กินเนสส์ เวิล์ด เรคคอร์ด

           โดย สุลต่าน โกเซน วัย 31 ปี ชายตุรกีผู้ครองสถิติบุคคลที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 251 เซนติเมตร
ได้เผยความรู้สึกหลังจากที่ได้พบกับ จันทรา บาฮาดูร์ แดนกิ วัย 74 ปี จากเนปาล เจ้าของสถิติบุคคลที่เตี้ยที่สุดในโลก ด้วยความสูงเพียง 55 เซนติเมตร ว่า
เขารู้สึกทึ่งกับความสูงของแดนกิมาก เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเขาก็เพิ่งรู้ว่าแดนกินั้นตัวเล็กขนาดไหน
แต่แม้ว่าเราคนหนึ่งจะเตี้ยและอีกคนจะสูง แต่เราก็มีอุปสรรคตลอดช่วงชีวิตที่คล้ายคลึงกัน
และเมื่อเขามองไปในตาของแดนกิ ก็พบว่าชายชราเป็นคนดีคนหนึ่ง

           ขณะเดียวกัน แดนกิก็ได้เผยถึงความรู้สึกของเขาว่า เขาดีใจที่ได้พบกับคนที่สูงที่สุดในโลก
เพราะเขาอยากพบกับคนที่ตรงข้ามกับตัวเองอย่างสุดขั้ว เขาดีใจที่ได้เป็นเจ้าของสถิติกินเนสส์
และขอบคุณที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเดินทางไปในหลายประเทศและพบปะกับผู้คนมากมาย ซึ่งเขาชอบมันมาก

           ทั้งนี้บริษัทผลิตเบียร์ กินเนสส์ ได้เปิดตัวหนังสือบันทึกสถิติเป็นครั้งแรกในปี 2498
เพื่อระงับข้อพิพาทในหมู่นักดื่ม และหนังสือบันทึกสถิติดังกล่าวก็มียอดขายกว่า 132 ล้านฉบับ ในกว่า 100 ประเทศ

http://hilight.kapook.com/view/111265