21ปี มฟล.มุ่งสู่ศูนย์กลางการแพทย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Sunday, October 06, 2019 15:00
'จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ปี 2020 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง หรือ มฟล.ติดอันดับอยู่ในช่วงที่ 601-800 และเป็นปีแรกที่ มฟล.ติดอันดับ อีกทั้งยังมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยคู่กับมหาวิทยาลัยมหิดลด้วย
"จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกปี2020มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงหรือมฟล.ติดอันดับอยู่ในช่วงที่601-800 และเป็นปีแรกที่มฟล.ติดอันดับ อีกทั้งยังมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยคู่กับมหาวิทยาลัยมหิดลด้วย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจและดีใจมากของชาวมฟล.ทั้งหมดนี้มาจากการสะสมประสบการณ์มายาวนานจนแตกดอกออกผลเหมือนคนอายุ21ปีคือเติบโตเต็มวัยพอดีแสดงว่ามฟล.มีความเข้มแข็งทางวิชาการและในทศวรรษที่3ของมฟล.มุ่งจะเป็นผู้นำการศึกษาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและมหาวิทยาลัยในระดับโลก”นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานของมฟล.ในช่วงที่ผ่านมาที่รศ.ดร.ชยาพรวัฒนศิริอธิการบดีมฟล.ได้รายงานให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายได้รับทราบในโอกาสครบรอบ21ปีของการสถาปนามฟล.ไปเมื่อเร็วๆนี้
นอกจากนี้ อธิการบดีมฟล.ยังให้คำมั่นสัญญาที่จะมุ่งมั่นและนำพา มฟล.ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงพร้อมประกาศชัดเจนว่าจะขับเคลื่อน“ศูนย์การแพทย์มฟล.สู่ศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง“หรือMedical Education HubและMedical Service Hub โดยมุ่งหวังให้บริการคนไทยและนานาชาติ โดยเฉพาะชาวลุ่มแม่น้ำโขงทั้งไทยเมียนมาลาวเวียดนาม กัมพูชาจีนต่อไปโดยรศ.ดร.ชยาพรบอกว่าการพัฒนาศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการซึ่งอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตที่จะต้องขับเคลื่อนให้ถึงสมรรถนะในบริการการดูแลสุขภาพและสาธารณสุขของระดับประเทศไทยครบทุกด้านซึ่งต้องใช้สรรพกำลังและทรัพยากรจำนวนมากสิ่งนี้เป็นแนวทางสำคัญมุ่งหน้าของมฟล.ต่อไป
จากเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนศูนย์การแพทย์มฟล.สู่ศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงนั้นเรื่องนี้รศ.ดร.วันชัยศิริชนะอธิการบดีผู้ก่อตั้งมฟล. ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการศูนย์การแพทย์มฟล.เล่าให้ฟังว่าศูนย์การแพทย์มฟล.ประกอบด้วย3ส่วนคือ1.โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล. ให้บริการผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางส่งเสริมสุขภาพชุมชนแหล่งฝึกปฎิบัตินักศึกษา แหล่งศึกษาวิจัยทางการแพทย์ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์และแพทย์อาสาบรมราชกุมารี2.โรงพยาบาลมฟล.ให้บริการผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยเป็นแหล่งฝึกปฎิบัติด้านการแพทย์แบบบูรณาการ(Integrative Medicine)บริการตรวจรักษาด้วยแพทย์แผนไทยและบริการตรวจรักษาด้วยแพทย์แผนจีนและ3.ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้บริการผู้ไม่อยากป่วยซึ่งศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ ถือว่าเป็นจุดเด่นของศูนย์การแพทย์มฟล. หรือจะมีการดูแลสุขภาพแบบ3 Pคือ ส่งเสริมและให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ(Promotion)ให้รู้จักป้องกันการเกิดโรค(Prevention)และให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อการคัดกรอง(Prediction)รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วยและดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์ชะลอวัย
รศ.ดร.วันชัยเล่าอีกว่าศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯจะแยกออกมาจากโรงพยาบาล มฟล. เพราะต้องการนำคนไม่ป่วยออกจากคนป่วย เพื่อมาดูแลและให้บริการด้านสุขภาพ เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคก็จะส่งต่อไปรักษาตามอาการได้ทันทีถ้าเราสามารถทำได้ทั้ง 3P จะทำให้คนเราสุขภาพดีทุกช่วงวัยไม่เจ็บป่วย ลดค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายของรัฐด้วย อีกทั้งทำให้เกิดการชะลอวัยอย่างมีความสุขอย่างไรก็ตามศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯนี้ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไม่เคยมีในประเทศไทยที่มีการแยกผู้ป่วยและผู้ไม่ป่วยออกไปอยู่คนละจุด
“ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯเป็นศูนย์ที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองที่สุดคือลดการเจ็บป่วยและการลดการเจ็บป่วยสำคัญกว่าการรักษา ถ้าต้องรักษาคือเงิน และเวลา ความทุกข์ทรมานของครองครัวจะเกิดขึ้นเราจึงให้ความสำคัญกับศูนย์นี้อย่างมากในอนาคต เน้นการดูแลคนทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีและมีความสุขและองค์การอนามัยโลกยังประกาศแล้วว่าอนาคตแนวโน้มการบริการสุขภาพนั้นเรื่องการดูแลสุขภาพและป้องกันการเกิดโรคสำคัญที่สุดว่าศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯเปิดให้บริการมาเกือบ2ปีมีประชาชนมาใช้บริการ25,000คน จำนวนครึ่งที่มาใช้บริการรู้จักวิธีดูแลรักษาตัวเองอีกครึ่งได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อคัดกรองโรคอีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเข้ามารับบริการก็น้อยมากต่อปีต่อคนไม่ถึง3,000-5,000 บาท ผมเชื่อว่าในปี2565 ศูนย์การแพทย์ มฟล.จะสมบูรณ์แน่นอน ทั้งบุคลากร เครื่องมือ การดูแลรักษาให้บริการ และเป็นที่ฝึกปฎิบัติของนักศึกษาแพทย์ มฟล. โดยไม่ต้องไปฝึกปฎิบัติในโรงพยาบาลอื่น หากรัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนเชื่อว่าศูนย์แห่งนี้จะช่วยคนยากจนได้มากกว่านี้และคุณภาพการรักษาไม่ต่างจากโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป ”รศ.ดร.วันชัย กล่าว
ด้านนพ.พิษณุบุญประเสริฐแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล.กล่าวเสริมว่า โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มฟล.เป็นโรงพยาบาลขนาด400เตียงตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ137ไร่ติดถนนพหลโยธินห่างจากที่ตั้งหลักของมฟล.ประมาณ1กิโลเมตรปัจจุบันมีประชาชนเดินทางไปใช้บริการสูงสุดวันละ340คนขณะที่เป้าหมายของโรงพยาบาลประมาณ600คนต่อวันส่วนจุดเด่นการรักษาโรคคือเฉพาะทางด้านกระดูกด้านหัวใจ คือการสวนหัวใจ และด้านสูตินารีแพทย์ ที่สำคัญเป็นโรงพยาบาลของรัฐ โดยสามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิการรักษาของผู้ป่วย
หวังว่าศูนย์การแพทย์ มฟล.จะเป็นอีกทางเลือกการดูแลและรักษาสุขภาพให้แก่คนไทยในภาคเหนือและในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้สำเร็จ
ที่มา:
www.dailynews.co.th