เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2025, 16:32:07
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คุยเรื่องไอที - เทคโนโลยี (ผู้ดูแล: K€nGja1, chiohoh, nuifish, NOtis)
| | |-+  อัปเกรดข่าว3G ข่าวสารInternet/Wifi /โทรคมนาคม ในเมืองไทย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 พิมพ์
ผู้เขียน อัปเกรดข่าว3G ข่าวสารInternet/Wifi /โทรคมนาคม ในเมืองไทย  (อ่าน 16118 ครั้ง)
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #80 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011, 11:10:42 »

ทีโอทีตั้งเป้าบรอดแบนด์8.4พันล. ประเดิม"ThaiNet"199บาท/เดือน



"ที โอที" เปิดโครงการอินเทอร์ความเร็วสูง "Thai Net" ความเร็ว 2 เม็ก ใช้งานได้นาน 60 ชั่วโมง 199 บาทต่อเดือน หวังดึงผู้ใช้โทรศัพท์ พื้นฐาน 2.5 ล้านรายทดลองใช้บริการ พร้อมจับมือ อบจ.เปิดให้บริการ Wi-Fi ในชุมชน ตั้งเป้ากวาดรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ต 8,400 ล้าน


นายนพณัฏ ฐ์ หุตะเจริญ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที เปิดเผยว่า เพื่อตอบรับกับนโยบาย บรอดแบนด์แห่งชาติของรัฐบาล ในการสร้างโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความ เร็วสูง ได้โดยสะดวกและในราคาประหยัด ทีโอทีได้เปิดตัวโครงการ "Thai Net" อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL) ความเร็ว 2 Mbps คิดค่าบริการ เดือนละ 199 บาท

โดยลูกค้าสามารถใช้บริการได้ 60 ชั่วโมงต่อเดือน ส่วนเกิน 60 ชั่วโมง คิดค่าบริการชั่วโมงละ 10 บาท เก็บค่าบริการสูงสุดต่อเดือนไม่เกิน 490 บาท แต่ต้องใช้งานร่วมกับการติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานเบอร์ของทีโอที โดยลูกค้าจะได้สิทธิ์ใช้บริการตามโปรโมชั่นนี้ 12 รอบบิล

สำหรับ ลูกค้าที่ขอติดตั้งใหม่จะได้รับสิทธิ์ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า 1,000 บาท และยกเว้นค่าติดตั้งโทรศัพท์ประจำที่/คู่สายโทรศัพท์ 3,350 บาท ส่วนลูกค้าปัจจุบันที่ไม่ติดสัญญาบริการเดิม สามารถเปลี่ยนมาใช้แพ็กเกจได้ทันที แต่ถ้ายังติดสัญญาเก่า จะต้อง เสียค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแพ็กเกจ 1,000 บาท โดยผู้ที่สมัครและใช้แพ็กเกจจะได้รับสิทธิ์เลือกซื้อโมเด็ม Dual Port ในราคา 500 บาท หรือ Wireless Modem ในราคา 1,250 บาท โดยผู้สนใจแจ้งขอให้บริการได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าทีโอทีทุกพื้นที่ทั่ว ประเทศ ภายใน 30 เม.ย.นี้ เบื้องต้นจำกัดโควตาไว้ 50,000 เลขหมาย แต่ถ้ามีผลตอบรับดีจะขยายเพิ่มขึ้นอีก

นายนพณัฏฐ์กล่าวว่า แพ็กเกจบริการนี้เจาะกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเริ่มใช้อินเทอร์เน็ต นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่มีเวลาใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านไม่มาก รวมถึงเป็นการดึงลูกค้าโทรศัพท์พื้นฐานของ ทีโอทีกว่า 2.5 ล้านเลขหมายที่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน ADSL หันมาใช้บริการมากขึ้น แพ็กเกจนี้ถือว่าเป็นการกระจายอินเทอร์เน็ตให้ทั่วถึงตามนโยบายรัฐบาล และสร้างมูลค่าเพิ่มจากบริการโทรศัพท์พื้นฐานที่มีรายได้จากค่าบริการาย เดือน 107 บาท ก็จะช่วยเพิ่มรายได้บวกเข้าไปอีก 199 บาท

"โครงการนี้ เป็นการขานรับนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติของรัฐบาล นอกเหนือจากโครงการถนนไร้สาย ที่เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ค่าบริการ 199 บาทต่อเดือน ในจังหวัดนำร่องอย่างตรัง นครศรีธรรมราช พิษณุโลก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา"

นายนพณัฏฐ์กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ทีโอทีมีรายได้จากบริการ ADSL ทั้งหมด 7,400 ล้านบาท คิดเป็น 26.69% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับบริการโทรศัพท์พื้นฐาน และน่าจะเข้ามาทดแทนรายได้ที่ลดลง และปีนี้ตั้งเป้าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 8,400 ล้านบาท และจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 240,000 ราย จะเป็นลูกค้าในส่วนภูมิภาคราว 150,000 ราย

โดยภายใน เม.ย.-พ.ค.นี้จะมีการติดตั้งโครงข่ายตามโครงการขยายบริการ 570,000 เลขหมายทั่วประเทศจะส่งมอบได้ทั้งหมด ซึ่งจะพร้อมให้บริการ ADSL ในความเร็ว 6-10 Mbps ก่อนที่โครงการอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTX) จะเริ่มทยอยเปิดได้ครบ

สำหรับกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้าที่กำลังไปได้ ดีในช่วงนี้ คือการจับมือร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อติดตั้งโครงข่าย Wi-Fi ให้ประชาชนในท้องที่ได้ใช้งาน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วที่ชลบุรี กาญจนบุรี เพชรบูรณ์ สุราษฎร์ธานี นครปฐม

"โครงการเหล่านี้จะใช้งบ ประมาณท้องถิ่นมาสนับสนุน ถือเป็นการนำภาษีท้องถิ่นคืนประโยชน์สู่ชุมชน ซึ่งหากลูกค้าใช้งานมากกว่าโควตาที่ได้ใช้ฟรี ก็สามารถซื้อชั่วโมงเน็ตเพิ่มจากทีโอทีได้อีก เรียกว่าวินวินทุกฝ่าย"
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #81 เมื่อ: วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2011, 12:21:51 »

กสทช.ออกคำสั่งเยียวยาลูกค้า3BBแล้ว


กสทช. มีคำสั่งเยียวยาผู้บริโภค 3BB แล้ว พร้อมกำชับผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องทุกรายห้ามระงับหรือยุติการให้บริการ หลังนายสุธรรม อยู่ในธรรม ปฏิบัติหน้าที่แทน กสทช. ส่งหนังสือเวียนด่วนขอมติเร่งช่วยผู้บริโภค 3BB ก่อนรายงานที่ประชุมใน 14 วัน…

จากกรณีที่สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค กรณีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัท ทริปเปิลที อินเทอร์เน็ต จำกัด หรือ 3BB ถูกตัดสัญญาณในกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบมีเลขหมายบนโครง ข่ายของบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) และพบว่าปัญหาอาจลุกลามกระทบผู้บริโภคที่ใช้บริการในลักษณะดังกล่าวซึ่งมี ไม่น้อยกว่า 12,000 ราย นั้น

ล่าสุด นายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้ส่งหนังสือเวียนเป็นการเร่งด่วน เพื่อขออนุมัติเป็นมติที่ประชุม กสทช. เร่งหาทางแก้ไขเนื่องจากส่งผลกระทบกับผู้บริโภคจำนวนมาก ซึ่ง กสทช. ได้เห็นชอบให้มีการดำเนินการเยียวยาแก้ไขให้กับผู้บริโภคแล้ว

นายประ วิทย์ ลี่สถาพรวงศา สบท. กล่าวว่า คณะกรรมการ กสทช. ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหากรณีบริษัท ทริปเปิลที อินเทอร์เน็ต จำกัด ถูกร้องเรียนว่าระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภค โดยมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการยุติการระงับบริการ ในกรณีที่ผู้บริโภคร้องขอ ตามมาตรา 45 วรรค สาม แห่งพ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 เพื่อเยียวยาความเสียหายเป็นการชั่วคราวให้แก่ผู้บริโภค และมีคำสั่งแจ้งผู้ประกอบการเป็นการทั่วไปให้ดำเนินการตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ประกาศ กทช. เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม และ ประกาศ กทช. ว่าด้วยการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมอย่างเคร่งครัด โดยห้ามมิให้ระงับบริการแก่ผู้บริโภคในกรณีดังกล่าว อีกทั้งได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาความเป็นไปได้ของบริการทดแทนในกรณีที่ยกเลิกสัญญาให้บริการวงจรเช่า รวมถึงความเป็นไปได้ในการพิจารณาอนุญาตบริการอินเทอร์เน็ตแบบที่หนึ่งให้กับ ทีทีแอนด์ที ซึ่งมีสิทธิในโครงข่ายที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ และรายงานต่อที่ประชุมภายใน 14 วัน
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #82 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011, 13:25:29 »

พนักงานข้องใจสัญญากสท-ทรู ร่อนหนังสือเปิดผนึกขอคำชี้แจง


พนักงาน กสท เพิ่งตื่น ข้องใจสัญญาที่ทำกับกลุ่มทรู ทั้งเรื่องจ้างที่ปรึกษาการเงิน ความชัดเจนเรื่องสิทธิ์การใช้คลื่นความถี่ และส่วนแบ่งโทรศัพท์ระหว่างประเทศ...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือชี้แจงให้พนักงาน กสท รับทราบถึงการลงนามในสัญญากับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ท้งนี้ พนักงาน กสท พบว่ามีประเด็นที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับการทำสัญญาดังกล่าว จึงทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานบอร์ด กสท นายจิรายุทธ ทั้งยังจะส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รมว.เทคนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ตามประเด็นดังนี้ การลงนามในสัญญาจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2554 แต่ได้ลงนามในวันที่ 27 ม.ค.2554 และได้มีการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินที่มีผลตอบแทนจากโครงการถึง 600% ระยะเวลาคืนทุน 2 ปีนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง

ทั้ง ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสิทธิ์ในการใช้คลื่นความถี่และเหตุใดจึงเลือกทำ สัญญากับกลุ่มทรู เพียงรายเดียว เพราะในหลักข้อเท็จจริง กสท ให้สิทธิ์ให้คลื่นความถี่ย่าน 800 เมกะเฮิตร์ซแก่กลุ่มทรู โดย กสท มีสิทธิ์ใช้งานเพียง 20% ซึ่งถือเป็นการเอาเปรียบ กสท ทั้งที่ กสท เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ เพราะหาก กสท นำคลื่นนั้นประมูลหรือเปิดกว้างให้คู่สัญญาสัมปทานรายอื่นร่วมแข่งขันด้วย จะทำให้ กสท มีโอกาสและรายได้เพิ่มขึ้นจากคลื่นความถี่ดังกล่าว นอกจากนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าทรูจะคืนคลื่นความถี่ที่ได้สิทธิ์นำไป ทดลองให้บริการ 3จี ก่อนหน้านี้จำนวน 5 MHzด้วย

นอกจากนี้ยังมี ประเด็นที่ทำให้ กสท เสียหาย อาทิ เรื่องส่วนแบ่งการใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศของลูกค้า กสท และกระทบต่อรายได้ของ กสท ซึ่งแม้จะไม่มากนักแต่ก็ทำให้ กสท เสียเปรียบ เช่น จากเดิมการโทรศัพท์ระหว่างประเทศผ่านโครงข่ายของฮัทช์ กสท จะจ่ายในสัดส่วน 10% ของรายได้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 20 % อีกทั้งในสัญญากับทรูครั้งนี้ก็ไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำ ทำให้ กสท สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้จากเดิม ที่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำกับฮัทช์ไว้ที่ 3,846 ล้านบาท.
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #83 เมื่อ: วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011, 19:50:24 »

สตง.จ่อร่อนหนังสือถึง กสท-ทรู ชี้แจง 14 ประเด็น

ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับ สบท. เปิดเวทีถก สตง.เดินหน้าฟัน โครงการใหญ่โทรคมนาคม สัญญา กสท-ทรู เตรียมทำหนังสือถามคำตอบจาก กสท - ทรู 14 ประเด็น หลังยังไร้สัญญาณตอบรับ ขณะที่ไร้เงาตัวแทนกสท-ทรู ร่วมวง...

วัน ที่ 20 ก.พ. ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับ สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. จัดเสวนาการเสวนา "กสท. จับมือทรู…  ใครได้ประโยชน์?  ผู้บริโภคได้อะไร?" โดยมีตัวแทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ และสถาบันผู้คุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. เข้าร่วม

นาย พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างเตรียมส่งหนังสือทวงถามไปยัง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ให้เร่งชี้แจง 14 ประเด็นข้อสงสัยในการเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจระหว่าง กสท และบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ สตง.ได้ส่งหนังสือไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยให้เวลาชี้แจงอีกภายใน 7 วัน หากยังไม่มีการตอบรับใดๆ จะส่งเรื่องไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปช. ต่อไป

"ถึง ตอนนี้ ผมก็ยังไม่เห็นคำชี้แจงของ กสท รวมทั้ง กระทรวงไอซีที ในเรื่อง 14 ข้อสงสัยของสัญญาฉบับนี้ ไม่วันนี้ ก็พรุ่งนี้ จะทำหนังสือส่งทั้ง กสท และไอซีทีให้ตอบมาใน 7 วัน ถ้าไปตอบคงต้องเป็นเรื่อง ปปช.ที่เขาจะเข้ามาตรวจสอบข้อสงสัยตรงนี้ ว่าทำไมถึงไม่ตอบ สตง.เองคงไม่มีบทลงโทษอะไร แต่ก็จะสะท้อนถึงข้อเท็จจริงบางอย่าง เพราะ 14 ประเด็นที่ถามไปก็ไม่ใช่คำถามที่ลึกซึ้งอะไร" รักษาการผู้ว่าการ สตง. กล่าว

นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า การตั้งข้อสังเกตของ สตง.ครั้งนี้ ถือเป็นการบรรเทาให้ฝ่ายรัฐสามารถที่จะตรวจสอบ และรักษาผลประโยชน์ให้ตกกับฝ่ายรัฐไว้ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะไม่มีอำนาจที่ทำให้การตกทำสัญญาครั้งนี้เป็นโมฆะ หรือล้มเลิกในทันที แต่ต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องแก้ไขในส่วนที่ไม่ถูกต้อง เพราะคาดการณ์ว่า สัญญาดังกล่าวจะผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ พ.ศ.2542 ขณะเดียวกัน ส่วนตัวความรู้สึกว่าสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง กสท และทรู แท้ที่จริงก็คือ สัญญาสัมปทาน แต่ประดิษฐ์คำพูดขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ดูว่าไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. กล่าวว่า ในมุมของผู้บริโภคนั้น หลังจากมีการเซ็นสัญญาให้บริการร่วมกันระหว่างกสท และกลุ่มทรูฯ ในเมื่อเรียลมูฟ ของกลุ่มทรูฯ จะมาเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรูปแบบการให้ขายส่งและขายต่อ บริการ หรือ โฮลลเซล-รีเทล นั้น เรียลมูฟก็จะต้องส่งสัญญาการให้บริการการขายแก่ผู้บริโภคมาให้ยังสบท. ซึ่งจำเป็นต้องรายงานอัตราการคิดค่าบริการใหม่หากเป็นระบบ 3จีว่าแตกต่างจากค่าบริการในระบบ 2จีเดิมเท่าไร และคุณภาพของความเร็วในการรับส่งข้อมูล

นอกจากนี้ ในมุมของผู้บริโภค ถ้ามีการยกเลิกระบบเดิมคือซีดีเอ็มเอ จากบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย หรือ ฮัทช์ ไปเป็นการให้บริการเอชเอสพีเอในส่วนของเครื่องลูกข่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ต้องมีการเปลี่ยนด้วย ซึ่งก็เท่ากับว่าผู้บริโภคจำเป็นต้องรับภาระเปลี่ยนโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่ ซึ่งก็ถือเป็นภาระต่อผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหาแนวทางรองรับเรื่องดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ ตาม มองว่า เรียลมูฟ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทบริการขายส่งบริการและ/หรือขาย ต่อบริการ ประเภทหนึ่ง สามารถให้บริการขายต่อบริการบนโครงข่ายเสมือน หรือ เอ็มวีเอ็นโอ อายุ 5 ปี โดยจะหมดในปี 2558 แต่สัญญาที่กสททำร่วมกับกลุ่มทรูฯ ที่จะเข้าไปทำตลาดขายส่งและขายต่อบริการมีอายุ 14 ปี จะหมดในปี 2568 ดังนั้น ในเมื่อเรียลมูฟได้ใบอนุญาตเพียง 5 ปี แต่อีก 10 ปีที่เหลือจะดำเนินการเช่นไร เรื่องดังกล่าว กสท จะต้องตอบคำถามให้ได้ ในเมื่อไม่มีใครรับประกันได้ว่า เรียลมูฟจะได้ต่ออายุใบอนุญาตหรือไม่

สบ ท. กล่าวต่อว่า เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดกับผู้บริโภคในระยะยาวเมื่ออายุสัญญาสัมปทานของผู้ ประกอบการบางรายจะหมดอายุลง สบท. อย่างให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายมีการหารือร่วมกันคือ กระทรวงไอซีที บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กสท และผู้ประกอบการเอกชน หารือร่วมกันเมื่อสัญญาสัมปทานหมด ไม่ใช่เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นที่มีผู้ประกอบการบางรายตัดช่องน้อยแต่พอตัว โดยการไปทำสัญญาใหม่อายุ 15 ปี ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับระบบสัญญาสัมปทาน

นาง สาวเดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารการจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย หรือ ทรีดี้ กล่าวว่า ประเด็น กสท และทรูนั้น กสท ควรต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า เหตุใด กสท ถึงเลือกทรู เพราะแม้จะออกมาบอกว่า เพราะได้ยื่นข้อเสนอให้ บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค แล้วแต่ไม่มีใครสนใจ ก็ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่

ขณะที่ แนวโน้มของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในประเทศไทย กำลังต้องการออกจากระบบสัมปทาน แต่สัญญาระหว่างทรู และกสทนั้น กลับมาใช้ระบบสัมปทานอีก แม้ว่าจะบอกว่าเป็นแค่สัญญา 15 ปี ไม่ใช่สัมปทาน หากแต่เมื่อแบ่งส่วนแบ่งรายได้ก็ถือว่าเป็นสัญญาสัมปทานแล้ว

"อยาก เห็นการตรงไปตรงมา ในเรื่องของการแข่งขันในอุตฯ โทรคมไทย ซึ่งทีผ่านมาการแข่งขันในตลาดดูเหมือนว่าจะแข่งกันที่สิทธิประโยชน์ที่เหนือ กว่าคนอื่นมากกว่าจะแข่งขันกันที่ความสามารถ ขณะที่ รัฐเองก็ต้องส่งเสริมให้ระบบสัมปทานมันหมดไป และการที่เป็นคนคุมทั้ง กสท และทีโอที ก็ต้องบอกให้เลิกได้ เช่นเดียวกับ การเปิดให้มีการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างโอปอเรเตอร์ หากมีรายใหม่เข้ามาในตลาด ซึ่งที่ ฮัทช์ไม่สามารถอยู่ในตลาดได้ เพราะติดปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อโครงข่าย" ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารการจัดการระบบเศรษฐกิจ ทรีดี้ กล่าว

นาง สาวเดือนเด่น กล่าวต่อว่า การที่ กสท เลือกทรู เซ็นสัญญาให้บริการ 3จี เอชเอสพีเอ จะทำให้เกิดการผูกขาดระบบ 3จี ในอนาคต เพราะที่ผ่านมา ในตลาดโทรคมไทยมีหลายคนต้องการให้มีการแข่งขันที่เสรี แต่ก็มีผู้ให้บริการที่ให้บริการได้แค่ไม่กี่รายที่เห็น

"ถ้าบอกว่า มุ่งให้เกิดการแข่งขัน แล้วทำไมไม่ให้คนอื่นที่นอกจากทรู เข้ามามีสิทธิด้วย แบบนี้ ถือว่าเป็นการตัดโอกาสของรายอื่นที่เหลือ ทั้งยังทำให้มีการผูกขาด 3จี ในอนาคตมากขึ้น ขณะที่ก็ต้องพิจารณาว่า การเอาความถี่ไปขายให้ทรูมันเสียหายหรือไม่ และก่อนหน้านี้ ที่ทรูไปให้บริการเอชเอสพีเอนอกเหนือที่ตกลงกับ กสท ก็เป็นความผิด แต่ก็ยังไม่เห็น กสท มีบทลงโทษอะไร ถ้าบอกว่าทุกอย่างทำอย่างถูกกฎหมาย แต่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ประเทศไทย ก็ไม่มีประโยชน์" ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารการจัดการระบบเศรษฐกิจ ทรีดี้ กล่าว

นาง เดือนเด่น กล่าวอีกว่า หากตรวจสอบอย่างละเอียด และมีหลักฐานพิสูจน์แล้วว่า สัญญาระหว่างกสท และทรู ไม่ถูกต้องแม้จะเซ็นสัญญาไปแล้ว ก็ให้สัญญาเป็นโมฆะได้ ซึ่งเมื่อเปลี่ยนถ่ายเจ้าของฮัทช์คลื่นที่ฮัทช์ให้บริการทำตลาดอยู่ นั้น ก็ควรตกเป็นของคณะกรรมการกิจการโทรทัศน์ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. แล้วจึงนำมาเปิดประมูล ไม่ใช่ กสท นำคลื่นดังกล่าวไปให้ทรูซึ่งเป็นเจ้าของฮัทช์โดยพละการ

เมื่อผู้สื่อ ข่าวถามถึงประเด็นที่ กสท และ ทรูมูฟ ไม่ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมในการเสวนาครั้งนี้นั้น น.พ.ประวิทย์ กล่าวว่า ตามกำหนดการได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วม กรณีที่บางหน่วยงานไม่มานั้น ส่วนตัวมองว่าอาจติดภารกิจ หรืออาจจะให้ความสำคัญกับภารกิจอื่น ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่คิดว่าการไม่มาร่วมงานจะมีปัญหา เพราะแต่ละฝ่ายต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากบางบริษัทไม่ส่งตัวแทนมาแต่มีผู้มาเก็บข้อมูลก็ยินดี.
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #84 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2011, 01:03:14 »

เปิดบริการแล้ว ทีโอที ไว-ไฟ ต.ต้นธง จ.ลำพูน ใช้ฟรี1 ปี



ทีโอที จับมือ เทศบาลต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน นำร่องเปิดให้บริการ อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็ว 2 เมกะบิตฟรี นาน 1 ปี เพื่อประโยชน์การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชน สนใจขอรหัสได้ที่เทศบาล 1 ยูสเซอร์ใช้ได้ 2 ชม./เดือน…

รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ เทศบาลตำบลต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เปิดโครงการ อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี หรือ ทีโอที ไว-ไฟ ณ ลานเอนกประสงค์หน้าวัดกู่ระมัก ตำบลต้นธง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน อย่างเป็นทางการ โดยมีนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธาน นายสันติ กิตติวรรณ นายกเทศบาลตำบลต้นธง และ นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ภาคขายและบริการภูมิภาคที่ 3 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธี ท่ามกลางผู้บริหารจากภาครัฐและเอกชน ในจังหวัดลำพูนเข้าร่วมงาน

นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ภาคขายและบริการภูมิภาคที่ 3 ทีโอที กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเทศบาลตำบลต้นธง ร่วมกับ ทีโอที นำมาให้บริการเพื่อประชาชนตำบลต้นธงเป็นแห่งแรกของจังหวัดลำพูน และเป็นที่แรกของภาคเหนือที่เป็นแบบเหมาจ่ายรายเดือน โดยเปิดให้บริการในระยะเริ่มแรก จำนวน 3 จุด คือ หมู่ที่ 4 ศาลา SML (หน้าวัดกู่ระมัก) หมู่ที่ 6 ศาลา SML (วัดหริการาม) หมู่ที่ 7 ศาลา SML (วัดจักรคำภิมุข) ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา เช่น พีวี โน้ตบุ๊ค หรือ พีดีเอ โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าอินเทอร์เน็ตได้สะดวกรวดเร็ว และก่อประโยชน์มากมายในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารบนโลกอินเทอร์เน็ต

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว จะพัฒนาศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ อันเป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร และเป็นส่วนสำคัญที่เสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ อันส่งผลต่อเศรษฐกิจที่ดีให้กับจังหวัดลำพูน และประเทศชาติในอนาคต ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับรหัสการใช้งานได้ฟรีที่เทศบาลตำบลต้นธง ระยะเวลานาน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2554 โดย 1 ราย จะได้ 1 ยูสเซอร์ สามารถใช้งานได้ 2 ชั่วโมงภายใน 1 เดือน ความเร็ว 2 เมกะบิต หลังจากนั้นจะประเมินผลตอบรับจากประชาชนเป็นระยะ หากมีความต้องการใช้งานมากจะขยายไปยังตำบลอื่นต่อไป
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #85 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011, 10:34:43 »

สหภาพฯ ทีโอที ประณาม 5 บอร์ดลาออก


สหภาพฯ ทีโอที ออกแถลงการณ์ประณาม 5 บอร์ดทีโอที ลาออก ระบุใช้ดุลพินิจที่ไม่สมควร ไม่คุ้มกับความรู้ความสามารถที่ทำงาน...

วัน ที่ 25 ก.พ. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ เรื่อง การลาออกของคณะกรรมการ หรือ บอร์ด ทีโอที จำนวน 5 ราย ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา และทราบอีกว่า อาจจะมีบอร์ดลาออกเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 3 ราย ทั้งนี้ การลาออกครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการกำกับดูแลงานของทีโอทีของบอร์ด

ทั้ง นี้ สหภาพฯ เข้าใจว่า บุคคลที่รัฐคัดสรรให้มาทำหน้าที่บอร์ดเป็นผู้ที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถ และต้องเป็นผู้ที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจคือ ทรัพย์สมบัติของประเทศ ที่รัฐเป็นผู้ลงทุน เพื่อสร้างบริการและสวัสดิการต่างๆ ให้กับประชาชนใช้บริการ

ดังนั้น การที่บอร์ดลาออกเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบการพิจารณาและลงมติเรื่องที่สำคัญของทีโอทีแน่นอน อาทิ การอนุมัติการลงทุนสร้างโครงข่ายมือถือ 3จี การดำเนินการทางกฎหมายในในเรื่องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาแล้วเมือเดือน ก.พ.2553 ที่ผ่านมา  ดำเนินการทางกฎหมายในข้อพิพาทเรื่องแอ็กเซสชาร์จ (เอซี) และอินเตอร์คอนเนกชันชาร์จ (ไอซี) ที่บริษัทเอกชนภายใต้สัญญาสัมปทานของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CATไม่จ่ายเงินค่าเอซี ให้กับ ทีโอที ตามสัญญา เป็นต้น เหมือนหนึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวถูกดึงให้เลื่อนพิจารณาออกไป ที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อการประกอบกิจการของบริษัท

อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ ทีโอที ขอประณามการกระทำดังกล่าว ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่สมควร บอร์ดที่ลาออกเหล่านั้น ควรใช้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากรัฐอย่างเต็มที่และเต็มกำลังความ สามารถ หากจะเห็นชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ก็สามารถอภิปรายในที่ประชุมของบอร์ดได้ ซึ่งเป็นวิถีทางที่บอร์ด จะทำหน้าที่ปกป้องทรัพย์สมบัติของประเทศตามเจตนารมณ์ที่ได้รับแต่งตั้งให้มา ทำหน้าที่ ไม่ใช่ขอลาออก ซึ่งอาจจะด้วยสาเหตุที่ไม่แน่ชัดว่าอาจจะหลีกเลี่ยงการลงมติที่จะมีผลผูกมัด ตัวเอง หรือกระทำการที่ส่อเจตนาว่าอาจมีการสั่งการ หรือแทรกแซงจากอำนาจทางการเมืองหรือบริษัทเอกชน       

สำหรับราย ชื่อบอร์ดที่ลาออก 5 ราย ได้แก่ นางวณี ทัศนมณเฑียร นายชิต เหล่าวัฒนา นายวิรไท สันติประภพ นางนุชนารถ ปัณฑวังกูร และนายวันชาติ สันติกุญชร.
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #86 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011, 10:40:15 »

"กสท" ยืมมือคลัง ฟ้อง "ครม.ทักษิณ" เรียกค่าเสียหาย 40,000 ล้านบาท ด้านทีโอที  



"กสท" ยืมมือคลัง ฟ้อง "ครม.ทักษิณ" เรียกค่าเสียหาย 40,000 ล้านบาท ด้านทีโอที ยังลังเลฟ้องเอไอเอส รอชี้ขาด 28 ก.พ.นี้ ด้าน "อารีพงษ์" ยันเป็นเรื่องสำคัญ ต้องละเอียดและรอบคอบ...

วันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทน บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2546 เป็นคดีดำที่ 506/ 2554 สืบเนื่องจากคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนกรณีการแปลงส่วนแบ่งรายได้จากสัมปทานเป็นภาษีสรรพ สามิต จนทำให้ กสท เสียหายมูลค่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งการฟ้องดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ พ.ศ.2539

ทั้งนี้เป็น การฟ้อง กระทรวงการคลัง คำขอของผู้ฟ้องคดี คือ 1.มีวัตถุประสงค์หรือความการ ขอให้ศาลพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคีดชำระเงิน จำนวน 41,169,400,610.27 ให้กับ กสท 2.ขอให้ศาลพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยะ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 30,200,309,822.08 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระ 3.ขอให้ศาลพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชำระค่าเสียหายที่เป็นค่าธรรมเนียม หนังสือ ค้ำประกันของธนาคารในอัตราปีละ 2,741,854.66 บาท

ทั้งนี้ การยื่นฟ้อง ครม. ชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ไม่สามารถฟ้อง ครม. ได้ เนื่องจาก ครม. ไม่ได้เป็นนิติบุคคล และเป็นหน่วยงานที่ไม่มีตัวตน ซึ่งในวรรค 2 กรณีฟ้องหน่วยงานที่ไม่มีตัวตน จะต้องยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง โดย รมว.ไอซีที ต้องการให้ กสท และ ทีโอที ดำเนินการฟ้องภาคเอกชนด้วย ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอผลสรุปจากสำนักงานอัยการสูงสุด และคาดว่าในวันที่ 28 ก.พ.นี้ บอร์ดทีโอที จะดำเนินการฟ้องบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

นายสถาพร เอียดใหญ่ ผู้จัดการฝ่ายคดี กสท กล่าวว่า จากนี้ศาลจะตรวจสำเนาคำฟ้อง จึงจะพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่ แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาล โดยการยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการไอซีที

นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานประธานกรรมการบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดวันนี้ (25 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมบอร์ดได้หารือถึงการลาออกของกรรมการ 5 คน โดยมอบหมายให้ฝ่ายบริหารดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อสรรหากรรมการคนใหม่แทนคน เก่าที่ลาออก นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างทีโอที กับ เอไอเอส เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ทำให้ต้องหารือกันว่าจะเดินหน้าอย่างไร คาดว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนในสัปดาห์หน้า ส่วนรายละเอียดว่าจะฟ้องร้องหรือไม่นั้น ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นกลยุทธ์และคดีความ

"บอร์ดทีโอทีใช้เวลาประชุมไม่ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งเน้นเรื่องคดีความกับเอไอเอสเป็นหลัก เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ" นายอารีพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การพิจารณาของบอร์ดทีโอที เพื่อยื่นฟ้องร้องเอไอเอสนั้น จะเป็นกรณีที่มติครม.เมื่อปี 2546 ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีมติให้หักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้สัมปทานมือถือ ทำให้ทีโอทีสูญเสียรายได้จากค่าสัมปทานคิดเป็นมูลค่า 36,816.94 ล้านบาท ในเบื้องต้นทีโอทีได้ทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังรับทราบแล้วว่าจะยื่น ฟ้องเพื่อเรียกค่า เสียหายดังกล่าว แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะยื่นฟ้องครม. พ.ต.ท.ทักษิณ หรือว่ากระทรวงการคลัง หรือฟ้องศาลแพง เนื่องจากรอคำแนะนำจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน

ขณะที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ไอซีทีมีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดทั้งทีโอที และ กสท ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งให้ทั้งสองหน่วยงานดำเนินการแล้ว ซึ่งเป็นการทำตามหน้าที่ เพราะไม่ต้องการถูกฟ้องร้องว่าละเว้นการปปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กร ส่วนแนวทางการดำเนินการขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กรจะต้องไปดำเนินการกันเอง.
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #87 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2011, 11:57:11 »

ไอซีทีเดินหน้าขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพื้นที่ห่างไกล


กระทรวงไอซีที เดินหน้าศึกษาแนวทางขยายระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ...     

นาย ธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า กระทรวงไอซีที ร่วมมือกับธนาคารโลก ดำเนินโครงการศึกษาแนวทางในการขยายระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม พื้นที่ห่างไกลของประเทศไทย (Thailand : Rural Broadband Infrastructure Development) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากธนาคารโลกเป็นจำนวน 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ และกระทรวงฯ สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการศึกษาตัวอย่างการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในเขตชนบทของ ประเทศไทย ตลอดจนความเกี่ยวข้องทางด้านนโยบายและปัจจัยสำคัญอื่นๆ รวมทั้งศึกษาตัวอย่างจากกรณีศึกษาผลงานวิจัยของต่างประเทศด้านการพัฒนาอิน เทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ได้ผลในเขตพื้นที่ห่างไกล และนำผลที่ได้มาจัดทำแนวทางในการดำเนินงานพัฒนาอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใน เขตพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทย

ทั้งนี้ การดำเนินโครงการฯ นี้ กระทรวงฯ ว่าจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศ คือ Mr. David N. Townsend และที่ปรึกษาของประเทศไทย คือ นายศุภฤกษ์ สุขสมาน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อศึกษาด้านการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในเขตพื้นที่ห่าง ไกลของประเทศไทยในปัจจุบัน รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับสถาบัน หรือองค์กรต่างๆ และปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องในด้านการตลาด ตลอดจนปัจจัยพัฒนาท้องถิ่น และโอกาส โดยได้สัมภาษณ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจัดกลุ่มของตัวอย่างวิธีการต่างๆ ที่ใช้ในต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใน พื้นที่ห่างไกลอีกด้วย

หลังจากนั้นจะนำรายงานผลการศึกษาในเบื้องต้น มานำเสนอในการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มี.ค. 2554 เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจัดเป็นทำรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อให้กระทรวงฯ นำมาใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนการดำเนินงานตามนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติต่อ ไป.
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #88 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2011, 09:11:06 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ;Dได้ความรู้เยอะเลยครับ.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #89 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2011, 12:47:23 »

ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ;Dได้ความรู้เยอะเลยครับ.
ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #90 เมื่อ: วันที่ 04 มีนาคม 2011, 00:48:34 »

บอร์ด'ทีโอที'ไขก๊อกรายวัน จ่อลาออกเพิ่มอีก



"สายัณห์ สตางค์มงคล" บอร์ดทีโอที ไขก๊อกลาออก ถือเป็นการลาออกคนที่ 6 และมีการคาดการณ์ว่าจะมีกรรมการลาออกเพิ่มอีกเร็วๆนี้ อ้างปัญหารุม ...

วัน ที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ว่า ขณะนี้นายสายัณห์ สตางค์มงคล กรรมการทีโอที ได้ลาออกจากเป็นกรรมการทีโอทีแล้ว ถือเป็นการลาออกคนที่ 6 จากก่อนหน้าที่ได้ลาออกไปแล้ว 5 คน ทำให้บอร์ดทีโอที เหลือเพียง 6 คน จาก 12 คน และมีการคาดการณ์ว่าในเร็วๆ นี้ คงจะมีกรรมการลาออกเพิ่มอีก 1 คo เพราะเคยปรารภกับคนใกล้ชิดว่าอาจลาออก เนื่องจากทีโอทีมีแต่เรื่องวุ่นๆ ทั้งการพิจารณากรณีข้อพิพาทระหว่างทีโอทีกับเอไอเอส การอนุมัติลงนามในสัญญาจ้างกลุ่มเอสแอล คอนซอร์เตียม ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โนเกีย-ซีเมนส์ จำกัด บริษัท หัวเว่ย จำกัด ผู้ชนะประมูลสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3 จี มูลค่า 16,290 ล้านบาท ซึ่งการลาออกของนายสายัณห์ ทำให้บอร์ดทีโอทีไม่สามารถนัดประชุมได้ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการคนใหม่

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการคนใหม่ ที่มีกรรมการประกอบด้วยนายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ นายกุลิศ สมบัติศิริ นายเอกสิทธิ์ วันสม โดยจะเป็นการสรรหาผู้ที่จะมาเป็นกรรมการทีโอที และจะเสนอรายชื่อในเร็วๆ นี้ หลังจากการเสนอชื่อเสร็จสิ้น อาจต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อเสนอชื่อกรรมการคนใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์

ทั้งนี้ ก่อนที่นายสายัณห์ได้แจ้งว่าจะลาออกจากการเป็นกรรมการทีโอที ได้มีฝ่ายการเมืองโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายสายัณห์ เพื่อมิให้ลาออก เพราะจะได้ประชุมบอร์ดทีโอทีในครั้งต่อไป จากเดิมมีกำหนดการจะประชุมในวันที่ 4 มี.ค.นี้ อีกทั้งเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังมีข่าวลือว่านายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง จะมาเป็นประธานบอร์ดทีโอที สลับตำแหน่งกับนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ที่จะถูกโยกไปเป็นประธานบอร์ดธนาคารกรุงไทย สำหรับวาระการประชุมบอร์ดทีโอทีในครั้งหน้า เป็นวาระที่คั่งค้างมาจากการประชุมครั้งก่อน ได้แก่ การอนุมัติลงนามในสัญญาจ้างเอสแอล คอน์ซอร์เตียม การแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอทีคนใหม่ ที่คณะกรรมการสรรหาได้เสนอชื่อนายอานนท์ ทับเที่ยง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอที ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอทีคนต่อไป.
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #91 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2011, 16:04:52 »

3G แจ้งเกิดปลายปี รอ กสทช.ตัวจริงเห็นชอบ


ปฏิบัติหน้าที่แทน กสทช. ยกร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติรอคณะกรรมการ กสทช. ตัวจริง หวังคลอด 3G บนความความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ได้ทันปลายปี 54 ขณะที่ MVNO ถ้าทำแค่รับซิมการ์ดมาขายแทนเจ้าของไลเซนส์ทำได้ทันที ส่วนกรณีสัญญาระหว่าง กสท กับกลุ่มทรูยันไม่ได้เกียร์ว่าง อ้างรายละเอียดกฎหมายมีมาก
      
       พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ปฎิบัติหน้าที่แทนกรรมการกิจการโทรทัศน์ กิจการวิทยุกระจายเสียง และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การยกร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ มีจุดประสงค์เพื่อให้แนวทางการพัฒนาโทรคมนาคมไทยเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อให้การจัดสรรการใช้งานคลื่นความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรสาธารณะเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ และโปร่งใสเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
      
       ร่างฯ แผนแม่บททั้ง 2 ฉบับ จะต้องดำเนินการสอดคล้องกับพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการ ประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งการจัดทำแผนแม่บทดังกล่าว จะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกับแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ คาดว่า คณะอนุกรรมการ กทช. จะจัดทำร่างแผนแม่บททั้ง 2 ฉบับ น่าจะแล้วเสร็จในช่วงเวลาเดียวกับที่การสรรหาคณะกรรมการ กสทช. ประมาณเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
      
       พ.อ.นทีกล่าวว่า หากมีการจัดทำร่างฯ แผนแม่บทเสร็จแล้ว จะนำส่งให้กับคณะกรรมการกสทช.ชุดใหม่ทันที หากรับตามแผนนี้ทั้งหมดก็จะมีการจัดรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) จากประชาชน บุคคลภายนอก และนักวิชาการ จะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน จากนั้นอาจจะมีการแก้ไขรายละเอียด ซึ่งน่าจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 เดือน จึงจะสามารถนำไปประกาศลงในราชกิจจานุเษกษาได้
      
       เมื่อร่างแผนแม่บทแห่งชาติลงประกาศในราชกิจจานุเษกษา เชื่อว่าจะมีการจัดประมูลใบอนุญาต (ไลเซนส์) 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ได้ปลายปี 2554 ซึ่งจะถือเป็นการสร้างการแข่งขันที่เสรีกับผู้ประกอบการทุกราย และยกระดับการให้บริการด้านโทรคมนาคม เพิ่มขีดความสามาารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นได้มากขึ้น
      
       “จุดประสงค์ของการออกใบอนุญาต 3G ไม่ใช่เพียงแค่จำกัดอยู่ในการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น แต้ยังเพิ่มสัดส่วนและปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ มากขึ้นด้วย"
      
       ทั้งนี้ ร่างกรอบแนวทางของแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมฉบับนี้ ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนากิจการโทรคมนาคมในระยะ 5 ปีเอาไว้ด้วย คือ กระจายบริการบรอดแบนด์ด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 เมกะบิตต่อวินาที ครอบคลุมประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของ ภูมิภาคไม่ต่ำกว่า 15% ของจำนวนประชากร การให้บริการบรอดแบนด็์ระดับความเร็ว 10 เมกะบิตต่อวินาที ครอบคลุมประชากรที่อาศัยในเขตเมืองและชานเมืองมากกว่า 50% ของประชากรในประเทศ และในระดับความเร็ว 2 เมกะบิตต่อวินาที ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไม่น้อยกว่า 90% ของประชากรทั้งหมด
      
       นอกจากนี้ ยังมีแผนที่กำหนดอัตราค่าบริการโทรคมนาคมเฉลี่ยในตลาดขายส่งและขายปลีกต่อ บริการ (โฮลเซลล์-รีเทล) ทุกตลาด จะต้องลดลงไม่น้อยกว่า 28% และปัญหาข้อร้องเรียนในเรื่องคุณภาพของบริการ และการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ต้องได้รับการแก้ไขให้แล้วเสร็จเกินกว่า 85% และได้กำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนากิจการโทรคมนาคมใน 4 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์กระจายบริการบรอดแบนด์ ยุทธศาสตร์บริการโทรคมคมนาคมอย่างทั่วถึง ยุทธศาสตร์อัตราค่าบริการโทรคมนาคมลดลง และยุทธศาสตร์คุณภาพการให้บริการและคุ้มครองผู้บริโภค
      
       พ.อ.นทีกล่าวถึงกรณีสัญญาระหว่าง กสท โทรคมนาคมกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า คณะกรรมการ กทช. ทุกคนไม่ได้เกียร์ว่างเกี่ยวกับการสอบสัญญาการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ในรูปแบบการอัปเกรดมือถือบนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์เดิมด้วยเทคโนโลยี HSPA ระหว่าง กสท และทรู แต่ประการใดเพียงแต่ข้อมูลและรายละเอียดด้านกฎหมายมีมาก และทางสำนักงาน กทช. ยังไม่สรุปเรื่องดังกล่าวเข้ามายังที่ประชุม จึงไม่สามารถสรุปอะไรที่เป็นทางการออกมาได้
      
       “ความเห็นส่วนตัวผมการทำสัญญาร่วมกันระหว่าง กสท กับกลุ่มทรู ที่เป็นการให้บริการขายส่งและขายต่อบริการนั้น ต้องพิจารณาในประเด็นการเป็นผู้ให้บริการขายส่งบริการ หรือ MVNO ซึ่งจะต้องคำนึงถึงมาตรา 46 ตาม พ.ร.บ.กสทช.ด้วย ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หากเป็นในลักษณะ Thin MVNO คือแค่รับซิมการ์ดมาจำหน่ายแทนก็สามารถดำเนินได้ทันที แต่หากเป็นในลักษณะอื่นอาจจะต้องมีการตีความอีกครั้ง”
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #92 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2011, 16:06:02 »

คาดได้กสทช.11คนพ.ค.นี้


คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จัดงานสัมมนา เรื่อง “กสทช.ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร” คาดได้ครบ 11 คน พ.ค. นี้ ขณะที่ กระบวนการสรรหาอยู่ใน 2 ช่องทาง คือ สรรหาและคัดเลือก...

นาง นรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า ประมาณเดือน พ.ค.นี้ น่าจะได้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ทั้ง 11 คน ขณะที่อยู่ในกระบวนการสรรหาใน 2 ช่องทาง คือ วิธีการคัดเลือกกันเอง ซึ่งขณะนี้ได้มีสมาคมที่เกี่ยวข้อง สถาบัน หรือองค์กร ขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานเลขาวุฒิสภา เพื่อเสนอรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือก เป็นกรรมการประมาณ 140 องค์กร ซึ่งขั้นตอนต่อไปเลขาธิการวุฒิสภาจะตรวจคุณสมบัติก่อนประกาศให้ทราบ ส่วนอีกวิธี คือ การสรรหา นั้นได้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. -8 มี.ค.2554 ซึ่งกระบวนการทุกอย่างสำนักงานเลขาวุฒิสภาจะพยายามเร่งดำเนินการให้ แล้วเสร็จก่อนเดือน เม.ย.54 เพื่อให้ทันปิดสมัยประชุมสภานี้

นายดิส ทัต โหตระกิตย์ กรรมการร่างกฎหมายประจำ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า การเพิ่มมาตรการคัดเลือก คณะกรรมการ กสทช. 2 แนวทาง โดยวิธีการคัดเลือกและวิธีการสรรหาจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการฟ้องร้องเหมือน ที่เคยเกิดขึ้นกับการการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์แห่งชาติ หรือ กสช. จนไม่สามารถจัดตั้งได้ และเพื่อเป็นการทานอำนาจกฎหมายฉบับนี้จึงได้จัดให้มีการถ่วงดุลโดยการตั้ง คณะกรรมการติดตาม และประเมินขึ้นมาตรวจสอบการทำงาน ของ กสทช.

ด้าน นางผุสดี ตามไท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ อดีตกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และ กำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ กล่าวว่า หากพบว่าการทำงานของคณะกรรมการ กสทช. ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็สามารถถอดถอนได้ทั้งรายบุคคลและคณะ โดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ สมาชิกวุฒิสภา ประชาชน สามารถร่วมลงรายชื่อเพื่อถอดถอนได้

ขณะที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสรรหาคณะกรรมการ กสทช. 11 คน ซึ่งหวังว่ากรรมการชุดนี้จะเข้ามาดูแลอย่างเข้มงวดในกิจการกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม ที่มีปัญหามาตลอด
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #93 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2011, 16:06:50 »

สบท.ชี้กม.โทรคมถูกละเมิดเพียบ

สบท.เผยกฎหมายโทรคมนาคมยังถูกละเมิดอีกเพียบ ล่าสุดพบสิทธิการระงับบริการชั่วคราวก็ไม่เป็นจริง ชี้ทางออกต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีตรวจสอบคุณภาพบริการ และสร้างช่องทางให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม
       
       นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า ตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) เรื่องมาตรฐานสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 25 ให้ ความคุ้มครองผู้บริโภคในการระงับใช้บริการชั่วคราวได้ โดยแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า 3 วัน โดยบริษัทจะกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำสุดหรือสูงสุดที่ยินยอมให้ระงับการใช้ บริการชั่วคราว ที่สำคัญคือบริษัทไม่มีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ในกรณีที่ผู้บริโภคขอระงับบริการชั่วคราว เมื่อครบกำหนดการขอระงับใช้บริการ บริษัทต้องเปิดบริการให้ผู้บริโภคทันทีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
       
       สิทธิในการระงับบริการชั่วคราวจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคในกรณี ที่มีความจำเป็นต้องระงับบริการชั่วคราว เช่น เดินทางไปต่างประเทศ หรือมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถใช้บริการได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้สามารถเก็บเลขหมายของตนเองไว้ได้โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกบริการ
       
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของ สบท. พบว่า ใน ทางปฏิบัติ มีเพียงผู้ให้บริการรายเดียวที่เปิดให้ผู้บริโภคสามารถระงับบริการชั่วคราว ได้ 2 ปี โดยไม่คิดค่าบริการ 30 วันแรก หลังจากนั้นคิดค่ารักษาเลขหมายเดือนละ 60 บาท ขณะที่ผู้ให้บริการที่เหลือไม่ให้สิทธิผู้บริโภคในการระงับบริการชั่วคราว ตามกฎหมาย หากมีการระงับบริการชั่วคราวต้องจ่ายค่าบริการตามปกติ หรือ สมัครใช้โปรโมชันที่ราคาต่ำสุด หรือบางรายที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์บ้านและมีบริการเชื่อมต่ออิน เทอร์เน็ตด้วย ให้สิทธิในการระงับบริการชั่วคราวโทรศัพท์บ้านได้ แต่ต้องจ่ายค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ และกรณีสมัครใช้บริการอินเทอร์เน็ตไว้ด้วย ไม่สามารถระงับการใช้บริการชั่วคราวได้ ต้องยกเลิกบริการเท่านั้น
       
       อีกทั้งหากระงับบริการชั่วคราวโทรศัพท์บ้านจะไม่สามารถโทร.ออกหรือ รับสายได้ ทำให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกตัดไปโดยอัตโนมัติ หากไม่ยกเลิกบริการ ก็จะต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนให้กับการใช้บริการอินเทอร์เน็ตต่อไป
       
       'ข้อเท็จจริงผู้ให้บริการจะยึดผลกำไรเป็นหลักไม่ใช่กฎหมายเป็นหลัก ดังนั้นในแง่ของการปฏิบัติตามกฎหมายโทรคมนาคมจึงพบว่า มีหลายประเด็นที่ผู้ให้บริการไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ที่ชัดเจนก็คือ ระบบเติมเงินต้องไม่มีการกำหนดวันหมดอายุ หรือการต้องส่งอัตราค่าบริการให้ กทช. ดูก่อน 30 วัน แต่ส่วนใหญ่ก็ออกโฆษณาไปก่อนจึงส่งมาให้ตรวจสอบ หากฝ่ายกำกับดูแลไม่มีศักยภาพในการติดตาม ก็จะเป็นเหมือนเขียนกฎหมายให้เป็นกระดาษ ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาระบบติดตามตรวจสอบว่าผู้ให้บริการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือไม่'
       
       ทั้ง นี้ ตามกฎหมายผู้ให้บริการจะต้องรายงานเรื่องร้องเรียนทุก 6 เดือน ซึ่งผลจากการรายงานพบว่า เรื่องร้องเรียนทั้งปีจากลูกค้า 10 กว่าล้านราย มีผู้ร้องเรียนแค่ 100 กว่าราย ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาระบบตรวจสอบการรายงานด้วย ตัวช่วยที่จะทำให้กฎหมายเป็นจริงมากขึ้นคือ 1.การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อติดตามคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบการ เช่น มีการบล็อกหรือปิดกั้นสัญญาณหรือไม่ โทร.เข้าโทร.ออกสำเร็จหรือไม่ 2.ต้องให้ผู้ใช้บริการมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบ โดยเปิดช่องทางให้แจ้งเหตุว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อให้ฝ่ายที่ถือกฎหมายดำเนินการต่อไป
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #94 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 19:39:44 »

"True Move H" จุดพลุเดือนนี้ ลูกค้าฮัทช์ใช้เบอร์เดิมได้แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่


 นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าในเดือนมี.ค.นี้ บริษัทจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ชื่อ True Move H และมีตัวอักษรย่อยด้านล่างว่า CAT’s retailer เพื่อต่อยอดในการให้บริการ 3G HSPA เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก โดยบริการนี้จะอยู่ภายใต้บริษัท เรียลมูฟ ที่เป็นบริษัทย่อยของกลุ่มทรู แต่เป็นคนละส่วนกับบริการของทรูมูฟที่ดำเนินการอยู่ เนื่องจากทรูมูฟจะเน้นบริการ 2G เป็นหลัก
       
       ทั้งนี้การเปิดบริการ True Move H ในความถี่ 850 MHz จะเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเดิม ในระบบ CDMA สามารถเลือกที่จะใช้บริการใหม่นี้ได้ โดยมีบริการทั้งด้านเสียงและข้อมูล ซึ่งลูกค้าสามารถใช้สิทธิในการย้ายบริการได้ภายใน 2 ปี ตามเงื่อนไขการซื้อกิจการที่กลุ่มทรู ต้องดูแลลูกค้า CDMA ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอีก 2 ปีก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นบริการใหม่ 3G HSPA ทั้งหมด
       
       'ลูกค้า CDMA ที่สนใจจะเปลี่ยนบริการมาอยู่กับ True Move H นั้น สามารถใช้เบอร์เดิม แต่ต้องเปลี่ยนตัวเครื่องโทรศัพท์ใหม่ ซึ่งบริษัทจะจัดหาเครื่องราคาถูกให้เลือกซื้อ'
       
       สำหรับในส่วนของโปรโมชันและแพคเกจของ True Move H นั้นกำลังจะสรุปรายละเอียดทั้งหมด โดยหลักสำคัญคือโครงสร้างด้านราคาจะต้องไม่กระทบกับการใช้งานเดิมของลูกค้า CDMA หรือกระทบให้น้อยที่สุด เพราะการให้บริการด้านเสียงมีต้นทุนในเรื่องค่าเชื่อมโครงข่าย (interconnection charge) ซึ่งอาจทำให้ค่าบริการด้านเสียงไม่สามารถทำให้ถูกเท่า CDMA ในปัจจุบัน
       
       ทั้งนี้คาดว่า 3G HSPA ในปีแรกน่าจะสามารถรองรับลูกค้าได้กว่า 1 ล้านคน แต่ระยะแรกจะเป็นลักษณะการพึ่งพาการเชื่อมโครงข่ายทรูมูฟไปก่อนประมาณ 1 แสนเลขหมาย และใน 3 ปี ตามเงื่อนไขสัญญากับกสท กลุ่มทรูต้องลงทุนอุปกรณ์ 3G HSPA จำนวน 4,500 ไซต์ ซึ่งจะสามารถรองรับการใช้งานได้ถึง 4 ล้านคน
       
       สำหรับบริการโทรศัพท์มือถือของกลุ่มทรู มี 2 ส่วนคือ 1.ทรูมูฟซึ่งเน้นให้บริการ 2G และมีบริการทดสอบแบบไม่เชิงพาณิชย์ 3G HSPA ที่ได้รับอนุมัติจากกสทเดิมนั้น อายุสัมปทานเหลือเพียง 2 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากการลงทุนในอนาคตจะไปทุ่มให้บีเอฟเคที หรือ เรียลฟิวเจอร์เป็นหลัก ส่วนสถานีฐาน 600 แห่งที่ทดสอบบริการ 3G HSPA นั้นเมื่อหมดอายุสัมปทานก็จะโอนย้ายไปยังเรียลมูฟ
       
       2. เรียลมูฟหรือในชื่อบริการ True Move H ในขั้นต้นจะเชื่อมโครงข่ายของทรูมูฟเดิมไปก่อนและจะเร่งทยอยอัปเกรดสถานีฐาน CDMA เดิมของกสท (51 จังหวัดภูมิภาคประมาณ 1,600ไซต์) และของบีเอฟเคที (ในกทม.และ 25 จังหวัดภาคกลางประมาณ 1,400 ไซต์) รวมเป็น 3,000 ไซต์ให้เป็น 3GHSPA รวมทั้งติดตั้งเสาใหม่ทั้งหมดอีก 1,500 ไซต์ ให้ได้ครบจำนวน 4,500 ไซต์ตามเงื่อนไขสัญญาภายใน3ปี
       
       นายศุภชัยกล่าวว่าในส่วนแผนการลงทุนทั้งหมดของปี 2554 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนธุรกิจโมบายล์รวม 9,000 ล้านบาท โดยแยกเป็น 2G ขยายเพิ่ม 1,200 ไซต์ ใช้เงิน 5,000 ล้านบาท และลงทุนติดตั้ง 3G อีก 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทในกลุ่มคือทรูวิชั่นส์จะลงทุน 1,000 ล้านบาท และธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ อีก 3,000 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมากลุ่มทรูได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการของฮัทช์ผู้ทำการตลาด CDMA และบริษัท บีเอฟเคที จากกลุ่มฮัทชิสัน ฮ่องกง พร้อมทั้งทำสัญญากับบริษัท กสท โทรคมนาคม โดยสรุปบริษัทลูกกลุ่มทรู คือบริษัท เรียลฟิวเจอร์จะเป็นเจ้าของบริษัท บีเอฟเคที และบริษัท เรียลมูฟ จะเป็นผู้ขายปลีกให้กสท โดยการซื้อความจุของเครือข่ายมาให้บริการ
       
       ในสัญญาอ้างเหตุผลว่ากสทยังเป็นเจ้าของความถี่ทั้งหมด แต่กสทกับเรียลฟิวเจอร์หรือบีเอฟเคทีตกลงที่จะเช่าใช้โครงข่ายระหว่างกัน โดยกสทเน้นลงทุนในเสาส่งสัญญาณและระบบสื่อสัญญาณ ส่วนเรียลฟิวเจอร์จะลงทุนอุปกรณ์ที่มาติดตั้ง และสัญญายังกำหนดด้วยว่า ภายใน 3 ปี กลุ่มทรูต้องลงทุนพัฒนาโครงข่าย 3G จำนวนรวม 4,500 สถานีฐาน และกลุ่มทรูมีสิทธิในการเข้าซื้อความจุของระบบของกสทเพื่อไปให้บริการหรือ ขายปลีกได้ถึง 80% ส่วนที่เหลือกสทจึงจะสามารถเปิดให้รายอื่นเข้ามาดำเนินการได้
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #95 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 19:40:37 »

3จีทีโอทีสะดุด-กสทแจงสตง. 8มี.ค.


สตง. ขีดเส้น ทีโอที ชี้แจงการประมูล 3จี ทั่วประเทศมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท 16 มี.ค. ด้าน กจญ.กสท เผยพร้อมชี้แจงต่อ สตง. 8 มี.ค. นี้

นาย พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า จากการที่ สตง.ได้ส่งหนังสือเพื่อทวงถามไปยังบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ให้ชี้แจงถึงความโปร่งใสในการประกวดราคาโครงการจัดสร้างโครงข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ 3 จี ทีโอทีทั่วประเทศ โดยกลุ่มที่ชนะการประมูลได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า คอนเซอร์เตียมเอสแอล ประกอบด้วย บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น บมจ.ล็อกซเล่ย์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และบริษัท โนเกีย ซีเมนส์ ด้วยราคา 16,290 ล้านบาท จากราคากลางการประมูลที่ 17,440 ล้านบาท ลดลงจากราคากลาง 1,150 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.59% คาดภายใน 2 สัปดาห์นี้ หรือ ไม่เกินวันที่ 16 มี.ค. 2554  ทีโอทีน่าจะตอบคำถามทั้งหมดกลับมายัง สตง.ได้ เนื่องจากเป็นคำถามธรรมดาที่ไม่ได้ซับซ้อน โดย สตง.ได้ส่งหนังสือถามไปยังทีโอทีตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา
   
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน และมีผู้ร้องเรียนความไม่เป็นธรรมของกระบวนการประกวดราคาต่อเนื่อง ซึ่งอาจเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2552 หรือ พ.ร.บ. ฮั้ว รวมทั้งมีการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง สตง. จึงขอให้พิจารณาทบทวน เพื่อรักษาประโยชน์ของภาครัฐ และชี้แจงพร้อมส่งเอกสาร
   
นายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รักษาการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่เท่าที่ทราบ คือ ขณะนี้ ทีโอทีได้รับหนังสือจาก สตง. แล้ว อีกทั้งไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้ดำเนินการต่อ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) แต่ขณะนี้ บอร์ดได้ลาออกเหลือแค่เพียง 6 ราย ซึ่งไม่ครบองค์ประชุมจึงไม่สามารถประชุมได้
   
ด้านนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันที่ 8 มีนาคม  2554 กสท จะยื่นเอกสารเพื่อชี้แจงข้อสงสัยใน 14 คำถามของ สตง. กรณีที่ กสท ได้ลงนามในสัญญาการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่ด้วยระบบเอชเอสพีเอ กับกลุ่ม บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น ไปยัง สตง. เพื่อคลายข้อสงสัย ซึ่งที่ผ่านมาได้เลื่อนกำหนดส่งหนังสือชี้แจงมา 1 สัปดาห์ เนื่องจากรายละเอียดของสัญญามีมาก และเกี่ยวโยงกับหลายหน่วยงานภายนอกทำให้ต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลอย่าง รอบคอบ. 
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
PooM_12asTa
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 361



« ตอบ #96 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 23:11:13 »

อีกนาน กว่าจะได้ ใช้
IP : บันทึกการเข้า
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #97 เมื่อ: วันที่ 13 มีนาคม 2011, 15:51:56 »

อีกนาน กว่าจะได้ ใช้
ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #98 เมื่อ: วันที่ 13 มีนาคม 2011, 15:52:37 »

เร่งขุนผู้ดูแล เสริมแกร่งศูนย์ฯ ไอซีทีชุมชน 



กระทรวงไอซีที วางแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน เน้นให้ความรู้ผู้ดูแลศูนย์ฯ รอบด้าน หลังพบขาดความรู้ด้านไอซีที ติดปัญหาแม่ข่ายขัดข้องจัดเก็บล็อกไฟล์ไม่ได้...

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวว่า การวางแนวทางช่วยเหลือและพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของผู้ดูแลศูนย์การ เรียนรู้ไอซีทีชุมชน นั้น นอกจากกระทรวงฯ จะให้ความสำคัญกับการจัดตั้งศูนย์แล้ว ยังจัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลศูนย์ฯ ในรูปแบบที่หลากหลายเหมาะสมกับแต่ละชุมชน เช่น การประชุมร่วมกัน การสัมมนาและการฝึกอบรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ ผู้ดูแลศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน มีความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการศูนย์ฯ ของตนเอง

ทั้ง นี้ ใน ปี 2553 ที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้จัดกิจกรรมอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ รวม 5 ครั้ง ใน 4 ภูมิภาค เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลศูนย์ฯ จำนวน 1,750 คน ส่วนในปี 2554 ได้ตั้งเป้าหมายจะจัดการอบรมสัมมนาผู้ดูแลศูนย์ฯ ละ 1 คน รวมจำนวนประมาณ 1,000 คน โดยจัดหลักสูตรการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการดูแลระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงหลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังจัดอบรมแกนนำเครือข่ายผู้ดูแลศูนย์ฯ อีกจำนวน 100 คน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลศูนย์ฯ อีกด้วย

ปลัดไอ ซีที กล่าวต่อว่า แม้จะอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลศูนย์ฯ ให้มีความพร้อมในเบื้องต้น รวมทั้งได้มอบคู่มือการปฏิบัติงานประจำศูนย์ฯ ไว้แล้ว แต่การให้บริการจริงนั้น อาจต้องประสบกับปัญหาบางประการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากผู้ดูแลศูนย์ฯ บางแห่งยังขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านไอซีที ที่เพียงพอ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้วางแนวทางแก้ปัญหาไว้หลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์เพื่อรับฟังปัญหาและ ให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคระดับสูง การจัดทำช่องทางรับร้องเรียนและแก้ไขปัญหาพร้อมรวบรวมคำถาม – คำตอบใน  เชิงเทคนิคและด้านการบริหารจัดการศูนย์ฯ ไว้บนเว็บไซต์ www.thaitelecentre.org เพื่อ ให้ผู้ดูแลศูนย์ฯ ที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันได้เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ รวมทั้งศึกษาวิธีการ และแนวทางแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น การจัดทำระบบแจ้งซ่อมอุปกรณ์ไว้บนเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อติดตามการบริการหลังการขาย หรือการซ่อมแซมแก้ไขอุปกรณ์ในโครงการฯ ของบริษัทที่รับจัดหาครุภัณฑ์ให้กับโครงการจัดตั้งศูนย์ฯ

นอกจากนั้น ยังจัดทำวีดิทัศน์สั้นๆ เกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ที่ผู้ดูแลศูนย์ฯ อาจประสบเป็นประจำ และแนวทางแก้ไขว่าต้องทำอย่างไร เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตขัดข้อง เครื่องแม่ข่ายมีปัญหา การจัดการระบบสมาชิก เป็นต้น แล้วนำมาอัพโหลดไว้บนเว็บไซต์ thaitelecentre และเว็บไซต์ยูทูป เพื่อให้ผู้ดูแลศูนย์ฯ สามารถเข้าไปเลือกชมได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

สำหรับ ปัญหาที่มักเกิดกับการใช้งานศูนย์ฯ คือ ระบบอินเทอร์เน็ตขัดข้อง โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับศูนย์ฯ ที่ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งกระทรวงฯ จะเลือกใช้เฉพาะกับศูนย์ฯ ที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและห่างไกลจากระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม เท่านั้น เนื่องจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตระบบนี้มีข้อจำกัดในการให้บริการอันเกิดจาก สภาวะดินฟ้าอากาศแปรปรวน ทำให้เกิดปัญหาในการรับสัญญาณจากดาวเทียม และส่งผลต่อการใช้บริการระบบอินเทอร์เน็ตได้

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ ที่จัดตั้งในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดระบบจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ ล็อกไฟล์ (log file) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ทำให้มีบางศูนย์ฯ ประสบกับปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายขัดข้องอันเนื่องมาจากโปรแกรมที่ได้ พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับใช้เพื่อการจัดเก็บข้อมูลการจราจรฯ ในโครงการฯ ปี 2553 มีปัญหาหรือทำงานไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นกับโปรแกรมพัฒนาใหม่ทุกๆ โปรแกรมที่อาจยังขาดความสมบูรณ์ในการใช้งานของตัวโปรแกรมเอง หรือที่เรียกว่า BUG ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด หรือ ERROR ได้ และเมื่อผู้ใช้งานโปรแกรมดังกล่าวพบปัญหา ก็จะแจ้งกลับมายังผู้พัฒนาโปรแกรม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานของโปรแกรมให้มีความสมบูรณ์ในการใช้งาน มากขึ้น

ดังนั้น หากผู้ดูแลศูนย์ฯ ใดที่ประสบปัญหาดังกล่าว ขอให้รายงานปัญหากลับมายังกระทรวงฯ เพื่อประสานให้บริษัทผู้รับงานแก้ไขและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของ โปรแกรม ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของศูนย์ฯ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #99 เมื่อ: วันที่ 13 มีนาคม 2011, 15:53:45 »

"ทรู" เปิดแผนชิงลูกค้า3G เตรียมส่งโปรฯใหม่"เรียลมูฟ ตั้งบริษัทบุกมือถือจีน



"กลุ่มทรู" เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจ "มือถือ" เต็มสตรีม เร่งสปีดติดตั้งเครือข่าย HSPA ผนึกทีมงาน-ฐานลูกค้า "ฮัทช์-ทรูมูฟ" เตรียมส่งโปรโมชั่นใหม่ "เรียลมูฟ" สร้างสีสันการตลาดเพิ่มทางเลือกลูกค้า ลั่นไม่เกินกลางปีพร้อมเปิดศึกชิงลูกค้า 3G เต็มรูปแบบทั้งลงทุนเปิดบริษัทใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ หวังเปิดตลาด "โมบายคอนเทนต์" หลังจีนวางเครือข่าย 3G เสร็จ ทั่วประเทศในสิ้นปี

นาย ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างการทำงานภายในของ 2 บริษัทใหม่ คือบริษัท เรียลมูฟ จำกัด ตัวแทนขายส่งขายต่อ (wholesale-resale) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เทคโนโลยี HSPA และบริษัท บีเอฟเคที จำกัด ภายหลังเข้าซื้อกิจการ "ฮัทช์" จากกลุ่มฮัทชิสันและทำสัญญาขายส่งขายต่อบริการกับ บมจ.กสท โทรคมนาคมแล้ว คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายใน 2-3 เดือนนี้ โดยมีการโอนทีมการตลาด การขาย การดูแลลูกค้า และการบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายบางส่วนจากทรูมูฟไปเสริมในส่วนของบริษัท เรียลมูฟ เช่นเดียวกับในบริษัทบีเอฟเคที ซึ่งดูแลเครือข่ายการให้บริการ 25 จังหวัดภาคกลาง จะมีทีมปฏิบัติงานด้านโครงข่ายเข้าไปเสริมด้วย

"ธุรกิจ เราเดินหน้าเต็มตัว เพราะศึกษามาดีแล้วว่าทำทุกขั้นตอนอย่าง ถูกต้อง มั่นใจทั้งในแง่กฎหมาย และประโยชน์ของทั้งเราและ กสทฯใครดูลงไปในรายละเอียดจะเห็นชัดเจน ตามสัญญาบีเอฟเคทีต้องลงทุน HSPA ครอบคลุม 4,500 แห่ง ใน 3 ปี แต่ปีนี้ตั้งใจว่าจะให้ได้ 2,500-3,000 แห่ง ในกลางปีครอบคลุม 1,200-1,500 แห่งพร้อมกับเริ่มบุกตลาดเต็มตัว โดยใน 1-2 เดือนนี้จะมีโปรโมชั่นใหม่ออกมา และอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปว่าจะใช้ชื่อ แบรนด์อะไร"

ทั้งนี้ การซื้อกิจการฮัทช์ และทำสัญญากับ กสทฯ นอกจากทำให้บริษัทเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการ 3G HSPA ได้แล้ว ยังทำให้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูแข็งแกร่งขึ้นจากการมีลูกค้า เพิ่มประมาณ 8 แสนราย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายเดือน เพิ่มจาก 1.3 ล้านราย เป็น 2.1 ล้านราย มีฐานลูกค้ารวม 18 ล้านราย และมีทางออกให้กับทรูมูฟที่จะหมดอายุลงในปี 2556 หรือในอีก 2 ปี 7 เดือน

สำหรับ การลงทุนเครือข่ายในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ทั้งการพัฒนาบริการ 2G เดิม และลงทุนโครงข่ายใหม่ 3G HSPA ซึ่งในช่วงแรกจะยังไม่มีรายได้จากการเปลี่ยนเป็น HSPA แต่มีรายได้จากลูกค้าฮัทช์ 8 แสนราย เฉลี่ยปีละประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท ทำให้รายได้ของทรูมูฟเพิ่มจาก 25,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาทต่อปีทันที

"เราจะพยายามรักษาความเป็นผู้นำใน 3G ไว้ให้ได้ เพราะครั้งนี้มีโอกาสเริ่มต้นแบบสูสีคนอื่น แต่ธุรกิจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ เอไอเอส ดีแทคถือว่าพ้นน้ำแล้ว อีโคโนมิกออฟสเกลเขาสูงมาก ในมือถือเราตั้งเป้าว่าต้องการครองส่วนแบ่ง 1 ใน 3 ของตลาดรวม จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งในแง่ฐานลูกค้า 24% ในแง่รายได้ 17% ซึ่งทั้ง 2 ส่วนต้องขยับขึ้นเป็น 33%"

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ในโลกธุรกิจสื่อสารเริ่มต้นจากความนิยมในการใช้บริการเสียง (วอยซ์) มายังบริการข้อมูล (ดาต้า) ปัจจุบันแม้การใช้วอยซ์จะยังโต แต่สิ่งที่เติบโตมากกว่า คือ การใช้ดาต้าผ่านโครงข่าย 2G เริ่มจาก "จีพีอาร์เอส" มายังระบบ "เอดจ์" และล่าสุด 3G ซึ่งกลุ่มทรูไม่ได้มองแค่การเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย แต่ได้ขยับเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์ และแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน โดยได้เข้าไปเปิดบริษัทที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

"วิธีคิดขององค์กรต้องบาลานซ์ ไปทั้งฮาร์ดไซต์ และซอฟต์ไซต์ ถ้าไปฮาร์ดไซต์อย่างเดียวอาจปรับตัวไม่ทัน เหมือนทำโทรศัพท์พื้นฐาน แล้วปิดหูปิดตาไม่มองมือถือเลยผ่านไป 15 ปี โทรศัพท์พื้นฐานแทบไม่เหลือ จากนี้ไปก็เหมือนกัน เราไปตั้งบริษัทที่จีน เพราะมองว่ามีความรู้เรื่องคอนเวอร์เจนซ์แพลตฟอร์ม, อินเทอร์เน็ต, ออนไลน์ ขณะที่จีนเป็นตลาดใหญ่มาก และในปีนี้จะติดตั้ง 3G เสร็จทั่วประเทศ ถ้า 3G มาความต้องการโมบายคอนเทนต์ แอปพลิเคชั่น และอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม เรามีความรู้ แต่ไม่มีสเกล จีนมีสเกล ถ้าไปแล้วมีโอกาสสร้างสเกลได้ก็จะมีโอกาสเติบโตได้ในระดับภูมิภาค"
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!