เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 10:20:27
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คุยเรื่องไอที - เทคโนโลยี (ผู้ดูแล: K€nGja1, chiohoh, nuifish, NOtis)
| | |-+  อัปเกรดข่าว3G ข่าวสารInternet/Wifi /โทรคมนาคม ในเมืองไทย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 พิมพ์
ผู้เขียน อัปเกรดข่าว3G ข่าวสารInternet/Wifi /โทรคมนาคม ในเมืองไทย  (อ่าน 15551 ครั้ง)
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #100 เมื่อ: วันที่ 13 มีนาคม 2011, 15:55:43 »

กลุ่ม"ทรู"เตรียมปล่อยแบรนด์ใหม่ "ทรูมูฟเอช"(truemove H) ลุยเต็มสูบย้ำภาพผู้นำ3G



กลุ่มทรูภายหลังเข้าซื้อกิจการฮัทช์พร้อมกับเดินหน้าทำ สัญญาขายส่งขายต่อบริการ HSPA 3G กับบมจ.กสท โทรคมนาคมแล้วเรียบร้อยได้รับการจับตามอง และวิพากษ์วิจารณ์อย่างอื้ออึงถึงความเร่งรีบรวดรัด ด้วยว่า อภิดีล   "ทรู-ฮัทช์-แคท"ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น

ทั้งๆ ที่เป็นดีลที่มีมูลค่ามหาศาล (ถ้าคิดเฉพาะการซื้อฮัทช์จากกลุ่มฮัทชิสันก็ 6.3 พันล้านบาทแล้ว) ถ้ารวมประโยชน์โภคผลในอนาคตจากการได้สิทธิขายต่อบริการ HSPA อีก 14 ปีเศษด้วยแล้วคงมีมูลค่ามากกว่านั้นหลายเท่า

การรุกคืบกำจัดจุดอ่อนจากอายุสัมปทานที่เหลือน้อยนิด(2ปี7เดือน) และการประกาศเดินหน้าเต็มตัวในการขยายเครือข่ายบริการ HSPA 3G เต็มสตรีมทำให้กลุ่มทรูในเวลานี้ขยับสถานะจากน้องเล็กมาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แถมฐานลูกค้าโดยเฉพาะบริการแบบจ่ายรายเดือน(โพสต์เพด) รวมฮัทช์ 8 แสน เพิ่มเป็น2.1ล้าน ใกล้เคียงกับ 2 พี่ใหญ่ เอไอเอส และดีแทคอีกต่างหาก

ทุกอย่างก้าวของทรูจึงได้รับความสนอกสนใจอาจมากกว่าเมื่อแรกเข้าสู่ สมรภูมิธุรกิจโทรศัพท์มือถือใหม่ๆ สมัยร่วมทุนกับเปิดตลาดสร้างแบรนด์ "ออเร้นจ์"ก่อนพันธมิตรจะขายหุ้นจนต้องเปลี่ยนแบรนด์มาเป็น "ทรูมูฟ"ในปัจจุบันด้วยซ้ำไป

แม้การทำสัญญาร่วมมือธุรกิจระหว่างทรูกับกสทจะยังคงอยู่ในกระบวนการตรวจ สอบของสตง. แต่ในแง่มุมธุรกิจไม่ได้ทำให้การดำเนินการต่างๆ หยุดชะงักแต่อย่างใด ล่าสุดชื่อแบรนด์ใหม่ที่จะนำมาใช้แทน "ฮัทช์"แล้ว

นั่นคือ"ทรูมูฟ-เอช" ซึ่งแปลได้หลากหลายความหมาย ทั้ง"เอช ฮัทช์(Hutch)" หรือไฮสปีด เพื่อสื่อถึงการสื่อสารไร้สายความเร็วสูง

ก่อนหน้านี้ ซีอีโอกลุ่มทรู "ศุภชัย เจียรวนนท์"เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างการทำงานภายในของ 2 บริษัทใหม่ คือบริษัท เรียลมูฟ จำกัด ตัวแทนขายส่งขายต่อ (wholesale-resale) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เทคโนโลยี HSPA และบริษัท บีเอฟเคที จำกัด คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน2-3เดือนข้างหน้า แต่ในระหวางนี้จะโปรโมชั่นใหม่ออกมาสำหรับลูกค้าฮัทช์ก่อน อีกไม่เกิน1-2เดือนคงได้เห็น

"ธุรกิจเราเดินหน้าเต็มตัว เพราะศึกษามาดีแล้วว่าทำทุกขั้นตอนอย่าง ถูกต้อง มั่นใจทั้งในแง่กฎหมาย และประโยชน์ของทั้งเราและ กสทฯใครดูลงไปในรายละเอียดจะเห็นชัดเจน ตามสัญญาบีเอฟเคทีต้องลงทุน HSPA ครอบคลุม 4,500 แห่ง ใน 3 ปี แต่ปีนี้ตั้งใจว่าจะให้ได้ 2,500-3,000 แห่ง ในกลางปีครอบคลุม 1,200-1,500 แห่งพร้อมกับเริ่มบุกตลาดเต็มตัว"
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #101 เมื่อ: วันที่ 14 มีนาคม 2011, 15:51:12 »

ทีโอทีผวา 3G ล่ม เตรียมแผนสำรอง-เล็งรายงาน ครม.รับทราบ


นายอานนท์ ทับเที่ยง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างโครงการขยายโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3G TOT กล่าวว่า หลังจากที่บอร์ดทีโอทีลาออกจากตำแหน่งแล้ว 6 คน ทำให้กรรมการมีจำนวนไม่ถึงกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม จนทำให้ไม่สามารถประชุมเพื่ออนุมัติให้ลงนามว่าจ้างผู้ชนะการประมูลด้วยวิธี อิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออคชั่น) โครงการ 3G ซึ่งมีมูลค่า 17,440 ล้านบาท ที่กิจการร่วมค้า เอสแอล คอนซอร์เตียม ประกอบการด้วย บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และบริษัท โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์ก ที่เสนอราคาต่ำสุด 16,290 ล้านบาทได้
       
       เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าว ฝ่ายบริหารทีโอที และคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ได้เตรียมแผนฉุกเฉินเพื่อรองรับความเสี่ยงกรณีที่ 3G ของทีโอทีไม่สามารถเปิดบริการได้ทันภายในกรอบเวลาของคณะรัฐมนตรีที่ได้ อนุมัติงบประมาณและให้เปิดบริการในเฟสแรกเดือนเม.ย.นี้ โดยทีโอทีจะหาบริการอื่น หรือไปเช่าใช้โครงข่ายอื่นเพื่อเปิดบริการ 3G ไปก่อน ซึ่งก็ต้องแจ้งให้นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีทีเพื่อให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นรวมทั้งแผนฉุกเฉินที่ทีโอที เตรียมการไว้ และจะได้รายงานให้ครม.รับทราบต่อไป
       
       นายอานนท์กล่าวว่า จากคำครหาหรือข้อร้องเรียนต่างๆ ที่มีบางบริษัทไม่ผ่านด้านเทคนิคในการประมูล ได้ไปร้องต่อศาลปกครองกลางนั้น ทางคณะกรรมการจัดซื้อยืนยันว่ากิจการร่วมค้าที่ตกก็ยื่นข้อเสนอไม่ตรงทีโอ อาร์จริงและสามารถพิสูจน์ได้ แต่เรื่องนี้ถ้ามีบอร์ดใหม่เข้ามาก็อาจจะสั่งรื้อโครงการหรือตั้งคณะกรรมการ สอบเรื่องนี้ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ 3G อาจจะล่าช้าออกไป หรือถ้าหนักที่สุดก็อาจจะสั่งล้มโครงการเพื่อจัดกระบวนการประมูลใหม่
       
       ในระหว่างที่ขั้นตอนการขออนุมัติเซ็นสัญญายังล่าช้าอยู่ ด้านทีมการตลาด 3G TOT ก็เร่งทำงานคู่ขนานกับส่วนอื่นๆไป ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาในต่างประเทศมา ให้คำแนะนำและวางแนวทางการทำตลาด 3G ในส่วนของการขายส่งบริการ (MVNO) เพราะทีโอทีจะเพิ่มจำนวนผู้ให้บริการ MVNO หากเปิดโครงการ 3G ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการเปิดให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในประเทศ ทั้ง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิชั่น (ดีแทค) มาขอรับทำMVNO ได้ด้วย
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #102 เมื่อ: วันที่ 24 มีนาคม 2011, 19:31:18 »

กสท จัดงบ 100 ล้านบาท ขยายการให้บริการ CAT Wi-Fi ทั่วประเทศ

กสท จัดงบ 100 ล้านบาท ขยายการให้บริการ CAT Wi-Fi ทั่วประเทศ สนองนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ ล่าสุดจับมือแมคโดนัลด์ ให้บริการใน 134 สาขา ตั้งเป้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยบริการ 3.5 หมื่นจุด ค่าบริการชั่วโมงละ 60 บาท
       
       นายสมพล จันทร์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจบรอดแบนด์ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กสท ได้มีการขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ CAT Wi-Fi จากที่มีอยู่ขณะนี้ 1,000 จุด เป็น 2-3.5 หมื่นจุดภายในปีนี้ ด้วยงบการลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้บริการโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้ทั่วๆ ไป
       
       นอกจากนี้ยังจะเป็นการดำเนินงานที่สอดรับนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการบรอดแบนด์แห่งชาติด้วย ส่วนค่าบริการจะเก็บนาทีละบาทหรือชั่วโมงละ 60 บาทจากนโยบายขยายพื้นที่การให้บริการ CAT Wi-Fi ของ กสท ล่าสุดได้ร่วมมือกับแมคโดนัลด์เพื่อให้บริการผ่านร้านอาหารดังกล่าวจำนวน 134 สาขาทั่วประเทศ
       
       ด้านนายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย กล่าวว่า ปัจจุบันแมคโดนัลด์มีสาขาให้บริการกว่า 146 สาขาทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ความสะดวกสบายสมบูรณ์แบบในการรับประธานอาหารให้ลูกค้าภายใต้แนวคิด ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงการตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าด้วยบริการอาหารและเครื่องดื่มในบรรยากาศสบายๆ ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา
       
       จากแนวคิดดังกล่าวแมคโดนัลด์จึงร่วมมือกับ กสท เพื่อให้บริการ CAT Wi-Fi สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอิ่มอร่อยกับการรับประทานอาหารหรือกาแฟพร้อมกับการทำงาน ปรึกษาเรื่องธุรกิจ หรือเรียนรู้จากการท่องโลกอินเทอร์เน็ต โดยความจากความร่วมมือในครั้งนี้ ทางแมคโดนัลด์และ กสท ได้จัดรายการส่งเสริมการขายด้วยการให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าแมคตั้งแต่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย.54 ที่ใช้บริการในสาขาที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สามารถใช้ CAT Wi-Fi ได้ฟรีตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #103 เมื่อ: วันที่ 24 มีนาคม 2011, 19:33:26 »

3BB เตรียมพร้อมเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านจากทีทีแอนด์ที
   
 
 
       3BB เตรียมพร้อมเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านจากทีทีแอนด์ทีหลังทำให้สูญลูกค้ากว่า 150,000 ราย พร้อมประกาศผู้เล่นเบอร์สองในตลาดแซงหน้าทรูได้ในปีนี้ ตั้งเป้า 3 ปีมีฐานลูกค้า 3 ล้าน
       
       นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่าสำหรับปัญหากรณีที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของ 3BB ในต่างจังหวัดประมาณ 20 ราย ได้ร้องเรียนเรื่องถูกยกเลิกการให้บริการอินเทอร์เน็ตของ 3BB นั้น เป็นปัญหาที่เกิดจากทางลูกค้าที่ใช้บริการบนเครือข่ายของทีทีแอนด์ที ซึ่งเวลานี้ทางบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขไปแล้ว โดยบางรายก็มีการโอนลูกค้าให้ไปใช้บริการกับทางทีโอทีแทน หรือบางพื้นที่ ทางบริษัทก็ได้ดำเนินการลากสายตรงไปให้บริการแทนที่บริการบนเครือข่ายของทีทีแอนด์ทีแล้ว
       
       “ทางทริปเปิลที บรอดแบนด์ มีคดีความกับทีทีแอนด์ทีอยู่เกือบร้อยคดี ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ถ้าเป็นคดีอาญาจะเป็นส่วนที่ถูกกลั่นแกล้งไม่ให้เข้าไปแก้ไขสัญญาณที่มีปัญหา ส่วนใหญ่ศาลตัดสินให้เราชนะคดีความ ทำให้เราสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ลูกค้าได้ ส่วนคดีแพ่งนั้น ล่าสุด ทางทริปเปิลที บรอดแบนด์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายประมาณ 2 พันล้านต่อบริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) จากการสูญเสียลูกค้าไปประมาณ 150,000 รายไปเมื่อเดือนที่แล้ว"
       
       ปัจจุบัน รายได้ในปีที่แล้วของกลุ่มบริษัทจัสมินที่มีประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้น กว่า 50% มาจากธุรกิจบรอดแบนด์ ซึ่งปีนี้เชือว่า สัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 70% หรือประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตในส่วนผู้ใช้บรอดแบนด์ 3BB จะเติบโตได้ถึง 1 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 8 แสนราย โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 3 รองจากทรูออนไลน์ที่มีประมาณ 8.1 แสนราย
       
       “ทางบริษัทเชื่อว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้า จะมีผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ 3BB ถึง 2 ล้านราย อีก 1 ล้านรายจะเป็นผู้ใช้บริการไว-ไฟ” นายพิชญ์ กล่าวอีกว่า 3BB ได้เตรียมงบลงทุนในส่วนขยายเครือข่ายบรอดแบนด์ทั่วประเทศไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท อีก 200 ล้านบาทเป็นการลงทุนเฉพาะไว-ไฟที่จะขยายให้ได้ 50,000 จุดทั่วประเทศ
       
       “ถ้าเป็นไปตามเป้าหมาย จะทำให้ 3BB เป็นที่หนึ่งในตลาดได้อย่างแน่นอน”
       
       ปัจจัยที่ทำให้นายพิชญ์มั่นใจเช่นนั้น เป็นผลมาจาก 3BB ให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการที่เวลานี้รับประกันความเร็วในการให้บริการไว้ที่ 6 เมก ในราคา 599 บาท บนเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติฟที่ทันสมัยที่สุดและมีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ต่างจากคู่แข่งที่มีทั้งเครือข่ายเก่าและใหม่ผสมกันจึงทำให้บ้างพื้นที่ไม่สามารถให้บริการได้เท่ากัน รวมถึงเวลานี้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ 3BB เริ่มดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง 25,000-30,000 รายต่อเดือน
       
       ปีนี้จะเป็นปีที่ 3BB จะรุกตลาดมากขึ้น หลังจากที่ในปีที่แล้ว ได้มีการปรับปรุงในเรื่องเครือข่ายรวมถึงการลงทุนเครือข่ายไว-ไฟ
       
       ส่วนการที่ 3BB ไม่ลงมาเล่นเรื่องความเร็วแข่งกับผู้ให้บริการายอื่นที่เสนอความเร็วที่มากกว่านั้น นายพิชญ์กล่าวว่า ถึงแม้ว่าเครือข่ายของ 3BB จะพร้อมให้บริการที่ความเร็วสูงได้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากตลาดมีความต้องการความเร็วที่ 6 เมก การจะปรับความเร็วในการให้บริการจึงต้องรอดูความต้องการของตลาดด้วย
       
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #104 เมื่อ: วันที่ 24 มีนาคม 2011, 19:34:45 »

ประธานบอร์ดทีโอทีไขก๊อก

การเมืองพ่นพิษ กดดันหนักจนประธานบอร์ดทีโอทีลาออกจากตำแหน่ง โดยเฉพาะการบังคับให้ทีโอทีฟ้องเอไอเอส ชนิดหน้ามืดตามัว ไร้เหตุผล ดีที่บ้านเมืองยังมีขื่อมีแป ไม่เป็นไม้หลักปักขี้เลน
       
       แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีทีเปิดเผยว่านายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานบอร์ดทีโอที กับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งนายกุลิศ สมบัติศิริ ก็ลาออกจากการเป็นกรรมการบอร์ดทีโอที ทำให้ตอนนี้บอร์ดทีโอทีเหลือเพียง 4 คนคือนายบุญมาก ศิริเนาวกุล รองประธานและกรรมการอีก 3 คนคือนายเอกสิทธิ์ วันสม ,นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ และพล.ต.จุลจรูญ แสงงำพาล
       
       ‘นายอารีพงศ์อึดอัดในการทำงานมาก เพราะไม่สามารถสนองนโยบายการเมืองได้ตามที่ต้องการ ถึงกับเคยตัดพ้อออกมาว่าทำงานให้ประชาธิปัตย์เต็มที่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกบีบหนักขนาดนี้’
       
       ประเด็นสำคัญที่ทำให้กรรมการบอร์ดทีโอทีทยอยลาออกจนเกือบหมด ไม่ใช่เรื่องการประมูลโครงการ 3G แต่เป็นเรื่องที่รมว.ไอซีทีต้องการยืมมือบอร์ดเพื่อสั่งการให้ทีโอทีฟ้องเอไอเอส ถึงขนาดมีหนังสือขู่ว่าหากไม่ดำเนินการอาจถูกฟ้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยความต้องการให้มีการฟ้องร้องดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากทีโอทีได้ยื่นโนติ๊สหรือ หนังสือแจ้งเตือนให้เอไอเอส ชำระเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาทภายในวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นลาภที่มิควรได้จากการแก้ไขสัญญาพรีเพด การโรมมิ่งและภาษีสรรพสามิต ที่ทำให้ทีโอทีเกิดความเสียหาย โดยเอไอเอสปฏิเสธที่จะจ่ายเงินตามที่ทีโอทียื่นโนติ๊ส
       
       ครั้งนั้นเอไอเอสแก้เกมกลับด้วยการส่งหนังสือชี้แจงไปยังกรรมการบอร์ดแต่ละคน หลังจากที่เอไอเอสชี้แจงกับสาธารณะกรณีที่ทีโอที ได้มีหนังสือถึงเอไอเอส เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 แจ้งให้เอไอเอสชำระเงินส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเติมในกรณีการปรับลดส่วนแบ่งรายได้บริการบัตรเติมเงิน (Prepaid Card) การหักค่าใช้จ่ายการใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) จำนวนเงินรวม 36,995,636,889.80 บาท และการหักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม จำนวนเงินรวม 36,816,942,676.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา7.5% ต่อปีให้แก่ ทีโอที ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
       
       โดยเอไอเอสชี้แจงว่าในกรณีการปรับลดส่วนแบ่งรายได้บริการบัตรเติมเงิน (Prepaid Card) และการหักค่าใช้จ่ายการใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) ตามหนังสือเรียกร้องของทีโอทีได้กล่าวอ้างบางส่วนของคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่อม. 1/2553 เป็นเหตุเรียกร้องให้เอไอเอสชำระเงินดังกล่าว แต่ความจริงแล้ว คำพิพากษาฯ ดังกล่าวหาได้มีผลผูกพันเอไอเอสแต่อย่างใดไม่ เนื่องจากทั้งทีโอทีและเอไอเอสต่างมิได้เป็นคู่ความในคดีศาลดังกล่าวหาได้วินิจฉัยให้เพิกถอนข้อตกลงต่อท้ายสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครั้งที่ 6 กรณีบริการบัตรเติมเงิน (Prepaid Card) และครั้งที่ 7 กรณีการใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) แต่อย่างใดไม่
       
       รวมทั้ง มิได้วินิจฉัยว่าเอไอเอสกระทำผิดโดยไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญา หรือวินิจฉัยให้ข้อตกลงต่อท้ายสัญญาทั้งสองฉบับ ไม่มีผลผูกพันระหว่างทีโอทีและเอไอเอสแต่อย่างใด
       
       ข้อตกลงต่อท้ายสัญญาอนุญาตทั้งสองฉบับยังคงมีผลใช้บังคับและผูกพันคู่สัญญาให้ต้องปฏิบัติตามต่อไป อีกทั้งการปฏิบัติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เอไอเอสได้ปฏิบัติตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาฯ ทั้งสองฉบับอย่างครบถ้วนและถูกต้องมาโดยตลอด ดังนั้น เอไอเอสจึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินส่วนแบ่งรายได้และเงินอื่นใดตามที่ทีโอทีเรียกร้องมา
       
       ทั้งนี้ เจตนารมณ์และเหตุผลในการทำบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาทั้งสองฉบับ มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดแจ้ง ทั้งที่ทีโอที หรือหน่วยงานทางราชการอื่นว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์สาธารณะเพื่อทำให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ได้รับบริการในราคาที่ถูกลงและทีโอทีก็ได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเติมสูงขึ้นเป็นอย่างมากจากการนี้
       
       ส่วนกรณีการนำภาษีสรรพสามิตมาหักออกจากเงินส่วนแบ่งรายได้นั้น ทางเอไอเอสชี้แจงว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการจัดแบ่งเงินรายได้ตามสัญญาสัมปทานบางส่วนไปเป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อเตรียมการแปรสภาพองค์การโทรศัพท์ในขณะนั้นเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีหลักการสำคัญว่า รัฐไม่ได้รับความเสียหายใด โดยรัฐยังคงได้รับส่วนแบ่งรายได้เท่าเดิม ผู้ประกอบการไม่มีภาระเพิ่ม ผู้ใช้บริการไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม ดังนั้นเมื่อรวมภาษีสรรพสามิตและส่วนแบ่งรายได้ (ที่หักภาษีสรรพสามิตแล้ว) รัฐในที่นี้ คือ กรมสรรพสามิต และทีโอทีซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% จึงยังคงมีรายได้เท่าเดิม ไม่มีความเสียหายใด
       
       ขณะที่ทีโอทีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ และ มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาโดยชอบด้วยกฎหมาย และใช้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายที่กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายหักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ก่อนนำส่งให้คู่สัญญาสัมปทาน ซึ่งทีโอทีเป็นฝ่ายแจ้งให้เอไอเอสเป็นผู้ปฎิบัติในการชำระภาษีสรรพสามิตแล้วนำไปหักออกจากส่วนแบ่งรายได้ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี และเอไอเอสได้ปฏิบัติตามที่แจ้งมานั้นโดยสุจริต
       
       ศาลดังกล่าวฯ มิได้วินิจฉัยว่า มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมิได้เพิกถอนหรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแต่อย่างใด
       
       การนำภาษีสรรพสามิตมาหักออกจากเงินส่วนแบ่งรายได้ในระหว่างปี 2546 ถึงปี 2550 นั้นทีโอทีไม่เคยเรียกร้องให้ทางเอไอเอสชำระเงินจำนวนดังกล่าว แต่ได้ยืนยันความถูกต้องว่า ได้รับส่วนแบ่งรายได้ครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ด้วยการออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีและคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารที่ออกเพื่อประกันการชำระเงินส่วนแบ่งรายได้มาโดยตลอด
       
       ‘พูดง่ายๆคำสั่งศาลไม่เคยบอกว่าเอไอเอสผิด เพราะคำพิพากษาของศาลผูกพันเฉพาะคู่คดี เป็นธรรมดาที่บอร์ดต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ และเห็นว่าสิ่งที่รมว.ไอซีทีสั่งการมาไม่ถูกต้อง ขนาดบอร์ดทำ 3G ให้เต็มที่ตามที่ต้องการ แต่การเมืองกลับมาแทงข้างหลังบอร์ด อย่างนี้ก็ทำงานร่วมกันไม่ได้’ อดีตกรรมการบอร์ดทีโอทีที่ลาออกก่อนหน้านี้ให้เหตุผลที่บอร์ดต้องเผ่นก่อนถูกเอไอเอสฟ้อง หากทำตามที่รมว.ไอซีทีต้องการ ในขณะที่การเมืองลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น'
       
       แหล่งข่าวกล่าวว่าสำหรับการแต่งตั้งประธานบอร์ดคนใหม่นั้น หากต้องการสนองการเมืองแบบเต็มที่ ก็ต้องตั้งคนที่ไม่มีตำแหน่งแห่งหนใดๆ ไม่ใช่แต่งตั้งประเภทปลัดกระทรวงที่ยังมีอนาคต เพราะต่างคนก็ทำงานอึดอัด การเมืองก็สั่งให้ทำไม่ได้ดั่งใจ หรือ ตัวประธานบอร์ดก็ต้องคิดถึงอนาคตในชีวิตราชการ จะสนองการเมืองแบบหัวชนฝาก็ไม่สามารถทำได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือรมว.ไอซีทีคนปัจจุบันกับปลัดกระทรวงการคลัง
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #105 เมื่อ: วันที่ 24 มีนาคม 2011, 19:36:57 »

เอไอเอสจับมือ 3BB ระเบิดศึกไว-ไฟ

เอไอเอสระเบิดศึกตลาดไว-ไฟบนมือถือกะชนทรูมูฟเต็มๆ จับมือยักษ์ใหญ่บรอดแบนด์ 3BB เปิดบริการ Wifi by AIS-3BB ชูจุดขายไว-ไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ เสริมเครือข่ายมือถือ 3G ที่พร้อมเปิดให้บริการสิ้นปีนี้
       
       นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการใช้งานโมบายล์ดาต้าบนมือถือเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากยอดจำนวนผู้ใช้งานมือถือในเครือข่ายของเอไอเอส ณ สิ้นปีที่แล้วมีประมาณ 31 ล้านเลขหมาย ในจำนวนนั้นมีผู้ใช้ในส่วนของโมบายล์ดาต้าประมาณ 7.2 ล้านเลขหมาย อัตราการเติบโตถึง 15% โดยเชื่อว่าจะเติบโตแซงหน้าจำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอนซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3-4 ล้านรายเท่านั้น
       
       นอกเหนือจากเครือข่ายเอดจ์ พลัสที่เอไอเอสได้ลงทุนขยายไปทั่วไทยตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และเครือข่าย 3G จะทยอยเปิดให้บริการได้บางส่วนตั้งแต่กลางปีนี้ โดยจะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในและอีก 9 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ หัวหิน นครราชสีมา และชลบุรี ความร่วมมือระหว่างเอไอเอสกับทาง 3BB ผู้ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและไว-ไฟ ฮอตสปอต เพื่อเปิดให้บริการใหม่ Wifi by AIS-3BB ถือเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ของเอไอเอสที่สรรหาเครือข่ายที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเอไอเอส เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานบนเครือข่ายของเอไอเอส
       
       นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวเสริมว่า จากการเติบโตของดีไวซ์ใหม่ๆ ที่สามารถใช้งานผ่านไว-ไฟ ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน ไอแพด ประมาณ 3 แสนกว่ารายจากสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้ไว-ไฟได้ทั้งประเทศที่มีอยู่ประมาณ 3-4 ล้านเครื่อง ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการในปัจจุบันเปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น แต่มีความต้องการการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้เอไอเอสจึงมองหาเครือข่ายไว-ไฟเข้ามาเสริมการให้บริการเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเอไอเอสให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
       
       นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือกับเอไอเอสในครั้งนี้เป็นในลักษณะของการโค-แบรนด์ โดยทางเอไอเอสจะดูแลกิจกรรมการทำตลาดทั้งหมด ส่วนทาง 3BB จะดูแลคุณภาพการให้บริการผ่านฮอตสปอตของ 3BB ทั้งหมดกว่า 15,000 ทั่วประเทศ โดยรับประกันความเร็วในการให้บริการสูงสุดที่ 4 เมกฯ
       
       “ปัจจุบัน ทาง 3BB มีฮอตสปอตให้บริการในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% ตอบสนองความต้องการใช้งานในหลากหลายสถานที่ อาทิเช่น ช็อปปิ้ง มอลล์ โรงภาพยนตร์ ร้านหนังสือ ร้านอาหาร ร้านกาแฟชั้นนำ ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอนวิเนียร์สโตร์ เมื่อถึงปีนี้ 3BB จะมีฮอตสปอตให้บริการเพิ่มเป็น 50,000 จุด โดยเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 200 ล้านบาท”
       
       ความร่วมมือเพื่อให้บริการในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นเพราะด้วยจุดแข็งของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเอไอเอสที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเบอร์หนึ่งของประเทศ ส่วนของ 3BB เองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจทางด้านบรอดแบนด์ โดยเฉพาะเรื่องของไว-ไฟ
       
       “เรามั่นใจในคุณภาพและความแรง ในขณะนี้ ยังไม่มีผู้ให้บริการรายใดสามารถให้ความเร็วได้ถึง 4 เมกฯ เท่ากับเรา ผมจึงมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับบริการที่ดีและมีคุณภาพอย่างแน่นอน”
       
       นายสมชัย กล่าวอีกว่า บริการในครั้งนี้ เป็นบริการที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยจะล็อกอินโดยอัตโนมัติ หลังจากการสมัครและเข้าใช้งานครั้งแรก โดยลูกค้าเอไอเอสทั้ง จีเอสเอ็มแอดวานซ์ และวัน-ทู-คอลล์สามารถสมัครใช้งานได้ทันที สำหรับผู้ที่ใช้แพกเกจ GPRS Unlimited Package 799 และ Package 550 จะได้รับสิทธิ์การใช้งานไม่จำกัดฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่ประการใด เพียงแต่ติดต่อ AIS Call Center 1175 เพื่อรับ User Name และ Password ส่วนผู้ใช้บริการแพกเกจอื่น สามารถสมัครใช้บริการในแบบแพกเก ใช้งานไว-ไฟไม่จำกัดแบบรายเดือน 99 บาท โดยสมัครผ่าน *388#
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #106 เมื่อ: วันที่ 26 มีนาคม 2011, 08:17:45 »

  กลุ่มชินพบ“จุติ”เคลียร์ปัญหาไทยคม

  ผู้บริหารกลุ่มชินคอร์ปเข้าพบรมว.ไอซีที ขอความชัดเจนกรณีไทยคม ด้าน ‘จุติ’ ให้ไปเจรจากลุ่มย่อยโดยให้ปลัดไอซีทีเป็นประธานเพื่อหาทางออก และจะประชุมเย็นวันที่ 25 มี.ค.นี้ ส่วนการเจรจาเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญามือถือยังไม่เสร็จ ส่วนการตั้งบอร์ดทีโอทีเล็ง ‘บุญมาก’ เสียบแทนอารีพงศ์
       
       เมื่อวันที่ 24 มี.ค. คณะผู้บริหารกลุ่มชิน คอร์ปอเรชัน นำโดยนายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร ,นายอารักษ์ ชลธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และดร.นงลักษณ์ พินัยนิติศาสตร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยคม พร้อมด้วยนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้เข้าพบนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีที่มีการนำเรื่องเกี่ยวกับไทยคมเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
       
       ทั้งนี้ประเด็นเกี่ยวกับปัญหาไทยคมประกอบด้วย 1.ให้ไทยคมคืนเงินประกันค่าสินไหมจำนวน 6.7 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 200 ล้านบาท ที่ได้จากที่ดาวเทียมไทยคม 3 เสียหาย และต้องปลดระวางก่อนกำหนด 2.จะต้องมีการยิงดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ขึ้นสู่วงโคจร เนื่องจากไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ที่อ้างไม่ใช่ดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ซึ่งกฤษฎีกาได้ตีความแล้วว่าเป็นดาวเทียมดวงใหม่และถือว่าเป็นดาวเทียมนอกสัมปทาน 3.กรณีบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ไทยคมลดสัดส่วนถือหุ้นจาก 51% เหลือ 40% โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. นั้น คณะกรรมการมาตรา 22 ได้สรุปว่าชินคอร์ปจะต้องกลับไปถือครองหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิม คือ 51%
       
       ‘ที่ผู้บริหารกลุ่มชินมาพบผม เพราะเขามาหารือเรื่องไทยคม ซึ่งผมก็ให้กลับไปประชุมกันในกลุ่มย่อย ในการหาทางออก เพื่อไม่ต้องให้มีใครติดคุกแทนใคร’ นายจุติกล่าว
       
       ด้านปลัดกระทรวงไอซีทีกล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า จาก 3 ประเด็นหลักเกี่ยวกับไทยคม ทางเอกชนมีข้อสงสัยว่าทำไมต้องดำเนินการในลักษณะนี้ ซึ่งเอกชนก็ยืนยันว่าที่ผ่านมาทำถูกต้องทุกอย่าง รมว.ไอซีทีจึงมีนโยบายว่าให้ไปหารือกันในการประชุมกลุ่มย่อย ซึ่งทางกระทรวงไอซีทีจะมีการเชิญผู้บริหารกลุ่มชินมาหารือเรื่องดังกล่าวในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ช่วงเย็นเพราะการหารือเรื่องนี้ต้องเชิญอัยการสูงสุด และกฤษฎีกาเข้ามาประชุมหารือด้วย
       
       เจรจาแก้สัญญามือถือยังไม่เสร็จ
       
       นางจีราวรรณในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่กล่าวถึงความคืบหน้าของการเจรจาว่า คงไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จทันเข้าครม.ในวันอังคารที่ 29 มี.ค.นี้ แต่คงจะเป็นเพียงการรายงานความคืบหน้าในการเจรจาให้ครม.ทราบเท่านั้นเนื่องจากภาครัฐได้มีการเสนอให้พิจารณาเกี่ยวผลประโยชน์ตามเงื่อนไขสัญญาที่รัฐวิสาหกิจควรจะได้หากไม่มีการแก้ไขสัญญา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทางเอกชนทั้ง 4 คู่สัญญาคือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) บริษัท ทรูมูฟและบริษัท ดิจิตอลโฟน (ดีพีซี) ขอเวลานำเรื่องดังกล่าวกลับไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทก่อน เพราะผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการเจรจาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
       
       ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จึงให้เวลาเอกชนไปพิจารณาก่อน แต่ไม่ใช่เป็นการซื้อเวลา ในสัปดาห์หน้าต้องกลับมาหารือกันอีกครั้ง ส่วนการนำเข้าครม.ตามที่กำหนดไว้ว่าจะให้เสร็จเดือนมี.ค.นี้คงไม่ทัน อาจจะเข้าไปรายงานความคืบหน้าของการเจรจาเพื่อทราบเท่านั้น’
       
       วางตัว ‘บุญมาก’ ประธานบอร์ดทีโอที
       
       นายจุติกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการทีโอที ที่เหลือเพียง 4 คนจาก 12 คนว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังว่าจะแต่งตั้งใคร แต่การแต่งตั้งกรรมการใหม่เข้ามาแทนผู้ที่ลาออกไปต้องไม่ต่ำกว่า 3 คน รวมคนที่เหลือต้องมีอย่างน้อย 7 คน เพื่อให้มีองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่ง
       
       ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีทีกล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ได้ยื่นใบลาออกจากประธานบอร์ดทีโอทีกับนายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันอังคารที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรมว.ไอซีทีเพิ่งทราบภายหลัง
       
       ‘การลาออกของประธานบอร์ดทีโอทีนั้น รมว.ไอซีทีก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่น่าจะพอใจด้วยซ้ำ เพราะไม่ค่อยสนองนโยบายได้ และรมว.ไอซีทีได้มองไว้ว่าจะตั้งดร.บุญมาก ศิริเนาวกุลขึ้นเป็นประธานแทน ที่เหลือก็สรรหากรรมการเข้าไปให้เกินกึ่งหนึ่ง’
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #107 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2011, 18:48:51 »



ทรูมูฟอัปสปีดไว-ไฟ 8 เม็ก

 ทรูมูฟเกทับเอไอเอส อัปสปีดไว-ไฟเป็น 8 เมก พร้อมทุ่ม 200 ล้านบาท ปรับปรุงเครือข่าย 20,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ และ 20 จังหวัดใหญ่ เชื่อกระตุ้นยอดผู้ใช้โตเท่าตัว
      
       นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรูมูฟกล่าวว่า ความต้องการใช้โมบายดาต้าบนโทรศัพท์มือถือมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะการเติบโตของสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการประเมินกันว่า ในปีที่แล้วยอดขายของสมาร์ทโฟนในประเทศไทยทั้งตลาดมีถึง 2.4 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 30% โดยเชื่อว่า ปีนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนน่าจะมีถึง 4 ล้านเครื่อง เรียกว่าเติบโตถึง 50% เนื่องจากจะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ และวินโดวส์โมบาย 7 อีกหลายสิบรุ่นในปีนี้ ไม่รวมสมาร์ทโฟนอย่างไอโฟน หรือแบล็กเบอรี่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้
      
       จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของสมาร์ทโฟนในประเทศไทยทำให้เชื่อว่า เวลานี้มีมือถือที่เป็นสมาร์ทโฟนอยู่ในตลาดประมาณ 10 ล้านเครื่อง ส่งผลให้มีการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือมากขึ้นตามไปด้วย รวมไปถึงการใช้ผ่านเครือข่ายไว-ไฟ เพราะเครื่องสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่แล้วจะมีไว-ไฟติดมาพร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว และจากการที่ทรูมูฟเป็นผู้ให้บริการมือถือรายแรกๆ ที่นำเสนอรูปแบบการเชื่อมต่อผ่านไว-ไฟ ภายใต้แบรนด์ Wi-Fi by TrueMove ที่ความเร็ว 3 เมกะบิตต่อวินาที ในหลากหลายแพกเกจ โดยมีลูกค้าของทรูมูฟที่ใช้บริการไว-ไฟ อยู่ถึง 2.2 แสนราย เติบโตถึง 130% เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้งานผ่านเครือข่ายไว-ไฟเติบโตกว่า 240%
      
       เพื่อเป็นการยกระดับความคุ้มค่าการใช้บริการผ่านไว-ไฟ ทางทรูมูฟ จึงได้จับมือกับทรูออนไลน์ ด้วยการเพิ่มความเร็วไว-ไฟจากปกติอยู่ที่ 3 เมกเพิ่มขึ้นเป็น 8 เมกทันทีสำหรับผู้ใช้แพกเกจแบบรายเดือนของทรูมูฟในทุกแพกเกจ แล้วจะค่อยทยอยเปิดให้บริการสำหรับผู้ใช้บริการแบบเติมเงินในกลุ่มเน็ตซิมที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนกว่าราย รวมไปถึงกลุ่มที่ใช้เป็นบริการเสริมครั้งคราว
      
       'การที่ทรูเพิ่มความเร็วไว-ไฟในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้มีผู้ใช้บริการ Wi-Fi by TrueMove เป็นเท่าตัว'
      
       นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เวลานี้มีลูกค้าที่ใช้บริการไว-ไฟของทรูทั้งหมดกว่า 5.5 แสนราย โดยเป็นลูกค้าทรูมูฟเกือบครึ่งหนึ่ง สิ่งที่ทรูดำเนินการในวันนี้นอกเหนือจากการอัปเกรดความเร็วของเครือข่ายไว-ไฟ เป็น 8 เมก ซึ่งถือว่า เป็นความเร็วที่แรงที่สุดในตลาดเวลานี้ กลุ่มทรูยังได้เตรียมเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทเพื่อขยายพื้นที่การให้บริการและเพิ่มจุดฮอตสปอตที่มีอยู่วันนี้ 20,000 กว่าจุดทั่วกรุงเทพฯ และขยายไปยังหัวเมืองหลัก 20 จังหวัดภายในครึ่งปีนี้

 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 มีนาคม 2011, 18:51:27 โดย หนอนน้อย » IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #108 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2011, 00:35:28 »



ทรูเพิ่มทุนหมื่นล้านลุย 3G

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น
 
 
       ทรู ประกาศแผนเพิ่มทุน 1.31 หมื่นล้านบาท จากหุ้นคงเหลือที่ยังไม่ได้จัดสรร 6,727,436,752 หุ้น มั่นใจเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินสู่การลงทุนให้บริการ 3G ร่วมกับ กสท และหักชำระหนี้บางส่วน คาดเริ่มเปิดบริการมือถือ TrueMove H สู่ตลาดแมสประมาณไตรมาส 3
      
       นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การประกาศเพิ่มทุนครั้งนี้จุดประสงค์หลักเพื่อหาเงินทุนมาเพิ่มสภาพคล่องให้กับการลงทุนโทรศัพท์มือถือในระบบ 3G ภายใต้แบรนด์ "TrueMove H" ที่ร่วมกับบริษัท กสท โทรคมนาคมในการให้บริการ รวมทั้งเงินจากการเพิ่มทุนบางส่วนจะถูกนำมาลดภาระหนี้ด้วย
      
       "ทรูมองว่าการเพิ่มทุนสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่เลือกการขายหุ้นเพิ่มทุน จะช่วยปรับโครงสร้างให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งทรูก็มีแผนสำรองเตรียมไว้ในกรณีที่ไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามที่ต้องการ เช่น การเปิดขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นใหม่ หรือหาพาร์ตเนอร์มาร่วมทุนด้วย"
      
       โดยก่อนหน้าการเพิ่มทุนครั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2551 ทางผู้ถือหุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้มีการลงมติอนุมัติแผนเพิ่มทุน โดยการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) จำนวน 19,500 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท รวมทั้งหมด 10,000 ล้านหุ้น ซึ่งการเพิ่มทุนในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ถือหุ้นจองซื้อทั้งหมด 3,272,563,248 หุ้น คิดเป็นวงเงินประมาณ 6,832 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.73% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
      
       ส่งผลให้มีมติขายหุ้นที่เหลืออยู่จำนวน 6,727,436,752 หุ้น แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวในวันที่ 11 เมษายน 2554 ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิม : 0.865 หุ้นใหม่ ในราคาเดิมที่ได้กำหนดไว้ก่อนหน้า ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจัดสรรตามสัดส่วนในรอบแรกแล้ว จะจัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือแก่ผู้ถือหุ้นที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินสัดส่วนแต่ไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหุ้น โดยเปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน 2554
      
       นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นมองว่าปัจจุบันกลุ่มทรูมีโครงสร้างหนี้เป็นจำนวนมาก จึงเล็งเห็นว่าควรมีการปรับเพิ่มทุนเพื่อนำมาลงทุน และปรับลดโครงสร้างหนี้
      
       "การที่กลุ่มทรู ปลดล็อกปัญหาเรื่องระยะเวลาสัมปทานโทรศัพท์มือถือที่จะหมดลงในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วยการเข้าร่วมให้บริการโทรศัพท์มือถือบนเครือข่าย 3G กับ กสท แล้ว จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อนำมาลงทุนในบริการดังกล่าวให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลถึงโครงสร้างหนี้เดิมที่อาจส่งผลให้ไม่สามารถลงทุนได้ตามที่กำหนด'
      
       ปัจจุบัน กลุ่มทรูมีเงินกู้ทั้งหมดราว 67,000 ล้านบาท ต้องชำระคืนในปีนี้ประมาณ 5,700 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มทรูสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินการคืนได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีการเพิ่มทุนและหักลบส่วนที่นำไปลงทุนแล้วก็สามารถนำมาหักลดหนี้ส่วนดังกล่าวเพิ่มเติมได้
      
       "ถ้าเราระดมทุนได้ครบ 13,100 ล้านบาท ก็ไม่มีความจำเป็นต้องหาเงินกู้เพิ่มเพื่อมาลงทุนในการให้บริการโครงข่าย 3G ที่มีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ และยังมีเงินส่วนที่เหลือสำหรับไปหักกลบลบหนี้เดิมได้"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 มีนาคม 2011, 00:39:48 โดย หนอนน้อย » IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #109 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2011, 00:38:26 »



ดีแทคปรับราคา "บีบี" ใหม่ เอาใจคนช่างแชต

ดีแทคบุกตลาด BlackBerry ต่อเนื่อง จัดราคาและแพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม 350 บาทใช้อินเทอร์เน็ตไม่จำกัด พร้อมแคมเปญลุ้นแบล็กเบอร์รีฟรี 7 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 7 เครื่อง
       
       ดีแทคเอาใจสาวกแบล็กเบอร์รีปรับราคาเครื่องทุกรุ่น โดย BlackBerry Torch 9800 จะวางจำหน่ายในราคา 18,900 บาท, Bold 9780 ราคา 16,900 บาท, Curve 9300 ราคา 9,990 บาท และ Curve 8520 ราคา 6,990 บาท โดยลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รีจากดีแทควันนี้ ถึง 30 เมษายนนี้ มีสิทธิเลือกใช้งานแพ็กเกจสุดคุ้ม BlackBerry Internet Unlimit ค่าบริการเดือนละ 350 บาท ให้ลูกค้าใช้บริการ BlackBerry Life นานสูงสุด 6 เดือน ประกอบด้วย แชต โซเชียลเน็ตเวิร์ก อีเมล์ พร้อม dtac internet ให้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่จำกัด

นอกจากนี้ลูกค้าลูกค้าดีแทคที่สมัครแพ็กเกจ BlackBerry ทุกแพ็กเกจหรือเปิดใช้ BlackBerry SIM ของแฮปปี้ ยังมีสิทธิลุ้นรับสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รีฟรี 7 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 7 เครื่อง” รวมทั้งสิ้น 49 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 489,510 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2554 โดยจะประกาศผลทุกสัปดาห์ผ่านเว็บไซต์ http://www.happy.co.th/blackberry
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #110 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2011, 00:31:48 »


จิรายุทธ รุ่งศรีทอง

ดีแทคแห้วต่ออดHSPAเชิงพาณิชย์

วิบากกรรมดีแทคกับการให้บริการมือถือ 3G HSPA กสท.ปล่อยให้ทำเชิงพาณิชย์แบบมัดมือชก ด้วยการบีบให้รับเงื่อนไขสละสิทธิการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ หาก ครม.มีมติให้ยกเลิกเพิกถอนการแก้ไขสัญญาสัมปทาน
       
       นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท. กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ครั้งนี้ (31 มี.ค.) ได้มีการรายงานเกี่ยวการอนุมัติให้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดให้บริการมือถือระบบ 3G บนความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ซึ่งเป็นพัฒนาโครงข่ายเดิมด้วยเทคโนโลยี HSPA ทราบ
       
       อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ทางกสท. ได้มีการอนุมัติไปตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2551 แล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยถึงอำนาจการให้สิทธิบริการ จนต้องมีการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการตามมาตรา 22 พระราชบัญญัติว่าด้วยเอกชนร่วมการงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือพ.ร.บ.ร่วมทุน พิจารณา และส่งให้กฤษฎีกาตีความ ซึ่งกฤษฎีกาก็ให้รอดุลยพินิจของคณะกรรมการมาตรา 22 กสท.จึงทำเรื่องเสนอคณะกรรมการดังกล่าวว่า เป็นอำนาจของบอร์ดกสท และคณะกรรมการมาตรา 22 ก็รับทราบ
       
       เมื่อบอร์ด กสท. ให้ดีแทคเปิดให้บริการ HSPA เชิงพาณิชย์ตามสัญญาสัมปทานเดิมได้ กสท.จึงมีการหารือกับฝ่ายกฎหมายแล้วว่า การให้ดีแทคเปิดบริการดังกล่าวต้องมีการป้องกันไม่ให้รัฐเกิดความเสียหาย จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังดีแทคเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ว่าสามารถเปิด HSPA เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องมีหนังสือยืนยันจากดีแทคว่า จะสละสิทธิการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติยกเลิกเพิกถอนการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ซึ่งดีแทคได้มีหนังตอบกลับมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2554 แต่หนังสือตอบกลับยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากดีแทคไม่ยอมรับข้อเสนอ กสท.ในเรื่องสละการเรียกร้องค่าเสียดังกล่าว
       
       “เรื่องนี้เราได้หารือกับฝ่ายกฎหมายแล้วว่า เป็นการป้องกันสิทธิ์ความเสียหายของรัฐ แต่ถ้าดีแทคไม่ยอมรับก็ให้บริการที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์หรือนอนคอมเมอร์เชียลต่อไป หรือถ้าต้องการจะทำ HSPA เชิงพาณิชย์แต่ไม่ยอมรับข้อเสนอ กสท ก็มาขอทำแบบขายต่อบริการหรือรีเซลเลอร์จากโครงข่าย 3G+ ได้”
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #111 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2011, 00:35:51 »



บริษัทวิจัยชี้โทรคมฯไทยล้าหลัง
 
 
ฟรอสต์ แอนด์ ซิลลิแวน ฟันธงโทรคมนาคมไทยยังล้าหลัง ถึงแม้ยอดซิมมือถือจะโตเกิน 100% แต่ก็ไม่ได้เป็นสัญญาณที่ดี เมื่อบรอดแบนด์ไทยมีเพียง 8% ล้าหลังเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาค ระบุหนทางแก้ต้องเร่งเครื่องบรอดแบรนด์และ 3G
       
       นายมาร์ค ไอน์สไตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน อินเตอร์เนชันแนล จำกัด องค์กรที่ให้คำปรึกษาและงานวิจัย กล่าวถึง แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในประเทศไทยว่า หากดูจากการเติบโตของจำนวนซิมมือถือที่เป็น 2G ในปัจจุบัน เกินกว่า 100% ขณะที่สัดส่วนของผู้ใช้มือถือมีถึง 86-87% ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีผลการวิจัยที่ระบุว่า กลุ่มประเทศที่อยู่ในตลาดเจริญแล้ว มักจะเป็นประเทศที่มีการอัตราของซิมต่อครัวเรือนในประเทศมากกว่า 50% ขึ้น จะส่งผลให้ประเทศนั้นๆ มักจะมีอัตราการใช้งานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในอัตราที่สูงด้วย
       
       แต่สำหรับประเทศไทยในส่วนของบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตนั้นกลับมีจำนวนเพียง 8% ของครัวเรือนประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งล้าหลังมาก จะมีเพียง 4 ประเทศที่ประเทศไทยยังนำหน้าอยู่ ประกอบไปด้วย ปากีสถาน อินโดนีเซีย อินเดียเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวการลงทุนทางด้านเครือข่ายของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู รวมไปถึง บริษัท ทีที แอนด์ ที่ จำกัด (มหาชน) หรือทีทีแอนด์ที โดยลงทุนในเรื่อของเพิ่มความเร็วในโหนดมากกว่า ที่จะเป็นการขยายเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกออกไป
       
       นายมาร์คยังกล่าวอีกว่า การที่ประเทศไทยมีความล้าหลังในธุรกิจโทรคมนาคม มีสาเหตุมากจากการขยายตัวของบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่ล้าช้า ซึ่งประเทศไทยควรที่จะมีการใช้งานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตตามบ้านมากกว่านี้ ในประเทศที่เจริญแล้วมีการใช้งานเกิน 30% ขึ้นไป
       
       “แนวโน้มน่าจะดีเมื่อภาครัฐมีแผนทีผลักดันบรอดแบนด์แห่งชาติออกมาในเร็วๆ นี้ น่าจะมีผลดีอย่างแน่นอน”
       
       อีกเรื่องหนึ่งที่ นายมาร์คให้ความสำคัญก็คือ เรื่องของเครือข่าย 3G ที่ประเทศไทยล้าหลังกว่าประเทศอื่นค่อนข้างมาก มีเพียงปากีสถาน บังคลาเทศเท่านั้นที่ยังไม่มี ประเทศอินเดียกำลังเพิ่งเริมต้น แล้วถัดมาเป็นเทศไทย
       
       “หากดูจากแผนการพัฒนาเครือข่าย 4G ในเอเชียจะพบว่า ประเทศไทยยังไม่มีแผนที่จะดำเนินการใดๆ เลย ต่างจากประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายๆ กับไทยหลายๆ ด้าน แต่กลับมีแผนที่จะลงทุน 4G แล้ว”
       
       นายมาร์คยังวิเคราะห์อีกว่า การที่ตลาดโทรคมนาคมของประเทศไทยยังไปไม่ถึงไหน ไม่ว่าจะเป็นเทคน์โลยี 3G หรือบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยถึงแม้จะมีองค์กรอิสระที่กำกับดูแลบริการกิจการโทรคมนาคมแล้วก็ตาม แต่กลับไม่มีอำนาจในการควบคุมที่ชัดเจนพอที่จะบังคับให้เป็นไปตามกรอบนโยบายหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากในประเทศอื่นที่มีอิสระทั้งทางด้านนโยบายและอำนาจในการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ
       
       “ปัญหานี้แตกต่างจากประเทศอื่น ตรงที่ประเทศไทยมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจากมีความซับซ้อนในเรื่องของสัญญาสัมปทานของทีโอทีและกสท เดิมที่เป็นผู้กำกับดูแลแต่หลังจากที่มีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกทช. ที่เข้าทำหน้าที่แทน ทำให้เรื่องการให้บริการโทรคมนาคมกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์แทน”
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #112 เมื่อ: วันที่ 10 เมษายน 2011, 23:08:58 »


นายจอนเอ็ดดี้ อับดุลลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค)


ดีแทคลุยอัปเกรด 3G 1.2 พันล. 

  วุ่นไม่จบ ดีแทคขอความเป็นธรรม บริการ 3G เชิงพาณิชย์ หลัง กสท ตั้งการ์ดสูงมีเงื่อนไขให้ดีแทคสละสิทธิ์ฟ้องร้อง หากครม.มีมติอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้สัญญาเกิดปัญหา หวังแก้ปัญหาจบใน 3-4 เดือนหน้า ตอนนี้ทุ่ม 1,200 ล้านบาทขยาย 3G จำนวน1,220 สถานีฐาน
       
       นายจอนเอ็ดดี้ อับดุลลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า จากกรณีที่บอร์ดบริษัท กสท โทรคมนาคม ไม่อนุมัติให้ดีแทค เปิดให้บริการโครงข่าย 3G เชิงพาณิชย์ได้เนื่องจากดีแทคไม่ยอมรับข้อเสนอที่ทาง กสท ให้ดีแทคยอมยินสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย หากคณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกการแก้ไขสัญญาสัมปทานนั้น ดีแทคพร้อมที่จะพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งคิดว่าน่าจะหาทางออกได้ภายใน 3-4 เดือนนี้
       
       "ผมว่าไม่เป็นธรรมกับดีแทค ทั้งที่เราปฎิบัติตามขั้นตอนด้วยดีมาโดยตลอด"
       
       ทั้งนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว กสท ได้ขอนำคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮริตซ์บางช่วงกลับไป ซึ่งดีแทคก็ยอมโอนคลื่นความถี่บางช่วงไปให้ แต่แล้ว กสท กลับนำคลื่นดังกล่าวไปให้กับทรูมูฟนำไปใช้ ซึ่งไม่ยุติธรรมกับดีแทค ซึ่งหากวันนั้นดีแทคไม่ยอม ดีแทคคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เหมือนอย่างวันนี้
       
       เรื่องการอัปเกรดโครงข่าย 3G นั้นดีแทคได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งได้รับการอนุมัติจาก กสท ให้ดำเนินการได้ แต่ได้เกิดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอำนาจการให้บริการจึงมีการส่งเรื่องไปให้ คณะกรรมการมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ฯ ปี 2535 พิจารณาและส่งให้กฤษฎีกาตีความ ในระหว่างนั้น ช่วงปี 2552 กทช.ได้มีแนวทางที่จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G เชิงพาณิชย์บนคลื่นความถี่ 2.1 เมกะเฮิตรซ์ ดีแทคก็ไปให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมประมูล ซึ่งถือเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อให้บริการ 3G แต่ก็มีคำศาลออกมาทำให้การประมูลเกิดชะงักไป
       
       ดีแทคจึงได้มีการดำเนินการเรื่องของอัปเกรดโครงข่ายอีกครั้ง ประมาณไตรมาส 4 ปี 2553 จนกระทั่งประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางบอร์ด กสท ได้อนุมัติให้ดีแทคเปิด 3G เชิงพาณิชย์ โดยมีเงื่อนไขยินดีสละสิทธิ์การฟ้องเรียกค่าเสียหาย
       
       "เรื่องดังกล่าวเป็นเงื่อนไขใหม่ ที่ไม่มีอยู่ในสัญญาสัมปทานแต่ประการใด ซึ่งไม่เป็นธรรมกับดีแทคทั้งๆ ที่ทั้ง 2 ค่ายกลับสามารถอัปเกรดได้"
       
       นายจอนเอ็ดดี้ อับดุลลาร์กล่าวอย่างมีความหวังว่า ในช่วง 3-4 เดือนต่อจากนี้ไปดีแทคจะทำทุกวิถีทางที่จะหาข้อสรุปออกมาให้ได้ ซึ่งหากไม่มีข้อยุติ ทางออกสุดท้ายคงจะต้องอาศัยบุคคลที่ 3 เข้ามาเจรจา ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น น่าจะมีโซลูชันทางออกไม่ทางใดทางหนึ่งมากกว่า
       
       ถึงแม้จะยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ออกมา แต่ดีแทคก็จะยังคงเดินหน้าลงทุน 1,200 ล้านบาทหรือ 1,220 สถานีฐาน เพื่อขยายโครงข่าย 3G แบ่งเป็น ใช้เงิน 350 ล้านบาทสำหรับติดตั้งสถานีฐาน 3G ที่ทดลองให้บริการในขณะนี้เพิ่มเติมอีก 420 สถานีซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 3 ปีนี้ พร้อมกับจะทำการปรับปรุงโครงข่าย 2G ให้พร้อมรองรับ 3G อีก 850 ล้านบาท จำนวน 800 สถานีฐาน ในกรุงเทพฯ และ 20 จังหวัดไปพร้อมๆ กัน
       
       "หากการเจรจาในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า บรรลุผลดีแทคพร้อมที่จะเปิดให้บริการ 3G ทันที การดำเนินการในครั้งนี้ของดีแทค จะเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะได้มีโอกาสใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่าย 3G ซึ่งทำให้คนไทยจะได้มีโอกาสเข้าถึงดิจิตอลคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น"
       
       ด้านนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่า บอร์ด กสท ต้องมีความรอบคอบ เพราะเกรงเกิดปัญหาด้านกม.ตามมาภายหลัง กรณีดีแทคซึ่งได้รับการอนุมัติให้บริการ 3G HSPA เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องยอมรับเงื่อนไขการสละสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย โดยบอร์ดกสทจะพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวในวันที่ 21 เม.ย.ที่จะถึงนี้
       
       ** ดีแทคแจงปัญหาเน็ตล่ม **
       
       นายจอนเอ็ดดี้ กล่าวว่า กรณีที่โครงข่ายของดีแทค มีปัญหาในการใช้งานทั้งดาต้าและเสียงในช่วงที่ผ่านมานั้น ขอยอมรับว่า มีปัญหาเกิดขึ้นจริง ซึ่งช่วงนี้ทางทีมวิศวกรของดีแทคได้มีการเข้าทำการปรับปรุงโครงข่าย 2G ทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานบ้างในบางพื้นที่ แต่หลังจากที่ปรับปรุงสถานีฐานเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ดีแทคมีโครงข่ายที่พร้อมให้บริการดาต้าได้ดียิ่งขึ้น
       
       การที่ดีแทคให้ความสำคัญกับการให้บริการ 3G นั้น สืบเนื่องมาจากการเติบโตและความต้องการที่เพิ่มขึ้นใน ด้านบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงในประเทศไทย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดีแทคมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการให้ความสำคัญ ต่อประสบการณ์ การใช้งานผ่านการนำเสนอเทคโนโลยี 3G ตลอดจนโซลูชันและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะออกตามมา
       
       “เราขอเป็นเบอร์ 1 ไม่ใช่เบอร์ 2 หรือ 3”
       
       เพื่อให้ความน่าเชื่อถือของโครงข่าย ซึ่งทางดีแทคได้วางแผนการลงทุนเพื่อปรัปปรุงเครือข่ายทั่วประเทศ ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ จะสามารถติดตั้งโครงข่าย 3G ในกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 420 สถานีฐาน คาดว่าจะใช้งบในส่วนนี้ 350 ล้านบาท และจะมีการลงทุนอีก 850 ล้านบาท เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ 3G ในเครือข่าย 2G เดิม ซึ่งภายหลังปรับปรุงจะทำให้ ดีแทคก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางด้านการบริการดาต้าได้อย่างแน่นอน
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #113 เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2011, 01:47:31 »

ทรูจับมือไมโครซอฟท์บุกคลาวด์คอมพิวติง

2 ยักษ์ใหญ่ ไมโครซอฟท์ กับ ทรู ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรในธุรกิจอนาคต คลาวด์คอมพิวติง ระบุตลาดไทยตื่นตัวมากที่สุดในภูมิภาค คาดพร้อมเปิดให้บริการแรกสิ้นปี
      
       นายเควิน เทอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการ ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า จากผลสำรวจล่าสุดของ Springboard Research เกี่ยวกับการใช้คลาวด์คอมพิวติงในประเทศไทยระบุว่า ประมาณ 50% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจวางแผนที่จะใช้งานคลาวด์คอมพิวติงในอนาคต ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ 76% ขององค์กร มองว่า คลาวด์คอมพิวติงเป็นเครื่องมือด้านไอทีที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุอีกว่า คลาวด์คอมพิวติงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปี ทั้งนี้ กว่า 41% ระบุไมโครซอฟท์จะเป็นตัวเลือกของพวกเขาในการใช้งานบริการคลาวด์คอมพิวติงในอนาคต
      
       จากแนวโน้มดังกล่าวไมโครซอฟท์จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยอาศัยศักยภาพทางด้านคลาวด์คอมพิวติงของไมโครซอฟท์ผนึกกับศักยภาพของทรูในส่วนโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อนำเสนอบริการทางเลือกคลาวด์คอมพิวติงเต็มรูปแบบ สำหรับตลาดองค์กรและธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทย รวมไปถึงความร่วมมือในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติงในภูมิภาคนี้ด้วยในอนาคต
      
       'สิ้นปีจะเห็นเซอร์วิสตัวแรกที่จะเปิดให้บริการจากความร่วมมือในครั้งนี้'
      
       นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า คลาวด์คอมพิวติงจะเป็นตลาดที่ 3 ที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะมีบทบาทต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม หลังจากที่ธุรกิจทางด้านนอนวอยซ์ซึ่งถือเป็นตลาดที่สอง เริ่มกลายเป็นแหล่งที่มาของรายได้หลักในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยบริการด้านวอยซ์จะเปลี่ยนบทบาทจากเดิมที่เคยเป็นรายได้หลักให้กับอุตสาหกรรม ก็จะกลายมาเป็นบริการแบบให้เปล่า
      
       ความร่วมมือในครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะพลิกโฉมหน้าของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการสื่อสารของประเทศ ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์และเวิร์กสไตล์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมบริการ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคนไทยจากการใช้บริการคลาวด์คอมพิวติง
      
       'ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นสเต็ปแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ'
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #114 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2011, 22:28:09 »



นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานบอร์ด กสท 

ประธานบอร์ด กสท ชิงออก ทิ้งเก้าอี้ก่อนหมดวาระพ.ค.นี้
 
“วิสุทธิ์” ประธานบอร์ด กสท ทิ้งเก้าอี้ ก่อนหมดวาระพ.ค.นี้ อ้างติดภารกิจ ขณะที่ “จิรายุทธ” ยันไม่ กระทบแผนธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับสัญญาการให้บริการถือรูปแบบใหม่กับทรู รวมถึงการตั้งคำถามจากสตง. ขณะที่บอร์ดอนุมัติแผนธุรกิจ 3G ลงทุน 5 ปี 1.2 หมื่นล้าน และร่วมมือกับ อสมท ทำเคเบิล ทีวี บอร์ดแบนด์ ไวร์เลส
       
       นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ว่า ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงการยื่นหนังสือลาออกของนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานบอร์ด กสท ซึ่งมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 เม.ย.นี้ โดยเหตุผลของการลาออกนายวิสุทธิ์แจ้งว่าติดภารกิจ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
       
       การทิ้งเก้าอี้ประธานบอร์ด กสท ของนายวิสุทธิ์ได้มีการยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นการชิงลาออกก่อนที่จะหมดวาระตามระเบียบบริษัทในการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ประจำปี ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ โดยระเบียบการของบริษัทระบุไว้ว่า กรรมการที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดจะต้องหมดวาระลง
       
       สำหรับกรรมการที่จะหมดวาระ ประกอบด้วยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ และนายวีรชัย คล้ายทอง ซึ่งในการประชุมประจำปีกรรมการที่หมดวาระลงสามารถกลับเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ถือหุ้น ดังนั้น การประชุมบอร์ดในวันที่ 20 พ.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ 4 คนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจจะเป็นคนเดิมก็ได้
       
       นายจิรายุทธกล่าวว่า การลาออกของนายวิสุทธิ์จะไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจของ กสท เพราะขณะนี้ไม่มีโครงการสำคัญที่ต้องพิจารณาอนุมัติ และไม่เกี่ยวกับการที่ กสท เซ็นสัญญาร่วมดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่กับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู รวมไปถึงข้อสังเกตของสำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตั้งคำถามถึงการเซ็นสัญญาดังกล่าวด้วย ซึ่งข้อสงสัยดังกล่าว กสท ได้ชี้แจงกลับไปยังสตง.แล้ว
       
       ส่วนการประเมินการทำงานของกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท นั้น นายจิรายุทธยืนยันว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการประเมิน และยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
       
       พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาอนุมัติแผนธุรกิจการให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ ด้วยเทคโนโลยี HSPA ร่วมกับกลุ่มทรูด้วยงบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาลงทุนราว 5 ปี ตลอดอายุสัญญา 14 ปี 6 เดือน ซึ่งการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์แอ็คเซ็ส ระบบสื่อสัญญาณ (ทรานสมิตชัน) และโครงข่ายหลัก การลงทุนด้วยวงเงินดังกล่าวจะสามารถรองรับการใช้งานของลูกค้าได้ 30 ล้านเลขหมาย และจะเสนอแผนดังกล่าวต่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กับสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
       
       ขณะเดียวกันบอร์ด กสท ยังได้เสนอแผนธุรกิจร่วมกับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก (เคเบิล ทีวี) แบบไร้สาย (บรอดแบนด์ ไวร์เลส แอ็คเซ็ส) บนคลื่นความถี่ 2.6-2.7 กิกะเฮิรตซ์ ที่ อสมท ได้รับการจัดสรรก่อนมีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ด้วยเทคโนโลยี LTE โดย กสท จะเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย เบื้องต้นจะใช้งบลงทุนโครงการดังกล่าว 500 ล้านบาท ส่วน อสมทจะเป็นผู้ผลิตรายการ คาดว่าภายใน 3 เดือนจากนี้จะสามารถให้บริการเฟสแรกในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลได้ ส่วนจะมีการขยายบริการมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการตอบรับของตลาด
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #115 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2011, 22:30:12 »



บอร์ดทีโอทีถามสตง.ใช้อำนาจอะไรถ่วง 3G TOT

บอร์ดทีโอทีเร่งเคลียร์ข้อสงสัย 3G เน้นความโปร่งใส เตรียมร่อนหนังสือถามสตง. 1.ใช้อำนาจอะไร ห้ามไม่ให้ทีโอทีเซ็นสัญญากิจการร่วมค้าเอสแอล 2. มีเหตุผลหรือหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าโครงการนี้ไม่โปร่งใส 3.หากยืนยันว่าไม่ให้ทีโอทีเซ็นสัญญา จะทำให้ทีโอทีเสียโอกาสทางธุรกิจ แล้วสตง.จะรับผิดชอบแทนได้หรือไม่
       
       นายประพันธ์ บุณยเกียรติ โฆษกบอร์ดบริษัท ทีโอที กล่าวว่า บอร์ดมีมติเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาแต่งตั้งนายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์ อัยการสูงสุดเข้าร่วมคณะทำงานพิจารณาโครงการ 3G TOT เพิ่มอีก 1 คน จากเดิมที่มี 4 คน เพื่อเร่งพิจารณาโครงการ 3G ให้มีความโปร่งใส สามารถตอบข้อสงสัยทุกฝ่ายได้ทุกข้อ โดยในขณะนี้บอร์ดทุกคนเริ่มเข้าใจปัญหาและความสงสัยเกี่ยวกับการจัดประมูลที่เกิดขึ้นเริ่มลดน้อยลง เพราะคณะทำงานสามารถตอบได้ครบทุกข้อสงสัย
       
       สำหรับคณะทำงานพิจารณา 3G ประกอบด้วย นายบุญมาก ศิริเนาวกุล นายทวีสิน หิรัญวัฒน์ศิริ พ.อ.อ.จุลจรูญ แสงงำพาล นายประพันธ์ บุณยเกียรติ และนายประสิทธิ์ ศิริภากรณ์
       
       ทั้งนี้ คณะทำงานโครงการดังกล่าวจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 25 เม.ย.นี้ เวลา 13.00 น. ก่อนจะมีการประชุมบอร์ดครั้งต่อไปในวันที่ 29 เม.ย.ที่จะถึง โดยจะมีการนำเรื่องการอนุมัติให้เซ็นสัญญาว่าจ้างกิจการร่วมค้า (คอนซอร์เตียม) เอสแอล ซึ่งประกอบด้วยสามารถคอร์ปอเรชั่น ล็อกซเล่ย์ หัวเว่ย เทคโนโลยี และ โนเกีย ซีเมนส์ เข้าที่ประชุมด้วย แต่จะมีการอนุมัติหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบอร์ด
       
       'ปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มงวดเข้ามาทุกทีแล้ว ถ้าการประชุมคณะทำงานตอบได้ทุกเรื่องก็น่าจะมีมติเซ็นสัญญากับผู้ชนะการประมูลได้ แต่ถ้าบอร์ดยังมีข้อสงสัยเราก็ต้องทำให้เคลียร์ แม้จะช้าไปบ้าง ซึ่ง 3G จะเกิดในรัฐบาลไหนก็ได้ถ้าทุกอย่างโปร่งใส'
       
       ปัญหาหลักที่บอร์ดทีโอทียังไม่อนุมัติให้มีการเซ็นสัญญากับกิจการร่วมค้าเอสแอล เพราะยังมีข้อร้องเรียนจากอีริคสันอยู่ แม้แซดทีอีจะถอนฟ้องไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกอย่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบด้วย
       
       นอกจากนี้ บอร์ดยังมีมติให้ส่งจดหมายไปยังสตง. เพื่อสอบถามสตง.ว่า 1.ใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือพ.ร.บ.อะไรมาห้ามไม่ให้ทีโอทีเซ็นสัญญากิจการร่วมค้าเอสแอล 2. มีเหตุผลหรือหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าโครงการนี้ไม่โปร่งใส 3.หากยืนยันว่าไม่ให้ทีโอทีเซ็นสัญญากับเอสแอล จะทำให้ทีโอทีเสียโอกาสทางธุรกิจ แล้วสตง.จะรับผิดชอบแทนได้หรือไม่ โดยคาดว่าฝ่ายบริหารจะร่างจดหมายและส่งไปยังสตง.ได้ใน 1-2 วันนี้ และจะให้สตง.ตอบคำถามกลับมาภายใน 7 วัน
       
       พร้อมกันนี้ บอร์ดยังได้รายงานถึงการลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดของนายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ และไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นประธานแทน มีเพียงการแต่งตั้งนายประพันธ์ขึ้นมาเป็นรองประธานบอร์ดคนที่ 2 โดยมีนายบุญมาก เป็นรองประธานบอร์ดคนที่ 1 รักษาการประธานแทน
       
       'การลาออกของประธานบอร์ดไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดประชุม เพราะองค์ประชุมบอร์ดเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว'
       
       ขณะเดียวกันบอร์ดยังได้อนุมัติในหลักการโครงการสร้างโครงข่ายอัจฉริยะสำหรับอนาคต (NGN) มูลค่า 10,885 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงข่ายอินเทอร์เน็ต จากเดิมที่ใช้เคเบิลที่มีสื่อนำเป็นสายทองแดงเป็นสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (ไฟเบอร์ ออปติก) เพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) เพราะคู่แข่งสำคัญอย่างกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น และกสทโทรคมนาคมดำเนินการไปแล้ว
       
       ***สตง.ต้องทบทวนบทบาท
       
       แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีทีกล่าวว่าหนังสือของสตง.ที่ส่งถึงทีโอที ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีสื่อบางรายนำไปผูกว่าเป็นสาเหตุของการลาออกของประธานบอร์ดเพราะถูกกดดันหนัก รวมทั้งมีความพยายามที่สื่อออกไปในทำนองโครงการ 3G ของทีโอทีมีปัญหา ถือเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก เพราะหนังสือของสตง.ดังกล่าวไม่ได้แจ้งข้อสงสัยหรือให้ทีโอทีชี้แจงรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเลย เพียงแค่ยอมรับว่าสตง.ยังอ่านเอกสารที่ทีโอทีส่งไปไม่ครบถ้วนเท่านั้น
       
       'ประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตุของการทำงานของสตง.ครั้งนี้ คือ เป็นที่รับรู้ว่าตอนแรกทีโอทีนัดประชุมบอร์ดวันที่ 20 เม.ย. สตง.ก็เลยชิงตัดหน้าส่งหนังสือเพื่อให้เป็นประเด็น และขยายผลในสื่อบางราย ผูกโยงเข้ากับการลาออกของประธานบอร์ด ทั้งๆที่ท่านสุชาติ ส่งหนังสือลาออกตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.แล้วเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับหัวใจ กระบวนการนี้จ้องที่จะล้มโครงการ 3G ของทีโอทีให้ได้'
       
       สำหรับหนังสือสตง.ลงวันที่ 19 เม.ย. ส่งถึงประธานบอร์ดทีโอที ระบุว่า 'ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้สอบถามประเด็นข้อซักถามกรณีการประกวดราคาโครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G และกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้ชี้แจงและส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปให้ทราบตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 และ 2 ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
       
       สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ทราบว่าท่านและกรรมการบางท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการทีโอที แทนประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมที่ได้ลาออกไป สืบเนื่องจากโครงการดังกล่าวยังอยู่ในความสนใจของประชาชน ตลอดจนมีผู้ร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการฟ้องคดีต่อศาลปกครองและศาลมีคำสั่งรับไว้พิจารณา ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี และจากการชี้แจงต่อประเด็นข้อซักถามของกรรมการผู้จัดการใหญ่ แต่ในประเด็นตามข้อร้องเรียนยังไม่ชัดเจนว่ามีความถูกต้องเป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการหรือไม่ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบข้อบังคับ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
       
       ในชั้นนี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จึงแจ้งมาเพื่อขอให้ท่านและคณะกรรมการโปรดพิจารณาทบทวนให้การดำเนินการในกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบถูกต้อง เพื่อให้เกิดโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการมิให้เกิดความเสียหายที่ต้องมีผู้รับผิดชอบและอาจเข้าข่ายตามกฎหมายความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและเพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของทางราชการต่อไป'
       
       แหล่งข่าวกล่าวว่าหากแปลไทยเป็นไทย หมายถึงสตง.ยังอ่านเอกสารที่ทีโอทีชี้แจงมาไม่ครบถ้วนเลย แต่ชิงที่จะเล่นกับเวลาเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ในการส่งหนังสือครั้งที่ 2 คล้ายๆพยายามสร้างกระแสให้เห็นว่าโครงการ 3G ของทีโอที มันน่าสงสัยเสียเหลือเกิน ทั้งๆที่เนื้อความในหนังสือไม่มีอะไรสลักสำคัญเลย
       
       'สตง.ควรจะต้องตรวจสอบและทบทวนบทบาทของตัวเองใหม่โดยด่วน เพราะว่ากันว่าตอนที่เจ้าหน้าที่ทีโอทีหอบแฟ้มเอกสารเข้าไปให้ หางตายังไม่ชำเลืองมองเอกสารเลยแต่บ่นเปรยๆว่าน่าจะล้มโครงการไปเสีย ซึ่งหากดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่นาน โครงการ ASON ของกสท โทรคมนาคม สตง.เจ้าประจำนี่ล่ะยื่นหนังสือสอบถามไป 5-6 ครั้งผ่านไป 2 รมว.ไอซีที จนที่สุดบอร์ดกสทก็เดินหน้าอนุมัติให้เซ็นสัญญา ซึ่งเซ็นกับ ZTE แต่ไม่รู้ว่าทำไมสตง.ไม่ส่งหนังสือไปกสทให้ชี้แจงว่าอุปกรณ์ ZTE โครงการ ASON ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ส่งมอบงานได้หรือไม่ หรือสตง.สนใจแต่ส่งหนังสือท้วงติงตอนประมูลมีผลได้ผลเสียแค่นั้น'
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #116 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2011, 22:33:48 »


ไทยคม 5 วูบไม่ใช่ฝีมือมนุษย์เหตุจุดดำในดวงอาทิตย์ระเบิด

 4 ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ชี้เปรี้ยงปัญหาไทยคม 5 เกิดจากธรรมชาติเพราะจุดดำในดวงอาทิตย์ระเบิดในรอบ 11 ปี ยันไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ก่อนส่งข้อมูลให้ธาเลซ อาลิเนีย สเปซ ประเทศฝรั่งเศส ที่สร้างไทยคม 5 วิเคราะห์สาเหตุคาดสรุปได้ในอีก 2-3 สัปดาห์
       
       เมื่อวันที่ 22 เม.ย.เวลา 15.00 น. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของบริษัท กสท โทรคมนาคมและวิศวกรของ บริษัท ไทยคม ผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงกลาโหม และจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ร่วมประชุมหารือ เพื่อสรุปเหตุการณ์ที่ดาวเทียมไทยคม 5 เกิดขัดข้องด้านเทคนิค เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที เป็นประธาน
       
       นางจีราวรรณกล่าวหลังการประชุมว่า สาเหตุที่ดาวเทียมไทยคม 5 ที่เกิดขัดข้องทางเทคนิค โดยเบื้องต้นสรุปได้ว่าเกิดจากประจุไฟฟ้าสถิตในอวกาศที่เกิดขึ้นสูงทำให้ดาวเทียมขัดข้อง และหลังจากนี้จะต้องมีการวิเคราะห์เกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างดาวเทียมกับสถานีภาคพื้นดิน ซึ่งบริษัทไทยคมจะรวบรวมข้อมูลดังกล่าวส่งให้กับบริษัท ธาเลซ อาลิเนีย สเปซ ประเทศฝรั่งเศส ที่สร้างดาวเทียมไทยคม 5 วิเคราะห์หาสาเหตุการเกิดขัดข้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
       
       สำหรับการประชุมครั้งนี้นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ได้ให้ความเห็นว่าสาเหตุการขัดข้องของไทยคม 5 มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากโซลาร์แฟร์ หรือจุดดำในดวงอาทิตย์ ซึ่งครบรอบ 11 ปีในการระเบิด และเป็นช่วงเวลานี้พอดี ซึ่งเป็นไปได้ว่า การระเบิดของจุดดำในดวงอาทิตย์ได้หันหน้ามายังไทยคม 5 จึงทำให้เกิดประจุไฟฟ้าในปริมาณที่สูง แต่เรื่องนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนรายละเอียดต้องรอผลการวิเคราะห์ของธาเลซ อาลิเนีย สเปซผู้สร้างไทยคม 5 อีกครั้ง
       
       'ขอยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากธรรมชาติ ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญดาวเทียมของเทคโนโลยีมหานครเขาระบุว่าเท่าที่ดูข้อมูลสรุปจากทางวิชาการ ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกิดตามธรรมชาติ 70-80% ค่อนข้างจะแน่นอน และการที่ไทยคมชี้แจงเราไม่ได้เชื่อทั้งหมดจึงต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมหารือ' ปลัดกระทรวงไอซีทีกล่าว
       
       ส่วนวิธีการแก้ไขคงต้องรอบริษัทที่สร้างไทยคม 5 วิเคราะห์ข้อมูลออกมาก่อน แต่เบื้องต้นก็เป็นอย่างที่สรุปดังกล่าว และเมื่อเป็นภัยธรรมชาติคงไม่มีการแก้ไข แต่จะหาวิธีป้องกันหากเกิดขัดข้องในลักษณะนี้อีก ส่วนเรื่องความเสียหายเท่าที่ประเมินเบื้องต้นคือช่วงเวลา 3 ชั่วโมงที่จอทีวีดับ ยังไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าความเสียหายได้
       และต้องรอให้ไทยคมไปหารือกับลูกค้าก่อน
       
       ปลัดกระทรวงไอซีทีกล่าวว่า หากเกิดกรณีนี้ขึ้นอีกตามข้อตกลงผู้ให้บริการสัญญาณดาวเทียมนานาชาติ ผู้ให้บริการดาวเทียมจะขอใช้ดาวเทียมดวงที่อยู่ใกล้ดวงที่ขัดข้องรองรับการให้บริการไปก่อน แต่คงไม่ได้ทั้งหมด ส่วนดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) จะไม่สามารถรองรับการใช้งานได้ เพราะไอพีสตาร์ช่องสัญญาณส่วนใหญ่เป็นความถี่ย่านเค-ยูแบนด์ และคณะกรรมการมาตรา 22ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนร่วมการงานหรือดำเนินในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ก็มีมติแล้วว่าไม่ใช่ดาวเทียมสำรอง เป็นดาวเทียมนอกสัมปทาน ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมีการเจรจากันต่อไป
       
       ***แถลงการณ์ฉบับ 2 ไทยคม
       
       บริษัท ไทยคม ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 กรณีดาวเทียมไทยคม 5 ประสบปัญหาเทคนิค เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาโดย บริษัท ไทยคม แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 16.10 น. ของวันที่ 21 เมษายน 2554 ดาวเทียมไทยคม 5 เกิดความขัดข้องทางเทคนิคทำให้ไม่สามารถรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมได้ สาเหตุของปัญหาในครั้งนี้คาดว่าเกิดมาจากปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Electrostatic Discharge (ESD) จากประจุไฟฟ้าในอวกาศ เพื่อความปลอดภัยของดาวเทียม เมื่อเกิดเหตุผิดปกติในลักษณะนี้ขึ้น ดาวเทียมจะปรับตัวเข้าไปอยู่ใน ระบบปลอดภัย (safe mode) อัตโนมัติ ซึ่งในกรณีนี้ ดาวเทียมได้หันตัวเองไปทางดวงอาทิตย์ ทำให้สัญญาณดาวเทียมขาดหายไป บริษัทฯได้ดำเนินการแก้ไขโดยปรับดาวเทียมไทยคม 5 ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ และเริ่มให้บริการได้เมื่อเวลาประมาณ 18.50 น. โดยสามารถให้บริการได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาประมาณ 20.20 น.
       
       สำหรับเหตุการณ์ ESD นี้ ดาวเทียมไทยคม 5 ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดและดาวเทียมไทยคม 5 ไม่ได้หลุดออกไปจากตำแหน่งวงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออก ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัทฯก็ได้นำสัญญาณโทรทัศน์หลักขึ้นดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) เป็นช่องสัญญาณสำรองด้วย
       
       ทั้งนี้เหตุการณ์ ESD ดังกล่าวไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าและมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก บริษัทฯได้มีมาตรการและกระบวนการจัดการตามมาตรฐานวิศวกรรม โดยมีความพร้อมที่จะทำให้ดาวเทียมกลับมาให้บริการได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
       
       บริษัทฯขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับดาวเทียมไทยคม 5 นี้เป็นเหตุสุดวิสัยนอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ และบริษัทฯได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ดาวเทียมไทยคม 5 กลับมาให้บริการตามปกติได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถให้บริการได้ตามปกติแล้ว และบริษัทฯขอยืนยันว่าดาวเทียมไทยคม 5 ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
       
       สำหรับดาวเทียมไทยคม 5 เป็นดาวเทียมรุ่น Spacebus 3000A ผลิตโดยบริษัท ธาเลซ อาลิเนีย สเปซ แห่งประเทศฝรั่งเศส บริษัทฯส่งขึ้นสู่วงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออก เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2549
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #117 เมื่อ: วันที่ 27 เมษายน 2011, 13:42:07 »


ดีแทคฟ้องศาลระงับสัญญา"กสท-ทรู
 
ดีแทคฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกมติบอร์ด กสท ที่อนุมัติให้ กสท เซ็นสัญญากับกลุ่มทรู และต้องการให้มีคำสั่งยกเลิกธุรกรรมใดๆ ที่เกิดจากสัญญาฉบับดังกล่าว โดยขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการดำเนินงานต่างๆ ตามเงื่อนไขสัญญาจนกว่าศาลจะวินิจฉัยและมีคำสั่งออกมา ด้าน 'จิรายุทธ' ลั่นพร้อมสู้เต็มที่เพื่อปกป้องประโยชน์กสท ด้วยการเดินหน้าสัญญากับกลุ่มทรูต่อไป
       
       นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าว่า วานนี้ (25 เม.ย.) ดีแทคได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้มีการพิจารณาถึงความถูกต้องตามกฎหมายของสัญญาระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม กับกลุ่มบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น ในการร่วมลงทุนเพื่อให้บริการโทรศัพท์มือถือในระบบ CDMA และ HSPA ที่มีการเซ็นสัญญาไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา
       
       การยื่นฟ้องต่อศาลปกครองดังกล่าว ดีแทคร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใน 3 เรื่องหลักคือ 1.ต้องการให้ศาลยกเลิกการอนุมัติของคณะกรรมการ (บอร์ด) กสท ที่มีมติให้ กสท เซ็นสัญญากับกลุ่มทรู 2.ต้องการให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกธุรกรรมใดๆ ที่เกิดจากสัญญาฉบับดังกล่าว 3.ต้องการให้ศาลระงับการดำเนินงานต่างๆ ตามเงื่อนไขสัญญาจนกว่าศาลจะวินิจฉัยและมีคำสั่งออกมา
       
       ผู้บริหารดีแทคย้ำว่า การดำเนินการทางธุรกิจตามสัญญาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหลักการแข่งขันทางธุรกิจ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเข้าข่ายการเลือกปฏิบัติต่อผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่นๆ และเกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม ผู้บริโภค และประเทศไทย ไม่ใช่แค่ดีแทค ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่มีท่าทีอย่างจริงจังเท่าที่ควรเพื่อเป็นการยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ มาตรา 46 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) และไม่ขัดต่อข้อกำหนดของกฎหมายการแข่งขันทางการค้า
       
       'ดีแทคขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ กสท โทรคมนาคม ระงับการดำเนินการต่างๆ ภายใต้สัญญาดังกล่าว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา'
       
       สำหรับการดำเนินธุรกิจมือถือรูปแบบใหม่ระหว่าง กสท กับกลุ่มทรู ได้มีการลงนามในสัญญาหลายฉบับกับบริษัทในเครือทรูคอร์ปอเรชั่น รวมถึงกับบริษัท เรียล มูฟ และบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) เพื่อร่วมลงทุนในการให้บริการธุรกิจมือถือรูปแบบใหม่
       
       ที่ผ่านมา การดำเนินการทางธุรกิจดังกล่าวระหว่าง กสท กับทรู ได้รับการตรวจสอบเนื่องจากมีการหยิบยกถึงความผิดปกติและข้อสงสัยต่างๆ โดยหน่วยงานกำกับดูแลคือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กลุ่มนักวิชาการและหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบหลายฝ่าย รวมถึงสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
       
       แต่รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าการดำเนินการทางธุรกิจดังกล่าวมีความสอดคล้องถูกต้องตามกฎหมาย และส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
       
       “ที่เรายื่นคำร้องต่อศาลครั้งนี้เพื่อให้ศาลวินิจฉัยสัญญาที่ กสท กับทรูทำขึ้น และต้องการให้ศาลตรวจสอบมติบอร์ด กสท ที่อนุมัติ และ กสท ในฐานะที่เป็นองค์กรว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่”
       
       ส่วนกรณีที่ กสท ต้องการให้ดีแทคยอมรับเงื่อนไขหากต้องการให้บริการ HSPA เชิงพาณิชย์นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทคกล่าวว่า ดีแทคได้ยื่นหนังสือถึง กสท เมื่อเช้าวันที่ 25 เม.ย. ว่ายอมรับทุกเงื่อนไข และไม่เกี่ยวกับการยื่นคำร้องต่อศาลครั้งนี้ แต่การให้บริการ HSPA 3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz เป็นกระบวนการของการเจรจาทั้งกับ กสท และ กสทช.
       
       'เมื่อการเจรจาเดินไปถึงที่สุดแล้วไม่เป็นผลเราก็ต้องพึ่งกระบวนการยุติธรรม เพราะเราเชื่อมั่นในกระบวนการนี้ หากศาลตัดสินออกมาแบบไหน ดีแทคก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม'
       
       ด้านนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่ากสทได้มีการหารือกับทีมกฎหมายทันทีที่รู้ว่าดีแทคฟ้องศาลปกครอง โดยจุดยืนของกสทสำหรับกรณีนี้คือต้องรักษาประโยชน์ขององค์กรเต็มที่ ซึ่งหมายถึงจะพยายามทำทุกทางให้สัญญาที่ลงนามไปกับกลุ่มทรูเดินหน้าต่อให้ได้ และไม่ให้กระทบธุรกิจทั้งของกสทและบริษัท เรียลมูฟ และบริษัท เรียลฟิวเจอร์ บริษัทลูกในกลุ่มทรู ในฐานะคู่สัญญาที่ผ่านการพิจารณาร่วมมือกันอย่างรอบคอบ
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #118 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2011, 01:40:32 »



3 ค่ายไทยขาย "iPhone 4 สีขาว" พร้อมสหรัฐฯ

ถือเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของประเทศไทยสำหรับ "ไอโฟน 4 สีขาว" ที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมสหรัฐอเมริกา โดยทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์ในประเทศไทยประกาศขายไอโฟน 4 สีขาวแล้วตามกำหนดวันวางจำหน่าย 28 เมษายน 54 แหล่งข่าวเผยสินค้าล็อตแรกมาน้อยและอาจจำหน่ายหมดภายในปลายสัปดาห์นี้ เชื่อยอดขายไอโฟน 4 ในไทยกระฉูด ทำให้ไทยเป็นประเทศกลุ่มแรกที่ได้ไอโฟน 4 สีขาวมาวางจำหน่ายก่อนประเทศอื่น
       
       "เป็นเจ้าของ White iPhone 4 ได้แล้ววันนี้ที่ทรูมูฟสแควร์ (สยามสแควร์ซอย 2) รับเครื่องได้ทันที ของมีจำนวนจำกัด" ข้อความจากเว็บไซต์ทรูมูฟระบุไว้เช่นนี้ โดยที่ทรูมูฟยังไม่มีการแถลงรายละเอียดใดๆเพิ่มเติม
       
       แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคมให้ข้อมูลว่า การที่ทรูมูฟได้รับเครื่องไอโฟน 4 สีขาวมาจำหน่ายเป็นกลุ่มแรกในโลกนั้นเป็นเพราะทรูมูฟได้รับการจัดอันดับจากแอปเปิลว่ามีความน่าเชื่อถือดีเยี่ยมทั้งในแง่การขายและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยสาเหตุที่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างเพราะสินค้ามีจำนวนจำกัด คาดว่าจะจำหน่ายหมดเกลี้ยงก่อนปลายสัปดาห์นี้
       
       "ทรูคงรอดูว่าสต็อกสินค้าจะเป็นอย่างไร แต่คิดว่าน่าจะขายหมดใน 3 วันนี้เพราะสินค้ามาน้อย จากนั้นไอโฟน 4 คงจะขายผ่านร้านไอสตูดิโอทุกสาขา ตามช่องทางการจำหน่ายเดิม และทรูคงจะประชาสัมพันธ์ผ่านเครื่องมือออนไลน์อย่างเครือข่ายสังคม เว็บไซต์ และสื่อโฆษณาเช่นเดิม"
       
       ขณะที่ดีแทค ได้มีการประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์เช่นเดียวกันว่า "dtac iPhone 4 สีขาว มีขายที่ศูนย์ dtac ในสาขาที่เป็น Service Hall อย่าง จามจุรีสแควร์ / สยามพารากอน / Central World / Paradise Park เท่านั้น โดยโปรโมชั่นเพิ่มการผ่อนจากหกเดือน เป็นสิบเดือน ส่วนเรื่องจำนวนเครื่อง ทาง dtac ฝากบอกมาว่า มีเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน"
       
       ส่วนทางเอไอเอส แม้จะไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ออกสื่อมากนัก แต่ภายในหน้าแฟนเพจของเอไอเอส ระบุข้อมูลว่า "ลูกค้าเอไอเอส สามารถซื้อ iPhone 4 ทั้งสีดำและสีขาว ทุกรุ่น ได้รับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิต Citibank / KBANK / KCC (บัตรกรุงศรี) / SCB / ธนชาตและนครหลวงไทย / KTC ที่ AIS shop ทุกสาขาทั่วประเทศ และร้านเทเลวิซที่ร่วมรายการค่ะ"
       
       อย่างไรก็ตาม การวางจำหน่ายไอโฟน 4 สีขาวในวันนี้ (28 เมษายน 54) นั้นล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมราว 10 เดือน ทั้งหมดนี้แอปเปิลให้ข้อมูลว่า การพัฒนาไอโฟน 4 สีขาวนั้นมีความยุ่งยากมากกว่าการเปลี่ยนสีจากดำเป็นขาว เพราะแอปเปิลต้องเปลี่ยนแปลงทั้งวัสดุใหม่ ปรับระบบการทำงานตัวเครื่องใหม่ โดยเฉพาะระบบเซ็นเซอร์ซึ่งจะทำงานผิดเพี้ยนในตัวเครื่องสีขาว
       
       จุดนี้ ฟิล สคิลเลอร์ (Phil Schiller) ผู้นำทีมพัฒนาไอโฟน 4 สีขาวออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไอโฟน 4 สีขาวจำเป็นต้องออกแบบใหม่ทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้ระบบเซ็นเซอร์สามารถทำงานได้ดีในสภาพโปร่งแสงมากกว่าเครื่องสีดำ ซึ่งที่ผ่านมา มีข่าวลือว่าแอปเปิลเพิ่งค้นพบวัสดุใหม่ที่เหมาะสมกับการใช้ในสีขาวจากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นรายหนึ่ง ทำให้แอปเปิลสามารถแก้ปัญหาโปรแกรมถ่ายภาพในไอโฟน 4 สีขาวได้สำเร็จ เพราะบางรายงานชี้ว่า การทดสอบถ่ายภาพพร้อมเปิดแฟลชในไอโฟน 4 สีขาวซึ่งใช้วัสดุเดิมนั้นพบว่าภาพที่ได้มีความสว่างมากแบบผิดปกติ การเปลี่ยนวัสดุจึงทำให้ปัญหานี้แก้ไขได้
       
       สนนราคาไอโฟน 4 สีดำและขาวนั้นเท่ากัน โดยรุ่น 16GB นั้นอยู่ที่ 22,250 บาท (เครื่องเปล่า) และ 20,650 บาท (พร้อมซื้อแพคเก็จใช้งาน) รุ่น 32GB ราคา 26,000 บาท (เครื่องเปล่า) และ 23,900 บาท (พร้อมสมัครแพคเก็จ)
       
        ** แอปเปิลให้ชาร์ปผลิตหน้าจอให้ไอโฟน 6 **
       
       ล่าสุดมีรายงานจากหนังสือพิมพ์ Nikkan ของญี่ปุ่น ว่าแอปเปิลได้เซ็นสัญญากับบริษัทชาร์ป ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ชาร์ปทำหน้าที่ผลิตหน้าจอแอลซีดีแบบโพลีซิลิกอน (Poly-silicon) ให้แก่ไอโฟน 6 ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในปี 2012
       
       ข้อมูลระบุว่า ชาร์ปจะเริ่มดำเนินการผลิตหน้าจอให้แก่แอปเปิลในเดือนมีนาคมปี 2012 โดยจะจัดเตรียมอุปกรณ์ในโรงงาน Kameyama Plant หมายเลข 1 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตจอ LCD TV ของชาร์ปในเมือง Mie Prefecture หน้าจอดังกล่าวจะเป็นแบบคริสตัลเหลว ที่ใช้เทคโนโลยีโพลีซิลิกอนอุณภูมิต่ำ ซึ่งช่วยให้หน้าจอมีความบาง และน้ำหนักเบากว่าหน้าจอแบบเดิม อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้หน้าจอแอลซีดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาพที่ปรากฏมีสีสันสดใสและมีความทนทานมากขึ้นอีกด้วย
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #119 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2011, 01:42:16 »



ทรูประกาศจุดยืน ร่วมรบเคียงข้างกสท

ทรูประกาศจุดยืนขอร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ กสท ตอกกลับดีแทคไม่สร้างสรรค์ ส่งผลกระทบผู้บริโภคร่วมล้าน หากปิดระบบสื่อสาร พร้อมเสนอขอเป็นจำเลยร่วม ดีแทคจ๋อยถูกปิดประตู 3G
       
       นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดแถลงข่าวด่วนต่อกรณีที่บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 ให้ศาลมีคำสั่งให้กสท โทรคมนาคม ระงับการดำเนินการต่างๆ ตามสัญญาระหว่าง กสท โทรคมนาคมกับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ในการร่วมลงทุนเพื่อให้บริการสื่อสารในระบบซีดีเอ็มเอ (CDMA) และเอชเอสพีเอ (HSPA) ว่าทางออกของดีแทคเป็นวิธีการที่ไม่สร้างสรรค์
       
       "ทั้งๆ ที่ดีแทคมีทางออกในการพัฒนาบริการด้าน 3G แต่กลับเลือกที่จะยับยั้งการดำเนินงานของกสท แทน ซึ่งกระทบทรูด้วย ที่ผ่านมาทรูทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์มาโดยตลอดและไม่เคยขัดขวางคู่แข่งแต่ถ้าคู่แข่งใช้กฎหมายโจมตีและขัดขวางความก้าวหน้าของประเทศที่จะมีโอกาสเข้าถึงบรอดแบนด์ไร้สาย ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทางกลุ่มก็ขอสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกสท"
       
       นายศุภชัยยังระบุอีกว่า ข้อกล่าวหาของดีแทคที่ยื่นต่อศาลให้ยับยั้งการให้บริการในสัญญาระหว่างกสท กับทรูนั้น ความจริงแล้วสัญญานี้ผ่านการตีความสัญญาโดยอัยการสูงสุดแล้วจึงมีลงนามในสัญญา แต่ในทางกลับกัน สัญญาสัมปทานของดีแทคที่ก่อนหน้านี้เคยมีการแก้สัญญาสัมปทาน และได้มีการตีความจากอัยการว่า เข้าข่ายพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ และต้องผ่านการเข้าสู่พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ก็ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตามมาตรา 22 ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย
       
       นายศุภชัย ยืนยันว่า ทรูยังคงให้บริการโทรศัพท์มือถือตามสัญญารูปแบบใหม่ที่ทำร่วมกับ กสท ในการให้บริการ 3จี เพราะดำเนินงานอย่างถูกต้อง โดยภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ก็จะให้บริการ 3G ได้ครอบคลุม 20 จังหวัด และภายในสิ้นปีจะครอบคลุมทั่วประเทศ ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุนของทรูในขณะนี้มีลูกค้าถามเข้ามาเกี่ยวกับกรณีนี้ แต่การดำเนินงานของทรูและกสท.ทำถูกต้องตามกฎหมาย คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบและมั่นใจว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนจะประสบความสำเร็จ
       
       “การฟ้องในลักษณะนี้ของดีแทค ได้ทำการวิเคราะห์มาแล้วตอนที่จะเข้าซื้อฮัทช์ ซึ่งขณะนี้ทรูลงทุนในการดำเนินงานแล้วกว่า 6,300 ล้านบาทในการซื้อฮัทช์ และการขยายโครงข่ายเอชเอสพีเอ”
       
       นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ไม่เข้าใจดีแทคว่ามาฟ้องอะไรตอนนี้ เพื่อเขย่าความมั่นใจของลูกค้า หรือสร้างความไม่มั่นใจให้นักลงทุน ก็ไม่อาจคาดเดาได้ อย่างไรก็ตามดีแทคก็มีผู้ถือหุ้นที่มีความแข็งแกร่งพร้อมที่จะลงทุน ซึ่งทำไมไม่เลือกที่จะลงทุนเพื่อมาแข่งขันกัน ซึ่งมองว่าหากดีแทคถอนฟ้องแล้วทำธุรกิจอย่างสร้างสรรค์จะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
       
       ทางด้านนายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการและหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมาย กลุ่มทรู กล่าวว่า ตอนนี้ทรูได้ยื่นขอดูคำร้องของดีแทคจากศาลปกครองกลางแล้ว เพื่อขอคัดค้านคำร้อง ซึ่งการออกมาแถลงข่าวเพราะมีความกังวลว่าจะกระทบกับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบซีดีเอ็มเอกว่าล้านคน
       
       สัมปทานของดีแทคมีการตีความแล้วว่าเข้าข่ายพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แต่ดีแทคก็ยังดำเนินการอยู่ ในขณะที่สัญญาของกสท-ทรู การตีความโดยอัยการสูงสุดแล้วว่าไม่เข้าพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แต่ทำไมดีแทคไม่หยุด
       
       “ทรูพร้อมเสนอตัวเป็นจำเลยร่วม” นายอธึกยืนยันความเป็นพันธมิตรกับทางกสท
       
       ทางด้านนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกระทำของดีแทคส่งผลกระทบต่อการอนุมัติการให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิมแบบเอชเอสพีเอในเชิงพาณิชย์จำนวน 1,220 สถานีฐานอย่างแน่นอน เพราะกสท จะไม่อนุมัติและทบทวน โดยจะส่งหนังสือไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการให้อนุมัติ โดยเฉพาะอัยการสูงสุดเพื่อสอบถามว่า กสท ยังมีอำนาจในการอนุมัติให้ดีแทคทำ 3G เชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหากกสท อนุมัติให้ดีแทคทำ 3G แล้วอาจจะมีบริษัทอื่นฟ้องร้องอีก
       
       "ก่อนหน้านี้ได้ไปพบปะกับผู้บริหารดีแทคเพื่อกระชับความสัมพันธ์หลังจากผู้บริหารใหม่ของดีแทคเข้ามารับตำแหน่งเป็นครั้งแรก ซึ่งวันนั้นดีแทคไม่ได้พูดถึงเรื่องการฟ้องทำให้เกิดความไม่พอใจ ซึ่งปัจจุบันคดีฟ้องร้องระหว่างดีแทคกับ กสท มีอยู่ประมาณ 30 คดี รวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท" นายจิรายุทธกล่าว
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!