<<<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #3 >>>>

[OASIS]

 

[OASIS]

เปิดตัว Yamaha Tracer 700

และแล้วสิ่งที่หลายๆ คนคาดหมายก็เกิดขึ้นจนได้ กับเจ้ารถแนวสปอร์ต-ทัวร์ริ่งในคลาส 700 คันล่าสุด
จากค่าย Yamaha อย่าง Tracer 700 ที่มีภาพหลุดขณะวิ่งทดสอบกันก่อนหน้านี้ในช่วงปีที่ผ่านมา และวันนี้
ก็ถึงเวลาที่ทางค่ายนั้นเปิดตัวรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการแล้ว เราลองไปดูรายละเอียดของมันเลยดีกว่า

โดยชื่ออย่างเป็นทางการของโมเดลนี้ก็คือ Yamaha Tracer 700 (ไม่ใช่ MT-07 Tracer อย่างที่หลายๆ คนเดาไว้ตอนแรก)
โดยแน่นอนว่ามันจะมีพื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกันกับ MT-07 ที่เป็นแนวเนกเกต กับขนาดความจุของกระบอกสูบเครื่องยนต์ที่
689cc 2 สูบเรียงแบบ Crossplane ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 75 ตัว และมันมีสไตล์ของการออกแบบที่คล้ายคลึงกับ MT-09 Tracer
ที่นำความเป็นทัวร์ริ่งมาผสมผสานกับอารมณ์สปอร์ต ให้ใช้งานได้หลากหลาย และมีราคาที่ไม่สูงมากนัก

เจ้าโมเดลนี้มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือ ให้สวิงอาร์มมายาวกว่ารุ่น MT-07 ถึง 50 mm ด้วยกัน และฐานล้อนั้น
อยู่ที่ 1,450 mm ส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นก็มีระยะยุบตัวคืนตัวยาวขึ้นมากกว่าปกติ และมีความนุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม
เพื่อให้เหมาะสมสำหรับการเดินทางที่มีหลากหลายสภาพถนนนั่นเอง

ในส่วนต่อมาก็คือความจุถังน้ำมันที่จากเดินในรุ่น MT-07 นั้นมีอยู่ 14 ลิตร แต่เจ้า Tracer 700 ก็ขยาย
มาให้เป็น 17 ลิตร ซึ่งเหมาะสมสำหรับการเดินทางไกลออกทริปเอามากๆ และในส่วนของชิลด์กันลมหน้านั้น
สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้ และในส่วนของไฟเลี้ยวหน้านั้น มีตำแหน่งในการวางติดกันกับการ์ดแฮนด์เลย
ส่วนของไฟหน้านั้นเป็นแบบสองดวง (dual headlights) โดยอุปกรณ์เสริมในล็อตแรกมาพร้อมกันกับกล่องเก็บของด้านข้าง
ความจุ 20 ลิตร และ top box ขนาดใหญ่ถึง 39 ลิตร รวมไปถึงชิลด์หน้าขนาดสูงกว่าปกติให้เลือกกันอีกด้วย

โดยจะเริ่มส่งมอบรถกันอย่างเป็นทางการ (ที่ฝั่งยุโรป) ในเดือนกรกฎาคมที่จะมาถึงนี้ โดยมีสำให้เลือกสามสีคือ
แดง, น้ำเงิน และดำนั่นเอง สนนราคาของมันก็อยู่ที่ประมาณ 315,000 บาท ส่วนบ้านเราจะนำเข้ามาขายหรือไม่
ก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่ก็ถือว่ามีโอกาสเป็นไปได้ทีเดียว เพราะตัว MT-09 Tracer นั้นก็ขายในบ้านเรา
อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว สำหรับตระกูลเดียวกันอย่างคันนี้ Tracer 700 ก็น่าจะเข้ามาทำตลาดเช่นเดียวกัน

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

ภาพสิทธิบัตรยืนยัน Honda NeoWing เวอร์ชั่นขายจริงใกล้สมบูรณ์แบบ

ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า Honda กำลังพัฒนามอเตอร์ไซค์สามล้อ Honda NeoWing เวอร์ชั่นขายจริง
เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดของรถประเภทนี้ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

Honda NeoWing Concept ที่ได้เผยโฉมครั้งแรกใน Tokyo Motor Show 2015 แม้ว่าจะมีรูปทรงที่ดูล้ำไปซักนิด
แต่รถมอเตอร์ไซค์สามล้อคันนี้ก็ถูกออกแบบมาเพื่อผสมผสานระหว่างความรู้สึกในการเข้าโค้ง, การควบคุมที่คล่องตัว
ในความเร็วสูงตามฉบับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ และความมั่นคงที่ความเร็วต่ำ,เสถียรภาพในการขับขี่ตามฉบับของรถยนต์

นอกจากนี้ Honda NeoWing ยังมีการใช้ระบบ Hybrid ซึ่งเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์สี่สูบนอน
กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มแรงบิดและเพิ่มอัตราเร่งให้มีความต่อเนื่องมากขึ้น และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา
ระบบเกียร์และเฟืองท้ายก่อนที่จะนำมาผลิตขายจริงๆ

ในส่วนของเฟรมจะมีการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกับ Honda GoldWing รุ่นใหม่อย่างน้อยสองชิ้น และชิ้นส่วน
ชุดบังคับเลี้ยวด้านหน้าจะใช้โครงสร้างช่วงล่างแบบ Double-Wish bone เป็นพื้นฐานในการออกแบบ ซึ่งแน่นอนว่า
องศาล้อนั้นสามารถเอียงไปมาแบบเดียวกับ Yamaha Tricity ที่เราคุ้นเคยกันดี และสุดท้ายราคารถนั้นน่าจะ
แพงกว่า GoldWing ที่มีราคา 23,499 British Pound (1,175,000 บาท) นิดหน่อยนั่นคือราวๆ 25,000 British Pound
(1,250,000 บาท)

http://www.motorival.com/honda-neowing-soon/

[acmilan777]

เผาครับเผา เอาฮื้อมันหมดๆไปเหีย เฮ้อ.......

ผ่านบ้านผาแดงลีซอบ่อแวะหากันเน้อ แวะมาทักท้ายครับ ท่าจะม่วน

[OASIS]

เผาครับเผา เอาฮื้อมันหมดๆไปเหีย เฮ้อ.......

ผ่านบ้านผาแดงลีซอบ่อแวะหากันเน้อ แวะมาทักท้ายครับ ท่าจะม่วน

ผาแดงลีซอ เส้นทางผ่านบ่อย ไว้มีโอกาสแวะพัก  จะใดเห็นแล้วทักทายตวยครับ

[OASIS]

HJC ร่วมมือกับ Marvel เปิดตัวหมวกกันน็อกลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ

ทางด้านแบรนด์หมวกกันน็อคดังอย่าง HJC นั้นได้ร่วมมือกับทาง Marvel Comics ผลิตหมวกกันน็อค
ที่มีการผสมผสานลวดลายของเหล่าตัวการ์ตูนฮีโร่ จากทางค่ายมาร์เวลมาเป็นลวดลายสุดเจ๋งบนหมวกกันน็อค
ซีรี่ย์ใหม่ของตัวเอง ซึ่งจะมีตั้งแต่ไซส์ XS ไล่ไปจนถึง 5XL เรียกได้ว่าใส่กันได้กับศีรษะทุกขนาดเลยทีเดียว
งานนี้เรียกได้ว่าจับตลาดได้ตรงจุด เพราะเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายที่ชื่นชอบในตัวละครของค่ายนี้ถือว่า
มีไม่น้อยเลยทีเดียว เราลองไปดูรายละเอียดและราคาของแต่ละแบบกันเลยดีกว่า

กับตัวการ์ตูนสุดดังประจำค่าย (โดยเฉพาะในเวอร์ชั่นภาพยนตร์) อย่าง IRON MAN ที่โทนสีในการออกแบบนั้น
ถอดแบบออกมาจากชุดเกราะของ โทนี่ สตาร์ค กันเลยทีเดียว งานนี้เชื่อว่าคนที่สวมใส่มันจะได้ฟีล
เหมือนกับตัวเองกำลังเป็น IRON MAN แน่ๆ

มาถึงตัวละครสุดดาร์คจากทางค่ายอย่าง The Punisher แน่นอนว่าโทนสีในการออกแบบนั้นก็มาพร้อมกับสีดำด้าน
และลายหัวกระโหลกอันดุดัน เหมาะกับพวกขาซิ่งโหดๆ ทั้งหลาย

อีกหนึ่งตัวละครจาก Marvel ที่ทั่วโลกรู้จักกันดีอย่าง Captain America ที่อีกไม่นานก็จะมีหนังเดี่ยวของเค้า
เข้าฉายกันอย่าง Civil War นั่นเอง มาพร้อมกับลายสีน้ำเงินอันเป็นชุดประจำตัวของกัปตันเอง และปีกที่หมวกทั้งสองด้าน
เรียกได้ว่าออกแบบมาเหมือนกันกับหน้ากากของกัปตันกันจริงๆ เลยทีเดียว

Iron Man ราคาประมาณ 8750 บาท

The Punisher ราคาประมาณ 6,000 บาท

Captain America ราคาประมาณ 6,000 บาท

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

Erzbergrodeo 2015 - Red Bull Hare Scramble - Exclusive scenes with TOP RIDERS

[OASIS]

 

[OASIS]

2016 Suzuki GSX-S750 ABS

Suzuki GSX-S750 ถือว่าเป็นรถบิ๊กไบค์ทรงเนกเกตที่ใช้พื้นฐานมาจากรถทรงสปอร์ตจากค่ายเดียวกันอย่าง GSX-R750
โดยดัดแปลงให้มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองมากขึ้น จากการถอดแฟร์ริ่งออกและใช้แฮนด์บาร์
เพื่อให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมือนกับเป็นธรรมเนียมในรถบิ๊กไบค์ปัจจุบันนี้ไปแล้วเมื่อออกตัวสปอร์ต
ก็มักจะมีทรงเนกเกตตามมานั่นเอง

ซึ่งเจ้า GSX-S750 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 749cc 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด รหัส S
ที่ถูกใส่มานั้นก็บ่งบอกความหมายที่ตรงตัวอย่าง street-friendly ซึ่งตัวเครืองนั้นได้ถูกปรับจูนมาเพื่อให้ความสำคัญ
กับการส่งกำลังอันดุดันในช่วงต้นถึงช่วงกลาง แทนที่ความเร็วปลายแบบจัดๆ ของตัวสปอร์ตอย่าง R (racing)
ซึ่งตัว S นี้เมื่อทางเรามองเห้นในแวบแรก รู้สึกเลยว่ามันดูหล่อและทันสมัยมากๆ ถือว่าทีมออกแบบของซูซูกิ
ทำการบ้านมาดีทีเดียว คู่แข่งโดยตรงของมันก็หนีไม่พ้นเพื่อนร่วมชาติอย่าง Z800, MT-09 ที่เป็นรถเนกเกตในคลาสที่ใกล้เคียงกัน

GSX-S750 นั้นยังคงเปลี่ยนแปลงรูปแบบของตัวโครงรถจากตัว R โดยทำการโมดิฟายด์ ทวิน-สปาร์ อลูมิเนียมเฟรม ใหม่
ในส่วนของยางรถนั้นเลือกใช้ของ Dunlop D214 แต่ในทางกลับกันตัว GSX-S750 นั้นก็ได้ลดต้นทุนลงในบางส่วน
เพื่อทำให้ราคาถูกลง อย่างการตัดตัว radial-mount ออกจากดิสก์เบรกหน้า (ในขณะที่ตัว R นั้นใช้ radial-mount ของ Brembo)
ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นใช้โช้คหน้าแบบกลับหัว และโช้คหลังนั้นใชแบบสปริงที่สามารถปรับระยะ preload ได้

ในส่วนของการดีไซน์ตัวบอดี้ ถังน้ำมัน และเฟรมนั้นถูกออกแบบมาใหม่ ด้วยเส้นสายที่เฉียบคม เสริมลุคส์ให้ดูแรงๆ
ส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นใช้แบบ analog/LCD ผสมกัน ซึ่งก็บอกรายละเอียดได้อย่างครบครัน
และแน่นอนว่าความสว่างของหน้าจอก็สามารถปรับได้ด้วย และทาง Suzuki เองก็ได้ทำเวอร์ขั่น Z สำหรับเจ้าตัวนี้
มาสำหรับคนที่ชอบสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร หากคุณเพิ่มเงินอีกราว 5,000 บาท คุณก็จะได้สีน้ำเงินเมทัลลิกไทรทันและขาวมุก,
โช้คหัวกลับสีทอง, ตัว spring preload สีแดง, โช้คสีแดง และโซ่สีน้ำเงิน ในเวอร์ชั่นพรีเมี่ยมที่เรียกว่า GSX-S750Z

สเปกโดยละเอียด
เครื่องยนต์: 749cc 4 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ, DOHC, 16-วาล์ว
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก: 72.0 x 46.0mm
แรงอัด : 12.3:1
ระบบจ่ายน้ำมัน : หัวฉีด
คลัทช์: แบบเปียก multi-plate, cable actuation
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่
โช้คหน้า: โช้คหัวกลับแบบ coil spring; TBD in. travel
โช้คหลัง: โช้ค coil spring; TBD in. travel
เบรกหน้า: ดิกส์คู่ 310mm
เบรกหลัง: ดิสก์เดี่ยว 240mm
ยาง: Dunlop D214 หน้า 120/70-17, หลัง 180/55-17
น้ำหนัก : 213 กก.
ระยะฐานล้อ : 1450 mm
ความยาว : 2115 mm
ความกว้าง : 784.8 mm
ระยะห่างจากพื้น : 144.78 mm
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 815.34 mm
ความจุถังน้ำมัน : 17.4 ลิตร
ราคา: ประมาณ 260,000 บาท สำหรับรุ่นธรรมดา; 265,000 บาท สำหรับรุ่น Z
สี: GMetallic Triton Blue / Pearl Glacier White สำหรับรุ่น Z ; Metallic Matte Black สำหรับรุ่นธรรมดา

สำหรับบ้านเราแล้วก็ต้องรอดูกันต่อไปทางทางไทยซูซูกิจะนำเข้ามาจำหน่ายหรือเปล่า เพราะว่าในตัวนี้
เวอร์ชั่นสปอร์ตอย่าง GSX-R750 นั้นยังไม่ได้เอาเข้ามาวางจำหน่ายเลย (มีแต่ตัว 1,000 และ 1,300 Hayabusa)
ซึ่งตัวเนกเกตสำหรับรถบิ๊กไบค์นั้นทาง ซูซูกิไทยก็มีเพียงแค่เจ้า Gladius 650 และ SV650 รถแนวเนกเกตคลาสสิก

http://www.greatbiker.com/

[acmilan777]

เผาครับเผา เอาฮื้อมันหมดๆไปเหีย เฮ้อ.......

ผ่านบ้านผาแดงลีซอบ่อแวะหากันเน้อ แวะมาทักท้ายครับ ท่าจะม่วน

ผาแดงลีซอ เส้นทางผ่านบ่อย ไว้มีโอกาสแวะพัก  จะใดเห็นแล้วทักทายตวยครับ

อยู่ในโรงเรียนครับอ้าย ขับแวะหากันได้เลยครับ ถ้าทันจะดักรอครับ 

อยู่ในโรงเรียนครับอ้าย ขับแวะหากันได้เลยครับ ถ้าทันจะดักรอครับ 

[OASIS]

เผาครับเผา เอาฮื้อมันหมดๆไปเหีย เฮ้อ.......

ผ่านบ้านผาแดงลีซอบ่อแวะหากันเน้อ แวะมาทักท้ายครับ ท่าจะม่วน

ผาแดงลีซอ เส้นทางผ่านบ่อย ไว้มีโอกาสแวะพัก  จะใดเห็นแล้วทักทายตวยครับ

อยู่ในโรงเรียนครับอ้าย ขับแวะหากันได้เลยครับ ถ้าทันจะดักรอครับ  

อยู่ในโรงเรียนครับอ้าย ขับแวะหากันได้เลยครับ ถ้าทันจะดักรอครับ  

ครับ

วันไหนตี่เห็นรถวิบากขี่ผ่านอย่าคิดเหมาว่าเป็นเชียงรายเอ็นดูโรเสมอไปนะครับ
เพราะมีหลายกลุ่มหลายพวก ข้อสังเกตุ กลุ่มผมจะบ่ามีรถซุปเปอร์คัพ จะบ่าใส่รองเท้าผ้าใบขี่รถ อุปกรณ์ป้องกั๋นตัวครบ มีสติกเกอร์โลโกติดรถครับ บางคนใส่เสื้อทีม

[OASIS]

 

[OASIS]

 

[OASIS]

KTM 1290Super Duke R Special Edition อสูรกายลายลิมิเต็ดสุดสะเด็ดแค่ไม่เกิน 10 คัน

เบิร์น รับเบอร์ เปิดตัวสกูรกายสายพันธุ์ลิมิเต็ดอิดิชั่น เคทีเอ็ม ซูเปอร์ ดู๊ค อาร์ สเปเชียล อิดิชั่น
สีสันพิเศษพร้อมของแต่งเฉพาะปีนี้เท่านั้น ยืนยันในไทยมีขายไม่เกิน 10 คันแน่นอน

เคทีเอ็ม 1290ซูเปอร์ ดู๊ค อาร์ สเปเชียล อิดิชั่น เปิดตัวครั้งแรกในไทยโดย เจเรมี่ วิลเลี่ยม อดีตนักแข่งโมโตจีพี
หนึ่งในผู้อยู่เบื้องการสร้างเจ้าอสูรกายอย่าง ซูเปอร์ ดู๊ค อาร์ ขึ้นมา

1290 ซูเปอร์ ดู๊ค อาร์ สเปเชียล อิดิชั่น จะมีชุดสีใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างสี ขาว-ส้ม โดยสีส้มจะเป็นเฉดใหม่
ที่มีความเงางาม ฉายความเจิดจ้ายามต้องแสงอาทิตย์ พร้อมชุดแต่ง เคทีเอ็ม พาวเวอร์ พาร์ท ติดตั้งมากับตัวรถ
ได้ปลายท่อไอเสียอคราโพวิชที่ลดน้ำหนักลงได้ถึง 1.5 กก.

เคทีเอ็ม 1290ซูเปอร์ ดู๊ค อาร์ สเปเชียล อิดิชั่น มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 1.325 ล้านบาท โดยจะวางจำหน่ายทั่วโลก
อย่างจำกัดจำนวนและเฉพาะในปีนี้เท่านั้น

ในเบื้องต้น เบิร์น รับเบอร์ ได้ทำการขอออเดอร์เจ้าอสูรกายกับสีสันสุดพิเศษไปยังออสเตรียทั้งสิ้น 10 คัน
ซึ่งยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะได้รับตามที่สั่งออเดอร์ไปรึไม่ ใครอยากครอบครองเจ้าอสูรกายสุดสวยคันนี้คงต้องรีบจองให้ไว

http://www.autospinn.com/2016/04/ktm-1290super-duke-r-se-launched-in-thailand/

[OASIS]

AMA Supercross round 15 Foxborough 2016


http://offroadvideos.org/ama-supercross-round-15-foxborough-2016/

[OASIS]

Rossi จากทีม Yamaha คว้าชัย MotoGP อย่างยอดเยี่ยมในสนาม Jerez

Valentino Rossi สุดยอดนักแข่งขวัญใจแฟนๆ จากทีม Yamaha คว้าชัยเหนือ Jorge Lorenzo และ
Marc Marquez ที่สนาม Jerez ประเทศสเปน สนามที่ 4 ซึ่งถือว่านี่เป็นฟอร์มที่ดีที่สุดสนามหนึ่งของ Rossi
ในการแข่งขันฤดูกาลนี้เลยทีเดียว

โดย วาเลนติโน รอสซี่ หรือผู้ที่มีฉายาว่า “เดอะ ด็อกเตอร์” ออกนำในสนามตั้งแต่ต้นการแข่งขันแบบม้วนเดียวจบ
คว้าชัยชนะเป็นสนามแรกของตัวเองสำหรับฤดูกาลนี้จนได้ ในระยะทางรอบละ 4.423 กม. จากการวิ่งทั้งหมด 27 รอบสนาม
โดยนอกจากที่รอสซี่จะเข้าวินเป็นที่ 1 แล้ว ก็จะมี ฮอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีม และ มาร์ค มาร์เกวซ
จากทีมฮอนด้าเข้าเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

แม้ว่ารอสซี่เองจะโดนทีมเมทอย่าง ลอเรนโซ แซงไปได้ในรอบที่ 2 ของการแข่งขัน แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถไล่บี้
เอาตำแหน่งคืนมาได้ ก่อนที่จะทิ้งห่างคู่แข่งแต่ละคนๆ ออกไป โดยทิ้งให้การชิงอันดับ 2 เป็นของ ลอเรนโซและมาเกวซเอง
หลังจากที่จบทั้ง 27 รอบแล้ว ก็เป็นรอสซี่ที่ทำความเร็วได้อย่างคงที่เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 45 นาที 28.834 วินาที
ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ลอเรนโซ ถึง 2.386 วินาที และอันดับ 3 อย่างมาร์เกวซถึง 7.087 วินาที

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

BMW เตรียมผลิตรถบิ๊กไบค์แบบ 6 สูบ 6 ท่อ

แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับของข่าวลืออยู่ แต่ถือว่าเป็นข่าวที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลย เมื่อทางนิตยสารชื่อดัง
ของทางประเทศเยอรมันอย่าง Motorrad magazine ได้ลงข่าวเกี่ยวกับโมเดลบิ๊กไบค์แห่งอนาคตของทางค่าย BMW
อย่างเจ้า MEGA (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) รถในแนวเนกเกตไบค์ ที่จะมาพร้อมกันกับเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง
และมี 6 ท่อด้วย งานนี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลย

โดยภาพที่เราเห็นกันนี้เป็นภาพร่างจาก Stefan Kraft ที่แสดงให้เห็นถึงไอเดียของทางค่าย BMW
เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาคร่าวๆ ของโมเดลนี้กัน ที่จะใช้เครื่องยนต์พื้นฐานของรุ่น K1600 มาพัฒนาต่อกันสำหรับโมเดลนี้
จากเดิมที่ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 158 bhp แต่เมื่อมาเป็นเครื่องยนต์สำหรับเจ้า MEGA นี้จะต้องให้พละกำลังมามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

โดยหลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันจะเป็นรถในตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือเปล่า แต่ทางสื่อนอกนั้นลงความเห็น
ไปในทางเดียวกันว่ามันจะเป็นรถสำหรับตลาดทั่วไปอย่างแน่นอน แม้ว่าราคามันอาจจะค่อนข้างสูง
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการรถที่มีเอกลักษณ์และพละกำลังที่ไม่เป็นรองใคร ก็น่าจะต้องสนใจเจ้าบิ๊กไบค์บ้าพลังคันนี้กันแน่ๆ
โดยจำนวนท่อที่ออกมาจากสูบนั้นจะแบ่งออกเป็นฝั่งละ 3 ท่อตามที่เราเห็นกันนี้ และแฮนด์ด้านหน้าเป็นแบบ
แฮนด์บาร์ที่กดลงค่อนข้างต่ำ เกือบจะเป็นตำแหน่งของรถสปอร์ตเลยทีเดียว ส่วนเบาะนั่งนั้นเป็นแบบตอนเดียว
แต่ว่ายกสูงในส่วนของคนซ้อน ด้านหน้านั้นจะโชว์เครื่องยนต์ขนาดมหึมาให้เห็นกันแบบเต็มๆ พร้อมกับดิสก์หน้าคู่
และดิสก์หลังเดี่ยว ที่ทำงานร่วมกันกับระบบ ABS ตามมาตรฐานของรถบิ๊กไบค์ในยุคนี้

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

ใกล้ไปอีกขั้นกับ Honda CBR250RR

มีข้อมูลเพิ่มเติมมาว่าในส่วนของระบบคันเร่งนั้น จะเป็นแบบคันเร่งไฟฟ้า และแน่นอนว่าจะมีโหมดในการขับขี่มาให้เลือกด้วย
ตรงนี้ข้อมูลเรื่องรายละเอียดของโหมดยังไม่คอนเฟิร์มชัดเจนแต่น่าจะมีโหมด Standard, Sport และ Rain ประมาณนี้
อาจจะนับได้ว่าเป็นครั้งแรกในรถคลาส 250 สำหรับรถในตลาดแมสยุคนี้ที่ทีออพชั่นแบบนี้

ส่วนต่อมาก็คือโช๊คอัพหน้านั้นแน่นอนว่าใช้แบบหัวกลับ หรือที่เรารู็จักกันดีในนาม Upside Down ส่วนบังโคลนหน้า
เป็นแบบคาร์บอน และไฟหน้านั้นเป็นแบบ LED ลักษณะเดียวกันกับภาพ official ที่เราเห็นจากทางฮอนด้าโดยตรงเมื่อไม่นานมานี้
เครื่องยนต์นั้นเป็นแบบ DOHC 2 สูบเรียง 250cc และ 350cc (มีสองเวอร์ชั่น) ส่วนท่อนั้นเป็นแบบท่อจากโรงงาน
(ไม่ใช่ท่อแต่งอย่างกับตัวคอนเซ็ปท์แต่อย่างใด) ซึ่งภาพรวมนั้นถือว่าไม่ได้แตกต่างจากตัวต้นแบบมากนัก ยกเว้นชิ้นส่วนบางอย่างเท่านั้น

http://www.greatbiker.com/

[OASIS]

Peugeot เปิดตัว Speedfight 4 “Total Sport Edition” เวอร์ชั่นพิเศษของ รถสกูตเตอร์ 2 จังหวะขนาดเล็กรุ่นใหม่

Peugeot ผู้ผลิตรถสัญชาติฝรั่งเศส เปิดตัวรถสกูตเตอร์ Speedfight 4 “Total Sport Edition”
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20 ปี ของรุ่นดังกล่าว และเป็นการฉลองที่ได้ร่วมทุนกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่
Total มานานกว่า 2 ทศวรรษเช่นกัน

Speedfight 4 นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูลตามตัวเลข โดยเป็นรถสกูเตอร์ขนาดเล็กมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ
ขนาด 50cc จ่ายน้ำมันด้วยระบบคาร์บูเรเตอร์จาก Dell’Orto ที่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถสร้างแรงบิดได้มากขึ้น 15%
และแรงม้าเพิ่มขึ้นอีก 5% จากรุ่นก่อนหน้า ระบบช่วงล่างด้านหน้าใช้โช๊คหัวกลับขนาด 32 มิลลิเมตร
ในขณะที่ด้านหลังใช้โช๊คแบบ ‘remote reservior’ มาพร้อมกับล้อแม็คหน้าหลัง ขนาดวงล้อ 12 นิ้ว รัดด้วยยางแก้มเตี้ย
นอกจากนี้ยังวางตำแหน่งถังน้ำมันให้อยู่ใต้เท้าคนขับ(เหมือน zoomer-X) เพื่อให้ศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำลง
และเป็นข้อดีในเรื่องของความนิ่งและการควบคุมที่คล่องตัว

สำหรับสิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากการเป็น “Total Sport Edition” คือการใช้สีดำด้านรอบคัน พร้อมติดชุดสติ้กเกอร์
“Total Racing”, พักเท้าหลังทำจากอลูมิเนียม, ครอบเบาะหลังสีดำมุข, สปอย์เลอร์หลัง, ครอบท่อทรง sport
นอกจากนี้ยังมีพอร์ท USB ,ช่องจ่ายไฟ 12V และแป้นยึดโทรศัพท์จาก RAM X-Grip

Speedfight 4 “Total Sport Edition” มีราคาวางจำหน่ายที่ 2,099 British pound (ราวๆ 107,000 บาท)
พร้อมการรับประกันตัวรถ 2 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง

http://www.motorival.com/peugeot-speedfight-4-total-sport-edition/

[OASIS]

Yamaha XSR700 Tracker Style สุดแนว

จะต้องถือว่าเป็นรถในแนว Custom ที่น่าจับตามองเอามากๆ เมื่อทาง Yard Built family ได้ทำการแปลงโฉมเจ้า
Yamaha XSR700 มาในแบบของ Tracker Style ที่เน้นการใช้งานในสภาพถนนที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งถือว่าดีไซน์ออกมา
ได้ลงตัวมากๆ และเมื่อมันปรากฏตัวในโลกออนไลน์ก็สร้างความฮือฮาให้กับสื่อต่างๆ จนทางเราจะต้องนำมาฝากให้ชมกันในครั้งนี้

โดยคอนเซ็ปท์ในการออกแบบครั้งนี้จะเป็นการตัดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกจากตัวรถ อย่างพวกชิ้นส่วนต่างๆ
เพื่อทำให้ออกมามีน้ำหนักเบา คลีน และคล่องตัวมากที่สุด แต่ไปเน้นศักยภาพในส่วนของช่วงล่างรถ
เพื่อให้การซับแรงสะเทือนนั้นออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง มันจึงเป็นรถในแนวคัสตอมที่มีจุดศูนย์ถ่วงรถค่อนข้างจะต่ำมากๆ
ดังนั้นแล้วการเข้าโค้งในถนนที่ขรุขระ หรือทางฝุ่น ทางดินที่ขึ้นภูเขาลาดชัน เราก็ยังสามารถคอนโทรลรถ
ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับหน้ายางที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ และล้อแบบทรงกึ่งวิบาก

ซึ่งโดยสเปคพื้นฐานของตัวรถแล้วจะมีขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 689cc 2 สูบเรียง มีขนาดกระบอกสูบอยู่ที่ 80 mm
และช่วงชักอยู่ที่ 68.6 mm แรงอัดจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 11.5:1 ตัวเฟรมและแชวซีนั้นเป็นแบบ DIAMOND
ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 73.8 ตัวที่ 9000 รอบต่อนาที และมีทอร์คอยู่ที่ 46.9 รอบต่อนาที 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
DOHC 4 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด และจุดระเบิดแบบ TCI ตัวรถนั้นส่งกำลังสุดท้ายด้วยโซ่ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 6 สปีด
ใช้คลัทช์เปียกแบบซ้อนกันหลายแผ่น สตาร์ทไฟฟ้า

ขยับมาดูกันในเรื่องของช่วงล่างกันบ้าง เบรกหน้านั้นเป็นดิสก์คู่ขนาด 282mm ส่วนเบรกหลังนั้นเป็นดิสก์เดี่ยว
ขนาด 245mm ทำงานด้วยระบบ ABS ทั้งคู่ และในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้านั้นใช้โช๊คอัพแบบเทเลสโคปิก
ส่วนโช๊คอัพหลังนั้นใช้แบบสวิงอาร์ม ถังน้ำมันนั้นจุได้อยู่ที่ 14 ลิตร น้ำมันเครื่องจุอยู่ที่ 2.7 ลิตร โดยทางแหล่งข่าวระบุว่า
การสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยนั้นจอยู่ที่ประมาณ 20 – 23 กม./ลิตร สำหรับหน้าจอแสดงผลนั้นเป็นดิจิตอลทั้งหมดเลย
ไม่ว่าจะเป็นวัดความเร็ว, วัดรอบ, วัดทริป, ODO, นาฬิกา, เกจ์น้ำมัน และพวกไฟแจ้งเตือนระบบต่างๆ

http://www.greatbiker.com/