เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 01:27:06
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  +++ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ย - ธ.ค - ม.ค
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 พิมพ์
ผู้เขียน +++ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ย - ธ.ค - ม.ค  (อ่าน 24268 ครั้ง)
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #180 เมื่อ: วันที่ 04 กรกฎาคม 2014, 07:52:05 »

เผือกหอมพันธุ์อะไรคับ
ขายกล้าละเท่าไหร่คับ
แต่ไม่ร่วมโครงการนะคับ
อยากได้กล้าไปปลูกเอง

-พันธ์เผือกหอม
-ต้นกล้าละ 2 บาท
-ไม่ร่วมโครงการ พันธ์ขายให้ไม่ได้ครับ
รายละเอี่ยดเพิ่มเติม โทร 089-4343454
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #181 เมื่อ: วันที่ 04 กรกฎาคม 2014, 07:53:07 »

เผือกหอมพันธุ์อะไรคับ
ขายกล้าละเท่าไหร่คับ
แต่ไม่ร่วมโครงการนะคับ
อยากได้กล้าไปปลูกเอง

-พันธ์เผือกหอม
-ต้นกล้าละ 2 บาท
-ไม่ร่วมโครงการ พันธ์ขายให้ไม่ได้ครับ
รายละเอี่ยดเพิ่มเติม โทร 089-4343454


* 10417228_641227232635159_91981397_n.jpg (115.94 KB, 960x720 - ดู 972 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #182 เมื่อ: วันที่ 04 กรกฎาคม 2014, 07:55:13 »

เผือกอายุ 45 วันครับ ที่วัดร่องขุ่น เชียงราย


* 10490244_413793335428147_1655593089_n.jpg (31.37 KB, 500x376 - ดู 660 ครั้ง.)

* 10514858_413776278763186_20722044_n.jpg (37.83 KB, 500x376 - ดู 654 ครั้ง.)

* 10512213_413776935429787_1691940619_o.jpg (162.83 KB, 722x960 - ดู 647 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 04 กรกฎาคม 2014, 16:25:20 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #183 เมื่อ: วันที่ 04 กรกฎาคม 2014, 16:26:51 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

IP : 1.47.81.33
IP : บันทึกการเข้า
tiwmycom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337



« ตอบ #184 เมื่อ: วันที่ 04 กรกฎาคม 2014, 23:16:03 »

เผือกอายุ 45 วันครับ ที่วัดร่องขุ่น เชียงราย

สวยครับสวย แต่หญ้ารกมาก ของผมยังเหนี่ยกับการเอาน้ำเข้าอยุ่เลย55
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #185 เมื่อ: วันที่ 05 กรกฎาคม 2014, 18:48:17 »

เผือกอายุ 45 วันครับ ที่วัดร่องขุ่น เชียงราย

สวยครับสวย แต่หญ้ารกมาก ของผมยังเหนี่ยกับการเอาน้ำเข้าอยุ่เลย55

 ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #186 เมื่อ: วันที่ 06 กรกฎาคม 2014, 20:58:25 »

 ยิ้มกว้างๆ


* 10520876_414946461979501_1072778510_n (1).jpg (156.49 KB, 960x720 - ดู 591 ครั้ง.)

* 10529427_414946475312833_433492193_n.jpg (164.33 KB, 960x720 - ดู 589 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:22:58 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #187 เมื่อ: วันที่ 06 กรกฎาคม 2014, 21:08:57 »

ขนาดน้ำหนัก
หัวเล็ก
หัวใหญ่


* 10502432_415253045282176_118790513_n.jpg (93.85 KB, 960x720 - ดู 550 ครั้ง.)

* 10526672_415253035282177_1062775196_n.jpg (126.51 KB, 960x720 - ดู 554 ครั้ง.)

* 10480970_415255841948563_1504026509_n.jpg (97.21 KB, 720x960 - ดู 545 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #188 เมื่อ: วันที่ 07 กรกฎาคม 2014, 14:33:46 »

 ยิ้มกว้างๆ


* 10533972_415364465271034_1007925399_n.jpg (72.15 KB, 720x960 - ดู 524 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:23:20 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #189 เมื่อ: วันที่ 08 กรกฎาคม 2014, 08:02:53 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

IP : 1.47.81.33


* 10512213_413776935429787_1691940619_o.jpg (162.83 KB, 722x960 - ดู 509 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #190 เมื่อ: วันที่ 08 กรกฎาคม 2014, 20:10:40 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

IP : 1.47.81.33





เผือก อายุ 45 วัน  วัดร่องขุ่น


* 10516919_413776395429841_1055067781_n.jpg (27.13 KB, 500x376 - ดู 510 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #191 เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2014, 17:00:27 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

IP : 1.47.81.33
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #192 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2014, 08:38:26 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

IP : 1.47.81.33


หน้าฝนปลูกได้ครับ  เก็บหนาวของขาดตลาด
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #193 เมื่อ: วันที่ 14 กรกฎาคม 2014, 16:29:13 »

 ยิ้มกว้างๆ


* 10521061_418528024954678_467354173_n.jpg (37.77 KB, 500x376 - ดู 463 ครั้ง.)

* 10559161_418517294955751_1584517986_n.jpg (49.76 KB, 500x376 - ดู 470 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:23:41 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
tiwmycom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337



« ตอบ #194 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2014, 17:49:20 »

อัฟเดส เผือก อายุ 15 วัน บ้านปล้อง เทิง







IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #195 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2014, 19:22:11 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

IP : 1.47.81.33
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #196 เมื่อ: วันที่ 18 กรกฎาคม 2014, 10:23:42 »

 ยิ้มกว้างๆ


* 10526675_413776325429848_1165327606_n.jpg (40.33 KB, 500x376 - ดู 426 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #197 เมื่อ: วันที่ 18 กรกฎาคม 2014, 10:25:31 »

089-4343454
ส่งเสริมปลูกเผือก รอบที่ 3   อีก 200 ไร่  2557
ราคาข้าวไม่ดี มาปลูกเผือกดีกว่าครับ
ปลูกแบบ นาน้ำ
1 ไร่สามารถปลูกได้ ประมาณ 5,000-7,000 หัว
1 หัว น้ำหนักประมาณ 7 ขีด - 3.0 กก  (ดูแลถูกวิธี)
ปลูกในนาจะดีมาก
พันธ์เผือกต้องมีคุณภาพ (เผือกหอมเชียงใหม่)

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #198 เมื่อ: วันที่ 18 กรกฎาคม 2014, 13:38:05 »

089-4343454
ส่งเสริมปลูกเผือก รอบที่ 3   อีก 200 ไร่  2557
ราคาข้าวไม่ดี มาปลูกเผือกดีกว่าครับ
ปลูกแบบ นาน้ำ
1 ไร่สามารถปลูกได้ ประมาณ 5,000-7,000 หัว
1 หัว น้ำหนักประมาณ 7 ขีด - 3.0 กก  (ดูแลถูกวิธี)
ปลูกในนาจะดีมาก
พันธ์เผือกต้องมีคุณภาพ (เผือกหอมเชียงใหม่)

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454



* 10456244_641227905968425_690857854_n.jpg (152.52 KB, 720x960 - ดู 438 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #199 เมื่อ: วันที่ 19 กรกฎาคม 2014, 08:33:49 »

089-4343454
ราคาข้าวไม่ดี มาปลูกเผือกดีกว่าครับ
ปลูกแบบ นาน้ำ
1 ไร่สามารถปลูกได้ ประมาณ 5,000-7,000 หัว
1 หัว น้ำหนักประมาณ 7 ขีด - 3.0 กก  (ดูแลถูกวิธี)
ปลูกในนาจะดีมาก
พันธ์เผือกต้องมีคุณภาพ (เผือกหอมเชียงใหม่)

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:24:18 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!