เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 กรกฎาคม 2025, 21:57:18
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  +++ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ย - ธ.ค - ม.ค
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ... 21 พิมพ์
ผู้เขียน +++ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ย - ธ.ค - ม.ค  (อ่าน 25311 ครั้ง)
lodiconnpk
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 240


« ตอบ #100 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2014, 14:37:39 »

สอบถามหน่อยครับ ว่า
ต้นกล้าขายต้นละเท่าไร
จำหน่ายที่ไหน
ไปขายที่่ไหน หรือใครมารับซื้อ
พอดีสนใจจะเอาไปปลูก ทดลองว่าคุ้มหรือป่าว ถ้างยังงัยรบกวน pm กลับด้วย
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #101 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2014, 18:54:57 »

สอบถามหน่อยครับ ว่า
ต้นกล้าขายต้นละเท่าไร
จำหน่ายที่ไหน
ไปขายที่่ไหน หรือใครมารับซื้อ
พอดีสนใจจะเอาไปปลูก ทดลองว่าคุ้มหรือป่าว ถ้างยังงัยรบกวน pm กลับด้วย
คงตอบยาว  โทรมาครับ 
089-4343454
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #102 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2014, 18:55:51 »

สอบถามหน่อยครับ ว่า
ต้นกล้าขายต้นละเท่าไร
จำหน่ายที่ไหน
ไปขายที่่ไหน หรือใครมารับซื้อ
พอดีสนใจจะเอาไปปลูก ทดลองว่าคุ้มหรือป่าว ถ้างยังงัยรบกวน pm กลับด้วย
คงตอบยาว  โทรมาครับ 
089-4343454


ทิ้งเบอร์โทร  ก็ได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
lodiconnpk
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 240


« ตอบ #103 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2014, 20:26:30 »

สอบถามหน่อยครับ ว่า
ต้นกล้าขายต้นละเท่าไร
จำหน่ายที่ไหน
ไปขายที่่ไหน หรือใครมารับซื้อ
พอดีสนใจจะเอาไปปลูก ทดลองว่าคุ้มหรือป่าว ถ้างยังงัยรบกวน pm กลับด้วย
คงตอบยาว  โทรมาครับ 
089-4343454


ทิ้งเบอร์โทร  ก็ได้ครับ

เบอร์โทรผมครับ 087-1787786 จะทดลองปลูกหลังบ้านแฟน ประมาณ 2 งาน ที่ติดน้ำไหลทั้งปี
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #104 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 07:57:12 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #105 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 15:55:19 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #106 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 18:12:28 »

การขึ้นแปลง  พร้อมปลูก 



* 10425820_639776096113606_1394030085_n.jpg (118.43 KB, 960x720 - ดู 388 ครั้ง.)

* 10443879_639750369449512_1443866497_n.jpg (121.39 KB, 720x960 - ดู 399 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #107 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2014, 22:25:16 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #108 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2014, 18:24:15 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #109 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2014, 08:59:45 »

 ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:14:41 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #110 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2014, 07:13:15 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec


เผือก อายุ  เดือนกว่า



* 10417065_640928512665031_2123985464_n (1).jpg (15.51 KB, 200x266 - ดู 347 ครั้ง.)

* 10455516_640928589331690_956054123_n (1).jpg (118.39 KB, 720x960 - ดู 402 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #111 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2014, 12:45:15 »

 ยิ้มกว้างๆ


* 10417228_641227232635159_91981397_n.jpg (115.94 KB, 960x720 - ดู 440 ครั้ง.)

* 967787_641227745968441_260832006_n.jpg (104.3 KB, 960x720 - ดู 541 ครั้ง.)

* 10423316_641227315968484_2012143466_n.jpg (138.81 KB, 960x720 - ดู 360 ครั้ง.)

* 10449575_641227249301824_651687537_n.jpg (109.98 KB, 960x720 - ดู 393 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:15:01 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #112 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2014, 20:06:57 »

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:15:29 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #113 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2014, 20:08:51 »

ราคาข้าวไม่ดี มาปลูกเผือกดีกว่าครับ
ปลูกแบบ นาน้ำ
1 ไร่สามารถปลูกได้ ประมาณ 5,000-7,000 หัว
1 หัว น้ำหนักประมาณ 7 ขีด - 3.0 กก  (ดูแลถูกวิธี)
ปลูกในนาจะดีมาก
พันธ์เผือกต้องมีคุณภาพ (เผือกหอมเชียงใหม่)

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454




เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

ดูที่ ยโส  เขาปลูกกัน

http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:16:22 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
chetta2499
เชษฐา 2499
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,138


จุดเทียนไขดีกว่านั่งแช่งความมืด


« ตอบ #114 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2014, 20:41:38 »

ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ค , มิ.ย , ก.ค  2557
ราคาข้าวไม่ดี มาปลูกเผือกดีกว่าครับ
ปลูกแบบ นาน้ำ
1 ไร่สามารถปลูกได้ ประมาณ 5,000-7,000 หัว
1 หัว น้ำหนักประมาณ 7 ขีด - 3.0 กก  (ดูแลถูกวิธี)
ปลูกในนาจะดีมาก
พันธ์เผือกต้องมีคุณภาพ (เผือกหอมเชียงใหม่)

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454
รับสมัครตัวแทน
เดือน  พ.ค  รับ   200 ไร่
เดิอน  มิ.ย  รับ   200 ไร่
เดือน  ก.ค  รับ   200 ไร่
 




เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

ดูที่ ยโส  เขาปลูกกัน

http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec

มีบริษัทไหนที่ส่งเสริมหรือครับ บ้านผมเป็นนาระบบชลประทาน ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (8 มิย)จะมีประชุม กลุ่มผู้ใช้น้ำในโครงการฝายเชียงราย กลุ่มที่ 8 ที่ตลาดสดบ้านฟาร์มสัมพันธกิจ ม.1 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย สนใจจะมาประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้รับรู้ไหมครับ ถ้ามีคนทำ ผมก็อยากทดลองสักสี่ห้าไร่ครับ
สนใจติดต่อสอบถาม โทร 0808979330
IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มผลิตไก่ชนคุณภาพ จังหวัดเชียงราย
ซุ้มไก่ชนลูกพ่อขุนฯเชียงราย

htt://www.facebook.com/chetta worapitbenja

โทร 0892576293/0808979330
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #115 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2014, 14:27:19 »

ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ค , มิ.ย , ก.ค  2557
ราคาข้าวไม่ดี มาปลูกเผือกดีกว่าครับ
ปลูกแบบ นาน้ำ
1 ไร่สามารถปลูกได้ ประมาณ 5,000-7,000 หัว
1 หัว น้ำหนักประมาณ 7 ขีด - 3.0 กก  (ดูแลถูกวิธี)
ปลูกในนาจะดีมาก
พันธ์เผือกต้องมีคุณภาพ (เผือกหอมเชียงใหม่)

สนใจสอบถามรายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454
รับสมัครตัวแทน
เดือน  พ.ค  รับ   200 ไร่
เดิอน  มิ.ย  รับ   200 ไร่
เดือน  ก.ค  รับ   200 ไร่
 




เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

ดูที่ ยโส  เขาปลูกกัน

http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec



* 10417228_641227232635159_91981397_n.jpg (115.94 KB, 960x720 - ดู 323 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,399


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #116 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2014, 15:49:30 »

ขอราคาทุนต่อไร่ด้วยครับ
ปลูกแล้วขายที่ไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 มิถุนายน 2014, 16:32:01 โดย หนอนน้อย » IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #117 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2014, 18:20:50 »

ขอราคาทุนต่อไร่ด้วยครับ
ปลูกแล้วขายที่ไหน

การปลูกเผือก  แบบน้ำ  ในนาข้าว  เพื่อลดต้นทุนในการปลูก
การปลูก  แล้วแต่จำนวนพันธ์ในการปลูก  ในแต่ละไร่
การรับซื้อ  ซื้อหน้าไร่  การจำหน่าย  ทั้งในและนอก  ครับ
พื้นที่  ปลูก น้ำต้องดี 

เพิ่มเติม  089-4343454



* 10416808_641227275968488_1466076362_n.jpg (114.4 KB, 960x720 - ดู 339 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #118 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2014, 18:34:41 »

ขอราคาทุนต่อไร่ด้วยครับ
ปลูกแล้วขายที่ไหน

การปลูกเผือก  แบบน้ำ  ในนาข้าว  เพื่อลดต้นทุนในการปลูก
การปลูก  แล้วแต่จำนวนพันธ์ในการปลูก  ในแต่ละไร่
การรับซื้อ  ซื้อหน้าไร่  การจำหน่าย  ทั้งในและนอก  ครับ
พื้นที่  ปลูก น้ำต้องดี 

เพิ่มเติม  089-4343454



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #119 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2014, 08:12:27 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.

IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 ... 21 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!