เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 กรกฎาคม 2025, 21:15:38
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  +++ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ย - ธ.ค - ม.ค
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 ... 21 พิมพ์
ผู้เขียน +++ส่งเสริมปลูกเผือก เดือน พ.ย - ธ.ค - ม.ค  (อ่าน 25326 ครั้ง)
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #120 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2014, 15:47:20 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #121 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2014, 07:22:02 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #122 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2014, 07:01:01 »

วันนี้มีปลูก  ใครสนใจดูวิธีการปลูก 10/6/57
- บ้านค่าย
- เวียงชัย  หลังโรงเรียน เวียงชัยวิทยาคม
- เวียงเหนือ
IP : บันทึกการเข้า
tiwmycom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337



« ตอบ #123 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2014, 20:37:30 »

สนใจครับ แต่กลัวถ้าปลูกแล้วไม่มีที่ส่งอะ
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #124 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2014, 21:49:54 »

สนใจครับ แต่กลัวถ้าปลูกแล้วไม่มีที่ส่งอะ

เราประกัน 20 บาท/กก ครับ
รายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #125 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2014, 21:52:05 »

สนใจครับ แต่กลัวถ้าปลูกแล้วไม่มีที่ส่งอะ

เราประกัน 20 บาท/กก ครับ
รายละเอี่ยดเพิ่มเติม  089-4343454

ถ้าสนใจจริง. ดูแปลงสาธิต  หรือ คนที่เขาปลูกก่อนก็ได้ ครับ
หรือศึกษา  ให้เข้าใจก่อนปลูก ก็ได้ครับ  หรือ โทรหาผมก็ได้ครับ 089-4343454
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #126 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2014, 21:58:13 »

รอบ สอง ปลูกเดืิอน  ก.ค-ส.ค 57 ครับ


* 10449575_641227249301824_651687537_n.jpg (109.98 KB, 960x720 - ดู 1869 ครั้ง.)

* 10262216_394395854034562_5109112423956362398_n.jpg (18.52 KB, 296x394 - ดู 1766 ครั้ง.)

* 10456244_641227905968425_690857854_n.jpg (152.52 KB, 720x960 - ดู 3456 ครั้ง.)

* 10380356_394477820693032_1565855152988200663_n.jpg (10.16 KB, 160x213 - ดู 1761 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 มิถุนายน 2014, 15:17:33 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #127 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2014, 07:15:00 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec



* 967787_641227745968441_260832006_n.jpg (104.3 KB, 960x720 - ดู 4442 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
tiwmycom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337



« ตอบ #128 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2014, 13:40:08 »

กล้าเผือกจะหาได้ที่ไหนครับ
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #129 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2014, 15:14:07 »

กล้าเผือกจะหาได้ที่ไหนครับ

ของเรามีหมดครับ 
สนใจ ชมการปลูก  แปลงสาธิต  ได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #130 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2014, 15:26:04 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


มาดูที่ยโสธร  เขาทำกัน
http://www.youtube.com/watch?v=pHyQl7C_Gec





* 967787_641227745968441_260832006_n.jpg (104.3 KB, 960x720 - ดู 1842 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #131 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 07:39:31 »

ปลูกรอบ  2  ครับ รับผู้สนใจ ร่วมปลูก
เดือน  ก.ค-ส.ค 57
รายละเอี่ยดเพิ่มเติม โทร  089-4343454
IP : บันทึกการเข้า
TheRed
We are United
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 504



« ตอบ #132 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 15:58:04 »

มีข้อสงสัยว่าทำไมเอากล้าพันธ์มาให้ในราคา 10,000 กว่าบาทแล้วต้องเก็บเงินทันที ทำไมไม่เก็บเงินหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยการหักกลบกัน มันทำให้มองได้ว่าหากผลผลิตราคาตก หรือพื้นที่เพาะปลูกเกินโควต้าแล้วอาจจะไม่เข้ามารับสินค้า(ลอยแพเกษตรกร) เพราะได้เงินจากการขายกล้าพันธ์ุไปแล้ว(เป็นความเห็นส่วนตัว) เพราะเคยเห็นเกษตรกรที่ปลูกมันเทศโดนลอยแพ เพราะคนถือโควต้าเอากล้าพันธ์ุมาลงให้ปลูกและเก็บค่ากล้าพันธ์ไปเลย หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตกลับไม่ซื้อ
IP : บันทึกการเข้า

จงระวังความคิดของตนเอง
จงระวังคำพูดของตนเอง
จงระวังการกระทำของตนเอง
และจงมีความสุขกับวันที่เหลืออยู่
เพราะชีวิตคนเรามันสั้น
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #133 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 17:41:36 »

มีข้อสงสัยว่าทำไมเอากล้าพันธ์มาให้ในราคา 10,000 กว่าบาทแล้วต้องเก็บเงินทันที ทำไมไม่เก็บเงินหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยการหักกลบกัน มันทำให้มองได้ว่าหากผลผลิตราคาตก หรือพื้นที่เพาะปลูกเกินโควต้าแล้วอาจจะไม่เข้ามารับสินค้า(ลอยแพเกษตรกร) เพราะได้เงินจากการขายกล้าพันธ์ุไปแล้ว(เป็นความเห็นส่วนตัว) เพราะเคยเห็นเกษตรกรที่ปลูกมันเทศโดนลอยแพ เพราะคนถือโควต้าเอากล้าพันธ์ุมาลงให้ปลูกและเก็บค่ากล้าพันธ์ไปเลย หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตกลับไม่ซื้อ

มีครับ  ส่งเสริม   คนละครึ่ง กัน  ผลผลิตรออกมาคนละครึ่ง 
สนใจปลูก  หรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454  ช่วงนี้ปลูก หลายที่
สนใจชมวิธีปลูก หรือ  ชมแปลงสาธิตได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #134 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 17:44:28 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.



การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454     
 


* 967787_641227745968441_260832006_n.jpg (104.3 KB, 960x720 - ดู 2450 ครั้ง.)

* 10449575_641227249301824_651687537_n.jpg (109.98 KB, 960x720 - ดู 1730 ครั้ง.)

* 10423316_641227315968484_2012143466_n.jpg (138.81 KB, 960x720 - ดู 1782 ครั้ง.)

* 10338774_397023127105168_7398378888405380809_n.jpg (21.19 KB, 320x240 - ดู 1652 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
tiwmycom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337



« ตอบ #135 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2014, 19:52:26 »

กล้าพันธ์ ถ้าสนใจผมต้องชื้อหรือครับแล้วราคาเท่าไหร่ต่อกล้า แล้ว 1 ไร่ใช้กล้าเท่าไหร่
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #136 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2014, 07:36:53 »

 ยิ้มกว้างๆ

  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:18:48 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #137 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2014, 07:40:37 »



พันธ์เผือกเราตัดใบ  เพื่อป้องกันการคายน้ำ  ต่องใช้เวลาในการเดินทาง


* 10456244_641227905968425_690857854_n.jpg (152.52 KB, 720x960 - ดู 1818 ครั้ง.)

* 10417228_641227232635159_91981397_n.jpg (115.94 KB, 960x720 - ดู 2141 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 08:19:18 โดย mixnet » IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #138 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2014, 08:44:42 »

เผือกหอมเป็นพืชล้มลุก ต้นมีลักษณะคล้ายต้นบอน เรารู้จักเผือกกันมานาน เพราะเป็นพืชอาหารและสามารถกินเผือกแทนข้าวได้ ในยามขาดแคลนอาหารจำพวกแป้ง แต่ที่นิยมคือนำหัวเผือกมาทำขนมหวาน ทำได้หลายรูปหลายแบบ ขนมที่ทำจากเผือกมีรสชาดดี จึงทำให้มีคนนิยมรับประทานเผือกกันมาก จนเกษตรกรสามารถยึดอาชีพปลูกพืชเป็นอาชีพหลักได้ และหารายได้ให้แก่ผู้ปลูกมากพอสมควร
สำหรับเผือกหอม เป็นเผือกที่มีหัวใหญ่ น้ำหนักมาก ก้านใบใหญ่และมีสีเขียว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม เกษตรกรสนใจปลูกเผือกหอมมากกว่าชนิดอื่นๆ เพราะขายได้ราคาดี

ทำเลและฤดูปลูก
         เผือกเป็นพืชต้องการน้ำมาก แหล่งที่ปลูกต้องมีน้ำ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ ซึ่ง ถ้าขาดน้ำเผือกจะหยุดการเติบโต ชอบดินร่วนปนทราย  ต้นเผือกชอบดินที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังเมื่อมีฝนตกชุก

ฤดูกาลปลูก
  เผือกหอมสามารถปลูกได้ทุกฤดูไม่จัด ขอแค่พื้นที่ต้องมีแหล่งน้ำรองรับ เช่น ห้วยหนองคลองบึง ชลประทาน หรือ บ่อบาดาลก็ได้ แต่สำหรับพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำก็สามารถปลูกได้ช่วงฤดูฝน

การเตรียมดินแปลงปลูก
ไถ พรวน เก็บหญ้าออกให้หมดแล้วยกร่องทำแปลงปลูก ยาวไปตามพื้นที่ดิน ให้แต่ละร่องอยู่ห่างกันประมาณ 80ซม.-1 ม. เพื่อให้เป็นทางระบายน้ำเมื่อฝนตกหนัก น้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก แต่เนื่องจากดินในท้องที่เป็นดินเปรี้ยว หรือดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง เกษตรกรจึงควรแก้ความเป็นกรดด้วยการใส่หินปูน หรือปูนขาว คลุกเคล้าลงในดิน ขณะทำการไถพรวน ประมาณไร่ละ 500 กก. เพราะดินที่มีสภาพเป็นกรดสูง ทำให้ต้นพืชไม่สามารถดูดอาหารและแร่ธาตุในดินไปหล่อเลี้ยงลำต้นได้ ถ้าปลูกไม่มากจะใช้ขี้เถ้าแทนปูนขาวก็ได้

การเก็บเกี่ยว
เผือกหอมมีอายุนับจากวันปลูกถึงวันเก็บเกี่ยวประมาณ 5– 6 เดือน เมื่อเผือกอายุใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ใบจะค่อยๆ เป็นสีเหลืองตั้งแต่ใบล่างขึ้นไปจนหลือใบตรงส่วนยอด 2-3 ใบ ก็แสดงว่าหัวเผือกแก่จัดชุดยอดขึ้นได้แล้ว    ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในดินนานกว่านี้น้ำหนักของหัวเผือกจะลดลง วิธีขุดใช้จอบฟันดิน หรือใช้เสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ เมื่อขุดหมดแล้วจึงตามเก็บลูกเผือกหรือลูกซอที่หักออกจากหัวเผือกติดอยู่ในดิน ในบางท้องที่ที่ไม่มีการทำนา เกษตรกรที่ปลูกเผือกเพียงอย่างเดียวจะปล่อยลูกเผือกไว้ในดินก็ได้แล้วหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแดด ซึ่งสามารถจะเก็บปลูกไว้ในดินได้นาน สำหรับทำพันธุ์ในการปลูกคราวต่อไป แต่ถ้ามีฝนตกลงมามากต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน มิฉะนั้นจะเน่า และนำไปไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ต้นเผือกที่ขุดมาได้แล้วนี้ต้องนำมาลอกกาบแห้งๆ ออกตัดลูกเผือกไว้ต่างหาก ตัดรากและส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะขายหรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไปก็ได้ ในเนื่อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกประมาณ 3,500 กก จน ถึง 10,000 กก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดูแลแต่ละพื้นที่ การเอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย กำจัดวัชพืช.
IP : บันทึกการเข้า
mixnet
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #139 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2014, 08:55:31 »

การปลูกเผือก   
- ต้องมีพันธ์ที่ดี   แหล่งที่มาต้องของพันธ์  ต้องเชื่อถือได้ (เพราะใช้เวลาในการปลูก นานจะเสียเวลา  ) 
- พื้นที่ปลูก  ดินต้องดี  น้ำต้องถึง
- การดูแล  ต้องมีความตั้งใจสูง
- มีเทคนิค การปลูก  มีประสบการณ์

ผู้ปลูกต้องศึกษา  เรื่องเผือก  ให้เข้าใจ 

ข้อมูลเพิ่มเติม  089-4343454   


* 10417228_641227232635159_91981397_n.jpg (115.94 KB, 960x720 - ดู 1905 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 ... 21 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!