ไมเนอร์เปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์ เอสปรี
29 พฤศจิกายน 2553 เวลา 14:34 น.
ไมเนอร์ สบช่องเอฟทีเอลดราคาสินค้าเสื้อผ้านำเข้าจากจีนลง 20 – 30% หวังกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมเปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์ เอสปรี สร้างภาพลักษณ์ใหม่ ขยายกลุ่มลูกค้าครอบคลุม ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นายไมเคิล บิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และน.ส.หรรษา ถนอมสิงห์ ผู้จัดการทั่วไปแฟชั่น กรุ๊ป บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย เสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ เอสปรี เปิดเผยว่า เนื่องจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนหรือเอฟทีเอ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงประเทศจีน ส่งผลให้การนำเข้าส่งออกสินค้าประเภทเสื้อผ้าระหว่างประเทศไทยและจีนไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะมีผลอย่างสมบูรณ์แบบในปีหน้า แต่ในขณะนี้บริษัทได้ลดราคาแบรนด์เสื้อผ้าที่นำเข้าจากประเทศจีนลงแล้ว 20 – 30% เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ เช่น แบรนด์ เอสปรี เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว แฟล็กชิพสโตร์ เอสปรี แห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยขนาดพื้นที่ 600 ตารางเมตร ที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ พร้อมเปิดตัวรูปแบบการตกแต่งร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ในธีม เอสปรี ดิสคัฟเวอร์ เดอะ นิว สไตล์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ให้ดูมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เด็กลงหรือกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อายุระหว่าง 15 – 40 ปี
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านใหม่ในรูปแบบสแตนอโลน ในคอนเซ็ปต์ใหม่ 4 – 5 แห่งในปีหน้า เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว, เทอมินอล 21, เซ็นทรัล เชียงราย และเซ็นทรัล อุดร เป็นต้น พร้อมกันนี้บริษัทจะปรับปรุงร้านเอสปรีในรูปแบบ สแตนอโลน 17 สาขา และเอาท์เลต 10 สาขา รวมเป็น 27 สาขาให้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน
สำหรับเป้าหมายในการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้า บริษัทตั้งเป้าเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 20% และหวังว่าปีหน้าประเทศไทยจะไม่มีปัญหาการเมืองเกิดขึ้นอีก แต่หากมีปัญหาการเมืองบริษัทก็เชื่อว่ายอดขายของบริษัทยังมีอัตราการเติบโต เนื่องจากยอดขายของบริษัทในปีนี้ในสาขาเดิมที่มีอยู่ก็ยังเติบโตได้ถึง 20%ทางด้านตลาดรวมเสื้อผ้าในประเทศไทยคาดว่าปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโต 5 – 7%
น.ส.หรรษา เผยต่อว่า สำหรับราคาที่บริษัทปรับลดลงมา 20 – 30% ทำให้ราคาเริ่มต้นของเสื้อผ้าแบรนด์เอสปรีเริ่มต้นที่ 390 บาท จากเดิมที่มีราคาเริ่มต้นเกือบ 1,000 บาท ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่สามารถซื้อได้ และราคาก็ใกล้เคียงกับเสื้อผ้าที่ไม่มีแบรนด์
นอกจากนี้ภายในร้านแฟล็กชิพ สโตร์ ยังมีสินค้าที่มีเฉพาะที่สาขาแห่งนี้เท่านั้น เพื่อเป็นจุดขายอีกด้วย โดยมีสัดส่วนราว 10 – 15% จากสินค้าทั้งหมด รวมถึงการนำสินค้าประเภทแอสเซสซอรี่ เช่น นาฬิกา แว่นตา น้ำหอม เอสปรี เข้ามาว่างจำหน่ายในร้านเสื้อผ้าเอสปรี เป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งแผนการปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ร้านและลดราคาจะช่วยกระตุ้นยอดคนเข้าร้าน และการยอดการซื้อต่อครั้ง
http://www.posttoday.com/%e0%b8%82%e...b8%a3%e0%b8%b5