|
|
|
|
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
   
ออฟไลน์
กระทู้: 4,046

|
 |
« ตอบ #144 เมื่อ: วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 14:22:40 » |
|
ตอนนี้เพลี้ยระบาดแล้ว ชาวนาแถวบ้านใช้แต่สารเคมีกันอย่างแรง. เอาน้ำส้มควันไม้ไปเสนอ มีไม่กี่คนที่สนใจ นอกนั้นไม่มีทางเปลี่ยนแนวคิดเค้าได้ วิ่งเข้าใส่สารเคมีอย่างเดียว.
ใจเย็น ๆ ครับชาวบ้านยังยึดติดกับสารเคมีเพราะการเห็นผลเร็วแต่ไม่รู้ผลตามมาหลายอย่างทั้งสุขภาพ การปรับตัวของแมลงทั้งการดื้อยา ปกติสูตรขับไล่แมลงที่เห็นผล ก็นิยมเอา - เครื่องแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ - น้ำส้มควันไม้ 1 ลิตร - น้ำสะอาด 200 ลิตร ฉีดพ่นทุกสัปดาห์ มีประโยชน์อีกอย่างของน้ำส้มควันไม้คือ การใช้น้ำส้มควันไม้สามารถช่วยเพิ่มผลิตได้ 50-80 กก/ไร่ เพราะจากการวิจัยแล้วพบว่า น้ำส้มควันไม้มีสารประกอบต่างๆ มากกว่า 200 ชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ น้ำ 85% กรดอินทรีย์ประมาณ 3% และสารอินทรีย์อื่นๆ อีกประมาณ 12% ทั้งนี้ สารประกอบที่สำคัญ มีดังนี้ 1.กรดอะซิตริก (กรดน้ำส้ม) เป็นสารกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส 2.สารประกอบฟีนอล เป็นสารกลุ่มควบคุมการเจริญเติบโตของพืชและสารฆ่าแมลง 3.ฟอร์มัลดีไฮด์ เป็นสารในกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค แมลงศัตรูพืช 4.เอธิล เอ็น วาเลอเรด เร่งการเจริญเติบโตของพืช 5.เมธานอล แอลกอฮอล์ที่ดื่มกินไม่ได้ เร่งการงอกของเมล็ดและราก ใช้ฆ่าเชื้อโรค และออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส 6.อะซีโตน สารละลายวัตถุ ใช้ทำน้ำยาทาเล็บและเป็นสารเสพติด 7.น้ำมันทาร์ เป็นสารจับใบช่วยลดการใช้สารเคมี การนำไปใช้คือ ก่อนหว่านข้าว ใช้แช่เมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในสารละลายน้ำส้มควันไม้ เจือจาง 300 เท่า เป็นเวลา 2 วัน หลังจากข้าวเติบโตตั้งตัวแล้ว ใช้น้ำส้มควันไม้ที่เจือจาง 300 เท่า ฉีดพ่นทางใบทุก 2 สัปดาห์ จะได้ผลผลิตเพิ่มเฉลี่ย 50-80 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากข้าวแตกกอมาก เมล็ดใหญ่ น้ำหนักรวงเพิ่มขึ้น แต่ก็เหมาะสำหรับคนทำนาที่ไม่มากครับถ้าทำนามาก ๆ แต่มีเวลาก็ไม่มีปัญหาครับเพราะต้องหมั่นพ่นครับ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ผศ.ดร.ดรุณี โชติษฐยางกูร สาขาพืชไร่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร.0-4334-2949 ต่อ 14
|
|
|
|
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
   
ออฟไลน์
กระทู้: 4,046

|
 |
« ตอบ #145 เมื่อ: วันที่ 06 ตุลาคม 2012, 14:38:22 » |
|
รู้เรื่องว่าพืชต้องการธาตุตัวไหนสำหรับส่วนใดไปบ้าง มองกลับไปที่ข้าวก็ไม่ใช่เรื่องยาก ต้องรู้การเจริญเติบโตของข้าวว่าช่วงไหนต้องการธาตุตัวไหนมากเป็นพิเศษ ชาวนาหลายคนยังใส่แบบผิด ๆ อยู่ทำให้เปลืองปุ๋ยโดยใช่เหตุ
ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยเคมี N - P - K หน้าที่หลักของธาตุอาหารพืชบางชนิด
- N ไนโตรเจน ช่วยเร่งการเจริญเติบโต ใบใหญ่ มีสีเขียวเข้ม เร่งการขยายขนาดผลและเพิ่มผลผลิต - P ฟอสฟอรัส ส่งเสริมการเจริญของรากฝอยและรากแขนง ช่วยการออกดอกและสร้างเมล็ด - K โปตัสเซี่ยม ส่งเสริมการสะสมแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะในพืชหัว ไม้ผลและพืชที่ให้แป้งและน้ำตาลช่วยทำให้ผลไม้มีผิวสวย เนื้อเยื่อของผลไม้มีคุณภาพและรสชาติดีขึ้น
คือ ปุ๋ยที่ได้จากสิ่งไม่มีชีวิต ส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ ได้แก่ ปุ๋ยสูตรต่างๆ ที่วางขายตามท้องตลาด ทั้งที่เป็นปุ๋ยเดี่ยวและปุ๋ยผสมต่าง ๆ เช่น แม่ปุ๋ยหรือปุ๋ยเดี่ยว มีธาตุอาหารพืชหลักเพียงธาตุเดียว เช่น สูตร 46-0-0 ( ยูเรีย ) สูตร 0-46-0 ( ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต ) สูตร 0-0-60 (โปตัสเซี่ยมคลอไรด์ ) สูตร 21-0-0 ( แอมโมเนี่ยมซัลเฟต ) สูตร 0-3-0 ( ร๊อกฟอสเฟต )
ปุ๋ยสูตรรวม มีธาตุอาหารพืชตั้งแต่ 2 ธาตุขึ้นไป เช่น สูตร 16-20-0 สูตร 20-20-0 สูตร 16-16-8 สูตร 25-7-7 สูตร 21-10-10 สูตร 15-15-15 สูตร 12-24-12 สูตร 9-24-24 สูตร 13-13-21
สูตรปุ๋ย เช่น 15-15-15 จะเป็นตัวเลขบอกปริมาณสารอาหารสุทธิ N 15 กก.ในหนักปุ๋ย 100 กก. P 15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100 กก. K15 ในน้ำหนักปุ๋ย 100
ถามหน่อยนะครับว่าอย่าง 16-20-0 ตัวไหน ตัวn ตัวp ตัวk ตัวหน้า กลางหรือหลังครับเพื่อความแน่นอนขอบคุณมากๆครับ เรียงตามสูตรเลยครับ N-P-K 16-20-0 N ไนโตรเจน = 16 กก ที่น้ำหนักปุ๋ย 100 กก P ฟอสฟอรัส = 20 กก ที่น้ำหนักปุ๋ย 100 กก K โพแทสเซียม = 0 กก ที่น้ำหนักปุ๋ย 100 กก การใส่ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพอาจต้องมีการวิเคราะห์ค่าดินในไร่ของเราเสียก่อน แต่หากไม่มีเวลาก็ต้องใช้วิธิสังเกตุการเจริญเติบโตของข้าวครับและปริมาณการใส่ปุ๋ยของเรา แต่หากท่านใดได้ผลวิเคราะห์ค่าดินมาก็ดีครับ เพราะเราสามารถนำค่าที่ได้มาคำนวณค่าในการผสมปุ๋ยเคมีให้มีประสิทธิภาพและอาจช่วยลดต้นทุนได้ครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|