เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2025, 16:30:22
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ฉันจะเป็นชาวนา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... 27 พิมพ์
ผู้เขียน ฉันจะเป็นชาวนา  (อ่าน 49315 ครั้ง)
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,174



« ตอบ #180 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:20:46 »

ยินดีเจ้าความรู้มีเยอะแยะเลยแต่ดรีมยังบ่มีประสบการณ์เจ้าอิอิก็ศึกษาอยู่หลายๆด้านเจ้า
IP : บันทึกการเข้า
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,174



« ตอบ #181 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:24:45 »

บ่ได้เข้ามาหลายวันมั่วหักข้าวโพดแล้วก็ไปเซาะซื้อไม้ ไปตัดไม้บงมาแปงโรงเห็ดเจ้า กว่าจะได้แต่ละเล่มดึงออกกันอิดหมด เจ้า 
น้องดรีมหมั่นแต้ว่า เอาเหียกู่อย่าง จะเป็นแม่เลี้ยงขายเห็ดแหมละก๊ะนี่ หาวิธีอยู่เหมือนกั๋นมีแนวดีดี มาแชร์กั๋นจิ่มเน้อ
อยู่บ้านว่างเจ้า เลยไขยะเห็ดจะแปงโรงเซาะไม้อยู่เจ้า เอากู่อย่างเจ้า ปกติดรีมนอนดึกพอได้ยะกานสองทุ่มหลับแล้ว5555บ่ไหวอิดขนาดเจ้าแต่พอหายเหนื่อยก็ชื่นใจกับผลงานเจ้า
IP : บันทึกการเข้า
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,174



« ตอบ #182 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:26:18 »

วันนี้ปั่นจักรยานเกือบทั้งวัน 60 กม.พอดี เส้นทางเวียงชัย - เวียงเชียงรุ้ง ปั่นผ่านทุ่งนาหลายแห่งเลยเก็บภาพมาฝากครับ
ว่างๆ ปั่นมาแอ่วตางบ้านไม้ยา ห้วยก้าง ผ่องเน้อเจ้า

กลัวท่าจะบ่าไหวก้าหา .. ไปวัดครูบาพรชัย เอารถนิสสันมาร์ชไป ข้ามดอย ยังได้ใช้เกียร์1 ขึ้น  เอารถถีบไปสงสัยได้ จูงรถขึ้นลงดอยหลายกิโลเหียก้า
วัดดรีมใกล้ๆวัดครูบาพรชัยแระเจ้า แต่นาอยู่ทางบ้านสักเจ้า
IP : บันทึกการเข้า
partner
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 634


« ตอบ #183 เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:41:50 »

ฝากรูปที่ไปเที่ยวมาครับ


* PA070146_resize.JPG (208.45 KB, 794x595 - ดู 561 ครั้ง.)

* PA070044_resize.JPG (254.91 KB, 794x595 - ดู 535 ครั้ง.)

* PA070089_resize.JPG (181.5 KB, 794x595 - ดู 510 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:53:03 โดย partner » IP : บันทึกการเข้า
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,174



« ตอบ #184 เมื่อ: วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 19:20:49 »

วันที่ 5 ธ.ค ที่ไร่เชิญตะวันจะเกี่ยวข้าวด้วยนะค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
WAt31
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156


« ตอบ #185 เมื่อ: วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 23:25:27 »

 ยิ้ม   ทุกอย่างที่ท่านต้องการ  วิธีการดูแลรักษา 6 ขั้นตอน  ผมมีให้ท่านพร้อมหมด
สนใจติดต่อเข้ามาครับ  ผมก็ชาวนาคนหนึง  ตอนนี้าข้าวผมสุดยอด
อย่าพึ่งงงนะครับค่อย ๆ อ่านกัน

ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช          พืชมีความต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ซึ่งธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชจะมีอยู่ด้วยกัน 16 ธาตุ คือ คาร์บอน, ไฮโดรเจน, ออกซิเจน, ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, แคลเซียม, เหล็ก, แมงกานีส, สังกะสี, ทองแดง, โบรอน, โมลิบดีนัม และคลอรีน โดยธาตุคาร์บอน, ไฮโดรเจน และออกซเจน พืชได้จากน้ำและอากาศ ส่วนที่เหลืออีก 13 ธาตุ แบ่งออกเป็นธาตุหลัก 6 ธาตุ และธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ดังนี้

          ธาตุหลัก 6 ธาตุ ที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช และพืชต้องการในปริมาณที่มากจากดินคือ ไนโตรเจน, ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, แคลเซียม

          ธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ที่พืชใช้ในปริมาณที่น้อง แต่พืชจะขาดธาตุเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน คือ เหล็ก, แมงกานีส, สังกะสี, ทองแดง, โบรอน, โมลิบดีนัม และคลอรีน

          ปกติแล้วธาตุอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในดินอยู่แล้ว แต่ในปริมาณที่น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเราจึงต้องมีการเสริมธาตุในดินทดแทน

         เมื่อเราทราบถึงความต้องการของพืชว่าต้องการธาตุต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตแล้ว เรามาดูถึงหน้าที่และความสำคัญของธาตุต่าง ๆ กันดีกว่า


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุไนโตรเจน

          หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

          ช่วยทำให้พืชตัวตัวได้เร็วในระยะแรกของการเจริญเติบโต ช่วยเสริมใบและลำต้นให้มีสีเขียวเข้ม และช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนให้แก่พืชที่ใช้เป็นพืชอาหาร เช่น ข้าวหรือหญ้าเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องควบคุมการออกดอกออกผลของพืช ช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยเฉพาะพืชที่ให้ผลและเมล็ด

          อาการของพืชที่ขาดธาตุไนโตรเจน

ใบจะเหลืองผิดปกติจากใบล่างไปสู่ยอด
ลำต้นจะผอม กิ่งก้านลีบเล็ก และมีใบน้อย
พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นสีเหลือง หรืออาจจะมีสีชมพูเจือปนด้วย
ใบพืชที่มีสีเหลือง ปลายใบและขอบใบจะค่อย ๆ แห้งและลุกลามเข้ามาเรื่อย ๆ จนใบร่วงจากลำต้นก่อนกำหนด
พืชจะไม่เติบโต หรือโตช้ามาก

--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุฟอสฟอรัส

          หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

ช่วยให้ราดดึงดูดโปแตสเซียมเข้ามาใช้เป็นประโยช์ได้มากขึ้น
ช่วยแก้ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากพืชได้รับไนโตรเจนมากเกินไป
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากฝอยและรากแขนงในระยะแรกของการเจริญเติบโต
ช่วยเร่งให้พืชแก่เร็ว ช่วนในการออกดอก และสร้างเมล็ดของพืช
เพิ่มความต้านทานต่อโรคบางชนิด ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี
ทำให้ลำต้นของพืชจำพวกข้างแข็งขึ้นไม่ล้มง่าย 
          อาการของพืชที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส

พืชจะชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นบิดเป็นเกลียว เนื้อไม้จะแข็ง แต่เปราะและหักง่าย
รากจะเจริญเติบธตและแพร่กระจายลงในดินช้างกว่าที่ควร ดอกและผลที่ออกมาไม่สมบูรณ์ หรือบางครั้งอาจหลุดร่วงไป หรืออาจมีขนาดเล็ก
พืชจำนวกลำต้นอวบน้ำหรือลำต้นอ่อน ๆ จะล้มง่าย
ใบแก่จะเปลี่ยนสีหรือพืชบางชนิดใบจะเป็นสีม่วง
อาการจะเกิดขึ้นกับใบล่าง ๆ ของต้นขึ้นไปหายอด
--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโปแตสเซียม

       หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช

ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากดูดน้ำได้ดีขึ้น
มีความจำเป็นต่อการสร้างเนื้อของผลไม้ให้มีคุณภาพดี
ทำให้พืชมีคามต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ
ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ
ช่วยป้องกันผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพืช เนื่องจากการได้รับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเมากเกินไป
ช่วยเพิ่มคุณภาพของพืชผักและผลไม้ โดยทำให้พืชมีสีสัน ขนาด ความหวาน และคงทนต่อสภาวะแวดล้อมได้
          อาการของพืชที่ขาดธาตุโปแตสเซียม

ขอบใบเหลือง และกลายเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มต้นจากปลายใบเข้าส่งกลางใบ ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลจะแห้งเหี่ยวไป จะเกิดจากใบล่างก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ลามขึ้นข้างบน พืชที่เห็นชัดคือข้าวโพด
ทำให้ผลผลิตตกต่ำ พืชจำนวกธัญพืชจะทำให้เมล็ดลีบ มีน้ำหนักเบา พืชหัวจะมีแป้งน้อยและน้ำมาก ข้าวโพดจะมีเมล็ดไม่เต็มฝัก ฝักจะเล็กมีรูปร่างผิดปกติ ใบยาสูบมีคุณภาพต่ำ ติดไฟยาก กลิ่นไม่ดี พืชจำพวกฝ้ายใบจะมีสำน้ำตาลปนแดง สมอฝ้ายที่เกิดขึ้นจะไม่อ้าเต็มที่เมื่อแก่

--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุแคลเซียม

        เป็นธาตุที่ต้นพืชนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตในตัวพืช ช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนจากดินมาใช้เห้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอกและระยะที่สร้างเมล็ดพืชจะมีความจำเป็นมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผลและเมล็ดต่อไป
          อาการของพืชที่ขาดแคลเซียมจะพบมากในบริเวณยอด และปลายราก ยอดอ่อนจะแห้งตาย และใบจะมีการการม้วนงอไปข้างหน้าและขาดเป็นริ้ว ๆ ซึ่งจะเกิดที่ใบอ่อนก่อน แก้ไขโดยการใส่ปูนขาว หินปูนบด หินปูนเผา เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือการใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดิน


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุกำมะถัน

          กำมะถันมีความจำเป็นต่อการสร้างโปรตีนพืช เป็นองค์ประกอบของวิตามินบางตัวที่มีผลทางอ้อมต่อการสร้างสีเขียวของพืช ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหายใจและการปรุงอาหารพืช
          พืชที่ขาดกำมะถันจะมีเสียเขียวอ่อน หรือเหลืองคล้าย ๆ อาการขาดไนโตรเจน ใบขนาดเล็กลง ยอดของพืชจะชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นและกิ่งก้านลีบเล็ก อาการขาดธาตุกำมะถันจะมีอาการแตกต่างจากขาดธาตุไนโตรเจน คือจะปรากฏที่ยอดอ่อนก่อน ส่วนใบล่างยังคงปกติ ถ้าอาการรุนแรงใบล่างก็จะมีอาการด้วยเช่นกัน ซึ่งจะตรงข้ามกับอาการของการขาดไนโตรเจน จะแสดงอาการที่ใบล่างก่อน
          ดินที่มักพบเสมอว่าขาดธาตุกำมะถันคือ ดินทราย ซึ่งมีอินทรีย์วัตถุน้อย การเพิ่มกำมะถันในดิน นอกจากจะมีการใส่กำมะถันผงโดยตรงแล้ว การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสด ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาการขาดธาตุกำมะถันในดินได้เช่นกัน
          แต่ข้อควรระวังในการใส่กำมะถันก็คืน หากใส่มากเกินความจำเป็นจะทำให้ดินเป็นกรดได้


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุแมกนีเซ๊ยม

          เป็นองค์ประกอบของส่วนที่เป็นสีเขีย ทั้งที่ใบและส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารและโปรตีนพืช
          อาการขาดแมกนีเซียมจะสั่งเกตได้จาบใบพืช ที่เหลืองซีดบริเวณเส้นกลางใบที่อยู่ใกล้กับผล ถ้าหากอาการขาดรุ่นแรงใบแก่จะมีอาการมากกว่าใบอ่อน
          การขาดธาตุแมกนีเซียม จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลงและต้นพืชทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุที่พืชขาดธาตุแมกนีเซียมนั้น เพราะปริมาณแมกนีเซียมที่อยู่ในดินถูกชะล้างลึกลงไปเกินกว่าที่รากพืชจะดึงดูดมาใช้ได้ และการที่มีปริมาณโปแตสเซียมสะสมในดินมากเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ
          การแก้ไข สามารถทำได้โดยการปรับปรุงสภาพดิน ความเป็นกรด ด่างของดินให้เหมาะสมต่อการดูดเข้าไปใช้ของพืช และมีการใช้ปุ๋ยโปแตสเซียมที่พอเหมาะ ที่สำคัญก็คือ การฉีดพ่นทางใบด้วยธาตุอาหารเสริม ซึ่งมีธาตุแมกนีเซียมในรูปที่พืชสามารถนำปใช้ได้ทันที


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุเหล็ก

         ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีน และมีบทบาทสำคัญในการปรุงอาหารของพืช ช่วยกระตุ้นให้การหายใจและการปรุงอาหารของพืชเป็นไปอย่างสมบูรณ์
          อาการขาดธาตุเหล็กจะแสดงออกทั้งทางใบและทางผล อาการเริ่มแรกจะสังเกตพบว่าใบอ่อนบริเวณเส้นใบยังคงมีคามเขียว แต่พื้นใบจะเริ่มเหลืองซีด ส่วนใบแก่ยังคงมีอาการปกติ ระยะต่อมาจะเหลืองซีดทั้งใบ ขนาดใบจะเล็กลงกว่าปกติและจะร่วงไปก่อนใบแก่เต็มที่ กิ่งแห้งตาย ส่วนอาการที่เกิดขึ้นกับผลผลิตคือผลผลิตจะลดลง ขนาดของผลเล็กและผิวไม่สวย ผิวเรียบและเกรียม การขาดธาตุเหล็กยังมีผลต่อการนเจริญของยอดอ่อนด้วย

          การแก้ไข ตามปกติช่งความเป็นกรด-ด่างของดินที่พืชสามารถนำธาตุเหล็กไปใช้ได้คือ ค่า pH ระหว่าง 5.5-5.6 แต่ถ้าค่า pH ต่ำกว่านี้ จะทำให้ปริมาณของธาตุเหล็กมีมากเกินไปจนก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชได้ ธาตุเหล็กจะไปตรึงธาตุฟอสฟอรัสไว้จนพืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ การแก้ไขด้วยการฉีดพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการขาดธาตุเหล็กได้


--------------------------------------------------------------------------------

           ธาตุทองแดง

          หน้าที่ของธาตุทองแดง มีผลต่อพืชโดยอ้อม ในการสร้างส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช ช่วยเพิ่มโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ และป้องกันการถูกทำลายส่วนสีเขียว นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบของน้ำย่อยในพืช ซึ่งมีผลต่อการปรุงอาหารยังผลต่อการเจริญเติบโตและการติดดอกออกผล
          ธารุทองแดงยังช่วยให้ต้นพืชสามารถดูดเอาธาตุเหล็กที่อยู่ในดินนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

          อาการของพืชที่ขาดธาตุทองแดง

          ใบพืชจะมีสีเขียวจัดผิดปกติ แล้วต่อมาจะค่อย ๆ เหลืองลง ๆ โดยแสดงอาการจะยอดลงมาถึงโคน อาการขาดธาตุทองแดงพบมากในเขตดินเปรี้ยว การใช้ปุ๋ยฟอสเฟตอาจช่วยได้ หรือฉีดพ่นด้วยธาตุอาหารเสริม (ที่มีทองแดงประกอบ) ทางใบ


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุสังกะสี

          สังกะสีมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนพืช กล่าวคือ พืชที่ขาดธาตุสังกะสีจะให้ปริมาณฮอร์โมน IAA ในตายอดลดลง ทำให้ตายอดและข้อปล้องไม่ขยาย ใบออกมาซ้อน ๆ กัน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำย่อยของพืชหลายชนิดในการสร้างอาหารและสังเคราะห์แสง จึงมีผลทางอ้อมในการสร้างส่วนสีเขียวของพืช
          การแก้ไขที่และและให้ผลแน่นอนคือการฉีดพ่นทางใบ ด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีธาตุสังกะสีเป็นองค์ประกอบ


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุแมงกานีส

         ธาตุนี้มีผลกระทบต่อใบ เนื่องจากมีบทบาทในการสั่งเคราะห์แสง เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อยในต้นพืช และยังควบคุมกิจกรรมของธาตุเหล็กและไนโตรเจนในต้นพืชอีกด้วย
          พืชที่ขาดธาตุแมงกานีสใบจะออกสีเหลือง ๆ ส่วนเส้นใบจะเขียวอยู่ปกติ โดยเฉพาะใบอ่อนอาจเกิดเป็นจุดขาว ๆ หรือจุดเหลืองที่ใบ ต้นโตช้า ใบไม่สมบูรณ์ พุ่มต้นโปร่ง
          พืชที่แสดงอาการขาดธาตุแมงกานีส ต้องฉีดพ่นเข้าทางใบด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีองค์ประกอบของธาตุแมงกานีส


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโบรอน

         มีบทบาทเกี่ยวข้องต่อการดูดดึงธาตุอาหารพืช ช่วยให้พืชดูดเอาธาตุแคลเซียมและไนโตรเจนไปใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชใช้ธาตุโปแตสเซียมได้มากขึ้น มีบทบาทในการสังเกคราะห์แสง การย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเพิ่มคุณภาพทั้งรสชาติ ขนาด และน้ำหนักของผล เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต เพราะโบรอนจะควบคุมการดูดและคายน้ำของพืชในขบวนการปรุงอาหารอีกทางหนึ่ง
          หากขาดธาตุโบรอน ส่วนที่จะแสดงอาการเริ่มแรกคืนยอดและใบ่อ่อน ส่วนที่ยอดและตายอดจะบิดงอ ใบอ่อนบางและโปร่งใสผิดปกติ เส้นกลางใบหนากร้าน และตกกระ มีสารเหนียว ๆ ออกมาตามเปลือกของลำต้น กิ่งก้านจะแลดูเหี่ยว ผลเล็กและแข็งผิดปกติ มีเปลือกหน้า บางทีผลแตกเป็นแผลได้
          อาการขาดธาตุนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่อต้นพืชกระทบแล้งหรือขาดน้ำมาก ๆ ควรทำการปรับปรุงดินอย่าให้เป็นกรด-ด่างมาก และควรฉีดพ่นอาหารเสริมทางใบที่มีองค์ประกอบของโบรอนด้วย


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุโมลิบดินัม

         บทบาทและหน้าที่ของธาตุโมลิบดินัมในพืชนั้น ทำให้การทำงานของธาตุไนโตรเจนในพืชสมบูรณ์ขึ้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นสำหรับขบวนการสร้างสารสีเขียวและน้ำย่อยภายในพืชบางชนิดด้วย
          พืชที่ขาดธาตุนี้ ที่ใบแจะเป็นจุดด่างเป็นด้วย ๆ ในขนะที่เส้นใบยังเขียวอยู่ ถ้าขาดธาตุนี้รุนแรง ใบจะม้วยเข้าข้างใน ลักษณะที่ปลายและขอบใบจะแห้ง ดอกร่วง และผลเคระแกรนไม่เติบโตเต็มที่


--------------------------------------------------------------------------------

          ธาตุคลอรีน

          คอลรีนมีความสำคัญต่อขบวนการสังเคราะห์แสง มีผลทำให้พืชแก่เร็วขึ้น พืชที่ขาดธาตุคลอรีนใบจะซีด เหี่ยว และใบสีเหลืองบรอนซ์ ถ้ามีคลอรีนมากจำทำให้ของใบแห้ง ใบจะเหลืองก่อนกำหนด

 

IP : บันทึกการเข้า
WAt31
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156


« ตอบ #186 เมื่อ: วันที่ 15 ตุลาคม 2012, 23:30:40 »

วันที่ 5 ธ.ค ที่ไร่เชิญตะวันจะเกี่ยวข้าวด้วยนะค่ะ
เตรียมพื้นที่เพาะปลูกนาปลังไว้เลยครับ ผมพร้อมดูแลเรื่องดินให้

วัฒน์  0871740371
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,576


canon eos


« ตอบ #187 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 10:57:52 »

 ยิ้มกว้างๆ....วันนี้ไปเดินดูข้าวในแปลงนา.....เริ่มออกรวงบ้างแล้วครับ...
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #188 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 12:31:57 »

ยิ้มกว้างๆ....วันนี้ไปเดินดูข้าวในแปลงนา.....เริ่มออกรวงบ้างแล้วครับ...

ได้ยินเสียงนกเอี้ยงร้อง..  " ป้อเลี้ยง ๆ "  หรือยังครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ช่วงนี้ข้าวเริ่มออกรวงแล้ว ถ้าใครปลูกข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงคงเกี่ยวกันแล้ว ผมก็ปั่นจักรยานไปนาทุกเย็นเลยไปดูแลและก็ถ่ายรูปบ้าง ยังไงขอให้ได้ผลผลิตเยอะ ๆครับ





* IMG_6413_resize.JPG (55.63 KB, 750x563 - ดู 509 ครั้ง.)

* IMG_6412_resize.JPG (73.64 KB, 750x563 - ดู 490 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,576


canon eos


« ตอบ #189 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 13:21:39 »

ยิ้มกว้างๆ....วันนี้ไปเดินดูข้าวในแปลงนา.....เริ่มออกรวงบ้างแล้วครับ...

ได้ยินเสียงนกเอี้ยงร้อง..  " ป้อเลี้ยง ๆ "  หรือยังครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ช่วงนี้ข้าวเริ่มออกรวงแล้ว ถ้าใครปลูกข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงคงเกี่ยวกันแล้ว ผมก็ปั่นจักรยานไปนาทุกเย็นเลยไปดูแลและก็ถ่ายรูปบ้าง ยังไงขอให้ได้ผลผลิตเยอะ ๆครับ






 ยิ้มกว้างๆ....แถวๆบ้านข้าวกข.15ออกรวงตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ....ของผมที่เริ่มออกรวงเป็นกข.6ธัญญสิริน......2-3วันก่อนไปแถวแม่สาย..เห็นบางพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวกันแล้วครับ...
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #190 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 20:02:09 »

วันที่ 5 ธ.ค ที่ไร่เชิญตะวันจะเกี่ยวข้าวด้วยนะค่ะ

แปลงนาสาธิตที่ไร่เชิญตะวัน ปีนึงจะทำครั้งเดียว หรือว่าหลายครั้งครับเพราะเห็นน้ำไม่ค่อยมีน่าจะอาศัยน้ำฝน หรือใช้วิธีสูบจากอ่างเก็บน้ำข้างล่างขึ้นมาใช้ ถ้ามีโอกาสจะได้เข้าไปศึกษาดูครับ

IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #191 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 20:29:48 »

ถ่ายรูปที่นาวันนี้มาฝากครับ ข้าวออกรวงพร้อมกันหมดแล้ว ผมทำนา 22 ไร่เลือกทำนาแบบลดต้นทุน เพราะเห็นว่า หากเราต้นทุนต่ำ ขายที่ราคาไหนก็มีกำไร แม้จะไม่ได้ทำเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซนต์ อาศัยปุ๋ยเคมีบ้างเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีมากเหมือนชาวนาทั่วไปทำให้ลดต้นทุนไปได้มาก  ผลผลิตนาปีที่แล้วปลูก กข.15 ขายได้ตกไร่ละหมื่นกว่าบาท ก็ใกล้เคียงกับชาวนาทั่วไป อาจได้มากกว่าบางคนด้วยซ้ำ แต่ต้นทุนเราต่ำกว่าเค้าเราก็มีกำไรมากกว่า ตอนนี้ความรู้อินเตอร์เน็ตมีมาก ทั้งบทความ  เว็ปต่าง ๆ  แม้แต่ Youtube ก็มีสอนมากมาย เป็นประโยชน์ให้พี่น้องได้ศึกษา  ไม่เข้าใจตรงไหนก็โพตส์ถามในบอร์ด (การเกษตรในเชียงราย) เชื่อว่าในบอร์ดก็มีคนเก่งมากมาย หลายท่านจบเกษตรมาโดยตรงก็เชื่อว่าน่าจะให้คำแนะนำดี ๆ ได้ ผมก็ไม่ได้จบเกษตรมาแต่ก็ได้ความรู้ในเน็ตและดูคำแนะนำจากหลาย ๆท่านในบอร์ดนี้แหล่ะครับ  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มกว้างๆ


* IMG_6565_resize.JPG (54.54 KB, 700x525 - ดู 473 ครั้ง.)

* IMG_6568_resize.JPG (68.86 KB, 700x525 - ดู 478 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #192 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:18:31 »

ถ่ายรูปนาข้างเคียงมาให้เป็นกรณีศึกษาครับ  รูปนี้นาที่ติดผมด้านทิศตะวันตกจะเห็นมีข้าววัชพืช ทั้งที่ข้าวเหนียวอุบลยังไม่ออกรวงเลย

พันธุ์ข้าวนาแปลงนี้  ข้าวเหนียวอุบล
วิธีการปลูก            นาดำโดยใช้คน

ทำไมต้นข้าวถึงขึ้นไม่สม่ำเสมอ
-  ข้าวที่เห็นไม่ใช่ ข้าวเหนียวอุบลที่ตั้งใจจะปลูก แต่จัดเป็นข้าววัชพืชประเภทหนึ่ง ข้าววัชพืชได้แก่  “ข้าวหาง ข้าวนก ข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าวลาย หรือ ข้าวแดง” มีลักษณะเหมือนต้นข้าวจนแยกไม่ออกในระยะต้นกล้า  ข้าวหาง และ ข้าวดีด เพราะเป็นข้าววัชพืชชนิดร่วงก่อนเกี่ยว เจริญเติบโตได้รวดเร็ว และสูงข่มข้าวปลูกในระยะแตกกอ ข้าวหางและข้าวดีดจะออกดอกและเมล็ดจะสุกแก่ก่อนก่อนปลูกข้าวประมาณ 2 สัปดาห์ ชาวนาไม่สามารถเก็บเกี่ยวได ้เพราะเมล็ดร่วงเกือบหมด ทำให้ผลผลิตข้าวเสียหาย

ทำไมถึงมีถึงข้าววัชพืชในนาดำได้
- ภาพนี้ไม่ค่อยพบบ่อยตามปกตินาดำถึงว่าผลผลิตมีคุณภาพสูงที่สุดก็ว่าได้ เพราะว่ามีคัดแยกวัชพืชพวกหญ้าออกในการดำนาแต่ถ้าเป็นข้าวในระยะกล้าก็แยกสายพันธุ์ไม่ออกเช่นกัน การทำนาแบบนี้แทบจะไม่ต้องใช้ยาคลุมหญ้าเลยเพราะใช้น้ำคลุมตลอด ในนาแปลงนี้ถึงแม้จะได้พันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวหรือข้าวแพค  แต่มาหว่านเมล็ดพันธุ์ในนาซึ่งไม่มีการจัดการแปลงนาโดยวิธีที่เหมาะสม  คือการหว่านลงในนาทั้งที่ไม่มีการกำจัดเมล็ดข้าวที่ตกอยู่ในนาก่อนหว่าน ทั้งพันธุ์ข้าวก่อนหน้านี้ ข้าววัชพืช ข้าวป่า พอหว่านข้าวพันธุ์ลงไปมันก็จะขึ้นมาพร้อมกัน ยากต่อการคัดแยก   ดังนั้นวิธีการทำนาดำควรเลือกพื้นที่ในการเพาะกล้าที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะปนกัน ชาวนาบางคนทุ้งกล้าที่ดินแห้งเลยก็มีไม่หว่านกล้าในนาเลย หากใช้รถปลูกมีการเพาะในกระบะก็ไม่ค่อยพบปัญหานี้นอกเสียจากได้เมล็ดพันธุ์ที่ปะปนกันมาก่อนแล้ว หรือบางคนก็ใช้วิธีเพราะกล้าในถาดนาโยนเพื่อมาโยน หรือปลูกมือก็มีช่วยลดปัญหาได้ด้วยครับ


* IMG_6491_resize.JPG (63.11 KB, 700x525 - ดู 472 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
Auttapon
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 111



« ตอบ #193 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:25:13 »

มาขอรับความรู้ครับ (ผมมีความรู้เรื่องธาตุอาหารพืช จากห้องปฏิบัติการ แต่ยังไม่เคยทำนาแบบจริงจัง ด้วยตัวเองเลยคับ) ดีใจมากครับ ที่มีคนหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ (ผมนึกว่า ผมเป็นผีบ้าอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ)
IP : บันทึกการเข้า

สนใจติดต่อได้ 0812353521 หรือ ทางเฟสบุค Auttapon Taluengjit นะคร้าบบบ
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #194 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:46:36 »

อีกรูปครับ  อันนี้แปลงนาติดกันทางทิศเหนือวิธีการปลูกข้าวโดยการหว่านเหมือนกับผม ทำไมถึงมีข้าววัชพืชและหญ้าในนา ก็มีหลายสาเหตุเหมือนกันข้าววัชพืชเกิดขึ้นง่ายอยู่แล้วหากไม่รู้วิธีกำจัดหรือป้องกัน ส่วนหญ้าทั้งที่มีการพ่นยาคลุมหญ้าแล้วก็ยังมีเกิดขึ้นหากควบคุมไม่ดี

ปัจจัยที่ทำให้เกิดหญ้าวัชพืชในนาหว่าน

-  ชนิด  คุณภาพ ยาคลุมหญ้า การผสม ตลอดจนการพ่น
-  ระยะเวลาที่พ่นยาคลุมหญ้าหากช้าเกินไปหญ้าไม่ตาย หรือมีฝนตกหลังพ่นทำให้ยาเจือจางไม่เกาะใบหญ้า
-  การปรับที่นาไม่เรียบ เป็นสันดอนน้ำคลุมไม่ถึงหญ้าจึงขึ้น
-  การหว่านห่างมากเกินไปทำให้มีแสงเล็ดลอดมากพอน้ำแห้งเป็นปัจจัยให้หญ้าเกิดขึ้นได้ หว่านถี่ข้าวเป็นโรคเชื้อราง่าย อาจพบแมลงศัตรู เพลี้ย หนอน และข้าวล้มหากจัดการไม่ดี
-  ปล่อยให้เมล็ดหญ้าร่วงในนา  หญ้าบางสายพันธุ์ทนต่อสภาพพื้นที่ ปราบยาก
-  การไถไม่มีการล่อให้หญ้าขึ้นก่อน ควรไถและเอาน้ำเข้าและปล่อยให้แห้งรอให้หญ้าขึ้นจากน้ำค่อยไถซ้ำจะช่วยลดปริมาณหญ้าวัชพืชได้ระดับหนึ่ง
-  การปล่อยให้น้ำแห้งในระยะเดือนแรกเพราะข้าวยังไม่โตพอที่จะบังแสงในแปลงนาได้ พอดินแห้งมีแสงแดดก็เป็นปัจจัยให้หญ้าขึ้นได้  หากแสงน้อยหญ้าเจริญเติบโตช้า ช่วงที่ข้าวโตพอหรือเริ่มแตกกอแล้วก็ลดระดับน้ำลงได้บ้างไม่จำเป็นต้องน้ำแช่ตลอดก็ได้

อาจมีสาเหตุอีกมากครับตอนนี้ผมนึกออกแค่นี้ครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม


* IMG_6502_resize.JPG (74.78 KB, 700x525 - ดู 479 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #195 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 21:55:35 »

มาขอรับความรู้ครับ (ผมมีความรู้เรื่องธาตุอาหารพืช จากห้องปฏิบัติการ แต่ยังไม่เคยทำนาแบบจริงจัง ด้วยตัวเองเลยคับ) ดีใจมากครับ ที่มีคนหันมาสนใจเกษตรอินทรีย์ (ผมนึกว่า ผมเป็นผีบ้าอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ)

ไว้วันหลังผมก็ขอรับความรู้บ้างนะครับ เรื่องธาตุอาหาร หรือมีอะไรดี ๆ ก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
60RADIO
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 807

60RADIO


« ตอบ #196 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2012, 22:01:40 »

อยากไปดูจัง
IP : บันทึกการเข้า

60RADIO 79/243 หมู่ 22 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย
ติดตั้ง ระบบFire Alarm, GPS ติดตามรถ, ซ่อมกล่อง ECU, วิทยุสื่อสาร, กล้องวงจรปิด และ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในอาคาร
Phone&line; 089 556 3228
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #197 เมื่อ: วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:23:44 »

เจ้าของกระทู้หาย อัพให้หน่อย  เข้าดูนาของชาวเวียดนามแล้วทำให้อยากกลับไปเล่นกล้องถ่ายรูปอีกครั้งหลังจากขายกล้อง DSLR เลนส์ L ไปเมื่อ 3 ปีก่อนเพราะไม่มีเวลาเป็นช่วงที่เริ่มทำนายังยุ่งกับนา แปลงกล้องเป็นทุน มาใช้กล้อง cannon ราคาพันกว่าบาท  ตอนนี้ทำนาสบายแล้วไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เห็นภาพทุ่งนาที่เวียดนาม ทำให้นึกถึงหมู่บ้านชิระงะวะโง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมญี่ปุ่นถูกจัดเป็นเมืองมรดกโลกด้วย  ทำไมผมเห็นภาพทุ่งนาที่เวียดนามถึงประทับใจ  ต้องตามไปชมภาพเองนะครับ

หมู่บ้านนี้เรียกว่า  "บ้านแม่" ช่างเป็นชื่อหมู่บ้านที่เป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะเป็นหมู่บ้านของชาวไท หรือ ชาวไต ชนเผ่าน้อยในเวียดนามที่มีต้นตระกูลเดียวกับเรา เราสามารถใช้ภาษาไทยพูดคุยกับเค้าได้รู้เรื่อง ที่นี่เป็นหมู่บ้านเกษตรดั้งเดิมที่ยังคงเอกลักษณ์ อาจจะเรียกว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ก็ว่าได้ อาจไม่พบเห็นรถไถนา รถเกี่ยวข้าวที่นี่ และเป็นจุดขาย มีที่พักที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม ณ หมู่บ้านแห่งนี้ครับถือเป็นรายได้เสริมหรือว่าหลักเลยก็ว่าได้ บ้านเราหากมีแบบนี้ก็คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งอาจจะดังกว่าปายเลยก็ว่าได้ครับ





* wb0509_t610_r12230.jpg (155.31 KB, 800x533 - ดู 638 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12273.jpg (116.86 KB, 800x532 - ดู 446 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12203.jpg (166.11 KB, 800x533 - ดู 457 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12215.jpg (136.41 KB, 800x533 - ดู 458 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12238.jpg (174.04 KB, 800x533 - ดู 445 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #198 เมื่อ: วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:30:49 »

อยากเห็นกับตาเดี๋ยวปีหน้าต้องหาโอกาสไปให้ได้ครับ 


* wb0509_t610_r12207.jpg (134.85 KB, 800x532 - ดู 475 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12232.jpg (150.86 KB, 800x533 - ดู 461 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12235.jpg (188.67 KB, 800x533 - ดู 772 ครั้ง.)

* wb0509_t610_r12231.jpg (86.32 KB, 400x600 - ดู 585 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #199 เมื่อ: วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:40:15 »

หมู่บ้านทางประวัติศาสตร์แห่งชิระงะวะโง เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในหุบเขาและตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นระยะเวลานาน ทำให้หมู่บ้านยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นและยังคงรักษาบ้านแบบโบราณที่เป็นแบบฉบับของที่นี่ได้เป็นอย่างดี บ้านที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นรูปทรงที่เรียกว่า บ้านพนมมือ เนื่องจากหลังคาที่ชันและประกบกันคล้ายนพนมมือ ที่มีเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น หลังคามุงด้วยกกและมีความชันเพื่อรับมือกับหิมะที่ตกหนักในเขตนี้ บ้านแต่ละหลังมีสามถึงสี่ชัน และชั้นบนสุดมักจะมีการเลี้ยงไหมด้วย



* K9236181-10_resize.jpg (226.87 KB, 800x534 - ดู 598 ครั้ง.)

* house7.jpg (111.01 KB, 600x450 - ดู 587 ครั้ง.)

* 13-12-2553_13-47-17_jpg;r_width=580;static_p_s1sf_ns_0;file_dc111a.jpg (68.63 KB, 580x410 - ดู 616 ครั้ง.)

* house4.jpg (103.61 KB, 600x450 - ดู 579 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 ตุลาคม 2012, 20:43:14 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... 27 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!