
พงสาลีเป็นแขวงเหนือสุดของประเทศลาว ที่นักท่องเที่ยวไทย และต่างชาติรู้จักน้อยที่สุด แต่ด้วยความมีเสน่ห์น่าค้นหา ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยสัมผัสกระจายบอกต่อกันไปแบบปากต่อปาก ทำให้พงสาลีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันอีกแห่งหนึ่งของนักเดินทางหลายๆ คน จากสภาพภูมิประเทศของเมืองถูกขนาบข้างด้วยประเทศจีนทางตะวันตกจรดทิศเหนือถึง 330 กิโลเมตร มีด่านชายแดนท้องถิ่นเฉพาะคนลาว และจีนถึง 3 ด่าน ส่วนทางด้านตะวันออกติดกับประเทศเวียดนามเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร มีด่านชายแดน 2 แห่ง หนึ่งในนั้นเป็นด่านสากลสู่เมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเมืองหนึ่งในภูมิภาคนี้ ส่วนทิศใต้ติดกับแขวงอุดมไซทางถนน และแขวงหลวงพระบางที่สามารถเดินทางถึงกันได้เฉพาะทางน้ำเท่านั้น มีชนเผ่าอยู่รวมกัน 28 ชนเผ่า มีประชากรประมาณ 166,635 คน (ข้อมูลปี 52) บนเนื้อที่ 16,270 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเมือง (อำเภอ) พงสาลี เมืองสำพัน เมืองขวา เมืองใหม่ เมืองบุนใต้ เมืองบุนเหนือ และเมืองยอดอู ด้วยความสูงของเมืองโดยเฉลี่ย 1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล กับความสมบูรณ์ของผืนป่าทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ -5 ถึง -10 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

แหล่งท่องเที่ยวในเขตเมืองพงสาลี
ย่านเมืองเก่า
พิพิธภัณฑ์ชนเผ่า
พระธาตุพูฟ้า
สวนชา 400 ปี
แหล่งท่องเที่ยวทางทิศเหนือเมืองยอดอู
แหล่งท่องเที่ยวทางทิศตะวันตกเมืองบุนเหนือ
แหล่งท่องเที่ยวทางทิศใต้เมืองบุนใต้
เส้นทางสู่เมืองเดียนเบียนฟู
เมืองขัว (เมืองขวา)
เมืองใหม่
ด่านชายแดนสบฮุน-ไตจาง
ย่านเมืองเก่าเมื่อสังเกตดูแผนที่ประเทศลาว แขวงพงสาลีมีลักษณะยื่นออกไปกั้นกลางระหว่าง 2 ประเทศ ในแนวระยะที่เกือบจะเท่ากัน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเดียนเบียนฟู และมณฑลยูนานมาก่อน แต่ด้วยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ฝรั่งเศสต้องการจะใช้ในการคานอำนาจจีน และเวียดนามเหนือได้อย่างเด็ดขาด จึงบีบบังคับให้จีนส่งมอบพื้นที่ส่วนนี้ในสนธิสัญญาปีพ.ศ.2438 จึงส่งผลทำให้ในย่านตัวเมืองมีลักษณะผสมผสานของชนเผ่าที่หลากหลาย เช่น ลาวสูง, จีน, ฮ่อ, ทิเบต, และเวียดนาม ถึงจะมีกลิ่นไอของฝรั่งเศสอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก ในย่านเมืองเก่านี้ดูคล้ายกับ “เมืองมรดกโลกลี่เจียง” ของจีน และ “เมืองฮอยอัน” ของเวียดนามรวมกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า และยังไม่มีการอนุรักษ์บ้านเรือนไว้อย่างทั้ง 2 แห่ง ดังนั้นการเที่ยวชมย่านเมืองเก่าที่ดีที่สุดคือการเดิน ซึ่งเหมือนได้ย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตอีกครั้ง ด้วยถนนที่เชื่อมกับตรอกซอกซอยปูด้วยหินอย่างเมืองเก่าลี่เจียง บ้านเรือนก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง หรือก่อด้วยดินเหนียวโดยมีไม้เป็นโครงสร้าง เพื่อป้องกันความหนาวเย็น มีลวดลายตกแต่งตามอาคาร ประตูหน้าต่างยังมีอักษรภาษาจีน หรือเวียดนาม
พิพิธภัณฑ์ชนเผ่าเวลาเปิด-ปิด: 08.30 น.-11.30 น. และ 13.30 น.-16.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 2,000 กีบ
เป็นอาคารชั้นเดียวตั้งอยู่บนเนินใกล้กับธนาคารพัฒนาลาว ภายในจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้, เครื่องแต่งกาย และภาพถ่ายชนเผ่าต่างๆ ที่อาศัยในเมือง เช่น โลโล โลมา โอมา พรวน ขะมุ เป็นต้น
พระธาตุพูฟ้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวพงสาลี สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปจอดบนยอดพูได้ หรือจะจอดที่จุดปิกนิกกลางเขาแล้วเดินขึ้นบันไดกว่า 400 ขั้นจากเชิงเขา บนยอดพระธาตุพูฟ้ามีความสูง 1,627 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์เมืองที่สวยงาม
สวนชา 400 ปีตั้งอยู่ที่บ้านกอแมน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตรจากเมืองพงสาลีไปทางทิศตะวันตก เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวจีนที่อพยพมาปักหลักสร้างบ้านเรือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน และปลูกชาขายมาตั้งแต่นั้น จนถึงปัจจุบันสามารถผลิตได้ถึง 60-70 ตัน/ ปี มีโรงงานผลิต และห้องเก็บรักษาชาไว้ถึง 10 ปี เพื่อรสชาติที่ดีของชา สามารถลองชิม และซื้อไปดื่มได้ ใกล้กันจะพบต้นชาที่อายุเก่าแก่ถึง 400 ปี
แหล่งท่องเที่ยวทางทิศเหนือ
เมืองยอดอู เมืองเหนือสุดของประเทศอยู่ติดกับประเทศจีนที่เมืองเจียงซี แบ่งเป็นเขตอูเหนือ มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเช่น วัดหลวงอูเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างประมาณปีพ.ศ.1344-1348 โดยเจ้าพระยาเมืองอู วัดเฉลิมฉลอง (สะเหลิมสะหลอง) ตั้งอยู่บ้านพ้อ ทุกวันที่ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปีลื้อ จะมีงานเฉลิมฉลองรอยพระพุทธบาทที่ยิ่งใหญ่ พระธาตุอุงไห ตั้งอยู่บนเนินเขาของเมือง มีบันไดขึ้น 160 ขั้นสร้างครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.1343 และถูกโยกย้ายมาสร้างใหม่ในที่ตั้งปัจจุบันเมื่อปีพ.ศ.1623 เขตอูใต้ (ชาวบ้านเรียกเมืองยอดอู) ประมาณ 20 กิโลเมตรจากเขตอูเหนือ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจเช่น ค่ายทหารฝรั่งเศสเก่า ที่สร้างในสมัยปกครองลาว ปัจจุบันเห็นเพียงซากกำแพง วัดหลวงอูใต้ เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี เป็นที่เคารพบูชาของชาวเมือง พระธาตุกิ่วแอก/ พระธาตุกิ่วออ/ พระธาตุหัวเมือง ตามความเชื่อของชาวบ้านพระธาตุทั้งสามองค์นี้สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความผาสุกแก่บ้านเมือง
แหล่งท่องเที่ยวทางทิศตะวันตก
เมืองบุนเหนืออยู่ห่างจากเมืองพงสาลีไปประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของสนามบินที่มีบริการ 2 เที่ยว/ สัปดาห์จากนครหลวงเวียงจันทน์ และยังเป็นด่านพรมแดนจีนที่ใกล้กับเมืองเมิงกลามากที่สุด แต่เป็นด่านท้องถิ่นเฉพาะคนลาว และคนจีนเท่านั้น มีแหล่งท่องเที่ยวคือน้ำตกตาดห้วยหอย และการเที่ยวแบบเดินป่า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่ห้องการท่องเที่ยวของเมือง
แหล่งท่องเที่ยวทางทิศใต้
เมืองบุนใต้ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 4 ห่างจากพงสาลีไปประมาณ 93 กิโลเมตรหรือ 160 กิโลเมตร ถ้ามาจากเมืองอุดมไซ มีแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองคือ ค่ายทหารฝรั่งเศสเก่า ที่ยังพอเห็นซากของกำแพงอยู่บ้าง บ่อน้ำร้อนบ้านนาแตม ระยะทาง 28 กิโลเมตรลัดเลาะไปตามถนนลูกรังทางตะวันตกของเมือง ป่าสงวนแห่งชาติน้ำลาน มีสภาพป่า และธรรมชาติสมบูรณ์เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินท่องเที่ยวที่ชอบเดินชมธรรมชาติ และเที่ยวชมหมู่บ้านชนเผ่าต่างๆ สามารถพักค้างคืนกับชาวบ้านชนเผ่าในแบบ Home Stay
เส้นทางสู่เมืองเดียนเบียนฟูเริ่มต้นเส้นทางที่ปากน้ำน้อยจนถึงด่านชายแดน มีระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 6-7 ชั่วโมง ด้วยสภาพเส้นทางที่ทุรกันดารกับต้องข้ามแม่น้ำอู โดยนำรถขึ้นเรือบั๊ก (แพขนานยนต์) และขับรถข้ามห้วย 2-3 ช่วง จึงเหมาะสำหรับรถในแบบ 4 WD เท่านั้น เป็นทางที่มีความสวยงาม และท้าทายสำหรับนักผจญภัยในเขตลาวเหนืออีกเส้นทางหนึ่ง
เมืองขัว (เมืองขวา)ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร จากเมืองปากน้ำน้อย สภาพเส้นทางลาดยางเรียบ แต่ถูกน้ำกัดเซาะเป็นบางช่วง เป็นเมืองท่าริมแม่น้ำที่เชื่อมระหว่างเมืองหาดสา แขวงพงสาลี จนไปถึงเมืองงอย-หนองเขียว ในแขวงหลวงพระบาง จากเมืองขวาสามารถต่อรถไปสู่แขวงอุดมไซ และด่านชายแดนเดียนเบียนฟูเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองซาปาได้โดยสะดวก สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของเมืองยังมีกลิ่นไอ และของสิ่งปลูกสร้างสมัยฝรั่งเศสปกครองอยู่บ้าง แต่สีสันของเมืองนี้จะเป็นธรรมชาติริมน้ำ แบะวิถีชีวิตของชาวบ้าน หรือชนเผ่าท้องถิ่นที่เรียบง่าย และเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวต่างถิ่นทุกๆ คน
เมืองใหม่ระยะทาง 38 กิโลเมตรจากเมืองขวา เส้นทางทุรกันดารมากขึ้น เป็นเมืองทางผ่านสู่ด่านชายแดนประเทศเวียดนาม ตัวเมืองเล็กๆ แต่ก็พอหาโรงแรมพักค้างแรมได้ แหล่งท่องเที่ยวในเมืองอยู่ระหว่างรอการพัฒนา ที่น่าสนใจคือ น้ำตกตาดห้วยจิก สามารถนำรถไปได้แต่ทางไม่ดีนัก ส่วนถ้ำกระเดื่อง ถ้ำเขาะ น้ำตกตาดผาอุ่ม ควรมีผู้นำทางไปด้วยเพราะอาจหลงทางได้
ด่านชายแดนสบฮุน-ไตจางระยะทาง 26 กิโลเมตรจากเมืองใหม่ ด่านชายแดนตั้งอยู่บนยอดเขาทางฝั่งลาวคือ “ด่านสบฮุน” มองไปแต่ไกลจะเห็น “ด่านไตจาง” ของเวียดนาม ซึ่งตั้งอยู่บนเขาอีกลูกหนึ่งระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองเดียนเบียนฟูประมาณ 35 กิโลเมตร หากต้องการต่อรถเพื่อไปยังซาปา รถโดยสารท้องถิ่นจะออกในเวลา 06.00 น. ของทุกวัน หากต้องการนำรถส่วนตัวข้ามไปยังเวียดนามจะต้องติดต่อบริษัทนำเที่ยวท้องถิ่นมารับเพื่อขับรถนำทาง (กฎหมายเวียดนามระบุรถที่ขับพวงมาลัยจะต้องมีบริษัทนำเที่ยวท้องถิ่นนำขบวน)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.louangprabang.net/content.asp?id=428