เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 31 กรกฎาคม 2025, 23:37:39
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมคนรักรถ
| | |-+  ♥♥♥♥♥SUPERMOTO CLUB CHIANGRAI♥♥♥♥♥
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 511 512 513 514 515 516 517 518 519 520 [521] 522 523 524 525 526 527 528 529 530 531 ... 745 พิมพ์
ผู้เขียน ♥♥♥♥♥SUPERMOTO CLUB CHIANGRAI♥♥♥♥♥  (อ่าน 1484225 ครั้ง)
tung 7737
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,801



« ตอบ #10400 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 13:52:57 »

ถ้าเฮียตี้ถอยรถโมตาดหรือเอ็นดูโร่แหมซักคัน จะได้แอ่วได้หลากหลายขึ้นหนาครับขะใจ๋ถอยเร็ว ๆครับ ขี่แอ่วดอยตวยกั๋น ... เอาแบบประหยัดก็ KLX150 หรือ Lifancross200 ซีซี ก็ได้ครับ ทางวิบาก ขี่บ่าเร็วแต่ม่วนครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม




ทะเลหมอกสวยมากๆๆ
IP : บันทึกการเข้า

ทำดี ขยัน อดทน ความจนอยู่ได้ไม่นาน
คนขาย น่ะ ..ไม่รีบ แต่คนชื้อ น่ะ..รีบๆหน่อยนะ
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #10401 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 14:00:36 »

ทะเลจริง ๆ ก็สวย

IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #10402 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 14:12:38 »

เห็นว่าวันก่อนฝนตก ดินสไลด์ปิดเส้นทางเข้าออกไปดอยหัวแม่คำ เอาไว้หน้าหนาวเฮาไปแอ่วซักกำน้อ ถ้าทางน่านก็รอทางพ่อเลี้ยงวิทย์เอาข้อมูลมาฮื้อกั๋นผ่อพ่องจะได้ไปแอ่วหากั๋น...

บัวตองอร่ามตา ณ ดอยหัวแม่คำ
หนึ่งใน Unseen Thailand ที่งดงามราวกับสวรรค์บนดิน ต้องยกนิ้วให้ ดอยหัวแม่คำ จังหวัดเชียงราย เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากชื่อเสียงระบือไกลของดอกไม้งามนามว่า "บัวตอง" นั้นจะเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งหุบเขาที่กว้างใหญ่ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่าต่างๆ ทั้ง อาข่า ม้ง ลีซอ ลาหู่ ทำให้ได้สัมผัสชีวิตชาวดอยอย่างใกล้ชิด



ดอยหัวแม่คำ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ห่างจากบ้านเทอดไทยประมาณ 35 กิโลเมตร ติดตะเข็บชายแดนประเทศไทยกับพม่า พื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตวนอุทยานดอยหัวแม่คำ เป็นดอยสูงที่ติดอันดับในใจของนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย เพราะดอกบัวตองจะบานให้เชยชมเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น คือในช่วงเดือนพฤศจิกายน และจะบานเต็มที่ในช่วงกลางเดือน โดยทั่วทั้งขุนเขาจะสวยงามเหลืองอร่ามตา ทำให้ทิวทัศน์ดุจดั่งภาพเขียน เพราะดอกบัวตองนั้นขึ้นสลับกันกับบ้านของชาวเขา และพลาดไม่ได้กับยามเช้า ที่ต้องรีบตื่นมารอแสงแรกแห่งวันใหม่ที่โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า คลอเคลียด้วยเมฆหมอกที่อบอวลไปทั่วทั้งขุนเขา ยิ่งทำให้ความประทับใจจะตราตรึงมิรู้ลืม นอกจากนี้ ทางดอยหัวแม่คำยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนแห่งดอกบัวตองด้วย อย่างเช่น การแสดงของชาวเขาเผ่าต่างๆ และยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตอย่างใกล้ชิด หากอยากมาสัมผัสความงามของดอกบัวตอง ควรที่จะมาช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เพราะหากปล่อยนานไปถึงปลายเดือนแล้วจะต้องเสียใจ เพราะดอกบัวตองจะเริ่มโรยรา ก็คงต้องรอกันต่อไปอีกหนึ่งปี

ดอยหัวแม่คำ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง นอกจากการเดินชมทิวทัศน์ และวิถีชีวิตของชนเผ่าแล้ว ยังมีวนอุทยานดอยหัวแม่คำ ซึ่งเป็นที่ทำการอุทยาน ตั้งอยู่ที่ความสูงประมาณ 1300 เมตร ห่างจากหมู่บ้านดอยหัวแม่คำไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของดอยหัวแม่คำ ซึ่งควรที่จะตื่นมาตั้งตารอแต่เช้าตรู่ เพราะจะได้พบกับทะเลหมอกอันกว้างใหญ่ ที่ทอดกายปกคลุมภูเขาน้อยใหญ่สลับเรียงรายกันไปมา ดุจดั่งล่องลอยอยู่ในสรวงสวรรค์เลยทีเดียว

เมื่อเก็บความงามยามเช้าจนชื่นฉ่ำแล้ว สายๆ ก็ให้เดินทางไปที่สุดปลายทาง ห่างจากบ้านหัวแม่คำไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของวนอุทยาน เพื่อขึ้นไปเล่นน้ำตกที่ใสเย็น แต่ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างชัน คุณจะได้พบกับน้ำตกขนาดกลาง ที่ไหลลดหลั่นลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร และเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชุมชนดอยหัวแม่คำอีกด้วย

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ หากใช้รถยนต์ส่วนตัว แนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเส้นทางระหว่างขึ้นดอยนั้น สูงชัน สลับขรุขระบ้าง ให้มุ่งหน้าตรงเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย และเข้าทางหลวงหมายเลข 110 ตรงสู่อำเภอแม่จัน จากนั้น เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1130 ตรงทางแยกขึ้นดอยแม่สลองผ่านบ้านบางปู บ้านสันติคีรี เมื่อพ้นเขตบ้านแม่สลองในเส้นทางจะเป็นลูกรัง เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1234 ผ่านทางแยก แม่สลอง-บ้านเทอดไทย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าแยกบ้านเทิดไทย เมื่อถึงสามแยกอีก้อให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านห้วยอิ้น ขับไปตามทางเรื่อยๆ คุณก็จะได้เห็นดอกบัวดอกบานสะพรั่ง สีสันสดใส สวยงามอร่ามตาไปตลอดเส้นทาง สำหรับที่พักไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางวนอุทยานมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว แต่หากต้องการที่จะกางเต็นท์ ก็ให้ติดต่อขออนุญาตกับทางเจ้าหน้าที่วนอุทยานน้ำตกหัวแม่คำโดยตรง หรือ สำนักบริหารจัดการในพื้นที่ 15 จังหวัดเชียงราย โทร. (053) 714914 หรืออยากสัมผัสวิถีชาวบ้านจริงๆ ก็มีโฮมสเตย์ไว้บริการมากมาย ซึ่งก็อยู่ภายในละแวกหมู่บ้าน แถมราคาก็แสนจะเป็นมิตร

หากคุณเป็นประเภทที่ชอบวางแผนการท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าล่ะก็ ขอให้ "ดอยหัวแม่คำ" เป็นหนึ่งในโปรแกรมของคุณ รับรองว่า นี่คือสวรรค์บนดินที่จะตราตรึงไม่รู้ลืม

Written by Omyim



IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #10403 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:07:29 »

วันนี้กระทู้เงียบ ๆ เอารูปท่องเที่ยวมาให้ดูละกันครับ...  บ่อเกลือ ผมก็ไม่เคยไปเค้าว่าหน้าหนาวบรรยากาศที่นั่นดีมาก ๆ

บ่อเกลือ ตั้งอยู่ใน อ. บ่อเกลือ อยู่ห่างจากตัวเมืองน่าน ประมาณ 80 กิโลเมตร มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบน ภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือนเกลือสินเธาว์เพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง บ่อเกลือนี้มีมาแต่โบราณและ จะนำไปจำหน่ายยังกรุงสุโขทัย เชียงใหม่ เชียงตุงหลวงพระบาง รวมถึงสิบสองปันนา จีนตอนใต้เมื่อก่อนนี้จะมี บ่อเกลือ หลายบ่อ แต่เดี๋ยวนี้ได้แห้งไปหมด เหลืออยู่เพียงสองบ่อเท่านั้นซึ่งตั้งตั้งอยู่ที่บ้านบ่อหลวงในพื้นที่เริ่ม ต้นของที่ราบแคบๆ ระหว่างเทือกเขาริมน้ำมาง ซึ่งในบริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านต่าง ๆอีก 8 หมู่บ้าน บ้านบ่อหลวงมีบ่อเกลือสาธารณะอยู่ 2 บ่อ ชาวบ้านจะเรียกว่า บ่อเหนือและบ่อใต้ บ่อเหนืออยู่ริมแม่น้ำบางส่วน บ่อใต้ห่าง ออกไปราว 500 เมตรติดเชิงเขาท้ายหมู่บ้าน ทั้งสองบ่อกรุขอบด้วยคอกไม้กันดินปากหลุมถล่มและ มีนั่งร้านสำหรับยืนตักน้ำเกลืออยู่ข้าง ๆ บ่อเกลือ ทั้งสองบ่อมีน้ำเกลือซึ่งมีความเข้มข้นสูงกว่าบ่ออื่นๆ เคยมี ชาวบ้านพยายามจะขุดหาบ่อเกลือเพิ่มอีกแต่ก็ไม่สามารถพบบ่อเกลืออีกเลยปัจจุบันนี้บ่อเกลือทั้งสองบ่อของ หมู่บ้านมีชาวบ้านเข้ามาตักน้ำเกลือมาต้มทำเกลือแล้วกว่า 50 รายโดยบ่อเหนือมีคนมาทำประมาณ 30 ราย ส่วนบ่อใต้มีคนทำ 20 ราย



การจะนำเกลือจากบ่อขึ้นมาต้มทำเกลือใช่ว่าจะกระทำกันได้ง่าย ๆ ชาวบ้านจะต้องทำพิธีเลี้ยงผีเมืองและเจ้ารักษา บ่อเกลือคือ เจ้าซางคำ กันก่อน โดยจะทำทุกปีในวันแรม 8 ค่ำเดือน 5 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "งานแก้ม" ในสมัยก่อนเคยทำกันถึง 7 วัน แต่ปัจจุบันลดลงมาเหลือเพียง 3 วันเท่านั้นในอดีตชาวบ้าน อำเภอบ่อเกลือจะ ทำ เกลือขึ้นเพื่อใช้ในครัวเรือน แต่เมื่อปัจจุบันถนนหนทางสะดวกมากขึ้นการเดินทางเข้าเมืองก็ง่าย ชาวบ้านจึงได้ นำเกลือจากที่นี่ออกไป จำหน่ายยังหมู่บ้านต่าง ๆ รวมถึงต่างอำเภอก็มีปัจจุบันอำเภอบ่อเกลือสวยงาม ด้วยภูมิ ประเทศป่าเขาเขียวขจี ควันหลงของสงครามจางหายไปและพื้นที่นี้กำลังได้ รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แห่งใหม่ของจังหวัดน่านที่รอคอยนักเดินทางเข้ามาสัมผัสกลิ่น ไอของธรรมชาตและตำนานการทำเกลือบนที่สูง



การค้นพบบ่อเกลือสำหรับการค้นพบบ่อเกลือ ที่บ้านบอหลวงมีการเล่าสืบต่อๆกันมา ดังนี้ มีนายพรานผู้หนึ่ง มาล่าสัตว์และเห็นเหล่า สัตว์ ทั้งหลายมักจะมากินน้ำที่นี้เป็นประจำ เมื่อลองชิมดูถึงรู้ว่ามีรสเค็ม ข่าวได้ล่วงรู้ถึงเจ้าหลวงภูคา และเจ้าหลวง บ่อ จึงมาดู ูน้ำเค็ม โดยทั้งสองพระองค์ขึ้นไปบนยอดดอยภูจั่น เพื่อแข่งขันกันพุ่งสะเดา(หอก)เจ้าหลวงภูคา พุ่ง ออกไปทางทิศตะวันตกของลำน้ามาง ตรงที่ตั้งหอนอกในปัจจุบัน ผู้คนที่ชมการพุ่งหอกได้นำเอาหินมาก่อเป็นที่ สังเกตุแล้วตั้งเป็นโรงหอทำพิธี ีระลึกตอบแทนบุญคุณเจ้าพ่อทั้งสองทุกปี ภายหลังทั้งสองพระองค์คิดกันว่าจะนำ คนที่ไหนมาอยเมื่อปรึกษากันแล้วจึง ไปนำคนที่อยู่เชียงแสนซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวบ่อหลวง ในปัจจุบันมาหัก ล้างถางป่า ทำนาเกลืออยู่ที่นี้ ดังนั้นชุมชนบริเวณนี้จึงเกิดขึ้นและอาศัยกันมาจนถึงปัจจุบัน



กรรมวิธีการต้มเกลือปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มแกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม จะตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก การทำ เกลือ ของชาวบ้านบ่อเกลือ นำน้ำเกลือที่ตักจากบ่อมาต้มในกะทะประมาณ 4-5ชั่วโมงให้น้ำเกลือระเหยแห้งจาก นั้นก็จะนำไม้้พายมาตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือกะทะเพื่อให้น้ำเกลือไหลลงมาในกะทะทำอย่างนี้ ไปเรื่อย จนน้ำในกะทะแห้ง หมดแล้วจึงตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ลงไปใหม่ หลังจากนั้นใส่ถุงวางขาย กันหน้าบ้านเกลือ เมืองน่านไม่มีไอโอดีนเหมือน เกลือทะเลจึงต้องมีการเติมสารไอโอดีนก่อนถึงมือผู้บริโภค



1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
- จากจังหวัดน่าน ขับไปทางอำเภอสันติสุข ก่อนถึงอำเภอสันติสุขประมาณ 2 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายจากนั้นขับตรง ไปแล้วเลี้ยวขวาสู่อำเภอบ่อเกลือ
- จากจังหวัดน่าน ขับไปทางอำเภอปัว ขับไปจนถึงอำเภอปัว จากนั้นใช้ถนนสาย 1256 มุ่งหน้าอุทยานแห่งชาติ ดอยภูคาจากนั้นขับไปตามเส้นทาง มุ่งหน้าสู่อำเภอบ่อเกลือ



IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #10404 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:20:29 »

ท่องเมืองน่าน ตามไปเก็บมัลเบอร์รี ภูพยัคฆ์

หลายครั้งที่อ่านฉลากโยเกิร์ต รส "มิกซ์เบอร์รี" ไล่สายตาผ่านสตอร์วเบอร์รี บลูเบอร์รี แบล็กเบอร์รี แล้วมักมาสะดุดที่เจ้า "มัลเบอร์รี" ทุกที ด้วยความสงสัยว่าคือผลอะไร มีหน้าตาแบบไหน จะเหมือนเพื่อนๆ เบอร์รีอื่นๆ ที่โด่งดังหรือเปล่า เก็บความสงสัยนั้นไว้อยู่นาน จนวันหนึ่งเมื่อขึ้นดอยไปเที่ยวโครงการพระราชดำริภูพยัคฆ์ที่ จ.น่าน จึงถึงบางอ้อว่า เจ้าผล "มัลเบอร์รี" ที่แท้ปลูกในไทย เราเรียกกันคุ้นหูว่า "หม่อน" นั่นเอง



เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา "นายรอบรู้" ได้รับเกียรติจาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. เชิญเราไปร่วมงานสื่อมวลชนสัญจรที่ จ. แพร่-จ.น่าน สำนักงาน ก.พ.ร. มีหน้าที่ส่งเสริมให้การพัฒนาระบบราชการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงพาเราไปเยี่ยมชมโครงการฝายแม่ยม จ.แพร่ ซึ่งบริหารจัดการน้ำประสบผลสำเร็จ จนได้รับ "รางวัลคุณภาพการให้บริการประชาชน" จาก ก.พ.ร. และรางวัล "United Nation Public Service Awards" จากองค์กรสหประชาชาติ ในปี 2555 นี้ รวมถึงไปเยี่ยมชมสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ภูพยัคฆ์ที่ จ. น่าน ซึ่งดำเนินงานรักษาผืนป่าไปพร้อมส่งเสริมอาชีพให้คนพื้นที่ ที่นี่เอง ทำให้เราพบตัวจริงของ "มัลเบอร์รี" หรือหม่อน ผลไม้ขนาดจิ๋วที่หน้าตาคล้ายพวงองุ่น แต่ช่วยทำให้ชาวบ้านหลายร้อยชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เรียกว่าผลเล็ก แต่คุณค่าไม่จิ๊บจ๊อย!



สถานีพัฒนาการเกษตรฯ ภูพยัคฆ์ ตั้งอยู่ใน ต.ขุนน่าน อ. เฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองน่านออกไปราว 380 กม. ทางมานั้นอาจไม่สะดวกนักเพราะเส้นทางไม่ดี มีผิวถนนร่อนบางช่วง คณะสื่อมวลชนนั่งรถตู้กว่า 4 ชั่วโมงจึงจะขึ้นมาถึงสถานีฯ แต่เมื่อมาถึงก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ เพราะอากาศด้านบนนี้เย็นสบาย มีทัศนียภาพงดงาม มองไปเห็นนาขั้นบันไดเรียงตัวยาวไกลสุดสายตา สวนผลไม้และแปลงผักที่ให้ผลผลิตสะพรั่ง ยิ่งเมื่อดื่มน้ำมัลเบอร์รีเย็นฉ่ำ รสเปรี้ยวอมหวาน ที่เจ้าหน้าที่โครงการยกมาต้อนรับ ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่น ไล่ความเมื่อยล้าที่ต้องนั่งนั่งรถไกลๆ ได้หมดสิ้น แถมได้กินผักสดใหม่กรุบกรอบ ไร้สารพิษของโครงการในมื้อกลางวัน ก็เหมือนสวรรค์อยู่ในปากแท้ๆ

พอเราอิ่มกาย หายเหนื่อยแล้ว เจ้าหน้าโครงการฯ ก็เริ่มต้นเล่าจุดกำเนิดของโครงการพระราชดำรินี้ว่า ในอดีตชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวลัวะจะทำไร่เลื่อนลอยบนภูเขา แต่ยิ่งทำกลับผลผลิตน้อยลง เพราะหน้าดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุสารอาหาร ถูกน้ำชะไปเมื่อฝนตกลงมา ทำให้ต้องย้ายที่ทำกินไปเรื่อยๆ อีกทั้งเมื่อหมดฤดูทำนาและปลูกผัก ชาวบ้านก็จะเผาป่า เตรียมพื้นที่ปลูกข้าวโพด พืชเศรษฐกิจที่ให้ราคาสูง โดยไม่รู้ว่าเป็นการทำลายผืนป่าบนภูพยัคฆ์อันเป็นต้นน้ำของลำน้ำน่าน-หนึ่งในสี่ของสายน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยหลายล้านคน



ในเดือนมกราคมปี 2546 พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรบ้านน้ำรีพระองค์ทรงเล็งเห็นปัญหาการทำลายป่าต้นน้ำ จึงพระราชดำริหนทางฟื้นฟูฝืนป่าโดยให้คนอยู่ร่วมกับป่า และทำให้ชาวบ้านเล็งเห็นความสำคัญของป่าต้นน้ำ ด้วยการโปรดให้ก่อตั้งโครงการพระราชดำริ "สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ ภูพยัคฆ์" ขึ้นบนพื้นที่กว่าแสนไร่ เพื่อสืบสานการอนุรักษ์ธรรมชาติในเขตป่าต้นน้ำ และสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ด้วยการทำการเกษตรที่ยั่งยืนแทนการบุกถางทำลายป่า



ภารกิจสำคัญคือการรณรงค์และอบรมให้ความรู้ ให้ชาวบ้านทำนาขั้นบันได 1 คนต่อ 1 ไร่ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และลดการบุกรุกพื้นที่ป่า อีกทั้งส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารเคมีเพื่อสร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่าย ต่อมาโครงการพัฒนาขึ้น จนขยายสู่การทำพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น กาแฟ และ มัลเบอร์รี ซึ่งใช้พื้นที่น้อยกว่าข้าวโพด แต่มีผลตอบแทนที่ดีไม่น้อยกว่ากันเท่าใดนัก

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องเป็น "หม่อน" หรือ "มัลเบอรี" เจ้าหน้าที่อธิบายว่า มีหลายปัจจัยที่ทำให้เจ้าผลไม้ชนิดนี้เหมาะสมกับชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น ชนเผ่าที่อาศัยในพื้นที่ส่วนใหญ่คือกลุ่มชาวลัวะ ซึ่งเน้นการปฏิบัติตามประเพณีอย่างเคร่งครัด หากถึงวันที่เรียกว่า "วันกรรม" ชาวบ้านจะไม่ทำกิจกรรมใดทั้งสิ้น ดั้งนั้นการปลูกหม่อนกินผลจึงเหมาะสมกว่าหม่อนเลี้ยงไหมที่ต้องดูแลทุกวันอย่างขาดไม่ได้ นอกจากนี้หม่อนกินผลยังเป็นพืชที่ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องใช้สารเคมีในการบำรุงรักษา ให้ผลผลิตเร็ว และเก็บผลผลิตได้หลายสิบปี หม่อนจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่ประจวบเหมาะที่สุด ปัจจุบันชาวบ้านปลูกหม่อนกันเต็มดอย ถึงปลายปี 2554 มีหม่อนกว่า 4,000 ต้น และให้ผลผลิตกว่า 20,000 กก. ซึ่งคำนวณเป็นรายได้ถึง 640,000 บาท ต่อปี

ที่สำคัญอีกอย่าง คือ ผลหม่อนมีสีสวยถูกใจ และมีรสเปรี้ยวอมหวานอร่อย จึงถือเป็นผลไม้โดดเด่นที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนสถานีฯ ภูพยัคฆ์มากขึ้น สอดคล้องกับการพยายามส่งเสริมให้สถานีฯ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อเปิดต้อนรับคนรักธรรมชาติที่อยากสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ กินผักสดปลอดสารพิษ และเดินเที่ยวสวนมัลเบอร์รี ...และเพื่อให้ "นายรอบรู้" เห็นภาพการท่องเที่ยวมากขึ้น เจ้าหน้าที่จึงนัดหมายให้ชาวบ้านในโครงการพาเราไปเดินเที่ยวสวนหม่อน เด็ดมัลเบอรีสดๆ จากต้นกินได้ตามสบาย

พี่ฉัตรชัย บัวแสน ชาวบ้านน้ำรีกลุ่มแรกๆ ที่หันมาเข้าร่วมโครงการ พาเราไปเดินตะลุยสวนมัลเบอร์รีที่ปลูกแซมกับกาแฟ ขนาด4 ไร่ของแก พี่ฉัตรชัยสอนว่าเมื่อผลหม่อนแก่จะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีชมพูและแดง เมื่อสุกจะเป็นสีม่วงเกือบดำ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถเด็ดกินสดๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวสารพิษ เพราะปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี หรือจะเก็บใส่ตะกร้าไปฝากคนที่บ้านก็ได้ ชาวบ้านที่นี่จะตัดแต่งกิ่งให้ออกผลเป็น 2 ช่วง คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม และช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงมกราคม ในช่วงหน้าหนาวนี้เอง อากาศจะเย็นสบาย มีหมอกตอนเช้า หากได้มาเก็บมัลเบอร์รีช่วงนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดียิ่งนัก

หม่อนที่ปลูกคือ หม่อนผลสด หรือ มัลเบอร์รี (Fruiting Mulberry Morus spp.Moraceae) ซึ่งเป็นคนละชนิดกับหม่อนที่นำไปเลี้ยงไหม ซึ่งมีการค้นพบว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งพบสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟินอล (Polyphenols) แอนโทไซยานิดิน (Anthocyanidin) และกรดโฟลิก (Folic acid) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่แพ้เบอร์รีราคาแพงชนิดอื่น



ในสถานียังมีโรงงานแปรรูปผลหม่อน โดยโครงการจะเป็นตลาดรับซื้อผลมัลเบอรีจากชาวบ้านทั้งหมด ส่วนหนึ่งบรรจุเป็นผลแช่แข็ง ส่งไปทำไวน์ที่ จ. ลำพูน และส่งไปทำส่วนผสมในน้ำผลไม้ของดอยคำ อีกส่วนนำมาผลิตภายในโครงการเป็นผลอบแห้ง น้ำมัลเบอร์รี และน้ำสกัดมัลเบอร์รีเข้มข้น โดยปรับหีบห่อให้ดูทันสมัยภายใต้แบรนด์ "ภูพยัคฆ์" และนำไปวางขายในร้านกาแฟภูพยัคฆ์และร้านขายของฝากในตัวเมืองน่าน

ขณะนี้ทางโครงการยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายขึ้น ทั้งน้ำมัลเบอร์รีผสมน้ำผึ้ง น้ำมัลเบอร์รีไม่ผสมน้ำตาล มัลเบอร์รีอบแห้งผสมน้ำผึ้ง แยมมัลเบอร์รี และไอศกรีมมัลเบอร์รีเจลาโตอีกด้วย นอกจากผลิตภัณฑ์จากมัลเบอร์รีที่พัฒนาแตกแขนงไป ชีวิตของคนทำเบอร์รีก็ดีขึ้นไปตามลำดับ พี่ฉัตรชัยบอกว่ามีรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นจากไม่กี่พันบาทเป็น 6-7 หมื่นบาท และมีข้าวกินตลอดปี สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ไม่ขัดสน

"จากเมื่อก่อนที่ทำไปไม่รู้อะไร ตอนนี้ผมต้องไปเรียนรู้ตลอดเวลา เรียนรู้การปลูกให้ได้ผลผลิตมากขึ้น ฝึกทำปุ๋ยชีวภาพ ตอนนี้ก็ได้กำไรพออยู่พอกิน พอเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องไปเดือดร้อนเปิดป่าใหม่ ครอบครัวผมก็มีความสุข รู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
"ผมนึกถึงพระราชินีอยู่ตลอด ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีวันนี้ เมื่อก่อนเราไม่รู้อะไร เหมือนท่านมาเปิดทางให้เราเห็น เหมือนตอนนี้เราได้อยู่บนสวรรค์" พี่ฉัตรชัยกล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตัน

เราเดินกินผลมัลเบอร์รีหวานๆ เปรี้ยวๆ ไปพร้อมๆ กับเห็นรอยยิ้มของคนปลูก และรับรู้ในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระราชินีมีต่อพสกนิกรของท่าน ก็รู้สึกชื่นใจ และทำให้การเดินทางมาตามหามัลเบอร์รีครั้งนี้ ช่างคุ้มเหนื่อยยิ่งนัก

ขอขอบคุณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

 เรื่อง/ภาพ: ปณัสย์ พุ่มริ้ว

Create Date : 16 สิงหาคม 2555
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 8:25:48 น.





IP : บันทึกการเข้า
Tokio
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,791



« ตอบ #10405 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:32:13 »

หม่อน กิ๋นสดๆ ลำดีชอบๆ


* P8180508.jpg (118.16 KB, 600x800 - ดู 631 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
aweawe
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 133


« ตอบ #10406 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:44:23 »

เห้ยต่อ สูเอา รูปนี้ เอามาแนบเป็นลายซ็นได้ไง ละเมิดลิขสิทธิ์นี้ บ่าได้ ๆ  ฮาหวง โกรธ โกรธ โกรธ
 
IP : บันทึกการเข้า
bonjong
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 367



« ตอบ #10407 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:48:28 »

ยิงฟันยิ้ม ฝากอู๋เซาะฮื้อกำบ้านห้วยแม่ต๋ำถ้าจ๋ำบ่าผิดหนาไปเวียงป่เป้าเลี้ยวหน้าวัดแม่ตำ๋
       วิ่งขึ้นดอยไปแฮ๋ม1ชั่วโมงตะกี้เจอคนอยู่บนนั้นมาซื้อยาอู้ภาษาจีนกลางคับคน
        บนปู้นอฺ้จีนหมดครับมีแหล่งท่องเที่ยวหลายอยฺ่อีิหว่ะ ตกใจ
ดอยม่อนล้านครับเฮีย เป๋นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห๋มตี๋ของเจียงฮายครับ โดยเฉพาะหน้าหนาว ขึ้นไปก๋างเต้นท์ วิวสวย สามารถผ่อหัน 3 อำเภอ เวียงป่าเป้า แม่สรวย พร้าว สภาพถนน ก็ดีผ่องบ่าดีผ่อง เพราะเทคอนกรีตเป๋นช่วง ๆ ตะก่อนกลุ่มลงจงไปบ่อย บ่าเดียวบ่าค่อยไปกั๋นแล้ว เพราะสภาพถนนมันดีเหียละ แต่ก็นั้นแหละ ER เฮียท่าจะหมดสิทธ์ิ ขอเป๋น DTK เต๊อะรูปอยู่ในห้องเชียงรายเอ็นดูโร่เน้ออู๋ หน้าไหนจำบ่าได้ละ ตังหน้าต้น ๆ ปุ้น เน้อ ลุงจงเซาะหาบ่าปะ เลยก๊อปมาบ่าได้ คอมมันจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:52:35 โดย bonjong » IP : บันทึกการเข้า
Tokio
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,791



« ตอบ #10408 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 15:50:05 »

เห้ยต่อ สูเอา รูปนี้ เอามาแนบเป็นลายซ็นได้ไง ละเมิดลิขสิทธิ์นี้ บ่าได้ ๆ  ฮาหวง โกรธ โกรธ โกรธ
 
ไม่ใช่ลายเซ็นว้อยยยย  กูแอดรูป ไอ่หวงนี้บะต้องเลย ฮ่าๆๆๆๆ
IP : บันทึกการเข้า
tung 7737
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,801



« ตอบ #10409 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 17:28:13 »

หม่อน กิ๋นสดๆ ลำดีชอบๆ
แหล่มเลย ไปแอบถ่ายตอนไหนหว่า
IP : บันทึกการเข้า

ทำดี ขยัน อดทน ความจนอยู่ได้ไม่นาน
คนขาย น่ะ ..ไม่รีบ แต่คนชื้อ น่ะ..รีบๆหน่อยนะ
Tokio
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,791



« ตอบ #10410 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 17:33:13 »

พี่น้องครับ ทริปทำบุญวันที่ 29 กย นี้ว่าไงครับ เงียบไปเลย ฮ่าๆๆๆ


* 306528_420565527959039_314829018532691_1835472_702298746_n.jpg (35.34 KB, 338x500 - ดู 565 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
dtxevolution
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459



« ตอบ #10411 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 17:34:01 »

เพิ่มแนวกันไหม

IP : บันทึกการเข้า
kokokung
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 658



« ตอบ #10412 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 18:14:03 »

พี่น้องครับ ทริปทำบุญวันที่ 29 กย นี้ว่าไงครับ เงียบไปเลย ฮ่าๆๆๆ
นั้นดิครับเอาไงดี55555
IP : บันทึกการเข้า
kokokung
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 658



« ตอบ #10413 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 18:16:26 »

ผ่านหน้าราชภัฎเลยถ่ายมาฝากเฮียตั้งครับ เห็นชอบมา 5555
IP : บันทึกการเข้า
tung 7737
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,801



« ตอบ #10414 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 18:18:40 »

พี่น้องครับ ทริปทำบุญวันที่ 29 กย นี้ว่าไงครับ เงียบไปเลย ฮ่าๆๆๆ
สงสัยไปทำบุญที่ต่างประเทศแน่ๆเลย แล้วค่อยว่ากันอีกทีเนอะ


* DSC06244.JPG (151.89 KB, 640x480 - ดู 550 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ทำดี ขยัน อดทน ความจนอยู่ได้ไม่นาน
คนขาย น่ะ ..ไม่รีบ แต่คนชื้อ น่ะ..รีบๆหน่อยนะ
Tokio
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,791



« ตอบ #10415 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 18:55:59 »

พี่น้องครับ ทริปทำบุญวันที่ 29 กย นี้ว่าไงครับ เงียบไปเลย ฮ่าๆๆๆ
สงสัยไปทำบุญที่ต่างประเทศแน่ๆเลย แล้วค่อยว่ากันอีกทีเนอะ
เง้ัอ....


* 538596_408471632534063_1713751869_n.jpg (64.8 KB, 720x960 - ดู 554 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
tung 7737
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,801



« ตอบ #10416 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 19:03:39 »

จะไปตักบาตรข้าวเหนียว


* DSC06238.JPG (154.25 KB, 640x480 - ดู 523 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ทำดี ขยัน อดทน ความจนอยู่ได้ไม่นาน
คนขาย น่ะ ..ไม่รีบ แต่คนชื้อ น่ะ..รีบๆหน่อยนะ
tung 7737
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,801



« ตอบ #10417 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 19:04:16 »

หม่อน กิ๋นสดๆ ลำดีชอบๆ
ใจ๋บ่าดี


* beem.gif (65.34 KB, 218x326 - ดู 532 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ทำดี ขยัน อดทน ความจนอยู่ได้ไม่นาน
คนขาย น่ะ ..ไม่รีบ แต่คนชื้อ น่ะ..รีบๆหน่อยนะ
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #10418 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 19:13:09 »

ไปไหนไปกั๋นแต่บ่าตันอ้ายคนนี้ซักเตื้อ... นินจาฮาโตริ

IP : บันทึกการเข้า
Tee_ER6N
จงอยู่อย่างใช้ชีวิต อย่าอยู่เพียงแค่มีชีวิต
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 342



« ตอบ #10419 เมื่อ: วันที่ 03 กันยายน 2012, 19:28:09 »

ถ้าเฮียตี้ถอยรถโมตาดหรือเอ็นดูโร่แหมซักคัน จะได้แอ่วได้หลากหลายขึ้นหนาครับขะใจ๋ถอยเร็ว ๆครับ ขี่แอ่วดอยตวยกั๋น ... เอาแบบประหยัดก็ KLX150 หรือ Lifancross200 ซีซี ก็ได้ครับ ทางวิบาก ขี่บ่าเร็วแต่ม่วนครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม




;Dข้อมูลแน่นปึ๊กขอบคุณบ้านห้วยน้ำขุ่นแต้ๆได้ทั่ไปแอ่วเพิ่มละ
    อยากหันฮูปไลแฟนครอส200 อ่ะอู๋ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ..  =^__^=
หน้า: 1 ... 511 512 513 514 515 516 517 518 519 520 [521] 522 523 524 525 526 527 528 529 530 531 ... 745 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!