'ฮอนด้า-คาวา' ตั้งโรงงานบิ๊กไบค์ส่งนอก ซูซูกิแย้มขอเวลาคิด2เดือน
.jpg)
ค่ายมอเตอร์ไซด์ ฮอนด้า – คาวาซากิ เบิ้ลเครื่องรับมาตรการส่งเสริมจากบีโอไอขยายฐานลงทุนใหม่หลังปรับปรุงเงื่อนไขส่งเสริมผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 250 ซีซีขึ้นไป ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเขตลงทุน เผยถ้าดึงชิ้นส่วน 4 ใน 6 ชิ้นส่วนสำคัญเข้ามาลงทุนด้วย จะใช้เงินทุนตั้งโรงงานใหม่ขนาดมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาทขึ้นไปต่อแห่ง ด้าน "ซูซูกิ" แย้มขอเวลา 2 เดือนตัดสินใจปักหลักระหว่างไทย จีน อินโดนีเซีย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555 มีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิจารณาปรับปรุงประเภทกิจการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ขนาด 500 ซีซีขึ้นไปมาเป็นให้ส่งเสริมการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 250 ซีซีขึ้นไป เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น
ล่าสุดแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าขณะนี้มีบรรดาผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซด์ในประเทศสนใจที่จะลงทุนผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 250 ซีซีขึ้นไปเพื่อการส่งออก โดยก่อนหน้านี้มีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายฮอนด้ากับคาวาซากิแสดงความสนใจเข้ามายังบีโอไอถึงการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นคาดการณ์ว่าถ้ากลุ่มทุนญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตรถจักรยานยนต์อยู่แล้วในประเทศไทยมีการลงทุนเพิ่ม หรือขยายการลงทุนโดยเข้ามาตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่และมีการลงทุนผลิตชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซด์ 4 ใน 6 ชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แคมป์ชาร์ฟ, คอนเนคติ้งร็อด, แคร้งเคส และกระบอกสูบ ด้วย จะใช้เงินทุนตั้งโรงงานทั้งไลน์ผลิตใหม่ขนาดมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาทขึ้นไปต่อโรงงาน โดยการผลิตเกือบทั้งหมดจะเน้นตลาดส่งออกที่ค่ายรถจักรยานยนต์แต่ละค่ายจะต้องไปดูตลาดของตัวเองว่ามีกลุ่มผู้ซื้ออยู่ในประเทศใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกมีกำลังซื้อรถจักรยานยนต์ขนาด 250 ซีซีขึ้นไปกว่า 1 ล้านคัน ทั้งนี้การลงทุนผลิตรถมอเตอร์ไซด์ขนาดใหญ่จะเป็นการต่อยอดธุรกิจรถจักรยานยนต์ขนาดตั้งแต่ 110-250 ซีซี ที่มีการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศอยู่แล้วโดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนจากญี่ปุ่น
.jpg)
การส่งเสริมผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาด 250 ซีซีขึ้นไป จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามเขตลงทุนดังนี้
1. ตั้งกิจการในเขต 1 ในนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าว 3 ปี แต่ถ้าตั้งอยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
2. ถ้าตั้งกิจการในเขต 2 อยู่ในนิคมจะได้รับการยกเว้นภาษี 7 ปี หากอยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้น 3 ปี
3. ถ้าตั้งกิจการอยู่ในเขต 3 ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับการยกเว้น 8 ปี และทุกเขตจะได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร
ด้าน นายชาญณรงค์ นิ่มบุญ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกิจกรรม บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เงื่อนไขดังกล่าวถือว่าเป็นการช่วยส่งเสริมตลาดส่งออก ซึ่งตามแผนงานของคาวาซากิก็มีแผนออกมาเพื่อรองรับ ดังจะเห็นได้จากการขยายและลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของโรงงานผลิตที่ระยองในทุกๆ ปี เนื่องจากรถจักรยานยนต์ของคาวาซากิผลิตและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป-สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
"ประเทศญี่ปุ่นมอบหมายให้เราเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ โดยช่วงหลังๆ ก็มีการผลิตรถรุ่นแปลกๆ ออกมาบ้าง ล่าสุดที่ทำการผลิตและส่งออกไปยังต่างประเทศคือ รุ่น นินจา 250 ปี 2013 เราได้ส่งไปยังญี่ปุ่นและ สหรัฐอเมริกา โดยทั้งสองตลาดก็ให้การตอบรับที่ดี และมีความเชื่อมั่นในตราสินค้าที่ผลิตมาจากประเทศไทย”
นายชาญณรงค์ กล่าวเพิ่มอีกเติมว่า ส่วนตลาดในประเทศก็มีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยค่ายผู้ผลิตใหญ่ๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ดังจะเห็นจากการทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ส่วนของคาวาซากิไม่ค่อยมุ่งเน้นการทำตลาดฝ่ายสื่อ แต่จะเน้นเข้าหากลุ่มลูกค้าโดยตรง มีการจัดกิจกรรม-ฝึกอบรม เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อรถไปส่วนใหญ่จะมีการบอกเล่าปากต่อปากถึงคุณสมบัติที่ดีและเรื่องการขับขี่ ส่งผลให้คาวาซากิมีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับช่องทางหรือเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่มีไม่มาก ทำให้คาวาซากิไม่เน้นการโฆษณาผ่านสื่อหลัก ปัจจุบันคาวาซากิ มีดีลเลอร์เฉพาะบิ๊กไบค์หรือจักรยานยนต์ขนาดใหญ่จำนวน 9 แห่ง และเมื่อรวมกับดีลเลอร์ทั่วไปก็มีมากกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ ส่วนรถยอดนิยมที่ได้รับการตอบรับที่ดีก็คือ รุ่น ER 650, นินจา 250 และรุ่นนินจา 650
.jpg)
ฝ่าย นายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าจะได้ข้อสรุปเรื่องการขยายฐานการผลิตรถบิ๊คไบค์ของซูซูกิว่าจะเลือกประเทศใด โดยปัจจุบันมี 3 ประเทศที่มีศักยภาพคือ ไทย อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งหากเลือกประเทศไทยก็จะมีการลงทุนเพิ่มเติมเนื่องจากต้องเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ ในไลน์ผลิต ส่วนการตั้งโรงงานหรือจะใช้โรงงานเดิมที่ปทุมธานีนั้น ก็ต้องศึกษากันอีกครั้งหลังจากได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
"รถบิ๊คไบค์ของซูซูกิได้รับการตอบรับที่ดีมาก ปัจจุบันซูซูกินำบิ๊กไบค์เข้ามาจำหน่าย 2 รุ่นคือ ฮายาบูสะ 1300 ซีซี และ GSX R 1000 ซีซี โดยทั้งสองรุ่นมียอดขายประมาณ 20 - 30 คัน และถือว่าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทยังติดขัดปัญหาเรื่องโควตานำเข้าที่มีจำนวนจำกัดและต้องสั่งล่วงหน้า 3 เดือน"
.jpg)
อนึ่งก่อนหน้านี้ค่ายฮอนด้าก็มีการประกาศเพิ่มไลน์การผลิตในโรงงานย่านลาดกระบังเพื่อผลิตรถในกลุ่มโกลบอลโมเดล หรือ บิ๊กไบค์ ที่มีขนาดกลาง 400- 600 ซีซี และได้เริ่มเดินเครื่องการผลิตไปแล้ว โดยคาดว่าจะมีโมเดลใหม่ออกมาให้เห็นในปลายปีนี้ ซึ่งการเพิ่มไลน์ดังกล่าวทำให้ฮอนด้าสามารถผลิตรถบิ๊กไบค์ได้ประมาณ 800 คันต่อวัน ปัจจุบันโรงงานไทยฮอนด้าทำการผลิตรถจำนวน 3 โมเดล ได้แก่ PCX 125, CBR 250 และ CRF
ขณะที่การทำตลาดรถบิ๊กไบค์ของฮอนด้า ในเบื้องต้นมีการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 6 รุ่นและเป็นรถในกลุ่มเครื่องยนต์ 600 - 1500 ซีซี โดยมียอดขายต่อเดือน 15 คัน ส่วนภาพรวมของตลาดรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทยนั้นพบว่า 7 เดือนที่ผ่านมามียอดจดทะเบียนมากกว่า 2,500 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขยอดขายที่เทียบเท่ากับยอดขายของทั้งปี 2554 ที่ทำได้ 2,538 คัน โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปีตลาดรวมของบิ๊คไบค์จะมียอดขายมากกว่า 5,000 คัน
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายหลักจำนวน 10 ราย โดยเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดตั้งแต่ 100 - 150 ซีซี จำนวน 8 ราย (ในจำนวนนี้ มี 2 รายที่ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดตั้งแต่ 250 ซีซี ขึ้นไปด้วย) โดยส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ที่ใช้สำหรับขับขี่ทางใกล้และไม่ได้ใช้ความเร็วมากนัก เช่น แบบ Moped (แบบครอบครัว), Scooter และ Autobike เป็นต้น
สำหรับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดตั้งแต่ 250 ซีซีขึ้นไป มีจำนวน 4 ราย เป็นรถจักรยานยนต์แบบ Off-road และ Sport เป็นหลัก เพื่อใช้ในการขับขี่ท่องเที่ยวทางไกลหรือแข่งขัน โดยประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาด 250 ซีซีขึ้นไป
ที่มา ฐานเศรษฐกิจออนไลน์