<<<< เชียงรายเอ็นดูโร่ (CHIANGRAI ENDURO CLUB) #3 >>>>

[OASIS]

ทางมันเอียงขวา ล้อหน้า-หลังจะตก และข้างหน้าจะหักศอกขึ้นซ้ายทันที

จังหวะต้องได้  ยิ่งปั่นมากคนข้างหลังจะขึ้นยาก

[OASIS]

ส่วนใหญ่ไปได้ด้วยดี  แต่บางคน.........

[OASIS]

ท่าจะหงายหลัง  ฮิฮิ    แก๊ปหมวกหัก

[OASIS]

นี่ก่ออีกจุด  ใบไม้บังตา   ผมละเกือบไปเหมือนกั๋น

[OASIS]

ขี่ขึ้นๆ ลงๆ ดอยก่อหลายลูก  มานั่งนึกดูภาพนี้
ถ้ามันบ่ามีต้นไม้แล้วอยู่ข้างล่างดูขึ้นไปมันคงน่าหวาดเสียว เพราะส่วนใหญ่ขี่ไต่ระหว่างปลายดอยแต่ละลูก

[OASIS]

หยุดบ่อย  เพราะต้องคอยตรวจสอบคนด้านหลังตลอด
ทางมีเส้นเดียวก่อจิง  แต่บางทีสายตามันสับสนกับใบไม้แห้ง อาจออกนอกเส้นทางได้ จะทำฮื้อเสียเวลามากขึ้น

[OASIS]

No.3  มุ่นเข้าเถาวัลย์  ถูกเถาวัลย์รั้งไว้บ่าฮื้อไป  สุดท้ายต่าว  ฮ่าๆ

[OASIS]

มื้อกลางวัน     ทำเลดี มีน้ำล้างหน้าล้างมือ  ร่มรื่น

[OASIS]

รีวิว Suzuki Gixxer 155 Double Disc (Specs Review)

จะต้องถือว่านี่คือรุ่นอัพเกรดจากตัว Gixxer 150 เดิม มาเป็น Suzuki Gixxer 155 Double Disc 2016
รถแนวสปอร์ต-เนกเกต ที่เดิมทีนั้นเบรคหลังใช้แบบดรัมเบรก แต่มาโมเดลนี้ก็เปลี่ยนมาใช้ดิสก์เบรกหลังด้วย
ตามมาตรฐานของรถในคลาสนี้ปัจจุบันแล้ว เพื่อแข่งกับพวกคู่แข่งในคลาส 150 ที่ปัจจุบันนี้แรงๆ กันทั้งนั้นนั่นเอง
รวมไปถึงสีสันใหม่ๆ ที่ออกมาไม่ซ้ำแบบเดิม เปิดตัวกันครั้งแรกในงาน Auto Expo 2016 ก็ลองมาดูด้วยกันว่า
ในส่วนของสเปคต่างๆ นั้นจะน่าสนใจแค่ไหน

เริ่มต้นกันที่ในส่วนขุมกำลังเครื่องยนต์ก่อนเลย เจ้า Gixxer 155 คันนี้ให้ความจุกระบอกสูบมาอยู่ที่ 154.9cc
เรียกได้ว่ามาเกือบเต็ม 155 ตามชื่อรุ่นเลย พร้อมกับแรงม้าสูงสุดที่ 14.6 BHP ที่ 8,000 รอบ และทอร์ค
หรือว่าแรงบิดสูงสุดนั้นเท่ากับ 14 NM ที่ 6,000 รอบ เครื่องยนต์ทำงานแบบ 4 จังหวะ 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
จ่ายน้ำมันแบบคาร์บูเรเตอร์ ขนาดกระบอกสูบเท่ากับ 56.0mm และช่วงชักเท่ากับ 62.9mm SOHC 2 วาล์ว
ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 5 สปีด ใช้คลัทช์แบบเปียกซ้อนกันหลายแผ่น (Multi-plate) ดูจากตรงนี้แล้ว
ถือว่าเทคโนโลยียังสู้กับพวกคู่แข่งในค่ายญี่ปุ่นเหมือนกันลำบาก เพราะว่าสเปคค่อนข้างจะย้อนยุคกันไปนิดนึง

ต่อมาในส่วนของช่วงล่างด้านหน้าเป็นโช๊คอัพแบบเทเลสโคปิก ด้านหลังเป็นแบบโมโนโช๊คทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม
ในขณะที่ระบบเบรกนั้นด้านหน้าเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 266mm และด้านหลังก็เปลี่ยนมาใช้ดิสก์เบรก
แทนดรัมเบรกจากรุ่นเดิม อย่างที่เกริ่นกันไปแล้วนั่นเอง ยางหน้ามีขนาด 100/80-17 ส่วนยางหลัง 140/60-17
เป็นแบบล้ออัลลอย ทูบเลส (ไร้ยางใน) และสำหรับมิติของตัวรถนั้นมีขนาดความยาว 2050 mm กว้าง 785 mm
และสูง 1030 mm ระยะห่างระหว่งาใต้ท้องรถกับพื้นเท่ากับ 160 mm ความสูงเบาะ 780 mm และระยะฐานล้อ
1330 mm ตรงนี้ถือว่ามิติค่อยข้างกระชับ เน้นความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ในขณะที่แฮนด์นั้น
เป็นแบบแฮนด์บาร์ตามแบบฉบับของรถในแนวเนกเกตนั่นเอง และถังน้ำมันมีความจุอยู่ 12 ลิตรด้วยกัน และสตาร์ทมือ

สีมีให้เลือกทั้งหมดคือ Pearl Mirage White, Metallic Triton Blue, Glass Sparkle Black, Candy Antares Red
และ Metallic Oort Gray สำหรับภาพรวมแล้วคงจะเหมาะกับแฟนๆ ค่ายซูฯ ทีต้องการรถในคลาสนี้มาขี่เล่นกัน
มากกว่าจะเน้นประสิทธิภาพอย่างจริงจัง เพราะรายละเอียดต่างๆ ยังสู้กับพวกคู่แข่ง (ค่ายญี่ปุ่นด้วยกัน) ลำบาก
แต่อย่างไรก็ตามด้วยสนนราคาที่ขายกันอยู่แค่ราวๆ 42,000 บาทเท่านั้น (ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นฐานในการผลิตรุ่นนี้)
ก็ถือว่าไม่แพงแต่อย่างใด เพราะวัสดุและเนื้องานประกอบนั้นก็ยังถือว่าดีตามมาตรฐานของซูซูกินั่นเอง

http://www.greatbiker.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-suzuki-gixxer-155-double-disc-specs-review/

[OASIS]

ตรงนี้ก่อหักพับขึ้นซ้ายเช่นกั๋น  ทางกว้าง   ควรจะรวดเดียวครับ หยุดกึกๆ กั๊ก มีปัญหาแน่

[OASIS]

ทางแบบนี้พอจะได้อัดระบายอารมณ์พ่อง  แม้นจะช่วงสั้นๆ ก่อต๋าม

[OASIS]

ได้ระบายแค่นิดเดียว เจอทางลงชัน หักซ้าย หักขวาตลอด  ใจเย็นๆ ครับ อย่าวู่วาม

[OASIS]

คิดจบ   ข้างหลังมีเสียงแปลกๆ   
เอ้า #27   ลงเร็วชนต้นไม้เสียหลักหงายท้อง  ฮ่าๆ

[crs]

จากภาพนี้ด้านขวาตี่ป่าสักจะมีทางขึ้น (เป็นทางตี่ผมลงมา)  ซ้ายมือมีบ้านคนอยู่

ช่วงต้นทางจะเป็นป่าสัก เข้าไปเรื่อยๆ จะเป็นต้นน้ำ น้ำตกนางแลครับ
บ่าควรฉายเดียวนะครับ มีเพื่อนไปตวยเน้อ เผื่อพลาดพลั้งตกดอยหรือลงตี่ต่ำจะได้จ่วยกั๋นได้ครับ

ขอฮื้อแอ่วม่วนๆ เน้อ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับวันนี้ผมเริ่มต้นจากบ้านห้วยแม่ซ้ายจนมาถึงจุดในรูปก้อนหินนี้แบบราบลื่นครับแต่หลังจากนั้นเราก็หลงทางและเกือบถึงบ้านปู่ไข่แต่ทางปิดเราเลยต้องย้อนกลับและไม่มีเวลาหาต่อเลยต้องกลับลงไปทางแม่น้ำบ้านลิไข่และจะกลับไปหาต่อในวันถัดไปครับ

Chris

จากจุดนี้ไปบ้านปูไข่ บ่าไกลแล้วครับ  ขาลงตลอด
ไปเรื่อยๆ บ่าน่าเกิน 40 นาทีครับ

วันนี้ผมเอาจักรยานขึ้นไปจนเจอทางขึ้นแล้วครับขอบคุณสำหรับรูปที่ส่งมาให้ครับอีกไม่กี่วันผมจะเอารถเมอเตอร์ไซด์ขึ้นไปครับ

Chris

[OASIS]

จากภาพนี้ด้านขวาตี่ป่าสักจะมีทางขึ้น (เป็นทางตี่ผมลงมา)  ซ้ายมือมีบ้านคนอยู่

ช่วงต้นทางจะเป็นป่าสัก เข้าไปเรื่อยๆ จะเป็นต้นน้ำ น้ำตกนางแลครับ
บ่าควรฉายเดียวนะครับ มีเพื่อนไปตวยเน้อ เผื่อพลาดพลั้งตกดอยหรือลงตี่ต่ำจะได้จ่วยกั๋นได้ครับ

ขอฮื้อแอ่วม่วนๆ เน้อ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับวันนี้ผมเริ่มต้นจากบ้านห้วยแม่ซ้ายจนมาถึงจุดในรูปก้อนหินนี้แบบราบลื่นครับแต่หลังจากนั้นเราก็หลงทางและเกือบถึงบ้านปู่ไข่แต่ทางปิดเราเลยต้องย้อนกลับและไม่มีเวลาหาต่อเลยต้องกลับลงไปทางแม่น้ำบ้านลิไข่และจะกลับไปหาต่อในวันถัดไปครับ

Chris

จากจุดนี้ไปบ้านปูไข่ บ่าไกลแล้วครับ  ขาลงตลอด
ไปเรื่อยๆ บ่าน่าเกิน 40 นาทีครับ

วันนี้ผมเอาจักรยานขึ้นไปจนเจอทางขึ้นแล้วครับขอบคุณสำหรับรูปที่ส่งมาให้ครับอีกไม่กี่วันผมจะเอารถเมอเตอร์ไซด์ขึ้นไปครับ

Chris

ปั่นขึ้นไปเลยกะครับ.........  ผมท่าจะบ่าเอาตวย

[OASIS]

มาดูดีเทลแต่ละส่วนแบบชัดๆ กันเลยกับเจ้า All New Honda CBR150R

เชื่อว่าหลายต่อหลายคนกำลังจับตามองดูโมเดล All New Honda CBR150R 2016 กันอย่างใกล้ชิด
เพราะถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากโมเดลเดิมเยอะมากทีเดียว หลังจากที่มันเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาฯ ที่ผ่านมา
และวันนี้ทางเราเองก็อยากจะพาไปดูรายละเอียดในส่วนต่างๆ ของรถ ว่ามันจะมีอะไรโดดเด่นกันบ้าง แบบดูกันชิ้นต่อชิ้นเลย
(ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางเว็บจากอินโดนีเซียอย่าง tmcblog.com สำหรับรูปภาพประกอบ ตามเนื้อหาด้านล่างนี้ทั้งหมด)

อย่างแรกเลยก็คือไฟหน้าแบบ LED headlamp system สองดวง ขนาด 11.4 วัตต์ ซึ่งเวลาติดเครื่องนั้นไฟจะออกสองดวงพร้อมกันเลย (จากที่ปกติมักจะเป็นไฟต่ำออก 1 ดวง และไฟสูงถึงจะออก 2 ดวง)

และเมื่อนับรวมจำนวนไฟสูงและไฟเลี้ยว แล้วก็จะมีทั้งหมด 6 ดวง (ไฟต่ำ 2, ไฟสูง 2 และไฟเลี้ยว อีก 2)

เพลตวางป้ายทะเบียน ซึ่งจะมีองศาที่ยกสูงขึ้นกว่าปกติ ให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่าเดิม

หน้าจอนั้นเป็นแบบ LCD Fully Digital ทั้งหมดเลย มีรายละเอียดในการแสดงผลทั้งหมดดังนี้

แสดงตัววัดความเร็ว
แสดงตัววัดรอบ
แสดงบอกตำแหน่งเกียร์
แสดงนาฬิกา
แสดงระดับน้ำมัน
และข้อมูลอื่นๆ (เช่นพวกการวัดทริป, วัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ฯลฯ)
ตรงนี้เราจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาจากโมเดลเดิมๆ เยอะมากทีเดียว โดยเฉพาะไฟบอกตำแหน่งเกียร์ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกของรถฮอนด้าคลาส 150 เลยก็ว่าได้

ซึ่งรายละเอียดรุ่นย่อยทั้หมดและราคาจะเป็นดังนี้

All New Honda CBR150R Repsol Edition 2016 (ลาย Repsol) ประมาณ 88,000 บาท
All New Honda CBR150R 2016 Racing Red (สีแดง คันที่เราเห็นในงานเปิดตัวนี้) ประมาณ 87,000 บาท
All New Honda CBR150R 2016 Revolution White (สีขาว) ประมาณ 85,000 บาท
All New Honda CBR150R 2016 Niro Black (สีดำ) ประมาณ 85,000 บาท

ทางฮอนด้าได้แจ้งมาแล้วว่าโมเดลนี้จะเป็น Global Model ที่จะมีการปรับโฉมกันในหลายๆ ประเทศที่มีการวางจำหน่ายรุ่นนี้
(ไม่เหมือนกับโมเดล CBR150R ของอินโดนีเซียก่อนหน้านี้ ที่เอาแฟร์ริ่งของตัว 300R มาใส่ ที่นับเป็นแค่ Local Model)
ทำให้เราสามารถคาดหวังได้ว่า มันมีโอกาสจะเข้ามาแทนโมเดลเดิมในบ้านเรา (หรืออาจจะขึ้นไลน์ผลิตกัน
ในบ้านเรากับโมเดลนี้เลย) ตรงนี้ต้องรอติดตามท่าทีของ AP Honda ประเทศไทยกันต่อไป

http://www.greatbiker.com/

[progrip]

 

[OASIS]

เอาขึ้นบ่ายาก

[OASIS]

ช่วงมุด มุด ละก่อมุดอยู่ใต้ซุ่มไผ่ยาวๆ หลายร้อยเมตร มีได้เงยห้วเป็นช่วงสั้นๆ

[OASIS]

สุดท้ายก่อมาถึงพระธาตุตี่เฮาเกยขนทราย ขนหินขึ้นมาจ่วยสร้าง