เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 30 กรกฎาคม 2025, 06:26:30
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  จริงหรือไม่..ครู เทศบาล .7 ลาออกไป 13 คน..ท่านใดทราบบ้าง
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 [20] 21 22 พิมพ์
ผู้เขียน จริงหรือไม่..ครู เทศบาล .7 ลาออกไป 13 คน..ท่านใดทราบบ้าง  (อ่าน 39236 ครั้ง)
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #380 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 12:28:38 »

ลองมองเล่น ๆ ในมุมเดียวกันนะครับ ตัวเลขรับ-จ่ายที่ผมลองคำนวณดูเล่น ๆ ด้านบน ถ้าเป็นเอกชน จะมีโรงเรียนไหนกล้าทำบ้างมั้ยอ่ะครับ

อย่าว่าแต่เอกชนเลยท่าน ไม่มีที่ไหนในโลกเขาจะเอาเงินมาลงทุนด้านบุคลากรกันมากขนาดนี้หรอกครับ โรงเรียนสองภาษาที่ไหน ๆ เท่าที่หาข้อมูลมาจากคนในวงการศึกษา พบว่าเขาจะมีครูห้องละ 2 คนเท่านั้น คือ ครูต่างชาติ 1 คน และครูไทยอีก 1 คน เขาฝึกให้เด็กได้พยายามช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เกินความสามารถ ส่วนอื่น ๆ ทั้งครูไทยและครูต่างชาติก็จะให้การดูแลช่วยเหลือเด็ก รวมทั้งจะมีพี่เลี้ยงเด็ก (ส่วนกลาง) ลงมาช่วยดูแลเด็กเป็นบางเวลาเช่น เวลารับประทานอาหาร เวลานอน เวลาตื่น และก่อนกลับบ้าน ทำให้สามารถลดงบประมาณในส่วนที่จ้างครูไปได้จำนวนมากมาย และนำเงินส่วนนั้นไปจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์และสื่อนวัตกรรมเสริมสร้างและพัฒนาสติปัญญาของเด็ก ซึ่งวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูงเพราะผลิตจากวัสดุที่ดีมีคุณภาพและไม่เกิดอันตรายกับเด็ก  แบบนี้จะดีกว่าไหม ฮืม??  

การที่มีครูในห้องมากเกินไป ให้ผู้ปกครองลองนึกภาพเอาเองว่า ครูต่างชาติกำลังจัดกิจกรรมให้เด็กในห้อง ครูไทย ครูภาษาอังกฤษ (ครูไทย) ครูพี่เลี้ยง และครูฝึกสอน จะทำอะไร ..... ลองคิดกันแบบง่าย ๆ นะ
IP : บันทึกการเข้า
not stupid
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #381 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 12:38:13 »

ลองมองเล่น ๆ ในมุมเดียวกันนะครับ ตัวเลขรับ-จ่ายที่ผมลองคำนวณดูเล่น ๆ ด้านบน ถ้าเป็นเอกชน จะมีโรงเรียนไหนกล้าทำบ้างมั้ยอ่ะครับ

อย่าว่าแต่เอกชนเลยท่าน ไม่มีที่ไหนในโลกเขาจะเอาเงินมาลงทุนด้านบุคลากรกันมากขนาดนี้หรอกครับ โรงเรียนสองภาษาที่ไหน ๆ เท่าที่หาข้อมูลมาจากคนในวงการศึกษา พบว่าเขาจะมีครูห้องละ 2 คนเท่านั้น คือ ครูต่างชาติ 1 คน และครูไทยอีก 1 คน เขาฝึกให้เด็กได้พยายามช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เกินความสามารถ ส่วนอื่น ๆ ทั้งครูไทยและครูต่างชาติก็จะให้การดูแลช่วยเหลือเด็ก รวมทั้งจะมีพี่เลี้ยงเด็ก (ส่วนกลาง) ลงมาช่วยดูแลเด็กเป็นบางเวลาเช่น เวลารับประทานอาหาร เวลานอน เวลาตื่น และก่อนกลับบ้าน ทำให้สามารถลดงบประมาณในส่วนที่จ้างครูไปได้จำนวนมากมาย และนำเงินส่วนนั้นไปจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์และสื่อนวัตกรรมเสริมสร้างและพัฒนาสติปัญญาของเด็ก ซึ่งวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูงเพราะผลิตจากวัสดุที่ดีมีคุณภาพและไม่เกิดอันตรายกับเด็ก  แบบนี้จะดีกว่าไหม ฮืม??  

การที่มีครูในห้องมากเกินไป ให้ผู้ปกครองลองนึกภาพเอาเองว่า ครูต่างชาติกำลังจัดกิจกรรมให้เด็กในห้อง ครูไทย ครูภาษาอังกฤษ (ครูไทย) ครูพี่เลี้ยง และครูฝึกสอน จะทำอะไร ..... ลองคิดกันแบบง่าย ๆ นะ
ก็เพราะโรงเรียนนี้มีจุดขายตรงที่มีครูเยอะไม่ใช่หรอกเหรอคะ เขาถึงเอาลูกๆมาเรียนอ่ะค่ะ เพราะอยากให้มีครูมาช่วยดูแลเด็ก ครูเยอะดีกว่าครูขาด ไม่ใช่เหรอคะ
IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #382 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 12:46:25 »

ลองมองเล่น ๆ ในมุมเดียวกันนะครับ ตัวเลขรับ-จ่ายที่ผมลองคำนวณดูเล่น ๆ ด้านบน ถ้าเป็นเอกชน จะมีโรงเรียนไหนกล้าทำบ้างมั้ยอ่ะครับ

อย่าว่าแต่เอกชนเลยท่าน ไม่มีที่ไหนในโลกเขาจะเอาเงินมาลงทุนด้านบุคลากรกันมากขนาดนี้หรอกครับ โรงเรียนสองภาษาที่ไหน ๆ เท่าที่หาข้อมูลมาจากคนในวงการศึกษา พบว่าเขาจะมีครูห้องละ 2 คนเท่านั้น คือ ครูต่างชาติ 1 คน และครูไทยอีก 1 คน เขาฝึกให้เด็กได้พยายามช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เกินความสามารถ ส่วนอื่น ๆ ทั้งครูไทยและครูต่างชาติก็จะให้การดูแลช่วยเหลือเด็ก รวมทั้งจะมีพี่เลี้ยงเด็ก (ส่วนกลาง) ลงมาช่วยดูแลเด็กเป็นบางเวลาเช่น เวลารับประทานอาหาร เวลานอน เวลาตื่น และก่อนกลับบ้าน ทำให้สามารถลดงบประมาณในส่วนที่จ้างครูไปได้จำนวนมากมาย และนำเงินส่วนนั้นไปจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์และสื่อนวัตกรรมเสริมสร้างและพัฒนาสติปัญญาของเด็ก ซึ่งวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูงเพราะผลิตจากวัสดุที่ดีมีคุณภาพและไม่เกิดอันตรายกับเด็ก  แบบนี้จะดีกว่าไหม ฮืม??  

การที่มีครูในห้องมากเกินไป ให้ผู้ปกครองลองนึกภาพเอาเองว่า ครูต่างชาติกำลังจัดกิจกรรมให้เด็กในห้อง ครูไทย ครูภาษาอังกฤษ (ครูไทย) ครูพี่เลี้ยง และครูฝึกสอน จะทำอะไร ..... ลองคิดกันแบบง่าย ๆ นะ
ก็เพราะโรงเรียนนี้มีจุดขายตรงที่มีครูเยอะไม่ใช่หรอกเหรอคะ เขาถึงเอาลูกๆมาเรียนอ่ะค่ะ เพราะอยากให้มีครูมาช่วยดูแลเด็ก ครูเยอะดีกว่าครูขาด ไม่ใช่เหรอคะ

ครูเยอะดีกว่าครูขาดแน่นอน แต่ถ้างบประมาณส่วนใหญ่ต้องจัดมาเป็นค่าจ้างครู แล้วไปลดในส่วนที่เป็นสื่อนวัตกรรมและอุปกรณ์อื่น ๆ ให้น้อยลง ผลที่เกิดขึ้นกับเด็กจะเป็นยังไง คงเรียนรู้ได้แต่เพียงคำบอกเล่าของครูเท่านั้นเอง หรือไม่อย่างดีก้อได้เห็นจากรูปภาพที่ครูเอามาเป็นสื่อแค่นั้น   ครู 1 คนทำหน้าที่สอนและจัดกิจกรรม  ครูอีก 4 คนทำหน้าที่อะไร แค่นั่งดูแลเด็กในห้องเรียนหรือช่วยเหลือจัดกิจกรรมในบางครั้งเท่านั้น  อย่างนี้ครูเยอะดีกว่าครูขาดใช่ไหมครับ
IP : บันทึกการเข้า
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #383 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 12:50:29 »

ทุกอย่างมันอยู่ที่จุดสมดุลครับ ท่านลองไปดูที่ผมคำนวณด้านบนอีกที แล้วท่านจะรู้ว่าจุดสมดุลมันควรจะอยู่ที่ตรงไหนนะครับ ผมว่าเรื่องที่มันคารา คาซัง ยืดยาวมาจนถึงทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะ เราลืมมองจุดสมดุลที่ว่านี้กันอยู่ละเปล่าใช่มั้ยครับ

ผมยังมองว่า ถ้าผู้ปกครองและทางคณะผู้บริหารโรงเรียนเห็นจุดสมดุลตรงกันเมื่อไหร่ เมื่อนั้นทุกอย่างจะจบลงทันทีครับ

ด้วยความเคารพ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 13:08:47 โดย AIT » IP : บันทึกการเข้า
not stupid
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #384 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 12:57:01 »

ลองมองเล่น ๆ ในมุมเดียวกันนะครับ ตัวเลขรับ-จ่ายที่ผมลองคำนวณดูเล่น ๆ ด้านบน ถ้าเป็นเอกชน จะมีโรงเรียนไหนกล้าทำบ้างมั้ยอ่ะครับ

อย่าว่าแต่เอกชนเลยท่าน ไม่มีที่ไหนในโลกเขาจะเอาเงินมาลงทุนด้านบุคลากรกันมากขนาดนี้หรอกครับ โรงเรียนสองภาษาที่ไหน ๆ เท่าที่หาข้อมูลมาจากคนในวงการศึกษา พบว่าเขาจะมีครูห้องละ 2 คนเท่านั้น คือ ครูต่างชาติ 1 คน และครูไทยอีก 1 คน เขาฝึกให้เด็กได้พยายามช่วยเหลือตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่เกินความสามารถ ส่วนอื่น ๆ ทั้งครูไทยและครูต่างชาติก็จะให้การดูแลช่วยเหลือเด็ก รวมทั้งจะมีพี่เลี้ยงเด็ก (ส่วนกลาง) ลงมาช่วยดูแลเด็กเป็นบางเวลาเช่น เวลารับประทานอาหาร เวลานอน เวลาตื่น และก่อนกลับบ้าน ทำให้สามารถลดงบประมาณในส่วนที่จ้างครูไปได้จำนวนมากมาย และนำเงินส่วนนั้นไปจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์และสื่อนวัตกรรมเสริมสร้างและพัฒนาสติปัญญาของเด็ก ซึ่งวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูงเพราะผลิตจากวัสดุที่ดีมีคุณภาพและไม่เกิดอันตรายกับเด็ก  แบบนี้จะดีกว่าไหม ฮืม??  

การที่มีครูในห้องมากเกินไป ให้ผู้ปกครองลองนึกภาพเอาเองว่า ครูต่างชาติกำลังจัดกิจกรรมให้เด็กในห้อง ครูไทย ครูภาษาอังกฤษ (ครูไทย) ครูพี่เลี้ยง และครูฝึกสอน จะทำอะไร ..... ลองคิดกันแบบง่าย ๆ นะ
ก็เพราะโรงเรียนนี้มีจุดขายตรงที่มีครูเยอะไม่ใช่หรอกเหรอคะ เขาถึงเอาลูกๆมาเรียนอ่ะค่ะ เพราะอยากให้มีครูมาช่วยดูแลเด็ก ครูเยอะดีกว่าครูขาด ไม่ใช่เหรอคะ

ครูเยอะดีกว่าครูขาดแน่นอน แต่ถ้างบประมาณส่วนใหญ่ต้องจัดมาเป็นค่าจ้างครู แล้วไปลดในส่วนที่เป็นสื่อนวัตกรรมและอุปกรณ์อื่น ๆ ให้น้อยลง ผลที่เกิดขึ้นกับเด็กจะเป็นยังไง คงเรียนรู้ได้แต่เพียงคำบอกเล่าของครูเท่านั้นเอง หรือไม่อย่างดีก้อได้เห็นจากรูปภาพที่ครูเอามาเป็นสื่อแค่นั้น   ครู 1 คนทำหน้าที่สอนและจัดกิจกรรม  ครูอีก 4 คนทำหน้าที่อะไร แค่นั่งดูแลเด็กในห้องเรียนหรือช่วยเหลือจัดกิจกรรมในบางครั้งเท่านั้น  อย่างนี้ครูเยอะดีกว่าครูขาดใช่ไหมครับ
เท่าที่ทราบมาครูไทยในห้องก็มีแค่ คนหรือสองคน บางห้องครูต่างชาติก็ไม่ได้อยู่ประจำ แล้วเอาครูสี่ห้าคนมาจากไหนคะ ฝั่งประถมลูกๆก็บอกว่าครูไทยมีห้องละคน ครูต่างชาติก็มีห้องละคน ถ้าอีกคนไปสอน ใครจะดูแลลูกๆคะ
IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #385 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 13:10:09 »

ทุกอย่างมันอยู่ที่จุดสมดุลครับ ท่านลองไปดูที่ผมคำนวณด้านบนอีกที แล้วท่านจะรู้ว่าจุดสมดุลมันจะอยู่ที่ตรงไหนนะครับ ผมว่าเรื่องที่มันคารา คาซัง ยืดยาวมาจนถึงทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะ เราลืมมองจุดสมดุลที่ว่านี้กันอยู่ละเปล่าใช่มั้ยครับ

ด้วยความเคารพ

เท่าที่พูดคุยกับเพื่อนฝูงที่ทำงานโรงเรียนเอกชน เขาใช้วิธีการคำนวณงบประมาณในแต่ละปีโดยแบ่งออกเป็นส่วนๆ เช่น ค่าจ้างครู ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าสื่อการเรียน ค่าสื่อนวัตกรรม ค่าจัดกิจกรรมเสริมความรู้ ค่าจัดกิจกรรมเสริมทักษะและพัฒนาการ ค่าซ่อมแซมวัสดุอุปกรณ์ ค่าจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการศึกษา ค่าจัดอาคารสถานที่และบริเวณโรงเรียน ค่าประชาสัมพันธ์ และเงินงบกลาง  

รายจ่ายที่ว่ามาข้างต้นรวมแล้วต้องไม่เกิน ร้อยละ 60 ของงบประมาณรายรับทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 40 เป็นเงินส่วนกำไรของโรงเรียน เพราะเป็นธุรกิจ ทำแล้วไม่ได้กำไรจะทำไปทำไม

ในส่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะโรงเรียนเทศบาล 7 ตามตัวเลขที่ท่าน AIT ประมาณการไว้ จะเห็นว่าเฉพาะค่าจ้างบุคลากรอย่างเดียวก็ไม่พอแล้ว แปลว่ายังไง หมายความว่ายังไง ท่านผู้ปกครองลองนึกภาพดูกันเอาเองเถอะ .... ลูกหลานท่านจะได้อะไรอย่างที่ท่านต้องการมากน้อยแค่ไหน หาคำตอบเองได้ไม่ยากหรอก


เอกชนหรือธุรกิจ เขาคิดถึงจุดคุ้มทุนเป็นสำคัญ
โรงเรียน ท.7 คิดถึงคุณภาพของเด็กเป็นสำคัญ
จุดสมดุลอยู่ตรงไหน ฮืม??
IP : บันทึกการเข้า
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #386 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 13:17:02 »

ใช่เลยครับ หากผลสุดท้าย ผู้ปกครองและคณะผู้บริหารโรงเรียน เห็นจุดสมดุลที่มันตรงกันเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเคลียร์ใจกันทุกฝ่ายแน่นอน ผลประกอบการของโรงเรียน ท.7 ไม่ได้เน้นกำไร แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ขาดทุนนะครับ และท้ายที่สุด สิ่งที่จะตกกับลูก ๆ และโรงเรียน ท.7 ของเราก็คือคุณภาพของลูกหลานและโรงเรียน ท.7 ของเรา ตามที่ท่านตาที่สามกล่าวไว้ด้านบนครับ
IP : บันทึกการเข้า
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,620



« ตอบ #387 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 13:27:26 »

การจัดการศึกษาต้องย้อนไปสู่ แนวทางการจัดตั้ง
1 ปรัชญา
2 วิสัยทัศน์
3 นโยบาย
4 พันธกิจ
5 เป้าหมาย
6 คุณลักษณะนักเรียนที่พึงประสงค์

  โดยรวมข้างต้นคือการวางแผนระยะ กลาง ไปจนถึงระยะยาว

ตาม link ไปดูนะครับ

http://www.tesaban7.ac.th/school.html

ขออ้างถึง..

 5-6 ปีที่ผ่านมาคนเก่าเขายังบริหาร..สร้างชื่อเสียงจนอานิสงตกมาถึงปัจจุบัน
แล้วจุดที่สร้างชื่อ..ต่อยอดมาเป็นประถมได้จนทุกวันนี้
ก็คือ...ระดับชั้นอนุบาลครับหรือไม่จริง..
คุยกับลุงสามตา..ยังได้ความรู้..ได้สาระ..
มาเติมในส่วนที่ผู้ปกครองมองข้ามไป..

คุยแบบคนไม่ปัญญา..ก็อย่าใช้ปัญญา..กับคนที่ต่ำปัญญา..
ใครที่พูดกับเรา..ด้วยสติปัญญา..ก็ต้องตอบเขาด้วยสติปัญญา..
                          แมงนูดนีด.ว่าไว้..
IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #388 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 14:13:47 »

มาถึงตรงนี้ ผมคงตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอ เมื่อไหร่ที่ผู้ปกครองและทางคณะผู้บริหารโรงเรียน จะมองเห็น "จุดสมดุล" ที่ว่ากันไว้ข้างต้นที่ตรงกันซักที ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายบอบช้ำสาหัสครบกันถ้วนหน้า ผอ. ก็บอบช้ำแสนสาหัส, ครูผู้สอนก็สบักสบอม, ผู้ปกครองก็มีแต่ความชอกช้ำในหัวใจ เสียเวลาทำมาหากินกันไปไม่ใช่น้อย ๆ, โรงเรียนก็ชื่อเสียงเสียหายไปมากโข ลูก ๆ ของเราเด็กนักเรียนก็มีผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน อยากให้ทุกอย่างจบลงอย่าง win win กันทุกฝ่ายครับ

ผมก็อยากเห็น
ผอ. และคณะผู้บริหารโรงเรียน กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง
อยากเห็นครูผู้สอนถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มความสามารถและมีความสุข
อยากเห็นผู้ปกครองมองดูพัฒนาการ การเจริญเติบโตของลูก ๆ อย่างมีความสุข
อยากเห็นโรงเรียนมีคุณภาพ มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของคนทั่ว ๆ ไป
อยากเห็นนักเรียนมาเรียนอย่างสนุกสนานและมีความสุข

ป.ล. ผลกระทบกับลูกหลานเรามีจริง ๆ นะครับ ความจริงไม่อยากมาโพสต์เลย กลัวจะเป็นประเด็นให้มีการสานต่อยาวไปอีก เมื่อวาน (วันพฤหัส) ครูประถมครับ เครียดกันยกใหญ่ แทบไม่เป็นอันสอนกันทั้งวันเลย บังเอิญมีลายมือเขียนของเจ้าตัวน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นชั้น ป. อะไรนะครับ ดันไปเขียนที่ผนังหน้าตึกประถมว่า "ครู....(ชื่อครู 1 คน)....ควาย" ซึ่งอาจจะเพราะโกรธครู หรือเขียนเล่น ๆ ตามประสาเด็กที่เพิ่งเริ่มเขียนภาษาไทยเป็นประโยค ๆ ได้ อันนี้ไม่ทราบสาเหตุได้ ปรากฏว่าครูฝั่งประถมจิตแตกกระเจิงกันทั้งฝั่งประถม ไม่เป็นอันเรียนอันสอน ครูเจ้าตัวเครียดแทบอกแตก จะไปแจ้งผู้ปกครองก็ นะนะ ผู้ปกครองท.7 แรง ๆ ทั้งนั้น ไอ้ครั้นจะไปฟ้องผอ. ผอ.ก็กำลังเครียดกว่าครูท่านนี้ซะอีก ผมถึงบอกว่าถ้าทุกฝ่ายไม่ช่วยกัน สุดท้ายปัญหามันก็จะตกกับลูกหลานเราอย่างแน่นอนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 14:20:49 โดย AIT » IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #389 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 14:29:27 »

มาถึงตรงนี้ ผมคงตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอ เมื่อไหร่ที่ผู้ปกครองและทางคณะผู้บริหารโรงเรียน จะมองเห็น "จุดสมดุล" ที่ว่ากันไว้ข้างต้นที่ตรงกันซักที ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายบอบช้ำสาหัสครบกันถ้วนหน้า ผอ. ก็บอบช้ำแสนสาหัส, ครูผู้สอนก็สบักสบอม, ผู้ปกครองก็มีแต่ความชอกช้ำในหัวใจ เสียเวลาทำมาหากินกันไปไม่ใช่น้อย ๆ, โรงเรียนก็ชื่อเสียงเสียหายไปมากโข ลูก ๆ ของเราเด็กนักเรียนก็มีผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน อยากให้ทุกอย่างจบลงอย่าง win win กันทุกฝ่ายครับ

ผมก็อยากเห็น
ผอ. และคณะผู้บริหารโรงเรียน กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง
อยากเห็นครูผู้สอนถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มความสามารถและมีความสุข
อยากเห็นผู้ปกครองมองดูพัฒนาการ การเจริญเติบโตของลูก ๆ อย่างมีความสุข
อยากเห็นโรงเรียนมีคุณภาพ มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของคนทั่ว ๆ ไป
อยากเห็นนักเรียนมาเรียนอย่างสนุกสนานและมีความสุข

ป.ล. ผลกระทบกับลูกหลานเรามีจริง ๆ นะครับ ความจริงไม่อยากมาโพสต์เลย กลัวจะเป็นประเด็นให้มีการสานต่อยาวไปอีก เมื่อวาน (วันพฤหัส) ครูประถมครับ เครียดกันยกใหญ่ แทบไม่เป็นอันสอนกันทั้งวันเลย บังเอิญมีลายมือเขียนของเจ้าตัวน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นชั้น ป. อะไรนะครับ ดันไปเขียนที่ผนังหน้าตึกประถมว่า "ครู....(ชื่อครู 1 คน)....ควาย" ซึ่งอาจจะเพราะโกรธครู หรือเขียนเล่น ๆ ตามประสาเด็กที่เพิ่งเริ่ีมเขียนภาษาไทยเป็นประโยค ๆ ได้ อันนี้ไม่ทราบสาเหตุได้ ปรากฏว่าครูฝั่งประถมจิตแตกกระเจิงกันทั้งฝั่งประถม ไม่เป็นอันเรียนอันสอน ครูเจ้าตัวเครียดแทบอกแตก จะไปแจ้งผู้ปกครองก็ นะนะ ผู้ปกครองท.7 แรง ๆ ทั้งนั้น ไอ้ครั้นจะไปฟ้องผอ. ผอ.ก็กำลังเครียดกว่าครูท่านนี้ซะอีก ผมถึงบอกว่าถ้าทุกฝ่ายไม่ช่วยกัน สุดท้ายปัญหามันก็จะตกกับลูกหลานเราอย่างแน่นอนครับ

ลดทิษฐิ ลดโมหะ แล้วหันหน้ากลับมาหากัน
เอาความผูกพันด้วยหัวใจมาหลอมรวมให้เป็นหนึ่ง
ใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ และมองไปไกล ๆ กว้าง ๆ 
เอาความคิดที่หลากหลายมุมมองทั้งในมุมที่ต่างและมุมที่เหมือน
มาช่วยกันคิดหา จุดสมดุล บนพื้นฐานแห่งสติสัมปชัญญะ ความเหมาะสม
และความถูกต้องตามกฎเกณฑ์ได้เมื่อไหร่   ทางออกที่ดี  ย่อมมีตามมาเสมอ

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ..
เสียหายมากพอหรือยัง ...
ทุกข์ใจกันมามากพอหรือยัง ....
IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #390 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 14:45:50 »

ขอร้องเลยนะครับว่า นับจากกระทู้นี้เป็นต้นไป
เรามาร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อหา  จุดสมดุล  ของโรงเรียนร่วมกันจะดีกว่าไหม
ข้อคิดความเห็นของทุกท่าน ขอให้แสดงออกอย่างเต็มที่ในแนวทางที่สร้างสรรค์

ปราศจากอคติ ปราศจากคำติเตียน ปราศจากความลำเอียง ปราศจากความไร้ซึ่งเหตุผล
ปราศจากอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโมหะและโทสะ  และปราศจากความเป็นศัตรูทางความคิด

มาร่วมกันสรรค์สร้างแนวทางของการพัฒนาคุณภาพบุตรหลานของเราให้เป็นไปตามศักยภาพของเขาเถิด

เชื่อว่าท่านผู้บริหารโรงเรียน คณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงราย และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
ท่านติดตามความคิดความเห็นของพวกเราอยู่ตลอด 

ขอนะครับ
ก่อนที่จะไม่มีอะไรเหลือพอที่จะให้ ...
IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #391 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 15:01:48 »

ขอเริ่มก่อนเลยครับ

ขอเสนอทางออกของเรื่องนี้ ตามลำดับอย่างนี้ ดีไหมครับ .... ? ? ?

1.เชิญตัวแทนของผู้ปกครองทุกห้องเรียนประชุม เพื่อ
แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และกำหนดประเด็นปัญหา ข้อสงสัย ที่ต้องการคำตอบ

2.ผู้บริหารโรงเรียนและตัวแทนคณะครู ประชุม เพื่อ
แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และหาคำตอบตามประเด็นปัญหาจากข้อ 1
พร้อมกำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ชัดเจน

3.คณะกรรมการสถานศึกษาประชุมเพื่อพิจารณาทั้งจากข้อ 1 และข้อ 2

4.ประชุมร่วมไตรภาคีจากข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3  เพื่อหา จุดสมดุลร่วม

5.จัดทำแถลงการณ์ร่วมแจ้งให้ผู้ปกครองทุกท่านทราบ

ส่วนใครจะเป็นคนเริ่ม ใครจะเป็นคนทำ ไม่ใช่เรื่องยาก
ยากแต่เพียงที่ว่า ใครจะเป็นคนให้ความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์เท่านั้นเอง
IP : บันทึกการเข้า
chiang123
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #392 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 19:29:42 »

คุยแบบคนไม่ปัญญา..ก็อย่าใช้ปัญญา..กับคนที่ต่ำปัญญา..
ใครที่พูดกับเรา..ด้วยสติปัญญา..ก็ต้องตอบเขาด้วยสติปัญญา..
                          แมงนูดนีด.ว่าไว้
..


ฮั่นแน่...  มีการแหย่กันด้วยละ  เมื่อไหร นายหรือนาง thanaput  จะเป็นบัวพ้นน้ำเสียทีน้า  วันนี้วันพระน่าจะพบทางสว่างบ้างนะเอาใจช่วยให้เป็นบัวพ้นน้ำก็แล้วกัน 
    เอ้าเข้าใจครับคุณสามตา  การแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ต้องบอกว่าสร้างสรรค์ครับ  การแสดงความคิดเห็นเอาเด็กทั่วไปเป็นที่ตั้งแล้วจะได้แนวคิดอะไรเยอะแยะไปหมด  การลงทุนเพื่อการศึกษาสิ่งที่น่าจะเป็นแง่คิดก็คือคนมันไม่สามารถสร้างด้วยเงินหรือวัตถุจำนวนมากได้  ถ้าไม่เป็นธรรมชาติมันก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาวันได้วันหนึ่งอย่างแน่นอน  วันนี้โรงเรียนเทศบาล 7 เหมือนฝีแตกครับ  การใช้งบประมาณที่ไม่เป็นธรรมชาติ  ทั้งบุคลากรและสถานที่หรืออื่น ๆ  มันก็จะเกิดปัญหาแบบนี้อย่างแน่นอนไม่วันไดก็วันหนึ่ง   ชื่อเสียงก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดว่าดี เด่น  ดัง  สร้างได้ง่าย ๆ  ครับ เพียงทุ่มเงิน  งบประมาณ ก็จะได้สิ่งเหล่านี้มา  แค่มองหลาย ๆ  ด้านก็ไม่เป็นธรรมชาติแล้วครับ  สถานที่  ครูที่จ้างมาเป็นครูฝรั่งบ้าง ฟิลิปปีนบ้าง มีก็ดีใจหายก็ต้องหา แล้วหามาไม่แน่ใจว่าเป็นครูสอนภาษาจริง ๆ  หรือเปล่ารักเด็กใหม เป็นโรคจิตหรือเปล่า  มันเยอะแยะไปหมดนะ  แต่มันก็ต้องเสี่ยงเพราะเป็นเรื่องชื่อเสียง ก็ทำกันมา  5-6 ปี ดังจริงคครับ  เป็นหน้าเป็นตา  แค่สถานที่ก็อู้ฮูแล้วครับ  มาศึกษาดูงานไม่แน่ใจว่าจะได้อะไรหรือเปล่า  คงต้องรออีกนิดครับผลฤทธิระดับต่าง ๆ  ออกมาก็จะรู้เองครับ แล้วก็ต้องมีปัญหาอีกเพราะความคาดหวังของผู้ปกครองสูงมาก  ถ้าโรงเรียนสอนตามศักยภาพของเด็ก  ตามธรรมชาติของเด็กเด็กก็จะได้เรียนรู้ตามความพร้อมของเขาพัฒนาขึ้น  แต่เรียนเก่ง ไม่เก่งไม่แน่ใจเพราะการพัฒนาอาจพัฒนาจากรู้1  เป็น2  หรือบางคนฉลาดรู้ 1  เป็น 10
นี่เขาเรียกว่าความแตกต่าง  อะไรหลาย ๆ  อย่างที่พวกท่านต้องพูดคุยและถ้าเป็นลักษรณะอย่างนี้ท่านก็ต้องเตรียมตั้งรบ  ตั้งรับ  กับการประเมินผลเมื่อเด็กจะเรียนต่อในระดับสูงต่อไป  เห็นด้วยครับการร่วมประชุมหลาย ๆ  ฝ่าย เอายังก็เอากันเสีย คุยให้ชัด
ถามฝ่ายบริหารเทศบาลว่า  เงินมีใหม  เพราะต้องใช้เงินครับท่าน  ถ้าบอกว่าพร้อมจะให้เป็นแนวนี้ครู 4 หรือ 3  แต่ภาษาไม่ต้องห่วงก็คุยให้ชัด  ต้องปล่อยและให้โอกาสผู้บริหารเขาบริหารโรงเรียนไป (ทราบว่าท่านผอเป็นผู้หญิง)ดูกันเป็นไตรมาส  1 ปี  3  ปี  6ปี  แล้วถ้ามีปัญหามันก็จะเห็นเองครับ ชัด ๆ  แต่ที่ยุ่งนะเพราะทนฟังพวกที่คุยเรื่องการศึกษาแล้วใช่ความเป็นแก้งมาแสดงแนวคิด  มันก็ออกเป็นเชิงนักเลงหัวไม้นั่นเอง  แค่ความคิดอย่างนี้ก็ไม่ควรเกิดในฐานะผู้ปกครองเด็กครับ  ผู้บริหารถ้าผิดจริง บริหารไม่เป็น เขาอยู่ไม่ได้ครับ แต่ท่านบริหารมาขนาดนี้ก็น่าที่จะไว้ใจได้ เพียงแต่เราให้เวลาท่านบ้างนะครับ  เอ้าคุณสามตาผมแสดงความคิดเห็นแนวนี้พอได้นะ 
IP : บันทึกการเข้า
manu07
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,872


วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน


« ตอบ #393 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 19:35:03 »

ขอเริ่มก่อนเลยครับ

ขอเสนอทางออกของเรื่องนี้ ตามลำดับอย่างนี้ ดีไหมครับ .... ? ? ?

1.เชิญตัวแทนของผู้ปกครองทุกห้องเรียนประชุม เพื่อ
แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และกำหนดประเด็นปัญหา ข้อสงสัย ที่ต้องการคำตอบ

2.ผู้บริหารโรงเรียนและตัวแทนคณะครู ประชุม เพื่อ
แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และหาคำตอบตามประเด็นปัญหาจากข้อ 1
พร้อมกำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ชัดเจน

3.คณะกรรมการสถานศึกษาประชุมเพื่อพิจารณาทั้งจากข้อ 1 และข้อ 2

4.ประชุมร่วมไตรภาคีจากข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3  เพื่อหา จุดสมดุลร่วม

5.จัดทำแถลงการณ์ร่วมแจ้งให้ผู้ปกครองทุกท่านทราบ

ส่วนใครจะเป็นคนเริ่ม ใครจะเป็นคนทำ ไม่ใช่เรื่องยาก
ยากแต่เพียงที่ว่า ใครจะเป็นคนให้ความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์เท่านั้นเอง
กำหนดมาเลยครับ ข้อเสนอแบบนี้ ว่ามาครับ เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร ทำเป็นทางการไปเลย เรื่องทุกอย่างจะได้จบ เสียที สงสารลูกครับ ถามลูกเหมือนกันครับว่า อยากย้ายโรงเรียนหรือเปล่า ลูกบอกว่าไม่ย้ายเพราะรัก ท.7 มาก รักคุณครูมาก อีกอย่างลูกผมก็เรียนที่นี่มาตั้งแต่อ.1 อยากให้เค้าเรียนจนจบประถมที่นี่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 20:08:41 โดย manu07 » IP : บันทึกการเข้า
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #394 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 20:36:21 »

ให้ดีต้องมีการประชุมอีกรอบ เอาแบบไม่เป็นทางการนะครับ เอากันระหว่าง ผอ. คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา และกลุ่มผู้ปกครอง แต่งานนี้คงต้องมีผู้ปกครองบางคน คงต้องช่วย ผอ. พูดด้วยมั้งครับ ผอ. พูดคนเดียวดูท่าจะลำบากครับ แต่ผมว่าคณะกรรมการสถานศึกษาในส่วนที่เป็นผู้ปกครองด้วย ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 20:45:57 โดย AIT » IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #395 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 21:03:57 »

คุยแบบคนไม่ปัญญา..ก็อย่าใช้ปัญญา..กับคนที่ต่ำปัญญา..
ใครที่พูดกับเรา..ด้วยสติปัญญา..ก็ต้องตอบเขาด้วยสติปัญญา..
                          แมงนูดนีด.ว่าไว้
..


ฮั่นแน่...  มีการแหย่กันด้วยละ  เมื่อไหร นายหรือนาง thanaput  จะเป็นบัวพ้นน้ำเสียทีน้า  วันนี้วันพระน่าจะพบทางสว่างบ้างนะเอาใจช่วยให้เป็นบัวพ้นน้ำก็แล้วกัน 
    เอ้าเข้าใจครับคุณสามตา  การแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ต้องบอกว่าสร้างสรรค์ครับ  การแสดงความคิดเห็นเอาเด็กทั่วไปเป็นที่ตั้งแล้วจะได้แนวคิดอะไรเยอะแยะไปหมด  การลงทุนเพื่อการศึกษาสิ่งที่น่าจะเป็นแง่คิดก็คือคนมันไม่สามารถสร้างด้วยเงินหรือวัตถุจำนวนมากได้  ถ้าไม่เป็นธรรมชาติมันก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาวันได้วันหนึ่งอย่างแน่นอน  วันนี้โรงเรียนเทศบาล 7 เหมือนฝีแตกครับ  การใช้งบประมาณที่ไม่เป็นธรรมชาติ  ทั้งบุคลากรและสถานที่หรืออื่น ๆ  มันก็จะเกิดปัญหาแบบนี้อย่างแน่นอนไม่วันไดก็วันหนึ่ง   ชื่อเสียงก็เป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดว่าดี เด่น  ดัง  สร้างได้ง่าย ๆ  ครับ เพียงทุ่มเงิน  งบประมาณ ก็จะได้สิ่งเหล่านี้มา  แค่มองหลาย ๆ  ด้านก็ไม่เป็นธรรมชาติแล้วครับ  สถานที่  ครูที่จ้างมาเป็นครูฝรั่งบ้าง ฟิลิปปีนบ้าง มีก็ดีใจหายก็ต้องหา แล้วหามาไม่แน่ใจว่าเป็นครูสอนภาษาจริง ๆ  หรือเปล่ารักเด็กใหม เป็นโรคจิตหรือเปล่า  มันเยอะแยะไปหมดนะ  แต่มันก็ต้องเสี่ยงเพราะเป็นเรื่องชื่อเสียง ก็ทำกันมา  5-6 ปี ดังจริงคครับ  เป็นหน้าเป็นตา  แค่สถานที่ก็อู้ฮูแล้วครับ  มาศึกษาดูงานไม่แน่ใจว่าจะได้อะไรหรือเปล่า  คงต้องรออีกนิดครับผลฤทธิระดับต่าง ๆ  ออกมาก็จะรู้เองครับ แล้วก็ต้องมีปัญหาอีกเพราะความคาดหวังของผู้ปกครองสูงมาก  ถ้าโรงเรียนสอนตามศักยภาพของเด็ก  ตามธรรมชาติของเด็กเด็กก็จะได้เรียนรู้ตามความพร้อมของเขาพัฒนาขึ้น  แต่เรียนเก่ง ไม่เก่งไม่แน่ใจเพราะการพัฒนาอาจพัฒนาจากรู้1  เป็น2  หรือบางคนฉลาดรู้ 1  เป็น 10
นี่เขาเรียกว่าความแตกต่าง  อะไรหลาย ๆ  อย่างที่พวกท่านต้องพูดคุยและถ้าเป็นลักษรณะอย่างนี้ท่านก็ต้องเตรียมตั้งรบ  ตั้งรับ  กับการประเมินผลเมื่อเด็กจะเรียนต่อในระดับสูงต่อไป  เห็นด้วยครับการร่วมประชุมหลาย ๆ  ฝ่าย เอายังก็เอากันเสีย คุยให้ชัด
ถามฝ่ายบริหารเทศบาลว่า  เงินมีใหม  เพราะต้องใช้เงินครับท่าน  ถ้าบอกว่าพร้อมจะให้เป็นแนวนี้ครู 4 หรือ 3  แต่ภาษาไม่ต้องห่วงก็คุยให้ชัด  ต้องปล่อยและให้โอกาสผู้บริหารเขาบริหารโรงเรียนไป (ทราบว่าท่านผอเป็นผู้หญิง)ดูกันเป็นไตรมาส  1 ปี  3  ปี  6ปี  แล้วถ้ามีปัญหามันก็จะเห็นเองครับ ชัด ๆ  แต่ที่ยุ่งนะเพราะทนฟังพวกที่คุยเรื่องการศึกษาแล้วใช่ความเป็นแก้งมาแสดงแนวคิด  มันก็ออกเป็นเชิงนักเลงหัวไม้นั่นเอง  แค่ความคิดอย่างนี้ก็ไม่ควรเกิดในฐานะผู้ปกครองเด็กครับ  ผู้บริหารถ้าผิดจริง บริหารไม่เป็น เขาอยู่ไม่ได้ครับ แต่ท่านบริหารมาขนาดนี้ก็น่าที่จะไว้ใจได้ เพียงแต่เราให้เวลาท่านบ้างนะครับ  เอ้าคุณสามตาผมแสดงความคิดเห็นแนวนี้พอได้นะ 

ขอบคุณครับที่ช่วยกัน  มาช่วยกันครับคนละความคิด คนละมุมมอง ในแนวทางสร้างสรรค์ เชื่อว่าสิ่งที่ดีจะเกิดขึ้นตามความคาดหวังของทุกท่านอย่างแน่นอน ขอเพียงท่านบริสุทธิ์ใจที่จะคิดและบริสุทธิ์ใจที่จะทำ  ไม่นานเกินรอครับ
IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #396 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 21:07:53 »

ให้ดีต้องมีการประชุมอีกรอบ เอาแบบไม่เป็นทางการนะครับ เอากันระหว่าง ผอ. คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา และกลุ่มผู้ปกครอง แต่งานนี้คงต้องมีผู้ปกครองบางคน คงต้องช่วย ผอ. พูดด้วยมั้งครับ ผอ. พูดคนเดียวดูท่าจะลำบากครับ แต่ผมว่าคณะกรรมการสถานศึกษาในส่วนที่เป็นผู้ปกครองด้วย ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ

ยังไม่อยากให้ประชุมรวมกลุ่มใหญ่เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รายละเอียดหรือประเด็นที่ชัดเจน จะกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างพูด ต่างคนต่างเหตุผล  ไม่จบครับ  เอาตามตามแนวทางที่ได้เสนอไป  ดีไหมครับ
IP : บันทึกการเข้า
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #397 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 21:09:57 »

ให้ดีต้องมีการประชุมอีกรอบ เอาแบบไม่เป็นทางการนะครับ เอากันระหว่าง ผอ. คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา และกลุ่มผู้ปกครอง แต่งานนี้คงต้องมีผู้ปกครองบางคน คงต้องช่วย ผอ. พูดด้วยมั้งครับ ผอ. พูดคนเดียวดูท่าจะลำบากครับ แต่ผมว่าคณะกรรมการสถานศึกษาในส่วนที่เป็นผู้ปกครองด้วย ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ

ยังไม่อยากให้ประชุมรวมกลุ่มใหญ่เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รายละเอียดหรือประเด็นที่ชัดเจน จะกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างพูด ต่างคนต่างเหตุผล  ไม่จบครับ  เอาตามตามแนวทางที่ได้เสนอไป  ดีไหมครับ

โอเคครับ เอากลุ่มเล็ก ๆ ก่อนก็ได้ครับ เอาที่ไหน เวลาใดแจ้งได้เลยนะครับ ผมพร้อมช่วยเหลือตามกำลังความสามารถครับ
IP : บันทึกการเข้า
moojangjang
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 328



« ตอบ #398 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 21:12:56 »

อ่ะนะ

ไปด้วยนะครับ

แจ้งด้วยนะครับ เดี๋ยวตามที่กระทู้ครับผม
IP : บันทึกการเข้า
tateto
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #399 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 21:18:09 »

งั้นขอกำหนด วัน ก่อนนะครับ
ไม่ทราบส่วนใหญ่ ตัวแทนผู้ปกครองแต่ละชั้น/ห้อง สะดวกวันอะไรกันครับ

จันทร์  อังคาร  พุธ  พฤหัสบดี  ศุกร์  เสาร์  อาทิตย์

อ้อ ... ผมชื่อ ตาที่สาม นะครับ ไม่ใช่ สามตา  ...  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 [20] 21 22 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!