เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 07:49:50
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  แผนภูมิราชวงศ์มังราย (ปรับปรุง 23 พ.ค. 54)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 พิมพ์
ผู้เขียน แผนภูมิราชวงศ์มังราย (ปรับปรุง 23 พ.ค. 54)  (อ่าน 101308 ครั้ง)
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #80 เมื่อ: วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011, 23:51:47 »

เรื่องของพระนางเมกุ.. ชอบอ่าน ชอบฟังเรื่องเก่าๆ   ใครจะรู้บ้างว่าสมัยพระนาง เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ยอดเจดีย์หลวง พังลงมาอย่างที่เห็น
----ผมเพิ่งสมัครสมาชิกวันนี้เอง ชอบสะสมคอมพ์เก่าๆ คิดว่าหาซื้อแถวเชียงรายน่าจะดีกว่า
-------เคยได้พบกับร่างทรง และองค์ท่านพ่อขุนเมงรายที่แถวติวานนท์ กทม. และได้ผูกพันกับครอบครับร่างทรงนี้--ท่านเห็นผม ท่านก็พูดไทย แต่ผสมคำเมืองมาว่า "ปิ๊กบ้านเฮาเต็อะ มีบ้านเช่าหลายหลังไม่จนหรอก (ท่านรู้ได้อย่างไร)"    ที่แปลกที่สุด ก็คือท่านให้ฝนดาบคมๆ แล้วเอามาถือแบบถือพู่กัน แต่ว่าท่านกำใบดาบไว้ แล้วกระแทกๆ ถ้าเป็นคนธรรมดา ก็มือต้องโดนดาบบาดเป็นแผลเหวะหวะอย่างแน่นอน  แต่มีแค่รอยขนแมวนิดหน่อย
------ผมเคยถามท่านเรื่องที่ต้องสังหารลูกชาย ท่านบอกว่า ท่านไม่มีลูกชายสักคน  มีลูกภรรยาหลวง ก็เป็นผู้หญิง ลูกภรรยาน้อย ก็เป็นผู้หญิง  (แต่ลูกคนแรก สังหารลูกอีกคนด้วยการวางยาพิษ และผมในอดีตชาติเป็นนายทหารที่ดูแลลูกสาวคนหลังของท่าน  จึงมีความผิดอย่างมาก--โดนสาปให้เป็นหมู 1 ชาติ)
---แล้วในที่บันทึกไว้ล่ะ .. ในเมื่อท่านไม่มีลูก ก็จะมูลลูกของญาติๆ คือเป็นหลาน แต่รุ่นราวคราวเดียว มาฝากให้ศึกษางานด้านการปกครอง ท่านก็รับเป็นลูกไว้ทั้งสามคน เนืองจากมีลูกเป็นหญิงไปแล้ว จะมีปัญหาด้านขึ้นครองราชบังลังก์---อันนี้ก็ไม่รู้จะไปเถียงกับนักประวัติศาสตร์ยังไง
แต่ลูกหญิงทั้งสองของท่านก็ได้มาพบกับผมในชาตินี้และสนิทสนมกันดี
-----นึกว่าเล่าให้ฟังสนุกๆก้แล้วกัน (ผมจบทางด้านวิทยาศาสตร์)  ที่ห้าแยก ท่านมักให้นายทหารรับการสักการะ ส่วนมากวิญญาณของท่านจะอยู่ที่กู่บนดอยทอง  ซึ่งผมได้นำอาหารไปถวายหลายครั้ง ก็มีหัวหมู เป็ด ไก่ เหมือนทั่วไป
---ปกติผมเขียนเรื่องลึกลับ-- จานบิน อยู่ที่บล็อกพันทิพ


IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #81 เมื่อ: วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2011, 00:11:42 »

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ และวารสารล้อล้านนาเพื่อนำบางส่วนลงบล็อกด้วยนะครับ
----คนไทยมากจากจีน ใครๆก็รู้  และเมื่อเราจะค้นว่ายุคสมัยก่อนสมัยของใคร มีอะไร ก้ไปอ่านพงศาวดารกษัตริย์แถวยูนนานได้  ซึ่งทางสถาบันของท่านพระเทพ ก็ติดต่อกับจีนอยู่ตลอด
----แต่พี่สาวที่เคยเรียนอักษรจุฬามา ได้ฟังมาว่า คนไทย น่าจะเริ่มมาจากจาก อาณาจักร ทวารวดี  ตามพรลิงค์  ไชยา อะไรแถวนั้น
---ลองนำคนจีนยูนนานมายืนเทียบกับคนไทย จะต่างกันมาก  แต่ถ้านำคนมาเลย์ อินโด บาหลี ฟิลิปปินส์มา  ท่านจะแยกไม่ออกนะครับ   ถ้าท่านไปดุที่ฐานพระธาตุนครศรีธรรมราช จะพบรูปั้น ครุฑ นาค  ตามความเชื่อทางพุทธผสมฮินดู และที่บาหลี อินโด ก็มีละครเรื่องรามเกียรติ์เช่นกัน

-----ยิ่งค้นความเชื่อโบราณ มันยิ่งน่าทึ่ง โลกเรานั้นกลวง มีอาณาจักรใต้โลก มีชาวอารยัน ออกมาปราบอินเดียจนได้ชัยชนะ  พระกฤษณะ  องค์พระพุทธเจ้า ก็สืบสายมาจากชาวอารยัน กรือแขกขาวพวกนี้ ทั้งชายหญิงมีรปร่างหน้าตาสวยงาม(ดู ชารุษ ข่าน และ อิสวาราย่า ราย เป็นตัวอย่าง)
----มนุษย์เมื่อห้าพันปีก่อน ตัวโตเท่ายักษ์  มีความรู้ทางไสยศาสตร์และมีพลังจิตสูงเท่าเทพองค์หนึ่ง--ที่เขากรุชิง-นครศรีธรรมราช-พบโครงกระดูกขนาดยักษ์ในถ้ำ คางโตเท่าฝ่ามือ มีอาวุธขนาดใหญ่เช่นกัน  --มีการเรียงหินเป็นทางน้ำ กำแพงเมือง ทุกวันนี้ก็มีร่องรอยอยู่ สัตว์ป่า-พืชจะโตมาก(พื้นฐานนี้น่าจะทำให้คุณรพีพรนำมาเขียนนิยายเพชรพระอุมา)
จากการนั่งทางในของเอ็ดการ์ เคย์ซี ก้พูดถึงมนุษย์ยักษ์เช่นกัน เช่นในสมัยของพระราม มีวิมาณ เหมือนเครืองบินลอยไปในอากาศได้--ทุกวันนี้ยังมีเอกสารการสร้าง-เป็นภาษาสันสกฤต

IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #82 เมื่อ: วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2011, 06:24:58 »

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ และวารสารล้อล้านนาเพื่อนำบางส่วนลงบล็อกด้วยนะครับ
----คนไทยมากจากจีน ใครๆก็รู้  และเมื่อเราจะค้นว่ายุคสมัยก่อนสมัยของใคร มีอะไร ก้ไปอ่านพงศาวดารกษัตริย์แถวยูนนานได้  ซึ่งทางสถาบันของท่านพระเทพ ก็ติดต่อกับจีนอยู่ตลอด
----แต่พี่สาวที่เคยเรียนอักษรจุฬามา ได้ฟังมาว่า คนไทย น่าจะเริ่มมาจากจาก อาณาจักร ทวารวดี  ตามพรลิงค์  ไชยา อะไรแถวนั้น
---ลองนำคนจีนยูนนานมายืนเทียบกับคนไทย จะต่างกันมาก  แต่ถ้านำคนมาเลย์ อินโด บาหลี ฟิลิปปินส์มา  ท่านจะแยกไม่ออกนะครับ   ถ้าท่านไปดุที่ฐานพระธาตุนครศรีธรรมราช จะพบรูปั้น ครุฑ นาค  ตามความเชื่อทางพุทธผสมฮินดู และที่บาหลี อินโด ก็มีละครเรื่องรามเกียรติ์เช่นกัน

-----ยิ่งค้นความเชื่อโบราณ มันยิ่งน่าทึ่ง โลกเรานั้นกลวง มีอาณาจักรใต้โลก มีชาวอารยัน ออกมาปราบอินเดียจนได้ชัยชนะ  พระกฤษณะ  องค์พระพุทธเจ้า ก็สืบสายมาจากชาวอารยัน กรือแขกขาวพวกนี้ ทั้งชายหญิงมีรปร่างหน้าตาสวยงาม(ดู ชารุษ ข่าน และ อิสวาราย่า ราย เป็นตัวอย่าง)
----มนุษย์เมื่อห้าพันปีก่อน ตัวโตเท่ายักษ์  มีความรู้ทางไสยศาสตร์และมีพลังจิตสูงเท่าเทพองค์หนึ่ง--ที่เขากรุชิง-นครศรีธรรมราช-พบโครงกระดูกขนาดยักษ์ในถ้ำ คางโตเท่าฝ่ามือ มีอาวุธขนาดใหญ่เช่นกัน  --มีการเรียงหินเป็นทางน้ำ กำแพงเมือง ทุกวันนี้ก็มีร่องรอยอยู่ สัตว์ป่า-พืชจะโตมาก(พื้นฐานนี้น่าจะทำให้คุณรพีพรนำมาเขียนนิยายเพชรพระอุมา)
จากการนั่งทางในของเอ็ดการ์ เคย์ซี ก้พูดถึงมนุษย์ยักษ์เช่นกัน เช่นในสมัยของพระราม มีวิมาณ เหมือนเครืองบินลอยไปในอากาศได้--ทุกวันนี้ยังมีเอกสารการสร้าง-เป็นภาษาสันสกฤต


น่าจะเป็นได้เคยเห็นปืนแก๊ป โบราณ
ที่พิพิธภัณฑสถานเชียงใหม่ เมื่อนานมาแล้ว
คนที่มีโครงสร้างใหญ่มากๆเท่านั้นจึงจะยิงได้
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
อ้ายเกียรติ แฮปปี้เชียงราย
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 234


« ตอบ #83 เมื่อ: วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2011, 17:40:28 »

ขอสอบถามหน่อยครับ  ว่า สมัยประมาณ เกือบสองร้อยปีที่แล้ว  กบฏเงี้ยวมาปล้นทางเหนือ  ผมไปอ่านประวัติที่พะเยามา  ทางอำเภอเมืองพะเยา(ตอนนั้นได้รับฐานะเป้นอำเภอเมืองพยาว) ได้ไปร้องขอทหารมาช่วยปราบกบถ(พิมผิดขออภัยครับ) ทหารเลยส่งทัพมาช่วย แต่ ร้อยโท อะไรๆ เยวเซ่นนี่แหละ ถูกลอบยิงเสียชีวิตที่บ้านแม่กา (ที่เป็นอนุสรณ์สถานให้)ข้างถนนพหลโยธินก่อนถึง มน.  แต่ทหารก็ปราบกบถจนสิ้น หัวหน้ากบถเงี้ยวได้รับการประหาร   เสื้อที่ใส่ตอนประหารยังโชว์ในตู้เลย  แบบสวยมาก....
หลังจากกบถหายไปแล้ว ชาวบ้านยังกลัว เลยไปช่วยกันขนเอาก้อนอิซจากกำแพงเมืองร้างและวัดร้างมาล้อมไว้ตามชุมชนเมืองของตน ตอนนี้ยังมีร่องรอยอยู่บ้าง  ผมอยู่ในพระตำหนักกว๊านพะเยา  ประมาณปีก่อน มีการขุดลอกบ่อ แต่เจอแนวกำแพง เลยหยุดไป จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาตรวจสอบ   แต่ก่อนบ้านพ่อตา แม่ยายผม ขุดบ่อปลาใกล้ๆที่นั่นแหละยังเจอเศษถ้วยเศษไหเก่า
อยากทราบว่าช่วงเวลานั้น เชียงรายมีสถานการ์โดนปล้นจากเงี้ยวบ้างไหมครับ เวลาไม่ค่อยนานแต่ร้อยสองร้อยปี ก็หลายอายุคนเหมือนกันครับ  อยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์บ้านเรา แต่ไม่มีที่ไหนเปิดเลย  ผมเรียนอยู่วิทยาลัยเชียงราย  อย่าให้พูดถึงสถาบันนี้เลยครับ อิอิ  ใครสงสัย pm มาละกัน 


ร้อยเอก เอช. มาร์ก เยนเซ่น ชาวเดนมาร์ก เดินทางเข้ามาเป็นครูฝึกตำรวจที่เมืองแพร่
ถูกเงี้ยวลอบสังหารที่เมืองพะเยา ในช่วงเหตุการณ์กบฏเงี้ยวเมืองแพร่ พ.ศ.2445 (ร้อยกว่าปีก่อน)
ในเหตุการณ์นี้ เจ้านายบุตรหลายเมืองแพร่บางส่วนให้การสนับสนุนกบฏ
เนื่องจากไม่พอใจนโยบายลิดรอนอำนาจของสยาม ทำให้ผู้ปกครองชาวล้านนาสูญเสียผลประโยชน์
เมื่อกองทัพจากมณฑลนครสวรรค์และมณฑลพิษณุโลกยกขึ้นมาปราบปรามกบฏเงี้ยว
เจ้านายเมืองแพร่คนสำคัญ เช่น เจ้าพิริยะเทพวงศ์ เจ้าหลวงเมืองแพร่ ได้ลี้ภัยไปอยู่หลวงพระบาง
ทำให้ไม่มีนามสกุล "ณ แพร่" มาจนถึงปัจจุบัน
(ไม่นานมานี้ มีคนเขียนประวัติศาสตร์แก้ อ้างว่าเจ้าหลวงแพร่ ไม่ได้ช่วยเหลือกบฏ
เท็จจริงอย่างไร ลองเซิร์จได้ใน google)

กบฏเงี้ยวเมืองแพร่ในปี พ.ศ.2445 แล้ว กองกำลังเงี้ยว (มีคนล้านนาร่วมด้วย)
ได้บุกปล้นเมืองแพร่ สังหารชาวสยามไป 20 กว่าคน แต่จะไม่สังหารคนล้านนา
นอกจากนั้นยังบุกเมืองลำปาง รวมทั้งเมืองพะเยา อีกด้วย
แต่สุดท้ายก็โดนกองทัพจากสยามยกขึ้นมาปราบ

นอกจาก กบฏเงี้ยวเมืองแพร่แล้ว
พ.ศ.2448 ก็มีกบฏเงี้ยวเกิดขึ้นที่ เชียงแสน แม่จัน เชียงราย ด้วยนะ
ที่แม่จัน ที่ว่าการอำเภอกับสถานีตำรวจโดนเผา
ที่เชียงราย เงี้ยวในเวียงให้ความช่วยเหลือพวกกบฏ
เงี้ยวในเวียงที่ว่าคงเป็นชาวบ้านแถวๆสันป่าก่อ และแถบวัดมิ่งเมือง (วัดเงี้ยว)

ถ้าอยากรู้ประวัติศาสตร์ล้านนาก็ไปหาหนังสืออ่านได้ครับ สมัยนี้มีเยอะแยะ เลือกเล่มดีๆหน่อยละกัน
ในอินเทอร์เน๊ตก็มีข้อมูลเยอะแยะ ลองหาอ่านดูครับ


เพิ่มเติมนิดหน่อย คำว่า กบฎ ในสมัยก่อนนั้นไม่ใช่ว่า คนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี หรือ เป็นคนร้ายนะครับ

อยากเพิ่มเติม เผื่อเพื่อนสมาชิกมาอ่านจะได้เข้าใจ....... แค่คนกลุ่มหนึ่งที่ ที่ไม่พอใจกับการทำงานของ

ไทยสยามที่มาปกครองเรา (หรืออาจมากดขี่เอารัดเอาเปรียบเรา )ท่านเหล่านั้นจึงรวมตัวกันต่อต้าน

จึงถูกเรียกว่า กบฎ  ความจริงแล้วเราลูกหลานล้านนาควรค่าที่จะสดุดีในวีรชน ของ กบฎ ที่เขาเรียกกัน

(กบฎ ถูกเรียกโดย ไทยสยาม คนเมืองเรียกว่า วีรบุรษ ครับ ) ผมคนหนึ่งที่ยังจำเหตุการที่เจ้าหน้าที่

ตำรวจ สมัยนั้น นอกเครื่องแบบทั้งนั้น ชอบมาตามล่า คนกลุ่มนี้ ตามหมู่บ้าน ก่อนอื่นต้องบอกก่อน

หมู่บ้านผมอยู่เชียงราย อำเภอ พาน เรามีกลุ่มคนที่ต่อต้าน ไทยสยาม จำนวนมาก ผู้นำครอบครัวแทบ

ทุกบ้านไปไหนต้อง พกอาวุธปืนตลอด น่ามีคนจำกันได้บ้าง มันไม่นานเลย ไม่ถึงร้อยปี  แต่สมัยนี้ไม่มี

แล้วเพราะ รวมประเทศเป็น ไทย  แค่นี้ครับ.......เล่าสู่กันฟัง.....แด่วีรบุรุษ ล้านนา
IP : บันทึกการเข้า

รถตู้เช่าเชียงราย สยามล้า่นนา (Siam Lanna)  เชิญติดต่อ สอบถาม รายละเอียด  คุณ ถกลเกียรติ  Tel. 084-387-6846,089-261-6891 ตลอด 24 ชั่วโมง
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #84 เมื่อ: วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2011, 22:33:21 »

---คุณ IMO พูดถูกแล้วครับ  ดังเรื่องของมะเมียะ ... แม้แต่เธอเป็นแม่ชีแล้ว ก็ยังมาหาคนรัก แต่คนรักของเธอ เจ้าชายองค์นั้นกลับหลอกให้รอ หรือแสดงอาการไม่มีเยื่อใย
ที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะท่านพ่อของท่านถูกจับตาว่า จะเข้าข้างทางพม่า  จึงต้องตัดสวาทจากมะเมียะ   ชาวเชียงใหม่-เชียงรายทั้งเคยร่วมกับกรุงศรีขับไล่พม่า และรบกับทางกรุงศรีเสียเอง  ซึ่งแล้วแต่นโยบายทางเบื้องบนจะสั่งมา
ทั้งอักษร ความเชื่อวัฒณธรรมของชาวเหนือราวจะเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่นานมาก
จนตระกูลสิโรรสได้นำมาให้ทางแขกเมือง-ฑูต-เจ้านายภาคกลางได้ดู จนกลายเป็นที่ยอมรับ
(ช่วงก่อน มีชาวอาข่าออกมาต่อต้านเรื่องลานสาวกอด ซึ่งเป็นความฝังใจแบบผิดๆมา 60ปีแล้ว
ความจริงเป็นแคลานแสดงรื่นเริง ร้องเพลงเต้นรำกัน การท่องเที่ยว(ทัวร์)ก็โปรโมทเรื่องนี้ผิดๆ
้เพราะเป็นแนวที่หากิน  ปัจจุบันแม้แต่ชาวอาข่าก็ละทิ้งความเชื่อทางหมอผี มาถือคริสต์ มีทีวี ดีดวีดี ตู้เย็น ไม่ต้องไปนั่งร้องเพลงเป็นวง ความสัมพันธ์ ความสามัคคี ประเพณีก็หายไป
เคยพบกับแม่หมอผี เขาสามรถทายอดีตคนได้ และมีการดูเดือนปีจากดวงดาว-โหราศาสตร์  ต่อไปนี้ก็จะหายไปหมดแล้ว
(เหมือนจะได้ยินว่า พ่อขุนเมงราย มีเชื้อสายทางไทยใหญ่ แต่ท่านก็มาสร้างหลักให้อาณาจักรของไทยเรา)
---------ร้อยเอก เอช. มาร์ก เยนเซ่น ชาวเดนมาร์ก เดินทางเข้ามาเป็นครูฝึกตำรวจที่เมืองแพร่
--ท่านนี้และที่ถูกยิงตาย และมีโกศเจดีย์อยู่ที่วัดแห่งหนึ่งชานเมืองพะเยา
------ต่อเรื่องจากโครงกระดูกยักษ์์นะครับ  เรื่องมีคนสามคน เข้าไปในป่ากรุงชิง ซึ่งเราจะรู้สึก
ว่าเหมือนบ้าน อบอุ่นดี เสือจะไม่กินเรา แค่กินกบตัวนึงก็อิ่ม เพราะกบภูเขาตัวเท่าเด็กสามขวบ
ใบบอนขนาดเท่าร่มชายหาด มีเฟรินยักษ์( มหาสะดำ) ยิ่งดูลึกลับ พายุมหาภัยถล่มแหลมแหลมตะลุมพุก ทำให้ต้นไม้สามคนโอบขึ้นไปล้มลงมาก แต่ก็พอมีอยู่
เรื่องเหล่านี้ ท่าขุนพันธุ์(เจ้าตำรับจตุคาม)ท่านได้ทูลเล่ากับองค์ในหลวงเรา เรื่องลึกลับเหล่านี้ ที่เขากรุงชิง นครศรีธรรมราช  พระองค์ท่านสนใจมาก ท่านก็ถามขุนพันธ์ว่า
"รู้ไหมว่า กุหลาบที่ภูพิค์ โตเท่าจานข้าวนี่"
ท่านขุนพันธ์ตอบว่า " ถ้านำไปปลูกที่กรุงชิง จะโตกว่าเก่า อย่างน้อยสองเท่าพะย่ะค่ะ"
ในหลวงท่านได้ฟัง ท่สานก็รวบช้อนส้อม หยุดเสวยทันทีและสอบถามเรื่องนี้ตลอด
(เรือ่งนี้มีส่วนจริงมาก เพราะได้ลง ศิลปวัฒณธรรม แต่นานแล้วครับ)
--ขุนพันธุรักษ์ราชเดช ได้เล่าว่า พยายามไม่ให้นักศึกษษและพวกคอมมิวนิสต์เข้าไปที่กรุงชิง เพราะมีเขาล้อมรอบ และอุดมสมบูรณ์ ทำนาน ปลูกพืชได้ผลผลิตดี และก็เป็นจริง พวกนักศึกษาไม่ยอมออกป่ามาง่ายๆเลย  (แต่ที่ผมไปดูมา ไม่ได้สัมผัสกับวิญญาณเป็นร้อยๆ ของ นศ.เลยครับ  มีแต่หลับตาเห็นหญิงแก่คนหนึ่ง เหาะมาจากในป่า มานั่งใกล้ๆ ตัวใสเหมือนแก้ว   ตอนนั้นผมบวชอยู่ แต่ก็กลัวนิดๆ)
-----ในบางส่วนของป่า คนตั้งเต๊นท์ข้างห้วย กลางคืน มีเสียงตัวะไรตกน้ำโครม แล้วมันวิ่งใต้น้ำ จนน้ำบานล้นฝั่งขึ้นมา  มีบางส่วนมีเต่าใหญ่ ซึ่งขี้เหม็นไปทั้งป่า ตัวที่ใหญ่นั่งหลังมันเจ็ดคน เต่าก็พาเดินไปได้  บานยอดเขา มีรูลงไปในหิน เขาว่าเป็็นรูพญานาค
--มีคนไปเจอโครงกระดูกในถ้า ขนาดใหญ่มาก และมีดาบ หอก ขนาดใหญ่ มีครกบดยา ซึ่งเป็นหิน หนักมาก มีจารึกเป็นภาษามคธ  คนก็เอาขึ้นหลังช้างมา ช้างเอียงตัว ครกก็ตกลงไปในเหวสูญหายไป
---มีชายสามคน เข้าไปหาของป่า หลงทางจนหมดแรง ไปเจอต้นหลุมพอ(เทพทาโร) ใหญ่โตมากแต่มีหมีอยู่บนทุกๆกิ่ง จนมันแทบจะหัก  พอตล้อยหลังก็หันไปดู ปรากฏว่า ไม่มีหมีสักตัว (กรุณอย่าผวนคำอะไรที่เกี่ยวกับหมี)   สามคนนั้นไปถึงทุ่งหญ้า  มีต้นไม้ใหญ่อยู่ ลูกเล็กๆ สีเหลือง รสจืดๆหวานเล็กน้อย  สองคนก็ไม่กล้ากิน อีกคนหนึ่งบอกว่ากำลังจะตาย ขอกินหน่อยพอกินเข้าไปก็มีแรง  หาทางออกมาจากป่าได้  พอกลับมาหมู่บ้าน สองคนนั้นก็เป็นไข้ป่าตาย  แต่คนที่กินผลไม้นั้น กลับเป็นคนที่อายุยืนมากๆ---เมื่อกลับไปหาไม้ต้นนั้น ก็ไม่มีใครหาพบเลย
(อาจจะอยู่มิติลับแล---เมืองลับแล--เถาวัลย์หลง จะเกี่ยวพันกัน มีแต่พระที่เก่งๆ ชาวลับแลจะเปิดให้เข้าไป --ในประวัติท่านอาจาร์มั่นก็มีครับเรื่องชาวลับแล)
----ได้ไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดช่องลม  ชลบุรี ท่านเล่าว่า ไปสอบที่วัดเขาสุกิม อจ.ไม่ให้ลงเขามา
(ตอนนั้นท่านสมชายก็เป็นพระธรรมดา)  พอตีสอง พระทุกรูปก็ใด้เห็นแสงสว่าง แล้วปรากฏเทวดาแหวกฟ้าลงมา  มีนางฟ้าบริวารถือของถวายตามมาเป็นแถวๆ แต่ให้เห็นเพียงสองนาทีก็หายไป  ท่านเองก็มีรูปของท่านให้ดู เวลาไปที่ไหน จะมีดวงแสงติดในรูป บางทีสว่างมากตอนกลางวันด้วย--เรื่องแปลกๆมีให้เห็นทั่วไทยครับ อย่างรอยพญานาค โผล่ที่ชลบุรีก็มี พี่สาวอยู่บ้านจัดสรรริมทะเล บางวันก็มีรอยงูใหญ่กลางถนนเลย ฬหญ่มากขนาดพญานาตนะแหละ รอยที่เหมือนรอยเท้าครุฑก็มี   มีแม้กระทั่งรอยเท้ามนุษย์ต่างดาว
(ทีเมืองรอสเวลมีพิพิธ๓ัณจานบิน  แม่จันเราก็น่าทำ  ได้ข้่าวว่า คนที่พูดเรื่องนี้ตามืดบอดไปทุกคน--ใครรู้บ้างครับ)
------ตามความเห้นของผม  โลกเหมือนร่างกายรูปแบบหนึ่ง พลังชีวิต หรือ ชี่-chi ที่โพล่พุ่งขึ้นมา จะเป็นพลังที่กระตุ้นให้พืชและสัตว์ใหญ่โตกว่าปกติ จุดที่มีพลังมาก เรียกว่า โหนด เส้นพลังงานเรียกว่า กริด ครับ  ปัจจุบัน ฝรั่งมีกล้องที่ถ่ายพลังชีวิตได้
และการแพทย์ทางเลือกแบบจีน อินเดีย ก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะเขาเปิดสอนแล้วที่อเมริกา  บางคนอ้างว่าใช้สมุนไพรรักษาเอดส์ได้(ความจริงต้องรักษาด้วยสนามไฟฟ้า-เพราะเอดส์เป็นเชื้อที่คนเราสร้างขึ้นมา(อันนี้ความเชื่อส่วนตัว))  สงสัยต้องเปิดกระทู้ลี้ลับอีกละก๊า
---รายละเอียด--ข้อมูลเขากรุงชิง
http://www.prapayneethai.com/th/tourist_attraction/south/view.asp?id=0810
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
pxx30
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #85 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2011, 15:13:50 »

มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
hananyong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #86 เมื่อ: วันที่ 21 มีนาคม 2011, 15:48:19 »

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #87 เมื่อ: วันที่ 10 เมษายน 2011, 00:03:53 »

เห็นพูดถึงกบฏเงี๊ยว อ่านครับ

ชายชราวัย 78 ปี ผู้คงบุคลิกกระฉับกระเฉง และมีความทรงจำแจ่มชัด นั่งอยู่เบื้องหน้าคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งแกเชื่อเหลือเกินว่าคนเหล่านี้ ถูกเลือก ให้เป็นผู้เปิดเผยความลับสำคัญของตระกูล และเป็นความลับสำคัญของแผ่นดิน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เป็นความลับที่ คุณลุงรัตน์ วังซ้าย ทายาทคนสุดท้องในบรรดา 12 คนของเจ้าน้อยหมวก (บุตรของเจ้าวังซ้าย) และเจ้าแสงแก้ว เก็บงำมาตลอดเพราะหวั่นอาถรรพณ์น้ำสาบานที่พระมหากษัตริย์รับสั่งให้ผู้รู้ความดื่มร่วมกัน

สยามประเทศยุคนั้นมีผู้ร่วมดื่มน้ำสาบานและรู้ความลับนี้เพียง 8 คน

ยังสัญญาใจที่มารดากำชับไม่ให้บอกใคร จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม แม้แกไม่ใช่ผู้ร่วมดื่มน้ำสาบานโดยตรง แต่อาถรรพณ์ที่เกิดกับบุพการีเป็นประจักษ์ อย่างไรก็ตามในวัยขนาดนี้แกไม่กลัวความตายอีกแล้ว
เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เป็นวีรบุรุษที่ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ
ชายชราชาวแพร่ตัดสินใจเผยความลับนั้น ก่อนที่สังขารจะพรากความทรงจำและชีวิตเขาไป
IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #88 เมื่อ: วันที่ 10 เมษายน 2011, 00:05:49 »

เห็นพูดถึงกบฏเงี๊ยว อ่านต่อครับ

คำบอกของลุงรัตน์ วังซ้าย

"ท่านเป็นคนทันสมัย ท่านอยากพัฒนาเมืองแพร่ให้เจริญ ตอนแรกท่านไม่รู้หนังสือภาษาไทย เขียนได้แต่ภาษาพื้นเมือง แต่ท่านคุ้นเคยใกล้ชิดกับสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ท่านก็พาเจ้าหลวงไปเรียนภาษาไทยที่พระนคร เรียนรู้ระบบการปกครองแบบใหม่จนท่านเห็นดีงาม สมัยนั้นรัชกาลที่ 5 เริ่มเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบเทศาภิบาล เลิกระบบเจ้าหลวง มีแต่ข้าหลวงไปทำงาน เจ้าหลวงท่านเต็มใจทำตามรับสั่งนี้ ยอมสละยศ ตำแหน่งทุกอย่างเพื่อความเจริญของบ้านเมือง"

"เรื่องกบฏเงี้ยวเกิดเพราะอังกฤษกับฝรั่งเศสต้องการเฉือนแผ่นดินสยาม อังกฤษเฉือนภาคใต้กับอีสาน แล้วสมคบจะมาเอาทางเหนือจากเชียงรายไปสุดเขตแดนพม่า ภาคอีสานก็ข้ามโขงมาสมคบตั้งกองบัญชาการที่หลวงพระบาง สองชาตินี้หาเรื่อง ใช้วิธีหมาป่ากับลูกแกะ"

"หลังเจ้าหลวงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัชกาลที่ 5 ก็ส่งเจ้าหน้าที่จากบางกอก คือพระยาไชยบูรณ์ ในนามข้าหลวงประจำจังหวัดมาฝึกงานให้ แล้วในปีหนึ่งๆ จะมีการตรวจเงินแผ่นดิน วันหนึ่งปรากฏว่าเขาเปิดประตูเซฟบนศาลากลางจังหวัดปรากฏว่าเงินขาดไป 55,000 บาท คนตรวจก็สั่งอายัดตัวเจ้าหลวงไปขัง เป็นเหตุให้อังกฤษเห็นเป็นช่องทางจะมาบังคับเรา ตอนหลังลูกหลานก็หาเงินมาใช้ให้ เจ้าหลวงจึงถูกปล่อยตัว คนแพร่โกรธกันมากเพราะเป็นการลงโทษโดยไม่ฟังความใดๆ"

"อังกฤษเอาปมนี้เป็นเหตุทำให้คนแตกสามัคคี เพราะคนเมืองแพร่ทั้งหมดเกลียดคนกรุงเทพฯ อังกฤษส่งเงี้ยวชื่อพะกาหม่องมาเกลี้ยกล่อมเจ้าหลวงว่าท่านโดนรังแก อังกฤษจะช่วยยึดแผ่นดินคืนให้ จะให้เงี้ยวมาก่อการกบฏ สมัยนั้นเงี้ยวอยู่ในความปกครองของอังกฤษ เพราะเป็นลูกจ้างทำไม้ให้ มีการตกลงกันว่าจะไม่ให้เจ้าหลวงเดือดร้อน เสบียง อาวุธจะหามาเองทั้งหมด แผนของอังกฤษคือจะให้เราฆ่าเงี้ยวแล้วเรียกค่าเสียหาย"


IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #89 เมื่อ: วันที่ 10 เมษายน 2011, 00:08:23 »

อ่านต่อครับ

"แต่เจ้าหลวงรายงานให้รัชกาลที่ 5 ทรงทราบ ท่านก็เรียกเจ้าหลวงไปพบ แล้วท่านก็สั่งเจ้าหลวงให้ยอมรับเงื่อนไขของอังกฤษ เป็นแผนซ้อนแผน บอกให้เจ้าหลวงยอมเป็นกบฏ เพื่อที่จะเป็นข้ออ้างปราบเงี้ยว เพราะถ้าไม่ยอมรับเป็นกบฏก็ไม่มีเหตุปราบ"

"พอตกลงกันดีแล้ว เจ้าหลวงกลับมาบอกอังกฤษขอเวลาสามเดือน อ้างว่าจะต้องตรวจสอบกำลัง ที่จริงก็เพื่อในหลวงจะได้เตรียมจัดกำลังสำรอง"

"ข้อตกลงร่วมกันในการก่อกบฏ อังกฤษมีข้อแม้ว่าจะไม่ทำอันตรายชีวิตและทรัพย์สินของคนเมือง จะทำเฉพาะคนไทยจากเมืองใต้ เจ้าหลวงเสนอกลับไปว่าตกลง แต่เพิ่มอีกข้อว่าห้ามฆ่าผู้หญิงกับเด็กไทยที่มาฝึกงาน ห้ามฆ่าตำรวจ ก่อนเงี้ยวปล้น คืนนั้นไม่ได้นอนกันทั้งคืน เพราะเตรียมรับมือ เจ้าหลวงก็วางแผนจัดกำลังไปซ่อนในป่า แล้วรัชกาลที่ 5 ท่านบอกให้จัดคนที่ไว้ใจได้ประมาณ 5-6 คนมาร่วมงาน ให้ปิดเป็นความลับ หากความลับรั่วไหล เหตุจะอ้างว่าปราบเงี้ยวเพราะเป็นกบฏจะไม่เป็นผล"

"เจ้าหลวงท่านรับเป็นกบฏ แต่รัชกาลที่ 5 ไม่ค่อยไว้ใจ ท่านให้เจ้าหลวงดื่มน้ำสาบานว่าไม่คิดคดทรยศ และให้นำน้ำสาบานนี้ติดตัวมาเมืองแพร่ด้วย ให้ทุกคนที่รู้เรื่องร่วมดื่ม แล้วกำชับว่าถ้าหากคนเหล่านี้ถูกจับไปข่มขู่ถึงตายก็ให้ยอมตาย ถ้าไม่ทำตามนี้หรือไปบอกใครขอให้ตายด้วยคมหอกคมดาบคมเขี้ยวคมงา"

"เจ้าหลวงรับคำมาปรึกษากับเจ้าราชบุตร หรือบุตรเขยของท่าน ตกลงกันว่าจะเอาเจ้าวังซ้ายมาร่วมงานด้วย เรียกเจ้าวังซ้ายมาบอกว่าถ้าจะร่วมงานต้องกินน้ำสาบาน ถึงตอนนี้มีคนรู้แผนนี้ 6 คน ที่กรุงเทพฯ มี 3 คน คือ รัชกาลที่ 5 กรมดำรงราชานุภาพ และกรมหมื่นพิชิตปรีชากร ที่แพร่มี 3 คน คือ เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าราชบุตร ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดช เจ้าเมืองน่าน และเจ้าวังซ้าย

"อังกฤษบอกให้เจ้าหลวงอยู่เฉยๆ ไม่เอาอาวุธด้วย แต่ขอกำลังคนเมืองแพร่ เจ้าหลวงเลยหารือว่าให้เอาชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธไปซ่อนในป่า ป้องกันไม่ให้เงี้ยวมาขอกำลังเสริม ท่านก็หารือกันว่าต้องมีคนคุมกำลังในป่า เจ้าวังซ้ายเสนอชื่อไปว่ามีสองคนคือไม่ลูกก็เมีย ในที่สุดท่านเลือกลูก คือเจ้าน้อยหมวกมาคุมกำลังรบ เจ้าน้อยหมวกนี้คือพ่อของผมเอง ท่านก็เรียกเจ้าน้อยหมวกไปดื่มน้ำสาบาน"

"เจ้าน้อยหมวกคิดเรื่องคนดูแลเสบียง เลยเลือกเมียคือเจ้าแสงแก้ว ก็กลับมาบอกสามคนแรกว่าได้ปรึกษาเมียแล้ว เขายอม ทางนี้จะยอมไหม เลยเรียกเจ้าแสงแก้วมาดื่มน้ำสาบานอีกที ตอนนี้มีคนรู้ความลับทั้งหมด 8 คน"

"แต่การบอกเมียถือเป็นการเปิดเผยความลับแม้จะไม่ตั้งใจ พ่อผมเลยโดนอาถรรพณ์เป็นคนแรก คือพอแม่คลอดผมได้เพียง 8 เดือนพ่อก็ถูกช้างเหยียบตาย ทั้งที่พ่อเป็นผู้เชี่ยวชาญการจับช้างตกมัน พ่อยังบอกว่ากลัวควายมากกว่าช้าง"

"เจ้าแสงแก้วรวบรวมลูกเมียข้าราชการไทยมาไว้ที่คุ้มของเจ้าวังซ้าย ซ่อนไว้บนเพดาน คืนนั้นก็เกณฑ์คนกับอาวุธมาเก็บไว้ในคุ้ม ป้องกันไม่ให้ทั้งสู้เงี้ยวและสู้ไทย ประมาณตีสองตีสาม เจ้าแสงแก้วจัดคนไปบ้านข้าราชการไทย เอาผู้หญิงที่เคยรับใช้บ้านข้าราชการมาเพื่อให้คนไทยเมืองใต้ไว้ใจ แต่มีจำนวนหนึ่งไม่มาเพราะพวกนี้ไม่ค่อยชอบเจ้าหลวง พวกที่มาก็เป็นห่วงสามียอมตายด้วยกัน"

"พอเงี้ยวปล้นโรงพัก ปล้นไปรษณีย์ ยึดศาลากลางจังหวัด ก็ยึดได้สบายเพราะไม่มีการต่อต้าน พวกเงี้ยวออกสำรวจทุกบ้านว่ามีคนไทยเท่าไร จะจับมาฆ่าให้หมด"

"จนไปถึงบ้านเจ้าวังซ้าย ซึ่งเจ้าแสงแก้วกำลังทำกับข้าวให้คนไทยที่หลบซ่อนตัวอยู่ มันก็ถามว่าทำให้ใครกินมากมาย แม่ผมบอกว่าตอนแรกก็ตกใจ แต่ทำใจดีสู้เสือเพราะมันจะขอค้นว่ามีคนไทยไหม แม่บอกค้นไม่ได้ เจ้าหลวงกับเจ้าวังซ้ายสั่งห้ามค้น แล้วแม่ก็พูดไปว่าทำอาหารให้พวกสูกินนั่นล่ะ เจ้าหลวงให้ทำ ถ้าพวกสูเสร็จธุระให้ไปรอที่ศาลากลางเดี๋ยวเอาไปให้ แล้วแม่ก็เรียกกำลังออกมา แกล้งพูดว่าจะเลี้ยงอาหารแล้วมันยังมาข่มขู่ ถ้าจะค้นบ้านก็ให้จัดการสู้กัน เงี้ยวฟังแล้วจึงยอมไป เจ้าแสงแก้วรีบส่งคนไปบอกเจ้าหลวง ท่านบอกให้ทำอาหารเพิ่มแล้วเอาไปเลี้ยงมันอย่างที่บอก"

"ในเอกสารจดหมายเหตุที่ว่ามีการส่งเสบียงให้พวกเงี้ยว สาเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างนี้"

"ปรากฏว่าพวกเงี้ยวฆ่าผู้หญิงกับเด็กคนไทยที่ไม่ได้มาอยู่กับเรา เจ้าหลวงโกรธมาก เรียกหัวหน้าเงี้ยวมาคุย ชื่อพะกาหม่อง มาบอกว่าผิดสัญญา ท่านก็มีกำลังอยู่นะ พะกาหม่องขอโทษขอโพย พอรู้ว่าเจ้าหลวงพูดว่ามีกำลังก็เริ่มกลัว มันเลยเรียกเจ้าหลวง กับเจ้าวังซ้ายไปทำสัญญาร่วมรบกัน บอกเจ้าหลวงว่าถ้าเราทำตามที่ตกลงก็จะไม่มีอะไร แต่ถ้าเจ้าหลวงเอากำลังมาสู้เมื่อไร เงี้ยวจะเอาสัญญานี้ไปแฉให้รัชกาลที่ 5 ทรงทราบ ซึ่งเจ้าหลวงได้บอกกับรัชกาลที่ 5 ว่าเงี้ยวบังคับทำ จำเป็นต้องทำ รัชกาลที่ 5 ก็รู้"

"หลายวันต่อมากรุงเทพฯ ส่งกำลังมาปราบกบฏ โดยที่ได้เตรียมกำลังแถวอุตรดิตถ์ พิษณุโลกไว้แล้ว จึงปราบได้ภายใน 3-4 วัน"

"รัชกาลที่ 5 เอาประกาศนียบัตรกบฏของเจ้าหลวงไปอ้างกับอังกฤษ ตามกฎแล้วผู้เป็นกบฏต้องถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร แต่มีการช่วยเหลือทางลับ คือรัชกาลที่ 5 สั่งแม่ทัพว่าห้ามตั้งข้อหากับเจ้าหลวงและลูกหลานว่าเป็นกบฏแต่ไม่บอกเหตุผล ท่านยังกำชับว่าการพิจารณาโทษกบฏต้องส่งเรื่องให้ท่านสั่งการเอง แล้วท่านยังให้นำลูกหลานของเจ้าหลวงไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ในบรรดานี้มีคนสกุลศรุตานนท์ด้วย"

"ในสัญญาที่อังกฤษทำกับเจ้าหลวงระบุว่าถ้าทำการกบฏไม่สำเร็จจะพาเจ้าหลวงหนีไปที่กองบัญชาการใหญ่ของเงี้ยวที่หลวงพระบางเมืองลาว ถ้าเจ้าหลวงไม่ยอมเป็นกบฏก็คงได้ตำแหน่งนายพลเพราะว่าตอนหลังเจ้าหลวงทางตอนเหนือได้เป็นนายพลกันหมดทุกคน"

"รัชกาลที่ 5 ตอบแทนเจ้าหลวงในทางลับ นอกจากนี้ท่านยังเลี่ยงอาญาให้คนคุมตัวเจ้าหลวงไปส่งนอกประเทศ คือหลวงพระบาง ซึ่งนี่ก็เป็นแผนอีกข้อหนึ่ง รัชกาลที่ 5 ต้องการให้เจ้าราชบุตรผูกสัมพันธ์กับเงี้ยว เพื่อเป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างเจ้าหลวงกับรัชกาลที่ 5 ท่านให้เจ้าราชบุตรเอาเงินเดือนไปจ่ายให้เจ้าหลวงทุกเดือน แต่เป็นในนามว่าเจ้าราชบุตรเอาเงินไปให้พ่อตาใช้"

"อยู่ทางโน้นเจ้าหลวงก็ทำบันทึกใส่สมองเจ้าราชบุตรกลับมารายงานรัชกาลที่ 5 เพราะรัชกาลที่ 5 กำชับว่าอย่าบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เจ้าหลวงคอยรายงานแผนการของเงี้ยวที่จะพยายามไปเกลี้ยกล่อมเจ้าหลวงล้านนาอื่นๆ พอรู้ข่าวก่อนว่าจะไปจังหวัดไหนก็เตรียมการรับทัน ทำให้ไม่มีเหตุการณ์เงี้ยวกบฏได้สำเร็จ และเจ้าหลวงจังหวัดอื่นๆ ก็ได้เป็นนายพล"



IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #90 เมื่อ: วันที่ 10 เมษายน 2011, 00:11:49 »



ลุงรัตน์ วังซ้าย เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2468 หลังเหตุการณ์ปราบกบฏเงี้ยว 23 ปี ครั้นอายุประมาณ 30 ปีเศษ เจ้าแสงแก้วผู้มารดาได้บอกความลับนี้แก่บุตรชาย

"ตอนนั้นแม่อายุ 77 ย่าง 78 ปี แม่บอกว่าอย่าบอกใครเพราะกลัวจะโดนอาถรรพณ์เหมือนพ่อ แม่เล่าให้ผมฟังคนเดียว แม่กลัวเรื่องนี้จะตายไปกับตัวแม่ แม่บอกได้ไม่นานก็เป็นความดันสูง พอรักษาตัวก็พบว่าเป็นมะเร็งปอด แม่ทรมานอยู่ปีกว่าๆ ก็จากไป"

น่าประหลาดใจว่าลุงรัตน์ตัดสินใจเปิดเผยความลับในขณะที่อายุ 77 ย่าง 78 ปี เท่ากับอายุของมารดาเมื่อครั้งบอกเรื่องนี้

ข้อเท็จจริงด้านหนึ่งจากคนในท้องถิ่นโดยปราศจากหลักฐานบันทึก อาจเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อถือสำหรับนักประวัติศาสตร์กระแสหลัก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ กรณีนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการเขียนประวัติศาสตร์นิพนธ์ในอนาคต

นั่นคือถึงเวลาแล้วที่ต้องคืนประวัติศาสตร์ให้คนท้องถิ่น

อุทิศถวายแด่เจ้าหลวงองค์หนึ่งผู้นามว่า เจ้าพิริยะเทพวงศ์ ที่ต้องซัดเซพเนจร ไปอยู่ถึงประเทศลาว แม้อัฐิเพียงชิ้น เดียวก็ยังไม่เหลือให้ชาวแพร่ได้ระลึก
หากต้องทำเพื่อชาติแม้ต้องถูกประวัติศาสตร์จารึกชื่อในฐานะคนชั่วก็ขอรับเอาใว้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

เราคนรุ่นหลังน้อมคารวะผู้ยอมสละทุกอย่างเพื่อแผ่นดิน


http://atcloud.com/stories/21601
IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #91 เมื่อ: วันที่ 16 เมษายน 2011, 08:52:18 »



ลุงรัตน์ วังซ้าย เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2468 หลังเหตุการณ์ปราบกบฏเงี้ยว 23 ปี ครั้นอายุประมาณ 30 ปีเศษ เจ้าแสงแก้วผู้มารดาได้บอกความลับนี้แก่บุตรชาย

"ตอนนั้นแม่อายุ 77 ย่าง 78 ปี แม่บอกว่าอย่าบอกใครเพราะกลัวจะโดนอาถรรพณ์เหมือนพ่อ แม่เล่าให้ผมฟังคนเดียว แม่กลัวเรื่องนี้จะตายไปกับตัวแม่ แม่บอกได้ไม่นานก็เป็นความดันสูง พอรักษาตัวก็พบว่าเป็นมะเร็งปอด แม่ทรมานอยู่ปีกว่าๆ ก็จากไป"

น่าประหลาดใจว่าลุงรัตน์ตัดสินใจเปิดเผยความลับในขณะที่อายุ 77 ย่าง 78 ปี เท่ากับอายุของมารดาเมื่อครั้งบอกเรื่องนี้

ข้อเท็จจริงด้านหนึ่งจากคนในท้องถิ่นโดยปราศจากหลักฐานบันทึก อาจเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อถือสำหรับนักประวัติศาสตร์กระแสหลัก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ กรณีนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการเขียนประวัติศาสตร์นิพนธ์ในอนาคต

นั่นคือถึงเวลาแล้วที่ต้องคืนประวัติศาสตร์ให้คนท้องถิ่น

อุทิศถวายแด่เจ้าหลวงองค์หนึ่งผู้นามว่า เจ้าพิริยะเทพวงศ์ ที่ต้องซัดเซพเนจร ไปอยู่ถึงประเทศลาว แม้อัฐิเพียงชิ้น เดียวก็ยังไม่เหลือให้ชาวแพร่ได้ระลึก
หากต้องทำเพื่อชาติแม้ต้องถูกประวัติศาสตร์จารึกชื่อในฐานะคนชั่วก็ขอรับเอาใว้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

เราคนรุ่นหลังน้อมคารวะผู้ยอมสละทุกอย่างเพื่อแผ่นดิน


http://atcloud.com/stories/21601

รออ่านเรื่องราวต่อไปครับท่าน khao e to
ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แมงคอลั่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,451



« ตอบ #92 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2011, 22:45:13 »

เอ้อ เฮาจะมีความเกี่ยวข้องอันใดกับกษัติย์ล้านนาก่อนี้ เพราะนามสกุลดันไปพ้องกับชื่อกษัติย์องค์นึงใน ราชวงค์ล้านนา

ไผปอจะมีความฮู้โปรดจ่วยอธอิบายจิ่มเน้อ นามสกุล คำฟู อะคับ
[/quote

บรรพบุรุษเป็น ลื้อ ครับ


* highres_8189908.jpg (205.74 KB, 634x447 - ดู 1110 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
nansom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461



« ตอบ #93 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2011, 22:04:28 »

ใคร่ได้รวมเล่ม ววยๆ เนาะ
IP : บันทึกการเข้า
KIN SHOWA
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #94 เมื่อ: วันที่ 04 พฤษภาคม 2011, 10:38:15 »

ขอบคุณมากที่ให้ความรู้ ครับ
IP : บันทึกการเข้า
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #95 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 10:35:25 »

แล้วตี้ว่า พระเจ้าพรมราช เป็นต้นราชวงศ์นี่เร๊อะครับเป็นจ๊ะไดห๋า

ลองไปอ่าน"กว่าจะเป็นเชียงราย"ของอ้าย makorlan ผ่อแล้วจะรู้
IP : บันทึกการเข้า
vava0001
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50



« ตอบ #96 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 21:56:58 »

อยากได้ข้อมูลพญาแสนภูแบบละเอียดมากเลยเคย ใครพอจะทราบบ้างค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #97 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 23:31:06 »

อยากได้ข้อมูลพญาแสนภูแบบละเอียดมากเลยเคย ใครพอจะทราบบ้างค่ะ

พญาแสนภูเปิ้นเป๋นหลานพญามังรายน่อ
หลังพญามังรายเปิ้นทิวงคต พญาไจยสงครามก็ได้เป๋นพญา
(พญาไจยสงครามเป๋นป้อพญาแสนภู)
พญาไจยสงครามปกครองตี้เวียงเจียงฮาย
ส่วนเวียงเจียงใหม่เปิ้นหื้อต้าวแสนภูกินเมือง


ช่วงตี้ต้าวแสนภูกิ๋นเจียงใหม่ต้องฮับเศิกจากเมืองนาย
ขุนเครือเซิ่งเป๋นอา (น้องพญาไจยสงคาม) ยกทัพมายึดเจียงใหม่
ต้าวแสนภูบ่สู้ หนีไปเปิ้งป้อตี้เจียงฮาย
พญาไจยสงครามหื้อต้าวน้ำถ้วมมาจิงเมืองเจียงใหม่ได้
ขุนเครือโดนยับขังคอกตี้แจ่งกู่เฮือง ส่วนต้าวน้ำถ้วมได้เป๋นอุปราชแตนต้าวแสนภู
ปาหลัง พญาไจยสงครามกั๋วต้าวน้ำถ้วมเป๋นกบฏ เลยหื้อไปกินเจียงตุ๋ง
แลตั้งต้าวแสนภูเป๋นอุปราชอย่างเก่า

หลังพญาไจยสงครามสวรรคต
ต้าวแสนภูก็ได้เป๋นพญา กินเมืองเจียงฮาย
เปิ้นหื้อต้าวคำฟู ลูกบ่าวเปิ้นกิ๋นเจียงใหม่
พญาแสนภูเปิ้นครองราชย์ พ.ศ.1868-1877 (11 ปี๋)
ปี๋ พ.ศ.1871 เปิ้นฟื้นฟูเมืองเก่า ตั้ดตี้เกยเป๋นเขตเมืองเงินยาง
ฮ้องจื่อเวียงนี้ใหม่ว่า เวียงเจียงแสน
แป๋งวัดไว้หลายวัด เจ่น วัดเจดีย์หลวง (พ.ศ.1873)
วิหารวัดหนี้กว้าง 8 วา 1 ศอก ยาว 17 วา
แลแป๋งเจดีย์สูง 29 วา ฐานกว้างด้านละ 14 วา
มีเขตอุปจ๋ารอาราม 100 วา แลตั้งข้าพระธาตุ 50 ครัว
ตานนาขึ้นอาราม 2 ล้านเบี้ย

พญาแสนภูอยู่เจียงแสนกับนางชิบคำมเหสีได้ 7 ปี๋ ก็สวรรคต


* 001.jpg (168.26 KB, 800x200 - ดู 1132 ครั้ง.)

* 001.jpg (92.08 KB, 800x200 - ดู 1041 ครั้ง.)

* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1017 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 23:01:08 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
Tanachai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #98 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2011, 13:31:08 »

ขอบคุณคับกับการถ่ายถอดความรู้ที่ดีๆๆแบบนี้
ได้รู้ประวัติของเมืองเชียงรายและเชียงใหม่จริงๆๆ
จะได้สอนลูกๆๆได้ถูกต้องคับ
นับถืออาจารย์คับ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #99 เมื่อ: วันที่ 15 กันยายน 2011, 14:52:35 »

อยู่เชียงรายมาก็หลายปี ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันครับ

ขอบคุณมากครับ
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!