เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 16:19:48
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนหางาน-งานหาคน
| | |-+  คิดอย่างไร กับค่าแรง "300 บาท" ทุกจังหวัดในปี 2556
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 พิมพ์
ผู้เขียน คิดอย่างไร กับค่าแรง "300 บาท" ทุกจังหวัดในปี 2556  (อ่าน 6100 ครั้ง)
จหมื่นไวยวรนารถ
ยิ้มทุกครั้ง ไม่ว่าจะเจอทุกข์หรือเป็นสุข
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,379


ความชั่วนั้นไม่มี ความดีก็เช่นกันไม่ปรากฎ


« เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 10:26:35 »

ที่มาถาม เพราะผมไปเชียงรายก็บ่อย กลับมาบ้านก็เห็นป้ายพวกนี้ก็เยอะแยะ ติดกันให้เห็นตามแยกไฟแดง
ชวนให้คิดอย่างน่าสงสัย
1.ถ้าขึ้นทุกอย่าง สินค้าอุปโภคบริโภจะขึ้นตามมาอีกไหม
2.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานในบริษัทที่ยอดขายตก พนักงานจะโดนโล๊ะไหม
3.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกไหม จากหน้าที่เดิมๆ
4.ถ้าขึ้นแล้ว ยอดขายจะเพิ่มขึ้นไหม
5.ถ้าขึ้นแล้ว สวัสดิการเดิมๆที่มีจะหดหายไปหรือเปล่า



ที่ผมคิดได้แค่นี้ การโพสในครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาใดๆแอบแฝง เพียงแต่ให้ท่านๆสมาชิกทุกๆท่านช่วยคิด เผื่อว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆที่เราจะเจอในปีหน้า จนทำให้เราไม่มีทางหนีทีไล่เลย จะได้ช่วยกันแก้ไขอะไรๆได้ทันควัน

อ้างอิง
http://hilight.kapook.com/view/70280
IP : บันทึกการเข้า

ไผยะฮาจัง ฮาจังเต๊าต๋าย ไผยะฮาเสียใจ๋ ถึงฮาต๋ายฮาตึงบะใจ้ลืม

paszaa
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 10:44:52 »

การจ้างจะน้อยลง  งานจะเยอะขึ้นเพราะแรงงานลด  เงินจะเฟ้อ ได้เท่าไรก็ไม่พอเพราะของจะแพงขึ้นไปดักเป็นเรื่องปกติ  จะว่ากันก็ไม่ได้  เพราะต้นทุนมันแพงตามค่าแรงหมด  ตั้งแต่ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ
ตอนนี้กลุ่มที่ต้องใช้พนักงานก็ลดสเปคครับ  เอาเด็กที่ไม่ต้องจบป.ตรีมาทำ เพราะไม่อยากจ่ายหมื่นห้า
ค่าเช่าห้องก็จะแพงขึ้นด้วย  เพราะค่าก่อสร้างแพงกว่าเก่า 

ร้านก๋วยเตี๋ยวของคนรู้จักกันมีลูกน้อง11 คน  ถ้ายอดขายไม่ถึงหมื่น/วัน   เขาคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ จำเป็นต้องปรับรูปแบบลดคนลง  ใช้เครื่องจักรแทนในบางจุด  หรือบริการแบบช่วยตัวเอง  หรือไม่ก็ปรับราคา

กับข้าวสำเร็จรูปแช่เย็นจะขายดี  เข้าทางของเจ้าสัวซีพีที่เป็นต้นคิดเรื่องค่าแรงนี้ รวมทั้งการเปิดเออีซีด้วย

เจ้าของกิจการระดับกลางๆจะแย่ ถ้ารายได้เข้ามาน้อย  แต่รายเล็กๆที่ทำกันเองก็จะอยู่กันได้ตามสภาพ

กลุ่มที่ใช้แรงงานมากๆจะกระเทือนที่สุด เช่นการทำสวน การเกษตรเลี้ยงสัตว์ โรงแรม อู่รถ ร้านอาหาร 

ผู้บรหารโรงแรมแห่งหนึ่งบอกกับผมว่าเค้ารอเปิดเออีซีมากๆ  จะได้จ้างฟิลิปปินส์มาทำแทนคนไทย  เพราะภาษาเค้าดีกว่า แต่จ่ายเท่ากัน
IP : บันทึกการเข้า
เมล็ดพันธุ์แห่งขุนเขา
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 718


เมล็ดพันธุ์แห่งขุนเขา


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 10:55:14 »

การจ้างจะน้อยลง  งานจะเยอะขึ้นเพราะแรงงานลด  เงินจะเฟ้อ ได้เท่าไรก็ไม่พอเพราะของจะแพงขึ้นไปดักเป็นเรื่องปกติ  จะว่ากันก็ไม่ได้  เพราะต้นทุนมันแพงตามค่าแรงหมด  ตั้งแต่ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ
ตอนนี้กลุ่มที่ต้องใช้พนักงานก็ลดสเปคครับ  เอาเด็กที่ไม่ต้องจบป.ตรีมาทำ เพราะไม่อยากจ่ายหมื่นห้า
ค่าเช่าห้องก็จะแพงขึ้นด้วย  เพราะค่าก่อสร้างแพงกว่าเก่า 

ร้านก๋วยเตี๋ยวของคนรู้จักกันมีลูกน้อง11 คน  ถ้ายอดขายไม่ถึงหมื่น/วัน   เขาคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ จำเป็นต้องปรับรูปแบบลดคนลง  ใช้เครื่องจักรแทนในบางจุด  หรือบริการแบบช่วยตัวเอง  หรือไม่ก็ปรับราคา

กับข้าวสำเร็จรูปแช่เย็นจะขายดี  เข้าทางของเจ้าสัวซีพีที่เป็นต้นคิดเรื่องค่าแรงนี้ รวมทั้งการเปิดเออีซีด้วย

เจ้าของกิจการระดับกลางๆจะแย่ ถ้ารายได้เข้ามาน้อย  แต่รายเล็กๆที่ทำกันเองก็จะอยู่กันได้ตามสภาพ

กลุ่มที่ใช้แรงงานมากๆจะกระเทือนที่สุด เช่นการทำสวน การเกษตรเลี้ยงสัตว์ โรงแรม อู่รถ ร้านอาหาร 

ผู้บรหารโรงแรมแห่งหนึ่งบอกกับผมว่าเค้ารอเปิดเออีซีมากๆ  จะได้จ้างฟิลิปปินส์มาทำแทนคนไทย  เพราะภาษาเค้าดีกว่า แต่จ่ายเท่ากัน
เห็นด้วยครับ อีกหน่อยประเทศเราจะกลายเป็นประเทศที่จ้างแรงงานแพง ๆ ผู้ประกอบการก็จะหันไปจ้างแรงงานต่างด้าวแทนยิ่งเปิดอาเซียนแล้วมีแรงงานคุณภาพเข้ามาและถูกด้วยเป็นใครก้เลือกของถูกครับสุดท้ายคนไทยก็ต้องเตะฝุ่นครับ
IP : บันทึกการเข้า

สนับสนุนความเป็นชุมชนพอเพียง เพราะความพอเพียง คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน
Unlimited แหล...
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,919



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 11:03:31 »

ผมว่านะ ต่อให้เขาลดค่าแรง เป็น 100 บาท ของ ก็คงไม่ถูกลงแล้วครับ... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

** We Are The Result Of What We Were And We Will Be The Result Of What We Are. ** (Lord Buddha)
pom_9963
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,742


โปรแกรมสำเร็จรูปให้เช่า Line >> itsmypoodle


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 11:08:44 »

ดูตัวเลขผมว่าดี แต่การประกาศค่าแรง 300 เป็นนโยบายหาเสียง แล้วผลักภาระไปให้นายจ้างควักกระเป๋าจ่าย ไม่ใช่พรรคที่หาเสียงได้รับเลือกแล้วจะเป็นผู้ควักจ่ายหรือหากฝ่ายนายจ้างทำไม่ได้รํฐจะควักจ่ายส่วนต่างให้ ปีหน้าการดำรงชีวิตในเมืองจะยากลำบากขึ้นมาก อีกหน่อยผลกระทบปัญหาทางสังคมจะตามมาอีกเยอะ
IP : บันทึกการเข้า
romeo28
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 513


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 11:47:07 »

ผมว่านะ ต่อให้เขาลดค่าแรง เป็น 100 บาท ของ ก็คงไม่ถูกลงแล้วครับ... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
แม่นแล้วครับท่าน ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ผมว่ามี2ฝ่ายครับ คิดเอาเองนะ
1.น้ายจ้างผู้ประกอบกิจการ ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นยังไงก็ไม่อยากจ้างแพงกลัวขาดทุนหรือกลัวได้กำไรน้อยลง ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
2.ลูกจ้าง ใครๆก็อยากได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นรายวันเพิ่มขึ้น เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น มีใช้ในครอบครัว ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Ossy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 485



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 11:49:12 »

ดูตัวเลขผมว่าดี แต่การประกาศค่าแรง 300 เป็นนโยบายหาเสียง แล้วผลักภาระไปให้นายจ้างควักกระเป๋าจ่าย ไม่ใช่พรรคที่หาเสียงได้รับเลือกแล้วจะเป็นผู้ควักจ่ายหรือหากฝ่ายนายจ้างทำไม่ได้รํฐจะควักจ่ายส่วนต่างให้ ปีหน้าการดำรงชีวิตในเมืองจะยากลำบากขึ้นมาก อีกหน่อยผลกระทบปัญหาทางสังคมจะตามมาอีกเยอะ

ผมเคยเสนอความคิดเห็นไว้ในกระทู้นี้ --> http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=346048.20
แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ผมได้กล่าวไว้


ขออนุญาตินำความคิดเห็นมาแชร์ในกระทู้นี้นะครับ

คือคนคิดกันแต่ว่า เพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาท แล้วผู้ประกอบการต้นทุนเพิ่ม
แต่ไม่เคยมีใครแสดงความคิดเห็นว่าทางรัฐบาลก็ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ในปี 2555 และเหลือร้อยละ 20 ในปี 2556/2557
บริษัท/ผู้ประกอบการ จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง

ต้นทุนในส่วนค่าแรง จริง ๆ แล้วคิดเป็นกี่ % ของต้นทุนทั้งหมด (ค่าแรงเป็นแค่ต้นทุนอันหนึ่งเท่านั้น)

โดยส่วนตัวผมมองว่าค่าแรง 300 บาท เป็นสิ่งที่ดี ที่จะทำให้ชนชั้นแรงงานมีรายได้มากขึ้น
แต่บริษัทต่างๆ ไม่ควรที่จะขึ้นราคาสินค้า เพราะรัฐบาลก็ได้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แล้ว
ซึ่งผมคิดว่าบริษัทใหญ่ ๆ น่าจะมีกำไรมากขึ้นด้วยซ้ำ  (แต่บริษัท/ผู้ประกอบการเล็ก ๆ น่าจะจุก)

ผมไม่ได้จบทางด้านเศรษฐศาสตร์หรือบัญชี
แต่ผมคิดง่าย ๆ คือ จากที่บริษัทต่าง ๆ ต้องเสียภาษี 30% ก็เสียแค่ 23% (ได้กำไรเพิ่ม 7%)
และปี 2556/2557 ก็จะเสียแค่ 20% (ได้กำไรเพิ่ม 10% )
แล้วแต่ละปีบริษัทเสียภาษีปีละเท่าไหร่ ก็คูณส่วนต่างที่ไม่ต้องเสียอีก 7%(10%) ก็คือกำไรที่บริษัทจะได้เพิ่มขึ้นมา
จริง ๆ แล้วเราต้องคิดว่าค่าแรงที่เพิ่มขึ้น( 300บาท) กับภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดให้ 7%(10%)
อันไหนที่ใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน (ผู้ใช้แรงงาน หรือ บริษัท ) ?

A.ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นมา 300 บาท ส่วนต่างของค่าแรงที่เพิ่ม คิดเป็นกี่ % ของต้นทุน
B.ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดให้ 7%(10%) คิดเป็นกี่ % ของต้นทุนที่ลดลง
เราต้องเอา A กับ B มาเปรียบเทียบกันครับ

[ไม่รู้ว่าตรรกะแบบนี้ใช้ได้หรือเปล่านะครับ ใครที่มีความรู้เรื่องภาษี ก็มาแชร์ข้อมูลกันได้ ]



IP : บันทึกการเข้า

จุดยืนของทุกคนคือ ส้นตีนตัวเองครับ
ivan2
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 80


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 11:56:25 »

ที่มาถาม เพราะผมไปเชียงรายก็บ่อย กลับมาบ้านก็เห็นป้ายพวกนี้ก็เยอะแยะ ติดกันให้เห็นตามแยกไฟแดง
ชวนให้คิดอย่างน่าสงสัย
1.ถ้าขึ้นทุกอย่าง สินค้าอุปโภคบริโภจะขึ้นตามมาอีกไหม
2.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานในบริษัทที่ยอดขายตก พนักงานจะโดนโล๊ะไหม
3.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกไหม จากหน้าที่เดิมๆ
4.ถ้าขึ้นแล้ว ยอดขายจะเพิ่มขึ้นไหม
5.ถ้าขึ้นแล้ว สวัสดิการเดิมๆที่มีจะหดหายไปหรือเปล่า


ขอออกความเห็นเป็นข้อ ๆ นะครับ

1.ของทุกชนิดมันไม่ได้ขึ้นเพราะค่าแรงอย่างเดียวครับ ก่อนหน้านี้มันก้อขึ้นมาหลายรอบแล้ว มีสารพัดเหตุผลขึ้นราคา เช่น น้ำมันขึ้นราคา สินค้าก้อขึ้นราคาครับ ถึงไม่มีอะไรขึ้นเลย ก้อเห็นออกข่าวบ่อย ๆ ว่าแบกรับต้นทุนสูงบ้างหละ ขาดทุนบ้างหละ ค่าการตลาดต่ำบ้างหละ แล้วก้อหาเหตุขึ้นราคา เท่าที่ผ่านมาไม่ว่าอย่างไร ผู้ผลิตและจำหน่ายทุกอย่าง ต้องการกำไรทั้งนั้น ยิ่งเป็นสินค้าจำเป็นด้วยแล้วถ้าหากไม่มีกฎหมายควบคุมราคา ป่านนี้ ผมว่าค่าแรงวันละพันยังไม่พอซื้อแน่นอนครับ

2.พนักงานในบริษัทที่ยอดขายตก พนักงานจะโดนโล๊ะไหม ก้อต้องถามว่าบริษัทแบบใหน ขายอะไรหละครับคุณพี่ ขายของตามห้างหรอ ขายของตามบ้านหรือเปล่า(เซลล์แมน) คือถ้าขึ้นค่าแรงคนก้อมีกำลังซื้อมากขึ้น(อีกนิด) ปกติแล้วค่าแรงบ้านเราก้อวันไม่กี่บาทก้อเห็นซื้อของกันเยอะแยะมากมาย คนมีกำลังจ่ายมากขึ้น แต่บริษัทที่คุณว่าขายของไม่ได้ก้อให้มันเจ๊งไปเถอะครับ แปลว่าการบริหาร และการบริการของคุณมันแย่ ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน เชื่อได้เลยปีหน้า มือถือ กะ มอไซค์ ขายดีแน่นอน ยกตัวอย่างนะครับ กรรมกรได้ค่าแรง วันละ 300 เดือน ก้อ 9,000 บาท เขามีปัญญาซื้อ และผ่อนได้แน่นอนครับ ทุกวันนี้ ค่าแรงไม่กี่บาท เขาก้อผ่อนมาไม่รู้กี่คันกันแล้ว

3.พนักงานจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกไหม จากหน้าที่เดิมๆ ปกติแล้ว พนักนักงานเดิมมีหน้าที่อะไรก้อทำหน้าที่นั้นและครับ เพราะมีกฎหมายเกี่ยวกับลักษณะการจ้างงานอยู่ แต่ก้อต้องยอมรับว่า นายจ้างอาจจะไม่รับพนักงานเข้าใหม่เพิ่ม หากมีพนักงานลาออกเราอาจจะมีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นแต่ก้ออยู่ในตำแหน่งเดิม เช่นพนักงานขาย ก้อมีหน้าที่ขาย คงไม่ให้พนักงานขายไปจัดสินค้าด้วยมั้ง พนักงานบัญชีเขาคงไม่ให้มาขายของหน้าร้านด้วยแน่นอน ช่างทาสี ผมก้อไม่ให้มุงหลังคาด้วยหรอก ว่ากันตามนั้น

4.ยอดขายจะเพิ่มขึ้นไหม อันนี้ผมว่า คนมีกำลังจ่ายมากขึ้นก้อต้องซื้อของมากขึ้นเป็นธรรมดา ถ้ายอดขายตก ก้อให้ย้อนกลับไปอ่านข้อ 2. ครับ

5.สวัสดิการเดิมๆที่มีจะหดหายไปหรือเปล่า สวัสดิการเป็นข้อบังคับของกฎหมายครับ เพิ่มได้แต่ลดไม่ได้ครับ เคยให้อย่างไรก้อต้องตามนั้นครับ นอกจากจะรับพนักงานเข้าใหม่แล้วทำสัญญาลักษณะการจ้างงานใหม่ ให้สิทธิสวัสดิการน้อยลงเท่านั้นครับ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทส่วนมากเขาก้อทำกันอย่างนี้มานานแล้ว สังเกตุได้จากพนักงานเก่าสวัสดิการเพียบ พนักงานใหม่สวัสดิการนิดเดียว ซึ่งนั่นเราก้อต้องยอมรับครับ ไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างบางบริษัทแยกบริษัทออกมาเลยก้อมี เช่นบริษัทแม่จะมีแค่พนักงานระดับผู้บริหารจนถึงแค่ระดับหัวหน้าเท่านั้น ระดับลูกน้องเขาก้อจะให้ไปเข้าที่บริษัทลูกครับ เพื่อให้มีผลด้านกฎหมายแต่ที่จริงมันก้ออันเดียวกันที่แยกเพราะบริษัทแม่มีสวัสดิการมาก ตั้งบริษัทลูกเพื่อให้มีสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นก้อพอ แต่ถ้า บริษัทใหนลดสวัสดิการลง สามารถแจ้งกรมแรงงานได้ครับ อันนี้พูดถึงบริษัท ไม่นับการจ้างทั่วไปนะครับ เพราะการจ้างทั่วไปส่วนใหญ่มันก้อไม่มีสวัสดิการให้อยู่แล้ว ถ้าจะมีคือเถ้าแก่เขาใจดีเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้อยู่แล้ว

แถมอีกนิดครับสำหรับคนที่จบ ป.ตรี ที่คิดว่าโอยฉันตายแน่ อย่างนี้ใครเขาจะมาจ้างเรา ก้อต้องทำความเข้าใจนะครับว่า ตอนนี้กฎหมายให้ท่านมีเงินเดือนขั้น ต่ำ 15,000 บาท เท่ากับวันละ 500 บาทนะครับ ไม่ต้องมีขั้นต่ำ 300 หรอก ทุกวันนี้เข้าใจว่าพวกท่านก้อหางานยากแล้ว เพราะอะไรนะหรือ ก้อ ถ้าผมเป็นนายจ้าง สมัยก่อนอยากได้คนจบสูง ๆ ไว้ประดับบริษัทเยอะ ๆ ตำแหน่งอะไรก้อระบุว่า รับ ป.ตรี แต่ตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ประมาณ ปวช. เงินเดือนเท่ากันผมก้อจ้าง ป.ตรี แต่ตอนนี้ คนจบ ปวช. ปวส. ทำงานได้เท่า ป.ตรี แต่ไม่มีกฎหมายกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะฉนั้น มันก้อเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะจ้าง คนจบ ปวช. ปวส.  แทน ป.ตรี  แต่ไม่ต้องน้อยใจนะครับ ตำแหน่งงานที่ ป.ตรี เท่านั้นที่ทำได้ก้อมีอยู่อีกมาก และ บริษัทใหญ่ ๆ ส่วนราชการก้อยังต้องการอยู่ครับ รออีกหน่อยเปิด เออีซี คนระดับ ป.ตรี ก้อคงได้ทำงานต่างประเทศกันแล้ว เพราะเราก้อต้องการคนงานต่างชาติ แต่ต่างชาติเขาก้อต้องการแรงงานไทยเหมือนกันนะครับ คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกอยูแล้ว จะยกเว้นนิดหนึ่งก้อคงจะเป็นเรื่องภาษาละมั้ง ขนาดภาษาไทยยังใช้กันไม่ค่อยจะถูกเลย

ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นความคิดความเห็นส่วนตัวนะครับ ทุกอย่างมันก้อมีผลกระทบบ้าง โลกเรามันเปลี่ยนแปลงตลอด จะให้เหมือนเดิมตลอดมันเป็นไปไม่ได้ สรุปว่าเปลี่ยนแปลงแล้วใครควรจะได้ประโยชน์ ผมว่ามองตรงนั้นดีกว่าครับ ผมว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดี เพราะคนทีได้ประโยชน์คือคนที่มีโอกาศน้อยทางสังคม คนที่รับจ้าง คนหาเข้ากินค่ำ คนที่ไม่มีโอกาศเป็นเถ้าแก่ คนที่ไม่มีปัญญาเปิดกิจการต่าง ๆ อย่างน้อยตรงนี้ให้เขามีอะไรดีขึ้นมาบ้างครับ ไม่นับพวกฝีมือแรงงาน พวกนี้เขาเกิน 300 มาตั้งกะปีมะโว้แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 12:06:54 โดย ivan2 » IP : บันทึกการเข้า

อะไรก้อได้
ไม่ต้องมากมาย
แค่พออยู่ได้
ก้อพอ
romeo28
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 513


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 14:41:57 »

ที่มาถาม เพราะผมไปเชียงรายก็บ่อย กลับมาบ้านก็เห็นป้ายพวกนี้ก็เยอะแยะ ติดกันให้เห็นตามแยกไฟแดง
ชวนให้คิดอย่างน่าสงสัย
1.ถ้าขึ้นทุกอย่าง สินค้าอุปโภคบริโภจะขึ้นตามมาอีกไหม
2.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานในบริษัทที่ยอดขายตก พนักงานจะโดนโล๊ะไหม
3.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกไหม จากหน้าที่เดิมๆ
4.ถ้าขึ้นแล้ว ยอดขายจะเพิ่มขึ้นไหม
5.ถ้าขึ้นแล้ว สวัสดิการเดิมๆที่มีจะหดหายไปหรือเปล่า


ขอออกความเห็นเป็นข้อ ๆ นะครับ

1.ของทุกชนิดมันไม่ได้ขึ้นเพราะค่าแรงอย่างเดียวครับ ก่อนหน้านี้มันก้อขึ้นมาหลายรอบแล้ว มีสารพัดเหตุผลขึ้นราคา เช่น น้ำมันขึ้นราคา สินค้าก้อขึ้นราคาครับ ถึงไม่มีอะไรขึ้นเลย ก้อเห็นออกข่าวบ่อย ๆ ว่าแบกรับต้นทุนสูงบ้างหละ ขาดทุนบ้างหละ ค่าการตลาดต่ำบ้างหละ แล้วก้อหาเหตุขึ้นราคา เท่าที่ผ่านมาไม่ว่าอย่างไร ผู้ผลิตและจำหน่ายทุกอย่าง ต้องการกำไรทั้งนั้น ยิ่งเป็นสินค้าจำเป็นด้วยแล้วถ้าหากไม่มีกฎหมายควบคุมราคา ป่านนี้ ผมว่าค่าแรงวันละพันยังไม่พอซื้อแน่นอนครับ

2.พนักงานในบริษัทที่ยอดขายตก พนักงานจะโดนโล๊ะไหม ก้อต้องถามว่าบริษัทแบบใหน ขายอะไรหละครับคุณพี่ ขายของตามห้างหรอ ขายของตามบ้านหรือเปล่า(เซลล์แมน) คือถ้าขึ้นค่าแรงคนก้อมีกำลังซื้อมากขึ้น(อีกนิด) ปกติแล้วค่าแรงบ้านเราก้อวันไม่กี่บาทก้อเห็นซื้อของกันเยอะแยะมากมาย คนมีกำลังจ่ายมากขึ้น แต่บริษัทที่คุณว่าขายของไม่ได้ก้อให้มันเจ๊งไปเถอะครับ แปลว่าการบริหาร และการบริการของคุณมันแย่ ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน เชื่อได้เลยปีหน้า มือถือ กะ มอไซค์ ขายดีแน่นอน ยกตัวอย่างนะครับ กรรมกรได้ค่าแรง วันละ 300 เดือน ก้อ 9,000 บาท เขามีปัญญาซื้อ และผ่อนได้แน่นอนครับ ทุกวันนี้ ค่าแรงไม่กี่บาท เขาก้อผ่อนมาไม่รู้กี่คันกันแล้ว

3.พนักงานจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกไหม จากหน้าที่เดิมๆ ปกติแล้ว พนักนักงานเดิมมีหน้าที่อะไรก้อทำหน้าที่นั้นและครับ เพราะมีกฎหมายเกี่ยวกับลักษณะการจ้างงานอยู่ แต่ก้อต้องยอมรับว่า นายจ้างอาจจะไม่รับพนักงานเข้าใหม่เพิ่ม หากมีพนักงานลาออกเราอาจจะมีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นแต่ก้ออยู่ในตำแหน่งเดิม เช่นพนักงานขาย ก้อมีหน้าที่ขาย คงไม่ให้พนักงานขายไปจัดสินค้าด้วยมั้ง พนักงานบัญชีเขาคงไม่ให้มาขายของหน้าร้านด้วยแน่นอน ช่างทาสี ผมก้อไม่ให้มุงหลังคาด้วยหรอก ว่ากันตามนั้น

4.ยอดขายจะเพิ่มขึ้นไหม อันนี้ผมว่า คนมีกำลังจ่ายมากขึ้นก้อต้องซื้อของมากขึ้นเป็นธรรมดา ถ้ายอดขายตก ก้อให้ย้อนกลับไปอ่านข้อ 2. ครับ

5.สวัสดิการเดิมๆที่มีจะหดหายไปหรือเปล่า สวัสดิการเป็นข้อบังคับของกฎหมายครับ เพิ่มได้แต่ลดไม่ได้ครับ เคยให้อย่างไรก้อต้องตามนั้นครับ นอกจากจะรับพนักงานเข้าใหม่แล้วทำสัญญาลักษณะการจ้างงานใหม่ ให้สิทธิสวัสดิการน้อยลงเท่านั้นครับ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทส่วนมากเขาก้อทำกันอย่างนี้มานานแล้ว สังเกตุได้จากพนักงานเก่าสวัสดิการเพียบ พนักงานใหม่สวัสดิการนิดเดียว ซึ่งนั่นเราก้อต้องยอมรับครับ ไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างบางบริษัทแยกบริษัทออกมาเลยก้อมี เช่นบริษัทแม่จะมีแค่พนักงานระดับผู้บริหารจนถึงแค่ระดับหัวหน้าเท่านั้น ระดับลูกน้องเขาก้อจะให้ไปเข้าที่บริษัทลูกครับ เพื่อให้มีผลด้านกฎหมายแต่ที่จริงมันก้ออันเดียวกันที่แยกเพราะบริษัทแม่มีสวัสดิการมาก ตั้งบริษัทลูกเพื่อให้มีสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้นก้อพอ แต่ถ้า บริษัทใหนลดสวัสดิการลง สามารถแจ้งกรมแรงงานได้ครับ อันนี้พูดถึงบริษัท ไม่นับการจ้างทั่วไปนะครับ เพราะการจ้างทั่วไปส่วนใหญ่มันก้อไม่มีสวัสดิการให้อยู่แล้ว ถ้าจะมีคือเถ้าแก่เขาใจดีเท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้อยู่แล้ว

แถมอีกนิดครับสำหรับคนที่จบ ป.ตรี ที่คิดว่าโอยฉันตายแน่ อย่างนี้ใครเขาจะมาจ้างเรา ก้อต้องทำความเข้าใจนะครับว่า ตอนนี้กฎหมายให้ท่านมีเงินเดือนขั้น ต่ำ 15,000 บาท เท่ากับวันละ 500 บาทนะครับ ไม่ต้องมีขั้นต่ำ 300 หรอก ทุกวันนี้เข้าใจว่าพวกท่านก้อหางานยากแล้ว เพราะอะไรนะหรือ ก้อ ถ้าผมเป็นนายจ้าง สมัยก่อนอยากได้คนจบสูง ๆ ไว้ประดับบริษัทเยอะ ๆ ตำแหน่งอะไรก้อระบุว่า รับ ป.ตรี แต่ตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ประมาณ ปวช. เงินเดือนเท่ากันผมก้อจ้าง ป.ตรี แต่ตอนนี้ คนจบ ปวช. ปวส. ทำงานได้เท่า ป.ตรี แต่ไม่มีกฎหมายกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะฉนั้น มันก้อเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะจ้าง คนจบ ปวช. ปวส.  แทน ป.ตรี  แต่ไม่ต้องน้อยใจนะครับ ตำแหน่งงานที่ ป.ตรี เท่านั้นที่ทำได้ก้อมีอยู่อีกมาก และ บริษัทใหญ่ ๆ ส่วนราชการก้อยังต้องการอยู่ครับ รออีกหน่อยเปิด เออีซี คนระดับ ป.ตรี ก้อคงได้ทำงานต่างประเทศกันแล้ว เพราะเราก้อต้องการคนงานต่างชาติ แต่ต่างชาติเขาก้อต้องการแรงงานไทยเหมือนกันนะครับ คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกอยูแล้ว จะยกเว้นนิดหนึ่งก้อคงจะเป็นเรื่องภาษาละมั้ง ขนาดภาษาไทยยังใช้กันไม่ค่อยจะถูกเลย

ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นความคิดความเห็นส่วนตัวนะครับ ทุกอย่างมันก้อมีผลกระทบบ้าง โลกเรามันเปลี่ยนแปลงตลอด จะให้เหมือนเดิมตลอดมันเป็นไปไม่ได้ สรุปว่าเปลี่ยนแปลงแล้วใครควรจะได้ประโยชน์ ผมว่ามองตรงนั้นดีกว่าครับ ผมว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งดี เพราะคนทีได้ประโยชน์คือคนที่มีโอกาศน้อยทางสังคม คนที่รับจ้าง คนหาเข้ากินค่ำ คนที่ไม่มีโอกาศเป็นเถ้าแก่ คนที่ไม่มีปัญญาเปิดกิจการต่าง ๆ อย่างน้อยตรงนี้ให้เขามีอะไรดีขึ้นมาบ้างครับ ไม่นับพวกฝีมือแรงงาน พวกนี้เขาเกิน 300 มาตั้งกะปีมะโว้แล้ว

+100000000000000 ให้เลยครับ
IP : บันทึกการเข้า
ใบไผ่777
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,130



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 15:38:43 »

การจ้างจะน้อยลง  งานจะเยอะขึ้นเพราะแรงงานลด  เงินจะเฟ้อ ได้เท่าไรก็ไม่พอเพราะของจะแพงขึ้นไปดักเป็นเรื่องปกติ  จะว่ากันก็ไม่ได้  เพราะต้นทุนมันแพงตามค่าแรงหมด  ตั้งแต่ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ
ตอนนี้กลุ่มที่ต้องใช้พนักงานก็ลดสเปคครับ  เอาเด็กที่ไม่ต้องจบป.ตรีมาทำ เพราะไม่อยากจ่ายหมื่นห้า
ค่าเช่าห้องก็จะแพงขึ้นด้วย  เพราะค่าก่อสร้างแพงกว่าเก่า 

ร้านก๋วยเตี๋ยวของคนรู้จักกันมีลูกน้อง11 คน  ถ้ายอดขายไม่ถึงหมื่น/วัน   เขาคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ จำเป็นต้องปรับรูปแบบลดคนลง  ใช้เครื่องจักรแทนในบางจุด  หรือบริการแบบช่วยตัวเอง  หรือไม่ก็ปรับราคา

กับข้าวสำเร็จรูปแช่เย็นจะขายดี  เข้าทางของเจ้าสัวซีพีที่เป็นต้นคิดเรื่องค่าแรงนี้ รวมทั้งการเปิดเออีซีด้วย

เจ้าของกิจการระดับกลางๆจะแย่ ถ้ารายได้เข้ามาน้อย  แต่รายเล็กๆที่ทำกันเองก็จะอยู่กันได้ตามสภาพ

กลุ่มที่ใช้แรงงานมากๆจะกระเทือนที่สุด เช่นการทำสวน การเกษตรเลี้ยงสัตว์ โรงแรม อู่รถ ร้านอาหาร 

ผู้บรหารโรงแรมแห่งหนึ่งบอกกับผมว่าเค้ารอเปิดเออีซีมากๆ  จะได้จ้างฟิลิปปินส์มาทำแทนคนไทย  เพราะภาษาเค้าดีกว่า แต่จ่ายเท่ากัน
ถูกต้องเลยครับแต่ที่แน่มนุษย์เงินเดือนเดืดอร้อนแน่และปัญหาการว่างงานก็จะตามมาจะมีคนตกงานอีกเยอะครับ(ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับ)แค่ประสพการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมาใครที่ทำงานอยู่ก็จะเห็นฐาตุแท้กันที่นี้ละส่วนมากพวกที่ประจบเก่งๆอยู่รอดครับพวกที่ไม่สนฟ้าก็โดนออกมาทำอาชีพส่วนตัวกันไปเข็ดหลาบกับการเป็บลูกจ้างกันไปเลยครับและปัญหาก็จะเพิ่มขึ้นเพราะไม่มีรายได้บ้านแตกอีกหลายรายคอยดูครับนี้ผมวิเราะห์เอาเองนะครับยังมีมากกว่านี้อีกไม่ต้องรอให้ขึ้น300หรอกครับทุกวันนี้ก็รู้กันอยู่สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนไปครับทุกอย่างมีการแข่งขันกันสูงใครรู้จักประหยัดก็อยู่ได้ถ้ามั่วเที่ยวกินไม่สนใจครอบครัวละก็อยู่อยากครับ
IP : บันทึกการเข้า

ทำอะไรก็ได้ ขอให้ทำในสิ่งดี เพื่อในหลวง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
STARWELL
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 16:53:39 »

การจ้างจะน้อยลง  งานจะเยอะขึ้นเพราะแรงงานลด  เงินจะเฟ้อ ได้เท่าไรก็ไม่พอเพราะของจะแพงขึ้นไปดักเป็นเรื่องปกติ  จะว่ากันก็ไม่ได้  เพราะต้นทุนมันแพงตามค่าแรงหมด  ตั้งแต่ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ
ตอนนี้กลุ่มที่ต้องใช้พนักงานก็ลดสเปคครับ  เอาเด็กที่ไม่ต้องจบป.ตรีมาทำ เพราะไม่อยากจ่ายหมื่นห้า
ค่าเช่าห้องก็จะแพงขึ้นด้วย  เพราะค่าก่อสร้างแพงกว่าเก่า 

ร้านก๋วยเตี๋ยวของคนรู้จักกันมีลูกน้อง11 คน  ถ้ายอดขายไม่ถึงหมื่น/วัน   เขาคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ จำเป็นต้องปรับรูปแบบลดคนลง  ใช้เครื่องจักรแทนในบางจุด  หรือบริการแบบช่วยตัวเอง  หรือไม่ก็ปรับราคา

กับข้าวสำเร็จรูปแช่เย็นจะขายดี  เข้าทางของเจ้าสัวซีพีที่เป็นต้นคิดเรื่องค่าแรงนี้ รวมทั้งการเปิดเออีซีด้วย

เจ้าของกิจการระดับกลางๆจะแย่ ถ้ารายได้เข้ามาน้อย  แต่รายเล็กๆที่ทำกันเองก็จะอยู่กันได้ตามสภาพ

กลุ่มที่ใช้แรงงานมากๆจะกระเทือนที่สุด เช่นการทำสวน การเกษตรเลี้ยงสัตว์ โรงแรม อู่รถ ร้านอาหาร 

ผู้บรหารโรงแรมแห่งหนึ่งบอกกับผมว่าเค้ารอเปิดเออีซีมากๆ  จะได้จ้างฟิลิปปินส์มาทำแทนคนไทย  เพราะภาษาเค้าดีกว่า แต่จ่ายเท่ากัน
ถูกต้องเลยครับแต่ที่แน่มนุษย์เงินเดือนเดืดอร้อนแน่และปัญหาการว่างงานก็จะตามมาจะมีคนตกงานอีกเยอะครับ(ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครับ)แค่ประสพการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมาใครที่ทำงานอยู่ก็จะเห็นฐาตุแท้กันที่นี้ละส่วนมากพวกที่ประจบเก่งๆอยู่รอดครับพวกที่ไม่สนฟ้าก็โดนออกมาทำอาชีพส่วนตัวกันไปเข็ดหลาบกับการเป็บลูกจ้างกันไปเลยครับและปัญหาก็จะเพิ่มขึ้นเพราะไม่มีรายได้บ้านแตกอีกหลายรายคอยดูครับนี้ผมวิเราะห์เอาเองนะครับยังมีมากกว่านี้อีกไม่ต้องรอให้ขึ้น300หรอกครับทุกวันนี้ก็รู้กันอยู่สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนไปครับทุกอย่างมีการแข่งขันกันสูงใครรู้จักประหยัดก็อยู่ได้ถ้ามั่วเที่ยวกินไม่สนใจครอบครัวละก็อยู่อยากครับ
+1000
ส่วนบ้านเรานั้นประชากรส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ทำสวน ทำนา  ปัญหาราคาต้นทุนเพิ่มสูง ตั้งแต่ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าเก็บเกี่ยว ฯลฯ  แต่ผลผลิตออกมาราคาหน้าสวนนั้นถูกมาก เพราะถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาอีกที   
IP : บันทึกการเข้า

ALLNEW CLUB  CHONBURI
STARWELL
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 88



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 17:12:14 »

ที่มาถาม เพราะผมไปเชียงรายก็บ่อย กลับมาบ้านก็เห็นป้ายพวกนี้ก็เยอะแยะ ติดกันให้เห็นตามแยกไฟแดง
ชวนให้คิดอย่างน่าสงสัย
1.ถ้าขึ้นทุกอย่าง สินค้าอุปโภคบริโภจะขึ้นตามมาอีกไหม
2.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานในบริษัทที่ยอดขายตก พนักงานจะโดนโล๊ะไหม
3.ถ้าขึ้นแล้ว พนักงานจะต้องทำอะไรเพิ่มอีกไหม จากหน้าที่เดิมๆ
4.ถ้าขึ้นแล้ว ยอดขายจะเพิ่มขึ้นไหม
5.ถ้าขึ้นแล้ว สวัสดิการเดิมๆที่มีจะหดหายไปหรือเปล่า

ความคิิดเห็นส่วนตัวนะครับ
1.สินค้าน่าจะมีขึ้นราคาแน่นอนครับ ทั้งราคาอาหาร ราคาที่พัก ราคารถยนต์(ขึ้นไปแล้ว)
2.ถ้าเป็นพนักงานประจำคงจะไม่นะครับ แต่ก็มีผลกระทบแน่นอน  ส่วนถ้าเป็นอัตราจ้างนี่คงแล้วแต่บริษัทหรือว่าห้างร้านนะครับว่าจะยังไงในเมื่อผลประกอบการติดลบ อาจจะไม่ใล่ออกโดยตรง แต่จะทำให้พนักงานอยู่ไม่ได้ต้องลาออกเอง(ด้วยวิธีการ 108)
3.ในส่วนนี้ตอบตามตรงเลยว่าเพิ่มแน่นอนครับถ้ามีพนักงานลาออก หรือไม่ก็เพิ่มยอดการผลิตแต่คงจำนวนพนักงานเท่าเดิม ไม่มีรับเพิ่ม
4.อันนี้มันก็อยู่ที่ว่าสินค้าของบริษัทที่ท่านทำงานอยู่นั้นผลิตหรือว่าประกอบการอะไรอีกทีนึง
5.สวัสดิการคือสิ่งที่พนักงานควรที่จะได้รับเช่น ค่าข้าว ค่ารถรับส่ง ค่าที่พัก แต่ในทางกลับกันคือ เบี้ยขยัน,โบนัส ไม่ใช่สวัสดิการแต่คือส่วนที่บริษัทตอบแทนให้พนักงานตามผลประกอบการที่ได้ ทางบริษัทอาจจะลดลงหรือตัดออกก็ได้
IP : บันทึกการเข้า

ALLNEW CLUB  CHONBURI
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 17:22:20 »

.

ดดยส่วนตัวผมมองว่า

ช่วงแรก การจ้างงานจะลดฮวบต่ำลง เนื่องจากค่าแรงที่สูงขึ้น ทำให้คนไม่มีรายได้

ช่วงที่สอง ราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนด้านแรงงาน

ช่วงที่สาม เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น ราคาเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้การจ้างงานกลับมาเท่าเดิม

-----------------

ดังนั้น โดยรวมคือ รายได้เพิ่มขึ้น รายจ่ายเพิ่มขึ้น
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
อ็อด หมูน้อย....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,621



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 17:29:05 »

ผมว่าดีครับ  ยิงฟันยิ้ม
ส่วนราคาสินค้า มันขึ้นตลอดอยู่แล้ว

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ชีวิตเปรียบดังกราฟ มีขึ้นและมีลงเสมอ จงอยู่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง
ivan2
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 80


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 18:09:42 »

อ้างถึง
+1000
ส่วนบ้านเรานั้นประชากรส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ทำสวน ทำนา  ปัญหาราคาต้นทุนเพิ่มสูง ตั้งแต่ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าเก็บเกี่ยว ฯลฯ  แต่ผลผลิตออกมาราคาหน้าสวนนั้นถูกมาก เพราะถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาอีกที  

อันนี้แสดงว่าไม่ค่อยได้ไปสำผัสกับชีวิต การทำสวนการทำนาเท่าไหร่สินะครับ ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่ายา มันขึ้นมาตลอดอยู่แล้วครับ ขึ้นจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ มันเป็นต้นทุนประจำที่ขึ้นเป็นประจำ ส่วนค่าแรงงานด้านนี้บ้านเรา บอกตรง ๆ ต้องจ่ายมากกว่าแรงงานขั้นต่ำมานานแล้วครับ คุณครับตอนนี้แค่จ้างดายหญ้าที่สวนเช่น สวนลำไย สวนลิ้นจี่ ถ้าไม่ให้เหมา ต้นละ 10 - 20 บาท ก้อต้อง 300 ต่อวัน / คน แล้ว 250 นี่อย่าไปหาเลยคนงานถ้าไม่มีงานจริง ๆ เขาถึงจะรับ ยิ่งช่วงเก็บเกี่ยวแย่งคนงานกันน่าดู ให้ 350 ยังหาคนไม่ได้เลยก้อมี ส่วนเรื่องราคาหน้าสวนต้องถามว่าคุณปลูกอะไรครับ ตอนนี้อันใหนพ่อค้าคนกลาง(ยังไม่สูญพันธ์แฮะ)ให้ราคาต่ำเขาก้อไม่ปลูกกันหรอก ไอ้ที่มันราคาถูกเพราะแห่ไปปลูกไอ้ที่ราคาดีกันมากเกินไป มันเป็นกลไกการตลาดพื้นฐานครับ ปลูกน้อย / ต้องการมาก = ราคาดี ปลูกมาก / ต้องการเท่าเดิม = ราคาอยู่ตัว แห่กันปลูกมาก ๆ / ต้องการเท่าเดิม = ราคามันก้อต้องตกเป็นธรรมดา อันนี้มันเป็นศิลปการวางแผนของคนปลูกหละครับ ส่วนการทำนาไม่ต้องห่วงครับ จะปลูกมาเท่าไหร่ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย มีประกันราคาพืชผลให้อยู่แล้ว  ไม่ต้องกลัวข้าวราคาตกต่ำ หากราคาข้าวต่ำมาก ๆ คนเขาก้อขายนาทิ้งครับ ตอนนี้ราคาข้าวกลับมาดี ก้อไปขอนายทุนที่ซื้อนาไปปลูกข้าวต่อก้อมีครับ อันนี้เรื่องจริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 ธันวาคม 2012, 00:46:10 โดย ivan2 » IP : บันทึกการเข้า

อะไรก้อได้
ไม่ต้องมากมาย
แค่พออยู่ได้
ก้อพอ
©®*
cr-nettech ltd.,part.
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 18:57:52 »

ค่าแรงขึ้นก็ดีครับ แต่จะหาทางแก้ยังไงกับผู้ประกอบการที่ย้ายฐานผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน

นั่นเท่ากับว่าต้องมีคนตกงานเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ครับ ขยิบตา

http://www.thairath.co.th/content/eco/267289
IP : บันทึกการเข้า

MRJACOP
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 19:07:41 »

อ้างถึง
+1000
ส่วนบ้านเรานั้นประชากรส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ทำสวน ทำนา  ปัญหาราคาต้นทุนเพิ่มสูง ตั้งแต่ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าเก็บเกี่ยว ฯลฯ  แต่ผลผลิตออกมาราคาหน้าสวนนั้นถูกมาก เพราะถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาอีกที  

อันนี้แสดงว่าไม่ค่อยได้ไปสำผัสกับชีวิต การทำสวนการทำนาเท่าไหร่สินะครับ ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่ายา มันขึ้นมาตลอดอยู่แล้วครับ ขึ้นจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ มันเป็นต้นทุนประจำที่ขึ้นเป็นประจำ ส่วนค่าแรงงานด้านนี้บ้านเรา บอกตรง ๆ ต้องจ่ายมากกว่าแรงงานขั้นต่ำมานานแล้วครับ คุณครับตอนนี้แค่จ้างดายหญ้าที่สวนเช่น สวนลำไย สวนลิ้นจี่ ถ้าไม่ให้เหมา ต้นละ 10 - 20 บาท ก้อต้อง 300 ต่อวัน / คน แล้ว 250 นี่อย่าไปหาเลยคนงานถ้าไม่มีงานจริง ๆ เขาถึงจะรับ ยิ่งช่วงเก็บเกี่ยวแย่งคนงานกันน่าดู ให้ 350 ยังหาคนไม่ได้เลยก้อมี ส่วนเรื่องราคาหน้าสวนต้องถามว่าคุณปลูกอะไรครับ ตอนนี้อันใหนพ่อค้าคนกลาง(ยังไม่สูญพันธ์แฮะ)ให้ราคาต่ำเขาก้อไม่ปลูกกันหรอก ไอ้ที่มันราคาถูกเพราะแห่ไปปลูกไอ้ที่ราคาดีกันมากเกินไป มันเป็นกลไกการตลาดพื้นฐานครับ ปลูกน้อย / ต้องการมาก = ราคาดี ปลูกมาก / ต้องการเท่าเดิม = ราคาอยู่ตัว แห่กันปลูกมาก ๆ / ต้องการเท่าเดิม = ราคามันก้อต้องตกเป็นธรรมดา อันนี้มันเป็นศิลปการวางแผนของคนปลูกหละครับ ส่วนการทำนาไม่ต้องห่วงครับ จะปลูกมาเท่าไหร่ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัย มีประกันราคาพืชผลให้อยู่แล้ว  ไม่ต้องกลัวข้าวราคาตกต่ำ หากราคาข้าวต่ำมาก ๆ คนเขาก้อขายนาทิ้งครับ ตอนนี้ราคาข้าวกลับมาดี ก้อไปขอนายทุนที่ซื้อนาไปปลูกข้าวต่อก้อมีครับ อันนี้เรื่องจริง

+1000000
IP : บันทึกการเข้า
หล่อเล็ก
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


เกษตรมือใหม่ป้ายแดง


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 19:14:35 »

ประกาศรับสมัครหาคนทำงานรายวัน ๆ ละ 300  บาท ต้องการ 10 คน ไม่มีใครมาสมัครกันเลย
IP : บันทึกการเข้า
–•“IdD”•–
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 834


นานา จิตตัง


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 20:28:36 »

ดูตัวเลขผมว่าดี แต่การประกาศค่าแรง 300 เป็นนโยบายหาเสียง แล้วผลักภาระไปให้นายจ้างควักกระเป๋าจ่าย ไม่ใช่พรรคที่หาเสียงได้รับเลือกแล้วจะเป็นผู้ควักจ่ายหรือหากฝ่ายนายจ้างทำไม่ได้รํฐจะควักจ่ายส่วนต่างให้ ปีหน้าการดำรงชีวิตในเมืองจะยากลำบากขึ้นมาก อีกหน่อยผลกระทบปัญหาทางสังคมจะตามมาอีกเยอะ

ผมเคยเสนอความคิดเห็นไว้ในกระทู้นี้ --> http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=346048.20
แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ผมได้กล่าวไว้


ขออนุญาตินำความคิดเห็นมาแชร์ในกระทู้นี้นะครับ

คือคนคิดกันแต่ว่า เพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาท แล้วผู้ประกอบการต้นทุนเพิ่ม
แต่ไม่เคยมีใครแสดงความคิดเห็นว่าทางรัฐบาลก็ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ในปี 2555 และเหลือร้อยละ 20 ในปี 2556/2557
บริษัท/ผู้ประกอบการ จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง

ต้นทุนในส่วนค่าแรง จริง ๆ แล้วคิดเป็นกี่ % ของต้นทุนทั้งหมด (ค่าแรงเป็นแค่ต้นทุนอันหนึ่งเท่านั้น)

โดยส่วนตัวผมมองว่าค่าแรง 300 บาท เป็นสิ่งที่ดี ที่จะทำให้ชนชั้นแรงงานมีรายได้มากขึ้น
แต่บริษัทต่างๆ ไม่ควรที่จะขึ้นราคาสินค้า เพราะรัฐบาลก็ได้ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แล้ว
ซึ่งผมคิดว่าบริษัทใหญ่ ๆ น่าจะมีกำไรมากขึ้นด้วยซ้ำ  (แต่บริษัท/ผู้ประกอบการเล็ก ๆ น่าจะจุก)

ผมไม่ได้จบทางด้านเศรษฐศาสตร์หรือบัญชี
แต่ผมคิดง่าย ๆ คือ จากที่บริษัทต่าง ๆ ต้องเสียภาษี 30% ก็เสียแค่ 23% (ได้กำไรเพิ่ม 7%)
และปี 2556/2557 ก็จะเสียแค่ 20% (ได้กำไรเพิ่ม 10% )
แล้วแต่ละปีบริษัทเสียภาษีปีละเท่าไหร่ ก็คูณส่วนต่างที่ไม่ต้องเสียอีก 7%(10%) ก็คือกำไรที่บริษัทจะได้เพิ่มขึ้นมา
จริง ๆ แล้วเราต้องคิดว่าค่าแรงที่เพิ่มขึ้น( 300บาท) กับภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดให้ 7%(10%)
อันไหนที่ใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน (ผู้ใช้แรงงาน หรือ บริษัท ) ?

A.ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นมา 300 บาท ส่วนต่างของค่าแรงที่เพิ่ม คิดเป็นกี่ % ของต้นทุน
B.ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดให้ 7%(10%) คิดเป็นกี่ % ของต้นทุนที่ลดลง
เราต้องเอา A กับ B มาเปรียบเทียบกันครับ

[ไม่รู้ว่าตรรกะแบบนี้ใช้ได้หรือเปล่านะครับ ใครที่มีความรู้เรื่องภาษี ก็มาแชร์ข้อมูลกันได้ ]





จากสูตร A กับ B
ปัจจุบัน แรงงานขั้นต่ำ เชียงราย 232
เพิ่มเป็น 300 ดังนั้นเพิ่มเป็น ค่าแรงของเชียงราย จะเพิ่ม 22.7
IP : บันทึกการเข้า
chamrus
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 556


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 12 ธันวาคม 2012, 20:46:13 »

ลูกจ้างก็อยากทานแฮมเบอร์เกอร์ เหมือนกันครับ แบ่งๆกันทานบ้างครับเจ้านาย
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!