[
ผมว่าในนี้คงไม่มีต่อต้านน่ะครับ แต่มันไม่ได้เป็นไปตามกลไลตลาด
ส่วนเรื่องของชาวนา หากลดต้นทุนในการผลิตได้ ให้กลายเป็นหลักร้อย ข้าวกิโลละ 2000 มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่หากได้วันล่ะ 300 แล้ว ราคาของสิ่งต่างๆเหมือนเดิม มันคงดี ถ้าหากค่อยๆเพิ่มให้มันเป็นไปตามกลไกตลาด
มันคือแรงงานขั้นต่ำ ถ้าคนที่อยู่มากก่อน แรงงานมีฝีมือ ซึ่งปัจจุบันแรงงานไม่มีฝีมือ กลับแรงงานมีฝีมือรายได้ห่างวันล่ะประมาณ 100
[/quote]
จะลดต้นทุนยังงัยคับช่วยบอกวิธีให้ชาวนาหน่อยอย่าดีแต่พูด คำพูดดูดีแต่มันปฏิบัติจิงไม่ได้หรอกคับ ข้าวตันละ 2000 คิดได้ยังงัยคับว่ามันไม่ใช่ปัญหา คิดเลขผิดรึป่าวคับ ข้าวตัน 2000เท่ากับ กิโลละ2 บาท ค่าจ้างลากไปส่งโรงสี ก้ กิโลละ 15-30 ตังละจะให้เขาแบกไปส่งโรงสี ทีระกระสอบหรอคับเพื่อลดต้นทุนหรือจะให้ต่างเกวียนไป จะให้ชาวนากะครอบครัว กินดินแทนเพื่อลดต้นทุนหรอคับ จะมีชาวนาคนไปทำคับ เอะอะอรัยก้บอกให้ชาวนาลดต้นทุนพวกนักพูดทั้งหลาย ลองลงมาทำนาชักปีดูชิว่าจะทำได้อย่างที่ปากพูดรึป่าวถ้าทำได้นะคุณจะกลายเป็น บุคคนสำคัญของโลกเลยก้ว่าได้รับรองดัง พวกนักพูดอย่างคุณช่วยแจกแจงเป็นข้อๆหน่อยว่าต้องทำอย่างไรเพื่อลดต้นทุน แล้วขายข้าวตันละ 2000 ก้อยู่ได้ให้หน่อย จะเป็นพระคุณต่อ ผมและชาวนายิ่ง
[/quote]
ผมไม่ให้ชาวนาลดต้นทุน แต่หากสามารถลดต้นทุนให้ทั้งหมดเหลือหักร้อย เช่นปุ๋ยมีคุณภาพ ที่มาจากรัฐบาลเคยมี(ก็โกงกัน ได้อันไม่มีคุณภาพ) รัฐบาลส่งเสริมเกษตรอินทรี มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำนา(อันนี้มีเยอะ แต่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนบอกว่ากรมไหนอยู๋ไหน ติดต่อยังไง ติดต่อแล้วจะได้อะไร )
ผมไม่เคยคัดคร้านการขึ้นค่าแรง300 บาททั่วประเทศ แต่มันกระทันหันเกินไป มันเป็นสิ่งที่เป็นได้แน่นอนแต่อยู่ๆให้ขึ้นไปเลย หลายอย่างมันเปลี่ยนตามไม่ทัน
วิธีการทำนาของครอบครัวผม
แต่เดิมครอบครัวผมก็ชาวนา แต่ทำนาเพื่อกินไม่ได้ทำเพื่อขาย ดังนั้นขายกิโลล่ะ 2 บาทมันก็ไม่ห็นเป็นอะไรเลย ต้นทุมในการทำนาของผม มี นา5ไร่ พันข้าวมาจากข้าวในนา นี้แหละ มันเป็นพันธ์สมัยปู่ล่ะครับจำชิ่อไม่ได้แต่เป็นของเดิม ปุ๋ยผมทำเองหมักอีเอ็มเอง จะเสียก็ค่าแรง เสียเวลาในการใส่ใจ ผมเริ่มทำต่อจากพ่อ ปีแรกๆ ไม่พอกินครับ ประมาณ ปีที่3 ข้าวเริ่มงามล่ะครับ แล้วน้ำผมแนะน้ำให้เอาจากบ่อตัวเองน่ะครับ หรือไม่ก็จาก คลองชล ไม่เอาน้ำจากนาข้างๆ เพราะมีปุ๋ย กับยาฆ่าแมลงอะไรทำไม ผมกับแม่ก็จะทำวันเสาร์อาทิต โดยวันปรกติจะให้ลุงดูให้ ตอนนี้แม่ผมดูแลเอง ส่วนหากลงมือหนักเช่น ไถ ปลูก ตีข้าว ผมจะกลับบ้านไปช่วยทำ แม่ผมก็ทำงานประจำ ผมก็ต้องเรียน แต่ก็ดีที่ลุงทำนาอยู๋ไร่ข้างๆ มาช่วย
ทำอย่างนี้มีข้าวพอกินทั้งปีแน่นอน
หากเปลี่ยนการทำนาให้เป็นเหมือนเดิม จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆครับ แต่ปัจจุบันคนในหมู่บ้านผมส่วนใหญ่ทำนาเพื่อขายทั้งนั้น ทำนาแต่ก็ยังซื้อข้าวกิน ทำนาใส่ปุ๋ย ปุ๋ยกระสอบหลายตัง พันข้าวอีก นี้ยังไม่รวม ค่าแรง ค่าจ้าง รถโม่ รถขนไปส่งโรงสี เสียค่าความชื้นอีก ค่ายาฆ่าแมลง
ตอนแม่ผมทำนาอย่างนี้ใครๆก็ว่า ไร้สาระมันจะดีได้ยังไง จะขายยังไง
แต่แม่ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์แทนที่จะทำเพื่อให้นำมาขาย แม้มันจะเหนื่อย แต่ันก็ทำให้เรากินข้าวที่เราทำเอง เราทำนาเพื่อให้เรากินข้าวมันจะสวยครับ
ถ้าทำเพื่อนกินไม่ได้ทำเพื่อขาย ข้าวจะกิโลล่ะเท่าไหร่ ผมก็ไม่มีปัญหา
ลองไปปรับเปลี่ยนดูครับ ยอมรับว่าเหนื่อยจริงๆ
หากจะทำแบบนี้ นำดินไปตรวจสอบ กับกรมส่งเสริมการทำเกษตร เรื่องพันธ์ข้าวไปดินต่อกับกรมพัฒนาพันธ์ข้าว หากมีปัญหาให้ไปหาเกษตรอำเภอครับ(ผมไปหาเขา เขาว่างงานมาก) ปรึกษาคนที่เคยทำแล้วให้ได้ผลผลิตดี แถวๆบ้าน ตรวจสอบตารางการปล่อยน้ำของกรมชล สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ ปักดืนคนเฒ่าครับ ตอนแรกผ่อว่าไร้สาระ แต่มันมีประโยชน์มากๆ จะแปะแทบทุกอย่างเช่นการหว่านข้าว หลักการปั้นคันนา ปลูกเมือใด ได้ผลอย่างใด สุดยอดแต้ๆครับ ถ้าทำนาพื่อกินย่ะข้าวหนักเน้อครับ ข้าวเม็ดใหญ่ แต่ยะนาเมินไปน้อย