ขอบคุณ ท่านแมงมุม และ ท่านAIT ที่ให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นมากครับ
ผมจะอธิบายแบบนี้ละกันครับ คือ ผมต้องออกตัวก่อนเลยว่า ความคิดของผมนั้นมันเป็นความคิดที่คนส่วนใหญ่คงไม่คิดกันหรอกครับ(ผมเป็นคนคิดไม่เหมือนชาวบ้านอะนะ ออกบ้าหน่อยๆ
) ดั้งนั้น ผมเชื่อว่าความคิดของทุกท่านถูกต้องแล้วละครับและมีเหตุผลมากกว่าด้วยและคนส่วนใหญ่ก็คงคิดแบบนี้ ส่วนความคิดของผมนั้นอาจจะดูเพี้ยนไปหน่อยแต่ก็อาจจะถูกหรือไม่ถูกก็ได้ครับ(ต้องลองพิจารณากันดูนะครับ)
เอาแบบนี้นะ ผมจะเอาตัวอย่างที่ท่านแมงมุม ได้ยกตัวอย่างมา แล้วมาคำนวณตามแนวความคิดของผมนะครับเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นนะครับ ผมขอบอกเลยนะว่าผมก็ไม่มีความรู้เรื่องอสังหาริมทรัพย์และก็คงไม่พูดถึงรายละเอียดว่าเช่าบ้านเท่าไหร่ผ่อนบ้านเท่าไหร่อันไหนมันดีกว่ากัน
สิ่งที่ผมอยากจะสื่อจริงแล้วๆมันไม่ใช้วิธีการว่าต้องทำอย่างไรครับแต่คือว่าต้องคิดอย่างไรมากกว่า
เอาละครับมาดูตัวอย่างกันนะครับ
ผมจะยกตัวอย่างของคุณแมงมุมมานะครับ โดยกำหนดให้ มีคน 2 คน ที่มีเงิน อยู่ 5,000 บาท
คนที่ 1 นำเงินไปผ่อนบ้านโดยเฉลี่ยแล้ว 5,000 บาทต่อเดือนรวมค่าไฟค่าน้ำนะครับ โดยบ้านหลังนี้มีราคา 800,000 บาทนะครับ ผ่อน 30 ปี นะครับ
ผ่านไป 30 ปี มาดูว่าคนที่ 1 ได้อะไรบ้างครับ แน่นอนครับบ้าน 1 หลังพอผ่อนไปสามสิบปีผมไม่รู้นะว่ามูลค่ามันจะเป็นเท่าไหร่เมื่อเวลาผ่านไป30ปี แต่มาดูว่าคนที่ 1 ใช้เงินทั้งหมดกับบ้านไปเท่าไหร่ จริงๆ แล้ว ผมว่าเอาราคาบ้าน 800,000 มาเป็นต้นทุนคงไม่ยุติธรรมกับอีกคนที่อยู่หอนะครับ เพราะว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงคือ 5,000*12*30=1,800,000 น่าจะเป็นต้นทุนจริงๆสำหรับบ้านหลังนี้มากกว่านะครับ
คนที่ 2 เช่าที่พักอยู่มีค่าใช้จ่ายรวมต่อเดือน 3,500 บาท เหลือเงินเก็บ 1,500 บาท
ผ่านไป 30 ปี มาดูว่าคนที่ 2 ได้อะไรบ้างคับ คือไม่ได้อะไรเลย มีเงินเก็บคือ 1,500*12*30=540,000 และมีค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับที่พักคือ 3,500*12*30=1,260,000
ถ้ามองในมุมนี้ยังไงผ่อนบ้านก็คุ้มกว่าครับ
ลองเอาแนวความคิดของผมมาใช้ครับ แทนที่จะเก็บเงินใว้เฉยแต่คุณกลับเอาเงินมาลงทุนแทนนะครับโดยตั้งในสมมุติฐานที่ว่าลงทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 30% ต่อปีนะครับ
ปีที่ 1 สิ้นปีนะครับ มีเงิน 1,500*12=18,000 ยังไม่มีผลตอบแทนจากการลงทุนนะครับเพราะต้องเอาเงินส่วนนี้ไปลงทุนในปีที่ 2 ครับ
ปีที่ 2 มีเงินทุน 18,000 + ผลตอบแทน 30 % คือ 5,400 + เงินเก็บทั้งปีอีก 18,000 ดังนั้นสิ้นปีที่ 2 มีเงินเท่ากับ 18,000+5,400+18,000= 41,400
ปีที่ 3 41,400+12,420+18,000=71,820 คิดทบต้นแบบนี้ตลอดนะครับผมจะตัดไปในปีที่ 5 10 20 และ ปีที่ 30 เลยนะครับ
ปีที่ 5 มีเงิน 162,776
ปีที่ 10 มีเงิน 767,154
ปีที่ 20 มีเงิน 11,343,024
ปีที่ 30 มีเงิน 157,140,365 เลขหน่วยย่อยอาจจะไม่ตรงตามนี้นะครับเพราะตอนคิดเงินทบต้นผมปัดทศนิยมทิ้งบ้างขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆเลขกลม ๆ คือ 157 ล้านบาทครับ ไม่เชื่อลองคิดดู
ผ่านไป 30 ปี คนที่ 2 ได้อะไร้บ้าง ก็ต้องบอกว่า ได้มูลค่าทรัพย์สิน 157 ล้านบาท ลบกับค่าที่ พักคือ 1,260,000 ดังนั้นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิคือ 155,880,365 บาท
แล้วที่คุณแมงมุมถามว่าซื้อบ้านมันทำให้จนอย่างไร
ผมขอตอบแบบนี้ครับว่า ไม่ว่าบ้าน หรือ รถ ถ้าคุณทำให้มันสร้างเงินให้คุณได้มันก็ไม่ทำให้คุณจนหรอกครับ
ดังนั้นในแนวคิดของผม ส่วนต่างแค่ 1,500 บาท ก็อาจกลายเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาทได้ครับ