เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 04:15:56
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  ประวัติศาสตร์ด้านมืดในอดีตของสยามกับล้านนา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 พิมพ์
ผู้เขียน ประวัติศาสตร์ด้านมืดในอดีตของสยามกับล้านนา  (อ่าน 15544 ครั้ง)
rabbitNUENG
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65


ของมันอยู่ตี้ไหน ก่อหื้อมันอยู้ตี้หั้น


« เมื่อ: วันที่ 14 ตุลาคม 2011, 20:19:58 »

บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"

และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา
1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้
2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้
3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง  และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามาขึ้นตามลำดับ ฯ
4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ
5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343
6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต
7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ
และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม

ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว


* 123.jpg (140.33 KB, 645x484 - ดู 2430 ครั้ง.)

* 456.jpg (135.96 KB, 660x495 - ดู 2397 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เจ้นดิน เจ้นฟ้า เมืองเจียงแสน ฮ่มฟ้าเมืองเจียงฮาย
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2011, 10:48:42 »

บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"

และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา
1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้
2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้
3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง  และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ
5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343
6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต
7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ
และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม

ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว

ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว"
IP : บันทึกการเข้า
wasuwith
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 14:03:39 »

อยากอ่านอีกอะ
IP : บันทึกการเข้า
MammonRN
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 14:16:23 »

บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"

และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา
1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้
2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้
3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง  และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ
5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343
6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต
7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ
และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม

ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว

ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว"

งั้นเชียงรายกะเชียงใหม่ถ้าเขียนก็เขียนไม่เหมือนกันเหรอครับ
IP : บันทึกการเข้า
wasuwith
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 16:27:00 »

น่าจะช่วยกันสืบสานประเพณี,สร้างเวียงแก้ว,ภาษาเขียน,ภาษาพูดช่วยกันสืบสาน
IP : บันทึกการเข้า
Carcamera Cr
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,226



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 17:34:06 »

เข้ามาอ่านเก็บไว้เป็นความรู้  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

กล้องติดรถยนต์เชียงราย ศรีทรายมูล
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 00:31:36 »

บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"

และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา
1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้
2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้
3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง  และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ
5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343
6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต
7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ
และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม

ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว

ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว"
"ตี้ว่ายะหื้อคนเจียงใหม่มีำกำอู้บะเหมือนคนจังหวัดอื่นๆจ้วยอธิบายน่อยจะได้ก่อครับว่าบะเหมือนจะได?แล้วก่อนหน้าตี้เจียงใหม่ยังบะได้ถูกลืนเป๋นของสยาม คนเจียงใหม่อู้เหมือนคนเมืองในจังหวัดอื่นๆอี้ กำอู้,กำจ๋าของแต่ละตี้จะหื้อเหมือนกั๋นกู้กำ มันเป๋นไปบะได้ครับแต่จะไดก่อจ้างเต๊อะครับ ขึ้นจื้อว่าคนเมืองเหมือนกั๋นแม้ว่ากำอู้,กำจ๋าจะแตกต่างกั๋นไปพ่อง ผมว่าอู้กั๋นฮู้เรื่องครับ"
IP : บันทึกการเข้า

"คุณภาพคู่คุณธรรม"
เวียงเก่า
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 10:48:57 »

บทความที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นการศึกษาของ อ.ธเนศวร์ เจริญเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ............. ในหนังสือ "คนเมือง"

และบทความเหล่านี้เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงความเจ็บปวด นี้แระเขาเรียกว่าประวัติศาสตร์ ** บทความนี้ไม่ได้สร้างการยุยง ส่งเสริมให้คนในชาติแตกแยกและเกลียดชังกันนะครับ มันเป็นเพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาอีกมุมหนึ่งเท่านั้นเอง และผมเองจดจำเรื่องราวเล่านี้ไว้เสมอ ในฐานะคนล้านนา
1.กรมหมื่นพิชิตปรีชากรรับบัญชามาผลักดันให้เจ้าอินทวิชยานนท์ยอมรับการหมั้นระหว่างเจ้าดารารัศมี (ชนมายุ 11 ชันษา) ราชธิดาองค์สุดท้องกับพระมหากษัตริย์แห่งสยาม โดยยอมรับให้สยามจัดพิธีโสกันต์ระดับเจ้าฟ้าให้แก่เจ้าดารา ซึ่งล้านนาไม่เคยมีพิธีกรรมเช่นนี้
2.พ.ศ.2440 เจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย เจ้าดารารัศมีมิได้รับอนุญาตให้กลับไปร่วมงานปลงพระศพพระบิดา คาดกันว่าสยามเกรงล้านนาจะคิดกบฏหรือหันไปหาพม่า จึงต้องเก็บเจ้าดาราไว้ในฐานะตัวประกัน หลังจากเจ้าอินทวิชยานนท์ถึงแก่พิราลัย พระยาทรงสุรเดชก็มีคำสั่งตัดเงินรายปีของเจ้าเมืองเชียงใหม่จาก 8 หมื่น เหลือ 3 หมื่นรูปี และลดจำนวนเงินรายปีของเจ้านายคนอื่น ๆ พร้อมกับโยกย้ายและถอดถอนเจ้านาย และให้ข้าราชการสยามเข้ามาแทน และเพิ่มจำนวนเงินเดือนให้
3.ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 รัฐบาลสยามได้กำหนดนโยบายห้ามสอนภาษา “ตั๋วเมือง” ในโรงเรียนทุกแห่ง  และกำหนดให้ครูและนักเรียนใช้ภาษาไทยสยามเท่านั้น และได้ห้ามคนจากสยามเรียกคนล้านนาว่าเป็นลาว เน้นการปลูกฝังเรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำให้การสอนภาษาล้านนามีเฉพาะในวัด ที่สำคัญคือ การที่คนท้องถิ่นไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาของบรรพบุรุษได้ก็คือจุดเริ่มต้นของอวสานของศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เช่น ความตายของภาษาเขียนนำไปสู่การชะงักงันของภาษาพูด ภาษาพูดที่จะพัฒนาต่อไปก็คือการรับเอาคำจากภาษาไทยเข้ามามากขึ้นตามลำดับ ฯ4.ในปี พ.ศ. 2542 อรุณรัตน์ วิเชียรเขียวได้วิเคราะห์ว่า การย้ายเสาอินทขิลน่าจะเกิดจากความเห็นว่าศูนย์กลางเมืองเชียงใหม่ถูกคนของอยุธยาทำไสยศาสตร์ด้วยการฝังไหกระดูกผี (รวมทั้งฝังไว้ประตูเมืองทุกแห่ง) เพื่อทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองในสมัยพญาติโลกราช (พ.ศ.1984-2030) พญาติโลกราชจับได้จึงคิดวิธีแก้ไขสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์วัดเจดีย์หลวง ฯ
5.ครั้นถึงสมัยพญากาวิละ (พ.ศ.2325-2356) อรุณรัตน์จึงเสนอว่าเนื่องจากเมืองเชียงใหม่ได้ประสบชะตากรรมครั้งแล้วครั้งเล่า จนสิ้นราชวงศ์มังราย และตกเป็นเมืองขึ้นของพม่านานถึง 200 ปีเศษ พญากาวิละคงจะฟื้นความเชื่อของพญาติโลกราช จึงย้ายเสาอินทขิลมาไว้ในเจดีย์หลวงในปี พ.ศ. 2343
6.การสร้างคุกบนพื้นที่ที่เคยเป็นหอคำหรือพระราชวังของกษัตริย์ล้านนาเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์จุดหนึ่งของเมือง ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดคือ เรือนจำเชียงใหม่ และลำพูน ฯ กรณีเชียงราย ประชาชนขอสั่งรื้อเรือนจำ สถานที่เคยเป็นที่ดินศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการฟ้อนผีเจ้านาย เจ้ามด เจ้าเม็ง และทำพิธีสำคัญของเมืองเชียงรายในอดีต
7.การล่มสลายของอำนาจเจ้านายท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้อาคารสำนักงานของรัฐบาลสยามเกิดขึ้นในเขตศูนย์อำนาจเก่า หากยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ายึดครองที่ดินหลายส่วน โดยเฉพาะที่ดินติดถนนเพื่อสร้างเป็นร้านคา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณพญามังรายถูกฟ้าผ่า ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 1854 ซึ่งมีผู้สร้างศาลพญามังรายให้ผู้คนได้กราบไว้ ต้องกลายเป็นที่ดินของเอกชน ฯ ความศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมดั้งเดิมของเมืองถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลง สถานที่สำคัญกลายเป็นที่จอดรถ ฯ
และยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่น่าศึกษาจากหนังสือคนเมือง ของ ธเนศวร์ ตั้งแต่เรื่องของครูบาศรีวิชัยถูกจับกุม การขอคืนอำนาจให้เจ้านายท้องถิ่นในสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น การสร้างโรงเรียนในนามเจ้านคร และการยอมรับการปรับตัวของคนเมืองในระบอบของสยาม

ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ มิใช่เพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความขุ่นเคืองใจ แต่เพียงอยากบอกเล่าอีกหน้าของประวัติศาสตร์ที่มิใช่ความงดงามเพียงอย่างเดียว

ตั๋วแดงคือ"ทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่น ๆ และปัจจุบัน หละปูน ก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว"
"ตี้ว่ายะหื้อคนเจียงใหม่มีำกำอู้บะเหมือนคนจังหวัดอื่นๆจ้วยอธิบายน่อยจะได้ก่อครับว่าบะเหมือนจะได?แล้วก่อนหน้าตี้เจียงใหม่ยังบะได้ถูกลืนเป๋นของสยาม คนเจียงใหม่อู้เหมือนคนเมืองในจังหวัดอื่นๆอี้ กำอู้,กำจ๋าของแต่ละตี้จะหื้อเหมือนกั๋นกู้กำ มันเป๋นไปบะได้ครับแต่จะไดก่อจ้างเต๊อะครับ ขึ้นจื้อว่าคนเมืองเหมือนกั๋นแม้ว่ากำอู้,กำจ๋าจะแตกต่างกั๋นไปพ่อง ผมว่าอู้กั๋นฮู้เรื่องครับ"
เปิ่นท่าจะอู้ไทยสำเนียงเมืองครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 14:58:54 »

ถ้า มีคนเชียงใหม่ มาอู้กำเมือง เฮาก็จะฮู้ว่า นี่เชียงใหม่ แม้แต่เชียงของก็ยังมีสำเนียงบะเหมือนคนเชียงรายที่อื่นเลย

คนจังหวัดอื่นทั่วไป  กิ๋นหน้ำ(พยายามออกเสียงเมือง ๆ)
คนเชียงใหม่           กิ๋นน้ำ

แต่ถ้าจะเอากำเมืองแต้ ๆ ต้อง ฟังคนเสาไห้ สระบุรี  เถิน(ลำปาง) ทุ่งเสลี่ยม(สุโขทัย)
แม่ส็อด(ตาก)
ที่เป็นสีแดง ถ้าเป็นเชียงใหม่เปิ้นจะว่า กำเมืองแต๊ ๆ
ให้สังเกตุวรรณยุกต์ แต่ถ้าคุณอ่อนภาษาไทย ก็ช่วยไม่ได้ละเน่อ
IP : บันทึกการเข้า
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2011, 17:02:26 »

ถ้า มีคนเชียงใหม่ มาอู้กำเมือง เฮาก็จะฮู้ว่า นี่เชียงใหม่ แม้แต่เชียงของก็ยังมีสำเนียงบะเหมือนคนเชียงรายที่อื่นเลย คนจังหวัดอื่นทั่วไป  กิ๋นหน้ำ(พยายามออกเสียงเมือง ๆ)คนเชียงใหม่ กิ๋นน้ำ
แต่ถ้าจะเอากำเมืองแต้ ๆ ต้อง ฟังคนเสาไห้ สระบุรี  เถิน(ลำปาง) ทุ่งเสลี่ยม(สุโขทัย) แม่ส็อด(ตาก)ที่เป็นสีแดง ถ้าเป็นเชียงใหม่เปิ้นจะว่า กำเมืองแต๊ ๆ ให้สังเกตุวรรณยุกต์ แต่ถ้าคุณอ่อนภาษาไทย ก็ช่วยไม่ได้ละเน่อ
"หลงตางไปแล้วก้า คุณบอกเองว่า ตั๋วแดงคือทำให้คนเชียงใหม่มีภาษาพูดไม่เหมือนคนจังหวัดอื่นๆและปัจจุบันหละปูนก็ถูกกลืนไปด้วยแล้ว ผมก่อเลยขอถามว่ากำอู้กำจ๋าคนเจียงใหม่บะเหมือนคนจังหวัดอื่นจะได? มันผิดแผกแตกต่างอยู่แล้วกาว่ามาเปลี่ยนต๋อนสมัยถูกลืน  กำอู้คนเจียงใหม่บะเหมือนคนตี้อื่นต๋อนใด?ก่อนถูกลืนกาว่าหลังจากถูกลืนแล้ว คุณเข้าใจ๋กำว่าความแตกต่างของถิ่นที่อยู่,ชาติพันธุ์ของคนก่อ ตี้คุณว่ากำเมืองแต๊ๆต้องฟังคนเสาไห้ สระบุรี(ถูกกวาดต้อนไปจากเจียงฮายสมัยพระเจ้าตากก่อเลยอู้สำเนียงตี้บะฮู้มาก่อนก่อจะเข้าใจ๋ว่าเป๋นคนเจียงฮาย),เถิน(ลำปาง),ทุ่งเสลี่ยม(สุโขทัย)ผมว่าเจิญคุณเข้าใจ๋ผิดไปคนเดียวเต๊อะ เพราะกำอู้กำจ๋าของคนเมืองบะว่าตี้ไหน?ก่อเป๋นของแต๊ตึงนั้น มีตวยกาว่ากำเมืองตี้หั้นแั้ต๊,ตี้หั้นบะแต๊"
IP : บันทึกการเข้า

"คุณภาพคู่คุณธรรม"
rabbitNUENG
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65


ของมันอยู่ตี้ไหน ก่อหื้อมันอยู้ตี้หั้น


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2011, 10:37:05 »

กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา

อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ
IP : บันทึกการเข้า

เจ้นดิน เจ้นฟ้า เมืองเจียงแสน ฮ่มฟ้าเมืองเจียงฮาย
>:l!ne-po!nt:<
~: ดาบราชบุตร :~
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,257

~>: แขกดอย :<~


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2011, 10:42:44 »

เข้ามาอัก เส้นสมองครับ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

!!!!!  กว่า ๑,๑๐๐ กม.จากยอดดอยสู่ทะเล...ตะวันออก  !!!!!

www.facebook.com/1100kilometer

||||| ธรรมชาติสร้างอากาศบริสุทธิ์    ส่วนมนุษย์นั้นสร้างอาวุธเพื่อทำลาย |||||
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2011, 13:03:27 »

กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา
อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ

ขำใจ๋กำว่า "สถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา" น่อครับ


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 2001 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
poupoushop.com
~..Rose Apple..~
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719


แม่ค้า-คนเชียงใหม่.


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2011, 15:00:41 »

ขอบคุณข้อมูล  และความฮู้ดีๆเจ้า
IP : บันทึกการเข้า

ชุดผ้าปูที่นอนราคาถูก http://poupoushop.com
ร้านLine https://shop.line.me/@poupoushop
rabbitNUENG
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65


ของมันอยู่ตี้ไหน ก่อหื้อมันอยู้ตี้หั้น


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2011, 00:00:54 »

กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา
อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ

ขำใจ๋กำว่า "สถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา" น่อครับ

ในสมัยก่อนเปิ้นจะว่า เจ้าลาว(ล้านนา) กะ เจ้าเมืองสยาม ตะก่อนเปิ้นบ่าค่อยเข้าใจกัน ผิดกันหมั่นอยุ่ครับทั้งเรื่องการเมือง วัฒนธรรม จารีต ธรรมเนียม มันเลยมีเล่าตี้บ่าค่อยดีเต่าใด  กล่าวว่าจะเล่าไปมีจะกระทบกับสถาบันกษัตริย์ของเฮาบ่าเด๋วนี้ มันเป๋นเรื่องบ่าดี บ่าสมควรอู้ออกมา เขียนออกมา เข้าใจก่อคัฟ
IP : บันทึกการเข้า

เจ้นดิน เจ้นฟ้า เมืองเจียงแสน ฮ่มฟ้าเมืองเจียงฮาย
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2011, 00:03:52 »

กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ
"ผมขอรออ่านตวยคนเน่อครับ"
IP : บันทึกการเข้า

"คุณภาพคู่คุณธรรม"
@ไอ้อ้วน@
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,031


2 มือ ที่ดูเหมือนจะบอบบาง


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2011, 00:08:44 »

ความรู้คนล้านนาน่าอ่านเน้อเจ้า
IP : บันทึกการเข้า

สมองดี แกมโกง แต่เลือกที่จะเดินทางผิดเอง ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นไป
sper16
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 10:29:30 »

อ่านแล้วรักประเทศไทย
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายช้อปปิ้ง
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 10:40:37 »

รออ่านครับ
IP : บันทึกการเข้า

เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:12:42 »

กำเด๋วรออ่านและรวบรวมข้อมูล แล้วจะเอามาเล่าหื้อฟังน้อคัฟ บางเรื่องก่อเปิดเผยบ่าได้ เพราะมันสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา
อันนี้ก่อบ่าพิมพ์ลงในนี้เน้อคัฟ

ขำใจ๋กำว่า "สถาบันเบื้องสูงของสยามกับล้านนา" น่อครับ

ในสมัยก่อนเปิ้นจะว่า เจ้าลาว(ล้านนา) กะ เจ้าเมืองสยาม ตะก่อนเปิ้นบ่าค่อยเข้าใจกัน ผิดกันหมั่นอยุ่ครับทั้งเรื่องการเมือง วัฒนธรรม จารีต ธรรมเนียม มันเลยมีเล่าตี้บ่าค่อยดีเต่าใด  กล่าวว่าจะเล่าไปมีจะกระทบกับสถาบันกษัตริย์ของเฮาบ่าเด๋วนี้ มันเป๋นเรื่องบ่าดี บ่าสมควรอู้ออกมา เขียนออกมา เข้าใจก่อคัฟ

บ่ได้ขำใจ๋เรื่องหนี้ครับ ขำใจ๋เรื่องอื่น


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1899 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!