เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 15 พฤษภาคม 2025, 11:35:19
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  มาฟังนิทาน, เรื่องตลก, ขำขัน 108 พันเก้า
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 พิมพ์
ผู้เขียน มาฟังนิทาน, เรื่องตลก, ขำขัน 108 พันเก้า  (อ่าน 149809 ครั้ง)
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #80 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 16:29:42 »

เรื่องที่ 61 "สาวเปรี้ยวกับสาวเรียบร้อย"
        บนเครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง สาวเปรี้ยวแต่งตัวเหมือนคุณหญิงใส่เพชรใส่ทองมากมาย  สาวเรียบร้อยแต่งตัวเรียบๆ แล้วผู้หญิง 2 คนก็เริ่มคุยกัน
สาวเปรี้ยว     : สวัสดีค่ะมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันเหรอคะ
สาวเรียบร้อย : ค่ะมาคนเดียว
สาวเปรี้ยว     : เนี่ย เดี๊ยน ไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียวหรอกคะ กะว่าจะมาดูรถ Porche ไป
                    ให้ลูกใช้ซัก 2 คัน
สาวเรียบร้อย : อ๋อเหรอคะ
สาวเปรี้ยว     : ตอนสมัยอยู่ฝรั่งเศส ก็ขับจากัวร์ กับเฟอร์รารี่เจ้าคุณพ่อซื้อให้ค่ะ เงินสด
                    นะคะ
สาวเรียบร้อย : อ๋อเหรอคะ
สาวเปรี้ยว     : มานี่จะซื้อของขวัญให้ตัวเองซะหน่อยกะว่าจะซื้อเพชรกลับเมืองไทย
                    ซัก 50 กะรัต
สาวเรียบร้อย : อ๋อเหรอคะ
สาวเปรี้ยว     : แล้วคุณน้องหล่ะคะ ชีวิตเป็นไงบ้างค่ะ
สาวเรียบร้อย : ก็ ไม่มีอะไรคะ ชีวิตเรียบง่าย สมัยเรียน พ่อให้ไปเรียนในวังได้แต่เย็บปัก
                   ถักร้อย ร้อยพวงมาลัย ทำขนม ครูห้ามพูดคำหยาบคาย ครูบอกว่าถ้าจะ
                   ด่าใคร อีตอแหล ให้พูดว่า อ๋อเหรอคะ
                             ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #81 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2010, 21:12:19 »

เรื่องที่ 62 "หอยเข้าท้อง"
          ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งหลายปี จนมีลูกด้วยกัน 2 คน ชายหนุ่มคนนี้มีน้องเมียซึ่งเป็นสาวสวย เจ้าหนุ่มเฝ้ามองน้องเมียมานาน และคิดว่าทำอย่างไรหนอจะได้ร่วมรักกับน้องเมียของตนสักครั้ง
          อยู่มาวันหนึ่ง เป็นฤดูฝน เจ้าหนุ่มออกไปไถและคราดนา เมื่อตกสายน้องเมียเอาข้าวและอาหารไปส่งที่นาซึ่งมีกระท่อมอาศัยยู่ด้วย เจ้าหนุ่มจึงบอกน้องเมียให้ช่วยดำนาดังกล่าว เมื่อหญิงสาวดำนาบิ้งนั้นเสร็จรู้สึกเหนื่อย จึงเข้าไปนอนพักผ่อนในกระท่อมนาและม่อยหลับไป
          เจ้าหนุ่มเมื่อเห็นน้องเมียนอนหลับเช่นนั้น ก็นึกอุบายที่จะได้ร่วมรักกับน้องเมียได้ จึงรีบไปเก็บหอยตามท้องนา เมื่อได้มากพอสมควรแล้ว จึงเอามาวางลงภายในหว่างขาของน้องเมีย และวางหอยเรียงออกมาเป็นแถวจนถึงหัวบันไดและตีนบันไดเลยไปจนถึงทุ่งนา เป็นทำนองว่า หอยพากันเดินทางเข้าของลับน้องเมีย
          เมื่อเจ้าหนุ่มวางหอยเสร็จ ก็ทำทีไปทำการซ่อมทำนา เผอิญแม่ยายมานาและได้มาที่กระท่อมด้วย เมื่อมาเห็นหอยเรียงแถวเข้าไปถึงผ้าซิ่นของลูกสาวเช่นนั้นก็ตกใจร้องโวยวายและปลุกลูกสาวให้ตื่นขึ้น ฝ่ายลูกเขยได้ยินก็ทำทีตะลีตะลานมาเพื่อสอบถามดู พอมาถึงกระท่อมก็พูดว่าแย่แล้วคราวนี้หอยมันคงเข้าไปในท้องของน้องเมียเขาหลายตัว และหอยหากเข้าไปในท้องก็อาจเกิดอันตรายขึ้นภายหลัง ฝ่ายแม่ยายเมื่อได้ยินดังนั้นนึกว่าเป็นเรื่องจริงก็ตกใจ ลูกเขยก็ทำท่าอายกะมิดกะเมี้ยน แล้วบอกว่า ต้องให้ผู้ชายที่ของลับคดซ้ายมาทำการเกี่ยวจึงจะเอาหอยออกมาได้
          พอแม่ยายกับลูกสาวคนเล็กกลับมาถึงบ้าน ก็นำความนี้มาปรึกษากับลูกสาวคนโตผู้เป็นเมียของเจ้าหนุ่มดู และตกลงให้พากันสืบหาคนของลับคดซ้าย เพื่อมาช่วยทำการเอาหอยออกจากท้องให้ลูกสาวคนเล็กในวันต่อไป
          พอเจ้าหนุ่มตัวการกลับมาถึงบ้านตอนเย็น เมียก็เล่าให้ฟังถึงการหาคนของลับคดซ้ายมาช่วยเหลือดังกล่าว ดังนั้นในวันต่อมาขณะไปดายหญ้าสวนกับเมีย เจ้าหนุ่มก็เอาเส้นด้ายมัดของลับของตนให้คดไปทางซ้าย แล้วนุ่งผ้าสั้น ๆ นั่งดายหญ้าให้เมียเห็นของลับตน เมื่อเมียเห็นเช่นนั้นสำคัญว่าผัวตนของลับ คดซ้ายจริง ตอนเย็นวันนั้นจึงนำความไปบอกแม่ของตนให้ทราบ
          วันรุ่งขึ้นแม่ยายผู้เชื่อว่าหอยเข้าท้องลูกสาว จึงบอกให้ลูกสาวคนเล็กและลูกเขยไปที่กระท่อมนา เพื่อไปจัดการเอาหอยออกจากท้อง ส่วนแม่ยายก็ตามไปด้วย ลูกเขยแสนกลรีบไปก่อนพยายามเก็บหอยห่อผ้านุ่งซ่อนไว้กับตัวอย่างดีมิดชิด พอได้เวลาก็ให้น้องเมียขึ้นไปนอนบนกระท่อม และบอกให้แม่ยายคอยเก็บหอยที่จะออกจากท้องลูกสาวอยู่ข้างล่าง เจ้าหนุ่มก็จัดการกับน้องเมียดังที่ตั้งใจไว้ พอขยับตัวทีใดก็หย่อนหอยลงที่ช่องพื้นของกระท่อมให้ตกลงไปข้างล่างทีละตัว แม่ยายอยู่ข้างล่างเมื่อเห็นหอยตกลงมา ก็เอาไม้ทุบหอยด้วยความแค้นที่มันบังอาจเข้าท้องลูกของตน จนหอยบี้แบนไปทุกตัว ทุบทีไรปากก็บ่นไปพร้อมว่า "สมน้ำหน้าที่เสือกเข้าท้องลูกกู" ไอ้หนุ่มสำเร็จกิจแล้วหอยที่เก็บมาก็หมดพอดี ก็บอกแม่ยายว่าหอยที่เข้าท้องน้องเมียนั้นหมดทุกตัวแล้ว แม่ยายรู้สึกสบายใจที่ได้เอาหอยออกจากท้องลูกสาว ฝ่ายเจ้าหนุ่มก็สบายใจที่ได้จัดการกับน้องเมียสมตามปรารถนา  55555
                             ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #82 เมื่อ: วันที่ 17 ตุลาคม 2010, 12:09:21 »

เรื่องที่ 63  "เรื่อง ย่าผันคอเหนียง"
          กาลก่อน ณ หมู่บ้านตั้งอยู่ในชนบท ไกลออกไปจากเมืองหลวง ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ ทำนาหาของป่ามาขาย หมู่บ้านแห่งนี้มีหญิงสาวรูปร่างอาภัพผู้หนึ่ง นางไม่ม๊ชาย หนุ่มผู้ใดไปเที่ยวหาเลย  เนื่องจากนางคอพอกโตใหญ่น่าเกลียด ชาวบ้านเรียกนางว่า
"อีตาคอเหนียง” ทุกๆคืนแม้ว่านางจะนั่งปั่นฝ้ายอยู่กลางลานบ้าน  รอหนุ่ม ๆ มาเที่ยวหา ก็ปรากฏว่าไม่มีใครมาหานางเลย แม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องเพลง  และเล่นดนตรีของพวกหนุ่มๆ ที่ผ่านมา นางคิดว่าเขาคงจะแวะมาเที่ยวหาตน แต่ปรากฏว่าหนุ่มเหล่านั้นกลับเลยไปบ้านอื่นเสียทุก ๆ คราว
          เมื่อเป็นเช่นนี้ นางสาวตารู้สึกน้อยใจ อยากจะตายเสียให้พ้นจากความชอกช้ำใจ วันหนึ่งขณะที่นางเห็นปลอดคน จึงจัดการตระเตรียมเครื่องใช้ตั้งใจว่าจะเข้าไปตายในป่าให้รู้แล้วรู้ รอดไป บางทีความตายอาจช่วยให้ตนพ้นทุกข์ไปก็ได้ นางจึงมุ่งหน้าออกเดินทางเข้าป่าขึ้นเขาไป โดยตั้งใจเด็ดขาดว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่ยอมกลับบ้าน เดินทางมาได้ ๑๔ วัน  นางก็บรรลุถึงกลางดงลึก ซึ่งนางเลือกแล้วว่าที่นี่คงจะไม่มีใครตามมารบกวน  นางคงจะตายอย่างเป็นสุขแน่ๆ  เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า นางล้มฟุบเป็นลมอยู่กลางดงนั้นนั่นเอง ขณะที่นางนอนสลบไสลอยู่ที่นั้น คืนวันนั้นเป็นคืนที่เหล่าผีป่าทั้งหลายออกตระเตรียม ยืมข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการจัดงานเลี้ยงดูกัน   ตามประเพณีของตน  มีผีตนหนึ่งเดินมาเห็นคอพอกของนางสาวตา มันคิดในใจว่า เราอุตส่าห์ยืมหม้อแกงที่ไหน ๆ ก็หาไม่ได้ เพิ่งมาพบที่นี่ ผีตนนั้นจึงตรงมาคว้าเอาคอพอกของนางไป พร้อมกับพูดว่า  "แม่นาง ข้าขอยืมหม้อแกงหน่อยนะ เสร็จธุระแล้วจะเอามาส่งคืนให้"  เมื่อนางสาวตารู้สึกตัวตื่นขึ้น เอามือคลำต้นคอของตน  รู้สึกว่าคอพอกของตนที่เป็นอยู่นั้น ขณะนี้ได้หายไปสิ้น นางรู้สึกดีใจยิ่งนัก รีบวิ่งบ้างเดินบ้างจนถึงบ้านโดยไม่เหน็ดเหนื่อย พอถึงบ้านก็เล่าเรื่องราวทั้งหลายให้เพื่อน ๆ ฟัง เพื่อน ๆ ที่ทราบเรื่องคอพอกของนางสาวตาหาย  ต่างพากันมาซักถามจนรู้เรื่องราวต่างๆ  ของนางสาวตาที่เล่าให้ฟังจนหมดสิ้น  ณ ที่นั้น มีหญิงสาววัยกลางคนผู้หนึ่งชื่อ ‘’ ผัน ‘’ แกก็คอพอกเหมือนกัน แต่ไม่ได้โตใหญ่เท่าของสาวตา นางเองก็ต้องการอยากให้คอพอกของตนหาย นางเฝ้าซักไซ้ไล่เลียงจนทราบความจริง นางจึงออกเดินเข้าป่าไป  เป็นเวลาร่วม ๆ  สิบวัน จนถึงป่าที่นางสาวตาไปนอนสลบไสล ด้วยความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียนางจึงแวะพักนอนกลางวันกลางทางนั่นเอง
           เมื่อผีมาดูนางสาวตาไม่พบ มันเห็นหญิงวัยกลางคนนอนแทนที่ จึงส่งหม้อนั้นคืน พอรุ่งเช้านางผันตื่นขึ้น เมื่อเอามือลูบคลำคอของตน แทนที่คอพอกของตนจะหาย กลับโตยิ่งกว่าเดิมขึ้นอีกมากมาย นางร้องไห้เสียใจที่ตนเสียแรงอุตส่าห์ดั้นด้นเข้าป่ามาทั้งทีอยากจะให้คอพอก หาย กลับกลายโตยิ่งกว่าเดิมเสียอีก  เมื่อเป็นเช่นนี้นางไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อหมดหนทางแก้ ประกอบกับนางคิดไว้ว่าวัยของตนก็ล่วงเข้ากลางคนแล้ว แม้ว่าคอจะพอกก็ไม่เห็นเป็นอะไร สู้ตนพยายามทำความดีแล้วความดีนั้นคงจะสนองให้นางเป็นสุขใจได้บ้างกระมัง นับแต่นั้นมา นางจึงพยายามประกอบกรรมดี ช่วยเหลือกิจกรรมงานของชาวบ้านโดยไม่เห็นเหน็ดเหนื่อย ชาวบ้านทุกคนถึงกับออกปากสรรเสริญคุณงามความดีที่นางได้ปฏิบัติไป ถึงแม้ว่านางจะตายไปหลายปีแล้วก็ตาม ชาวบ้านยังกล่าวขวัญถึงนางเสมอว่า "ใจบุญเหมือนย่าผันคอเหนียง"
                             ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา

IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #83 เมื่อ: วันที่ 17 ตุลาคม 2010, 17:41:14 »

เรื่องที่ 64 "เล่ห์ลูกเขย"
         มีท่านเศรษฐีเฒ่าผู้หนึ่งชอบฟังนิทานเป็นชีวิตจิตใจ หายใจเข้าก็ เฮ้อ นิทาน หายใจออกก็ เฮ้อ นิทาน แกมีลูกสาวแสนสวย วัยสาว 18 -19 ชื่อ บัวเรียน สวยมาก จึงมีชายหนุ่มมากมายหลายหน้า มาแวะมาเวียนหาอยู่เป็นประจำ  แต่ก็ถูกท่านเศรษฐีคะยั้นคะยอขอให้เล่านิทานให้ฟังเป็นการขัดจังหวะ บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายหวังที่จะเอาชนะว่าที่พ่อตา ก็เล่านิทานออกมาหลายเรื่องจนหมดไส้หมดพุงเพื่อหวังจะได้เป็นลูกเขย แต่พอฟังจบก็ไม่มีเรื่องเล่าแล้วท่านเศรษฐีก็อยากฟังนิทานจากชายอื่นต่อไป จึงยังมิได้ยกลูกสาวให้ใคร  ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็ขยาดไปตามๆกัน   ครั้นหลายวันมานี่ไม่มีชายใดมาเล่านิทานให้ฟัง แกก็หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ตามประสาวัยทอง แกจึงคิดอุบายขึ้นมาว่า ใครสามารถเล่า  นิทานไม่รู้จบ จะยกลูกสาวให้ ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มีหวังกันอีกครั้ง โดยไปสืบเสาะหานิทานจากต่างแดนไกลหลายๆ เรื่องมาเล่าให้ฟัง แต่ว่าถึงจะเล่าหลายเรื่องและยาวอย่างไร ก็ต้องจบลงภายในวันเดียวไม่วันใดก็วันหนึ่ง จึงไม่มีใครได้แต่งงานกับลูกสาวสักที เศรษฐีเมื่อได้ฟังนิทานหลายๆ เรื่อง ก็มีจิตใจแบ่งบานยิ้มแย้มแจ่มใสดังเดิม   อยู่มาวันหนึ่ง มีหนุ่มพเนจรจากแดนไกล ชื่อ ทับ ผ่านมาได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับนิทานไม่รู้จบ จึงอาสาจะลองดีกับท่านเศรษฐี จึงเล่า นิทานไม่รู้จบ  ให้ท่านเศรษฐีฟัง อันมีเนื้อความต่อไปนี้  ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตากับยายสองคนมีอาชีพทำนาปลูกข้าวไว้หลายสิบไร่ ครั้นถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็นำข้าวเปลือกใส่ไว้ในยุ้งฉาง แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ แถวนั้นมีนกสองผัวเมียอาศัยอยู่ เห้นยุ้งฉางมีรอยโหว่จึงบินไปขโมยข้าวเปลือกของตากับยายกินทุกวัน โดยตัวหนึ่งจะเป็นยามคอยอยู่ข้างนอกรอ ผลัดกับตัวที่บินไปคาบข้าวเปลือก เป็นอยู่เช่นนี้หลายวัน จากวันเป็นเดือน อันว่าข้าวเปลือกนั้นไซร้ ก็หาหมดไม่ ดังนั้น เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า ครั้นพอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก ตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า   ชายหนุ่มเล่าอย่างนี้วนไปวนมาใช้เวลาไป 1 วันเต็มๆ เศรษฐีเริ่มหงุดหงิด จึงเอ่ยปากถามว่า มันบินเข้าบินออกอย่างนี้  นิทานมันจะเดินหน้ายังไงว่ะ เจ้าทับตอบว่า แหม ก็ใจเย็นๆ ซีครับ….ก็มีข้าวเต็มยุ้งกว่ามันจะคาบไปหมด มันก็บินจนนับครั้งไม่ถ้วนนู่นแหละจ้ะ   ท่านเศรษฐีจึงรู้ว่ามันเป็นเล่ห์ลูกเล่นของเขาที่ทำให้ตนไม่สามารถทนฟังได้ จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อเอ็งเล่าได้ ข้าก็ฟังได้ เอ็งมีปัญญาเล่าก็เล่าไป ฝ่ายนางบัวเรียน เมื่อเห็นชายหนุ่มมีความพยาม และเห็นในความเฉลียวฉลาด จึงตักน้ำเย็นใส่ขันมาให้ดื่มแก้คอแห้ง เจ้าทับจึงเล่าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก
          ชายหนุ่มเล่าอย่างนี้จนเวลาล่วงเข้าสู่วันที่ 3 ท่านเศรษฐีไม่อยากจะฟังแล้ว แต่ก็ไม่กล้ายอมแพ้ จนเวลาผ่านไป 7 วัน 7 คืนจนเศรษฐีแทบจะบ้าเป็นประสาทตาย เจ้าทับก็เล่าไปจนคอแหบคอแห้ง จนครบ 15 วัน เจ้าทับหมดเสียงที่จะเล่าจึงได้คลานไปกระซิบข้างหูของเศรษฐี เมื่อตัวผู้คาบข้าวบินออก ตัวเมียก็บินเข้า พอตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้ก็บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก เมื่อตัวผู้บินออก ตัวเมียก็บินเข้า เมื่อตัวผู้บินเข้า ตัวเมียก็บินออก  เศรษฐีสุดจะทน พอแล้ว พอแล้วโว้ย ตูจะบ้าตายอยู่แล้ว  แต่นิทานยังไม่จบนะครับ มาๆๆ ผมจะเล่าต่อ พอตัวผู้… เจ้าทับพูด  กูบอกว่าไม่ต้อง เรื่องนี้ก็ไม่อยากฟังแล้ว  เศรษฐีตะโกน  ถ้าอย่างนั้นผมก็ชนะน่ะสิ ผมยังเล่าไม่ถึงครึ่งเรื่อง ท่านก็เบื่อซะก่อน…เอ่อ อันที่จริงผมยังมีนิทานขนาดพอดีๆ  ที่สนุกอีกนับไม่ถ้วน ไว้แต่งงานเสร็จแล้ว ผมจะเล่าให้ท่านฟังทุกวัน รับรองไม่ซ้ำแม้แต่เรื่องเดียว
เออ แล้วเอ็งก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ท่านเศรษฐีได้ฟังดังนั้นค่อยหายโกรธ และพอใจที่ได้ลูกเขยดีๆ แบบนี้ แสดงว่าเขารักลูกสาวเราจริง จึงจัดพิธีแต่งงานให้กับเจ้าทับขายหนุ่มพเนจรผู้มีความพยายาม กับบัวเรียนลูกสาวของตนเอง.  55555
                              ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ


IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #84 เมื่อ: วันที่ 17 ตุลาคม 2010, 21:13:26 »

เรื่องที่ 65  "กลอนฤดูหนาว"
         ถึงหน้าหนาวเดือนธันวาเปลี่ยนอากาศ     เจ้าอาวาสพระเณรก็สั่นหนาว
จึงก่อไฟหาไออุ่นกันชั่วคราว                          พระเณรหนาวนั่งยิงยองรอบกองไฟ
เจ้าเณรน้อยตัวเล็กเด็กฉลาด                          นั่งตรงข้ามเจ้าอาวาสพระรุ่นใหญ่
ก้มเพลินพลางมองข้างหน้าเห็นอะไร                โผล่แพลมไพลจากจีวรค่อนข้างโต
จึงชี้จ้องร้องบอกอย่างตื่นเต้น                         ว่า\"ผมเห็นไอ้นั่นหลวงพี่โผล่\"
เจ้าอาวาสฉุนงุ่นง่านพาลพาโล                        พาลโมโหทั้งโกรธขึงจึงทันที
เงื้อมมือโป๊กเขกบาลเจ้าเณรน้อย                     แล้วสาดถ้อยคําตำหนิ\"เอ๊ะไอนี่
วอนเสียแล้วพูดทะลึ่งไม่เข้าที                        หัวแม่เท้าโผล่แค่นี้จะทำไม\"
เจ้าเณรน้อยเสียใจร้องไห้จ้า                           น้อยใจว่าผู้ใหญ่นี่นั้นเป็นไฉน
สะอื้นไห้พลางบ่นแย้งอย่าเสียใจ                     หัวแม่เท้าแล้วทำไมไม่มีเล็บ...
                              ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #85 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 12:48:39 »

เรื่องที่ 66 "ดาวเสด็จ"
          มีชายหนุ่มสามคน เป็นเพื่อนกันมานาน ต่างรักใคร่ชอบพอกันมาก เวลาไปไหนมักจะไปด้วยกันเสมอ และใครชอบกับหญิงสาวคนใดก็จะมาเล่าสู่กันฟังโดยไม่มีการปิดบัง ในจำนวนคนทั้งสามนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งรักใคร่กับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงกับหมู่บ้านของตน หนุ่มสาวทั้งสอง รักใคร่กันเป็นอย่างยิ่ง และตกลงยินดีที่จะร่วมหัวจมท้ายกันอย่างหมั่นเหมาะ
          วันหนึ่งไอ้หนุ่มปรึกษากับหญิงสาวว่า ทำอย่างไรจะได้ร่วมรักกันสักครั้ง ให้สมกับที่รักกันมานาน เพราะถ้าจะลอบลักไปหากันที่ใดที่หนึ่งก็ยังไม่สบโอกาส ดังนั้นฝ่ายชายจึงพูดขอร้องหญิงสาวว่าในวันพรุ่งนี้ตนจะมาหาหญิงสาวเวลาประมาณ สองทุ่มและนัดว่าจะมาหาที่ใต้ถุน ขอให้หญิงสาวเปิดของลับของตนไว้ร่องพื้นเรือนด้วย เพราะพื้นเรือนของหญิงสาวปูด้วยฟาก จึงมีร่องอยู่หลายแห่ง โดยตนจะเอาของลับแหย่ตามร่องขึ้นไปตรงกับของลับฝ่ายหญิงพอดี หญิงสาวก็รับปากจะทำตามที่ตกลงกันไว้
          พอตกเวลากลางคืนวันรุ่งขึ้น เมื่อพ่อแม่หญิงสาวเข้านอนแล้ว ตนเองก็นั่งอยู่บนพื้นเรือน โดยจุดไต้สว่างอยู่ตามปกติ ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อถึงเวลานัด ได้ชวนเพื่อนอีกสองคนไปด้วยกัน พอไปถึงบ้านของหญิงสาวก็บอกเพื่อนว่า ขอให้เพื่อนทั้งสองช่วยกันหามตนขึ้น ให้ร่างของตนจดกับพื้นเรือนพอดี แล้ว ตนจะเอาของลับแหย่เข้าหว่างขาของหญิงสาว และนัดว่าถ้าตนดิ้นแล้วแสดงว่าของลับตนเข้าตรงที่สำคัญของหญิงสาวพอดี ขอให้ช่วยกันดันตะโพกและบั้นเอวขึ้นข้างบนอย่างเต็มที่ด้วย
          เมื่อนัดแนะกับเพื่อนที่เข้าใจกันแล้วก็พากันย่องเข้าไปที่ใต้ถุนบ้าน ส่องดูก็มองเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ตรงร่องพอดี ไอ้หนุ่ม จึงให้เพื่อนหามตนขึ้นไปตรงร่องฟาก ฝ่ายหญิงสาวได้ยินเสียงอึกอักอึกอักอยู่ข้างล่าง เกิดรู้สึกละอายเป็นอย่างยิ่ง ไม่กล้าที่จะกระทำตามที่นัดกับไอ้หนุ่มไว้ได้ ครั้นจะกระซิบบอกคู่รักที่อยู่ข้างล่างหรือก็เกรงพ่อแม่จะได้ยิน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี พอคิดอยู่ครู่หนึ่งก็มองไปที่ไต้ที่จุดอยู่จึงเห็นว่าควรเอาไต้นี้แหละเป็นเครื่องบอกให้ชายหนุ่มทราบ
          เมื่อคิดแล้วดังนั้น ก็เอามือหนึ่งจับไต้มาตรงร่อง ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไม้เขี่ยเยื่อของไต้ที่ติดไฟให้ลงไปที่โคนของลับชายหนุ่ม พอดีชายหนุ่มถูกไฟจุดเช่นนั้นก็รู้สึกร้อนและเจ็บมาก ก็ดิ้นจนสุดแรงเกิด ฝ่ายเพื่อนอีกสองคนเห็นไอ้หนุ่มดิ้นเข้าใจว่าของลับเพื่อนเข้ารูของลับหญิงสาวตามที่บอกกันไว้ จึงพากันดันตะโพกและบั้นเอวเป็นการใหญ่
          ชายหนุ่มเจ็บปวดมากทนไม่ไหว จะร้องหรือก็เกรงว่าพ่อแม่ของหญิงสาวจะตื่นขึ้นมาจับผิดพวกตนได้ จึงกระซิบบอกให้เพื่อนรีบหามตนหนี เพื่อนทั้งสองก็หามชายหนุ่มออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีไฟของไต้ติดหว่างขาและเสื้อผ้าบางส่วนลุกโพลงไปด้วย ฝ่ายแม่ของหญิงสาวกำลังเคลิ้มหลับ ตื่นขึ้นเห็นแสงไฟลุกสว่างไปเช่นนั้น เข้าใจว่าดาวเสด็จ หรือดาวตก จึงลุกขึ้นยกมึอไหว้เหนือหัว  พร้อมกับพูดว่า "โอ้ สาธุ ดาวเสด็จ"  55555
                       ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
หมวยลูกสาม
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,201



« ตอบ #86 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 15:29:00 »

เข้ามาอ่านจร้า
เป็นกำลังใจให้เน้อ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
ชอบๆๆๆ
IP : บันทึกการเข้า
~vampire~
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15


« ตอบ #87 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 17:43:11 »

การ์ตูน ขำ ๆ จ้า ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
เรื่องที่ 67 อะไรก็ได้


* kymnse-db2a40.jpg (240.84 KB, 800x2380 - ดู 2374 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
~vampire~
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15


« ตอบ #88 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 17:48:02 »

เรื่องที่ 68 แม่มด


* kymo28-9e6ef1.jpg (94.14 KB, 640x503 - ดู 2352 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
~vampire~
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15


« ตอบ #89 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 17:51:11 »

เรื่องที่ 69 ทำงานออฟฟิตนี้แสนลำบาก


* kijig1-9707a3.jpg (148.8 KB, 800x2300 - ดู 2463 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
~vampire~
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15


« ตอบ #90 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 17:53:55 »

เรื่องที่ 70 ที่ไหนก็ได้


* klofk1-e4b61d.jpg (76.96 KB, 600x472 - ดู 2339 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #91 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 19:27:28 »

ขอบคุณครับทุกๆท่านที่เข้ามาให้กำลังใจ และมาร่วมสนุกครับ
เรื่องที่ 71 "ฝากเยี่ยว"
          มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นเวลาประมาณ 4-5 ปี ครอบครัวนี้นอกจาก สองผัวเมียนี้แล้วก็มีแม่ยายและน้องเมียอีกคนหนึ่ง ส่วนพ่อตา ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว น้องเมียของชายหนุ่มคนนี้นับว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้เป็นพี่เขยรู้สึกนึกรัก และชอบพอน้องเมียของตนมาก นึกในใจอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจึงจะได้ลิ้มรสสวาทกับน้องเมียคนนี้สักครั้ง หากได้ลองลิ้มรสดังใจปรารถนาแล้ว ตนคงจะมีความสุขอย่างยิ่ง ชายหนุ่มนึกถึงวิธีการที่จะให้ได้น้องเมียมาเป็นของตน แม้สักครั้งสองครั้งก็ยังดี น้องเมียเขามีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง คือไม่เดียงสาต่อทางประเวณีเลย เพราะอายุเพิ่งได้ 14-15 ปีเท่านั้น  พอดีบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับแม่ยายเป็นบ้านที่สร้างมานาน ตัวบ้านทำด้วยเสาไม้แก่น พื้นฟากฝาฟาก ค่อนข้างทรุดโทรม โดยเฉพาะชานทำด้วยไม้ไผ่ ซึ่งผุพังมาก  ควรจะได้ทำชานนี้ใหม่ เพื่อให้สะดวกแก่การอยู่อาศัยและปลอดภัย ดังนั้นชายหนุ่มจึงรื้อชานเก่าออกแล้วเข้าป่าไปตัดไม้ไผ่มาทำชานใหม่ให้แน่นหนาถาวรยิ่งขึ้น
          ในระหว่างนั้นเป็นฤดูทำนา ชายหนุ่มก็ออกไปคราดนาอยู่คนเดียว และที่ทุ่งนาของเขามีกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ทำด้วยไม้ไผ่ มุงด้วยหญ้า มีฝารอบขอบชิดอยู่หลังหนึ่ง ตามธรรมเนียม ชาวบ้านชนบทนั้น ในฤดูทำนาเมื่อออกไปทำไร่ไถนา พอตกสายเมียจะนำข้าวปลาอาหารไปส่งผัวที่นา และเมียของเขาก็นำข้าวปลาอาหารไปส่งให้เขาเป็นประจำหลายวันมาแล้ว   อยู่มาวันหนึ่ง เผอิญเมียเขาไม่ค่อยสบาย จึงใช้ให้น้องสาวไปส่งข้าวและอาหารแทน ชายหนุ่มเมื่อเห็นน้องเมียมา ส่งข้าวและอาหารตนเช่นนั้น ก็กระหยิ่มในใจ จึงวางแผนที่จะให้ได้ร่วมรักกับน้องเมียของตนขึ้นมาทันที ดังนั้นขณะที่ไถนาอยู่จึงเรียกน้องเมียไปหาและบอกว่า "บัดนี้เราได้ชานใหม่แล้วพี่อยากขอร้องสักอย่างหนึ่ง คือหากน้องปวดเยี่ยวแล้วอย่าไปเยี่ยวใส่ที่อื่น ขอให้กลับไปเยี่ยวใส่ชานใหม่บ้านเรา เพราะชานนอกจากใช้ทำอย่างอื่นแล้ว ยังมีไว้สำหรับเยี่ยวใส่ด้วย ชานใหม่นี้พี่ทำด้วยความลำบากและสวยงามดี เมื่อน้องปวดเยี่ยวขอให้เยี่ยวใส่ชานให้พี่ด้วย พี่จะดีใจและขอบใจเธอมาก"
          น้องเมียหลงกลและรับคำ พอหญิงสาวผู้เป็นน้องเมียอยู่ที่ทุ่งนาสักพักใหญ่ เกิดปวดเยี่ยวขึ้นมาจริง ๆ จึงบอกพี่เขยว่าปวดเยี่ยวแล้วจะกลับไปบ้านเพื่อเยี่ยวใส่ชานใหม่ก่อน ว่าแล้วก็จะเดินออกไป ฝ่ายพี่เขยเจ้าเล่ห์ก็ร้องบอกว่า "เดี๋ยว ๆ หยุดก่อน หากน้องจะไปเยี่ยวใส่ชานใหม่เช่นนั้น พี่ก็ปวดเยี่ยวเหมือนกัน ขอให้พี่ฝากเยี่ยวด้วย" น้องเมียพาซื่อ ไม่เข้าใจพี่เขยจะฝากเยี่ยวอย่างไร พี่เขยจึงบอกว่า ขอให้กลับไปที่กระต๊อบประเดี๋ยว พอไปถึงกระต๊อบก็ให้น้องเมียนอนลง แล้วทำการฝากเยี่ยวให้น้องเมียจนสำเร็จเรียบร้อย
          เมื่อพี่เขยฝากเยี่ยวเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เดินทางกลับบ้านและไปเยี่ยวใส่ชานใหม่จริง ๆ เมื่อเยี่ยวเสร็จแล้วจึงไปเล่าให้แม่ฟังว่า "แม่ฉันไปนาปวดเยี่ยว พี่เขย ให้มาเยี่ยวใส่ชาน และพี่เขยก็ฝากเยี่ยวมาด้วย" แล้วเล่าถึงวิธีที่พี่เขยฝากเยี่ยวให้แม่ฟัง แม่เลยด่าเอาว่า "อีห่าเอย ไปให้เขาสังวาสมึงทำไม โง่แท้ๆ อีนี้" ลูกสาวไม่พูดโต้ตอบ ว่าอย่างไร จึงกลับไปที่ทุ่งนาอีกไปต่อว่าพี่เขยว่าเยี่ยวใส่รูของลับเขาแล้วมาเอาออกให้เขาซิ พี่เขยบอกว่าไม่ยากดอกพี่จะเอาเยี่ยวออกให้ พูดแล้วพาน้องเมียเข้าไปในกระต๊อบอีก จัดการทำพิธีเอาเยี่ยวออกให้น้องเมียทันที เสร็จแล้วบอกน้องเมียว่า เอาเยี่ยวออกให้เรียบร้อยแล้วน๊ะ  พอตกเย็น กลับมาถึงบ้านหญิงสาวเล่าให้แม่ฟังอีกว่า ที่พี่เขยฝากเยี่ยวนั้น ได้ให้พี่เขยเอาเยี่ยวออกให้เรียบร้อยแล้ว และเล่าวิธีการที่พี่เขยอาเยี่ยวออกให้แม่ฟัง แม่จึงดุด่าอีกว่า "อีเวรเอย อยู่ดี ๆ ไปให้เขาทำอะไรอีกจนได้" 55555
                          ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
NEONAZI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 476


รัก กล้วยไม้ รักษ์ ต้นไม้


« ตอบ #92 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2010, 20:32:19 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

อย่าทำดี เพียงเพื่อ ดีกว่าคนอื่น
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #93 เมื่อ: วันที่ 19 ตุลาคม 2010, 13:08:54 »

เรื่องที่ 72 ""ผีกะ"
        อันว่า ผีกะ เขียนอย่างวิชาการคือ ผีกละ เป็นอย่างผีปอบตามความเข้าใจของคนไทยทั่วไป ผีกะเป็นผีที่เข้าสิงคนเพื่อเรียกร้องจะกินอาหาร หรืออื่น ๆ แล้วแต่เงื่อนไข คนที่ถูกผีกะสิงจะแสดงอาการต่าง ๆ ผิดปกติไป เช่น ร้องไห้วี้ดว้ายโหยหวน พูดเพ้อเจ้อเป็นปริศนา หรือแสดงอาการอื่นที่ไม่เป็นปกติ นั่นแล  ผีกะเป็นเรื่องน่ากลัวบวกกับความม่วน สมัยที่ผู้เขียนเป็นละอ่อนเด็กน้อยอยู่บ้านนอก ค่ำมายามโพล้เพล้ ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องกรี๊ด ๆ ท้ายหมู่บ้าน สักพักคนข่าวประจำหมู่บ้านอย่าง ย่าเป็งปากเปียะ จะมารายงานตำแหน่งแหล่งหนว่าใคร อะไร ที่ไหน และเป็นอย่างไรตามมา ยามเข้าใต้เข้าไฟ เป็นยามตื่นเต้น ใครที่ใจกล้าจะพากันไปดู พ่อหนานหรือปู่อาจารย์จะถูกตามมาแก้ไขสถานการณ์ มีคาถา มีมีดงาช้าง มีหางปลาไม (ปลากระเบน) เป็นอาวุธ เพียงชั่วข้ามคืน ทั้งหมู่บ้านจะคุยกันอยู่เรื่องเดียว ยิ่งหมู่บ้านใดมีกาดแลง เป็นแหล่งข้อมูลการเล่าขวัญที่ เร็ว ด่วน ม่วนสนุก สุด ๆ ผีกะเป็นความลับในชุมชนที่ต้องผ่านกระบวนการเล่าขวัญ ชนิด อู้นี่หายนี่ หมายถึงพูดแล้วเหยียบไว้ตรงนี้นะ แต่มีความหมายโดยนัยว่า พอย้ายตีนจากที่นี่ก็เล่าต่อได้เลย ใส่ไข่ใส่สีซะน่อย เพราะถ้ากล่าวหาซึ่งหน้าว่าบุคคลใดเป็นผีกะ ถือว่าหมิ่นประมาทดูแควนมีโทษทางกฎหมาย มูลเหตุการเป็นผีกะมีมากมายและซับซ้อน ถ้าใครอยากทราบรายละเอียดลองเปิด สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือเล่มที่ 8 ดูเอง หรืออ่าน เล่าเรื่องผีล้านนา ของพ่อครูมาลา คำจันทร์ รับรองว่าสนุกยิ่งกว่าดูหนังผีปอบ 1 - 7 รวมกัน เด็กวัยรุ่นล้านนาชนบทมาอยู่ในเมือง มาเรียนหนังสือ และมาอยู่ด้วยกันตามประสาชายหญิง อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายชายมาตั้งข้อสนเท่ห์ว่า คู่รักตัวเองมีพฤติกรรมแปลก ๆ เมื่อค่ำเมื่อคืนซ้ำมางามผี้หลี้ คือยิ่งดึกยิ่งสวย และออกเสาะหาของกินสุดคืน จนตุ้ยพีดีงาม ข้อสนเท่ห์ ของเด็กหนุ่มคนนี้แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานความเชื่อที่แฝงอยู่ในใจของเขา(สำนึกล้านนา) ถึงแม้จะอยู่ตึกนั่งรถยนต์กำมือถือกินพิซซ่าโดนัท หากแต่เมื่อมีข้อสงสัย ย่อมแสวงหาคำตอบอย่างบรรพชนเคยตั้งคำถาม ผีกะมีสัตว์พาหนะคือนกเค้าแมวเรียก นกเก๊าผีกะ เมื่อได้เห็นนกชนิดนี้ที่ไหน ใกล้ ๆ บริเวณนั้นจะต้องมีผีกะ หนุ่ม ๆ เวลาไปแอ่วสาวบ้านใด ก่อนจะขึ้นเรือนหรือตอนขากลับ มีเสียงนกเค้าแมวร้องส่ง สาวบ้านนั้นชวนสงสัยว่าเป็นผีกะ และหากใครฝันเห็นหมาดำมาไล่ฟัดกัดสู้ ต้องระนึกว่าตอนกลางวันได้พบกับใคร ที่น่าจะชวนทะเลาะก็คนนั้นแหละเป็นผีกะ นอกจากหมาดำยังมีแมวดำ หรือตัวที่กลั่นกล้าจริง ๆ ยังสามารถแปลงกายเป็นผีม้าบ้องได้อีกด้วย พูดแล้วขนฅิงลุกครั้งที่สอง ผีกะมักจะเป็นผู้หญิงมากกว่าชาย ตามคำเล่ากล่าวกันว่า หากได้กินข้าวร่วมไหเกิน 100 ไห คนผู้นั้นจะเป็นผีกะ กลายเป็นผีกะทั้งครอบครัวนั่นแล เป็นเขยที่ได้รับเชื้อผีกะเต็ม ๆ ภายใน 100 วัน  อุ๊ยของผู้เขียนเล่าว่า สาวที่เป็นผีกะจะงามเป็นพิเศษ หรือสาวตระกูลผีกะจะงามกว่าสาวทุกครอบครัวในหมู่บ้าน และมักเป็นสาวเคิ้นคานทอง เพราะว่าหนุ่ม ๆ ทั้งหลายมักพากันรังเกียจกลัวได้กินข้าวร่วมไห วิธีสังเกตสาวผีกะคือ สาวนั้นยิ่งดึกยิ่งงาม เล่ากันอีกว่าหากใคร่พิสูจน์แน่ชัดว่าเป็นหรือไม่เป็นให้ใช้ใบตองกล้วยงำเครือ (ตองใบสุดท้ายที่ปกเครือกล้วย) มาเสกคาถาแล้วมองลอดใบกล้วยนั้นหรือจะใช้ใบพลูเสกก็ได้ หรือใช้คาถาเสกแล้วมองลอดหว่างขาของตน หากสาวนั้นเป็นผีกะ จะเห็นลิงวอกคู่หนึ่ง เกาะไหล่เลียใบหน้าของสาวนั้น สาวจึงงามผุดผาด หน้าใสยิ่งกว่าใช้ครีมลอกฝ้า ผีกะ เป็นผีที่สืบมาทางฝ่ายแม่ หากตระกูลใดไม่ได้เอาใจใส่ดูแลผีตระกูลตน คือ เลี้ยงบ่ดีพลีบ่ถูก ผีตระกูลจะกลายเป็นผีกะ เข้าสิงคนอื่นแล้วบอกชื่อเจ้าของผีให้ขายหน้า ความเชื่อนี้จึงเป็นมูลเหตุให้สาว ๆ หรือแม่ร้างนางเรือนดูแลเอาใจใส่ แม่ อุ๊ย ย่า ยาย รักษาชื่อเสียงของตระกูล คืออยู่ถ้อยฟังคำ ไม่นอกรีตนอกรอย เช่นไม่เอากันก่อนแต่ง เป็นต้น ถ้าปฏิบัติดี อยู่ถ้อยฟังคำ ผีตระกูลจะส่งเสริมให้วุฒิจำเริญ ฮิมาค้าขึ้น อยู่ม่วนกินหวาน และหากละเสียยังฮีต ลีดเสียยังฮอย บ่อยู่ถ้อยฟังคำ ระวังผีนั้นจะกลายเป็นผีกะ ซะหน้าซะตาลูกหลานคนนั้น หลังจากอธิบายยายยาว ให้ลูกศิษย์หนุ่มฟังแล้ว ก็ฝากให้เขาไปพิจารณาเองว่า คู่รักแห่งตนนั้น เป็นผีกะหรือไม่ และถ้าเป็น เกิดจากสาเหตุใด เขาฟังแล้วคงขนฅิงลุกซ้อนกันสามครั้ง และสุดท้ายคือคำขอของลูกศิษย์ที่เข้าใจว่าแฟนตัวเป็นผีกะ ว่าใคร่ได้คาถาปราบผีกะสักบท ผู้เขียนจึงให้ไปบทหนึ่ง ผู้อ่านจะลองเอาไปใช้ก็ได้ ไม่หวงห้าม คาถาและวิธีใช้เป็นดังนี้  "มติ จุติ ตติ มติ เอหิ ภควะ โส ชายะ" ใช้เสกเชือกมัดที่คอ(มัดหลวม ๆ เน้อ) หรือเสก ไพล (ปูเลย) แล้วกรีดหรือแทงไปตามร่างกายของคนที่ถูกผีกะเข้าสิง ผีกะจะเผ่นหนีไป   ข้อมูลดีๆ จาก lannaworld.com
                        ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #94 เมื่อ: วันที่ 19 ตุลาคม 2010, 17:31:51 »

เรื่องที่ 73 "ลุงอ้ายไม่ตาย"
...........ลุงอ้าย  เป็นชาวบ้านหนองโสน  แกชอบบอกชอบชาวบ้านว่าแกไม่มีทางตาย  ชาวบ้านจึงขนานนามแกว่า "ลุงอ้ายไม่ตาย"  ณ ชายป่าริมหมู่บ้าน มีพญางูเหลือมที่มีพิษร้ายแรงที่สุด  อย่าว่าแต่กัดคนหรือสัตว์เลย แม้แต่กัดรอยเท้าคนหรือสัตว์ผู้นั้นยังต้องตาย  วันหนึ่ง ลุงอ้ายมาจากหาปูในนาเพื่อนำมาเป็นอาหาร แกเดินผ่านเข้าเขตที่งูเหลือมพอดี งูเหลือมจึงจ้วงกัดลุงอ้ายตายคาที่ แต่ปูที่อยู่ในพกลุงอ้ายยังดิ้นอยู่  ข่าวลุงอ้ายไม่ตายถูกงูเหลือมกัดได้แพร่ไปทั้งหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน ต่างคนต่างมาดูเพราะนานๆ จะมีคนถูกพญางูเหลือมกัดสักครั้งหนึ่ง เมื่อใครเดินทางไปดูศพต่างพูดว่า "ไปดูงูเหลือมกัดลุงอ้ายไม่ตาย" จนข่าวนี้แพร่ได้ยินไปถึงหู พญางูเหลือม จึงเกิดความน้อยใจ คิดว่าตนเองมีพิษมากที่สุดอยู่ตัวเดียวโดยที่งูอื่นๆ ไม่มีพิษ จึงบอกงูสิงว่า "เราจะคายพิษทิ้งให้หมด เพราะเรากัดลุงอ้ายไม่ตาย เอาพิษไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าจงไปตามพวกงูทั้งหลายให้มารับพิษจากเรา"  เมื่องูสิงไปเที่ยวป่าวประกาศแล้ว  พญางูเหลือมก็คายพิษทั้งหมดใส่ใบ ลังตัง (พืชชนิดหนึ่งที่เมื่อถูกใบแล้วจะรู้สึกทั้งเจ็บและคัน)   งูน้ำ(เดิมอยู่บนบกเหมือนงูทั่วไป) มาถึงก่อนแม้ตัวเล็กแต่ละโมบโลภมาก เอาพิษจนเกินตัว ทำให้ร้อนมาก เลยกระโดดลงน้ำ พิษเลยละลายไปในน้ำจนหมด ไปติดที่ปลาดุก และปลาที่มีพิษจนหมด ส่วนตนไม่เหลือพิษแม้แต่น้อย ถัดมาเป็นงูจงอาง งูเห่า ฯลฯ  ต่างมารับพิษตามอัตภาพของตนเอง สุดท้าย เป็นงูกะปะ นอกจากนั้น เช่นงูสายพาน งูก้านมะพร้าว งูกินหนู รวมทั้งงูสิงที่ออกไปตามเพื่อนกลับมาไม่ทัน เลยไม่มีพิษมาจนถึงปัจจุบัน
          จากนั้นเป็นต้นมา งูเหลือมก็ตั้งปฏิญาณตนว่า  "แม้ข้าจะไม่มีพิษ แต่ข้าจะรัดให้ตายและกลืนทั้งตัว ดูซิมันจะไม่ตายได้อย่างไร"
                                ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #95 เมื่อ: วันที่ 19 ตุลาคม 2010, 18:51:47 »

เรื่องที่ 74 "“ติดอ่าง”
         ชายคนหนึ่งไปพบหมอด้วยปัญหาติดอ่างอย่างรุนแรง หลังจากทำการตรวจเรียบร้อยแล้วหมอก็มานั่งคุยกับคนไข้
หมอ  :   สาเหตุของการติดอ่างเกิดจากเจ้าน้องชายของคุณยาวเกินไปหกนิ้ว ซึ่งมันจะ
            ไปดึงเส้นเสียงของคุณ ทำให้คุณพูดติดอ่าง
คนไข้ :  หหหหมอ ลลลลและ ผผผผม จจจจจจจะ ทททททททำ งงงงงงไง ดดดดดี
            คคคคครับ ?
หมอ  :   เกาหน้าผาก คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วแนะนำว่า ต้องผ่าตัดสิ่งที่ดึงเส้นเสียงออก นั่นก็
            คือส่วนเกินหกนิ้วของเจ้าน้องชาย แล้วอาการติดอ่างจะหาย คนไข้ที่ทุกข์กับ
            การติดอ่าง ก็ตอบว่าปัญหานี้ทำให้เขาต้องอาย ตกงาน การแก้ไข น่าจะคุ้มค่า
            อยู่...หมอก็วางแผนผ่าตัด  ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น หกเดือนต่อมา
            คนไข้ก็กลับมาเช็คเพื่อติดตามผล
คนไข้:   หมอครับการผ่าตัดให้ผลดีมากเลยครับ ผมไม่พูดติดอ่างอีก  ผมมีงานทำ และ
            ได้ความมั่นใจกลับคืนมาด้วยครับ แต่ ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ภรรยาของผมโหย
            หาชีวิตสมรสก่อนที่จะตัดหกนิ้วของเจ้าน้องชายออกไปน่ะครับ  ผมก็เลยอยาก
            ถามว่าเป็นไปได้ไหมครับที่จะเอาที่ตัดไปมาต่อใหม่
หมอ  :   เกาหน้าผาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า  หหหหมอ มมมมมมไม่ คคคคคคิด
            ววววว่า  มมมมมัน จจจจจจจะ เปปปปป็น ปปปปไป ดดดได้ นนนนนะ !!!!!!!55555
                                ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
JIKGOH CR
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #96 เมื่อ: วันที่ 19 ตุลาคม 2010, 21:06:43 »

สุดยอด...ไปเอามาจากไหนเนี่ย....ขำขำ ก๊ากก๊าก  เอาอีกเอาอีก
IP : บันทึกการเข้า
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #97 เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2010, 19:08:33 »

เรื่องที่ 75 "ลูกสะใภ้ตดดัง"
          มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังแตกเนื้อสาวใหม่ ๆ รูปร่างสวยงามพอสมควร มีความรักใคร่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่บ้านไม่ห่างกันนัก ต่อมาชายหนุ่มคู่รักได้จัดเฒ่าแก่มาสู่ขอ ทางพ่อแม่ และเฒ่าแก่ฝ่ายหญิงก็พอใจไม่มีการขัดข้องแต่ประการใด เมื่อทำการสู่ขอเป็นที่ตกลงกันแล้วก็มีการนัดวันที่จะแต่งงานกันต่อไป
          ต่อมาเมื่อถึงวันก่อนกำหนดนัดแต่งงาน ก็มีการเตรียมจัดสิ่งของเครื่องใช้และอาหารการกินอย่างบริบูรณ์ เนื่องจากหญิงสาวคนนั้นเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนเลย ประกอบกับเป็นหญิงสาววัยรุ่นจึงไม่เดียงสาในทางประเวณี เมื่อถึงวันใกล้กำหนดแต่งงานก็มีความประหวั่นพรั่นใจเกรงไปว่า  เมื่อสมสู่กับชายหนุ่มไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร และมีความ กลัวเจ็บอันอาจเกิดขึ้นจากการสมสู่นั้นด้วย  เมื่อเป็นเช่นนี้พอถึงตอนเย็นก่อนวันทำพิธีแต่งงานจะมาถึง ในขณะที่หญิงสาวคนนั้นทำอาหารอยู่ในครัวคนเดียว จิตใจก็นึกถึงเรื่องนี้ว่า ทำอย่างไรจึงจะรู้รสการร่วมประเวณี พอดีขณะที่นึกถึงเรื่องนี้ หญิงสาวกำลังตำน้ำพริกด้วยก็เลยคิดว่าของลับคู่รักของตนคงจะโตเท่ากับ ขนาดสากที่ตำน้ำพริกนี้กระมัง จึงมาคิดว่าหากเราจะลองเอาสากนี้แหย่เข้าไปในของลับของเราดู ก็คงจะรู้เรื่องเป็นอย่างดีพอสมควร และเป็นการทดลองไปด้วย
          เมื่อหญิงสาวคิดดังนั้นแล้ว พอตำน้ำพริกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นเป็นการปลอดคน เพราะเผอิญพ่อแม่ไปธุระที่อื่น หญิงสาวจึงเอาสากตำน้ำพริกมาล้าง แล้วถือเข้าไปในห้องนอนของตนปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย แล้วบรรจงเอาสากแหย่เข้าไปในรูของลับของตนใด้ลึกพอสมควร แม้รู้สึกเจ็บบ้างก็พอทนได้ แรก ๆ ก็สนุก แต่อยู่สักพักหนึ่งเนื่องจากหญิงสาวมัวคิดเพลิน  จึงลืมล้างสากให้สะอาดยังคงมีพริกติดอยู่บ้าง หญิงสาวก็มีอาการปวดแสบปวดร้อนในช่องคลอดของตนเป็นกำลังแทบจะทนไม่ไหว ต้องนอนควญครางอยู่คนเดียว
          พอพลบค่ำพ่อแม่กลับจากไปธุระมาถึงบ้าน ขณะหญิงสาวนอนควญครางอยู่นั้นก็เรียกแม่ให้เข้าไปหา และกระซิบเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้แม่ทราบ  เมื่อแม่รู้เรื่องเช่นนั้นรู้สึกตกใจไม่ทราบจะทำอย่างไรจึงให้ลูกสาวเปิดผ้าซิ่นขึ้น แล้วเอาพัดมาพัดของลับให้ลูกสาว และนำสูบรถจักรยานมาสูบลมใส่ด้วย ต้องพัดและสูบลมสลับกันอยู่เป็นเวลานาน อาการปวดแสบปวดร้อนจึงค่อยบรรเทาลง แต่การพัดวีและสูบลมของแม่เช่นนั้นยังผลให้ลมเข้าไปในท้องลูกสาวเป็นอันมาก จนถึงกับท้องพองป่องออกมา และหญิงสาวต้องนอนพักอยู่ในห้องนั้นจนถึงวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันแต่งงาน
          ในวันแต่งงานมีการจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ และอาหาร การกินอย่างเอิกเกริก รวมทั้งพาขวัญสำหรับทำพิธีบายศรีสู่ขวัญตามประเพณีด้วย พอถึงฤกษ์งามยามดีฝ่ายเจ้าบ่าวก็แห่ขันหมากและทำพิธีมอบพร้อมวางสินสอดตามประเพณี เสร็จแล้วก็ทำพิธียายศรีสู่ขวัญมีการบอกฝ่ายหญิงว่า "ท้าวมาแล้วขอให้เอานางแก้วออกมา" เมื่อแต่งตัวเสร็จหญิงสาวยังปวดแสบช่องคลอดประกอบกับอืดท้องด้วยจึงไม่ยอมออกไป  ต้องมีการฉุดดึงให้ลูกขึ้นและผลักดัน พอถึงใกล้พาขวัญหญิงสาวก็ก้มคลานเข้าไป เนื่องจากท้องตึงอย่างเต็มที่ พอหมอบจะลงคลานเท่านั้น ปรากฏว่าหญิงสาวได้ตดออกมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงตดดังไปถึงบ้านของฝ่ายเจ้าบ่าว
          ในวันแต่งงานนั้น เผอิญแม่ของเจ้าบ่าวป่วย ไม่สามารถไปร่วมพิธีแต่งงานของลูกชายได้จึงนอนพักอยู่ที่บ้าน ฝ่ายแม่เจ้าบ่าวอยู่ที่บ้านของตนได้ยินเสียงตดดังสนั่นหวั่นไหวของลูกสะใภ้เช่นนั้น เข้าใจว่าท้องฟ้าคำรามคงจะเป็นนิมิตอันดีแก่ลูกชายและลูกสะใภ้ของตน จึงยกมือขึ้นใส่หัวพร้อมกับร้องว่า "สาธุ"  ปากก็พูดอวยพรให้ลูกชายและลูกสะใภ้ของตนว่า "ขอให้ลูกจงมีความสุขความเจริญ และมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนฟ้าร้องเมื่อตะกี้นี้เถิดลูกเอ๋ย" 555555
                           ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา ฮืม ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
                         
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
เเมวมองเชียงรายโฟกัส
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 422



« ตอบ #98 เมื่อ: วันที่ 20 ตุลาคม 2010, 19:15:15 »

ดันครับผม ผมไม่ชื้อน่ะครับเเต่ขอดันครับ
ขอให้ผมมีความสุขขอให้ผมมีเเฟนสวยๆๆ
ก็พอเเล้วครับไม่ขออะไรมากหรอกอิอิอิอิ
IP : บันทึกการเข้า
ILoVePaNgYa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 973


« ตอบ #99 เมื่อ: วันที่ 21 ตุลาคม 2010, 19:38:33 »

เรื่องที่ 76 "เสี่ยวผีเสี่ยวคน" (นิทานของชาวไทเขิน)
         แต่ก่อนยังมีเด็กวัดหน้าตาดีคนหนึ่งไปเที่ยวสาวทุกวัน สาวๆจึงชอบเขา ต่อมา ผีได้มาเข้าสิงตัวเขา เขาจึงได้ไป บอกพระว่าผีมาเข้าตัว พระจึงเอาด้ายสีดำของแม่หม้าย ๗ เส้น มาผูกคอเขาไว้และถามว่าผีมาเข้าเด็ก ทำไม ผีจึงบอกว่า ผมชอบสาวแต่ขโยมมันไปเที่ยวสาวทุกวัน ผมจึงไม่ชอบมัน พระจึงใช้ค้อนทุบตี ผีร้องขอชีวิต และบอกว่าถ้าให้ชีวิตมัน ๆ ก็จะช่วยเหลือทุกอย่างมีเรื่องอะไรก็ให้พระนึกถึงมัน พระจึงปล่อยผีไป ต่อมาชายผู้เป็นเด็กวัด ไปได้เมียสาวสวยมาจากเมืองนาค  ส่วนขุนแสงผู้เป็นผีอีกตัวหนึ่ง ก็อยากได้เมียของขโยมวัด จึงคิดวางแผนต่าง ๆ โดยแปลงเป็นงูเขียวมาอยู่ในครก แล้วคิดว่าถ้ากัดเมียเขาตายแล้วก็จะเสกนางให้ คืนชีพขึ้นมาและจะเอาเป็นเมีย ในระหว่างนั้น เพื่อนผีที่เคยมาเข้าสิงตัวขโยมวัดซึ่งได้กลายเป็นเพื่อนรักเขา และเป็นศิษย์ของ อาจารย์เดียวกับขโยมวัด มาเข้าฝันขโยมวัดในเวลากลางคืน และสอนขโยมวัดว่าถ้าตำข้าวอย่าเอามือ ลงก่อน ตกตอนเช้าขโยมวัดได้บอกเมียว่าถ้าจะตำข้าว ให้ตำก่อนอย่าได้เอามือลงไปในครกก่อน ฝ่าย เมียจึงมาตำข้าวตามที่ผัวบอก เมื่อตำเสร็จจึงพบงูเขียวตายอยู่ก้นครก ฝ่ายขุนแสงจึงโมโห นึกในใจว่ามันรู้ได้อย่างไร จึงวางแผนใหม่ โดยแปลงเป็นตะเข็บ(ตะขาบ) มาอยู่ในหม้อน้ำ ถ้าเมียของขโยมวัดมาตักน้ำล้างหน้าตอนเช้าก็ให้ตะเข็บกัดมือนาง แล้วตนจะไปช่วยให้ นางฟื้นและก็จะเอานางเป็นเมีย ฝ่ายเสี่ยวผี(สหายผี) จึงได้ไปบอกผัวของนาง ผัวของนางไปบอกนางถึง เรื่องตะเข็บนี้ และบอกว่า อย่าตื่นล้างหน้าก่อนผัว ตกตอนเช้านางจึงตื่นพร้อมกับผัวแล้วจึงให้ผัวไปล้างหน้า ก่อน ขโยมวัดผู้เป็นผัวจึงฆ่าตะเข็บนั้นตาย ต่อมาขุนแสงก็เสกเป็นหนอนพิษมาอยู่ในที่นอน ถ้านางหรือผัวนางมานอนก็ให้กัดให้ถูกพิษตายแล้วตนจะได้เอานางเป็นเมีย ฝ่ายเสี่ยวผีจึงมาบอกผัวนางให้รู้ ทั้ง ๒ จึงได้ฆ่าหนอนตายแล้วจึงเอาไฟเผา กลิ่น จึงลอยไปถึงขุนแสง ขุนแสงจึงเสกให้เป็นหว่างกอลอมาให้ร้องเอาขวัญของนางซึ่งจะทำให้นางตาย แล้ว ตนจะได้เอานางเป็นเมีย หว่างกอลอจึงมาร้องที่บ้านของนาง หว่างกอลอมี ๓ ลิ้น ลิ้นที่หนึ่งเมื่อร้องแล้ว เรียกเอาขวัญ ลิ้นที่สอง เรียกเอาตาย และลิ้นที่สาม เรียกเอาคืนชีพ จึงได้มาร้องลิ้นที่หนึ่งนางจึงเจ็บ หัว ผัวนางจึงไม่รู้จะทำอะไร จึงจับผมนางไว้ทำอย่างไรก็ไม่หาย หว่างกอลอจึงร้องลิ้นที่สองเอาชีวิตนาง ไปได้ เสี่ยวผีจึงมาบอกว่า ไม่ต้องกลัวจะช่วยเหลืออย่าเอาศพนางไปทิ้ง ตนจะช่วยให้คืนมาภายใน ๗ วัน ส่วนนางเมียของเด็กวัดนั้น จึงไปเป็นเมียขุนแสงโดยวิญญานร่างกายยังอยู่ที่บ้านเพราะผัวนางไม่ได้ ทิ้ง เสี่ยวผีจึงไปถามหว่างกอลอโดยแกล้งถามว่า เจ้ามีลิ้นกี่ลิ้น มันหลงกลบอกว่ามี ๓ ลิ้น ลิ้นที่หนึ่งเรียก เอาขวัญ ลิ้นที่สองเรียกให้ตาย ลิ้นที่สามเรียกเอาคืนให้ฟื้นขึ้นมาได้ เสี่ยวผีจึงบอกให้ลองเรียกโดยลิ้นที่ เอาชีวิตคืนซิเรียกเป็นไหม หว่างกอลอหลงกลจึงร้องโดยใช้ลิ้นที่ ๓ นางจึงมีชีวิตกลับคืนมาหาผัวนางที่บ้าน เสี่ยวผีจึงถามหว่างกอลอว่าลิ้นที่เรียกตายเรียกเป็นไหม ลองแลบให้ดูซิ หว่างกอลอจึงแลบลิ้นที่สาม ให้ดู เสี่ยวผีจึงเอามีดตัดลิ้นมันแล้วนำลิ้นไปให้ขโยมวัดผู้ผัวให้เผาเสีย ตั้งแต่นั้นมาหว่างกอลอจึงมีสองลิ้น ส่วน ๒ ผัวเมียจึงอยู่อย่างสุขสบายสืบ
                       ตกใจ ตกใจ ตกใจ ฮืม ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
IP : บันทึกการเข้า

ไม่หล่อแต่จน....
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!