Jeekuk
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 22 กันยายน 2011, 13:37:45 » |
|
เคยอ่านหนังสือที่เขาถอดมาจากตั๋วเมือง เปิ้นเขียนว่า เมือง"เชริง" น่าจะเป็น "เจิง" ที่แปลว่าเป๋นเจิงป๋นลาย ได้ก่อจา
|
|
|
|
Theglockc
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 22 กันยายน 2011, 14:29:57 » |
|
ของผม อำเภอ"พญาเม็งราย" มาจากตำนาน ม่อนตี๋ไก่ของพ่อขุนเม็งรายครับ เล่ากั๋นมาว่า ครั้งตี้พ่อขุนฯเปิ้นขยายอาณาจักร ได้ยกทัพไปตี๋เมืองผาแดง(เจียงของ) ได้มาัพักทัพเพื่อเตรียมเสบียงอาหารตี้นี้ และใช้ดอยม่อนนี้ เป็นตี้ประทับ และเปิ้นโปรดในกีฬาจนไก่ เลยใจ้เนินเตี้ย ๆ แห่งนี้ประทับพักผ่อน สมั๋ยนั้นทหารต้องพักเยี๊ยะนา เปิ้นก่ะมาประทับก๋างต้งและก่ะตี๋ไก่โตย
ทุกวันนี้ก่ะมีหลั๊กฐาน เป็นคุ้มป้อขุนเม็งราย มีอนุสาวรีย์ประทับนั่งอยู่ตี้บ้านสันป่าสัก ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย มีผู้คนทั่วสารทิศมากราบไว้ เคารพอยู่กู้วันครับ เจื่อกั๋นว่า ทุกวันพฤหัส ฯ ดวงวิญญาณของป้อขุน เปิ้นจะมาประทับอยู่ตี้คุ้มแห่งนี้ตลอด ไผอยากบนบาน กราบไหว้ถ้าจะหื้อขลังแต้ ๆ ต้องไปต๋อนคืนวันพฤหัสครับ
ต๋อนตี้ตั้งจื้ออำเภอฯเปิ้นเลยตั้งต๋ามพระนามของผู้ก่อตั้งเมืองเจียงฮายและเจียงใหม่ ครับ
|
|
|
|
|
Theglockc
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 23 กันยายน 2011, 16:37:56 » |
|
แม่นละครับ มีอาจารย์หลายท่านได้บอกไว้เหมือนกั๋น ต๋ามแต้จริงในปั๊บใบลานสมัยเก่า เปิ้นบอกไว้ว่า "พญามังราย" ครับ .. 
|
|
|
|
|
Theglockc
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 23 กันยายน 2011, 20:49:28 » |
|
สงสัยว่าเปิ้นจะตั้งต๋ามจื่ออำเภอน่ะก่ะเด่นเห๋ย...(นึกว่าไผ).....อย่างบ้านฮาหนา...เวลาเขียนที่อยู่ ชื่อ เสือเหน่ง บ้านเลขที่ ๙ บ้านเม็งราย ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย.. 
|
|
|
|
ณ นครเทิง
เตรียมอนุบาล

ออฟไลน์
กระทู้: 27
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 27 กันยายน 2011, 22:44:59 » |
|
สงสัยว่าเปิ้นจะตั้งต๋ามจื่ออำเภอน่ะก่ะเด่นเห๋ย...(นึกว่าไผ).....อย่างบ้านฮาหนา...เวลาเขียนที่อยู่ ชื่อ เสือเหน่ง บ้านเลขที่ ๙ บ้านเม็งราย ต.เม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย..  กะท่าจะอั้นนะเด่นเหย อย่างบ้านฮา ต๋ำบลงิ้ว สงสัยท่าจะเก้างิ้วนักบ่ะเฮ้ย
|
|
|
|
|
|
Theglockc
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 08 ตุลาคม 2011, 21:41:29 » |
|
ดีแต้ครับ ถ้าเฮาจะเปลี่ยน ต้องจ่วยกั๋นเซาะหาหลั๊กฐาน ข้อมูลตี้แน่น ๆ และการนำเสนอ คงต้องมีก๋ารทำเป๋นมติของแต่ละชุมชน หรือตี้เปิ้นฮ้องว่า "มติของประชาคมแต่ละหมู่บ้าน" ร่วมกั๋นเสนอหื้อเปิ้นเปลี่ยนจื่อใหม่ หื้อถูกต้องสอดคล้องกับประวัติความเป๋นมาแต้ ๆ เลยครับ 
|
|
|
|
|
|
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้

ออฟไลน์
กระทู้: 5,267

...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2011, 10:14:54 » |
|
อ.เทิงละครับ มาจากคำว่าหยัง ผมอยากฮู้เหมือนกัน
อันนี้เป็นความเห็นของผมกึ๊ดคนเดียวเน่อ ไผฮู้แต้ก็บอกจิ่มกำว่า"เทิง" ตางล้านนาหมายถึง ที่เก็บของที่อยู่ตางบนของเติ๋น(ถามหาเติ๋นแหมละก้า) ใหญ่กว่าหิ้ง คล้ายเพดานแต่บ่เต็มพื้นที่ คนบะเก่าเปิ้นจ้างเอาเก็บ หม้อ ไห น้ำต้นหรือของอื่นๆที่เป็นสำรอง จะเอาลงมาไจ้ก็เมื่อมีปอย แล้วเมืองเทิงผมบ่าแน่ใจ๋ว่าเป็นที่ราบสูงก่อ ถ้าเป็นที่สูงก็น่าจะแม่น ถูกบ้าถูกบ่าฮู้เน่อ อำเภอเทิง ต้องไปถามคนตี้มีนามสกุล ใจเถิง บุญเถิง ฯลฯ ผ่อน่อครับ ต้นตระกูลเป็นไผ แล้วความหมายของ "เถิง" ตวยน่อ อำเภอเทิง ก็มาจาก "เถิง" บ่ใจ่ภาษาไทย แต่คนไทยเปิ้นมาเขียนเอาแหมใหม่ เหมือนกรณี "บ้านครึ่ง" ต.ครึ่ง อ.เชียงของ สมัยก่อนเรียกว่า "บ้านเคิ่ง" ลุกเมืองน่านมา ปอมาเขียนป้ายจื่อบ้านเป็น "ครึ่ง" (เหลือกึ่งเดียวเหียแล้ว) ฯลฯ "เถิง" น่าจะมาจากภาษาอิสานครับ แปลว่า...ถึง...ครับ อย่าลืมว่าอ.เทิงมีคนอิสานที่อพยพมาตั้งรกราก มิใช่น้อย
|
"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....." ....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
|
|
|
แมงคอลั่น
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 1,451

|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 24 พฤศจิกายน 2011, 06:21:33 » |
|
อ.เทิงละครับ มาจากคำว่าหยัง ผมอยากฮู้เหมือนกัน
อันนี้เป็นความเห็นของผมกึ๊ดคนเดียวเน่อ ไผฮู้แต้ก็บอกจิ่มกำว่า"เทิง" ตางล้านนาหมายถึง ที่เก็บของที่อยู่ตางบนของเติ๋น(ถามหาเติ๋นแหมละก้า) ใหญ่กว่าหิ้ง คล้ายเพดานแต่บ่เต็มพื้นที่ คนบะเก่าเปิ้นจ้างเอาเก็บ หม้อ ไห น้ำต้นหรือของอื่นๆที่เป็นสำรอง จะเอาลงมาไจ้ก็เมื่อมีปอย แล้วเมืองเทิงผมบ่าแน่ใจ๋ว่าเป็นที่ราบสูงก่อ ถ้าเป็นที่สูงก็น่าจะแม่น ถูกบ้าถูกบ่าฮู้เน่อ อำเภอเทิง ต้องไปถามคนตี้มีนามสกุล ใจเถิง บุญเถิง ฯลฯ ผ่อน่อครับ ต้นตระกูลเป็นไผ แล้วความหมายของ "เถิง" ตวยน่อ อำเภอเทิง ก็มาจาก "เถิง" บ่ใจ่ภาษาไทย แต่คนไทยเปิ้นมาเขียนเอาแหมใหม่ เหมือนกรณี "บ้านครึ่ง" ต.ครึ่ง อ.เชียงของ สมัยก่อนเรียกว่า "บ้านเคิ่ง" ลุกเมืองน่านมา ปอมาเขียนป้ายจื่อบ้านเป็น "ครึ่ง" (เหลือกึ่งเดียวเหียแล้ว) ฯลฯ "เถิง" น่าจะมาจากภาษาอิสานครับ แปลว่า...ถึง...ครับ อย่าลืมว่าอ.เทิงมีคนอิสานที่อพยพมาตั้งรกราก มิใช่น้อย "เถิง"เป๋นกำเมืองครับ กำบ่าเก่ายังว่า "มาจุ๊มาจอด มาฮอดมาเถิง" คนชื่อเถิงก็มีจ้าดนักเน่อ ไผมีฟ้อนต์ตัวเมือง
|
|
|
|
|
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้

ออฟไลน์
กระทู้: 5,267

...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...
|
 |
« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2011, 07:28:51 » |
|
อ.เทิงละครับ มาจากคำว่าหยัง ผมอยากฮู้เหมือนกัน
อันนี้เป็นความเห็นของผมกึ๊ดคนเดียวเน่อ ไผฮู้แต้ก็บอกจิ่มกำว่า"เทิง" ตางล้านนาหมายถึง ที่เก็บของที่อยู่ตางบนของเติ๋น(ถามหาเติ๋นแหมละก้า) ใหญ่กว่าหิ้ง คล้ายเพดานแต่บ่เต็มพื้นที่ คนบะเก่าเปิ้นจ้างเอาเก็บ หม้อ ไห น้ำต้นหรือของอื่นๆที่เป็นสำรอง จะเอาลงมาไจ้ก็เมื่อมีปอย แล้วเมืองเทิงผมบ่าแน่ใจ๋ว่าเป็นที่ราบสูงก่อ ถ้าเป็นที่สูงก็น่าจะแม่น ถูกบ้าถูกบ่าฮู้เน่อ อำเภอเทิง ต้องไปถามคนตี้มีนามสกุล ใจเถิง บุญเถิง ฯลฯ ผ่อน่อครับ ต้นตระกูลเป็นไผ แล้วความหมายของ "เถิง" ตวยน่อ อำเภอเทิง ก็มาจาก "เถิง" บ่ใจ่ภาษาไทย แต่คนไทยเปิ้นมาเขียนเอาแหมใหม่ เหมือนกรณี "บ้านครึ่ง" ต.ครึ่ง อ.เชียงของ สมัยก่อนเรียกว่า "บ้านเคิ่ง" ลุกเมืองน่านมา ปอมาเขียนป้ายจื่อบ้านเป็น "ครึ่ง" (เหลือกึ่งเดียวเหียแล้ว) ฯลฯ "เถิง" น่าจะมาจากภาษาอิสานครับ แปลว่า...ถึง...ครับ อย่าลืมว่าอ.เทิงมีคนอิสานที่อพยพมาตั้งรกราก มิใช่น้อย "เถิง"เป๋นกำเมืองครับ กำบ่าเก่ายังว่า "มาจุ๊มาจอด มาฮอดมาเถิง" คนชื่อเถิงก็มีจ้าดนักเน่อ ไผมีฟ้อนต์ตัวเมือง ครับ คงเป็นไปตามที่ท่านอธิบายมา แต่ภาษาอิสานก็มีคำนี้อยู่นาครับ
|
"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....." ....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
|
|
|
tawan rung
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 22 ธันวาคม 2011, 02:43:04 » |
|
แล้ว อำเภอ พาน ลอคับ ไผฮู้ผ่องคับ ไค่ฮู้ขนาดคับ ผมถามมาเจ่นป่อ เจ่นแม่แล้วเปิ่นก่อบ่าอู้ฮือฟัง จ๋นเปิ่นต๋าย ผมขอคนตี่ ฮู้แต้ๆ คับ ขอบคุณ จ๋าดนักคับ( คนเมืองพาน)
|
|
|
|
tawan rung
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 22 ธันวาคม 2011, 03:04:06 » |
|
ขอสูมาเต๊อะคับ กำว่า เทิง ของคนอิสาน บ่าได่แป๋ว่า ถึง คับแป๋ว่า ฮอด(มาฮอดแต่โดนแล่ว)แป๋ว่าบนคับผม(เจ้าเอาของไว่ใส ข่อยเอาไว้บนเทิงจ้า)
|
|
|
|
pluto108
มัธยม
 
ออฟไลน์
กระทู้: 560

|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2011, 18:17:02 » |
|
แล้ว อำเภอ พาน ลอคับ ไผฮู้ผ่องคับ ไค่ฮู้ขนาดคับ ผมถามมาเจ่นป่อ เจ่นแม่แล้วเปิ่นก่อบ่าอู้ฮือฟัง จ๋นเปิ่นต๋าย ผมขอคนตี่ ฮู้แต้ๆ คับ ขอบคุณ จ๋าดนักคับ( คนเมืองพาน)
ที่จริงคำว่าเมืองพาน มาจากคำว่า เมืองฟาน นะครับ อยากให้เข้าใจกันไว้ด้วย เมืองพานมีมาก่อน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้าน...นา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆสาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย ส่วนที่ไม่มี "ณ เชียงราย"ก็เพราะว่า สมัยพระราชทานนามสกุลแก่เจ้าตามหัวเมืองต่างๆ จังหวัดเชียงราย ไม่มีเจ้านายปกครองครับ เป็นแค่ขุนนางที่เป็นเจ้าเมืองเชียงราย จึงมีเฉพาะ "ณ ลำพูน" "ณ ลำปาง" "ณ เชียงใหม่" ส่วน "ณ น่าน" เป็นเจ้าคนละสายกับเจ้ากาวิละ และ "ณ แพร่" นั้น หลบหนีไปหลวงพระบาง จึงไม่ได้รับพระราชทานนามสกุลขึ้นต้นด้วย "ณ" เหมือนเจ้าอื่นๆ ในภาคเหนือ (และตระกูลเจ้าเมืองแพร่ ก็เป็นเจ้าคนละสายกับทางเชียงใหม่ด้วย) แต่เนื่องจากว่าสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตอนตั้งเมืองเชียงแสน ได้มีการกวาดต้อนราษฏรจากลำปางและเชียงใหม่มาตั้งบ้านแปงเมืองที่เชียงแสน จึงถือว่ากลุ่มคนนั้น (อาจจะ) มีเชื่อสายเกี่ยวดองกับหนานทิพย์ช้าง ต้นตระกูลของเจ้ากาวิละ จึงตั้งนามสกุลว่า เชื้อเจ็ดตน ขึ้นมา (ซึ่งไม่ได้ระบุว่ามาจากเจ้าองค์ไหนในจำนวนเจ็ดท่านชายดังกล่าว) เหมือนกับ เชื้อเมืองพาน เช่นกัน ไม่ได้เป็นเจ้าชั้นสูง เป็นเพียงการยกให้ใช้นามสกุลทั้งหมู่บ้านเฉยๆ เพื่อให้มีนามสกุลใช้ แต่คนทั่วไปก็เข้าใจผิดว่าเป็นเชื้อเจ้า จริงๆ ไม่ใช่เลย เอามาจากผู้รู้อีกที ผิดถูกอย่างไร ก็ช่วยติชมได้ คนเมืองพาน เหมือนกันครับ
|

4909.jpg (106.88 KB, 500x245 - ดู 647 ครั้ง.)
|
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
“LovemeLOveMyDog”
|
|
|
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้

ออฟไลน์
กระทู้: 5,267

...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2011, 19:28:32 » |
|
แล้ว อำเภอ พาน ลอคับ ไผฮู้ผ่องคับ ไค่ฮู้ขนาดคับ ผมถามมาเจ่นป่อ เจ่นแม่แล้วเปิ่นก่อบ่าอู้ฮือฟัง จ๋นเปิ่นต๋าย ผมขอคนตี่ ฮู้แต้ๆ คับ ขอบคุณ จ๋าดนักคับ( คนเมืองพาน)
ที่จริงคำว่าเมืองพาน มาจากคำว่า เมืองฟาน นะครับ อยากให้เข้าใจกันไว้ด้วย เมืองพานมีมาก่อน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้าน...นา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆสาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย ส่วนที่ไม่มี "ณ เชียงราย"ก็เพราะว่า สมัยพระราชทานนามสกุลแก่เจ้าตามหัวเมืองต่างๆ จังหวัดเชียงราย ไม่มีเจ้านายปกครองครับ เป็นแค่ขุนนางที่เป็นเจ้าเมืองเชียงราย จึงมีเฉพาะ "ณ ลำพูน" "ณ ลำปาง" "ณ เชียงใหม่" ส่วน "ณ น่าน" เป็นเจ้าคนละสายกับเจ้ากาวิละ และ "ณ แพร่" นั้น หลบหนีไปหลวงพระบาง จึงไม่ได้รับพระราชทานนามสกุลขึ้นต้นด้วย "ณ" เหมือนเจ้าอื่นๆ ในภาคเหนือ (และตระกูลเจ้าเมืองแพร่ ก็เป็นเจ้าคนละสายกับทางเชียงใหม่ด้วย) แต่เนื่องจากว่าสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตอนตั้งเมืองเชียงแสน ได้มีการกวาดต้อนราษฏรจากลำปางและเชียงใหม่มาตั้งบ้านแปงเมืองที่เชียงแสน จึงถือว่ากลุ่มคนนั้น (อาจจะ) มีเชื่อสายเกี่ยวดองกับหนานทิพย์ช้าง ต้นตระกูลของเจ้ากาวิละ จึงตั้งนามสกุลว่า เชื้อเจ็ดตน ขึ้นมา (ซึ่งไม่ได้ระบุว่ามาจากเจ้าองค์ไหนในจำนวนเจ็ดท่านชายดังกล่าว) เหมือนกับ เชื้อเมืองพาน เช่นกัน ไม่ได้เป็นเจ้าชั้นสูง เป็นเพียงการยกให้ใช้นามสกุลทั้งหมู่บ้านเฉยๆ เพื่อให้มีนามสกุลใช้ แต่คนทั่วไปก็เข้าใจผิดว่าเป็นเชื้อเจ้า จริงๆ ไม่ใช่เลย เอามาจากผู้รู้อีกที ผิดถูกอย่างไร ก็ช่วยติชมได้ คนเมืองพาน เหมือนกันครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ;D 
|
"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....." ....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
|
|
|