|
criec5
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #141 เมื่อ: วันที่ 30 มกราคม 2011, 06:47:50 » |
|
ถามท่านผอ. 1. ท่านเก็บค่าเรียนเพื๋ออะไร? 2. เก็บแล้วเอาไปทำอะไร และทำอย่างไร? (หากท่านตอบไม่ได้ให้ย้อนกลับไปดูข้อ 1) 3. ตอนนี้ท่านผอ.ติดค้างอะไรใครอยู่หรือไม่?
|
|
|
|
|
|
dang1234
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #144 เมื่อ: วันที่ 30 มกราคม 2011, 16:22:13 » |
|
พวกเราก็ย้ายลูกเราไปเรียนที่ ท8 เลย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 มกราคม 2011, 16:44:22 โดย dang1234 »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jj_t01
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #145 เมื่อ: วันที่ 30 มกราคม 2011, 19:03:40 » |
|
วันนี้ ติดตามอย่างอารมณ์ดีคะ 1.ก่อนอื่นขออนุญาตปรบมือให้ท่านผู้บริหารก่อนนะคะว่า ท่านเป็นคนหนักแน่นมาก ถามอะไรไปไม่เคยตอบเลย..ประเด็นที่ถาม 2.ท่านคงปล่อยให้พวกเราบ่นไป เรื่อยๆเดียวก็หมดแรงไปเอง.... 3.หรือท่าน...ตอบกระทู้ไม่เป็น....หรือ...(อาจเป็นไปได้) 4....ท่านคงสนใจประเด็นทุกประเด็น...อยู่ พวกเราไม่ต้องน้อยใจแต่ท่านยังไม่มีโอกาสตอบ 5.รึท่าน ให้ความเงียบ สยบ ความร้อนแรง...ของกระแส 6.งง....คะ...ไม่เข้าใจ...
|
|
|
|
criec5
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #146 เมื่อ: วันที่ 30 มกราคม 2011, 19:19:32 » |
|
อยากทราบว่าเมื่อไรท่านผอ.จะประชุมใหญ่ชี้แจงเรื่องต่างๆที่ผู้ปกครองสงสัยและแสดงวิสัยทัศน์การบริหารที่จะนำให้ท.7เป็นต้นแบบของโรงเรียนเทศบาลที่จัดการศึกษาหลักสูตรสองภาษาแบบmini english program ให้ได้มาตรฐานมีคุณภาพตามวัดถุประสงค์ที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น(เทศบาล)ได้จัดตั้งขึ้นมา ผู้ปกครองทุกคนมีความหวังดีต่อโรงเรียนชึ่งลูกๆของพวกเราเรียนอยู่และพร้อมสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนอย่างเต็มที่แต่ผู้บริหารต้องมีความจริงใจ พร้อมที่จะตอบคำถามของผู้ปกครองได้ทุกคำถาม อย่างนี้สิจึงจะเรียกว่าผู้บริหาร ไม่ใช่จะรอให้ปัญหาเกิดแล้วจึงมาแก้ไขทีละประเด็น หรือเรียกผู้ปกครองมาชี้แจงทีละคน และไม่ควรใช้เด็กมาถามผู้ปกครอง(คนผูกก็ควรเป็นดนแก้เองจะได้กระจ่าง)
|
|
|
|
|
dang1234
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #148 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 09:20:07 » |
|
ถ้าทุกท่านยึดเด็กเป็นสำคัญ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น แต่ถ้ายึด ผู้ใหญ่เป็นสำคัญทุกอย่างก็จะจบโดยเร็ว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 31 มกราคม 2011, 21:10:09 โดย dang1234 »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
auto!atom
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 1,349
รับทำระบบไฟฟ้าโรงงาน อุตสาหกรรม โรงแรม
|
 |
« ตอบ #149 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 10:10:31 » |
|
ถ้าทุกท่านยึดเด็กเป็นสำคัญ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น แต่ถ้ายึด ผู้ใหญ่เป็นสำคัญทุกอย่างก็จะจบโดยเลว
ขอบคุณที่ท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นซึ่งทางเราได้บอกเบื้องต้นแล้วอย่างกับตัวดิฉันลูกไม่ยอมไปโรงเรียนสาเหตุมาจากคุณครูที่ดูแลมาตั้งแต่เข้าเรียนได้ลาออกไป ดังนั้งทางดิฉันได้ผลกระทบโดยตรง ดิฉันก็หวังว่าลูกของดิฉันจะปรับตัวได้โดยเร็ว ถ้าไม่อย่างงั้นดิฉันคงต้องเหมือนผู้ปกครองหลายท่านที่ย้ายที่เรียน และหวังเป็อย่างยิ่งว่าท่าน dang 1234 คงไม่ใช้คนของโรงเรียนที่เข้ามาโพสแสดงความคิดเห็น เพราะถ้าท่านเป็นคนของโรงเรียนก็คงจะแย่ (ผู้ใหญ่เป็นสำคัญทุกอย่างก็จะจบโดยเลว) มันส่อจริงๆ ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าคำพูดบางคำไม่ถูกต้อง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
|
รับทำระบบไฟฟ้า อาคารพาณิชย์ บ้าน ห้องแถว โรงแรม โรงเรียน ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ติดตั้งและจำหน่ายกล้องวงจรปิด
|
|
|
ฺฺิิิิิิิฺฺิ222
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #150 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 10:30:46 » |
|
ขอมีส่วนร่วมในการผลักดันโรงเรียนเทศบาล 7 ไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิมเื่พื่อลูกหลานของเรา ผู้ปกครองที่มีเวลาดูแลเอาใจใส่เด็ก ย่อมดีกว่าผู้ปกครองไม่ใส่ใจ ปล่อยให้เด็กเป็นไปตามวิถีของโรงเรียน โรงเรียนน่าจะนำจุดนี้มาเป็นจุดแข็งของโรงเรียน ทำความเข้าใจให้ตรงกัน ยอมรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เื่พื่อสิ่งที่ดีทีสุด เพื่อลูกหลานของเราค่ะ
|
|
|
|
prucha
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #151 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 12:41:34 » |
|
ท่านผู้บริหารควรเรียกกรรมการและผู้ปกครองประชุมด่วนเพราะความศรัทราต่อโรงเรียนลดลง อย่าปล่อยให้โรงเรียนต้นแบบต้องกลายเป็นโรงเรียนปลายน้ำ และควรเชิญนายกเทศมนตรีสมพงษ์มาร่วมรับฟังปัญหา และตอบคำถามว่าท่านต้องให้โรงเรียนท.7เป็นอย่างไร
|
|
|
|
|
|
|
omhom
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #155 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 20:55:57 » |
|
แล้วคิดว่าท่านจะตอบเราอย่างจริงใจรึป่าว ทุกคำตอบจากท่านจะได้ใจเราแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคย ตอบคำถามกับผู้ปกครองแบบเคลีย ครั้งเดียวจบ เห็นแล้วเหนื่อยอ่ะ กับโรงเรียน จะเข้าปีที่ 7 แล้ว ทุกอย่างยิ่งแย่ลงๆ
|
|
|
|
|
|
victorinox
เตรียมอนุบาล

ออฟไลน์
กระทู้: 70
|
 |
« ตอบ #158 เมื่อ: วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 08:49:33 » |
|
รู้สึกดีใจกับการเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ปกครอง ตลอดจนผู้ร่วมแสดงทัศนะในพื้นที่สาธารณะแห่งนี้ ผมเชื่อว่าการศึกษาคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชากรของประเทศไทยควรได้รับอย่างเท่าเทียม แต่อย่างไรก็ตามความเลื่อมล้ำนั้นย่อมเกิดขึ้นอยู่เสมอๆในสังคมที่ยึดเอาเงินทุนเป็นตัวขับเคลื่อน ในกรณีของโรงเรียนเทศบาล ๗ ที่ผมได้อ่านมาจากกระทู้ข้างต้น ทำให้ผมเองเกิดความปริวิตกเป็นยิ่งยวดว่า การศึกษาในระดับปฐมวัย (อนุบาลและประถมศึกษา) ที่กำลังดำเนินอยู่นี้ ดำรงอยู่บนวิถีที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพสังคม ตลอดจนแก่นแท้ของระบบการศึกษาของประเทศไทยแล้วหรือยัง ผมในฐานะของผู้ที่มีใจรักในการศึกษาและผู้ที่ใช้ภาษาต่างประเทศที่เป็นภาษาสากลได้มากกว่า ๒ ภาษา ขออนุญาตแสดงทัศนะส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะแห่งนี้ เผื่อว่าบรรดาผู้ปกครองจะได้ข้อสังเกตุใหม่บางประเด็นจากมุมมองส่วนตัวของผม
ผมขอแยกประเด็นการนำเสนอออกเป็น ๓ ประเด็น คือ ๑.ความสำคัญของภาษาอังกฤษและกระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนอกบริบทของเจ้าของภาษา ๒.หลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนเทศบาล ๗ และพัฒนาการทางภาษาของนักเรียน ๓.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียนและการประยุกต์ใช้ความรู้กับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น
๑.ความสำคัญของภาษาอังกฤษและกระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนอกบริบทของเจ้าของภาษา ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยในยุคปัจจุบันได้หันมาให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษกันมากขึ้นกว่ายุคก่อนๆ และหมายมั่นที่จะปลูกฝังการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้แก่บุตรหลานของตนกันมากขึ้น เพื่อว่าลูกหลานของตนจะได้มีโอกาสทางสังคมมากขึ้น หรือมากกว่าตนเอง ประเด็นนี้ส่วนตัวถือว่าเป็นการตื่นตัวที่ดีอย่างหนึ่งในสังคมไทย ที่กำลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและเปิดรับความเป็นสากลสู่ประเทศมากขึ้น
บทบาทของภาษาอังกฤษที่แท้จริงในประเทศไทยเราก็คือการเป็น Vehicular Language ภาษาที่เป็นพาหนะไปสู่ ข้อมูลหรือความรู้ แต่กระบวนการเรียนรู้ภาษาในบ้านเมืองเรานี้มีข้อจำกัดหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านตัวผู้สอน บริบททางสังคม หรือหลักสูตรการเรียนรู้ที่ไม่เหมาะสมกับผู้เรียน ดังนั้นคนไทยจำนวนมากทั้งในอดีตและปัจจุบันจึงใช้ภาษาได้แค่ผิวเผินเท่านั้น การถือกำเนิดขึ้นของโรงเรียนสองภาษา หรือโรงเรียนนานาชาติจึงอีกทางเลือกหนึ่งของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และการศึกษาไทย
การเรียนรู้ภาษา (อังกฤษ) ที่ดีที่สุดคือ การลอกเลียนแบบ (Imitation) จากผู้อยู่แวดล้อมที่ใช้ภาษาเดียวกัน แต่ในขณะที่เราอยู่ในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสื่อสาร หรือภาษาราชการ การเรียนรู้ภาษาที่ดีที่สุดจึงเป็นวิธีการอ่านภาษาอังกฤษให้มากที่สุด จึงจะสามารถใช้ภาษาและเข้าใจภาษาได้อย่างทรงประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการอ่านนั้นผู้อ่านจำต้องมีความรู้ทางไวยกรณ์และคำศัพท์ในภาษาอยู่ในระดับหนึ่ง และวิธีการเรียนรู้ศาสตร์ใดๆที่ดีที่สุดก็คือการเรียนรู้ผ่านภาษาของตนเอง ซึ่งในที่นี้ก็คือภาษาไทย ผมเองเชื่อมั่นว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานควรเรียนรู้ด้วยภาษาไทย ซึ่งในกรณีของนักเรียนตัวน้อยของโรงเรียนเทศบาล ๗ นี้ ผมเห็นเป็นการส่วนตัวว่า พัฒนาการทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็กจะไม่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหรือบางรายอาจเกิดเจตนคติในแง่ลบต่อภาษาอังกฤษ ยิ่งไปกว่านั้นนักเรียนมีแนวโน้มอย่างมากที่จะเกิดความสับสนเกี่ยวในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตลอดจนองค์ความรู้ของสาระวิชาหลักต่างๆที่นักเรียนจะได้รับ หรือเข้าใจนั้นจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นแล้วผมคิดว่าการเรียนในระดับปฐมวัยที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสารนั้น น่าจะส่งผลกระทบในระยะยาวกับการเรียนรู้ของนักเรียนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐเป็นแน่นอน
๒.หลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนเทศบาล ๗ และพัฒนาการทางภาษาของนักเรียน
หากมองจากหลักสูตรสถานศึกษาที่โรงเรียนได้กำหนดไว้ ผมเองเชื่อมั่นว่าผู้ปกครองทุกท่านรวมทั้งตัวผมด้วยคงจะเห็นด้วยและปลาบปลื้มกับหลักสูตรที่ฟังดูแล้วเข้าที
“โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น จัดการศึกษาโดยใช้หลักสูตรสองภาษา MEP Mini English Programคือการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาเป็น แกนกลาง และพัฒนาเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับสภาพบริบทของโรงเรียนในการใช้ภาษา อังกฤษเป็นสื่อเน้น ความเป็น เอกลักษณ์ไทย โดยเฉพาะภาษาไทยและประเพณี วัฒนธรรมที่่ดีงามของไทย ส่วนภาษา อังกฤษเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะของการสื่อสาร ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ และ สามารถ ใช้ภาษาอังกฤษเป็น เครื่องมือ ในการศึกษาแสวงหาความรู้ให้ทันกับความ เปลี่ยนแปลง ของโลกปัจจุบัน”
โดยส่วนตัวเห็นว่าข้อความข้างต้นนี้น่าฟังและแลดูมีเหตุผล แต่หากถ้าคิดพินิจพิเคราะห์ให้ดีแล้ว ผมกลับเข้าใจว่า สิ่งนี้คือจินตนาการหรือคือความเพ้อฝัน เพราะหลักสูตรที่นำเสนอนี้ไม่อาจจะประยุกต์ใช้กับนักเรียนระดับอนุบาลหรือประถมศึกษาที่ยังขาดพื้นความรู้ทางภาษา หากมองตามความเป็นจริงแล้ว นักเรียนตัวน้อยคงต้องเรียนหนักพอดู เพราะไหนจะต้องเรียนรู้ภาษาต่างชาติที่แตกต่างไปจากภาษาของตนอย่างสิ้นเชิงแล้ว นักเรียนยังต้องเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานด้วยภาษาอังกฤษอีกด้วย ผมยังมองไม่เห็นทางเลยว่านักเรียนจะเข้าถึงองค์ความรู้ได้มากน้อยอย่างไร มองดูแล้วให้คิดวิตกกับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น (การเรียนรู้ที่ยึดเอาสาระความรู้เป็นสำคัญ) ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว การจัดการเรียนการสอนภาษาจีนเพิ่มเติมให้แก่เด็ก ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการจัดการศึกษาที่แลดูไม่สมเหตุผล อาจจะจริงที่ภาษาจีนเป็นภาษาที่สำคัญในยุคปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามทรัพยากรตัวน้อยที่เข้ามาเรียนในสถานศึกษาก็มีขีดความสามารถทางการเรียนรู้ที่จำกัด การเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง ๒ ภาษานี้ นับว่าเป็นการสร้างภาระให้แก่เด็กเป็นอย่างมาก ถ้าอยู่ในโลกตะวันตกแล้ว ผมเชื่อมั่นเป็นที่สุดว่า การจัดหลักสูตรแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเป็นอันขาด ภาษาจีนเป็นภาษาที่มีระบบกลไกที่ตรงกันข้ามกับภาษาอังกฤษ ภาษาหนึ่งเป็นระบบสัญลักษณ์ อีกภาษาหนึ่งเป็นระบบอักษรที่เกิดจากการประสมคำ วัฒนธรรมในภาษายิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ประเด็นนี้น่าเป็นห่วงเสียเหลือเกิน ไม่ทราบเหมือนกันสิ่งมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือว่าคนไทยเรากระหายใคร่รู้แต่ภาษาต่างชาติ จนลืมนึกไปถึงความรู้ที่เกิดจากการศึกษาอย่างแท้จริง?
๓.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียนและการประยุกต์ใช้ความรู้กับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น
จากประสบการณ์ที่ผมสอนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสให้แก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษาไทยในระยะหลังมานี้ มีข้อสังเกตุว่า นักเรียนจำต้องออกไปเข้าสถาบันกวดวิชา หรือไปเรียนเพิ่มเติมกับติวเตอร์มากขึ้น เพราะเนื้อหาความรู้ในห้องเรียนนั้นจำกัด และข้อสอบคัดเลือกหรือสอบแข่งขันนั้น มีขอบเขตที่เกินกว่าหลักสูตรการศึกษา ยิ่งไปกว่านั้นแล้วทักษะทางภาษาของนักเรียนนั้นอยู่ในระดับที่ถดถอยไปจากนักเรียนรุ่นก่อนหน้ามากขึ้นๆ ผมเองสันนิษฐานว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือผลลัพธ์ของการดำเนินการเรียนการสอนที่ผิดรูปแบบและขาดความเหมาะสมกับทรัพยากร (นักเรียน) หรืออาจกล่าวให้ชัดเจนมากขึ้นก็คือ การเรียนการสอนวิชาภาษาไทยถูกละเลยไปอย่างมาก นักเรียนใช้ภาษาไทยกันผิดมากขึ้น และผมเองก็เชื่อมั่นเป็นยิ่งยวดว่า การอ่านภาษาไทยของนักเรียนอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งมองไปถึงการเรียนภาษาต่างชาติด้วยแล้วยิ่งกลายเป็นหายนะของการเรียนรู้ภาษา ครั้งหนึ่งขณะที่ผมได้ปฏิบัติหน้าที่ล่ามให้แก่ภริยาเอกอัครราชทูตของประเทศมหาอำนาจชาติหนึ่ง ท่านได้เอ่ยถามผมว่า คนไทยอ่านหนังสือและข้อความเดียวกันแล้วมีความเข้าใจตรงกันไหม คำถามนี้ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยิน ท่านยังกล่าวต่อไปอีกว่าท่านเห็นการเรียนการสอนในโรงเรียนหลายๆโรงเรียนของไทยแล้ว ท่านอดที่จะวิตกไม่ได้ว่าวันหน้าของเราจะเป็นอย่างไร เพราะคนไทยจะขาดความรู้ที่แท้จริง ความรู้ที่ถ่องแท้กันมากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่าคนไทยให้ความสำคัญต่อความเป็นอื่น และภาษาอื่นๆมากขึ้นทุกขณะจิต ฟังดูแล้วผมก็ได้ข้อคิดและทุกครั้งที่กลับมาสอนหนังสือ ไม่ว่าจะสอนภาษาใดๆ วรรณกรรมของชาติใดๆ ผมจะไม่ละเลยที่จะใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องในการสอนและการทดสอบ ควบคู่ไปกับการใช้ภาษาต่างชาติที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ผมเองอาจโชคดีกว่าครูโรงเรียน ท.๗ ตรงที่ว่า ผมสอนนักศึกษาที่เรียนภาษาอังกฤษมานานปีแล้ว ถ้าให้ไปสอนเด็กน้อยปฐมวัย ผมก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าเด็กจะเข้าใจเวลาเราใช้ภาษาอังกฤษสอนเขาจริงๆไหม เกรงจะเป็นการเปล่าประโยชน์เสียมากกว่า ที่พูดมาอย่างนี้ก็เพียงเพราะอยากผู้ปกครองหรือโรงเรียนได้เห็นความสำคัญกับภาษาไทยที่ควรนำมาเป็นภาษาแห่งการเรียนรู้ ส่วนภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนนั้น เด็กระดับปฐมวัยนี้ ควรได้รับการปูพื้นทางภาษาอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสม่ำเสมอมากกว่าการเอาภาษามาใช้กับทุกรายวิชาในขณะเดียวเลย ผมคิดว่ามันมากมายเกินไปสำหรับชีวิตน้อยๆที่และดูสดใส
ข้อเขียนที่ยืดยาวนี้เป็นเพียงทัศนะส่วนตัว มุมมองของผมเอง คงมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและขัดแย้ง แต่อย่างไรก็ตามผมก้น้อมรับความคิดเห็นทุกๆความคิดเห็นด้วยความยินดีครับ
เห็นด้วยอย่างมาก ทั้ง 3 ข้อ นับว่าคุณมีประสพการณ์ในการสอนมาก ลูกผมเรียนอยู่ ป.1 ที่ ท.7นี้ ใกล้สิ้นปีการศึกษาแล้ว พูดอังกฤษได้ไม่ถึง 10 ประโยค จำศัพท์ แทบจะไม่ได้เลย ถ้าถามเป็นคำ ก็พอจะบอกคำเรืยกภาษาอังกฤษได้ ปัจจุบันเด็กไทยอ่านหนังสือกันน้อยมาก แม้แต่ภาษาไทยก็อ่านน้อย ลองไปดูในร้านเช่าหนังสือ มีแต่การ์ตูนมากกว่า 80 % เราควรส่งเสริมเด็กไทยให้ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องกันเสียที
|
|
|
|
|