เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 18:37:17
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมคนรักรถ
| | |-+  ขอความรู้เรื่องเคลือบแก้วคริสตันรถยนต์ครับ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน ขอความรู้เรื่องเคลือบแก้วคริสตันรถยนต์ครับ  (อ่าน 2474 ครั้ง)
nonsee
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 17:43:13 »

พอดีผมถอยรถมาใหม่ แล้วอยากเคลือบสีป้องกันรอยขีดข่วนแบบระยะยาวๆอ่ะครับ เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถ แต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ครับ เห็นเพื่อนบอกมาว่าต้องเป็นแบบเคลือบแก้วคลิสตันหรือเคลือบแข็งอะไรซักอย่าง มันเคยไปทำที่กรุงเทพมาเห็นว่ารับประกันถึง 10 ปี ไม่รู้ว่าจริงรึป่าวและถ้าจริงผมคงไม่มีปัญญาไป เฮ่อๆแต่รถเพื่อนผมใช้มา 3ปีกว่าๆแล้วยังเงาวับเหมือนรถใหม่ตลอดเลย  รบกวนพี่ๆน้องๆแนะนำหน่อยครับว่าเคลือบแบบนี้ดีเสียอย่างไรหรือเชียงรายมีที่ไหนรับทำบ้างครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
IP : บันทึกการเข้า
ฺB Wash Car Detailing
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,001


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 20:09:50 »

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

กลุ่มคนที่เคลือบรถทีนึงเป็นหลักหมื่นบาท "ส่วนใหญ่" จะเป็นคนที่รักรถมาก จึงคอยดูแลรถเป็นอย่างดีอยู่เสมอ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถของกลุ่มคนเหล่านี้ สวยงามอยู่ตลอดรึเปล่า?

*** หมายความว่า ถึงแม้ว่าไม่ได้เคลือบ รถของเขาก็จะดูดีกว่ารถที่ เคลือบแล้วไม่ค่อยดูแล ก็เป็นได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 20:13:10 โดย ฺB Wash Car Detailing » IP : บันทึกการเข้า
ฺB Wash Car Detailing
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,001


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 20:44:19 »

พอดีผมถอยรถมาใหม่ แล้วอยากเคลือบสีป้องกันรอยขีดข่วนแบบระยะยาวๆอ่ะครับ เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถ แต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ครับ เห็นเพื่อนบอกมาว่าต้องเป็นแบบเคลือบแก้วคลิสตันหรือเคลือบแข็งอะไรซักอย่าง มันเคยไปทำที่กรุงเทพมาเห็นว่ารับประกันถึง 10 ปี ไม่รู้ว่าจริงรึป่าวและถ้าจริงผมคงไม่มีปัญญาไป เฮ่อๆแต่รถเพื่อนผมใช้มา 3ปีกว่าๆแล้วยังเงาวับเหมือนรถใหม่ตลอดเลย  รบกวนพี่ๆน้องๆแนะนำหน่อยครับว่าเคลือบแบบนี้ดีเสียอย่างไรหรือเชียงรายมีที่ไหนรับทำบ้างครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ทีนี้ จะค่อยๆไล่ไปทีละประเด็นนะครับ

1. การป้องกันรอยขีดข่วน
ผมยังไม่พบว่ามีน้ำยาเคลือบชนิดใด ป้องกันรอยขีดข่วนได้ ทั้งรอยขนแมว (Swirl)  และรอยขีดข่วนลึก (Scratch)

รอยขนแมว เกิดจากการล้าง หรือ เช็ดรถไม่ถูกวิธี น้ำยาเคลือบที่ดี อาจจะช่วยได้เพียงแค่บรรเทา หรือ ทำให้เกิดได้ยากขึ้นแค่นั้น แต่ป้องกันไม่ได้ครับ
รอยขีดข่วนลึก ยังไม่พบเช่นกัน ว่ามีน้ำยายี่ห้อใด "ป้องกัน" ได้ ถ้าไม่เชื่อคุณลองขออนุญาตเค้าเอากุญแจ หรือเหรียญ ขีดรถเค้าดูสิครับ ว่ามันป้องกันได้จริงหรือเปล่า

2. เคลือบแก้ว/เคลือบแข็ง คืออะไร
เรื่องนี้ เดี๋ยวขอแยกไปตอบอีกความคิดเห็นนึงนะครับ เพราะน่าจะยาว

3. รถ 3 ปีกว่าๆ แล้วยังเงาวับ?
อันนี้ไม่เข้าใจว่าเคลือบมา 3 ปีกว่าแล้วยังเงาวับ (แสดงว่าเจ้าของดูแลดีมาก)
หรือ รถอายุ 3 ปีไปเคลือบแล้วเงาวับ ถ้าเป็นแบบหลัง ไม่จำเป็นต้องเคลือบก็เงาได้ครับ

4. เคลือบแบบนี้ มีข้อดี/เสียอย่างไร
ข้อดีคือ มันทำให้ดูแลรถง่ายขึ้น, ทำครั้งเดียวอยู่ได้ยาว ไม่ต้องเสียเวลามาเคลือบแว็กซ์บ่อยๆ
ข้อเสียคือ ราคาสูง

5. ที่เชียงราย มีที่ไหนรับทำบ้าง
เท่าที่เห็นว่ามีการโฆษณาก็มี....

Wash&Spa ข้างเซ็นทรัล

Smart Wax ลงสะพานแม่น้ำกก ไปทางฝั่งหมิ่น อยู่ซ้ายมือ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=234198.0

Asia Car Spa ตรงข้ามอู่เอเชีย แถวๆ รร.สันติ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=512357.0

B Wash Car Detailing ซอยสนามบินเก่า (ซ.โรงแรมเรดโรส)
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=208004.0
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2013, 22:29:56 โดย ฺB Wash Car Detailing » IP : บันทึกการเข้า
boom007
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 20:53:50 »

 ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า
auasia
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 22:32:37 »

 เจ๋ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2013, 12:47:41 โดย auasia » IP : บันทึกการเข้า
ฺB Wash Car Detailing
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,001


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2013, 12:20:10 »

เห็นว่าเจ้าของกระทู้ ลงทุนสมัครสมาชิก เพื่อเข้ามาสอบถาม ไม่น่าจะเป็นการเข้ามาโพสชง เพื่อรอให้คนมาตบ (ศัพท์เซปักตะกร้อ) ก็เลยขออนุญาตเพิ่มเติมรายละเอียดให้ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ ด้วย  ยิ้มเท่ห์

เคลือบแก้วคืออะไร?
เคลือบแก้วเป็นเทคโนโลยี การดูแลรักษาสีรถ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมา
โดยการเคลือบรถด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของ ซิลิก้า  ซึ่งเป็นแร่พื้นฐานที่ใช้ในการผลิตกระจกหรือแก้ว เคลือบไว้บนตัวรถทั้งคัน  จึงเป็นที่มาของคำว่า “เคลือบ(ด้วย)แก้ว” ส่วนที่ว่าแต่ละยี่ห้อมีซิลิก้าผสมอยู่กี่เปอร์เซ็นต์นั่นว่ากันอีกที (ฮา)

ด้วยกระแสและตัวเลขที่เย้ายวนตั้งแต่หลักหลายหมื่น จนถึงหลักแสนบาท  จึงทำให้ผู้ให้บริการหลายแห่ง สรรหามาให้บริการกับลูกค้าของตน แต่ปัญหาที่ตามมาคือ “เกิดอาการมั่ว” ทั้งโดยพ่อค้าขายน้ำยา และเจ้าของกิจการ
ถึงวันนี้ ผ่านมา 2-3 ปี ความจริงจึงเริ่มปรากฏว่า ส่วนใหญ่ ไม่เป็นไปตามคำโฆษณา เช่น ความแข็ง ความทนทาน  การป้องกันรอย ฯลฯ  กระแสการต่อต้าน และก่นด่าเคลือบแก้วจึงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกทม. ที่เริ่มให้บริการก่อนที่อื่นๆ

เกิดอะไรขึ้น?
ผมมองว่าสาเหตุใหญ่ประการแรกคือการโฆษณาเกินจริง เช่น ป้องกันรอยขีดข่วนได้100% , มีความแข็งระดับ 9H
( ตามสเกลความแข็งของมอร์ ซึ่งแข็งเกือบๆเท่าเพชรเลยครับ), ทนทานนานหลายปี แต่พอเวลาผ่านไป ความจริงเริ่มปรากฏว่าไม่ใช่  เรื่องเหล่านี้จะโทษแต่เจ้าของกิจการเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะตัวแทนขายน้ำยาหลายๆยี่ห้อ ก็มั่ว (สมัยที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมก็เคยโดนคนขายน้ำยาหลอกมาแล้วครับ)
สาเหตุเกิดจากใครก็แล้วแต่ เมื่อลูกค้าจ่ายเงินไปแล้วหลายหมื่น  ทำยังไงล่ะทีนี้?

ประการต่อมาคือความชัดเจนของคำว่า “เคลือบ”  คือที่เมืองไทย จะเคลือบแว็กซ์ หรือเคลือบแก้ว เราเรียกว่า “เคลือบ” หมด แต่ฝรั่งเค้าไม่ใช่  การเคลือบแว็กซ์ ฝรั่งเค้าจะใช้คำว่า “Wax the Car” แต่ถ้าเป็นเคลือบแก้ว เค้าจะเรียกว่า “Coat the car” ทีนี้พอเราใช้คำว่า “เคลือบ” รวมไปหมด ก็เลยมีการเอาแว็กซ์ต่างๆ มาเคลือบรถ แล้วก็รวมเรียกว่า “เคลือบแก้ว” กันมั่วไปหมด ผมขับรถไปต่างจังหวัด เคยเห็นป้ายเคลือบแก้วเริ่มต้น 150 บาท ก็มี
2-3 เดือนก่อน ผมเห็นที่แผนกประดับยนต์ในห้างแห่งหนึ่ง ติดป้ายขวด Meguiar’s #21 : Synthetic Sealant 2.0 ว่าน้ำยาเคลือบแก้ว !?! ขนาดนั้นกันเลยทีเดียว
นี่ยังไม่นับ ในงานกาชาดปีที่ผ่านมา เห็นว่า มีคนมาตั้งโต๊ะ แล้วก็เอาแว็กซ์ยี่ห้ออะไรไม่รู้ (เดาว่าคงจะกวนกันอยู่แถวคลองถม) เอามาขายเป็นน้ำยาเคลือบแก้ว กระปุกละพันกว่าบาท

เมื่อไม่นานมานี้ก็มีเพื่อนๆที่กทม. แจ้งมาอีกว่า เดี๋ยวนี้มีหลายๆร้านในกทม. เล่นเอาแลคเกอร์ (Clear Coat) ที่เค้าใช้พ่นรถ มาโฆษณาว่าเป็นเคลือบแก้วกันแล้ว

สรุปแล้วเคลือบแก้วดีหรือไม่?

เคลือบแก้วที่เป็นซิลิก้าแท้ๆ ที่เคยเจอมา ผมพบว่า ทนทานจริงๆครับ เคลือบ(coat) ครั้งนึง อยู่ได้เป็นปีบางยี่ห้ออาจจะถึง 5 ปี สำหรับผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาไปกับเคลือบรถบ่อยๆ ครั้งนึง 4-5  ชั่วโมง  ผมว่าคุ้ม
 หรือผู้ที่รักรถ อยากจะรักษาสีรถให้รถสวยไปนานๆ การเคลือบก็จะช่วยให้ดูแลรถง่ายขึ้น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยบนรถได้

ส่วนเรื่องการเคลือบแก้วแบบอื่น เช่น การเอาแว็กซ์มาเคลือบแล้วเรียกว่า "เคลือบฟิล์มแก้ว" บ้าง การพ่นด้วยน้ำยาชนิดอื่นเช่นโพลิเมอร์ แล้วเรียกว่า " เคลือบแข็ง" บ้าง
อันนั้นผมไม่มีความเห็นครับ

ทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
ซึ่งเกิดจากประสบการณ์การเคลือบแก้วสำหรับรถที่ใช้งานและอยู่ในสภาวะแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่เชียงรายกว่า 100 คัน
รวมถึงความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกับ Detailer ทั่วโลกใน Detailing World (ชุมชนสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ของ Detailer จากทั่วโลก)

อถ้าท่านใดเห็นว่า มีเรื่องใดไม่จริงในประเด็นใด  ผมยินดีรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกท่านครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2013, 12:23:01 โดย ฺB Wash Car Detailing » IP : บันทึกการเข้า
auasia
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2013, 15:02:47 »

 ขยิบตา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2013, 12:48:16 โดย auasia » IP : บันทึกการเข้า
ฺB Wash Car Detailing
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,001


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2013, 22:20:24 »

ขอขอบคุณทาง B Wash Car Detailing ที่เพิ่มเติมความรู้ดีๆให้อีกหลายๆท่านได้ทราบครับเป็นประโยชน์มากๆ จากที่ผมทราบมาเป็นแบบที่ท่านบอกจริงๆครับ ว่ามีทั้งแท้ทั้งเทียม ท่านใดสนใจเคลือบแก้วคริสตันควรศึกษาข้อมูลหรือปรึกษาผู้รู้ และทาง เอเซีย คาร์ สปา ยินดีให้คำปรึกษาผู้รักรถทุกๆท่านทุกรายละเอียดข้อสงสัยหรือสามารถแวะชมตัวอย่างผลงานพร้อมทั้งทดลองให้ท่านได้สัมผัสถึงความพิเศษของสารเคลือบแก้ว ได้ที่สำนักงาน โทร 053-715065 หรือ 085-0383670


เคลือบแก้วคริสตันของแท้ 100 % รับประกัน 10 ปีเต็มต้อง เอเซีย คาร์ สปา เท่านั้นครับ ชื่อนี้ที่ทุกท่านวางใจครับ

ด้วยความยินดีครับ ช่วยๆกันให้ข้อมูล

แต่ถ้าจะโฆษณาร้าน เรียนเชิญห้องธุรกิจบริการจะเหมาะกว่าครับ
IP : บันทึกการเข้า
ฺB Wash Car Detailing
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,001


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 24 พฤศจิกายน 2013, 22:06:06 »

ต่อเรื่องน้ำยาเคลือบแก้ว

อย่างที่เรียนไว้ตั้งแต่้ต้นว่า ทุกวันนี้มั่วกัึนเยอะ จนเริ่มเป็นประเด็นในหลายๆที่ว่าไม่เป็นจริงดังคำโฆษณา

วิธีตรวจสอบง่ายๆคือ ก่อนที่จะเข้ารับบริการ ให้ถามผู้ให้บริการก่อนว่า ใช้นำยายี่ห้ออะไร แล้วเอาชื่อยี่ห้อ ไปเซิร์ชหาในกูเกิล กับ ยูทูป
ถ้าเจอว่ามียี่ห้อนั้นๆ มีให้บริการอยู่ทั่วโลก ก็มั่นใจได้เกือบ 100 % ว่าได้น้ำยาดีจริง แต่ถ้าเจอแต่ในเว็บของคนไทย !?!

ผมไม่ได้แอนตี้ แต่อยากให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า มันมีใช้แต่เฉพาะในเมืองไทยหรือเปล่า แล้วมันผลิตที่ไหน? คนไทยสามารถผลิตน้ำยาเหล่านี้ได้หรือ?

ยิ่งถ้าโฆษณาว่าน้ำยามาจากประเทศนู้น ประเทศนี้ล่ะตัวดีเลยครับ ลองไปเสิร์ชหาดูสิครับ ว่าประเทศเหล่านั้นมีน้ำยายี่ห้อดังกล่าวจำหน่ายจริงรึเปล่า?



คราวหน้า จะมาว่ากันต่อเรื่อง

เคลือบแก้วทำไม ?
เคลือบแล้วรถสวยจริงหรือ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 พฤศจิกายน 2013, 22:09:58 โดย ฺB Wash Car Detailing » IP : บันทึกการเข้า
auasia
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 01:52:42 »

 ขยิบตา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2013, 12:48:38 โดย auasia » IP : บันทึกการเข้า
กบฏ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,025



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 11:37:18 »

เรียนท่านเจ้าของกระทู้ เรื่องเคลือบแก้ว

ลองเอาแต่ละยี่ห้อไปหาใน google กับ youtube

ถ้ายี่ห้อไหนมีรีวิว ของเมืองนอก ใช้ยี่ห้อนั้นครับ

เพราะถ้ามีแต่รีวิวของไทย แสดงว่ามีแต่ในเมืองไทย

ไม่น่าเชื่อถือ อย่างยิ่ง

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเคลือบแก้ว 100% ผมให้กับตัวน้ำยาแค่ 20%

อีก 80% ผมให้กับเทคนิคการเตรียมพื้นผิว เปรียบได้กับ

ผู้หญิงที่หน้าเป็นสิวเป็นฝ้า หลุมสิว ต่อให้เครื่องสำอางค์เทพแค่ไหน

ก็กลบริ้วรอยไม่หมด แต่ถ้าผู้หญิงผิวสวย หน้าใส ต่อให้ใช้แค่มิสทีน

ก็สวยได้ครับ

ความเข้าใจผิดๆอีกอย่างคือเครือบแล้วแล้วทนไม่เป็นรอย

มันเป็นความเข้าใจผิดๆ ครับ สีรถยนต์ออกจากโรงงานมีความหนา

ไม่เกิน 150 ไมครอน ( 1 มิลลิเมตร = 1,000 ไมครอน ) วิ่ง 100++ km/h

โดนหินกระเด็นใส่ สียังหลุดเป็นชิ้นๆเลยครับ เครือบแก้ว ผมให้เต็มที่ 5-20 ไมครอน

มันจะเหลืออะไร ถ้าไปลุยโคลนมา แล้วเอาฟองน้ำอันเดียวล้าง ความคมของเศษ หินเศษดิน

ที่เกาะตามฟองน้ำมันก็ทำให้รถเป็นรอยได้ ลองดูแก้วที่น้ำล้างด้วยฟองน้ำ ไปนานๆยังมีรอยเลยครับ

นั่นคือแก้วแท้ๆ ยังไม่รอด นับภาษาอะไรกับน้ำยาที่แห้งแล้วมีลัษณะคล้ายแก้ว มันก็ไม่รอดเหมือนกัน

ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าการเคลือบแก้วจะไม่ดีนะครับ แต่เคลือบไปแล้วต้องล้างและรักษาให้ถูกวิธีด้วย

ไม่ใช่ว่าเคลือบไปแล้วไม่มีการดูแลต่อที่ถูกต้อง ไม่มีบริการหลังการขาย มันก็เปล่าประโยชน์ครับ

เรียนทางอู่เอเชีย เลิกการโพสแบบเน้นขายของในห้องนี้ด้วยนะครับ

ไม่งั้นผมแบน
IP : บันทึกการเข้า

จากสูงสุด สู่สามัญ
mcprachy
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 16:33:01 »



อ้างอิงจากคำตอบเกี่ยวกับ Cyglaz ของอู่เอเชียนะครับ...ผมหาคำตอบจากผู้ผลิต http://www.nipponpaint.com/automotive/ ไม่พบคำอธิบายที่เกี่ยวกับ Cyglaz อย่างที่ท่านว่าไว้(รบกวนอู่เอเชียแจ้ง Link ข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริงจากผู้ผลิตจะดีมากครับ..^^)

สำหรับข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้ ถ้าเป็นจริงผมสนใจงานเคลือบตัวนี้ แต่รบกวนช่วยตอบข้อสงสัยที่จะถามต่อไปนี้ด้วยครับ

1.รับประกัน 10 ปี
 โดยหลังจากทำไปแล้วมีวิธีดูแลรักษาอย่างไร และกรณีถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับตัวเคลือบหลุดร่อนก่อนอายุรับประกัน "สามารถเคลมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใช่หรือไม่"

2.ข้อมูลแรก"ไซกลาส พ่นและอบด้วยห้องอบจากยุโรปความร้อนสูงกว่า 70 องศา รับประกันความใสฉ่ำเงางาม โมเลกุลแข็งแกร่งทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นพิเศษเนื่องจากมีสารซิลิกาที่เป็นองค์ประกอบของแก้ว"
ข้อมูลภายหลัง "ไซกลาส"CyGLAZ เป็นพัฒนาการใหม่ของสารโพลีเมอร์ "
- เข้าใจว่าเทคโนโลยีสี 2K ในปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องอบเพื่อเร่งปฏิกิริยากันแล้ว แสดงว่าตัวเคลือบของท่านยังใช้เทคโนโลยีที่ด้อยกว่างานสีหรือไม่
- และอุณหภูมิสูงขนาด 70องศา(น่าจะเป็นเซลเซียส) จะมีผลกับสายไฟภายในรถ โดยเฉพาะรถยุโรปที่มีการใช้วัสดุพลาสติครีไซเคิล และทำให้พลาสติดเหล่านี้เสื่อมอายุเร็วกว่าที่ควรเป็นหรือไม่??
- สรุปว่าสารตัวนี้เป็นแก้ว หรือโพลีเมอร์ครับ?ฮืม....


3.ไม่ได้หมายความว่าการเคลือบสารดังกล่าวจะสามารถป้องกันรอยขีดข่วนที่รุนแรงได้ 100 %นะครับ เพียงแต่มีความแข็งเป็นพิเศษที่สามารถรับมือได้กับเศษก้อนหิน กิ่งไม้ กรงเล็บสัตว์ฯลฯได้ดีกว่าสารเคลือบรถยนต์อื่นๆได้หลายเท่าตัวครับ(จากการทดลองด้วยตัวเอง) ขอทราบรายละเอียดการทดสอบด้วยครับ(ขอวิธีการเป็นรูปธรรมอธิบายและทดสอบได้จริง ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวนะครับ) เพราะปรกติที่ผมเคยเคลือบมาเจอแค่หินจากรถสิบล้อดีดใส่ยังไงก็ทะลุครับ และทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลของผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วคริสตันที่นำเข้าจาก.....(สอบถามได้ครับ)ซึ่งใช้เคลือบแก้วคริสตันเฉพาะที่ เอเซีย คาร์ สปา เท่านั้น แจ้งข้อมูลยี่ห้อให้ทราบเลยก็ได้ครับ เพราะเป็นยี่ห้อที่ท่านจำหน่ายเอง ผมจะได้ช่วยตรวจสอบให้ว่ายี่ห้อดังกล่าวเป็นเคลือบแก้ว(แท้ๆ) จริงหรือไม่!!!!...ไม่ใช่ท่านโดนเซลส์หลอกมา

4.ส่วนวิธีการทำหลักๆในการเคลือบแก้วคริสตันคือการนำเอาสารเคลือบเดิมจากโรงงานหรือแลกเกอร์ชั้นเดิมออกทั้งคันตามเทคนิคของช่างแต่ละแห่ง "หมายถึงท่านจะบอกว่า แม้แต่แลคเกอร์ที่มาจากโรงงานก็ยังมีคุณภาพที่ไม่ดีต้องเอาออกทั้งหมด ก่อนเคลือบCyglaz ใช่หรือไม่???....หรือตัว Cyglaz เองมีคุณสมบัติที่จะยึดเกาะได้กับสีรถเท่านั้น(เคลือบทับบนแลคเกอร์เดิมไม่ได้) แล้วผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านเอาชั้นแลคเกอร์ออกจากสีรถได้อย่างพอดี ไม่เอาสีรถของผมออกไปด้วย ดังนั้นผมขอเรียนถามท่านตรงๆเลยว่าชั้นแลคเกอร์ของรถทั้งคันหนากี่ไม่ครอน แล้วการเอาแลคเกอร์ออกท่านมีเครื่องวัดความหนาสีหรือไม่ เพราะถ้าเบื้องต้นท่านไม่มีเครื่องวัดดังกล่าวผมไม่มั่นใจให้ท่านเอาแลคเกอร์ออกจากสีรถผมแน่ๆ"

5.ขับความแวววาวให้ฉายชัดออกมาอย่างล้ำลึกทุกมิติ สะท้อนความงามลึกจนเห็นประกายสีเด่นชัดเหมือนเงาภาพในกระจก (Mirror Image Clear) "ขอผลทดสอบโดยเครื่องวัดที่เป็นวิทยาศาสตร์รองรับดีกว่าครับ"

เบื้องต้นขอให้ท่านอู่ เอเชีย เข้ามาตอบข้อมูลในประเด็นนี้ให้ชัดเจนก่อน....ถ้าผมมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ขออนุญาติสอบถามไปอีกครั้งนะครับ..ขอบคุณครับ..^^
IP : บันทึกการเข้า
กบฏ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,025



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 19:21:49 »

ท่านเจ้าของคอมเม้นท์ข้างบนถามได้โดนใจผมมากๆเลยครับ

เท่าที่ทราบ ไซกลาส เป็นแลคเกอร์สูตรใหม่ของนิปปอน และเป็น โพลิเมอร์

ไม่ใช่เซลิก้า นี่ครับ....หรือข้อมูลที่ผมได้มาผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วย....ฮืม

IP : บันทึกการเข้า

จากสูงสุด สู่สามัญ
กบฏ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,025



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 19:37:05 »

http://www.benzowner.net/forum/showthread.php?p=745107

ตามลิงค์ไปได้เลยครับ สรุปง่ายๆว่า ไซกลาส เป็น โพลิเมอร์

และเป็น แลคเกอร์ ระบบ 2K แบบ 2:1 ครับ

ดังนั้นฟันธงว่า มันไม่ใช่เครือบแก้ว โลกเราทุกวันนี้อยู่ยากครับ

Google รู้ทุกอย่าง ครับ....!!!!
IP : บันทึกการเข้า

จากสูงสุด สู่สามัญ
กบฏ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,025



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 19:41:54 »

http://www.nipponpaint.com/automotive/

ข้อมูลจากเวปนิปปอน ผมอ่อนภาษาอังกฤษ ครับ

แต่เท่าที่แปลออกมันก็ไม่ใช่เคลือบแก้วอยู่ดีครับ

ว่ากันภาษาบ้านๆมันคือแล๊คเกอร์ นั่นเองครับ
IP : บันทึกการเข้า

จากสูงสุด สู่สามัญ
auasia
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 150


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 21:59:38 »

 เจ๋ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2013, 12:49:00 โดย auasia » IP : บันทึกการเข้า
mcprachy
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2013, 01:42:52 »

[/color]
ขออนุญาติตอบท่าน mcprachy นะครับ
อ้างอิงจากคำตอบเกี่ยวกับ Cyglaz ของอู่เอเชียนะครับ...ผมหาคำตอบจากผู้ผลิต http://www.nipponpaint.com/automotive/ ไม่พบคำอธิบายที่เกี่ยวกับ Cyglaz อย่างที่ท่านว่าไว้(รบกวนอู่เอเชียแจ้ง Link ข้อมูลที่เป็นข้อมูลจริงจากผู้ผลิตจะดีมากครับ..^^)

ทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางนี้ครับ หากท่านใดต้องการทราบข้อมูลเป็นพิเศษ ทางเรายินดีให้ท่านที่สนใจมาทดสอบคุณภาพของสารเคลือบแก้วและจะแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดให้ท่านได้ทราบ ซึ่งทางเราไม่มีเจตนาปกปิดข้อมูลหรือซ่อนเร้นสิ่งชั่วร้ายไว้และอวดอ้างสรรพคุณใดๆให้เกินจากความเป็นจริงแต่อย่างใดครับ เรียนเชิญที่สำนักงานเลยครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

สำหรับข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้ ถ้าเป็นจริงผมสนใจงานเคลือบตัวนี้ แต่รบกวนช่วยตอบข้อสงสัยที่จะถามต่อไปนี้ด้วยครับ

1.รับประกัน 10 ปี
 โดยหลังจากทำไปแล้วมีวิธีดูแลรักษาอย่างไร และกรณีถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับตัวเคลือบหลุดร่อนก่อนอายุรับประกัน "สามารถเคลมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใช่หรือไม่"


หลังจากเคลือบแก้วไปแล้วท่านสามารถดูแลรักษารถท่านได้ตามปกติทั่วไป แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุหรือได้รับความเสียหายใดๆทางเรามีบริการรองรับทุกสภาพความเสียหายแล้วแต่กรณีไปครับ และกรณีถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับตัวเคลือบหลุดร่อนก่อนอายุรับประกัน ทางเรายินดีรับเคลมได้ฟรี!!! โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆแม้แต่บาทเดียวครับ ข้อนี้ขอยืนยันครับ

- คำตอบชัดเจน ขอบคุณครับ

2.ข้อมูลแรก"ไซกลาส พ่นและอบด้วยห้องอบจากยุโรปความร้อนสูงกว่า 70 องศา รับประกันความใสฉ่ำเงางาม โมเลกุลแข็งแกร่งทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นพิเศษเนื่องจากมีสารซิลิกาที่เป็นองค์ประกอบของแก้ว"
ข้อมูลภายหลัง "ไซกลาส"CyGLAZ เป็นพัฒนาการใหม่ของสารโพลีเมอร์ "
- เข้าใจว่าเทคโนโลยีสี 2K ในปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องอบเพื่อเร่งปฏิกิริยากันแล้ว แสดงว่าตัวเคลือบของท่านยังใช้เทคโนโลยีที่ด้อยกว่างานสีหรือไม่

-ใช่แล้วครับเทคโนโลยีสี 2K ในปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องอบเพื่อเร่งปฏิกิริยากันแล้วหรือสามารถนำรถไปจอดตากแดดเพื่อรอสีแห้งได้เช่นกันครับไม่ผิดครับ แต่เราอย่าลืมว่าระหว่างที่รอสีแห้งนั้น สีจะมีความเหนียวเหนอะหนะตามธรรมชาติของสีที่พ่น มันจึงเปรียบเสมือนกาวเหนียวๆที่เคลือบอยู่บนชิ้นงานเป็นระยะเวลาเกือบชั่วโมง ซึ่งเสี่ยงมากต่อการรบกวนของฝุ่นละอองที่ลอยมาตามลม แมลงต่างๆ หรือแม้กระทั่งความชื้นของอากาศที่มากเกินไป ก็มีผลต่อคุณภาพของสารเคลือบสี ดังนั้นการอบสีในห้องอบระบบปิดที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นจึงได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพกว่า  ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของสารเคลือบแต่อย่างใดครับ พูดง่ายๆคือการพ่นเคลือบในระบบปิดย่อมดีกว่าการพ่นระบบเปิดครับ

- และอุณหภูมิสูงขนาด 70องศา(น่าจะเป็นเซลเซียส) จะมีผลกับสายไฟภายในรถ โดยเฉพาะรถยุโรปที่มีการใช้วัสดุพลาสติครีไซเคิล และทำให้พลาสติดเหล่านี้เสื่อมอายุเร็วกว่าที่ควรเป็นหรือไม่??

ใช่แล้วครับ 70 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดสำหรับตู้อบสีรถยนต์โดยทั่วไป  ตู้อบดังกล่าวสามารถปรับอุณหภูมิได้ระหว่าง 20 -70 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะสมกับประเภทของรถได้ครับ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะรถยุโรปหรือญี่ปุ่นจะใช้อยู่ที่ 60-70 องศา เป็นระยะเวลาประมาณ 30-45 นาทีครับ ซึ่งจากที่ผ่านมาเป็นเวลานับสิบปี ทางเรายังไม่เคยพบปัญหาที่ทางลูกค้ากลับมาแจ้งถึงประเด็นนี้ครับ เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วการอบสีไม่ได้กระทำอยู่บ่อยครั้งครับและเป็นเวลาที่ไม่นานพอที่จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆภายในรถเสียหายได้ครับ ท่านจึงสามารถวางใจได้ในเรื่องนี้ครับ

- สำหรับ 2คำตอบด้านบน ข้อมูลชัดเจน ขอบคุณครับ

- สรุปว่าสารตัวนี้เป็นแก้ว หรือโพลีเมอร์ครับ? ....

สารเคลือบแก้วดังกล่าวถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติที่แข็งแกร่ง รวมทั้งมีความยืดหยุ่นคืนรูปได้ในกรณีที่มีการฟื้นฟูสภาพผิวเคลือบแก้วอย่างถูกวิธี ดังนั้นสารเคลือบดังกล่าวจึงมีองค์ประกอบของซิลิกา(แก้ว)ที่ให้คุณสมบัติแข็ง และ สารโพลีเมอร์ที่ให้คุณสมบัติยืดหยุ่นอยู่ในตัวเดียวกันครับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากมีเพียงสารโพลีเมอร์เพียงอย่างเดียวสารเคลือบแก้วคงไม่สามารถแข็งตัวทนทานได้หรอกครับ

- ข้อนี้คำตอบยังไม่ชัดเจนครับ ขออนุญาติสอบถามตรงๆเลยว่าน้ำยาเคลือบของท่านมีส่วนประกอบของสาร SiO2(ซิลิกาไดออกไซด์) ด้วยหรือไม่ เพราะถ้าไม่มี SiO2 เป็นส่วนประกอบจะไม่ถือว่าเป็นน้ำยาเคลือบแก้วครับ กรณีที่มีสารประกอบเป็น SiO2 ผมขอยืนยันด้วยข้อมูลจากผู้ผลิตนะครับ ไม่นับข้อมูลแจ้งปากเปล่า

3.ไม่ได้หมายความว่าการเคลือบสารดังกล่าวจะสามารถป้องกันรอยขีดข่วนที่รุนแรงได้ 100 %นะครับ เพียงแต่มีความแข็งเป็นพิเศษที่สามารถรับมือได้กับเศษก้อนหิน กิ่งไม้ กรงเล็บสัตว์ฯลฯได้ดีกว่าสารเคลือบรถยนต์อื่นๆได้หลายเท่าตัวครับ(จากการทดลองด้วยตัวเอง) ขอทราบรายละเอียดการทดสอบด้วยครับ(ขอวิธีการเป็นรูปธรรมอธิบายและทดสอบได้จริง ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวนะครับ) เพราะปรกติที่ผมเคยเคลือบมาเจอแค่หินจากรถสิบล้อดีดใส่ยังไงก็ทะลุครับ

 การทดสอบคือการทดลองได้จริงๆครับ ไม่ใช่มั่วนิ่ม ไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัวแน่นอน ท่านใดสนใจสามารถมาทดลองได้ด้วยตัวเองเลยครับ มาลองสัมผัสและกระทำต่อชิ้นงานด้วยมือท่านเองได้เลยครับ เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆครับ และกรณีที่ท่านเคยเคลือบมาไม่ทราบว่าเป็นการเคลือบแบบใดหรือผลิตภัณฑ์ตัวไหนและหินทะลุในลักษณะใดครับ ทางเราจะได้ชี้แจงให้ท่านทราบตามกรณีนั้นๆไปครับ

- ผมเคลือบแก้ว(น้ำยามีส่วนประกอบของ SiO2) และเกิดเหตุหินจากรถบรรทุกดีดใส่บริเวณฝากระโปรงหน้าทำใส่สีกระเทาะออกจนถึงเนื้อเหล็กครับ

และทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลของผลิตภัณฑ์เคลือบแก้วคริสตันที่นำเข้าจาก.....(สอบถามได้ครับ)ซึ่งใช้เคลือบแก้วคริสตันเฉพาะที่ เอเซีย คาร์ สปา เท่านั้น แจ้งข้อมูลยี่ห้อให้ทราบเลยก็ได้ครับ เพราะเป็นยี่ห้อที่ท่านจำหน่ายเอง ผมจะได้ช่วยตรวจสอบให้ว่ายี่ห้อดังกล่าวเป็นเคลือบแก้ว(แท้ๆ) จริงหรือไม่!!!!...ไม่ใช่ท่านโดนเซลส์หลอกมา

จากที่กล่าวข้างต้นครับ ทางเราขอสงวนสิทธิ์ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางนี้ครับ และขอขอบพระคุณที่จะช่วยตรวจสอบให้ แต่ทางเรามีฝ่ายตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ใช้กับอู่เอเซียและเอเซีย คาร์สปา อยู่แล้วครับ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ครับที่จะมีเซลส์จากที่ใดมาหลอกครับ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทุกอย่างมีการนำเข้าจากตัวแทนจำหน่ายโดยตรงที่มีการติดต่อค้าขายกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยครับว่าจะมีคนมาหลอกเหมือนการหาบเร่ขายของครับ ที่สำคัญทางเราไม่เคยมีประวัติเรื่องการใช้ของปลอมหรือคดโกงซ่อนเร้นเรื่องชั่วร้ายต่อลูกค้าทุกๆท่าน ในระยะเวลา 40 ที่ผ่านมาครับ ท่านจึงสามารถวางใจได้เลยครับ

- ยืนยันคำตอบด้านบนครับ น้ำยาเคลือบแก้วจะต้องมีสารประกอบ SiO2 ผสมอยู่ด้วยเท่านั้น ถ้าไม่มีถือว่าไม่ใช่เคลือบแก้วครับ(ยืนยันส่วนประกอบน้ำยาด้วยเอกสารจากผู้ผลิต)

4.ส่วนวิธีการทำหลักๆในการเคลือบแก้วคริสตันคือการนำเอาสารเคลือบเดิมจากโรงงานหรือแลกเกอร์ชั้นเดิมออกทั้งคันตามเทคนิคของช่างแต่ละแห่ง "หมายถึงท่านจะบอกว่า แม้แต่แลคเกอร์ที่มาจากโรงงานก็ยังมีคุณภาพที่ไม่ดีต้องเอาออกทั้งหมด ก่อนเคลือบCyglaz ใช่หรือไม่???....หรือตัว Cyglaz เองมีคุณสมบัติที่จะยึดเกาะได้กับสีรถเท่านั้น(เคลือบทับบนแลคเกอร์เดิมไม่ได้)

ใช่ครับการเคลือบแก้วคริสตัน เปรียบเสมือนการพ่นสารเคลือบสีตัวรถแทนสารเคลือบเดิมหรือแลคเกอร์ ซึ่งไม่ใช่การเคลือบแวกซ์ทับแลคเกอร์นะครับ ดังนั้นจึงต้องเอาสารเคลือบเดิมจากโรงงานออกให้หมดเพื่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะอย่างสูงสุดและทนทานถาวรเช่นเดียวกับแลคเกอร์โรงงาน แต่ให้คุณสมบัติที่แตกต่างกันครับ

- ลักษณะอย่างนี้ผมว่าน้ำยาเคลือบของท่านเป็นกลุ่มเรซิน(ที่แข็งกว่าปรกติ) ที่มีโพลีเมอร์เป็นพันธะให้เรซินยึดเกาะมากกว่าครับ(รายละเอียดเดี๋ยวผมจะโพสรูปภาพประกอบตามหลัง) เพราะงานเคลือบแก้ว(ทั่วโลก) ในปัจจุบันสามมรถเคลือบทับบนแลคเกอร์เดิมได้เลย ไม่ต้องมีขั้นตอนยุ่งยากในการลอกแลคเกอร์ออกจากสีรถ

- คำถามเพิ่มเติมคือ เหตุใดน้ำยาของท่านจึงไม่สามารถเคลือบลงบนชั้นแลคเกอร์ปรกติ(เหมือนกับน้ำยาเคลือบแก้วทั่วๆไป)ได้ ทำไม่ถึงจะต้องเคลือบลงบนชั้นสีรถยนต์เท่านั้น เพราะถ้าจะว่าไปแล้วแลคเกอร์ปรกติที่มีมาจากโรงงานผลิตรถยนต์ที่เคลือบติดอยู่กับสีรถ ก็มีอายุใช้งานได้มากกว่า 10ปีเช่นกัน(ซึ่งถือว่าไม่ต่างกับน้ำยาของท่านเลย) รบกวนช่วยอธิบายข้อมูลให้ด้วยนะครับ...

แล้วผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านเอาชั้นแลคเกอร์ออกจากสีรถได้อย่างพอดี ไม่เอาสีรถของผมออกไปด้วย ดังนั้นผมขอเรียนถามท่านตรงๆเลยว่าชั้นแลคเกอร์ของรถทั้งคันหนากี่ไม่ครอน แล้วการเอาแลคเกอร์ออกท่านมีเครื่องวัดความหนาสีหรือไม่ เพราะถ้าเบื้องต้นท่านไม่มีเครื่องวัดดังกล่าวผมไม่มั่นใจให้ท่านเอาแลคเกอร์ออกจากสีรถผมแน่ๆ"

ส่วนเทคนิคเรื่องการเอาชั้นแลคเกอร์เดิมออกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งผมเคยกล่าวไว้แล้วครับ ว่าต้องใช้ช่างฝีมือที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้นครับ

- รบกวนช่วยอธิบายตามคำถามด้านบนครับ

5.ขับความแวววาวให้ฉายชัดออกมาอย่างล้ำลึกทุกมิติ สะท้อนความงามลึกจนเห็นประกายสีเด่นชัดเหมือนเงาภาพในกระจก (Mirror Image Clear) "ขอผลทดสอบโดยเครื่องวัดที่เป็นวิทยาศาสตร์รองรับดีกว่าครับ"

ข้อมูลทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ที่กล่าวเป็นผลทดสอบโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่มีการรับรองอยู่แล้วครับ ไม่ได้คิดคำพูดขึ้นมาเองครับ

-ช่วยนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้ทราบหน่อยครับ โดยความเข้าใจของผมคือการวัดการสะท้อนของแสงเราจะใช้เครื่องมือ Gloss Meter เป็นตัววัดโดยการยิงความเข้มแสง(หน่วยเป็น Lumen)ลงไปที่พื้นผิว และวัดการสะท้อนกลับของแสงโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ พื้นผิวใดๆที่มีค่าการสะท้อนใกล้เคียง 100% คือพื้นผิวที่มีการสะท้อนแสงได้เกือบสมบูรณ์ และการวัดผลทดสอบโดยวิธีนี้สามารถนำผลมาแสดงได้ครับ โดยประกอบกับข้อมูลรายละเอียดปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ทำการทดสอบ(ไม่ถือเป็นความลับของสินค้า) ซึ่งผมยังนึกไม่ออกว่านอกจากวิธีนี้ยังมีวิธีอื่นที่วัดค่าการสะท้อนแสงแบบวิทยาศาสตร์อีกหรือไม่ ดังนั้นจากคำตอบของท่านผมรบกวนช่วยแสดงผลและวิธีทดสอบให้ทราบด้วยครับ

เบื้องต้นขอให้ท่านอู่ เอเชีย เข้ามาตอบข้อมูลในประเด็นนี้ให้ชัดเจนก่อน....ถ้าผมมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ขออนุญาติสอบถามไปอีกครั้งนะครับ..ขอบคุณครับ..^^

ทางเรายินดีแลกเปลี่ยนความรู้และตอบทุกข้อสงสัยครับ

-ขอบคุณสำหรับคำตอบและอธิบาย ผมรบกวนขอสอบถามตามที่ได้แจ้งไว้ด้านบนนะครับ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
mcprachy
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2013, 02:03:17 »

- สรุปว่าสารตัวนี้เป็นแก้ว หรือโพลีเมอร์ครับ? ....

สารเคลือบแก้วดังกล่าวถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติที่แข็งแกร่ง รวมทั้งมีความยืดหยุ่นคืนรูปได้ในกรณีที่มีการฟื้นฟูสภาพผิวเคลือบแก้วอย่างถูกวิธี ดังนั้นสารเคลือบดังกล่าวจึงมีองค์ประกอบของซิลิกา(แก้ว)ที่ให้คุณสมบัติแข็ง และ สารโพลีเมอร์ที่ให้คุณสมบัติยืดหยุ่นอยู่ในตัวเดียวกันครับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากมีเพียงสารโพลีเมอร์เพียงอย่างเดียวสารเคลือบแก้วคงไม่สามารถแข็งตัวทนทานได้หรอกครับ

- ข้อนี้คำตอบยังไม่ชัดเจนครับ ขออนุญาติสอบถามตรงๆเลยว่าน้ำยาเคลือบของท่านมีส่วนประกอบของสาร SiO2(ซิลิกาไดออกไซด์) ด้วยหรือไม่ เพราะถ้าไม่มี SiO2 เป็นส่วนประกอบจะไม่ถือว่าเป็นน้ำยาเคลือบแก้วครับ กรณีที่มีสารประกอบเป็น SiO2 ผมขอยืนยันด้วยข้อมูลจากผู้ผลิตนะครับ ไม่นับข้อมูลแจ้งปากเปล่า

จากที่ได้สอบถามข้อมูลด้านบน ผมขอนำข้อมูลจากเวบไซด์ของผู้ผลิตน้ำยาเคลือบแก้วที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ว่าเป็นน้ำยาที่ได้มาตรฐานมาแสดงดังนี้ครับ





จะเห็นได้ว่าเจ้าแรกมีการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ใช้ทราบถึงสูตรเคมีของส่วนประกอบน้ำยาเคลือบแก้วเลยว่าพันธะเคมีและการเซ็ทตัวของน้ำยาจะต้องประกอบด้วยสาร SiO2(ซิลิกาไดออกไซค์)

ส่วนเจ้าที่2 ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงขนาดสูตรเคมีที่เป็นส่วนประกอบ แต่ยืนยันเป็นเอกสารที่หน้าเวบไซด์ของผู้ผลิตเองว่าน้ำยาเคลือบแก้วจะต้องมีสาร SiO2 เป็นส่วนประกอบ

สุดท้ายสำหรับ NipponPaint ในภาพที่3 ไม่ได้แจ้งรายละเอียดของสินค้าตัว Cyglaz ให้ทราบ แต่ได้ระบุเป็นข้อมูลคร่าวๆว่า Our top-coats come in a range of different resin-based finishes comprising of polyester, melamine, acrylic and alkyd melamine. ซึ่งไม่ได้มีการกล่าวถึงส่วนประกอบที่เป็น SiO2 เลย(ผมขอยืนยันว่าส่วนประกอบของน้ำยาที่เป็น SiO2 นั้น ไม่ได้เป็นความลับทางการค้าครับ)

สำหรับตัวแทนจำหน่ายที่มีการกล่าวถึงน้ำยาเคลือบแก้วเพื่อให้บริการกับลูกค้า ถ้าน้ำยาของท่านเป็นเคลือบแก้วจริงๆผมขอรบกวนให้ท่านช่วยนำข้อมูลจากผู้ผลิตมายืนยันให้ทราบด้วยครับ(มันไม่ใช่ข้อมูลลับถึงขนาดเปิดเผยไม่ได้หรอกครับ น้ำยาเคลือบแก้วแท้ๆที่ได้มาตรฐานในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อครับ) แต่ถ้าน้ำยาของท่านไม่ใช่เคลือบแก้ว ท่านควรจะนิยามน้ำยาเคลือบของท่านเองใหม่ โดยอย่ากล่าวอ้างถึงน้ำยาเคลือบแก้วเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ และทำให้เกิดความสับสนแก่ลูกค้าโดยให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่ลูกค้าเลยครับ

รอฟังคำอธิบายจากจากคุณ อู่ เอเชีย นะครับ
ขอบคุณครับ..
IP : บันทึกการเข้า
mcprachy
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2013, 02:10:41 »

สรุปว่าคุณ Nonsee จะไม่เข้ามาติดตามข้อมูลที่ตัวเองโพสไว้สักหน่อยเหรอครับ?ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
mcprachy
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2013, 02:35:57 »

ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะจับผิด แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าคำว่า "เคลือบแก้วคริสตัน" ทำไมคุณอู่เอเชีย ถึงใช้คำนี้บ่อยๆ และลำดับการสะกดคำจะเหมือนกับเจ้าของกระทู้เลยครับ...เหมือนและใช้คำนี้บ่อยๆจนน่าประหลาดใจ!!!!.....
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!