30 ปี‘ซีพีเอ็น’กับเส้นทางสู่...World Class Retail Property Development
เสียงเรียกร้องของสาวกนักช็อปฝั่งลาดพร้าวยังคงเซ็งแซ่ ยิ่งใกล้วันเปิดตัวมากเท่าไหร่ จำนวนผู้ตั้งตารอชมก็อุ่นหนาฝาคั่งมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยกระแสเรียกร้องที่คับคั่ง ดังนั้น จึงคาดว่าการกลับมาของเซ็นทรัล ลาดพร้าวที่ปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและจะเปิดให้บริการอีกครั้งในปลายเดือน สิงหาคมนี้ จะเป็นตัวหลักในการสร้างรายได้ให้กับซีพีเอ็น โดยปีนี้คาดการณ์การเติบโตที่ 10-15%
แม้จะปิดปรับปรุงเซ็นทรัล ลาด พร้าวไปแล้ว 5 เดือน แต่เป้าหมาย การเติบโตก็ยังเป็นอยู่เช่นนั้น เหตุจากในปีนี้ซีพีเอ็น มีการเปิดตัวเซ็นทรัลพลาซา เชียงรายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมด้วยแผนการเปิด เซ็นทรัล พิษณุโลก ในวันที่ 20 ตุลาคม และการเปิดเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 ในเดือนธันวาคมนี้
ส่วนการปิดปรับปรุงห้างสรรพสินค้าเซน เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะเปิดพฤศจิกายนนี้
โดยในปีหน้า จะมีการเปิดศูนย์ การค้าใหม่ คือ เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ และมีโครงการปรับโฉม เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานีอีกด้วย
ในปี 2554-2555 ซีพีเอ็นมีงบประมาณการลงทุนในโครงการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก 2 หมื่นล้านบาท โดยขณะที่นี้ยังมีงบประมาณเหลืออีก 1 หมื่นล้านบาท
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของ ซีพีเอ็น กับเส้นทางของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกระดับผู้นำของประเทศไทย ซีพีเอ็นยังคงเดินหน้าพัฒนาศูนย์การค้าเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็น World Class Retail Property Development ทั้งในประเทศไทยและระดับโลก
นอกจากนั้น ยังมีเป้าหมายผลักดัน ให้เซ็นทรัลทุกสาขา เป็นสถานที่จัดงานเคาต์ดาวน์ในแต่ละพื้นที่อีกด้วย
ส่วนแนวทางการออกแบบศูนย์ การค้าในปัจจุบัน นอกเหนือจากความสวยงามที่หลากสไตล์ตามพื้นที่ต่างๆแล้ว ยังคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม
โดยสาขาที่เชียงราย มีการติดตั้งระบบประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถประหยัดไฟได้ถึง 1.4 ล้านหน่วยต่อปี หรือเปรียบเทียบเป็น การใช้กระแสไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 200 ครัวเรือน รวมทั้งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 800 ตันต่อปี
ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย มีลักษณะการออกแบบที่นำเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาประกอบ โดยเลือกใช้ดอกกาสะลอง (ดอกปีบ) มาใช้ และเน้นการปลูกต้นไม้รอบศูนย์ พร้อมเพิ่มพื้นที่ด้านหน้าให้กว้างขวาง เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของลูกค้า
โดยแม็กเน็ตที่สำคัญของเซ็นทรัลเชียงราย คือ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุดในแนวโมเดิร์นคอนเทมโพรารี่ โดยมีพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 475 ล้านบาท จากการเปิดให้บริการใน 2 เดือนแรก มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้วประมาณ 100,000 คน โดยพบว่า เป็นสัดส่วนของ กลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาทต่อบิลนายกอบชัย กล่าวว่า ซีพีเอ็นมีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตใน 5-10 ปีข้างหน้า โดยพัฒนาระบบบริหารการจัดการภายในมา แล้ว 2 ปี และจะเพิ่มความเข้มข้นในส่วน ของการใช้เครื่องมือไอทีเข้ามาในการดำเนินงานมากขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการ ในปลายปีนี้
การนำระบบไอทีเข้ามาใช้ในการทำงาน จะช่วยลดขั้นตอนการปฏิบัติ งานได้เป็นอย่างดี หรือลดลง 50% เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้คนในการทำงาน
การเติบโตในอนาคตข้างหน้าที่ว่านี้ จะเป็นอัตราที่มากกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซีพีเอ็นมีการเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปี และนับจากนี้ ก็จะมีการเติบโตมากกว่า 15%
โดยในปี 2554-2558 ซีพีเอ็น จะใช้งบประมาณในการลงทุนต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 1 หมื่นล้านบาท โดยจะมีศูนย์การค้าเกิดขึ้นใหม่อีกประมาณ 10 สาขา
แนวโน้มที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจ ค้าปลีกในปัจจุบัน คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น จากเทคโนโลยีของการสื่อสาร การแบ่งปันข้อมูลหรือตลาดแบบปาก ต่อปากมีอิทธิพลมากกว่าเก่า ส่วนธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบัน ก็หันมาพัฒนา รูปแบบการให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ ในส่วนของป้ายบอก ราคา ที่มีความชัดเจนมากกว่าในอดีต หรือมีการรับประกันคืนสินค้า ฯลฯ
ขณะที่รูปแบบของศูนย์การ ค้า ได้ถูกพัฒนาให้มีรูปแบบมากกว่าการเข้ามาเพื่อซื้อขายสินค้า แต่ยังมีส่วนของบริการและบันเทิง เข้าเสริมมากขึ้น
http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413353966