ข้อมูลการเกษตรของประเทศเดนมาร์กครับ
เดนมาร์กเป็นประเทศเล็ก มีประชากรประมาณ 5.3 ล้านคน พื้นที่ 43,094 ตารางกิโลเมตร แต่เป็นผู้นำในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใช้เป็นอาหารและเครื่องดื่ม จากความร่วมมือกันของสามฝ่าย คือ รัฐบาล เกษตรกร ผู้ค้าปลีก ซึ่งมี Co-op Denmark (FDB) เป็นแกนกลางในการผลักดันให้ไปถึงเป้าหมาย
(โดยไม่มีพ่อค้าคนกลางในระบบครับ)ช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ในเดนมาร์ก
1. ซูเปอร์มาเก็ตมีบทบาทมากที่สุด มีส่วนแบ่งในตลาด 70% เนื่องจากความต้องการอาหารกล่องมีสูงมาก การจำหน่ายสินค้าที่ฟาร์ม และในตลาดสดมีส่วนแบ่งตลาด 20% ผู้ค้าปลีกอื่นๆ และผู้ให้บริการด้านอาหารมีส่วนแบ่งตลาด 10% ผู้ค้าปลีกรายสำคัญในเดนมาร์ก มีดังนี้
1.1 Co-op Denmark (FDB) เป็นการรวมตัวกันของสหกรณ์ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่งในเดนมาร์ก เป็นกลุ่มผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก มีส่วนแบ่งตลาด 33% มีซูเปอร์มาเก็ตในเครือข่าย คือ Brugsen, Lokal Brugsen, DagliBrugsen, SuperBrugsen, Kvickly รวม 900 สาขา และไฮเปอร์มาเก็ต OBS! อีก 12 สาขา (OBS! เป็นธุรกิจร่วมทุนกับ NKL ในนอร์เวและ KF ในสวีเดน) สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่จำหน่ายส่วนใหญ่ติดฉลาก Ø หรือติดฉลากอื่น ส่วน FDB มีตราสินค้าของตนเอง คือ Natura
1.2 IRMA มี FDB เป็นเจ้าของจำหน่ายสินค้าในตลาดบน มีร้านค้าปลีก 55 สาขา ในโคเปนเฮเกน จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์หลายรายการรวมทั้งผักและผลไม้ ทั้ง FDB และ IRMA นำเข้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ผ่านบริษัท NAF International
1.3 Dansk Supermarket A/S เป็นกลุ่มผู้ค้าปลีกใหญ่อันดับ 2 ในเดนมาร์ก มีส่วนแบ่งตลาด 27% ของตลาดอาหารในเดนมาร์ก มีซูเปอร์มาเก็ตในเครือข่าย ได้แก่ fØtex (60 สาขา) ไฮเปอร์มาเก็ต Bilka 12 สาขา จำหน่ายอาหารและของใช้ประจำวัน ห้างจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด NETTO (300 สาขา) ซึ่งมีนโยบายส่งเสริมการจำหน่าย สินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งที่ผลิตในเดนมาร์กและ นำเข้า สินค้าผลิตในประเทศจะติดฉลาก Ø ส่วนสินค้านำเข้าติดฉลาก “importeret Økologisk for Dansk Supermarked IndkØb I/S” Dansk Supermarket A/S ทำหน้าที่จัดซื้อสินค้าให้ Bilka และ fØtex ส่วน NOTTO ดำเนินการจัดซื้อสินค้าเอง
1.4 SuperGros A/S เป็นผู้ค้าส่งของใช้ประจำวันรวมทั้งอาหารรายใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก จัดส่งสินค้าให้แก่ซูเปอร์มาเก็ตและผู้ค้าปลีกอิสระ เช่น FavØr, Spar Danmark A/S, SuperBest, ISO Supermarked, Rema 1000 Danmark A/S ซึ่ง SuperGros มีส่วนแบ่งตลาด 30% ในตลาดจำหน่ายปลีกอาหารในเดนมาร์ก โดยมีผักผลไม้เป็นสินค้าหลัก บริษัทนำเข้าผักผลไม้โดยตรงจากต่างประเทศ แต่สั่งซื้อผักผลไม้อินทรีย์ที่ติดฉลาก Ø จากผู้ผลิตในเดนมาร์ก เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่งให้ SuperGros คือ Blære Frugt, Danorganic, Gartneriet Marienlyst
2. อาหารกล่องและการจำหน่ายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต Barritskov จัดทำเว้ปไซต์
www.aarstiderne.com จำหน่ายอาหารกล่องประเภทผักผลไม้อินทรีย์สดบรรจุกล่องจัดส่ง ถึงบ้านโดยส่งเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งมี Barritskov, Svanholm, Blarefrugt (สมาชิก Biodania) เป็นผู้ผลิตสินค้าให้ นอกจากนี้ยังนำเข้าสินค้าเกษตรอินทรีย์จากต่างประเทศ ซึ่งนำเข้าโดย Solhjulet A/S
3. ธุรกิจจัดเลี้ยงและศูนย์อาหารตามสถาบันต่างๆ สินค้าเกษตรอินทรีย์มีบทบาทน้อยมากในตลาดธุรกิจจัดเลี้ยงและศูนย์อาหารตาม สถาบันต่างๆ แต่ตลาดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังขาดวัตถุดิบในอุตสาหกรรม เช่น ผักสลัดและผักอื่นๆ รวมทั้งสินค้า ที่มีการปรุงแต่งแล้วบางส่วน ผู้ผลิตผักผลไม้ในอุตสาหกรรมนี้ คือ Solhjulet A/S, Svanholm Catering, RØnnely, Flint & Hvids, ØKOterminalen, Frydenholm, MN Catering, H. Lembcke A/S, FDB
พฤติกรรมของผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในเดนมาร์ก
ผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในเดนมาร์กมี 3 กลุ่ม
1. Heavy-users ใช้จ่ายเงินมากกว่า 10% ของรายจ่ายค่าอาหารในครัวเรือนซื้อ สินค้าเกษตรอินทรีย์
2. Medium-users ใช้จ่ายเงิน 2.5-9.9% ของรายจ่ายค่าอาหารในครัวเรือนซื้อ สินค้าเกษตรอินทรีย์
3. Light-users ใช้จ่ายเงินน้อยกว่า 2.5% ของรายจ่ายค่าอาหารในครัวเรือนซื้อ สินค้าเกษตรอินทรีย์
นอกจากนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคเดนมาร์กในการซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ คือ
- ผู้บริโภคในเดนมาร์กน้อยกว่า 1% ซื้ออาหารเกษตรอินทรีย์เพียงอย่างเดียว
- ผู้บริโภค 6-7% ไม่เคยซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์เลย
- ผู้บริโภคที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์มากกว่าผู้บริโภคสูงอายุ
- สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคสูงอายุ คือ มันฝรั่ง แครอท และผักอื่นๆ
- ในตลาดผักอินทรีย์ แครอทมีสัดส่วน 15% หัวหอมและมันฝรั่ง 4% ผักแช่แข็ง 5%
- ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ คือ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพสัตว์ คุณภาพ รสชาติ
- ฉลาก Ø สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์
ข้อจำกัดในตลาด คือ
1. ราคา ความแตกต่างของราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์จากสินค้าธรรมดาที่ผู้บริโภคยอมรับได้ คือ สูงกว่าสินค้าธรรมดา 20%
2. คุณภาพ ซึ่งครอบคลุมถึง รูปลักษณ์ภายนอก รสชาติ บรรจุภัณฑ์ เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า แต่สำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ ผู้บริโภคไม่เห็นว่าคุณภาพสินค้าแตกต่างจากสินค้าธรรมดา จึงไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่าสินค้าที่มีราคาสูงกว่า ดังนั้นการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีราคาสูงกว่า รูปลักษณ์ของสินค้าจึงต้องดีกว่า
3. มีสินค้าจำหน่ายสม่ำเสมอและส่งสินค้าทันเวลา เนื่องจากสินค้าหลายรายการยังไม่มีผลิตด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ หรือแม้แต่สินค้าเกษตรอินทรีย์หลายรายการก็ไม่มีจำหน่ายในร้านจำหน่ายอาหาร ทั่วไป
4. ผู้บริโภคยังขาดความรู้เรื่องสินค้าเกษตรอินทรีย์ ทั้งด้านมาตรฐาน กฎระเบียบ การรับรอง ซึ่งยังเป็นข้อจำกัดอยู่มาก
การโฆษณาและส่งเสริมการขายสินค้าเกษตรอินทรีย์
ผู้ค้าปลีกรายใหญ่บางราย เช่น SuperBrugsen (ห้างในเครือ FDB) คัดเลือก 75 สาขา จาก 300 สาขา ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ 400 รายการ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบสินค้าเกษตรอินทรีย์ประจำสาขาทำหน้าที่ด้านการ ตลาด ฝึกอบรมพนักงานและกำหนดเป้าหมายการโฆษณาและส่งเสริมการขาย IRMA และ NETTO มีแผนการคล้ายกันแต่มีสินค้าน้อยกว่าโดยเน้น บร๊อกโคลี่ ดอกกะหล่ำ พาร์สเล่ย์ แอปเปิล องุ่น Lemons, Oranges