เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 20:28:43
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  บ่าเดี่ยวคนใจ้กำนำหน้าผู้ครองแผ่นดินล้านนาว่า "พระเจ้า" นักล้ำ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 พิมพ์
ผู้เขียน บ่าเดี่ยวคนใจ้กำนำหน้าผู้ครองแผ่นดินล้านนาว่า "พระเจ้า" นักล้ำ  (อ่าน 13101 ครั้ง)
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 04:17:20 »


แยบกลับ สลับกับฮุคขวา

ขอถามท่านหนานธงเกี่ยวกับสิ่งที่ผมสงสัย แต่หาคำตอบไม่ได้
เป็นที่ทราบกันว่าประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาเป็นเวลา80ปีแล้ว
ผ่านอะไรมามากมาย ไม่ว่าสงครามโลก สงครามอินโดจีน สงครามเย็น คอมมิวนิสต์ และล่าสุด สงครามทุนนิยม
ผ่านร้อน ผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลาน โดนทั้งปฏิวัติรัฐประหาร โดนทั้งกลุ่มนักศึกษาผู้อ้างประชาธิปไตย สุดท้ายเข้าป่าไปเป็นคอมมิวนิสต์ ผมล่ะงง
แต่ที่ผ่านมาเป็นการขัดแย้งทางอำนาจและอุดมการณ์ของกลุ่มชนชั้นปกครอง แต่คนไทยก็ยังเป็นคนไทย ไม่ได้มีการแบ่งแยก

80ปี ผ่านไป ที่ผ่านมาบอกว่าผิดหมด มีความคิดจะปฏิรูปครั้งใหม่ มีการ เพิ่มอำนาจ ลดอำนาจ และกระจายอำนาจ เอาแบบพี่เบิ้มประชาธิปไตยอเมริกา
ผมคิดเอาเอง ต่อไปก็คงมีตำรวจบ้านใครบ้านมัน กฏหมายจังหวัดใครจังหวัดมัน และสุดท้ายก็คงมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ

มีการกล่าวหาเช่น อ้างถึง:
ปัจจุบันกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองโตเดี่ยวแต่เพียงแห่งเดียวในประเทศ ที่คอยจัดเก็บภาษีของจังหวัดต่างๆเข้าส่วนกลาง ซึ่งมีลักษณะระบอบเผด็จการ
ที่จังหวัดอื่นๆต้องคอยส่งภาษี ราวกับเป็นเมืองขึ้นของกรุงเทพฯ และคอยจัดสรรผู้ว่าราชการจังหวัดจากส่วนกลางมาปกครองทุกจังหวัด โดยที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้เลือกสรรขึ้นมา
ผู้ว่าราชการก็เป็นคนจังหวัดอื่นซึ่งไม่รู้ปัญหาของพื้นที่นั้นเลย และการได้มาเป็นผู้ว่าก็มีการซื้อขายกันอย่างต่ำ 10 ล้านอับ เพื่อให้ได้มาโกงกินงบประมาณจังหวัดที่ได้มาน้อยนิดอยู่แล้ว

มีการกล่าวว่า คนไทยไม่ใช่คนไทย แผ่นดินไทยไม่ใช่แผ่นดินไทย
นำประวัติศาสตร์มาเป็นเครื่องมือต่อต้านประเทศไทย

ยังไม่รวมการกล่าวหาสถาบันต่างๆ ไม่ว่า ทหาร ศาล รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์


ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยจะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จริงหรือ ?

ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่คนเหล่านั้นกล่าวหานั่นไม่ใช่ความจริง
แต่อยากจะถามว่ามันต้องทำกันถึงขนาดนั้นเลยหรือ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ



IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 04:31:33 »

  ท่าน เขาอีโต้(แย้ง) ครับ
 ผมว่า ท่านฉลาดมากกกกก เพราะ แกล้งโง่ เป็น  คือ   แกล้ง ลืม ตอบคำถามผม เช่น
 
ประวัติ อยุธยา พม่า ส่งราชบรรณาการ มาถวายพระเจ้าองค์ใด หรือไม่?

บะหยิ่นท์หน่อง แปลไทย ว่า พระเจ้า? คำว่า หน่อง

เพราะ ผมได้รับ คำตอบ จาก จนท. ของ สถานฑูต ของเขาเลย ที่ รู้จักเป็น การส่วนตัว ผมว่าท่าน แปล เอา ง่ายๆ ว่า น้อง ผมไม่กล้าแย้ง ท่านน่ะ

ผมทำการตอบ ว่า ล้านนาแตก ด้วย ท่านบะหยิ่นท์หน่อง ๆ ๆ
บะหยิ่นท์หน่อง ไม่ทำลาย อยุธยา เท่า คนอยุธยาเลย

ดูผมหาคำแปล ยืนยันคำกล่าว ข้างบน นี้

 กรุงศรีอยุธยา ชื่อนี้ แปล จาก บาลี ว่า  เมืองที่ มิอาจมีผู้ใด รบเอาชนะได้
 ที่พม่า รบชนะ จึง ผิดครับ

พอคนอยุธยา สามัคคี ก็รบชนะ พม่า
 พระองค์ดำ ฟัน คอ พระมหาอุปราช (น่าจะเป็น วังหน้า ไม่ใช่ วังหลัง ซึ่ง เป็น กษัตริย์ อาสา รบแทนกษัตริย์ พม่า)ขาดสะพายแล่ง

 ชื่อเมือง น่าจะเป็นพวกขอมช่วงครองอำนาจรัฐ ให้ พราหมณ์ ตั้งชื่ออาณาจักร
ก่อนไทยน้อยแข็งเมือง ฟื้น(ไล่)ขอม ชื่อ ต่างๆ ก็ออก บาลี ปน ขอม

ถ้าชื่อ ไทย คนไทยน้อย ไตลาว ไตใหญ่ ยวน(ล้านนา) ก็พอแปล หรือ เดาถูก หรือ ใกล้เคียงบ้าง
 
เช่น สุโขทัย ถาม คนไทยทั่วไปไม่รู้  แม้คนแก่เฒ่าชาวสุโขทัย ก็ไม่อาจรู้
อยุธยา อโยธยา ชื่อ ไทยๆ ผมรู้ว่า ว่า เมือง หนองโสน
ละโว้ ลพบุรี ฉะเชิงเทรา บางปะกง กบินทร์บุรี เองก็น่าจะขอมเขมร ไม่น่า ออกแนวบาลี ให้ คนพอรู้ บาลี ได้เดา

ไม่เหมือนแปดริ้ว คนไทยว่า แปด คือ แปด ริ้ว ก็ริ้ว ไว้ก่อน
ถามคน แปดริ้ว ที่เขารอบรู้ ก็จะได้คำตอบ เชิงลึก ว่าเมืองนี้มีปลาช่อน ปลาชะโด ใหญ่ ผ่าได้ แปดริ้ว

แม้ถาม คนไทยทั่วไป คนแปดริ้ว บางคน ก็เถอะ ว่าฉะเชิงเทรา แปลว่า อะไร คนเหนือ อิสาน ใต้ ยิ่งเดาไม่ออก นอกจากคนรู้จริงๆ ว่าหมายถึง แปดริ้ว ซึ่ง ก็ไม่ใช่ คำแปลจาก คำว่า ฉะเชิงเทรา แน่ๆ

ยิ่งลางคนสมมุติ ว่าเห็น คนแปดริ้ว ทะเบียนรถชลบุรี ติดสติกเกอร์บนกระจก

 ว่า รถเมืองชล คนเมือง ฉะ

เดาเอาสิ คนอื่นอาจคิด ว่า หมอนี่ เป็นคน เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว
 
 หาก คนขับมัน หนุ่ม วัย ฉกรรจ์ นั่ง มากะสาวเซกส์(ซี่)

ขับไปใน ถิ่นที่ไม่รู้ เมืองฉะ  คือ เมืองแปดริ้ว  
      
อาจ เกิดการสับสนได้ อยู่นา    พี่ น้องงงงงง
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 23:27:51 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 05:40:54 »


เขาอีโต้โดนหมัดที่มองไม่เห็นลงไปนอนนับแปด

ไม่นึกว่าเป็นคำถามครับ เห็นท่านหนานธงเล่าไปเรื่อย เลยอ่านเพลิน
แต่มีจริงๆหรือครับ ที่กษัตริย์พม่าส่งราชบรรณาการมาถวายกษัตริย์อโยธยา...อืมมม

พระเจ้าบุเรงนอง เป็นสุดยอดกษัตริย์นักรบ เพราะสามารถรบชนะทุกทิศทุกอาณาจักรด้วยวิธีการอันชาญฉลาด
กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่1 พระเจ้าบุเรงนองใช้วิธีทำให้ไทยแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ออกอุบายให้ส่งตัวพระยารามแม่ทัพใหญ่ ส่งใส้ศึกพระยาจักรีกลับมาเนรคุณแผ่นดิน
สงครามช้างเผือกก่อนเสียกรุง พระเจ้าบุเรงนองนี่แหละครับได้ส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายสมเด็จ พระมหาจักรพรรดิ เพื่อจะทูลขอช้างเผือก ซึ่งก็เป็นกลอุบายเพื่อจะหาเรื่องยกทัพมาตีไทย

ช่างเหมือนปัจจุบัน ที่มีคนยกย่องให้เป็นพันธมิตรนอกนาโต้




* H25774SiamBurmahDower.jpg (97.96 KB, 436x566 - ดู 176 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 05:45:42 โดย khao e to » IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 20:49:33 »

27มิ.ย.2555 ราว 5 โมงเย็น โทรถามน้องชมพู่(น่ะมะ แปลว่า น้องสาว มะหน่อ คือ พี่สาว ในคำ พม่า)

บะหยิ่นท์หน่อง แปลว่า พระเจ้าพี่
หากพระนาม
เป็นแบบกษัตริย์ไทยผสมเขมร ก็คือ สมเด็จพระเชษฐาธิราช พระนามนี้ สมัย อยุธยาก็มี
ล้านช้าง ก็ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช  พญา 2 ราชอาณาจักร

นายกเขมร เรารู้จักกันดี สมัยนี้ คือ สมเด็จอัครเดโชชัย ท่านฮุนเซน

บุเรงนองทรง ส่งราชสาสน์(อ่านว่า ราด ชะ สาน) เพื่อ ขอรับพระราชทาน แบ่งช้างเผือก ไปพม่าบ้าง ไม่ได้เน้น ส่งราชบรรณาการ มาสัมพันธไมตรี ครับ
กรณีพระราชไมตรียกย่อง เป็นการนอบน้อม โดยธรรมเนียม ทางการ จากข้อมูลเคยศึกษามา จะประมาณ 4 ปี หน ครับ
พญาติโลกราช ทรงรับ ไมตรี จาก พม่า เป็นแบบนั้น ส่วนอยุธยา เป็น คู่ศึกกัน พญาใต้ ทรง นามว่า
พระเจ้าบรมไตรโลกนาถ
ใครพอรู้บาลี ลองแปลพระนาม ครับ
พระราชาอันยิ่งใหญ่ ในโลกสาม  กับผู้เป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ ในสามโลก
พญาไต ทั้งคู่
คนจีน เขาเรียก ไต ไม่ว่า ลาว ไทยใหญ่-น้อย อาหม ยวน ลื้อ ยอง เขิน

คนฝรั่ง ก็ อั้งม้อ อั้ง คือ แดง

คนผิวเหลือง เช่น พวกไต มอญ พม่า แต่ไม่ใช่ คนจีน(ตึ้งนั้ง ตึ้ง คือ จีน นั้ง คือคน) เหมา เรียก เป็น คนป่า (ฮวนนั้ง ฮวน=ป่า)
พวกนี้ ชอบรบกันเอง นักแล พอๆ กับ พวก ตึ้งนั้ง ด้วยแหละ

ยุคนี้ หากผมเป็น นายกปทท.ซะเอง หรือ เป็น นส.ปูแดง จะประกาศแผน ไชน่า กับ อาเซียน เป็นแผน 2 ล่วงหน้า ต่อ จาก2015 อาเซียน ประมาณ ปี2017 พศ.2560 ชื่อฝรั่ง ว่า ACTION
A=ASEAN
C=CHINA
T=THAI
A C T=แทน ตัวL
เมื่อ L รวมกับ ion = LION=สิงโต
ส่วน ACTION แอคชั่น คือ การแสดงออก หรือ บทบาท ที่ไทย จีน อาเซียน ร่วมแรงแข็งขัน ดั่ง สิงโต เจ้าป่า ล่าเหยื่อ

ไม่ ว่า ไทยแดง หรือไทยเหลือง ก่อ แล้ว มีคนสานต่อ ไม่ว่าฝ่ายใด ไทย ก็ เจริญ
ดู นายกสมัครแดง (ก่อ) รถไฟ ฟรี นายกอภิสิทธิ์อังกฤษตรางูมะโรง (สาน)ต่อ ชาวไทย ไตรรงค์ ชอบของฟรี กันอยู่แล้ว อิๆๆ

พอก่อนครับ

หนานธง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 มิถุนายน 2012, 23:24:31 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 21:46:54 »

สวัสดีพี่น้องแดง กับเหลืองด้วย

ให้เกียรติ แดงก่อน โบราณ ว่า จะถูก จะแพง ขอแดง ไว้ก่อน 
            มิน่า พวก สายล่อฟ้า แซวว่า

                                                แพง ทั้งแผ่นดิน 
 
ถามว่า ให้ช่วยกันมาแก้ปัญหา ของแพง โดย เชิญ วิญญาณ นายก ช่วง ไทยมี ประชาธิปไตย มาแสดงตนใน จอทีวีใหญ่ ในสภา แบบ ท่านอดีต นายกสมัครแดง  ตามเคยมีมาในข่าว ช่วงท่านเสีย ใหม่ๆ ยัง ง่ายกว่า

ขอเสนอแนะท่าน อีโต้
รถไฟ ความเร็ว สูง มี ก็ดี แต่ ค่ารถ เขาว่า มันแพง จีนเจ๊งสะสม คนใช้ น้อย คงหวัง เซงลี้ ผลิตออกมาขาย
คอคอดกระ ไม่ควรขุด ได้ไม่คุ้มเสีย ถึง ขั้นเสียความมั่นคง ขนาด 3 จังหวัด ยังยุ่งมากกกกกกกก นานนนนมาแล้ว
เขื่อนแก่งเสือเต้น แดนอาถรรพ์ ผมว่าเอง นะ  ไปอ่านแง่ วิทยาศาสตร์ แล้วกัน
เทคโนโลยีเขื่อน อันตราย ในแง่ วิทยาศาสตร์ ธรณีวิทยา ตรงนี้ ว่ากัน ว่า มีรอยเลื่อนใหญ่ อยู่ใต้ล่าง
ทำระบบแก้มลิง ฝายแม้ว ฝายชะลอน้ำ หรือ หาทำเทคโนโลยี ของเรา ไม่เอา เขื่อนแบบฝรั่ง จะดีกว่า

สวัสดี
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 29 มิถุนายน 2012, 04:41:06 »


หมดยกที่1 ท่านหนานธงเล่นซะเขาอีโต้เมาหมัด

อ้างถึง :
พญาติโลกราช ผู้ยิ่งใหญ่  ที่พม่า ต้อง ส่งเครื่องราชบรรณาการ มา ถวาย  พญาพิษณุโลก สุโขทัย สวรรคโลก ทรงร่วมเป็นแผ่นดินเดียวกันกับล้านนา
(อันนี้เป็นประโยคบอกเล่า)

ท่านเขาอีโต้ ลองค้นประวัติ อยุธยา ว่า พม่า ต้องมา สวามิภักดิ์ หรือ ส่งเครื่องราชบรรณาการ แก่ พระเจ้าองค์ใด ในสมัยนั้นบ้างครับ
(อันนี้น่าจะเป็นประโยคคำถาม)

ประวัติ อยุธยา พม่า ส่งราชบรรณาการ มาถวายพระเจ้าองค์ใด หรือไม่?
(อันนี้ท่านหนานธงทวงว่าเขาอีโต้แกล้งโง่)

กรณีพระราชไมตรียกย่อง เป็นการนอบน้อม โดยธรรมเนียม ทางการ จากข้อมูลเคยศึกษามา จะประมาณ 4 ปี หน ครับ
พญาติโลกราช ทรงรับ ไมตรี จาก พม่า เป็นแบบนั้น ส่วนอยุธยา เป็น คู่ศึกกัน พญาใต้ ทรง นามว่า พระเจ้าบรมไตรโลกนาถ
(อันนี้ท่านหนานธงเฉลย)

เขาอีโต้คงเมาหมัด ตกลงพม่าส่งราชบรรณาการให้พระเจ้าติโลกราชองค์เดียวใช่มั๊ยครับ
ท่านหนานถามประวัติศาสตร์ล้านนากับผมเหรอครับ ผมนึกว่าท่านถามเกี่ยวกับอโยธยาซะอีก
ถามคำถามที่มีคำตอบคาอยู่แล้วเล่นเอาเขาอีโต้เมาหมัดจริงๆ

ตกลงพระเจ้าบุเรงนองส่งแค่ราชสาสน์มาขอช้างเผือกจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเท่านั้นเองเหรอครับ
มิน่าล่ะ พระมหาจักรพรรดิถึงไม่ยอมมอบช้างเผือกให้
ผมว่า ให้ม้าเร็ววิ่งมาบอกก็ได้นะครับไหนๆก็ไม่ให้พระเกียรติกันแล้ว อุตสาห์ชมว่าพระเจ้าบุเรงนองเป็นผู้ชาญฉลาด
แบบนี้ อบต.แถวบ้านผมก็คิดได้ครับ

เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะสีชัง สัตหีบ ก็ไม่มีใครแปลออกและไม่รู้ว่าภาษาอะไร  ท่านหนานธงพอทราบไหมครับ

รถไฟถึงไม่ได้ความเร็วสูงก็เอาแบบความเร็วเฉยๆก็ได้ครับ ที่สำคัญขอรางคู่ด้วย
อาจสร้างไม่ได้เพราะนายทุนขนส่งทางรถสิบล้อ มันสนับสนุนพรรคการเมืองอยู่ทุกพรรค
คอคอดกระ ขุดเถอะครับ ตัดระนอง ออกชุมพร มันจะเสียความมั่นคงยังไง เต็มที่ก็รบกับมัน
สร้างไม่ได้เพราะจะทำทีไร ก็จะมีคนออกมาพูดเรื่องความมั่นคงนี่แหละ ถ้าเป็นพม่า ผมว่าพม่าขุดไปนานแล้ว
เปิดคาสิโนก็ไม่ได้ เป็นเมืองพุทธ รอบบ้านเป็นเมืองพุทธเหมือนกัน มีกันหมดทุกประเทศ
ทั้งสองอย่าง ระยะยาวดีกับรุ่นลูกรุ่นหลานแน่ๆครับ ดีกว่ามานั่งแจกเงินแจกเช็คใช้ไม่กี่วันก็หมด

ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างครับ ขอพักยกให้น้ำซักสองสามวัน






IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 01:28:16 »

กรุณา อย่า เอา อบต. ไปเทียบกับ พญามหากษัตริย์ แม้นเป็น ราชศัตรู กับ พญาไท ทั้งเหนือ ใต้ ไทยใหญ่ เขมร แกว ลาว   ด้วยบุญญาบารมี แตกต่างกันไป
ผมไม่ได้หมิ่น ว่า อบต.ไม่มีบุญ  แต่ จะบอกว่า บุญมี น้อยกว่า พญาผู้เป็นใหญ่

เทียบดั่ง นายก อบต. อำนาจมีน้อยกว่า นายอำเภอ
นายอำเภอ มีอำนาจน้อยกว่า ปลัด

ปลัด ย่อมมีน้อยกว่า ผู้ว่า

ผู้ว่า น้อยกว่า ปลัด

เรายังไม่มีญาณหยั่งรู้อดีต ครับ   มิอาจ สรุปแว่ หรือ สรุปว่า พญาทั้งสอง ใครไม่ให้พระเกียรติยศแก่กัน


หาก พญาไท ทรงเร่งถวาย พญาช้าง ไปหลังการทรงได้รับพระจดหมายราชสาสน์ ด้วยพระไมตรีจิต ท่านอาจทรงได้รับพระเกียรติยศเอนกอนันตมหาศาลเกริกไกรไปใน สองพระราชอาณาจักร เพราะ ไม่ต้องผิดใจ หรือ ขัดพระหฤทัยกับ พญาม่าน เพื่อนร่วมพระศาสนา



แต่ด้วย เหตุปัจจัย ที่ทรงส่ง พระราชสาสน์ ไป สรุปความ
ได้ว่า....

หากท่านต้องการ ก็ขอจงทรงมาเอาไปด้วย พระองค์เองเถิด

จึงเป็นเหตุให้ นักประวัติศาสตร์ กล่าวว่า เป็นเหตุให้ ท่านบุเรงนอง รวมพลพันธมิตรบุกสยาม(ไม่ใช่ สนามบิน)

พันธมิตรของ หงสาวดี น่าจะประกอบด้วย พม่า รามัญ ยะไข่ ไทยใหญ่ ไตยวน แถมมีฝรั่งรับจ้างรบ กะเขาด้วย เป็นต้น รวมพลไม่ต่ำกว่า 499,999 ท่าน

กรุณาไปศึกษาหาข้อมูล จาก ท่านกู(google) ด้วยครับ

เหตุ จาก พญาช้าง จึง ดับเหตุด้วย พญาช้าง 2เชือก
ให้แก่ พม่า เหตุจึง สงบ ด้วยดี

พอเทียบเข้าหลัก อริยสัจจ์ สี่ ได้นะครับ


IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 02:22:27 »

นักการทหารที่ดี เอาความมั่นคง เอาความปลอดภัยของ ชาติ ราชบัลลังค์
ด้วยการปกป้อง ป้องกัน ป้องปราบ ปราบปราม เอาทั้งศิลป์ เอาทั้งศาสตร์ ด้วยเล่ห์กลการศึก ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี เพื่อ หลบหลีก การปะทะด้วยอาวุธ หรือด้วยกำลังพล หรือ สรรพกำลัง

นักปกครอง นักธุรกิจการค้า ที่ดี เอาความมั่นคง มั่งคั่ง ของ ลูกหลาน บริวาร ตลอดคนร่วมชาติ ร่วมแผ่นดิน แผ่ไปถึง ผู้มาอาศัยแผ่นดินของเราทำมาหากิน
ด้วยหลักธรรมะ ธรรมาภิบาล

ล้นเกล้า ร.3 ทรงปราบยาฝิ่น
พระพุทธเจ้าหลวง ทรง ปราบบ่อนพนัน ทรงเลิกทาส
องค์ภูมิพล ทรง นำธรรมะ ข้อ สันโดษ  คือ การพอเพียง มาตรัสสอน มาหลายปี

ลูกหลานจัญไร อยากได้ บ่อนเสรี แบบเขมร ลาว พม่า

อยากให้ลูกหลานเป็นทาสยุคใหม่ เห็น เงินตรา มูลค่า ทางเศรษฐกิจ ฝรั่งเรียกว่า ดัชนีจีดีพี อันเป็นของสมมุติ เป็นใหญ่ เป็นสำคัญ มันลงทุนโฆษณาชวนเชื่อมาหลายๆปี ให้ ท่านเขาอีโต้ หลงเชื่อไปกะเขาด้วย ว่า
ควรขุดคอคอดกระ ซะเร็วรี่ ฝรั่งจะได้ขายเทคโนโลยี่ขุดคลองใหญ่
แบบคลองสุเอช บริษัทก่อสร้างข้ามชาติ ชาติสนับสนุนเงินทุน พูดหยาบๆ ว่า ชาติที่ปล่อยดอกให้กู้ ได้ข้อผูกพันรับเหมาก่อสร้าง กินหัวคิว
 แล้วก็จะมี ซับพลายเอ้อบริษัทคนไทย รับไปทำต่ออยู่ดีแหละ ครับ

การรบไม่ว่ายุคเก่าใหม่ ไม่ดีทั้งมวลครับ ไม่ว่า ใคร จะเป็นฝ่ายชนะ หรือ ถูกชนะ ก็ตาม

ดูท่านพญาม่านบุเรงนองผู้ยิ่งใหญ่ มี อนุสาวรีย์ทั่วพม่า ในมุมมองของ ท่านเขาอีโต้ ผู้เป็น บัณฑิต ฉลาดรอบรู้ รู้มาก แสนรู้กว่าผมหนานธง ๆผู้มิกล้ามิบังอาจ นำองค์ท่านไปเปรียบเปรย กับ อบต.แบบ ท่านผู้กล้าเลย
ผมก็แบบ ลูกหลาน ของปู่ ย่าตายายที่ดีแหละ  พ่อ กับ แม่ เขาทะเลาะกันกะเพื่อนบ้าน หรือ ลุง ป้า น้าอา เป็น   ญาติ หรือ ไม่ใช่ก็ไม่ควร ผูกใจเจ็บ ไปกับ ผู้ใหญ่เขา แต่ว่า หากเขา มาว่ากระทบเอา เราก็มีสิทธิปกป้องได้ครับ หรือ ชี้แจงให้เข้าใจในข้อเท็จ หรือ ข้อจริง
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #48 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 03:07:22 »

ประชาธิปไตย หรือ คอมมิวนิสต์ ดีเลวพอๆกันครับ ผมว่าแบบนักวิชาการสมัครเล่น ตาม สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย สามารถ  วิจารณ์ได้

ดีชั่ว ยังไงก็จำใจยอมรับ ระบอบการปกครอง ที่ผีตายห่า ตายโหง ตายแก่ในต่างประเทศก็มี
 คณะราษฎร์ อ้างเอาชื่อราษฎร ไป ลดพระบรมเดชานุภาพพญามหากษัตริย์ 
ไอ้พวกโง่งมงายฝรั่ง ในยุคนั้น มาทำลายรัฐสยาม
ไม่บ้าเห่ออย่างไอ้แดง ไอ้เหลือง ชอบอ้าง
หากเป็น หมา ว่า เห่า ครับ

เอาประชาธิปไตย มา ใหญ่ กว่า ธรรมะ คือ ความจริง ความถูกต้อง ความสุข สงบ สันติธรรม

บ้านเมืองวุ่นวาย ย้อน ไอ้พวกที่ อยากเอาหัว ให้เป็นหาง
ไอ้พวกหาง แต่ เสือกอยาก เป็นหัว


แต่ก่อน ผมหลงพูดว่า เป็น หัวหมา ดีกว่าหางราชสีห์ 
ผมชอบข้อดี ของคอมมิวนิสต์ แต่ไม่ชอบความเลวของมัน

พวกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มันเลวชั่วร้ายตายโหง ตายห่ากันไป ดั่งที่รู้ๆกัน
 เดี๋ยวนี้มีเหลือแต่ ผู้กลับใจเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย ละทิ้ง ความคิดอันเลวระยำทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เดี๋ยวนี้  ผมหายหลงมากขึ้น แม้นความโง่ยังเยอะอยู่ก็ตาม

ผมกำลังพูดว่า เป็น หางราชสีห์ ดีกว่าเป็น หัวหมา หรือ หางหมา เสียอีก

ประชาธิปไตย 80 ป๊ ใครเชื่อ ตามไอ้คนพูด ระวังจะกินหญ้าแทน ข้าว แถม ออกลูก เป็น วัว ควาย หนักกว่านั้น เป็น ลาโง่ เอาให้มันใช้งาน

เขาว่า เอาห้าหาญ ก่อนนะ
หากประชาธิปไตย ยังมีเหลือ......

ใน กรุงเทพ ก็ ไม่น่าจะมี อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ครับ


เป็นที่รู้ และเข้าใจโดยทั่วไป ว่า
อนุสาวรีย์ เขามีไว้เป็น อนุสรณ์ แด่ คนตาย วายชนม์ ครับ

ขอเถอะ ลองนำไปพิจารณา

 

IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #49 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 03:35:04 »

การค้า ที่แฝงความโลภ การรักที่เจือด้วยตัณหาราคะ   การรบ ที่เจือ ด้วย โทสะ  การเมือง อันเจือด้วย โมหะ

เอาแต่ ตัวท้าย แบบ คนหาหวย หา ล๊อตเตอรี่

ได้  โลภะ  ตัณหา  ราคะ โทสะ โมหะ  กล่าวว่า มัน คือ อกุศล
ผลลัพย์ คือ ความ สนุก อันมีทุกข์ซ่อนอยู่ ให้ผลตรงข้าม กับ กุศลผลบุญ อันนำพาไปสู่ .....

สุข สงบ ร่มเย็น เป็น อรรถเป็นธรรม แฝงอยู่


ไม่ว่า เจียงใหม่มหานคร เมืองพัทยา ขอนแจ่นไม้มะขาม
หาก ไม่เจือ อกุศล
การปกครองนั้น ก็ไม่ต่างจาก เท้าพญามหากษัตริย์กินเมือง ยุคใหม่ อิงอรรถ อิงธรรม นำมาปก มาครองเมือง

แตหาก ตรงกันข้าม คิดแต่ แสวงหา ลาภ ยศ สรรเสริญ โดย มิชอบ มิควร บ้างก็หวัง เป็นเกียรติแก่ วงศ์ตระกูล เอาหน้าเอาตา เอาประโยชน์ตน ไม่เอาประโยชน์ท่าน.......

แล้วจักมีประโยชน์สุข ร่วมกันสักป่านไหน?ฮืมฮืม?



เอวัง สาธุ เป็นหนาน ก็ จะเทศน์ นอกธรรมมาสก์

ตุ๊อาววอ วชิรเมธี ตุ๊อาวมหาสมปอง ท่านก็ไม่ค่อยนั่งบนธรรมมาส เลย


สวัสดี
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 04:44:38 »

ผีเหมา เจ๋อ ตุง
ปู่เจ๊กเฒ่าผู้กล้า มันฉวยโอกาสล้มฮ่องเต้ เพราะ ฮ่องเต้เป็น แมนจู

แทนที่ จะ สร้างความรักสามัคคี แต่ มุ่งสร้างความแตกสีมัคคา อ้างชนชั้นชาวนา กรรมาชีพ ให้จงชังอิจฉา คนรวย คนมีฐานะ ไม่แยกว่า เขา รวยด้วยหยาดเหงื่อ แรงกาย ก็ไม่เว้น

มันและคณะ หวังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นพอ

อกุศล ทำให้ ตายด้วยโรครุมเร้า สารพัด

กุศล ก็มีที่ช่วยฟื้น(ไล่)ฝรั่ง แก้ปัญหาปากท้องคนจีน
บุญ ส่วนบุญ    บาป ส่วนบาป โปรดแยกแยะ

ธรรมะ ย่อมชนะ อธรรม
กาลเวลาพิสูจน์เอง

เดี๋ยวนี้ ด้วยว่า ทุกระบอบ ดั่งเหรียญสองด้าน 
เมื่อเหรียญ หลายๆ ๆเหรียญ  ถูกโยนข้ามหัวไป ด้านท้ายทอย หรือ ง่อนในกำเมือง   เหรียญปักตั้งในดินโคลนหมาดน้ำ ออกกึ่หัว กึ่งก้อยบ้าง บ้างออกหัว หรือ ก้อยก็มี

ระบอบการปกครอง อีกทั้ง การค้า เสมือนแมว
ไม่ว่าแมวดำ แมวด่าง แมวขาว ขอให้จับหนูได้เป็นพอ

ท่านเติ้ง เสี่ยว ผิง กล่าวไว้ เปิดโอกาส นำชาติ สู่ ยุคใหม่   

แผ่นดินจีน ไม่ได้ แดงแจ๋ แบบ ผีท่านเหมา หวังไว้
แต่ก็ หาเป็น  ประชาธิปไตย ทุนเลวทรามฝรั่งจ๋า

จีน จึง ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ สมัยมี ฮ่องเต้    จนถึง เมื่อวานนี้ หรือ วันนี้

ผมขอซูฮก ข้าน้อย ขอคารวะ  หนีเห่า ๆ ๆ ๆ ๆ พันหน
ผมไปขอวีซ่าไปจีนเมื่อใด โปรดเมตตา ข้าน้อยด้วย เถิด


สวัสดี หนีเห่า ครับ


ขอประกาศขอบคุณ ไมตรีจิต ท่าน จนท.สถานฑูตพม่ากรุงเทพ ท่านซันนี่ คุณชมพู่ น้องสาวชาวทวายพม่า ที่ให้เกียรติเชิญชวน ผมไปเยือนพม่า

ไหนๆ จะหาว่า โม้ ประมาณ ปี 2531 ผมได้มีโอกาสไปเยือน ญี่ปุ่น 30 วัน โดยองค์การใจก้า Japan international cooperation agency
เป็นบัดดี้ กับ ว่าที่ ด๊อกเตอร์เศรษฐา  ศิริพินท์  ปัจจุบัน ท่าน ไปโลด เป็นด๊อกเตอร์สอนที่ ม.แม่โจ้
ที่เมืองเกียวโต ผมได้มีโอกาส พักบ้าน ครอบครัวฮาชิโมโต  ซึ่งคล้อยหลังไม่นาน ก็มี นายก รมต. เป็น คนในตระกูล ฮาชิโมโต ด้วย ในราวปี 2533

ที่ จะได้ไปพม่า ก็ต้องว่า ท่านเขาอีโต้ ท่านเชียงรายพันธุ์แท้ ตลอดจนท่านทั้งหลายมีส่วนด้วย ถ้าได้ไปไหว้พระธาตุ ทำบุญใดในพม่า บูญจงถึงทุกท่านด้วย เทอญ

ถึงผมไม่ใช่ ลูกเศรษฐี แต่ ก็คิดว่า เป็นคนมีดวงดี มีโชคบ้าง

งวดหน้า 16 ก.ค. 555 ว่า จะหาซื้อลอตเตอรี่

เลข 59
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 04:59:14 »

ผมเห็น ยอดคลิกสะสม  ถึง3455 ครั้ง ใน  ช่วงผม บันทึกนี้ ดีใจกับ คนตั้งกระทู้ ผมก็ดีใจด้วย

แต่ ผมชักอยากพัก อย่าง ท่านเขาอีโต้  หรือ พักยาวๆ ในกระทู้ นี้ แล้วหละ

จาก
หนานธง
 ลูกน้ำยม

เลข 3+4+5+5=17

1+7=8
ถ้าเอาเลข 8 นอนลง มันคล้าย เครื่องหมาย อินฟีนีตี แปลว่า ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 05:45:47 »


ผมไม่เชื่อว่าพระเจ้าบุเรงนอง ผู้ชนะสิบทิศ จะส่งแค่พระราชสาสน์มาหาเรื่องเข้ายึดอโยธยาครับ  

ในสมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้เคยส่งราชสาสน์ขอช้างเผือกพระมหาจักรพรรดิมาก่อนแล้ว แต่เป็นการขอเพื่อการสงบศึกเมืองทวาย เพื่อไม่ให้อโยธยายกทัพมาตีท้ายครัวอีก แต่ไม่ได้ช้างไป
บุเรงนองทราบว่าพระมหาจักรพรรดิจะไม่ยอมให้ช้างเผือกแก่ใครเป็นอันขาด และถ้าเขียนจดหมายในลักษณะเดียวกับตะเบงชะเวตี้ ก็จะเริ่มทำสงครามได้แน่
แต่บุเรงนองเขียนประมาณว่าต้องการเจริญสัมพันธไมตรี เน้นนะครับว่าเจริญสัมพันธไมตรี มันไม่น่าจะมีแค่ราชสาสน์ตามที่ผมเชื่อครับ
บุเรงนองต้องการช้างเผือก 2 ช้าง หลังจากที่ได้ข่าวว่าพระมหาจักรพรรดิมีช้างเผือกคู่บารมีถึง 7 ช้าง ตอนหลังขอเพิ่มเป็น 4 ช้าง

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงมีพระราชดำริไม่ประทานช้างเผือก แล้วมีพระราชสาสน์ตอบกลับไป
“ช้างเผือกย่อมเกิดสำหรับบุญบารมีของพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นเจ้าของ เมื่อพระเจ้าหงสาวดีได้บำเพ็ญธรรมให้ไพบูรณ์คงจะได้ช้างเผือกมาสู่บารมีเป็นมั่นคงอย่าได้ทรงวิตกเลย”

จะส่งเครื่องราชบรรณาการ หรือส่งแค่พระราชสาสน์ สิ่งที่บุเรงนองต้องการคือเข้ายึดครองอโยธยา ไม่ใช่ช้างเผือก2ช้าง
ส่งแค่ราชสาสน์ ไม่ให้ก็ผิดแต่น้อยหน่อย หาเรื่องตีอโยธยาได้เหมือนกัน แต่ยังตีไม่เต็มมือ
แต่ถ้าส่งราชบรรณาการ แล้วไม่ส่งช้างเผือกให้ ถือว่าไม่ตอบรับสัมพันธไมตรี ไม่ให้พระเกียรติพระเจ้าบุเรงนอง เป็นความผิดอันมหันต์ มีเหตุอันสมควรเอาเป็นเมืองขึ้น
เมืองอื่นยกเว้นอโยธยากับล้านช้าง(สุดท้ายก็ไม่รอดทั้งคู่) บุเรงนองยึดไว้ได้หมดแล้ว กองทัพห้าแสนยกเข้ามาทางแม่ละเมา เข้าตีสุโขทัยและ พิษณุโลก

พระเจ้าบุเรงนอง มหากษัตริย์ทรงพระปรีชาชาญฉลาด คงไม่ตื้นส่งแค่พระราชสาสน์มาขอช้างเผือกให้พระมหาจักรพรรดิแก้ปัญหาได้ง่ายๆเหมือนสมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้
ส่งช้างเผือกให้แล้วตามคำขอใช่ว่าเรื่องจะจบ ท่านมองผู้ชนะสิบทิศผิดไป ลองไปถามอากู๋(เกิ้ล) พระเจ้าบุเรงนองยึดยันญวน ยันเขมร
ผมมองพระเจ้าบุเรงนองทรงพระปรีชา มีความเฉลียวฉลาด   
ผมไม่ได้หมิ่นท่านตามที่ท่านหนานธงว่าไว้  ส่วนใครหมิ่นท่าน ผมไม่รู้ครับ


IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 03 กรกฎาคม 2012, 16:10:28 »


พึ่งหมดยกแรกเองครับท่านหนานธง

ตามกติกาสะใจเราสองคน กะเขา(หลายคน)เขาอีโต้ยังไม่ได้บีบหำหรือกัดหูท่านหนานธงเลยนะครับ(แค่ข่วนหน้าเล็กน้อย)
พักยกสักสองสามวันก็ได้ครับ ผมมีเรื่องรบกวนท่านหนานธงอีกหลายๆเรื่องที่จะรบกวนท่านเล่า 
บอกตามตรงอ่านความเห็นของท่าน ได้ความรู้และมุมมองใหม่ๆไม่ใช่แค่เขาอีโต้แต่เป็นทุกคนที่ผ่านเข้ามาครับ (นึกเอาว่าทำบุญให้ลูกให้หลานครับ)

สาธุ อนุโมทนาบุญไปพม่ากับท่านหนานธงด้วยคนนะครับ เคยไปย่างกุ้งแต่สิบกว่าปีมาแล้ว เห็นมหาเจดีย์ชเวดากองผมนึกถึงซากปรักหักพังกรุงศรีอยุธยา เสียดายครับ

IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #54 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 03:57:44 »

 
ภาษาดูโบราณไปหน่อยครับ ก็อปปี้ตัดแปะให้พอจับใจความได้
อย่างน้อยก็พอทราบถึงเหตุการณ์ในสมัยนั้น
และยืนยันได้ว่าเจ้านายฝ่ายเหนือที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "พระเจ้า" ไม่ได้มีแค่พระองค์เดียวครับ
[/color]


พงษาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย พระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น) เมื่อยังเปนพระยาศรีสิงหเทพ เรียบเรียง

เมื่อลุศักราช ๑๑๒๙ ปีกุญนพศก
พระเจ้าอังวะยกพยุหโยธาทัพลงมาตรีกรุงศรีอยุทธยามหานครบุราณถึงแก่พินาศปราไชยแล้ว พระเจ้าอังวะตั้งให้ โปสุพลา โปมะยุงวน คุมกองทัพลงมารวบรวมไพร่พลลาวเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ไปตั้งอยู่ที่เมืองกุมกาม
โปสุพลา โปมะยุงวน ตั้งพระยาจ่าบ้านเปน พระยาสุรสงครามเจ้าเมือง ตั้งฟ้าชายแก้ว ผู้หลานเปนพระยาอุปราช อยู่มาพระยาอุปราชถึงแก่กรรม
พระยาอุปราชมีบุตรชาย ๗ คน คือ นายกาวิละ ๑ นายคำโสม ๑ นายน้อยธรรม ๑ นายดวงทิพ ๑ นายหมูล่า ๑ นายคำฟัน ๑ นายบุญมา ๑  
บุตรหญิง ๓ คน นางสริรจา ๑ นางศิริ วรรณา ๑ นางศิริบุญธรรม ๑ รวม ๑๐ คน
โปสุพลาจึงตั้งนายกาวิละบุตรนายฟ้าชายแก้วที่หนึ่งเปนพระยาอุปราช

 ลุศักราช ๑๑๓๖ ปีมเมียฉศก
พระเจ้ากรุงธนบุรี ยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองกุมกาม ครั้นขึ้นไปถึงเมืองลำพูนไชย ก็หยุดประทับตั้งค่ายหลวงอยู่ที่นั้น
โปสุพลา โปมะยุงวน รู้ว่ากองทัพกรุง เทพ ฯ ยกขึ้นไป ก็ให้พระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละ เกณฑ์คนออกตั้งรับทัพไทยอยู่นอกเมือง
ฝ่ายพระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละ ก็เข้าหาท่านเจ้าพระยาแม่ทัพ ขอเปนข้าขอบขัณฑสิมากรุงเทพ ฯ
ท่านเจ้าพระยาแม่ทัพ ก็ให้พระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละ นำทัพยกเข้าปีนปล้นเอาเมือง
ฝ่ายโปสุพลา โปมะยุงวน ทราบว่าพระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละ เข้าหาแม่ทัพไทยแล้ว ก็ไม่อาจที่จะคิดสู้รบต่อไป
ครั้นถึงณวัน ๗ เดือน ๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำเวลายามเศษ โปสุพลา โปมะยุงวน ก็กวาดต้อนครอบครัวพม่าลาวหนีออกจากเมือง

ครั้นณวัน ๕ เดือน ๒ แรม ๓ ค่ำ พระเจ้ากรุงธนเสด็จยกเข้าอยู่ในเมือง
โปรดตั้งพระยาจ่าบ้านเปนพระยาวิเชียรปราการ ถืออาญาสิทธิ์ ให้พระยาวังพร้าว ผู้หลานเปนพระยาอุปราช น้อยโพธิเปนพระยาราชวงษ์ ยกขึ้นไปตั้งที่เมืองป่าทราง ทางไกลเมืองกุมกามวันหนึ่ง
ตั้งพระยาลำพูนเปนพระยาไวยวงษา ถืออาญาสิทธิ์ ครองเมืองลำพูนไชยตามเดิม ตั้งนายน้อยต่อมต้อเปนพระยาอุปราช ให้พระยากาวิละถืออาญาสิทธิ์ครองเมืองนครลำปาง
ตั้งคำโสมผู้น้องที่หนึ่งเปนพระยาอุปราช ตั้งน้อยธรรมผู้น้องที่สองเปนพระยาราชวงษ์ ดวงทิพ หมูล่า คำฟั่น บุญมา น้อง ๔ คนนี้ให้เปนผู้ช่วยราชการ จึงพระราชทานเครื่องยศโดยถานาศักดิทุกคนแล้วเสด็จยกทัพกลับยังกรุงธนบุรี
เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ก็เปนเมืองขึ้นกรุงธนบุรีแต่นั้นมา

ครั้นศักราช ๑๑๓๗ ปีมแมสัปตศก
พระเจ้าอังวะให้อะแซวุ่นกี้ เปนแม่ทัพมาตีเมืองพิศณุโลก แลเมืองฝ่ายเหนือ ให้อำมะหลอกวุ่นกับตวนวุ่นเปนแม่ทัพ คุมพลมาตีเมืองป่าทราง
พระยาวิเชียร ปราการเจ้าเมืองเชียงใหม่ พระยาไวยวงษาเจ้าเมืองลำพูนสู้รบเหลือกำลัง ก็อพยพครอบครัวทิ้งเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนไชย ลงมาอยู่เมืองนครลำปางบ้าง อยู่ตามหัวเมืองฝ่ายเหนือต่าง ๆ บ้าง
แต่ที่เมืองนครลำปางนั้น พระยากาวิละรักษาเมืองไว้ได้ พระยาวิเชียรปราการ พระยาไวยวงษา อุปราชน้อยต่อม ก็ลงมาถึงแก่กรรมอยู่ณเมืองสวรรคโลก เมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนไชย ก็ร้างว่างอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 03:59:50 โดย khao e to » IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 04:06:34 »


ครั้นศักราช ๑๑๔๔ ปีขาลจัตวาศก
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเศกแล้ว
พระยากาวิละเจ้าเมืองนครลำปาง แต่งให้นายคำฟั่นผู้น้องลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

ครั้นศักราช ๑๑๔๗ ปีมเสงสัปตศก
ครั้งทัพลาดหญ้าพม่ายกมาล้อมเมืองนครลำปาง แลตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมพระราชวังบวรสถานพิมุขฝ่ายหลัง กับเจ้าพระยามหาเสนา
ยกไปตีทัพพม่าณหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทัพหลวงก็เสด็จหนุนขึ้นไปตั้งอยู่ณเมืองนครสวรรค์ ครั้นพม่าถอยไปสิ้นแล้ว
จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงจักรเจษฎา แบ่งคนในกองทัพหลวงยกไปบรรจบทัพเจ้าพระยามหาเสนา ไปรบพม่าตามลำน้ำพิง ซึ่งตั้งอยู่ณเมืองกำแพงเพ็ชร เมืองตาก
แล้วไปช่วยเมืองนครลำปาง ฝ่ายพม่าที่ล้อมเมืองนครลำปาง ได้ทราบว่ากองทัพไทยขึ้นไปช่วยก็เลิกทัพกลับไป

ครั้นศักราช ๑๑๔๘ ปีมเมียอัฐศก
พม่าซึ่งตั้งอยู่เมืองเชียงแสน จะยกมาตีเมืองฝางลาว พระยาแพร่ที่อะแซวุ่นกี้เอาตัวไปเมืองพม่าแต่ครั้งทัพเมืองพระพิศณุโลกนั้น พระยาแพร่มาอยู่ที่เมืองเชียงแสนคิดกับพระยายอง
จับอาปะกามะนีนายทัพพม่าซึ่งมาตั้งอยู่ณเมืองเชียงรายจำโตงก พาครอบครัวเข้ามาสามิภักดิ์สู่พระบรมโพธิสมภาร พระยากาวิละเจ้าเมืองนครลำปางบอกส่งลงมา
โปรดให้พระยายอง กลับขึ้นไปอยู่กับพระยากาวิละที่เมืองนครลำปาง แต่พระยาแพร่นั้นให้ทำราชการอยู่ณกรุงเทพ ฯ
 แล้วได้ข่าวว่าพม่าจะยกมาตีเมืองฝางลาว เมืองนครลำปางอิก จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้กรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จขึ้นไปจัดการณเมืองเชียงใหม่ ครั้นเสด็จขึ้นไปถึงเมืองนครลำปาง
จึงมีพระราช บัณฑูรตั้งให้พระยากาวิละเปนพระยาเชียงใหม่

ลุศักราช ๑๑๖๓ ปีรกาตรีศก
พระยาเชียงใหม่กาวิละ พระยานครลำปางดวงทิพ กับญาติพี่น้องยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองสาด จับได้ราชาจอมหงษ์เจ้าเมือง กับครอบครัวส่งลงมาถวายณกรุงเทพ ฯ

 ลุศักราช ๑๑๖๔ ปีจอจัตวาศก
เจ้าเวียงจันท์กับเจ้าอินท์รับอาสานำกองทัพพระยายมราชยกขึ้นไปตีเมืองเชียงแสน ครั้นพระยา ยมราชกับนายทัพนายกองยกขึ้นไปถึงเมืองเชียงแสนแล้ว ตีเมืองเชียงแสนหาแตกไม่
พระยายมราชนายทัพนายกองไทยลาว ก็ล่าทัพกลับลงมายังกรุงเทพ ฯ

ลุศักราช ๑๑๖๕ ปีกุญเบญจศก
พระยาเชียงใหม่กาวิละ พระยานครลำปางดวงทิพ เจ้านายญาติพี่น้อง กับเจ้าฟ้าเมืองน่านเกณฑ์กองทัพยกขึ้นไปตีเมืองเชียงแสนเมืองยองแตกกระจัดกระจาย จุดเผาบ้านเรือน
กวาดต้อนเอาครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ช้างม้าโคกระบือ เครื่องสรรพสาตราวุธ ทรัพย์สิ่งของ เครื่องวัตถุอัญมณีลงมาไว้ณเมืองเชียงใหม่เมืองนครลำปางเปนอันมาก
เมืองน่านก็ยกเอาเมืองเชียงของไปเปนเมืองขึ้นเมืองน่าน แล้วบอกข้อราชการที่ได้ไชยชำนะแก่เมืองเชียงแสน เมืองยอง ลงมาณกรุงเทพ

ครั้นศักราช ๑๑๖๗ ปีฉลูสัปตศก
พระยาเชียงตุงเจ้าเมืองพี่ชายมหาขนานเปนขบถต่อเมืองอังวะ อพยพครอบครัวหนีเข้ามาอยู่ยังเมืองเชียงใหม่
ขอเปนข้าขอบขัณฑสิมา เอาพระเดชเดชานุภาพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวณกรุงเทพ ฯ เปนที่พึ่งสืบไป

ครั้นลุศักราช ๑๑๖๘ ปีขาลอัฐศก
พระยาราชวงษ์คำฟั่นเมืองเชียงใหม่ พระยาอุปราชหมูล่าเมืองนครลำปาง เกณฑ์กองทัพเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงรุ้งได้รบพุ่งกับพม่าลาวลื้อพลเมืองเปนหลายครั้ง
เจ้าเมืองเชียงรุ้งกับท้าวพระยาสิบสองพันนา ก็อ่อนน้อมยอมเปนข้าขอบขัณฑสิมากรุงเทพ ฯ

อยู่มาลุศักราช ๑๑๗๐ ปีมโรงสัมฤทธิศก
พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง ยกขึ้นไปเกลี้ยกล่อมมหาขนานณเมืองเชียงตุง ๆ ก็ยอมพาครอบครัวอพยพมาพักอยู่ณเมืองเชียงแสนได้ประมาณเดือนเศษแล้ว
มหาขนานกลับใจพาครอบครัวหนีกลับไปเมืองเชียงตุง พระยานครลำปาง พระยาเชียงใหม่ ก็หาได้ยกกองทัพติดตามไปไม่




IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 04:16:45 »

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๑ ปีมเสงเอกศก
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จสู่สวรรคต แล้ว
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ได้เถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเศก

ครั้นณปีมเมียโทศก พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง แต่งให้เจ้านายบุตรหลาน คุมเครื่องราชบรรณาการลงมาทูลเกล้า ฯ ถวาย

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๖ ปีจอฉศก
จึงทรงพระราชดำริห์ปฤกษา ด้วยท่านอรรคมหาเสนาบดีว่า เมืองลำพูนไชยยังร้างว่างอยู่ หามีผู้คนรักษาบ้านเมืองไม่
จะทรงพระมหากรุณาตั้งเจ้าเมือง อุปราช ราชวงษ์ ขึ้นรักษาเมืองลำพูนไชยให้เปนเมืองสืบต่อไป
ท่านอรรคมหาเสนาบดีก็เห็นชอบด้วยดังกระแสพระราชดำริห์ โปรดเกล้า ฯ ให้มีตราขึ้นไปหา พระยาเชียงใหม่กาวิละ พระยาราชวงษ์คำฟั่น นายบุญมา ลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

ครั้นณวัน ๕ เดือน ๑๑ ขึ้น ๔ ค่ำ ก็ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเชียงใหม่กาวิละ ขึ้นเปนพระเจ้าเชียงใหม่
ตั้งพระยาราชวงษ์คำฟั่น เปนพระยาลำพูนไชย ตั้งนายบุญมา เปนพระยาอุปราชเมืองลำพูนไชย พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ถานาศักดิทุกคน
จึงโปรดเกล้า ฯ ยกเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ขึ้นเปนเมืองประเทศราชแต่นั้นมา
แล้วพระเจ้าเชียงใหม่ พระยาลำพูนไชย พระยาอุปราช ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปเมืองเชียงใหม่
พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ จึงแบ่งเอาคนเมืองเชียงใหม่ เปนคนสกรรจ์ ๑๐๐๐ คน เมืองนครลำปาง ๕๐๐ คน ให้พระยาลำพูนไชย ๆ ก็ยกครอบครัวไพร่พลทั้งสองเมือง มาตั้งเมืองลำพูนไชยแต่ในศักราช ๑๑๗๖ ปีจอฉศก
 พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ ครั้นจัดการเมืองลำพูนไชยเสร็จแล้วก็ป่วยลง
พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละเปนพระยาเชียงใหม่ได้ ๒๘ ปี เปนพระเจ้าเชียงใหม่ได้ปีหนึ่ง
รวมแต่ได้ครองเมืองเชียงใหม่มาได้ ๒๙ ปี ก็ถึงแก่พิราไลยในปีจอฉศกนั้น


ครั้นลุศักราช ๑๑๗๗ ปีกุญสัปตศก
พระยาอุปราชน้อยธรรม พระยาราชวงษ์หมูล่าเมืองเชียงใหม่ พระยาลำพูนไชย พระยาอุปราช ๖ เมืองลำพูนไชย นำช้างพลายเผือกเอกลงมาถวาย
ครั้นแพช้างลงมาถึงกรุงเก่า พระยาราชวงษ์หมูล่าป่วยลงก็ถึงแก่กรรม พระยาอุปราช พระยาลำพูน ก็เอาศพพระยาราชวงษ์หมูล่าฝังไว้ที่กรุงเก่า
ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระยาอุปราชน้อยธรรมขึ้นเปนพระยาเชียงใหม่

ลุศักราช ๑๑๘๓ ปีมเสงตรีศก พระยาเชียงใหม่น้อยธรรมรักษาเมืองมาได้ ๗ ปีก็ถึงแก่อสัญญกรรม

ลุศักราช ๑๑๘๕ ปีมแมเบญจศก
จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระยานครลำปางดวงทิพ เปนพระเจ้านครลำปาง
  ตั้งพระยาอุปราชคำฟั่นขึ้นเปนพระยาเชียงใหม่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 05:06:33 โดย khao e to » IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 04:27:49 »


ลุศักราช ๑๑๘๖ ปีวอกฉศก
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย เสด็จสู่สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเศกแล้ว

พระยาเชียงใหม่คำฟั่นว่าราชการเมืองมาได้ ๓ ปี ก็ถึงแก่อสัญญกรรมณวันเดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ ศักราช ๑๑๘๗ ปีรกาสัปตศก
พระเจ้านครลำปางดวงทิพ เปนพระยานครลำปางได้ ๙ ปี เปนพระเจ้านครลำปางได้ ๓ ปี รวมได้ครองเมืองนครลำปางมาได้ ๑๒ ปี ก็ถึงแก่พิราไลยในเดือน ๙ ปีรกาสัปตศกนั้น

ลุศักราช ๑๑๘๘ ปีจออัฐศก
ทรงมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งพระยาอุปราชพุทธวงษ์ เปนพระยาเชียงใหม่
เมืองนครลำปางนั้นทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งพระยาราชวงษ์ หนานไชยวงษ์บุตรพระยานครคำโสม เปนพระยานครลำปาง
ที่เมืองลำพูนไชยนั้น ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระยาลำพูนบุญมาขึ้นเปนพระเจ้าลำพูนไชย เจ้านครลำพูน

อนุเวียงจันท์คิดการเปนขบถ ยกกองทัพลงมาตีเมืองนครราชสิมา พระเจ้าลำพูนบุญมา พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง เกณฑ์ให้เจ้านายบุตรหลาน ยกขึ้นไปช่วยราชการทางเมืองเวียงจันท์
พระเจ้าลำพูนบุญมาเปนพระยาลำพูนได้ ๙ ปี เปนพระเจ้าลำพูนได้ ๔ ปี รวมแต่ได้ครองเมืองลำพูนได้ ๑๓ ปี ก็ถึงแก่พิราไลย
ในศักราช ๑๑๘๙ ปีกุญนพศก ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งพระยาอุปราชน้อยอินท์ เลื่อนขึ้นเปนพระยาลำพูนเจ้าเมืองลำพูนไชย

๑๒๐๑ ปีกุญเอกศก ณวันเดือน ๕ แรม ๘ ค่ำ
พระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูน มีใบบอกลงมาให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระยาเชียงใหม่แต่งให้พระยาอุปราชมหาวงษ์เปนแม่ทัพ นายพิมพิสารเปนปลัดทัพ คุมกำลังนายไพร่ ๓๓๐๐ คน
พระยาลำพูนแต่งให้พระยาอุปราชเปนแม่ทัพ นายน้อยคำวงษาเปนปลัดทัพคุมกำลังนายไพร่ ๙๐๐ คน รวมสองเมืองนายไพร่ ๔๒๐๐ คน ยกไปตีเมืองปุ เมืองสาด เมืองต่วน แตกกระจัดกระจาย
จุดเผาบ้านเรือน กวาดต้อนครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อยได้ ๑๘๖๘ คน กับเครื่องสรรพสาตราวุธช้างม้าโคกระบือลงมาถึงเมืองเชียงใหม่ ณวันเดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำปีกุญเอกศก
แล้วพระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูน มีใบบอกลงมาให้กราบทูลพระกรุณาว่า ครัวที่กวาดต้อนได้มานั้น ขอพระราชทานแบ่งปันแจกจ่ายให้แก่นายทัพนายกองเปนคนชายหญิงใหญ่น้อย ๑๐๐๐ คน
ส่งลงมาถวาย เปนครัวเมืองต่วน พระยาต่วนเจ้าเมือง ๑ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๕๐๗ คน รวม ๕๐๘ คน เมืองสาดพระยาแก่นเจ้าเมือง ๑ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๑๘๓ คน รวม ๑๘๔ คน
เมืองปุ ท้าวแก้วเจ้าเมือง ๑ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๑๗๕ คน รวม ๑๗๖ คน รวมหญิงชายใหญ่น้อย ๘๖๘ คน กับปืนหลักปืนคาบศิลาคาบชุด ๔๗ บอก ม้า ๑๕ ม้า โค ๒๔๖ โค
ครั้นนำใบบอกขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทจึงโปรดเกล้า ฯ ให้มีตราตอบขึ้นไปว่า
ครอบครัวที่พระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูน จะส่งลงมาถวายนั้น ให้เอาไว้เปนไพร่พลเมือง ปืน ม้า โค ซึ่งเปนเมืองขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่ จะได้สำหรับรักษาบ้านเมืองต่อไป
พระยาเชียงใหม่ก็แบ่งปันครอบครัวทั้งปวงนั้น ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่เปนภูมิลำเนา ตามท้องตราซึ่งโปรดเกล้า ฯ ขึ้นไปทุกประการ


ลุศักราช ๑๒๐๕ ปีเถาะเบญจศก
พระยานครลำปางน้อยอินท์ พระยาอุปราชมหาวงษ์เมืองเชียงใหม่ ลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
กราบบังคมทูลพระกรุณา ขอตั้งเมืองเชียงรายเปนเมืองขึ้นเมืองเชียงใหม่  ตั้งเมืองงาว เมืองพเยา เปนเมืองขึ้นเมืองนครลำปาง
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งนายธรรมลังกาน้องนายพิมพิสาร เปนพระยารัตนอาณาเขตร เจ้าเมืองเชียงราย ตั้งนายอุ่นเรือนบุตรพระยาแสนหลวง เปนพระยาอุปราช
ตั้งนายคำแสน น้องนายอุ่นเรือนเปนพระยาราชวงษ์ ตั้งนายพุทธวงษ์ น้องพระยานครน้อยอินท์ เปนพระยาประเทศอุตรทิศ เจ้าเมืองพเยา ตั้งนายน้อยมหายศ น้องพระยานครน้อยอินท์ที่ ๒ เปนพระยาอุปราช
ตั้งนายแก้วมนุษย์ น้องพระยานครน้อยอินท์ที่ ๓ เปนพระยาราชวงษ์ ตั้งนายขัติย บุตรพระยาประเทศอุต?รทิศ เปนพระยาเมืองแก้ว ตั้งนายน้อยขัติย บุตรพระยาอุปราชหมูล่า เปนพระยาราชบุตร
ตั้งพระยาไชยสงคราม เปนพระยาฤทธิภิญโญยศ เจ้าเมืองงาว ตั้งนายขนานยศ น้องพระยานครน้อยอินท์ เปนพระยาอุปราช ตั้งนายหนานปัญญา บุตรพระยานครน้อยอินท์ เปนพระยาราชวงษ์
ตั้งนายหนานยศ บุตรพระยานครไชยวงษ์ เปนพระยาเมืองแก้ว ได้รับพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ถานาศักดิทุกคน

แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้แบ่งเอาคนเมืองเชียงใหม่ไปไว้เมืองเชียงราย แบ่งเอาคนเมืองนครลำปางไปไว้เมืองพเยา เมืองงาว จะได้สำหรับรักษาบ้านเมืองต่อไป
พระยานครลำปาง พระยาอุปราชเมืองเชียงใหม่อุปราช ราชวงษ์ เมืองเชียงราย เมืองพเยา เมืองงาว ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปจัดการตั้งบ้านเมือง ตามกระแสพระบรมราชโองการทุกประการ

IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 04:41:48 »


ลุศักราช ๑๒๑๓ ปีกุญตรีศกณเดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเศก

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๔ ปีชวดจัตวาศก
พระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูน พระยาอุปราชนครลำปาง แต่งให้เจ้านายญาติพี่น้องลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท คุมสิ่งของเครื่องราชบรรณาการลงมาทูลเกล้า ฯ ถวาย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริห์ว่า เมืองเชียงใหม่เขตรแดนติดต่อกันกับพม่าเขิน เมืองเชียงตุง แต่ก่อนเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย
พร้อมกันยกกองทัพไปทำศึกรบกับเมืองเชียงตุง การก็ไม่สำเร็จ พม่าเขินเมืองเชียงตุงยกกองทัพโจรมาตีต้อนจับผู้คนพลเมือง ๆ เชียงใหม่ไปเนือง ๆ

จึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิทเปนแม่ทัพ กับเจ้าพระยายมราชเปนแม่ทัพอิกทัพหนึ่ง ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงตุงในปีชวดจัตวาศกนั้น
นายทัพนายกองที่ยกขึ้นไปรบเมืองเชียงตุงการก็ไม่สำเร็จ แต่พระยาเชียงใหม่มหาวงษ์ป่วยอยู่ก็ไม่นิ่งนอนใจ
พระยาเชียงใหม่แต่งให้พระยาเมืองแก้ว นายน้อยมหาพรหม นายสุริยวงษ์ผู้บุตร กับญาติพี่น้องแสนท้าวพระยาลาวคุมไพร่ยกขึ้นไปช่วยรบพม่าเขินเมืองเชียงตุง
แลพระยาเชียงใหม่ก็ได้ลำเลียงเสบียงอาหารส่งกองทัพ มิให้ขัดสน จึงทรงพระราชดำริห์ว่า พระยาเชียงใหม่ก็มีความชอบอยู่

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๕ ปีฉลูเบญจศก จึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาสีหราชฤทธิไกร เชิญแผ่นพระสุพรรณบัตรกับเครื่องสูง ขึ้นไปพระราชทานพระยาเชียงใหม่มหาวงษ์
เลื่อนขึ้นเปนพระเจ้ามโหตรประเทศราชาธิบดี นพิสีมหานครราธิฐาน ภูบาลบพิตร สถิตย์ในอุตมชิยางคราชวงษ์ เจ้านครเชียงใหม่
พระเจ้ามโหตรประเทศเปนพระเจ้าเชียงใหม่ได้ ๕ เดือนกับ ๒๘ วัน คิดรวมกันตั้งแต่เป็นพระยาเชียงใหม่มาได้ ๗ ปีเศษ
ลุศักราช ๑๒๑๖ ปีขาลฉศก ณวันแรม ๙ ค่ำเดือน ๒  พระเจ้ามโหตรประเทศถึงแก่พิราไลย

มีตราโปรดเกล้า ฯ ขึ้นไปให้พระยาอุปราชพิมพิสาร บุตรพระยาเชียงใหม่คำฟัน ว่าราชการเมือง ก็ถือเปรียบแก่งแย่งกันกับนายน้อยมหาพรหมกิติศัพท์ทราบลงมาถึงกรุงเทพ ฯ
ได้ทรงทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท จึงทรงพระราชดำริห์ว่า ที่เมืองเชียงใหม่เจ้านายมิได้ประนีประนอมเปนสามัคคีคารวะต่อกัน
แลราชการทางเมืองเชียงตุงก็ยังติดพันกันอยู่ซึ่งจะไว้ใจแก่ราชการนั้นมิได้

ณวันเดือน ๗ ขึ้น ๕ ค่ำศักราช ๑๒๑๘ ปีมโรงอัฐศก
เจ้าพระยามุขมนตรีนำเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
จึงมีพระบรมราชโองการปฤกษาด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ แลท่านอรรคมหาเสนาธิบดี ว่าเมืองลาวพุงขาว เมืองแขก เมืองเขมร ซึ่งเปนเมืองประเทศราชเชื้อวงษ์เปนเจ้า ก็ได้ทรงพระมหากรุณาตั้งขึ้นเปนเจ้าทุก ๆ เมือง
แต่ลาวพุงดำเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ตั้งแต่พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ พระเจ้านครลำปางดวงทิพ พระเจ้าลำพูนไชยบุญมา ถึงแก่พิราไลยแล้ว
ตั้งเจ้าเมือง อุปราช ราชวงษ์ เมืองแก้ว ครั้งใด ก็ตั้งเปนพระยาทุก ๆ ครั้ง
ครั้งนี้จะทรงพระมหากรุณาตั้งเจ้าเมือง อุปราช ราชวงษ์ ราชบุตร เมืองแก้ว ขึ้นเปนเจ้าทั้ง ๓ เมือง ให้สมควรที่ได้ยกขึ้นเปนเมืองประเทศราชอันใหญ่
แต่เจ้าเมือง อุปราช ราชวงษ์ ราชบุตร เมืองแก้ว เมืองขึ้นนั้น ให้คงเปนพระยาอยู่ตามเดิม

พระบรมวงษานุวงษ์แลท่านอรรคมหาเสนาธิบดี ก็เห็นชอบด้วยดังกระ แสพระราชดำริห์ทุกประการ

จึงโปรดเกล้า ฯ ปฤกษาด้วยท่านเสนาธิบดีทั้งปวงว่าจะตั้งพระยาอุปราชพิมพิสารขึ้นเปนเจ้านครจางวาง ให้ว่ากล่าวการสิทธิ์ขาดในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย
จะตั้งพระยาเมืองแก้วสุริยวงษ์ เปนเจ้านครเชียงใหม่ จะตั้งนายน้อยมหาพรหมเปนเจ้าอุปราช ให้ท่านเสนาบดีปฤกษาพร้อมด้วยพระยาลำพูนไชย พระยาอุปราชเมืองนครลำปาง จะเห็นชอบด้วยประการใด ปฤกษากันยังหาตกลงไม่

แลมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ว่าเมืองเชียงใหม่เปนเมืองประเทศราชใหญ่ เขตรแดนติดต่อกับอังกฤษพม่า
จะตั้งอุปราชราชวงษ์ก็ต้องเอาใจผู้เปนเจ้าเมืองแลญาติพี่น้องที่เมืองใกล้เคียงเห็นพร้อมกัน จึงจะไม่แตกร้าวในราชการประการใดได้
ครั้งนี้ก็จะทรงพระมหากรุณาตั้งแต่งตามญาติพี่น้องปฤกษาตกลงกันนั้น แต่ที่เมืองแก้วจะทรงเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ ให้เรียกว่าบุรีรัตนทั้งเมืองใหญ่แลเมืองขึ้น


ครั้นณวัน ๕ แรม ๒ ค่ำเดือน ๑๐ ปีมโรงอัฐศกศักราช ๑๒๑๘ ปี
จึงโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระยาเมืองแก้วหนานสุริยวงษ์ บุตรพระเจ้ากาวิละ เปน
พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ ดำรงนพิสีนคร สุนทรทศลักษณเกษตร วรฤทธิเดชศรีโยนางคดไนยราชวงษาธิบดี เจ้านครเชียงใหม่

แล้วทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระยาอุปราชเมืองนครลำปาง ขึ้นเปน
เจ้าวรญาณรังษี ภักดีราชธรรม์ สุพรรณโสมดไนย โยนกวิไสยประชาธิกร อมรมหาเดชเชษฐกเสนางค์ ลำปางคมหานคราธิปตัยเจ้านครลำปาง

เลื่อนพระยาลำพูนไชย เปนเจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ หริภุญไชยรัษฎาธิวาศ ประเทศราชธุระธาดา มลาวัยวงษ์มัตยานุกูล ลำพูนนครวิชิตไชย เจ้านครลำพูนไชย

ครั้นลุศักราช ๑๒๓๑ ปีมเสงเอกศก ณเดือน ๒
กองทัพเงี้ยวกองทัพลื้อยกลงมาตีเมืองปายเมืองขึ้นเมืองเชียงใหม่ เจ้าราชภาคิไนย  มีหนังสือแจ้งข้อราชการลงมาเมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย คุมกำลังนายไพร่เมืองเชียงใหม่ ๑๐๐๐ คน
เจ้าวรญาณรังษี เจ้านครลำปาง คุมกำลังนายไพร่เมืองนครลำปาง ๑๐๐๐ คน เจ้าไชยลังกาพิศาล เจ้าลำพูนไชยคุมกำลังนายไพร่เมืองลำพูน ๕๐๐ คน ยกขึ้นไปช่วยเมืองปายก็หาทันไม่
กองทัพเงี้ยวทัพลื้อ เมืองมอกใหม่ ตีเมืองปายแตก จุดเผาบ้านเรือนกวาดต้อนครอบครัวไปเมืองมอกใหม่
กองทัพเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ยกติดตามไปจนถึงฝั่งน้ำสละวิน ก็หาทันกองทัพเงี้ยวทัพลื้อไม่
แลพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ กับเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง ก็ลงมาถึงกรุงเทพ ฯ ณเดือน ๓ ขึ้น ๒ ค่ำ

พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์อยู่ที่กรุงเทพ ฯ ก็ป่วยลง ครั้นทรงทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทก็พระราชทานหมอยาหมอนวด ให้ไปพยาบาลอาการก็หาคลายไม่
พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์จึงแจ้งความต่อท่านเสนาบดีว่า จะขอถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาตัวณเมืองเชียงใหม่
จึงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานหมอยา หมอนวดให้ ขึ้นไปด้วยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์
ครั้นณวัน ๑ เดือน ๖ แรม ๔ ค่ำ ปีมเมียโทศก พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ กับเจ้านายทั้งสองเมืองก็ออกเรือจากกรุงเทพ ฯ
ขึ้นไปถึงบ้านท่าพเนศเขตรเมืองเชียงใหม่ ยังทางอิกวันหนึ่งจะถึงเมืองพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ก็ป่วยหนักลง
ครั้นถึงณเดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ ปีมเมียโทศก เวลาสองโมงเช้า พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ก็ถึงแก่พิราไลย เปนพระเจ้าเชียงใหม่ได้ ๑๖ ปี
 เจ้าอุปราช แลเจ้านายบุตรหลานก็พาเอาศพพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ ไปณเมืองเชียงใหม่

IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 17 กรกฎาคม 2012, 04:50:53 »


พม่าเขินเมืองเชียงตุงยกครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ๓๗๐ คน มาตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน มีเรือน ๓๓๓ หลังเรือน กับครัวเงี้ยวฟ้าโกลานที่ตีกวาดมาไว้แต่ก่อน เปนคนชายหญิงใหญ่น้อย ๑๐๐ คน
ได้ทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้วจึงมีศุภอักษรโปรดเกล้าฯ ขึ้นไปให้เจ้าอุปราชว่าราชการเมือง ให้นายบุญทวงษ์ว่าที่อุปราช แล้วให้แต่งคนขึ้นไปว่ากล่าวแก่พวกพม่าเขินว่า
ถ้าจะมาตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสนก็ให้ยอมขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่เมืองเชียงราย
นายบุญทวงษ์ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปณเมืองเชียงใหม่
เจ้าอุปราชก็แต่งให้แสนท้าวพระยาลาว ไปว่ากล่าวแก่พวกพม่าเขินเมืองเชียงแสน พม่าเขินก็ยังหายอมขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่เมืองเชียงรายไม่

ครั้นมาณเดือน ๓ ปีมเมียโทศก โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาราชวรานุกูล ขึ้นไปปลงศพพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ ในเดือนสี่ปีมเมียโทศก
แลในเดือนสี่นั้น พวกเงี้ยวพวกลื้อยกกองทัพเข้ามาตีต้อนกวาดครอบครัวเผาบ้านเรือนในแขวงเมืองเชียงใหม่ เข้ามาจนถึงบ้านฉลองหนองคายบ้านป่าแง ยังทางอิกวันหนึ่งจะถึงเมืองเชียงใหม่
เจ้าอุปราชผู้ว่าราชการเมืองเกณฑ์ทัพทั้ง ๓ เมืองรวมนายไพร่ ๘๐๐๐คน ยกขึ้นไปตีพวกเงี้ยวพวกลื้อแตกเลิกถอยไป นายทัพนายกองยกติดตามตีไปจนถึงท่าผาแดง
กองทัพเงี้ยวกองทัพลื้อก็แตกไปพ้นเขตรแดนเมืองเชียงใหม่ ฝ่ายนายทัพนายกองทั้ง ๓ เมืองก็พากันกลับมา


ครั้นณเดือน ๖ ปีรกาเบญจศก
โปรดเกล้า ฯ ตั้งเจ้าอุปราชอินทนนท์บุตรพระยาราชวงษ์มหาพรหม ขึ้นเปนที่
พระเจ้าอินทวิไชยานนท์ พหลเทพภักดี ศรีโยนางคนไนยราชวงษา มหาประเทศราชประชาธิบดี นพิสีนคราภิพงษ์ ดำรงพิพัฒนชิยางคราชวงษ์ เจ้านครเชียงใหม่

ตั้งนายน้อยขัติยวงษ์ บุตรเจ้าเชียงใหม่อินทนนท์ เปนเจ้าราชบุตร ตั้งนายอินทรศ บุตรเขยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ เปนเจ้าราช ภาคิไนย
ตั้งนายธรรมลังกา หลานพระเจ้ามโหตรประเทศ บุตรนางบัวทิพ เปนเจ้าราชสัมพันธวงษ์  ตั้งนายน้อยเทพวงษ์ บุตรพระยาอุตรการโกศลมหาพรหม เปนพระยาอุตรการโกศล

 แล้วทรงพระราชดำริห์ว่า ที่เมืองปายตั้งแต่เงี้ยวลื้อยกกองทัพมาตีจุดเผาบ้านเรือนกวาดต้อนครอบครัวไป ก็ยังร้างว่างอยู่ หามีผู้จะรักษาเมืองไม่
กองทัพเงี้ยวลื้อจึงมีใจกำเริบองอาจประมาทเข้ามาตีกวาดต้อนเอาครอบครัวไปเนือง ๆ
จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งนายหนานธนัญไชย ซึ่งเปนพระยาไชยสงคราม บุตรราชวงษ์มหายศ เปนพระยาเกษตรรัตนอาณาจักร เจ้าเมืองปาย
ให้ยกเอาคนเมืองเชียงใหม่ ไปตั้งเมืองปายให้เปนภูมิลำเนาบ้านเรือนเหมือนแต่ก่อนจะได้ป้องกันรักษาด่านทางเมืองเชียงใหม่ต่อไป

ครั้นณเดือน ๔ ปีจอฉศกศักราช ๑๒๓๖ ปี
พระเจ้าอินทวิไชยานนท์ เจ้านครเชียงใหม่ ปฤกษาพร้อมด้วยพระนรินทรราชเสนี จะเกณฑ์คนยกขึ้นไปขับไล่พวกพม่าเขิน ซึ่งตั้งอยู่ณเมืองเชียงแสน
พระ นรินทรราชเสนีจึงมีหนังสือลงมายังเมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ให้เกณฑ์คนยกขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่
เจ้านครเชียงใหม่จึงแต่งให้นายน้อยเทพวงษ์ พระยาอุตรการโกศล นายน้อยหน่อเมือง คุมไพร่เมืองเชียงใหม่ ๑๐๐๐ คน
เจ้านครลำปางแต่งให้เจ้าราชบุตร นายสุริย คุมไพร่เมืองนครลำปาง ๑๐๐๐ คน
เมืองลำพูนไชยแต่งให้นายน้อยมหายศ คุมไพร่เมืองลำพูนไชย ๕๐๐ คน รวม ๒๕๐๐ คน ยกออกจากเมืองเชียงใหม่แต่ณวัน ฯ๓๔ ค่ำ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!