หลักการเยอะไป ก็ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดน่ะ ...
ความคิดเห็นบางเรื่อง มันก็เห็นแก่ตัวเกินไป ...
หลักการนั้นแค่ ยกมาจากตำราเรื่องของธุระกิจหนะ แต่การยกตัวอย่างอาจแรงไปแต่มันก็จริงใช่ปะ มันต้องกระชับ ไม่งั้นมันจะยาวกว่านี้ และให้เห็นภาพ และชัดเจน แต่ขอบอกว่าไม่ได้บังคับให้ใครขายแพง หรือขายถูก แต่กลไกมันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ส่วนเรื่องที่ว่าบางเรื่องเห็นแก่ตัวเกินไป อันนี้ผมไม่รู้ว่าตรงประโยคใหนนะ แต่ส่วนใหญ่ มันก็เป็นเช่นนั้นอีกอยู่ดี เช่นบางร้าน 50-80 บาท บางร้าน ทำราคาส่ง แต่ดันส่ง หรือ ลด ให้แบบไม่เลือกหน้าด้วยซ้ำ หรือไม่ผู้ซื้อก็แอบอ้างเอาราคาส่งจากคนนั้นคนนี้ ร้านนั้นร้านนี้ ง่ายๆก็มี (พูดง่ายๆคือไม่รัดกุมเท่าที่ควร หรือรักษาผลประโยดให้กับคนอาชีพเดียวกันเป็นต้น ควรแสดงบัตรสมาชิคนะ) ไม่ก็ขายถูกเอาหน้าตัดราคาก็มี แต่ผมไม่เคยทำ แล้วแบบนี้ใครกันแน่น่าจะเห็นแก่ตัว ตัวจริง เพราะผมไม่ใช่นายทุนและไม่ได้ขายส่ง 555 หรือมีของขาย แต่คำพูดและความคิดอาจใช่ 555 ( แต่ไม่ได้ทำ ) ไม่ได้ว่าใคร หรือว่ามันไม่ดีนะครับ แต่ให้มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริงเฉยๆ จริงๆก็ไม่ควรพูด เพราะพูดไป มีแต่ตัวเองจะเสียเป็นต้น(เพราะทำไมพูดแรงจังเป็นต้น แล้วพูดมาจะเอาอะไร หรือเพื่ออะไร) แล้วจะพูดทำไม อิอิ เนอะ ก็ทั้งหมดนี่แหละเรียกว่าการแข็งขัน (สรุปได้ว่าไม่ได้เอาไร บ่นเฉยๆ)
ส่วนหลักการที่พูดถึง 4P นั้น ผมจะสรุปให้ฟังเลยละกัน ก่อนสรุปเอาตัวอย่างเป็นแนวคิดไป ซัก 4 ข้อก่อนละกัน ดีปะ
1. ผมหมายถึงว่า ร้านคุณค่าเช่าแพง หรือมีลูกน้องแยะ 300 ก็ไม่มีปัญหา สมผล เป็นต้น บางร้านถูก เพราะค่าเช่าถูก ทำเองไม่มีลูกน้อง ก็ สมผล ถ้าถูกเป็น 200 ลูกค้าก็ติด ดีจะตาย (หรือไม่ก็ 50-80 ดีหว่า อิอิ) หรือจะ 300 เท่ากันก็ได้ เพราะ คุณภาพ เป็นต้น สมผลดี ใจจริงผมแล้ว ผมก็ชอบมาตราฐาน 300 เหมือนกับหลายๆคนนะครับ แต่คุณคิดว่า ผมเห็นแกตัวไปใหมที่ไม่ 200 เหมือนคนอื่นเขา หรือคนอื่นเห็นแกตัวไม่ปรับ 300 ให้เท่ากับเรา น่าคิดปะ แต่บางคนก็จะ Post ต่อว่า ก็ให้ทุกร้านมาตราฐาน 300 ซิ เป็นสมาคมหรือชมรมเลยดีใหมครับ มันก็ดีนะ งั้นผมนี่แหละสมาชิคคนแรก อิอิ งั้นผมเลยประทานสมาคมผู้ค้าขายคอมพิวเตอร์จังหวัดเชียงราย ดำลงตำแหน่งชั่วคราว แต่คิดหรือว่า จะบังคับใช้ได้ทุกร้าน ถ้าทำได้จริงเหมือนร้านทองก็ดีอะซิ แล้วใครมันจะเล่นด้วย 555 ก็มีแต่ร้านปลาซิวปลาส้อยเท่านั้นแหละ และก็ผมอีก1 (ความฝันลมๆทั้งนั้น)
2. ร้านคุณขายสินค้า ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนหรือคืนของในสภาพเหมือนเดิมได้เป็นต้น ถ้าราคามันจะแพงหน่อย เป็นผมอุ่นใจ เปลี่ยนได้คืนได้ ผมก็เอา (ราคา+แล้วอีกนิสหน่อย แต่ถ้าคืนจะไม่ให้ในส่วนที่ประกันเป็นต้น เช่น HD 500เมค 1500 ขอบวกอีก 50 ประกันราคาละกัน ถ้าคืนขอยึด 50 แต่เปลี่ยน ก็ต้องใน 1 หรือ 2 สัปดาห์ไม่ + เพิ่ม เป้นต้น (นี่แค่สมสุตินะ ปกติบางร้านใช้วิธีหักเปอเซนของสินค้าเอา) หรือเสียส่งเคลมในสัปดาห์ไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นต้น
3. ค่าบริการซ่อม 300 ที่ผมยืนราคานี้เพราะ ผมมีประกันให้ 1เดือน ถ้าเสียก็ทำให้ใหม่ ไม่ต้องเสียซ้ำอีกเป็นต้น (อนุญาติให้เรียนแบบประทานคอม.วาระชัวคราว ได้) 200 ก็ได้ไม่ถือ เพราะบางคนใช้ไม่ถึงเดือนจะได้อีกแน่ๆ 200 อันนี้ก็เทคนิคดี แล้วแต่ลูกค้าจะวัดดวงละกัน อิอิ
4. หรือใช้บริการร้านคุณเช่น ตรวจเช็คหรือลงวินใหม่ จะมีสิทซื้ออุปกรณ์ในราคาพิเศษเป็นต้น หมายถึงถ้าเข้ามาซื้อเฉยๆจะไม่ได้ราคาพิเศษแต่ละเป็นราคาหน้าร้านแทน ตัวอย่าง ลูกค้านำคอมมาซ่อม เพราะเข้าวินไม่ได้ ช่างแจ้งว่า HD เสีย และให้สิทในราคาพิเศษของอุปกรณ์ HD เป็นต้น พร้อม + ราคาค่าติดตั้งโปรแกรมปกติ 300 เป็น 200 เป็นต้น แหมได้ทั้ง HD ถูก และการบริการถูกอีก ดีจริงๆ ถึงกำไรน้อยลงแต่เราได้ลูกค้าและไม่ต้องมาตัดราคาหน้าร้านให้เสียด้วย ทั้งเสียหน้ามองกันไม่ติด ทั้งเสียราคาเดิมด้วย
สรุปได้ว่า 1-4ข้อ ได้ใช้ ข้อ 4 คือ Promotion แค่ข้อเดียวเอง แต่ส่งผลให้ ข้อ 2 Price มีคุณค่าและราคางามดีด้วย แล้วยัง ส่งผลให้ 3 Product มีศักศรีด้วย อิอิ ดังนั้นหลักการใช่ว่าดีเสมอไปอย่างที่บางคนรู้สึกจริงๆครับ เพราะผมเองก็ไม่ชอบหลักการซักเท่าไร มันน่าเบื่อ เพราะผมเน้นหลักของการกระทำมากกว่า 4P ที่บอกไปแค่ให้รู้เฉยๆแต่คุณต้องหัดคิดและปรับใช้เอาเองครับนี่คือหลักมากกว่า ซึ่งผมเองมี P ที่ 5 แต่ไม่บอก อิอิ และอนาตค P ที่ 5 จะเป็นหลักการใหม่หรือเพิ่มเติม ในคำว่า 4P ก็จะเป็น 5P แทนครับ โดยนักวิชาการอิสระเจมส์คอมกล่าว อิอิ คนรุ่นเก่ามีแค่ 4P รุ่นใหม่ ต้อง 5P ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ถ้าทำให้ใครไม่ถูกใจก็ขออภัยนะที่นี้ด้วนนะครับ แนะนำและตักเตือนได้เสมอจะขอบพระคุณมาก ส่วนใครอยากให้ผมลองช่วยแนะนำการใช้ 4P มาแก้ใขหรือส่งเสริมร้านหรือการขายก็ลองถามดูนะครับ จะจัดให้ซัก 2-3 คน หวังว่าจะเป็นคำตอบที่แหล่ม และถูกใจ